web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 178
Most Online Ever: 190
(08 กรกฎาคม 2022 เวลา 19:00:55 )
Users Online
Members: 0
Guests: 164
Total: 164

ผู้เขียน หัวข้อ: Chapter 10 : เรื่องเหลือเชื่อแต่เป็นความจริง  (อ่าน 2170 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anhann

  • Moderator
  • ขาประจำ
  • *****
  • กระทู้: 174
    • Crimson Maiden Les-books
Chapter 10 : เรื่องเหลือเชื่อแต่เป็นความจริง
« เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2014 เวลา 20:20:38 »
Chapter  10 :  เรื่องเหลือเชื่อแต่เป็นความจริง

   “ฉันไม่ทราบเรื่องนี้เลยค่ะคุณลุง   คุณลุงก็เห็นแล้วนี่คะว่า  คนของฉันเองก็ถูกทำร้ายเหมือนกัน”  แคลลี่พูดเสียงนิ่งลงไปกับโทรศัพท์ที่แนบหู  ดวงตาสีแดงที่ดูเย็นชามองทอดออกไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้า  สรรพนามที่ใช้เรียกเขาเปลี่ยนไปเมื่อเธอกับลูกสาวของเขาไม่ได้เป็นอะไรกันอีกต่อไป  และเธอก็แน่ใจว่า เขาเองพอใจที่ดิออนถอนหมั้นเธอในที่สุด  มันเป็นแผนของเขาอยู่แล้วนี่..
   แต่เราจะได้รู้กันว่า  แผนของใครจะแน่กว่ากัน..คุณเฟอร์ริส.. 
ผู้กองสาวจำเป็นต้องซ่อนความจริงข้อนี้เอาไว้  เรื่องที่เธอกับทีมของเธอเองที่บุกเข้าไปขโมยของในคฤหาสน์ที่เจ้าของมันยกหูขึ้นมาต่อว่าเมื่อเขาพบว่าเกิดเรื่องประหลาดขึ้นในบ้านของเขาและสงสัยในตัวเธอเป็นคนแรก แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เฟอร์ริสจะไม่ไว้ใจเธอแบบนี้ 
ตอนนี้เธอเหมือนศัตรูคนสำคัญของเขาไปเสียแล้วเมื่อเธอหยิบยกคำสั่งจากกองทัพขึ้นมาอ้างสิทธิ์ดูแลลูกสาวของเขาแทนตัวเขาเอง  แต่เพราะเขาเองนั่นแหละก็คือผู้ต้องสงสัยว่าจะมีเอี่ยวในเรื่องชิพส์ลับนี้คนหนึ่งเหมือนกัน  แล้วมันจึงทำให้เธอจำเป็นต้องโกหกคำโตแบบนี้ทั้งที่ไม่อยากจะทำ
ใช่..ฉันยอมเป็นคนบาปกับการโกหกแบบนี้  ดีกว่าให้คนที่ฉันรักต้องอยู่ในอันตราย และฉันก็อยากจะรับผิดชอบในความผิดที่ฉันเคยทำเอาไว้ด้วย ฉันเป็นหนี้เธอ..ดิออน..
“ค่ะ  แล้วจะให้คนสืบให้นะคะว่าเป็นพวกไหนที่บุกรุกบ้านคุณลุง  ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ  ยังไงเราก็เหมือนญาติสนิทกันอยู่แล้ว  แต่ตอนนี้ขอตัวก่อนนะคะ  ฉันมีงานอื่นต้องไปจัดการ  ค่ะ แล้วจะบอกดิออนให้นะคะ  สวัสดีค่ะ” แคลลี่เหยียดยิ้มหยันเมื่อกดปุ่มวางหู
“พูดเหมือนเป็นคนดี เป็นคนรักลูกเลยนะตาเฒ่า!” พึมพำและมองโทรศัพท์ในมือด้วยท่าทางขยะแขยงเหมือนมันเป็นตัวแทนของคนที่ตัวเองเอ่ยว่า  แล้วก็ส่ายหน้าให้มันก่อนจะเก็บมันลงในกระเป๋าเสื้อคลุมอย่างไม่สนใจมันอีกต่อไป   ตอนนี้เธอมีสิ่งอื่นที่ต้องสนใจมากกว่า  แซนดร้าควรจะมาถึงแล้วในเมื่อหล่อนมาด้วยเครื่องบินส่วนตัวของเธอ  หรือว่ามีปัญหาอะไร..
