Chapter 4 : มายามนุษย์“เธอรู้ไหมแอล.. ความจริงแล้วแม่มดก็แปลงร่างได้” เฮเลนน่าพูดขึ้นระหว่างรื้อหาหนังสือตามชั้นไม้ เธออยู่ที่จุดหนึ่งของห้องนี้ที่มีชั้นหนังสือล้อมรอบราวกับเป็นเฟอร์นิเจอร์ติดผนัง
หนังสือที่นี่มีอยู่มากมาย เพราะความที่มันเป็นห้องหนังสือบ้านเธอ บ้านที่ใครๆก็รู้กันว่าเป็นตระกูลแม่มด ตระกูลของเธอสืบเชื้อสายแม่มดมาช้านานตั้งแต่สมัยผู้ก่อตั้งตระกูล จากครั้งที่บรรพบุรุษของพวกเธอหนีตายมาจากเมืองอื่นที่ถูกยึดครองด้วยความเชื่อของนิกายคาทอลิก ผู้ที่เป็นแม่มดหมอผีจะต้องถูกจับไปเผาทั้งเป็นจนตาย เนื่องจากเป็นต้นเหตุของความชั่วร้ายต่างๆ คนในตระกูลเธอในสมัยนั้นจึงพากันย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากที่เมืองแห่งนี้ที่จะว่าไปก็ห่างไกลจากการดูแลจากพระหัตถ์ของพระเจ้า เหล่าปีศาจจึงเกลื่อนกราด มีทั้งร้ายและดี ทั้งที่เป็นมิตรกับมนุษย์และใช้มนุษย์เป็นจานเด็ดบนโต๊ะอาหารของมัน
บรรพบุรุษของเธอได้เข้าร่วมกับคณะผู้ก่อตั้งเมืองโดยให้สัจจะสัญญาว่าจะช่วยดูแลปกป้องเมืองและชาวเมืองไปจนชั่วลูกชั่วหลาน และเธอจึงได้เป็นผู้ช่วยครูฝึกฮันเตอร์ และได้เจอกับ..ฟลอเรน มาแชล สาวน้อยหน้าใสแต่ใจสู้ไม่ถอย เธอรู้จักหล่อนมาตั้งแต่หล่อนยังจับดาบไม่เป็นด้วยซ้ำไป สิบกว่าปีแล้วสินะ และตอนนี้ต่อให้มีแค่ไม้จิ้มฟัน หล่อนก็ฆ่าปีศาจได้ นักล่าหน้าหวานนั่นน่ะ
แอลกัดแอปเปิ้ลที่ถือเล่นมาหลายนาทีเสียงดังกร๊อบ เคี้ยวเร็วๆและกลืนลงคอเอื๊อกก่อนพูดบ้าง “ถ้าอย่างนั้น เสือดำที่ฟลอเรนเจอ ก็อาจจะเป็นหนึ่งในแม่มดพวกที่เธอบอกน่ะสิ”
“ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่เรื่องนี้ฉันคงต้องขอดูตัวจริงก่อน บางทีอาจจะเป็นปีศาจชนิดอื่นที่เราไม่รู้จัก” เฮเลนน่าบอก ตาก้มมองหนังสือในมือไม่หยุด เธอดูทุกหน้าที่พลิกอ่านอย่างละเอียด มีสมาธิมากจนไม่สนใจว่าจะมีใครลากไปนั่งบนตักและกอดตัวจากด้านหลัง หรือเพราะสัมผัสมันคุ้นเคย หรือเพราะชอบที่หล่อนทำแบบนี้
แต่ยัยแวมไพร์นี่จะมือซนมากไปหรือเปล่า เริ่มเลื่อนไปเรื่อยๆแล้วนะ ตามตัวเธอ ไม่ใช่แค่เอว.. เฮเลนน่ากัดปากล่างตัวเองข่มใจ ชอบนะที่แอลเล่นกับเธอแต่ตอนนี้เธอมีงานต้องทำ “แอล.. กอดอย่างเดียวพอค่ะ เดี๋ยวฟลอเรนเกิดอยู่ๆโผล่มาก็ใส่เสื้อผ้าไม่ทันกันพอดี” เธอขอความร่วมมือหล่อน แอลทำตาม พยายามเก็บมือให้อยู่นิ่ง หากแต่ยังถอนหายใจ แม่มดยิ้มดีใจแปลกๆกับอาการหล่อน เธอเหลียวหน้าไปจูบแก้มคนด้านหลัง เจ้าของตักนิ่มๆที่ตอนนี้ให้ความอบอุ่นกับเธอ และบอกตามตรงว่าเธอเริ่มจะติดมันแล้วเสียด้วย แย่ที่สุดเลยหัวใจ ทำไมรักคนไม่เลือกกันนะ
ถ้าเธอไม่ได้คิดกับฉันแค่เป็นคู่ขา ฉันคงจะยอมถวายตัวให้เธอเลยแอล จะกกจะกอดเวลาไหนก็ได้แล้วแต่ใจ แต่นี่เธอ....
