web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 230
Most Online Ever: 230
(วันนี้ เวลา 05:53:50)
Users Online
Members: 0
Guests: 192
Total: 192

ผู้เขียน หัวข้อ: Runaway Bride vol.3 Chapter 18 : อัศวินม้าขาว  (อ่าน 2683 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anhann

  • Moderator
  • ขาประจำ
  • *****
  • กระทู้: 174
    • Crimson Maiden Les-books
Runaway Bride vol.3 Chapter 18 : อัศวินม้าขาว
« เมื่อ: 16 มกราคม 2014 เวลา 12:35:49 »


Chapter 18 : อัศวินม้าขาว 


ก็ไม่ได้อยากเป็นคนวุ่นวายอะไร  หากมันอดไม่ได้ที่จะห่วงหลานที่เพิ่งเกิดก่อนวันคริสมาสต์ได้ไม่กี่วัน  แม้จะเห็นใครๆต่างพากันมารุมล้อมเขา  หากก็ยังรู้สึกว่า  มันไม่ถูกต้องเท่าไหร่  หรือเพราะพวกคนที่มารุมรักเจสซี่ของป้านิกกี้  ไม่ได้สอนคุณแม่เพนนีให้ทำในสิ่งที่จะไม่ขัดจิตคุณป้าเลย  สงสัยต้องสอนกันใหม่

อา..  แต่ฉันแก่พอจะเป็นป้าคนแล้วเหรอเนี่ย.?

เออ..ก็แก่กว่ายัยเพนนีไม้ทีนี่แหละ..

“เธอรู้ไหม.. อุ้มเค้าแบบนั้น  เค้าอาจจะคอหักก็ได้  เด็กคอยังไม่แข็ง เรื่องแบบนี้ไม่มีใครสอนเธอหรือไง  ดีนะที่ตอนนั้นฉันไม่ให้แตะลูกฉัน!”  เดินมาถึงก็ใส่รัวๆ คนที่ตัวเล็กอยู่บนเก้าอี้ในห้องโถงตามลำพังกับเด็กทารกสะดุ้งตกใจราวสาวขวัญอ่อน  นิโคลถอนหายใจระอา  ยื่นมือออกไปขอเด็กในมือหล่อน  หากเพนนียังอิดออนไม่ส่งมาให้คล้ายกลัวเธอ  “ส่งเจสซี่มา  ฉันจะอุ้มให้ดู”

จะช่วยสอนแต่เสียงยังไม่วายดุจนคนฟังรู้สึกเหมือนได้ถูกศาลสั่งประหารให้ไปกินยาตาย  คุณแม่มือใหม่กล้าๆกลัวๆส่งลูกน้อยให้กับมือที่ยื่นมาขอ  และแน่นอนมือคู่นั้นใหญ่กว่ามือของเธอ  สามารถประคองเด็กทารกอย่างเจสซี่ได้เพียงมือเดียวด้วยซ้ำไป  เพราะเจ้าของมันตัวใหญ่กว่าเธอมาก  อาจจะสูงน้อยกว่าเจสสิก้าหรือดาเรน  แต่นิโคลก็จัดเป็นสาวตัวโตคนหนึ่ง

สูงตั้ง 178 เซน. เป็นนางแบบได้สบาย  ดาราก็ได้  สวยซะขนาดนี้  แต่จะเป็นไม่ได้ก็เพราะเรื่องหยิ่ง  เรื่องไม่เคยยอมให้ใคร  และยังดุชะมัดยาดนี่แหละ
แต่บอสบอกว่าเค้าใจดีนะ  เชื่อได้ไหม.?

“เธอต้องคอยประคองศีรษะเค้าเอาไว้ด้วย..แบบนี้”  นิโคลอธิบายพร้อมสาธิตด้วยการทำให้ดู  ผู้ชมคนเดียวของเธอมองอย่างสนใจ  แต่เธอแปลกใจมากกว่า  “ฉันไม่เข้าใจ..  เจสไม่สอนเธอเหรอ  เค้าอุ้มเด็กเป็น  เค้าเคยช่วยฉันเลี้ยงฝาแฝด  แม่เธอ..  ป้าแอนนิต้า.?” 

เพนนียิ้มเจื่อนๆ ทำท่าเหมือนไม่อยากพูดเท่าไหร่  แต่จะไม่พูดก็จะโดนซักไซ้ไม่จบน่ะสิ  “ฉันกับเจสไม่ค่อยได้มีเวลาอุ้มลูกเองหรอกตอนที่พวกเค้าอยู่กัน  นอกจากเจสซี่จะหิวนมเท่านั้น”

“อ้าวทำไมล่ะ.?” ถามแปลกใจ หากบางอย่างที่พอนึกได้ก็ทำให้ยิ้มแห้งๆพอกัน  “ฉันเดาว่า  เจสซี่อาจจะเฉามือได้  ถ้าพวกป้าๆไม่รีบบินกลับบ้านไปก่อน”

“ฉันไม่อยากจะบอกเลยว่า  มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่”  คุณแม่ยังสาวหัวเราะเบาๆ  ตกใจเล็กๆที่อีกสาวส่งลูกคืนให้เธอ  “เอ่อ...”

