web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 148
Most Online Ever: 440
(28 เมษายน 2024 เวลา 03:05:22 )
Users Online
Members: 0
Guests: 100
Total: 100

ผู้เขียน หัวข้อ: Chapter 13 - เกาะแห่งการลงโทษ  (อ่าน 2226 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anhann

  • Moderator
  • ขาประจำ
  • *****
  • กระทู้: 174
    • Crimson Maiden Les-books
Chapter 13 - เกาะแห่งการลงโทษ
« เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2014 เวลา 09:51:20 »
Chapter  13 : เกาะแห่งการลงโทษ

ดวงตาสีมรกตกะพริบตาถี่ๆเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่า  เธอเห็นอะไรอยู่  เด็กสาวรู้สึกได้ถึงความอัศจรรย์ใจในนาทีแรกที่ก้าวลงมาจากเรือ  เมื่อได้เห็นเกาะที่เธอขอร้องคุณพ่อว่าขอตามมาส่งแคลด้วย  ด้วยเหตุผลที่เธอเป็นห่วงและอยากจะรู้ว่าหล่อนจะกินอยู่หลับนอนอย่างไรที่นี่  แต่สิ่งที่เห็นอยู่นี้มันทำให้เธอรู้สึกยิ่งกว่าสบายใจ  เพราะเกาะนี้ไม่ใช่เกาะร้าง  มันสวยเหมือนสถานที่ท่องเที่ยว

ดิออนก้าวเดินเข้ามาเรื่อยๆในพื้นที่ของเกาะ  โดยไม่รอให้ใครนำทางหรือไม่จำเป็นต้องมีใครเดินมาด้วยกับเธอ  เธอเดินเหมือนคนละเมอหลงไปกับความพิศสมัยของสถานที่กับธรรมชาติที่เธอไม่เคยเห็นในเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวง  ก้าวเดินล่วงมาจนถึงสถานที่ที่คาดว่าน่าจะเป็นที่พักของคู่หมั้น  ริมฝีปากของเธอก็เผยยิ้มอย่างพอใจ 

บ้านพักของแคลลี่  มันมีทุกอย่างเหมือนเป็นบ้านพักตากอากาศ  ผิดตรงที่ว่า  มันไม่ได้ดูเลิศหรูอะไรเหมือนบ้านหลังอื่นๆที่เธอมีในสถานที่ท่องเที่ยวในที่อื่น  ที่พักดูธรรมดาและไม่ได้ตกแต่งอะไรมากมาย เป็นแค่บังกะโลหลังเล็กๆมีพื้นที่ใช้สอยที่ถูกแบ่งให้เป็นห้องนอนเพียงหนึ่งห้องส่วนห้องครัวและห้องนั่งเล่นก็เห็นจะเป็นตรงส่วนที่เป็นระเบียงด้านหน้าใกล้กับประตูทางเข้า   ดูแล้วเล็กมากจริงๆเมื่อเทียบกับคฤหาสน์ขนาดใหญ่ของเธอหรือของแคล   แต่มองก็จากวัสดุที่ใช้  ก็รู้ได้ว่ามันถูกสร้างมาอย่างดีแข็งแรงเพียงพอที่จะต่อต้านแรงลมและแรงคลื่นได้  แม้ในฤดูมรสุม

“พ่อบอกแล้วว่า..แคลจะไม่ได้ลำบากอะไรหรอก  ถ้าอยู่ที่นี่”  เฟอร์ริสพูดขึ้นมาเมื่อมายืนอยู่ข้างๆลูกสาว  ยิ้มอบอุ่นให้เหมือนเคย   เด็กสาวดูตกใจเล็กน้อยที่มีคนย่องมาใกล้อย่างเงียบๆ แต่ก็หันมายิ้มบางๆให้ผู้เป็นบิดา

สายตาของดิออนมองไปเรื่อยๆภายในห้องที่คาดว่าจะเป็นห้องนอนที่แคลจะต้องอยู่อีก 2 อาทิตย์ต่อไปนี้  ดูจากของใช้ที่เป็นเครื่องนอนและอุปกรณ์ใช้สอยบางอย่างก็ทำให้ฉุกคิดอะไรขึ้นมา  “ดูเหมือนที่นี่จะเคยมีคนอยู่มาก่อนนะคะ”  เธอพึมพำขึ้นมาอย่างไม่ได้เป็นคำถาม  แต่ก็กลับได้คำตอบที่ทำให้แปลกใจ

“มีสิลูก..  ก็ที่นี่เป็นบ้านหลังหนึ่งของแคล”