แม่มดลอบถอนหายใจกับความคิดตัวเองและเลิกยุ่งกับมัน หันกลับมาตรวจดูหนังสือต่อ และเธอเจอบางอย่างน่าสนใจ “ดูนี่สิแอล..” เธอเรียกสาวแวมไพร์ หล่อนชะโงกหน้าข้ามบ่าด้านหลังเธอมาดูหนังสือด้วย นิ้วสวยของเธอจิ้มไปกระดาษเหลืองนวลที่บอกถึงความเก่าแก่ของมัน ปากเธอก็เล่าเรื่องที่อ่านได้
“ในนี้บอกว่า มีพระราชาองค์หนึ่งเชื้อสายรัสเซียสามารถแปลงเป็นเสือดำได้ เขาว่ากันว่า พระองค์ถูกเสือดำข่วนที่อกตอนอายุสิบสี่แล้วมันก็หนีไป จากนั้นพระองค์ก็ต้องทุกข์ทรมานกับการกลายร่างเป็นเสือแบบควบคุมไม่ได้มาเป็นเวลา 4 ปี จนกระทั่งพระชันษาได้ 19 จึงสามารถจะบังคับตัวเองได้ว่าจะเปลี่ยนร่างเวลาไหน พระองค์มีช่วงชีวิตยาวนานมากราวกับเป็นอมตะ”
คนฟังทำคิ้วขมวดน้อยๆ มองหน้าคนเล่า เธอออกความเห็น “ลักษณะเหมือนพวกไลเคนเลยนะ แค่เปลี่ยนจากหมาเป็นเสือ”
“ถูกแล้ว.. ฉันก็คิดแบบนั้น บางทีที่ฟลอเรนเจออาจจะเป็นแบบนี้มากกว่าจะเป็นพวกแม่มดแบบแอนนิเมจัสที่แปลงร่างเป็นสัตว์ต่างๆได้”
แวมไพร์พยักหน้าหงึกๆเหมือนใจลอย นั่นเพราะสมองเธอกำลังคิดตาม มาได้สติอีกทีคนที่นั่งตักก็หายไปแล้ว ดวงตาสีมรกตมองหาหล่อน เฮเลนน่าทำไมไวแบบนี้ เหม่อไม่ได้เลยหรือไง บ่นในใจและทำจมูกฟุดฟิดสองสามครั้ง แอลยิ้มเมื่อเงยหน้าขึ้นมองไปอีกทางของห้องหนังสือ ร่างบางของหญิงสาวอยู่บนบันได หล่อนกำลังหาบางอย่างบนชั้นหนังสือที่อยู่สูงเกินเอื้อมมือ
“นี่..คุณแม่มด อยากได้เล่มไหนทำไมไม่บอกล่ะ ฉันไปเอาให้ก็ได้ ปีนบันไดเดี๋ยวก็ตกลงมาขาเดี้ยง” แอลส่งเสียงล้อเมื่อเข้าไปยืนใกล้บันได คนร่างบางบนนั้นก็ส่งเสียงกลับมา อย่างน่ารัก น่าหมั่นไส้
“ไม่เอาหรอก ขืนให้เธอช่วย เดี๋ยวโดนเก็บค่าจ้างช่วยแบบเมื่อคืน ฉันก็แย่สิ”
“แล้วไง.. เธอก็ดูชอบนี่นา ยังร้อง ‘แอลคะ แอลขา.. อย่าเพิ่งหยุด แรงอีก.. แรงอีก..’ อยู่เลย..” แวมไพร์พูดลอยหน้าลอยตาเฉย ไม่สนใจเลยว่าคนฟังจะร้อนทั้งตัวและหน้าแดงลามไปทั้งหัวแล้ว
ใครบอกให้เอาเรื่องบนเตียงมาพูดเล่นแบบนี้กันล่ะ เวลาธรรมดาตอนความปรารถนาไม่บังเกิด ก็อายเป็นนะ เจ้าบ้าเอ๋ย.. เฮเลนน่าใจสั่น ท้องน้อยปั่นป่วนแปลกๆ ทั้งอายทั้งเสียววูบวาบในอก ภาพเวลานั้นมันฉายซ้ำในหัวให้ป่วนหัวใจ และเธอยิ่งอายเมื่อก้มลงดูคนข้างล่างแล้วหล่อนทำท่าจะอ้าปากล้ออีก คิดอะไรไม่ได้ว่าจะให้หล่อนหุบปากได้ยังไง เลยคว้าหนังสือปาไปที่หัวแวมไพร์ทะลึ่ง หล่อนร้องโอ๊ยและโวยวาย
“บ้าหรือไง ปาหนังสือใส่ฉัน! มันเจ็บไม่ใช่หรือไง!”