และแล้วความกังวลใจของเธอก็หมดลงไปเมื่อสายตามองเห็นบางสิ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าพร้อมเสียงอื้ออึง  ริมฝีปากอิ่มเผยยิ้มพอใจก่อนจะก้าวเดินไปหาใครบางคนที่เฝ้ารออยู่  หากแต่เมื่อถึงที่หมายแคลลี่ก็ต้องยิ้มพร้อมส่ายหน้าให้คนที่เดินลงมาจากยานพาหนะติดปีกที่จอดสนิทอยู่บนผืนดินแล้ว
“แซนดร้าคะ  อย่าบอกนะว่า  คุณยังเปิดเซฟไม่ได้  ก็เลยเอามาแบบนี้”  แล้วน้ำเสียงขี้เล่นของเธอก็พาให้สาวหน้าบึ้งที่เพิ่งวางของลงกับพื้นเสียงดังอย่างไม่ไยดีมันเงยหน้าขึ้นมาหา  แซนดร้าทำหน้านิ่งในนาทีแรกเมื่อหล่อนยกมือขึ้นทำวันทยาหัตถ์แล้วก็กลับหลุดหัวเราะพรืดเมื่อเธอเลิกคิ้วให้
“ต้องขอบคุณคุณเซร่าห์นะคะที่ใช้ของดีแบบนี้  ฉันพยายามเท่าไหร่  มันก็เปิดไม่ได้  ท่าทางจะต้องหาหนุ่มๆสักคนเอาอะไรมางัดแล้วมั้งคะ” พูดขี้เล่นไปอย่างนั้น  แต่การกระทำที่ลงทรุดตัวลงไปก้มตรวจดูมันก็ทำให้คนมองเข้าใจว่าเธอกำลังจริงจังอยู่  และหล่อนจึงเข้ามานั่งลงใกล้ๆ สัมผัสท่อนแขนเธอเบาๆด้วยมืออุ่น
“ฉันว่าเราเอามันไปไว้ข้างในก่อนดีกว่าค่ะ  แล้วฉันจะช่วยดูว่าจะทำอะไรได้บ้าง..”  แคลลี่ยิ้มจริงใจให้สาวตรงหน้าที่ในที่สุดก็ยอมพยักหน้าให้แม้จะยิ้มกลับมาอย่างไม่เต็มที่นัก 
ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นยืนและกวักมือเรียกลูกน้องสองคนเข้ามาหาให้พวกเขาจัดการนำเซฟที่ว่านี้เข้าไปในห้องทำงานของเธอ  ผู้กองสาวพยักหน้าให้อีกสาวเดินตามเธอเข้าไปด้านในด้วยกัน  เธอคิดว่าน่าจะหาอะไรให้หล่อนได้ทานเสียหน่อย  ท่าทางของแซนดร้าดูเหนื่อยอ่อนจริงๆ แต่ก็เก่งจริงๆเหมือนที่ใครบางคนการันตีให้
“คุณทำงานได้ดีนะคะ  ฉันขอชม  แต่การที่คุณใช้พิษกับคนของฉัน  มันก็ดูจะมากไปนิดนะคะ”  พูดขึ้นโดยไม่มีการเกริ่นนำ  คนที่เดินข้างกันอยู่จึงหันมามองหน้าทำตาปริบๆ แต่มันก็ไม่นานกับอาการงงแบบนั้น  เพราะตำรวจสาวคนนี้เป็นคนหัวไว
“ขอโทษค่ะ  แต่คุณน่าจะรู้ว่าฉันไม่ต้องการเสี่ยงให้งานผิดพลาด  แล้วฉันก็ขอโทษคุณนินจาของคุณไปแล้วนะคะบอส”
“โอเค.... งั้นฉันยกเรื่องนี้ให้คุณ  เพราะไม่ว่ายังไง  คุณก็ได้ของที่ฉันต้องการมาแล้ว  ไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไร”   
“ฉันทำงานนี้ด้วยหัวใจค่ะแคล   ถ้าจะให้พูดตามตรง” 