“บ้านเหรอคะ?” ดิออนย้อนถามอย่างงงๆ มองหน้าผู้เป็นบิดาอย่างหาคำตอบ  เฟอร์ริสพยักหน้ารับด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย  แต่ผู้เป็นลูกไม่ทันได้สังเกต  “บ้านของท่านประธานบริษัทใหญ่ยักษ์ขนาดนั้น  เป็นแบบนี้เหรอคะ”

“โอ้..นี่พ่อไม่ได้บอกลูกแล้วหรือว่า  บ้านหลังนี้ใช้เป็นบ้านสำหรับกักบริเวณของแคล” เฟอร์ริสเล่าด้วยสีหน้าประหลาดใจ  แต่คนที่ประหลาดมากกว่าเห็นจะเป็นลูกสาวที่ยืนทำตาโตอยู่ตรงนี้

“นี่หมายความว่า  ปกติแล้ว  แคลจะมาที่นี่บ่อยๆอยู่แล้วเหรอคะ” ดิออนซักเพิ่มเพราะต้องการรู้จักคู่หมั้นให้มากกว่าที่เห็นแค่เพียงผิวเผิน  เพราะดูท่าว่า  ผู้เป็นพ่อของเธอจะรู้จักคู่หมั้นของเธอดีมากเหลือเกิน

เฟอร์ริสหัวเราะหึๆในลำคอและขยับแขนยาวข้างหนึ่งไปโอบบ่าลูกสาวเข้ามายืนใกล้ๆ เพราะเริ่มรู้สึกถึงอารมณ์กรุ่นๆของดิออน “แคลเป็นเด็กที่มีความคิดเป็นของตัวเองน่ะลูก  เขารักอิสระ  แต่ด้วยเป็นทายาทสายตรงคนเดียวของตระกูล  เขาจึงต้องถูกเลี้ยงดูมาอย่างเข้มงวด  และด้วยพื้นฐานที่เขาเป็นคนนิสัยแบบนั้น  จึงบ่อยครั้งที่จะต้องขัดขืนคำสั่งของพ่อแม่  และก็ต้องมาอยู่ที่นี่แหละจ้ะ” ชายสูงวัยแต่ดูหนุ่มกว่าอายุจริงจบเรื่องเล่าเกี่ยวกับประวัติคร่าวๆของคู่หมั้นของลูกสาวด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเช่นเคย 

ดิออนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ  แล้วก็ถามสิ่งที่อยากรู้เพิ่มอีก “คุณพ่อรู้จักกันดีกับคุณพ่อคุณแม่ของแคล  ใช่มั้ยคะ”

“ใช่จ้ะ  เป็นเพื่อนรักกันเลยทีเดียว” 

คนฟังมีสีหน้าพอใจ  ดีใจที่ได้รับรู้ข้อมูลที่เธอควรรู้เกี่ยวกับคนที่เธอจะต้องอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต  แล้วก็ต้องเกิดความข้องใจขึ้นมาอีกครั้ง  เมื่อได้ฟังข้อมูลต่อมา

“แต่เขาก็ไม่ได้มาที่นี่มานานมากแล้วล่ะ  นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะต้องกลับมาอยู่อีกครั้ง  หลังจากที่กลับมาจากอังกฤษ”

“แคลจบมาจากอังกฤษเหรอคะ  เก่งจัง”  ดิออนไม่รู้ตัวว่าเธอเผลอชมคนที่ตัวเองคิดว่าไม่ชอบหน้าด้วยอาการปลาบปลื้ม  และเป็นเหตุให้ผู้เป็นพ่อหัวเราะน้อยๆออกมา

“จ้ะ..  แคลจบมาจากอังกฤษ  โรงเรียนเตรียมทหารน่ะ  จริงๆแล้วเขาก็ติดยศแล้วด้วย  ตอนที่กลับมาที่นี่”

“ติดยศด้วยเหรอคะ  ไม่น่าเชื่อ” ดวงตาสีเขียวลุกวาวด้วยความตื่นเต้นในความเป็นคนน่าทึ่งของคู่หมั้นคนสวยของตัวเอง  เป็นทหารนี่เอง..มิน่าล่ะ..เก่งจังเรื่องใช้แรงเนี่ย...