แม่มดสาวหัวเราะคิก สะใจจริง แวมไพร์หัวโน “โอ้..โทษทีค่ะ ฉันหยิบไม่ถึงมันเลยพลาดหล่นลงไป อย่าโกรธเลยนะแอล” เธอแกล้งพูดไปเรื่อยเพราะนึกสนุกที่ได้แกล้งหล่อนบ้าง หากแต่เฮเลนน่าลืมไปว่า เธอจะต้องถูกเอาคืนแน่ๆ จึงใจเย็นหันมาหาของที่ชั้นต่อ และเพราะชะล่าใจกับแวมไพร์ที่อยู่ด้วย แม่มดคนสวยจึงตกใจกับบันไดที่ถูกกระชากออกจากพื้น เธอกรี๊ดและเตรียมยอมรับความเจ็บที่จะมาถึงตัวเมื่อร่างของเธอร่วงลงพื้นไม้จากที่สูงแบบนี้ เห็นทีต้องลางานยาวแล้วถ้าแขนหรือขาหัก
เธอหลับตาทำใจยอมรับมัน แต่มันก็ไม่เจอสักที และมันประหลาดที่รู้สึกว่าตัวเองถูกอุ้มจากอ้อมแขนที่คุ้นเคย และได้ยินเสียงที่คุ้นใจ
“กลัวเป็นเหมือนกันนะคนเรา นึกว่าจะแน่”
เฮเลนน่าลืมตาที่ปิดสนิทเพราะเสียงล้อของหล่อน มือขาวบางยกขึ้นเตรียมจะต่อยหน้าแวมไพร์ด้วยความหมั่นไส้และโมโหที่ถูกเล่นงาน หากแต่อีกฝ่ายไวกว่าหลายขุม หล่อนเข้ามาฉกปากเธอจูบจ๊วบและดูดดื่มความหวานจากมันจนเธอหมดแรงต่อกร ปกติก็แพ้หล่อนง่ายๆอยู่แล้ว ตอนนี้คาถาที่คิดจะใช้ก็ลืมไปหมดเหมือนคนปัญญาอ่อนไปชั่วคราว หญิงสาวอ่อนตามทักษะที่เหนือกว่าของแวมไพร์ เธอกำลังจะยอมกลายเป็นของเล่นสนุกให้หล่อนอีกครั้งแล้ว หากแต่อยู่ๆหล่อนก็หยุดกลางคันทั้งที่อารมณ์เธอครุกรุ่นได้ที่ ใจอยากจะพูดถามว่าทำไมถึงหยุด หล่อนก็กระซิบมาอย่างรู้ใจ
“คืนนี้เราไปต่อกันที่บ้านฉันเหมือนเคย..เฮเลนน่า เพราะตอนนี้.....” แต่แอลไม่พูดจนจบ ดวงตาสีมรกตกลอกไปที่ประตูให้คนมองคิดเอาเองว่าจะเกิดอะไรต่อไป ไม่นานกว่านาที เสียงบางคนก็ดังเข้ามาให้แม่มดต้องรีบกระชากตัวออกจากอ้อมอกแวมไพร์ทั้งที่เสียดายสัมผัส
“เฮเลนน่า อยู่ที่นี่หรือไม่!”
