web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 54
Most Online Ever: 190
(08 กรกฎาคม 2022 เวลา 19:00:55 )
Users Online
Members: 0
Guests: 68
Total: 68

ผู้เขียน หัวข้อ: Chapter 14 - บทลงโทษ  (อ่าน 2150 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anhann

  • Moderator
  • ขาประจำ
  • *****
  • กระทู้: 174
    • Crimson Maiden Les-books
Chapter 14 - บทลงโทษ
« เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2014 เวลา 09:52:28 »
Chapter 14 : บทลงโทษ

“โอ้ย..  ทำไมทันถึงยากเย็นแบบนี้นะ”  ดิออนโอดครวญเสียงดังและทรุดตัวลงนั่งกับพื้นไม้กระดานอย่างหมดท่า 

เธอเพิ่งรู้ว่า  การก่อไฟเพื่อทำอาหารด้วยวิธีแบบโบราณมันยากขนาดไหนก็คราวนี้  แต่ก็ไม่น่าแปลกอะไรในเมื่อตั้งแต่เกิดมา  แค่การจุดเตาแก๊สแบบสมัยใหม่ในครัวก็แทบจะไม่เคยทำอยู่แล้ว  เพราะปกติเรื่องอาหารการกินมีแต่เธอแค่ออกคำสั่งว่าอยากจะกินอะไร  และก็จะคนทำนำมาประเคนให้ถึงโต๊ะอาหารอยู่เสมอ   ความทรมานกับการพยายามจุดไฟเพื่อทำอาหารสักมื้อแบบนี้  จึงไม่เคยมีอยู่ในพจนานุกรมของเธอ

“ก็บอกแล้วนะว่า..  ให้ไปอยู่ที่เรือนใหญ่  ทานอาหารกับคุณพ่อกับไมที่นั่น  ก็ไม่เชื่อเองนี่นา”  แคลนั่งลงข้างๆคนที่นั่งหมดแรงและจัดการสิ่งที่เขาทำค้างเอาไว้อย่างไม่สนใจว่าอีกคนจะกำลังมองอยู่

ดิออนเหมือนจะตกอยู่ในภวังค์อย่างไม่ได้ตั้งใจ สายตาของเธอมองแต่คนข้างตัวที่กำลังจัดการก่อไฟด้วยฟืนและหุงข้าวด้วยท่าทางแข็งขันแคล่วคล่องเหมือนคนเคยอยู่ป่ามาจนชิน  จนไม่ได้ยินอะไรที่เขาพูดเลยแม้แต่น้อย  จิตใจเธอล่องลอยไปกับการมองภาพของผู้หญิงที่มีความงามประหนึ่งนางฟ้ามาจุติที่อยู่ข้างๆกับท่าทางอันน่าดู  แม้จะกำลังทำแค่งานที่ดูพื้นๆแบบนี้ก็ตาม  แต่เวลาแห่งความสุขก็เหมือนจะผ่านไปเร็วจนเธอหายใจไม่ทัน  เมื่อเธอจำเป็นต้องหลุดออกจากความฝันอันสวยงามเพราะเสียงของเขาที่เข้าหูมาแว่วๆ ฟังไม่รู้เรื่อง

“อะไรนะ..  เมื่อกี้เธอว่าอะไร” ดิออนถามอย่างงงๆ แปลกใจที่เห็นดวงตาสีแดงมองค้อนๆกลับมา

“เธอไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลยใช่มั้ยนี่” แคลลี่ย้อนถามเสียงขุ่นและหันไปทำอาหารต่อ  อาหารที่ทำมาจากของสดจริงๆ มันเป็นกับข้าวจริงๆที่หน้าตาน่าอร่อย เพราะเครื่องกระป๋องของเธอจะถูกเก็บไว้รับประทานในวันที่เสบียงที่เป็นอาหารสดหมดแล้วเท่านั้น  “ฉันถามว่า..เคยทำอาหารทานเองบ้างหรือเปล่า” เธอถามต่อทั้งที่ยังไม่ได้คำตอบจากคำถามแรก