“เป็นผู้กองแล้วล่ะ  เป็นตั้งแต่อายุยังน้อย  ผลงานดีน่าดูชมทีเดียว  พ่อยังเสียดายแทนเขาที่ต้องลาออกจากราชการมา” 

ท่าทางชื่นชมในตัวของผู้ที่ถูกอ้างถึง  ทำให้ดิออนรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างน่าประหลาด  ทั้งที่ความจริง  เธอก็ค่อนข้างจะปลื้มในตัวเขาอยู่มากเหมือนกัน  แต่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ  “แต่คุณพ่อคะ..  ที่หนูรู้แคลเป็นรัสเซียไม่ใช่เหรอคะ  ทำไมเป็นทหารอังกฤษได้ด้วย” ดิออนขมวดคิ้วขณะที่ผู้บิดานิ่งไปเหมือนกำลังคิดหาคำตอบให้

“สงสัยเส้นคงใหญ่น่าดูเลยมั้งคะนั่น  ถึงได้ไปทหารที่นั่นได้และยังเลื่อนขั้นจากพลทหารธรรมดาไปเป็นผู้กองได้เร็วขนาดนั้น  เขาอายุแค่ยี่สิบหกเองไม่ใช่เหรอคะตอนนี้  แล้วตอนนั้นเขาอายุเท่าไหร่”  เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงประชดประชันเล็กๆตามประสา  ไม่รู้ตัวว่าจะทำให้คนที่สนทนาด้วยหัวเราะออกมาอีกได้ 

ดิออนยืนกลอกตาไปมา  หงุดหงิดที่เห็นผู้เป็นบิดาของตนดูเข้าข้าง  ว่าที่ลูกเขย(สะใภ้)มากเกินความจำเป็น  แต่ทว่าสิ่งที่เธอได้ฟังต่อมา  มันทำให้เธอถึงกับอึ้ง

“ก็ไม่น่าแปลกหรอกนะ  ถ้าลูกจะบอกว่าแคลใช้เส้นที่ได้เป็นผู้กองตั้งแต่อายุยี่สิบสาม  ใครๆก็คิดแบบนั้น  พอรู้ว่าเขาเป็นลูกสะใภ้ของนายทหารระดับนายพลที่นั่น  ไม่มีใครคิดหรอกว่า  เพราะเขารอดมาได้จากไปรบ  ถึงได้ติดยศใหม่”  เฟอร์ริสเล่าไปเรื่อยเปื่อยจนลืมสังเกตว่า  สีหน้าของลูกสาวเปลี่ยนไป  จนกระทั่งได้ยินเสียงคำถาม

“ลูกสะใภ้นายพล..  หมายความว่ายังไงคะ..คุณพ่อ” ดิออนถามเสียงสั่น  มันไม่ใช่แค่เธอตกใจมากกับการที่รู้ว่าแคลเคยมีใครมาก่อน  เพราะเรื่องนี้มันรู้ๆกันอยู่  ถึงความเจ้าชู้ของเขา   แต่การที่มารู้ว่า  หล่อนถึงขั้นเคยผ่านการแต่งงานมาก่อนแบบนี้   มันมากเกินไป

..ลูกสะใภ้  หมายความว่า  เขาแต่งงานกับผู้ชายมา  ไม่ใช่เหรอ..

“แบบนี้นี่เอง  ถึงได้เปลี่ยนสัญชาติได้..”เธอพึมพำขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแย่มากขึ้น  ดวงตารู้สึกเหมือนมันเริ่มรื่นไปด้วยน้ำตาที่ตั้งท่าจะไหลได้ทุกนาที

เฟอร์ริสที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปถึงกับหน้าซีดและรีบบอกขอโทษขอโพยลูกสาว  “ไม่ใช่อย่างที่ลูกคิดหรอกนะลูก  แคลยังไม่เคยแต่งงาน” แต่ดิออนมองหน้าตนกลับมาอย่างไม่เชื่อถือ “คือแบบว่า..ถึงเคย  ก็ไม่ใช่แบบที่ลูกคิดน่ะ”

ดิออนยอมรับว่าเธอไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้เป็นพ่อกำลังพยายามอธิบายอยู่  จึงพยายามจะใจเย็นและรอฟังโดยมีความแคลงใจระบายไปทั้งใบหน้า  “แล้วมันเป็นยังไงกันล่ะคะ” 

เฟอร์ริสพยายามตั้งสติใหม่และค่อยเริ่มอธิบายให้ดี  “ก็คือว่า..ลูกของท่านนายพลก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน..  ฉะนั้น..ถึงแคลจะเคยแต่งงานมาแล้ว  แต่ก็ทำไปเพราะความจำเป็นในเรื่องการทำงานที่นั่นน่ะ..  ลูกก็รู้นี่ว่า..เรื่องสัญชาติก็เรื่องใหญ่สำหรับทหาร”