หากแต่คำพูดประโยคนี้ก็ทำให้คนฟังต้องมองหน้าคนพูดอย่างสงสัย แคลลี่ชักสีหน้าจริงจังขึ้นมาใส่ขณะพูดขึ้น  “คุณจะบอกว่า คุณตกหลุมรักอดีตคู่หมั้นฉันงั้นเหรอคะแซนดร้า  เร็วเกินไปไหม..”  แล้วคนลองเชิงก็ต้องแปลกใจกับการพยักหน้ารับของอีกสาว  และก็ต้องถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดออกมาใหม่
“ความจริงแล้วฉันก็ดีใจและยินดีนะคะที่คุณมีความรู้สึกดีๆให้ดิออน  แต่ตอนนี้ฉันต้องขอคุณว่า  อย่าเพิ่งคิดจะทำอะไรตามใจ  อย่าเพิ่งไปกวนใจเค้าให้มากนัก  ถ้าคุณไม่อยากจะเจออะไรแบบเมื่อครั้งนั้นอีก”  พูดจบแคลลี่ก็คิดจะเดินจากไปอย่างไม่บอกลา  คิดได้ว่าเธอเสียเวลากับการพูดมากเกินไป  งานอื่นยังมีรออยู่  หากแต่เสียงที่หูได้ยินตามหลังมาก็พาให้ต้องชะงักอีกครั้ง
“ฉันจะไม่ยอมแพ้คุณหรอกนะ..บอส  บอกไว้ก่อน!”
สาวตาสีแดงหันกลับมามองหน้าคนพูดและหรี่ตามองหล่อนอย่างประเมิน  จากนั้นก็พยักหน้ารับรู้ก่อนหันจากไปพร้อมเสียงพูดของตัวเองที่หวังว่าจะลอยตามลมมาเข้าหูของอีกคนให้ได้ยิน
“ฉันจะรอดูคุณพยายามค่ะ  แต่ก่อนหน้านั้น  ฉันขอแนะนำให้คุณไปอาบน้ำก่อนนะคะ  กลิ่นคุณไม่ค่อยดีเลย..”
และถึงจะไม่ได้หันไปมองหล่อนอีกครั้งแคลลี่ก็แน่ใจว่า  แซนดร้าต้องหัวเราะกับคำพูดของเธอแน่นอน  แน่ล่ะ  ก็คนประเภทเดียวกันนี่นา..
--The bodyguard-- 
ดวงตาสีแดงจดจ้องอยู่กับของตรงหน้า  เธอกำลังคิดว่าจะทำยังไงกับมันดี  และไวเท่าความคิดตัวเอง  อุปกรณ์ที่จะช่วยปลดล็อครหัสเซฟที่มีลักษณะเหมือนของโจรปล้นเซฟธนาคารก็มาถึงมือเธอด้วยลูกน้องคนหนึ่งซึ่งเธอสั่งให้นำมันมาให้  แคลลี่ใช้สมาธิอยู่กับมันเงียบๆคนเดียวเมื่อเธอขอให้ตำรวจสาวชาวอเมริกันไปพักผ่อน  แล้วมันก็หมดหน้าที่ของหล่อนแล้วเช่นเดียวกัน  ที่เหลือนี้มันอยู่ในมือเธอ  รวมถึงความเป็นไปในชีวิตของเด็กสาวคนนั้นด้วยใช่ไหม..
ดิออน..  อดทนหน่อยนะ..  ฉันสัญญา..  มันจะไม่นาน...
ทำงานตรงหน้าไปด้วยหัวใจไหวสั่น  หวังใจว่ามันจะสำเร็จผลโดยไม่ต้องเสียเวลามากกว่านี้  และในที่สุดริมฝีปากอิ่มก็คลี่ยิ้มออกมาได้  ฝาเปิดที่ทำด้วยเหล็กหนาพิเศษเปิดออกให้กับเธอ  หากแต่ภายใต้ความดีใจในความสำเร็จของงาน  ผู้กองสาวหน้าหวานก็ยังมีความรอบคอบอยู่เช่นเดิม  ดวงตาสีแดงมองจ้องเข้าไปด้านในของเซฟเมื่อมือหยิบไฟฉายขึ้นมาสาดไฟใส่มัน  และสิ่งที่เห็นก็ทำให้ต้องกระพริบตา  นี่แซนดร้าและคนของเธอเสี่ยงชีวิตเข้าไปเอาของแค่นี้มาเท่านั้นหรือ  เป็นไปไม่ได้..