ดิออนสั่นศีรษะเป็นคำตอบ แต่เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ได้กำลังมองอยู่จึงเอ่ยพูด “ไม่..ไม่เคยสักครั้ง”  แล้วดวงตาสีแดงก็ชำเลืองมองมาเธอด้วยแววตาที่ทำให้เธอต้องขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดใจ  เพราะแคลลี่ก็ยิ้มและสั่นศีรษะไปด้วยก่อนหันไปจับมีดมาหั่นเนื้อบนเขียงไม้ต่อ  “ทำไม..  ไม่เคยก็ลองทำก็ได้นี่  ไม่เห็นจะยาก” 

มือเล็กยื้อแย่งมีดในมือของอีกคนที่ไม่ทันระวังตัวมาได้จนสำเร็จ  แต่เด็กสาวก็ทำได้แค่จ้องมองมันอยู่แบบนั้นเหมือนไม่รู้ว่าจะใช้มันยังไง

แคลถอนหายใจเบาๆอย่างขำๆ “ทำไม่เป็นก็เอาคืนมาเถอะ  เสียเวลา  หิวแล้วนะคะ..คุณหนู....” 

น้ำเสียงที่ใช้จบคำสุดท้ายคล้ายจะประชดประชันกันมากเกินไป  คนร่างบางจึงตัดสินใจลงมีดลงกับเนื้อก้อนที่อยู่บนเขียงอย่างเก้ๆกังๆ หลังมองค้อนคนวิจารณ์ไปหนึ่งรอบใหญ่ริมฝีปากสวยเผยยิ้มอย่างพึงใจเมื่อพบว่า  สิ่งที่เธอคิดว่ายากก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากเย็นจริงๆ “นี่ไง..บอกแล้วว่า..ทำได้”

เสียงฮัมสูงๆแบบชื่นชมดังแว่วขึ้นมาเข้าหู  ทำให้คนที่นั่งหั่นเนื้อบนเขียงอยู่ยิ่งลำพองใจกับงานชิ้นแรกที่ได้ทำในฐานะแม่ครัวจำเป็น  แต่เห็นว่าครั้งนี้เธอจะดีใจไปได้ไม่นานเมื่อพลาดทำให้ความคมของมีดเข้ามาหั่นเนื้อตัวเอง

“โอ้ย..” ดิออนโอดโอย  ทิ้งมีดและนำมืออีกข้างของตัวเองมากดที่ปากแผลไว้ตามสมองสั่ง  เธอไม่ทันคิดว่าคนที่นั่งอยู่ใกล้กันจะไวพอกัน  มารู้ตัวอีกทีเขาก็เข้ามาคว้ามือข้างที่เป็นแผลของเธอไป 

ดวงตาสีแดงนั่นไหววูบด้วยความตกใจ  แต่เธอตกใจมากกว่าที่ตอนนี้แคลกำลังใช้ริมฝีปากของเขาในการช่วยหยุดเลือดให้เธอ  สมองของดิออนเบลอไปหมด  ถึงกระนั้นก็ยังแน่ใจว่า  เธอรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงใบหน้าของตัวเอง  มันร้อนผ่าวราวถูกลนด้วยไฟ  และมันก็เริ่มจะทำให้เธอทนไม่ไหว

“แคล..พอแล้ว..  จะหยุดเลือดหรือจะดูดเลือดฉันกันแน่”  ถ้อยคำที่ใช้คล้ายจะเป็นคำดุแต่คนฟังก็รู้ว่า  อีกฝ่ายกำลังเก้อเขิน  ด้วยท่าทางที่หันเมินหน้าไปทางอื่นและแก้มสองข้างเปล่งปรั่งเป็นสีแดงราวมะเขือเทศสุกแบบนั้น  มันทำให้คิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้

“ช่วยไม่ได้  เลือดเธออร่อยดีนี่  และฉันก็หิวมากแล้วด้วย” แคลลี่พูดหน้าตาเฉยและกลืนของเหลวรสชาติคล้ายสนิมเหล็กลงคอไป  เมื่อยอมถอนริมฝีปากของตัวเองออกแล้ว  ดวงตาสีแดงเหมือนเลือดที่ตนเพิ่งกลืนไปหมาดๆมองอีกคนอย่างขบขันกับหน้าแดงๆตาโตๆอย่างคนตกใจของเขา  ก่อนจะยอมลุกขึ้นยืนเพื่อไปทำเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า 