“ลองดูใหม่สิ  บางทีเจสซี่อาจจะสอนเธอเอง” 

เพนนีมองหน้านิโคลอย่างไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่  หากเมื่อได้สัมผัสลูกสาว  และเจสซี่ก็เริ่มพลิกไปพลิกมาในมือเธอ  เธอก็เริ่มจะพยายามประคองตัวเขาไว้  ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แค่กลัวเขาหลุดมือไปเท่านั้นเอง  แต่ดูเหมือนเธอจะทำได้ถูกใจคุณครูผู้สอนนะเนี่ย..

“นั่น..  แบบนั้นแหละ  จับเค้าซบอกเธอก็ได้  แต่อย่าดันศีรษะเค้าแรงนะ  กะโหลกยังบางอยู่ เดี๋ยวบุบไปจะไม่สวยได้” มะม๊าคนสวยเตือนอย่างผู้มีประสบการณ์   คนถูกเตือนทำหน้าประหลาดใจหากยังทำตามอย่างดีหรือขี้เกียจจะทะเลาะกับเธอ   ก็ไม่รู้สิ..  ช่างเถอะ  ใครจะสนกันล่ะ..

“โอเค..แบบนั้น..  ความจริง  เธอก็ทำได้นี่นา”

“เจสเคยบอกว่า  มันอยู่ในตัวของผู้หญิงทุกคน  แค่ฉันเรียกมันมาใช้ไม่ค่อยเป็นเท่านั้น”  คุณแม่มือใหม่พูดยิ้มเจื่อนเหมือนรู้สึกผิดอยู่ในใจ

“ก็ถูกของเค้า   ตอนที่ฉันท้องอ่อนๆก็คิดเหมือนกันว่า  จะเลี้ยงลูกได้ยังไง  มีพร้อมกันสองคนด้วยสิ  แต่ฉันก็มั่นใจว่า  ฉันต้องทำได้  แล้วมันก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ” 

เพนนีพยักหน้ายิ้มรับและก้มลงมองเด็กทารกในอ้อมอกตัวเอง  เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเอ็นดู  แว่วหูได้ยินเสียงอีกสาวพูดคำน่าสนใจ

“อย่างที่ฉันบอก  ลูกจะสอนเธอเอง  ถ้าเธอตั้งใจสังเกตให้ดี”

“นิกกี้..  ฉันขอบใจนะ” 

นิโคลยิ้มบางๆและลุกขึ้น  “ฉันไปก่อนนะ  สองแสบคงบ่นแล้วว่ามะม๊าไปไหน  เดี๋ยวเจสก็คงมา”  ร่างระหงหันหลังให้แม่กับลูก  เตรียมกลับไปดูลูกตัวเอง  หากก็ต้องหันกลับมาเพราะเสียงที่ดังตาม

“ฉันขอโทษที่มองเธอผิดไป”

หญิงสาวพยักหน้ารับใบหน้าไม่จางรอยยิ้มใจดีที่ไม่ค่อยมีบ่อยกับคนอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัว  และนั่นเองที่ทำให้คนมองรู้สึกได้ว่าหล่อนได้เป็นคนในครอบครัวของเธอแล้ว  แววตาดีใจจึงปรากฏให้เห็น  นิโคลเดินออกมาจากบ้านฮาร์เบอร์อย่างสบายใจ  คล้ายเธอโล่งอกจากความรู้สึกอึดอัดบางอย่าง
ความอยากช่วยคนของเธอล่ะมั้ง..  ไม่รู้สิ..

แต่บางที..  ฉันอาจจะอยากเป็นอัศวินจริงๆ..

----Runaway Bride3----

ดาเรนหอบแฟ้มงานกลับออกมาจากตึกที่มาเสนองานให้ลูกค้า  ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาทำงานในช่วงวันหยุดยาวแบบนี้   แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อลูกค้าต้องการ  และงานของเธอก็สำคัญ  เพราะนั่นหมายถึงความอยู่รอดของบริษัทและพนักงานด้วย  เธอจะเห็นแก่ตัวได้ยังไง  อีกอย่างก็แค่มารับคอนเซ็ปต์ของงานแล้วกลับไปนั่งคิดไอเดียต่อเท่านั้น  เวลาแค่ชั่วโมงสองชั่วโมงที่ต้องห่างจากลูกๆและภรรยาที่บ้าน  คงไม่ทำให้ใครลืมเธอได้หรอก  อย่าหลอนไปนักเลย..