“อะไรกัน..  ตุ๊กตาหมาตัวเดียวเนี่ยนะ  อยู่ในเซฟ  เป็นไปได้ยังไง..”  พูดขึ้นด้วยเสียงตกใจขณะนำตุ๊กตาที่ว่าขึ้นมาส่องดู  แคลลี่ขมวดคิ้วมองมันอย่างหงุดหงิดคิดว่าเธอถูกใครบางคนต้มให้ไปเอาของไม่มีประโยชน์กลับมา  นี่เธอถูกตลบหลังใช่ไหม..  ฝีมือใครกันนะ.. 
“คุณคิดอะไรอยู่ด็อกเตอร์..  จะเล่นตลกกับฉันหรือไง..  หรือว่าจะเป็น..เฟอร์ริส”  และอารมณ์ร้อนๆของเธอที่ครุ่กรุ่นอยู่ตลอดเวลาเหมือนลาวาใต้ภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุทุกเมื่อก็ทำให้เกือบจะปาของในมือทิ้งอย่างไม่ใส่ใจจะหาความหมายของมัน  หากไม่ได้ยินเสียงนี้เสียก่อน

“แคลอย่านะ..  นั่นหมาของฉัน!”  ดิออนเข้ามาเธอและนำของในมือเธอออกไปได้ทันเวลา  แคลลี่กระพริบตากับท่าทางของเด็กสาวที่ดูเหมือนไม่ใช่คนป่วยอีกต่อไป

“โทษทีๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจ  ฉันไม่รู้..” พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด  คนหน้ามุ่ยอย่างหงุดหงิดเหมือนเด็กถูกแย่งของเล่นเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้
“นี่คุณบัดดี้  ตุ๊กตาของฉันตอนเด็กๆ เธอไปเจอมาจากไหนแคล  ในห้องทำงานแม่ฉันเหรอ..”  เด็กสาวถามอย่างประหลาดใจและก็เข้าใจมันทั้งที่อีกคนยังไม่ทันได้เอ่ยตอบ  เพราะสายตามองไปเห็นตู้เซฟที่เปิดอ้าอยู่ตรงหน้า  ดิออนพูดเสียงเศร้าน้อยๆ “แม่คงตั้งใจจะเก็บมันเอาไว้ให้ฉัน  ฉันทำมันหายตอนห้าขวบน่ะ”
มือบางลูบเบาๆไปบนตุ๊กตาลูกสุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์บนตักตัวเองอย่างรักใคร่และคิดถึง  ลืมไปเลยว่ากำลังโดนคนตรงหน้ามองด้วยสายตาอย่างไร  จนกระทั่งหล่อนพูดขึ้น 
“เธอไม่เป็นอะไรแล้วเหรอ..ดิออน”  น้ำเสียงที่ห่วงใยไม่ต่างจากเดิมพาให้คนฟังยิ้มรับระหว่างมองตากัน
“ตอนนี้ฉันสบายดี  ฉันเลยอยากมาหาเธอ  มาขอบคุณ..” 
น่าแปลกที่อารมณ์ร้ายๆเมื่อครู่ของเธอหมดลงไปเพราะรอยยิ้มและท่าทางแบบนี้ของเด็กสาว  อาจเพราะความไร้เดียงสาที่ช่วยให้เธอเย็นลงได้  แคลลี่ส่ายหน้าให้พร้อมรอยยิ้มบางๆขณะเอื้อมมือไปสัมผัสศีรษะหล่อน
“ไม่เป็นไรจ้ะ  แค่เห็นเธอยิ้มได้  ฉันก็ดีใจแล้วล่ะ”  ดิออนพยักหน้ารับพร้อมแก้มแดงๆ แต่สาวตาสีแดงกลับยิ้มได้ไม่นาน  อาการเครียดก็กลับมาอีกครั้ง 
“แต่ฉันต้องขอโทษนะ  ที่ทำได้แค่นี้  ขอโทษจริงๆ”  เธอพูดถึงของที่ได้มาจากห้องลับที่หลายๆคนต้องเสี่ยงชีวิตเข้าไปเอามันมา  และแน่นอนว่า คนฟังเข้าใจความหมายของเธอเมื่อหล่อนตอบกลับมาพร้อมดึงเธอเข้าไปกอดแน่น
“ไม่เป็นไรแคล..  แค่รู้ว่าเธอกับทุกๆคนพยายามทำทุกอย่างเพื่อฉัน  ฉันก็มีความสุขแล้ว  ถึงฉันตายตอนนี้  ฉันก็ตายอย่างมีความสุข  ฉันรักเธอนะแคล  รักพวกเธอทุกคน  ฉันดีใจที่ได้เจอเธอ  ได้เจอผู้พัน..”