ดิออนกระพริบตากับข้อมูลใหม่  ใจเธอเย็นลงและค่อยๆตั้งสติคิดทบทวนเรื่องราว เขาเคยบอกว่า “ไม่ชอบผู้ชาย”  ฉันจำได้ แต่ผู้หญิงที่เป็นทหารมันจะเป็นคนนี้ทุกคนเลยหรือไงนะ  และอะไรบางอย่างก็ทำให้เธอพูดโพล่งขึ้น  “ลูกสาวท่านนายพลชื่อ ‘แอน’ ใช่มั้ยคะ”

เฟอร์ริสมีสีหน้าตกใจที่ได้ยินคำถามนี้  แต่ก็ควบคุมตัวเองได้ในเวลาต่อมา “คิดว่า..น่าจะใช่นะ  แคลเคยบอก---”

“อ้อ..มิน่าล่ะ”  ดิออนพึมพำขึ้นมาทั้งที่ยังไม่ทันได้ฟังคำของอีกคนจนจบ  เธอก้มหน้าขมวดคิ้วและยืนนิ่งเหมือนก้อนหินไปนาน  เพราะมัวแต่นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่แคลนอนเพ้อเพราะพิษไข้และร้องเรียกชื่อของผู้หญิงคนนี้  มันทำให้เธอหงุดหงิดในใจอย่างบอกไม่ถูก  โดยไม่รู้ว่าท่าทางที่เธอกำลังทำอยู่  มันทำให้คนมองต้องรู้สึกห่วงมากขึ้น

“แคลบอกลูกแล้วเหรอ..เรื่องนี้” เฟอร์ริสค่อยๆตะล่อมถาม  เพราะกลัวว่าอาจจะทำให้ลูกสาวไม่สบายใจที่จะพูด  แต่ก็เหมือนว่าตนจะคาดผิด  เมื่อดิออนเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าเขาด้วยท่าทางโกรธๆ

“นี่คุณพ่อไปแยกเขาสองคนออกจากกันมาเหรอคะ” เสียงห้าวยิ่งห้วนสั้นเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอยู่กับใคร  แต่เมื่อเห็นสีหน้าตกใจของบิดา  เด็กสาวก็ลดแววตาโมโหของตัวเองลง  “คุณพ่อไม่น่าทำแบบนั้นนะคะ  ถ้าพวกเขารักกัน”

“ไม่ใช่หรอกลูก  หนูเข้าใจผิดแล้ว  แคลกับแอน หรือแองเจล่าน่ะ  เขาเลิกกันตั้งแต่ก่อนที่แคลจะกลับมาที่นี่แล้วล่ะ”  เฟอร์ริสพูดอย่างมั่นใจ  แต่ดิออนกลับยืนตาโตไม่เลิกและยังไม่เลิกถามถึงเรื่องที่ตนไม่รู้

“เลิกกันก่อน..  เลิกได้ยังไงกันคะ  แคลดูออกจะรักเขา..มาก”  ท่าทางเศร้าๆที่ตัวเองไม่ทันสังเกตเห็น  “แล้วพวกเขาหย่ากันแล้วเหรอคะ  คุณพ่อถึงให้เขามาเป็นคู่หมั้นของหนู”
คำถามนี้ทำให้ดิออนถูกดึงเข้ามากอดไว้  มือใหญ่ลูบศีรษะเธอเบาๆราวกับกลับไปเป็นเด็กเล็กๆอีกครั้ง  แล้วเธอก็ได้ฟังเสียงที่คุ้นหูนี้พูดปลอบเหมือนทุกทีที่เคยทำมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก

“พ่อก็ไม่รู้หรอกนะลูก..เรื่องนี้  รู้แค่ว่า..ตอนนี้แคลเป็นของลูกแล้ว  และจะเป็นตลอดไป  ถ้าลูกต้องการ  และถึงพวกเขาจะยังไม่ได้หย่ากันให้เป็นทางการ  แต่พ่อก็เชื่อว่า  แคลก็จะทำต้องแน่ๆล่ะจ้ะลูก  ไม่ต้องห่วงไปหรอกนะ”

แต่เสียงในหัวของเธอก็บอกตอบกลับไปว่า...  ไม่ใช่หรอกค่ะ คุณพ่อ  เป็นไปไม่ได้...




เจอกันได้อีกที่ที่นี่นะคะ https://www.facebook.com/Crimsonmaiden, https://twitter.com/Anh29, http://leslybooks.lnwshop.com/ (ร้านหนังสือ)

 

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.