“กดปากแผลไว้ก่อนนะ เดี๋ยวจะทำแผลให้”  ว่าแล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องพัก  แต่ไม่นานกว่าสองนาทีก็เดินกลับมาพร้อมกล่องปฐมพยาบาล

ดิออนนั่งมองคนที่ทำแผลให้ตาไม่กระพริบ  จนได้เห็นเขาเผยยิ้มที่มุมปาก  แบบที่ทำให้เธอรู้สึกเขินได้  “ยิ้มอะไรนักหนา  อารมณ์ดีหรือไงที่เห็นฉันเจ็บตัวได้น่ะ”  แสร้งตวาดเสียงใส่หล่อนไปเพราะไม่อยากให้รู้ว่าเธอกำลังมีอาการไม่ดี  หัวใจเต้นตูมตามอยู่ในอก  จนคิดไปถึงว่า  เธออาจจะหัวใจวายตายได้ในไม่ช้านี้ 

“ฉันก็แค่รู้สึกเอ็นดูเด็กดื้อและขี้งอนเท่านั้นแหละ”  แคลลี่ตอบหน้าตาย  ไม่รู้เลยว่าคำพูดประโยคนี้อาจจะไปทำให้อีกคนกลายเป็นคนหน้าแดงแบบถาวรเลยก็ได้

ดิออนไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาโต้เถียงอีกได้  จึงเลือกนั่งอยู่เงียบๆดูอีกคนทำแผล  เธอรู้แล้วว่ายิ่งพูดไปก็ยิ่งจะเข้าตัวเอง  นั่งมองหน้าสวยๆและท่าทางดูดีของผู้หญิงคนนี้เล่นๆไปยังจะดีกว่า  ไม่ปวดสมองด้วย  และมันอาจจะช่วยให้เธอสามารถอยู่กับหล่อนได้โดยไม่มีเรื่องทะเลาะกัน  อย่างน้อยก็อยากจะอยู่กันอย่างสงบสักวันก่อนจะห่างกันไป  ตอนนี้เธอไม่พยายามจะพูดเรื่องถึงเรื่องที่คาค้างใจตัวเองอยู่  เรื่องผู้หญิงคนนั้นของแคล..

“อืมม..เสร็จแล้วล่ะนะ  ดีนะแผลไม่ได้ลึกมาก  ทีหลังก็ระวังหน่อยแล้วกัน  ทำไม่เป็นก็อย่าฝืน  ยกให้เป็นหน้าที่คนอื่นเถอะ” แคลลี่พูดเหมือนสอนและพอเห็นว่าดิออนตั้งท่าจะเปิดปากเถียงขึ้นมา  เธอก็ยกนิ้วชี้ขึ้นห้ามและรีบพูดตัดบท “ขอให้ฉันสักวันเถอะนะ  ขอร้องล่ะ  นั่งตรงนี้นะ  แล้วฉันจะจัดการให้ทุกอย่าง”  และโดยไม่รอฟังคำตอบ  เธอก็รีบออกไปจัดการงานที่ค้างไว้  เพราะไม่อยากให้เสียเวลาไปมากกว่านี้  และอีกอย่างเธอก็เริ่มหิวมากแล้วเหมือนที่บอกไป  ดิออนก็คงไม่ต่างกัน

ดิออนถอนหายใจออกมาเบาๆระหว่างนั่งนิ่งๆดูอีกคนทำกับข้าวอย่างเชี่ยวชาญ  ไม่นานเกินรอ  แคลก็เอาอาหารมาเสิรฟให้ถึงที่  และมุมหนึ่งของระเบียงเล็กๆตรงนี้แหละที่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นห้องอาหารสำหรับเธอกับหล่อนในค่ำคืนนี้ 

ดินเนอร์ใต้แสงเทียน  ภายในบรรยากาศริมทะเล  ช่างโรแมนติกดีจริงๆ..