ในอกของแคลลี่เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่เพราะคำพูดแบบนี้  รู้สึกทั้งตื้นตันและผิดหวังในตัวเอง  สองตาของเธอเอ่อด้วยน้ำตาที่ซ่อนเอาไว้ไม่สำเร็จ  ทำได้เพียงหวังว่าอย่าให้อีกคนเห็นมัน  เธอไม่อยากอ่อนแอให้หล่อนดูในเมื่อหล่อนพยายามจะเข้มแข็งขนาดนี้
“ฉันจะหาทางใหม่  ฉันจะไม่หยุดแค่นี้  ฉันสัญญา  ฉันต้องทำมันให้ได้”
“แคล...  ไม่เอาน่า..  พอแล้ว..  ไม่ต้องหรอกนะ  ฉันยอมผ่าตัด  เธอกับคนอื่นๆจะได้ไม่ต้องลำบากอีก  ผ่าเอามันออกไปซะ  มันก็หมดเรื่องแล้วนี่”
แคลลี่กระพริบตาจนน้ำตาที่เอ่อในสองตารินออกมาจนต้องรีบปาดมันทิ้งไปก่อนจะมาเผชิญหน้ากับเจ้าของคำพูดนี้อีกครั้ง  มองหน้าหล่อนอย่างตกใจ  แล้วก็ส่ายหน้าให้ด้วยสีหน้าจริงจัง
“ไม่ได้..  ฉันจะยอมให้เธอทำแบบนั้นไม่ได้ ฉันยอมให้เธอเสี่ยงไม่ได้ เธอก็รู้นี่ว่า หมอที่ผ่าตัดให้เธอ  แล้วมั่นใจได้ว่าเธอจะปลอดภัย  ในโลกนี้มีแค่แม่เธอคนเดียวเท่านั้น” พูดแล้วก็ออกแรงไปกับมือที่บีบบ่าทั้งสองข้างของสาวตัวเล็กกว่า  ลืมไปเลยว่าหล่อนจะเจ็บกับมัน  และดิออนเองก็ไม่ได้แสดงอะไรออกมาว่าเป็นแบบนั้นเสียด้วย  หล่อนได้แต่เถียงคอเป็นเอ็น
“แต่ฉันอยากเสี่ยง  ฉันอยากจบเรื่องนี้เสียทีแคลลี่  ฉันไม่อยากให้ใครต้องมาลำบากกับฉันอีกแล้ว  มันมากเกินไป  ฉันทนไม่ได้ที่เห็นเธอเครียดทุกวัน  ฉันทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นเธออ้วกทุกๆเช้าเพราะโรคเครียดลงกระเพาะ! และเธอก็ดูอ่อนแอไปมากเหมือนไม่สบายตลอดเวลา..” แต่คนที่ต้องตกใจและตาค้างไปคราวนี้กลับเป็นเด็กสาวเสียเองเพราะสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอีกคนและคำพูดของหล่อน
“ฉันท้องต่างหากล่ะ  ไม่ได้เครียดมากขนาดนั้น..”
“ท้อง..?  เป็นไปได้ยังไง   ก็----” ดิออนคิดคำพูดอะไรไม่ออกอีกต่อไปได้แต่มองหน้าผู้หญิงตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา  แคลท้องเหรอ..  จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ  ก็ผู้พันน่ะเป็น....
“ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกเธอก่อน  แอนขอให้ฉันมีลูกให้เค้าตั้งแต่ที่เรากลับมาดีกัน”
“แต่เธอกับเค้าน่ะเป็น...   หรือผู้พันเค้าเป็น....”