ว้าว..ยัยแอลได้ยินเสียงฝีเท้าตาแฮนเซล เป็นแวมไพร์ก็แบบนี้หูดีชะมัด ถ้างั้น หากเธอคิดจะหนีคงไม่มีทาง หล่อนได้ยินกระทั่งเสียงเส้นเลือดของเธอเต้นด้วยซ้ำไป
“เฮเลนน่า!” แฮนเซลเรียกซ้ำเมื่อเธอยังไม่ขานตอบ คราวนี้เขาเคาะประตูปังๆด้วย ช่วยไม่ได้ ถึงจะไม่อยากเจอก็ต้องเจอ แต่เขาก็แค่ตาแก่ขี้บ่นจู้จี้เท่านั้น ไม่เป็นไร ความจริงเขาก็ใจดีกับเธออยู่นะ ไม่งั้นเธอคงโดนไล่ออกไปนาน โดด ลา มาสายประจำ
“ฉันอยู่นี่ค่ะนายท่าน!” แม่มดสาวขานรับ มือบางขยับโบกเป็นสัญญาณให้แวมไพร์ถอยออกไป แอลเองก็รู้ดีว่าควรทำอะไร หล่อนจึงกระโดดออกไปทางหน้าต่าง ไม่ให้ใครรู้ว่า หล่อนอยู่ที่นี่กับเธอด้วย
แฮนเซลไม่ชอบแวมไพร์จากความที่เขาเป็นคนหัวเก่า เขาไม่เชื่อว่าสองฝาแฝดไว้ใจได้ ผิดจากเธอกับฟลอเรน และคณะกรรมการสภาสูงที่มองเห็นประโยชน์ของสองแวมไพร์กับงานล่าผีปีศาจ เรื่องนี้ต้องยกประโยชน์ให้ฟลอเรนด้วยล่ะ เพราะหล่อนเลือกพวกเขาเอง สาเหตุหนึ่งเพราะหล่อนได้รับการช่วยเหลือจากอัลร์กับแอลในครึ่งหนึ่งที่หล่อนต้องเผชิญหน้ากับจูเลีย ความใหม่และด้อยประสบการณ์กับการออกสนามจริงในปีแรกของการรับตำแหน่งฮันเตอร์เกือบจะให้คุณหนูมาแชลสิ้นชื่อตั้งแต่อายุสิบหก หากไม่มีแวมไพร์ใจดียื่นมือเข้ามาช่วย และนับตั้งแต่นั้นมา หลักสูตรของนักล่าแวมไพร์ก็ได้รับการพิจารณาใหม่ มีการแยกประเภทแวมไพร์ที่จะล่าหรือฆ่าทิ้ง รวมถึงนโยบายสร้างสันติระหว่างมนุษย์กับแวมไพร์ด้วย แต่ก็น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังมีแวมไพร์จำนวนน้อยที่เข้าร่วมนโยบายแห่งสันตินี้ และแน่นอน เรื่องนี้เกี่ยวกับยัยจูเลีย ที่คอยป่วนเมือง
ประตูห้องหนังสือถูกเปิดออกด้วยสายตาเธอที่เพ่งมองท่อนไม้ที่ขัดล็อกเป็นกลอนอยู่ แฮนเซลเดินตึงๆเข้ามา เขามองซ้ายมองขวาเหมือนจะหาอะไรสักอย่างซึ่งเธอรู้ว่าคืออะไร เฮเลนน่ากลอกตาเซ็ง
“ฉันอยู่คนเดียวค่ะนายท่าน นายท่านมีอะไรจะให้รับใช้หรือคะ” ถามเสียงหวานตามสไตล์ หนุ่มใหญ่ที่ทำจมูกฟุดฟิดเหมือนพยายามจับผิดกลิ่นก็หันมามองหน้าคล้ายจะสงสัยบางอย่าง แม่มดสาวลุ้นตัวโก่งว่าจะโดนจับได้หรือไม่และเธอโล่งใจเมื่อเขาส่ายหัวและพูดออกมา
“ท่าทางฉันจะแก่มากไปแล้วมั้ง พักนี้เดินไปทางไหนก็ได้กลิ่นสาป หรือว่าห้องหนังสือของเธอมีหนูตาย หัดทำความสะอาดบ้างนะเฮเลน อย่างน้อยก็เห็นแก่ย่าของเธอที่ตายไปแล้วบ้าง ท่านคงเสียใจมากที่มีหลานขี้เกียจ เข้าใจมั้ย”
เอาแล้วไง โดนจนได้ ไม่ใช่เรื่องแอลก็โดนเรื่องอื่น แบบนี้แหละเธอถึงไม่อยากเจอเขา ขี้บ่นกว่าคุณย่าเธอเป็นร้อยเท่า แน่ใจนะว่าผู้ชาย..