“อื้ม..อร่อยดีเหมือนกันนะ  ไม่น่าเชื่อ” คนไม่เคยทำอาหารกินเองเอ่ยชมออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น  ดิออนเหมือนไม่สังเกตเห็นว่า  แคลแอบทำหน้าลุ้นอยู่เป็นนานสองนานระหว่างรอให้เธอตักอาหารเข้าปาก  แต่หล่อนก็ยังปากดีไม่เลิก

“ก็บอกแล้วไง..  ฉันน่ะเป็นเชฟมือหนึ่งนะ” แคลยิ้มขณะตักอาหารในจานของตนเข้าปากและเคี้ยวอย่างผู้มีมารยาทดี  ต่างจากดิออนที่มีท่าทางรับประทานอาหารเหมือนเด็กๆที่ได้ทานของถูกใจ  และไม่ได้พูดขัดอะไรเธอออกมา  ดูท่าคงจะสนใจกับอาหารมากกว่าเธอเสียแล้ว

“อ่า...อิ่ม..”  ดิออนครางออกมาอย่างสุขใจ เมื่ออิ่มหนำกับอาหารฝีมือแม่ครัวกิตติมศักดิ์ที่นั่งยิ้มกริ่มอยู่เบื้องหน้า  เธอแทบอยากจะเอนตัวลงนอนไปกับระเบียงเพราะความสบายแบบนี้  หากไม่ติดว่ายังเกรงใจคนที่อยู่ด้วยกันตรงนี้อยู่ แม้จะรู้ว่าอีกคนคงไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว  แคลออกจะใจดีกับเธอในวันนี้ 

แคลลี่สั่นศีรษะน้อยพร้อมรอยยิ้มเอ็นดูในท่าทางเหมือนเด็กเล็กๆของเด็กสาว  เธอรวบรวมจานอาหารที่ว่างเปล่าไปแล้วตรงหน้าและเตรียมลุกขึ้นจะนำมันไปทำความสะอาด 

“ให้ฉันช่วยมั้ย..  ตอบแทนที่เธอทำของให้กินน่ะ”  ดิออนเสนอตัวออกมาและทำท่าจะลุกตาม  แต่แคลก็ส่ายหน้าให้เสียก่อน 

“อย่าดีกว่า..  เดี๋ยวแตกหมด” แคลหัวเราะคิกที่เห็นดิออนทำหน้ามุ่ยกับคำที่เธอใช้ปฏิเสธ  และเพราะนึกสงสารขึ้นมา  จึงตัดสินใจเลิกแกล้ง..สักพัก 

“มือเป็นแผลอยู่..  อย่าโดนน้ำดีกว่า  เดี๋ยวจะหายช้า  นั่งเล่นไปเถอะ  ที่นี่บรรยากาศดีนะ  ท้องฟ้ามีดาวด้วย” เธอพูดอย่างที่ไม่รู้ว่า  ท่าทางของเธอเหมือนกำลังหลอกเด็กอยู่อย่างไรอย่างนั้น  แถมเด็กคนนี้ก็ยังยอมให้หลอกเสียด้วยสิ  เด็กร่างบางพยักหน้าหงึกๆรับคำเธออย่างว่าง่าย  “โอเค..งั้นเดี๋ยวมานะจ๊ะ..เด็กดี”

ดิออนมองตามหลังร่างสูงไปเพราะอยากจะดูว่าแคลจะนำจานชามไปล้างตรงส่วนไหนของบังกะโลขนาดเล็กนี้  เธอลุกขึ้นและเดินมาชะโงกหน้าลงไปจากระเบียงบ้านและได้เห็นร่างสูงเดินลงบันไดไปและตรงไปยังด้านหลังของบังกะโลที่ที่มีถังไม้ขนาดใหญ่หลายถังตั้งวางอยู่  มีเครื่องมือเครื่องไม้สำหรับใช้ทำความสะอาด  น้ำยาล้างจาน  ซักผ้า  มีครบหมด  มันตั้งอยู่ด้านหลังของบังกะโล ริมฝีปากบางยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวที่เห็นคนตัวโตนั่นทำทุกอย่างที่ต้องทำตรงนั้นได้อย่างคล่องแคล่ว  สมแล้วที่เป็นทหารที่ได้รับการอบรมมาดี   

“อยากรู้จังว่า..  ดารอฟสกี้  ทำอะไรไม่เป็นบ้างนะ”  ดิออนแกล้งแซวระหว่างที่แคลเดินขึ้นบันไดบังกะโลมา  นาทีแรกดวงตาสีแดงดูประหลาดใจ  แต่นาทีต่อมาหล่อนก็ยิ้มให้อย่างเขินๆเหมือนคนไร้เดียงสาไม่มีผิด  ..น่ารักจัง..  ทำไมไม่น่ารักแบบนี้ตลอดเวลานะ..