และแล้วท่าทางตกใจบวกกับอาการอึกอักพูดไม่ออกก็ทำให้คนฟังหัวเราะออกมา  มือสวยขยับขึ้นสัมผัสแก้มขาวที่แดงระเรื่อของเด็กสาวอย่างอารมณ์ดี 
แคลลี่ยิ้มขณะพูด “แอนเป็นผู้หญิง..ดิออน  ถึงจะดูไม่ค่อยเหมือน  แต่ฉันรับรองว่าเค้าเป็นผู้หญิงเหมือนเธอกับฉัน”
“อ้าว..  แล้วงั้นเธอท้องได้ไงล่ะ  หรือว่าเธอไป...”  ดิออนตาโตขึ้นมากับความคิดของตัวเอง  ทำให้คนที่รู้ทันความคิดเธอรีบส่ายหน้าไปให้ทันทีเหมือนกับที่รีบอธิบาย
“ฉันไม่นอนกับผู้ชายหรอก  ไม่ต้องห่วง  นี่ลูกของฉันกับเค้า  นี่คือลูกของผู้พันมิลเลอร์จริงๆ  ไม่เชื่อไปถามเค้าสิ”  แต่ดูเหมือนยิ่งพูดก็จะทำให้อีกคนยิ่งงงไปใหญ่  เด็กสาวส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจกลับมา  คงต้องอธิบายมากกว่านี้ “คือฉันทำกิฟท์น่ะ  ไม่ใช่สินะ  ต้องเรียกว่า “เด็กหลอดแก้ว” เพราะหมอแค่เอาตัวอ่อนที่ผสมแล้วมาฉีดให้  แล้วก็เผอิญว่าฉันโชคดี  มันได้ผล..” 
“ตัวอ่อน..?  แล้วไปทำมาตอนไหนล่ะ  ทำไมฉันไม่รู้มาก่อน  ผสมเทียมมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอแคล  แล้วเวลาแค่นี้นะ  เธอทำได้ไง..”  เด็กสาวขี้สงสัยลืมเรื่องของตัวเองไปชั่วคราวเพราะเรื่องใหม่นี้ที่น่าสนใจกว่า  ผู้หญิงสองคนมีลูกด้วยกัน  มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ  นอกเสียจากว่า....
แคลลี่ยิ้มอย่างเอ็นดูให้กับความไร้เดียงสาของเด็กตรงหน้า  แล้วก็เอื้อมมือไปคว้ามือหล่อนมาคลำที่ท้องของตัวเองที่ยังไม่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่าว่ามันมีความเปลี่ยนแปลง  ก็แค่เดือนกว่าๆเกือบจะสองเดือนเท่านั้นที่เธอพบว่าตัวเองตั้งครรภ์จากวิธีการของหมอ
“ฉันแต่งงานมาแปดปีแล้วนะดิออน  เธอคิดหรือว่า  ฉันจะไม่อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์เหมือนคนอื่นๆ  ก่อนหน้าที่แอนจะหายไปทำงานเมื่อสามปีก่อน  เค้ากับฉันไปหาหมอด้วยกันเพื่อปรึกษาเรื่องมีลูก  และหมอก็แนะนำให้เราทำมันด้วยวิธีการสมัยใหม่สำหรับคู่แต่งงานเพศเดียวกัน  มันมีค่าใช้จ่ายสูงมาก  แต่แอนก็ยอมทำ  เพราะเค้าอยากมีลูกมากๆ แต่เราก็ทำมันสำเร็จแค่สร้างตัวอ่อนที่มีไข่ของฉันกับดีเอ็นเอของเค้าผสมกันเท่านั้น  เพราะเค้าหายไปก่อน  ฉันก็เลยล้มเลิกเพราะคิดว่าถูกทิ้งไปแล้ว  แต่ก็โชคดีที่หมอขอร้องให้ฉันเก็บตัวอ่อนเอาไว้ในธนาคารเก็บ  เก็บรักษามันอย่างดี  และพอเค้าขอฉันเรื่องนี้อีกครั้งตอนที่เราดีกันแล้ว  ฉันก็เลยตามใจเค้า  เค้าให้คนไปเอาตัวอ่อนที่อันจริงก็คือลูกของฉันกับเค้ามาจากธนาคารเก็บที่อังกฤษ  มาให้หมอที่นี่จัดการให้  แล้วมันก็เป็นแบบนี้แหละ  แต่ดูเหมือนฉันจะท้องผิดเวลาไปหน่อยนะ  ว่าไหม..?”