“ว่าไง..เฮเลนน่า!”
เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงดังทะลุรูหู เธอรีบพยักหน้ารับ “รับทราบค่ะนายท่าน แล้วจะทำตามที่สั่งทุกอย่าง ไม่ขาดสักนิดเดียว” แม่มดสาวทำเสียงแหลม เขามองเธอตาขวาง คงรู้ว่าเธอล้อเลียน โชคดีที่เขาเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่งั้นเธอคงจะร่ายคาถาหายตัวหนีไป
“เมื่อกี้ท่านนายกเทศมนตรีเรียกฉันไปพบ ท่านมีเรื่องสำคัญ”
เฮเลนน่าเริ่มสนใจกับเรื่องที่เขาพูดทันที หากพูดถึงนายกเทศมนตรี ต้องมีเรื่องที่เกี่ยวกับงานและ..ฟลอเรน.. “เรื่องสำคัญ.. นั่นคือ...”
“เสือดำ”
แม่มดตาค้างและชะงักไปนานจนเจ้านายมองหน้าแปลกๆ เธอรีบกระพริบตาให้ได้สติ บางทีอาจจะไม่ใช่ตัวเดียวกัน.. เธอปลอบใจตัวเอง “เสือดำ.? มันมาอาละวาดในหมู่บ้านหรือคะ แล้วเกี่ยวอะไรกับเรา เราไม่ได้ทำงานกำจัดสัตว์ร้ายนะคะเจ้านาย” เธอร่ายยาว และชะงักเมื่อคิดจะพูดต่อเมื่อแฮนเซลส่ายหน้า หน้าตาจริงจัง
“มันไม่ใช่เสือแบบนั้น มันเป็นเสือพิเศษ ที่ความจริงเป็นผู้หญิง..สวย”
โป๊ะเช๊ะ ใช่เลย.. เสือตัวเดียวกัน แต่มันไม่บังเอิญไปหน่อยหรือไง.. อาจจะไม่ใช่ก็ได้ หรือใช่ เดี๋ยวก็รู้เอง..“แล้ว..? เธอเร่งให้เขาเล่าเรื่อง เบื่อจะลุ้นและรอ จากนั้นแฮนเซลก็บอกอย่างไม่ปิดบัง เลิกอมพะนำสักที
“ท่านนายกได้รับแจ้งมาจากเมืองอื่นที่อยู่ห่างเราออกไปไม่มาก ว่าพวกเขาเจอเสือดำอาละวาด ทำร้ายผู้คน และบอกว่ามันไม่ตายแม้จะถูกของมีคมหรือปืน แต่เมื่อมันบาดเจ็บ มันจะกลายร่างเป็นผู้หญิงที่สวยมาก มีนายพรานและนักล่าเคยคิดหาวิธีดักจับมัน แต่ก็คว้าน้ำเหลวทุกคนและทุกครั้ง ทั้งยังมีเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตกลับมาเล่าเรื่องได้ แต่ก็คล้ายว่าเขาจะกลายเป็นคนสติเลอะเลือน เพ้อหาแต่ผู้หญิงเสือดำเหมือนพวกโดนของหรือไสย์ดำ และจากนั้นที่เมืองนั้นก็ไม่มีใครพบเจอหล่อนอีกเลย พวกเขาจึงส่งหนังสือเตือนมายังเมืองเรา ว่าหากพบเห็นให้จับให้ได้และถ้าเป็นไปได้ให้กำจัด เนื่องจากเป็นอันตรายมากต่อมนุษย์ ท่านนายกจึงอยากให้เราติดประกาศเตือนให้ทั่วเมือง และบอกให้ฟลอเรนจัดการเหมือนที่เคยทำ”
“โอ้.?” แม่มดอุทานประหลาดใจ เรื่องมันมากกว่าที่คิดไว้ แต่อย่างไร เธอยังเลือกไม่เปิดปากบอกเจ้านายที่ว่า ฟลอเรนเจอเสือตัวนั้นแล้วเรียบร้อย เพราะเธอรู้ เธอต้องรอเจอตัวจริงก่อนว่า แม่เสือสาวที่ว่าน่ากลัวและน่าฆ่าเช่นดังคำร่ำลือ จึงจะสามารถบอกใครๆ บางทีมนุษย์ที่แตกต่างจากมนุษย์อาจจะน่าอยู่ร่วมด้วยมากกว่ามนุษย์ที่เหมือนๆคนอื่นๆ ก็บางคนก็หน้าเนื้อใจเสือก็มีถมไป...