แต่แล้วไม่กี่นาที  คนหน้าตาไร้เดียงสาก็ทำให้เธอตกใจ  เมื่อหล่อนเข้ามากอดเธอไว้และจ้องหน้าด้วยดวงตาสีแปลกที่หวานเชื่อม  หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะออกมาเต้นนอกอกตัวเองอยู่รอมร่อ  แต่ดิออนก็พยายามจะคุมสติตัวเองไว้ให้ได้นานที่สุด และตอกย้ำตัวเองว่า  อย่าพยายามหาเรื่องทะเลาะกับหล่อน  ตามที่แคลขอเธอไว้ให้สัญญากันก่อนยอมตกลงให้เธอนอนค้างด้วย

“มีสิ..มีอยู่อย่างหนึ่งนะ  ที่ฉันทำไม่ได้..  ทำไม่เป็นเลยล่ะ”  เสียงหวานที่ฟังทีไรก็สั่นสะท้านไปทั้งหัวใจนั่นกระซิบกลับมา 

ดิออนรู้สึกว่าอีกไม่ช้าเธอคงจะเป็นลมเพราะความดันขึ้น  ในใจภาวนาอยากให้แคลเลิกทำตัวเหมือนเทพีแห่งความรักแบบนี้เสียที   เธอจะได้ปลอดภัยและผ่านคืนนี้กับหล่อนไปโดยไม่สึกหรอ  ..อ่อ..นี่ฉันกำลังกลัวว่าจะเสียตัวเหรอเนี่ย  บ้าไปแล้ว.. แคลเป็นผู้หญิงนะ..  สวยจะตายชักด้วย...

“อะไรล่ะ..  พอจะบอกได้มั้ย”  ดิออนกลั้นใจและพยายามตามน้ำไปอย่างที่ไมแนะนำไว้ 

ใช่..เพื่อนรักของเธอพร่ำบอกอยู่เสมอว่า  พี่สาวบุญธรรมของหล่อนมีนิสัยอย่างไร  ชอบหรือไม่ชอบอะไร  หล่อนบอกเธอทุกอย่าง  เพียงแต่เธอทำแค่เพียงจำ  แต่ไม่เคยคิดจะทำตามเท่านั้น  และครั้งนี้เธอจะลอง...

แคลเงียบไปเล็กน้อย  แสร้งทำสีหน้าครุ่นคิดแล้วอยู่ๆก็ยิ้มออกมาเหมือนรู้แล้วว่าจะเจออะไรต่อไปกับคำพูดของตัวเอง 

“ทำให้เธอรัก”

และมันก็ใช่จริงๆ เสียงหัวเราะคิกดังออกมาจากปากของคนตัวเล็กกว่าที่ในที่สุดก็ขอไปยืนหัวเราะเสียงดังอยู่นอกอ้อมแขนของอีกคน  ดิออนเหมือนจะลืมสนใจไปว่าอาจจะทำให้แคลลี่โกรธได้ที่ไปหัวเราะเยาะเขาแบบนี้ 

“ทำไมเหรอ..  ฉันพูดผิดหรือไง”  เสียงขุ่นๆแทรกขึ้นมากลางคัน  ทำให้อีกคนหันหน้ามามองทันที  และมันก็เหมือนประโยคประกาศิตที่สามารถทำให้เสียงหัวเราะหายไป  คงเพราะคนฟังได้เห็นแววตาเศร้าๆของดวงตาสีเลือดคู่นี้  ที่เจ้าของมันตัดใจหันไปพูดเรื่องอื่นแทนแล้ว  “เธอไปอาบน้ำที่เรือนใหญ่ก็แล้วกันนะ  อาบที่นี่มันลำบาก  และถ้าจะนอนที่นั่นด้วย  ก็ตามใจ  แต่ให้มิเกลมาบอกฉันด้วยล่ะ” 