ดิออนกระพริบตาปริบๆเหมือนคิดว่าตัวเองฝันไปที่ได้ยินเรื่องเล่านี้จากปากของผู้หญิงที่อดีตเธอเคยคิดว่าจะใช้ชีวิตร่วมกับหล่อน  ยอมรับว่าเธอตกใจมากกับข่าวใหม่นี้  และรู้สึกโกรธเล็กๆด้วยที่หล่อนไม่ปริปากบอกเธอเลย  ไม่เลยทั้งสองคน  ทั้งที่มันเป็นเรื่องใหญ่แท้ๆ  หรือว่าไม่เห็นว่าเธอสำคัญพอที่จะบอก
“แล้วทำไมเธอไม่เคยบอกฉัน..  ผู้พันด้วย..  พวกเธอไม่เห็นฉันในสายตาหรือไง  เรื่องใหญ่ขนาดนี้นะแคล  เธอท้องแต่ต้องทำงานเครียดมากๆ เธอไม่กลัวมันไปกระทบกับเด็กหรือไง  ฉันไม่เข้าใจเธอเลยจริงๆ ไม่เข้าใจเค้า..”
“เพราะเธอไม่พร้อมกับเรื่องนี้ดิออน..  เธอป่วยอยู่   และฉันก็รู้ว่าถ้าเธอรู้เรื่องนี้  เธอจะไม่ยอมให้ฉันทำงานให้  แต่เธอไม่ต้องห่วงหรอก  ฉันดูแลตัวเองอยู่  ฉันรักลูกของฉัน   ตอนนี้เธอควรจะดูแลตัวเองให้ดีนะสาวน้อย  รู้หรือเปล่า..” พูดแล้วก็นำมือข้างที่ว่างขึ้นมาเสยเส้นผมที่หล่นลงมาเกะกะใบหน้าของเด็กสาว  ถอนหายใจเบาๆกับสีหน้าที่บอกว่าน้อยใจของหล่อน
“ฉันอยากให้ลูกของฉันเป็นเหมือนเธอ น่ารัก จิตใจอ่อนโยน ไม่เอาเปรียบใครและเข้มแข็ง  เธอจะอยู่ช่วยฉันเลี้ยงลูกใช่ไหม..ดิออน”  ประโยคนี้เหมือนคนพูดตั้งใจจะให้อีกคนให้สัญญากับเธอว่าจะยอมรับความช่วยเหลือที่เธอเต็มใจจะมอบให้  เด็กสาวดูลังเลใจที่จะตอบคำถาม  แต่ก็ยอมพยักหน้าในที่สุด  พาให้คนนั่งลุ้นยิ้มออกมาได้  แคลลี่ขยับใบหน้าเข้าไปจูบหน้าผากหล่อนเบาๆและออกมามองตา
“โอเค..  ถ้างั้นตอนนี้เธอกลับไปพักผ่อนเถอะนะ  เดี๋ยวฉันจะทำงานต่ออีกหน่อยแล้วจะตามไป”
“แต่ฉันไม่อยากให้เธอ....”  แล้วคนที่จะหันกลับไปทำงานก็ต้องหันกลับมามองหน้าคนที่พยายามรั้งเธอเอาไว้  และก็ถอนหายใจเบาๆ
“ถ้าห่วงฉันกับหลานขนาดนี้  ตามแอนมาอยู่กับฉันก็ได้นะ  แต่เธอต้องอยู่กับแซนดร้าสองคนนะ  ยอมหรือเปล่า..”  ผิดคาดคำขู่นี้ของเธอไม่ได้ผลเมื่ออีกคนรีบพยักหน้าให้  เป็นอันว่า ดิออนจะเรียกสามีเธอมาอยู่ด้วยจริงๆ  หล่อนห่วงเธอมากถึงขนาดยอมอยู่กับคนที่ไม่ชอบหน้าได้เลยหรือนี่  น่าทึ่งจริงๆ
“ก็ได้ๆจ้ะ  งั้นก็ตามใจเธอนะ”  พูดเหมือนระอาใจแต่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มที่มีให้เด็กสาวที่ยิ้มให้อย่างดีใจก่อนจะออกไป 