“เข้าใจนะ จัดการให้เรียบร้อยด้วยล่ะ อย่ามัวแต่นอนกลางวันอยู่เด็กขี้เกียจ” แฮนเซลพูดอีกคนสะดุ้งเหมือนเพิ่งได้สติกลับมา เฮเลนน่าคงเหม่อตามเคย หล่อนไม่ค่อยฟังเขาพูดมานานแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงานด้วยซ้ำ
หากไม่เห็นแก่หน้าของคุณย่าของหล่อนที่เป็นแม่มดชั้นดี น่านับถือและมีฝีมือ และหล่อนเองก็เป็นญาติห่างๆของเขา เขาคงไม่รับหล่อนเข้าเป็นผู้ช่วย สวยเสียเปล่าแต่เกียจคร้านเป็นที่สุด มาสายเป็นปกติ แอบหนีเที่ยวระหว่างงาน ขาดงานเวลาต้องการตัว ไม่มีระเบียบแบบนี้จะหาผัวได้ยังไง เขามองหล่อนอย่างสังเวช แต่หารู้ไม่ หล่อนเองไม่ได้ใส่เรื่องการมีสามี หรือต้องวิ่งหาให้เหนื่อย มีอยู่แล้วข้างตัวมาตั้งนาน แค่ไม่ใช่ผู้ชายและไม่ใช่คนเท่านั้นเอง
ครูฝึกฮันเตอร์กำลังจะออกไปจากห้องหนังสือแล้วในตอนที่เธอคิดเรื่องจะถามเขาได้ ร่างบางของเฮเลนน่าวิ่งเข้าไปขวางตรงหน้าหนุ่มใหญ่ร่างท้วมที่ครั้งหนึ่งเคยมีมัดกล้ามแทนไขมันที่พุง เขาสะดุ้งตกใจกับอาการของเธอ
“เป็นอะไรของเธอเฮเลนน่า ฉันจะไปทำงานต่อ มีงานกองอยู่บนโต๊ะเป็นพะเนิน ไม่ช่วยกรุณาหลบไป” แฮนเซลกำลังจะเดินเลี่ยงแม่มดสาวแต่หล่อนดักหน้าเขา เขาจะเปิดปากบ่นอีก แต่ชะงักเมื่อหล่อนอ้าปากบ้าง
“เดี๋ยวค่ะนายท่าน ฉันมีเรื่องจะถาม เรื่องสำคัญ” เธอเน้นคำ เขาจึงยอมอนุญาตให้พูดถึงจะดูหงุดหงิด “เราจะให้ฟลอเรนจับเป็นหรือจับตายคะ หรือแค่จับมาเพื่อสืบสวน” เธอถามกังวล เจ้านายจึงดูแปลกใจ เขานิ่งคิดไปนานจนเธอร้อนใจเอง อยากรู้เร็วๆ “ว่าไงคะ..นายท่าน”
“จับมาให้ได้ก่อนล่ะกัน ได้ข่าวว่ามันเร็วพอกับแวมไพร์เพื่อนเธอ” เจอแบบนี้คนถามก็เงียบไปสนิท และสิ่งที่เฮเลนน่าไม่ทันคิดก็เกิดขึ้นมา แฮนเซลมองไปที่หน้าต่างห้อง เขาพูดขึ้นราวกับพูดกับมัน ยิ้มเยาะและออกไปทันที “แน่จริงจับเสือดำมาสักตัวสิแวมไพร์ อย่าเก่งแต่เล่นซ่อนแอบกับฉันคนเดียว”
เฮเลนน่ามองประตูที่ปิดดังปังตรงหน้าตาโต แล้วไม่นานแวมไพร์ตัวโตก็มายืนข้างๆเธอแทนคนที่จากไป เธอเหลียวหน้าไปมองหน้าหล่อนกล้าๆกลัวๆ กลัวแอลจะโมโหกับคำท้า แต่ผิดคาด หล่อนยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย และพูดออกมาหนึ่งคำให้เธอตกใจยิ่งกว่าเดิม
“ถ้าฉันจะปล่อยเสือมากัดตูดนายนั่นให้เหวอะ จะว่าอะไรฉันไหมเฮเลนน่า”
...................................