แคลเดินหันหลังจากเธอไปเงียบๆและไม่ได้หันมามองดูเธออีก  เขาปิดประตูห้องที่เป็นส่วนที่เป็นห้องนอนเอาไว้  ไม่รู้เหมือนกันว่าเข้าไปทำอะไรในนั้น  เธอเดาเอาว่าก็คงจะทำเรื่องกิจวัตรส่วนตัวของเขาเหมือนตอนอยู่ที่บ้าน  ดิออนยืนรออยู่นานจนเริ่มรู้สึกเมื่อยขา  แคลลี่ก็ไม่ยอมออกมาจากห้อง  เธอจึงคิดว่า  รอไปก็ไร้ประโยชน์หากเขาไม่ออกมา  หล่อนคงยังอารมณ์ไม่ดีเลยไม่อยากเจอหน้าเธอตอนนี้  ทางที่ดีเธอควรจะไปทำตามที่หล่อนบอกไว้จะดีกว่า  แล้วค่อยคิดว่าจะกลับมาหาหล่อนอีกดีหรือไม่  คิดได้ดังนั้น  ดิออนก็ออกจากบังกะโลหลังเล็กนี้ไป  โดยไม่รู้ว่าแคลกำลังนั่งร้องไห้เงียบๆภายในห้องตามลำพัง

--The bodyguard--

“โอเค..ฉันเข้าใจ..”  แคลลี่พึมพำเบาๆออกมาตอบรับการรายงานของลูกน้อง  ดวงตาสีแดงมองทอดไปยังท้องทะเลเบื้องหน้าที่ท้องฟ้ามืดดำทำให้มันน่ากลัวเกินความจริง  แต่ถึงยังไงมันก็ให้ความรู้สึกว้าเหว่ได้ดีจริงๆเสียด้วย  ยิ่งในเวลานี้ที่เธอรู้แล้วว่าจะต้องอยู่ที่นี่คนเดียวจริงๆแล้ว  ผู้หญิงอีกคนที่บอกเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนในคืนแรก  ก็ไม่กลับมา  แต่เธอก็เข้าใจถึงเหตุผลที่มี  หล่อนกลัวเธอ..เหมือนเคย.. 

ตอนที่มิเกลเดินมาเคาะประตูเรียก  แค่ได้ยินเสียงของคนที่ไม่ได้กำลังรออยู่  เธอก็แทบอยากจะร้องไห้ออกมาอีกครั้งทั้งที่ทำใจให้ระงับความเศร้าไปบ้างแล้ว  แต่เธอก็ออกมาพบหน้าลูกน้องคนสนิทจนได้และทำตัวให้เป็นปกติที่สุด  เพราะไม่อยากจะทำให้ใครๆคิดว่าเธออ่อนแอ  แคลพยายามข่มใจเก็บความรู้สึกหดหู่ใจ ความผิดหวังเอาไว้และหันไปพูดเรื่องอื่นกับคนที่ยังยืนรอเหมือนหุ่นรอป้อนโปรแกรม

“เธอดูแลเขาให้ดีก็แล้วกัน  และพรุ่งนี้เช้าช่วยเรียกไมมาหาฉันด้วยนะ  วันนี้ขอบใจมาก”

พอมิเกลเดินจากไปแล้ว  แคลก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ก็ไหลออกมาอาบแก้มขาวอีกครั้ง  และคราวนี้ก็เหมือนว่าจะไม่มีทางจะหยุดง่ายๆ ปล่อยทิ้งร่างกายให้ทรุดนั่งลงกับผืนทรายอย่างหมดท่า  ดวงตาสีแดงมองหาอะไรบางอย่างบนท้องฟ้าที่มืดดำ  และเธอก็เจอมัน..แสงดาว 

แคลยิ้มเศร้าๆให้มัน  “เธอคงสะใจน่าดู  ถ้าได้มาเห็นฉันในสภาพนี้..ผู้พันมิลเลอร์”






เจอกันได้อีกที่ที่นี่นะคะ https://www.facebook.com/Crimsonmaiden, https://twitter.com/Anh29, http://leslybooks.lnwshop.com/ (ร้านหนังสือ)

 

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.