แคลลี่ถอนหายใจแรงพร้อมรอยยิ้มที่เหือดหายไปจากใบหน้าเมื่อไม่เห็นร่างบางในห้องนี้อีกแล้ว  ดวงตาสีแดงก้มลงมองท้องตัวเองและขยับมือขึ้นมาลูบคลำมันอย่างทะนุถนอม “แม่ขอโทษนะลูก แต่ลูกเข้าใจใช่ไหมว่าแม่จำเป็น ยกโทษให้แม่ด้วยนะคะ” พูดจบก็เอามือตัวเองขึ้นประทับจุมพิตที่ฝ่ามือและวางมันลงตรงท้องตัวเองอีกครั้ง  หวังให้สัมผัสนี้ไปถึงอีกชีวิตที่อยู่ข้างในและอธิษฐานให้เขาอยู่กับเธอต่อไปจนกว่าจะพร้อมออกมาดูโลกกว้าง  อย่าเพิ่งน้อยใจเธอจนไม่ยอมจะเป็นลูกเธออีกต่อไป  ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่ให้อภัยตัวเองแน่ๆ
คุณแม่ยังสาวหลับตาลงเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ให้คงที่  สูดลมหายใจเข้าลึกและผ่อนมันออกมาก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่และหันกลับไปทำงานต่อ  เธอต้องหาวิธีใหม่  ติดต่อคนใหม่เพื่อคลี่คลายเรื่องชิพส์นี้ให้ได้  เธอจะไม่มีทางหยุดถ้ามันยังไม่สำเร็จ  หากแต่ขณะที่สมองครุ่นคิดไปกับเรื่องงานที่ต้องจัดการ  สายตาเธอก็ไปเจอกับของที่อีกคนลืมทิ้งเอาไว้จึงเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาดู

“คุณบัดดี้เหรอ..  ก็น่ารักดีนะ  แต่คุณเซร่าห์..  คุณเก็บของแบบนี้เอาไว้ในเซฟแน่นหนาขนาดนั้นเพื่ออะไร  ก็แค่ตุ๊กตาไม่ใช่หรือไง..”  พูดไปเหมือนบ่นแล้วคนพูดก็ต้องทำตาโตขึ้นมาเมื่อสมองฉุกคิดอะไรได้  ร่างสูงผุดลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้โซฟาด้วยความตื่นเต้น  ลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังท้องอยู่  แต่ลูกฉันคงไม่ได้อ่อนแอขนาดที่จะยอมทิ้งแม่ของเค้าไปกับเรื่องแค่นี้หรอกน่า  ไม่ต้องห่วง..

แคลลี่หยิบมีดสั้นขึ้นมาจากลิ้นชักโต๊ะทำงานและจัดการผ่าชำแหละตุ๊กตาที่ถือมาด้วย  และแล้วเรียวปากอิ่มสวยก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างพอใจกับสิ่งที่เจอจากมัน  เธอนำคีมเล็กๆขึ้นมาค่อยๆดึงไมโครชิพส์ขนาดจิ๋วออกจากท้องตุ๊กตาลูกสุนัขที่คิดว่าจะเย็บมันให้เป็นเหมือนเดิมเมื่อเสร็จงานนี้ 

ดวงตาสีแดงมองมันด้วยแววตาเป็นประกาย  และส่งเสียงพูดขึ้นเบาๆ “ซ่อนของเก่งจริงๆนะคะคุณด็อกเตอร์  แต่ก็ขอบคุณ  ขอบคุณมากๆค่ะคุณเซร่าห์  ฉันจะใช้โอกาสที่คุณให้อย่างดีที่สุด  ลูกสาวคุณจะต้องปลอดภัย  ไว้ใจฉันนะคะ”

TBC.



เจอกันได้อีกที่ที่นี่นะคะ https://www.facebook.com/Crimsonmaiden, https://twitter.com/Anh29, http://leslybooks.lnwshop.com/ (ร้านหนังสือ)

 

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.