“อัลร์..คุณไม่น่าทำเค้ารุนแรงขนาดนั้นเลยนะ” ฟลอเรนบ่นกับคนที่เดินคู่กันอยู่ขณะเดินจูงม้า เธอจำเป็นต้องสละอานให้ผู้หญิงแปลกหน้าที่ถูกมัดไว้แน่นหนาติดเจ้าม้าของเธอ เพราะไม่ถนัดที่จะอยู่บนหลังเฮอร์มีสกับหล่อนที่สลบอยู่ จึงเลือกเดินข้างล่างพร้อมตัวการที่ทำให้เรื่องเป็นแบบนี้
จำได้ว่าถ้าเธอมาช้าอีกก้าวเดียว กระดูกที่ลำคอของสาวนิรนามคงแหลกละเอียด อัลร์คงหักคอหล่อนด้วยมือข้างเดียวไปแล้ว ไม่ใช่แค่สลบเพราะขาดอากาศหายใจ รู้แล้วว่าแรงเยอะ แต่จะเบาๆกับสาวๆบ้างได้ไหม พวกหล่อนบอบบาง ถึงจะเป็นเสือดำ ร่างมนุษย์ยังคงอ่อนแอเสมอ น่าสงสาร
อัลร์หันมายิ้มแห้ง รู้แล้วว่าตัวเองผิด แต่ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกจริงๆ ที่จะหยุดผู้หญิงที่เร็วราวกับเสือชีต้าร์ได้นอกจากการคว้าคอหล่อนให้ลอยอยู่ในอากาศและบีบเอาไว้ให้แน่น กลัวหล่อนหนี พวกไลเคนความเร็วห่างกว่าหล่อนหลายขุมและหากเธอปล่อยหล่อนให้หลุดมือไป จะตามตัวกลับมาได้ใหม่คงอีกนาน ถ้าหล่อนไม่ได้บาดเจ็บเพราะกริชของฮันเตอร์ คิดจะแกะรอยเสือดำคงลำบากน่าดู จะว่าไปหล่อนก็ดูว่องไวเหมือนเสือจริงๆ นี่หรือ..มนุษย์เสือดำ.. เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ
“โทษทีฟลอเรน ฉันมือหนักไปหน่อย” แวมไพร์กระซิบไม่เต็มเสียง ยังกลัวท่าทางโกรธๆของเด็กสาว แต่พอฟลอเรนส่ายหน้าและยิ้มให้เหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไร ก็ถอนหายใจโล่งอก หากคราวนี้ได้ยินหล่อนบ่นพึมพำบางอย่างแทน
“เราจับเค้ากลับไปที่สมาคมทั้งแบบนี้ จะมีใครว่าเราหรือเปล่า ตอนนี้เค้าอยู่ในร่างผู้หญิง ดูไม่มีพิษมีภัยด้วยสิ”
ได้ยินแบบนี้คนฟังก็หันมาคิดบ้าง เสนอความเห็น “เอาไปไว้บ้านฉันก่อนไหม แล้วเรียกเฮเลนน่ามาดู เผื่อหล่อนจะมีความคิดดีๆ”
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ ความจริงเค้าน่าสงสารนะคะ ฉันคิดว่าตอนนั้นเค้าคงพยายามจะบอกให้ฉันออกไปจากบ้านร้างเพราะรู้ว่าเป็นรังของไลเคน” ฟลอเรนพูดหน้าซื่อจนคนมองใจละลายเป็นช็อกโกแลตตากแดด แต่ยังดีที่อัลร์พอจะมีสติพอที่จะคิดบางอย่างได้บ้างจึงทักท้วง
“มันก็อาจจะใช่นะ แต่ฟลอเรน เธอไม่เอะใจบ้างหรือว่า ทำไมเสือดำถึงไปอยู่ในฝูงหมาป่าได้ ความจริงแล้ว ในหมู่ของสัตว์นักล่า เสือกับหมาไม่ถูกกัน โดยเฉพาะเสือดำที่มักจะถูกหมาขโมยอาหารที่มันหามา หรือเธอคิดว่า สำหรับมนุษย์ที่แปลงเป็นเสือได้ มันไม่เหมือนกัน”
ฮันเตอร์ทำหน้างง ยิ้มอายๆในที่สุด “บอกตามตรง เรื่องเกี่ยวกับสัตว์ป่า ฉันไม่รู้ขนาดนั้นหรอกค่ะ เผอิญว่าอยู่คนละสังกัดกับหน่วยควบคุมสัตว์ร้าย เอาไว้ไปเรียนกับเค้ามาก่อนนะคะ แล้วจะมาตอบ”
แวมไพร์อึ้งไปหลายนาทีกับมุขของนักล่าหน้าหวานทั้งที่ความจริงหล่อนแค่พูดตรงๆเท่านั้น คงเพราะหน้าตาไร้เดียงสาตอนที่พูดนั่นแหละทำให้เป็น และเพราะมัวแต่เหม่อลอย หล่อนจึงเดินจูงม้าสีขาวห่างออกไปให้เธอวิ่งตามหลัง จากนั้นเธอก็เกือบจะสะดุดกิ่งไม้ที่พื้นเมื่อได้ยินเสียงหวานกระซิบเบาๆเมื่อเธอไปถึง
“แต่ยังไงก็ขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ได้คุณ ฉันคงลำบากกว่านี้แน่ๆ”
อัลร์รู้สึกหัวใจเต้นแรงกับเสียงแบบนี้และรอยยิ้มที่เห็น และเธอห้ามใจตัวเองไม่ได้แล้วที่จะไม่คว้าตัวฟลอเรนให้หันมาหา ฮันเตอร์กระพริบตามองเธอแปลกใจ หล่อนไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าเธออยากจะจูบหล่อนใจจะขาด
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าอัลร์ ดูแปลกๆ หรือว่าฉัน...” มืออุ่นเอื้อมขึ้นมาสัมผัสแก้มเธอให้ในอกร้อนวูบวาบ รู้สึกมากจนเกินจะข่มใจ ทั้งที่รู้ว่าหล่อนแค่เป็นห่วงกันเท่านั้น ไม่มีอะไรมากกว่านี้เลย.. ไม่มี.. ทุกอย่างเธอคิดไปเอง.. คิดไปคนเดียว..
“ฉันทำให้คุณวุ่นวายหรือเปล่า---”
“เปล่า..ฟลอเรน.. ฉันไม่เป็นไร เรารีบไปกันเถอะ” แวมไพร์หลับตาข่มใจพูดและหันไปขอจูงเจ้าเฮอร์มีสแทน “ฉันเองดีกว่า เธอแค่เดินก็พอ” บอกอย่างบังคับ และพยายามไม่มองหน้าตาหวานๆที่เต็มไปด้วยความห่วงและกังวลของคนข้างๆ เธอเงียบ หล่อนก็เงียบเหมือนไม่อยากกวนใจ กลายเป็นเธอสองคนเงียบกันไปตลอดทาง จนกระทั่งเห็นหลังคาบ้านตัวเองและแอลมายืนโบกมือให้พร้อมเฮเลนน่า ต่างคนต่างย้ายกันไปทำงานตัวเองในที่สุด
อัลร์ยืนดูสาวน้อยนักล่าทำงานร่วมกับแม่มดร่วมพิจารณาสาวนิรนามด้วยกันเธอหลับตาถอนหายใจ ..ฉันจะทนได้นานอีกแค่ไหน ถ้าอยู่ใกล้เธอแบบนี้..ฟลอเรน..
....................................................