ก็รู้อยู่แล้วล่ะน่า..  แต่มันก็นะ...

มันคิดถึงไง... 

ร่างสูงเดินมาถึงรถที่จอดอยู่โดดเด่นเพราะคันโตที่สุดในลานนี้  เพราะมันเป็นรถ SUV 4 wheel ขณะที่รถคันอื่นๆเป็นรถซีดานและรถสปอร์ต  ความจริงเธอก็ไม่ได้ตั้งใจอยากให้มันเด่น  แต่ดันไปยืมรถของคุณภรรยาที่หล่อนใช้ประจำ มาใช้น่ะสิ  รถตัวเองไม่ได้ล้างไง  จะเอามาใช้พบลูกค้าก็เกรงใจไปนะ..

รถของเธอเป็นรถซีดาน BMW สีดำสนิทเหมาะกับการเป็นเจ้าของบริษัท  ปกติเธอก็จะใช้คันนั้นมาติดต่องานกับลูกค้า  หากวันนี้มันสุดวิสัยจริงๆ ต้องขออาศัยรถคันนี้ของท่านรองมาใช้  และอันที่จริงมันก็ออกงานได้ไม่แพ้ใครหรอก

เพราะมันคือ..

ปอร์เช่  คาเยนน์..

เอ่อ..  รู้สึกว่าของท่านรองจะเลิศกว่าของเธอนะ..ท่านประธาน.. 

อ้อ..ตอบไม่ยาก  ก็บ้านนี้ภรรยาใหญ่กว่าไง..

นิโคลตัดสินใจซื้อรถคันนี้ก็ตอนที่ฝาแฝดต้องไปโรงเรียน  เพราะมันมีหน้าที่ไปส่งพวกเขาที่โรงเรียนและพาพวกเธอไปทำงานด้วย  คุณภรรยาคนสวยให้เหตุผลว่า  มันเป็นรถที่ดูดี  สมรรถนะเยี่ยม  ไว้ใจได้เรื่องระบบรักษาความปลอดภัยที่มี  แข็งแรง  แม้จะราคาสูงไปสักหน่อยแต่คิดว่าต้องใช้คุ้มแน่ๆ และตั้งแต่ที่มีมัน   เจ้า BMW สุดหล่อก็เหงาหงอยอยู่แต่ที่บ้าน  นานๆจะได้ใช้สักที  นิโคลบอกว่า เจ้ายักษ์คาเยนน์มันสะดวกดีเวลาไปช้อปปิ้ง ขนของได้เยอะ  ขนคนก็ได้  ซ้ำยังเป็นหน้าเป็นตาให้เธอในฐานะเจ้าของบริษัทด้วย 

คงเหมือนที่ราเชลใช้เบนซ์สปอร์ตนั่นแหละ  มันเป็นของเสริมฐานะและความเชื่อมั่นในสังคม..   นั่นก็โอเค... 
 
ท่านประธานใหญ่ตั้งใจจะรีบกลับบ้านทันทีที่ได้โอกาส  ทั้งยังจำได้อีกว่า  ต้องแวะซื้อของขนมที่ร้านประจำให้นิโคลกับเด็กๆ และเผื่อแผ่ไปให้บรรดาแขกๆที่ยังหลงเหลืออยู่  ประตูรถถูกปลดด้วยรีโรทในมือ  เธอกำลังจะเปิดเข้าไป  หากก็ชะงักกับเสียงที่ดังขึ้น

“คุณดาเรน  จะกลับแล้วเหรอคะ  ไม่อยู่ทานกลางวันกับเราก่อนหรือ.?”

ดาเรนหันมามองคนทัก  ยิ้มอย่างสุภาพให้ “โอ้..เซร่าห์..  ขอบคุณค่ะ  แต่ฉันมีคนรออยู่”  พูดตามความจริงแต่แบบรักษามารยาทสุดๆ ก็ไม่ได้อยากจะเจอหล่อนนักหรอกนะ  หากไม่จำเป็น  และหล่อนไม่ใช่ลูกค้าที่เรียกมาเจอ..

เฮ้อ..ฉันคิดผิดหรือเปล่าที่มาด้วยตัวเอง..  ลืมแล้วเหรอว่า  คนบ้านนี้ทำอะไรไว้กับเธอบ้าง  ทั้งนายจัสติน  แล้วก็ยังผู้หญิงคนนี้อีก..

อื้อหือ..จะไปลืมได้ยังไง  หล่อนแย่กว่าน้องชายหล่อนเสียอีกที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆเลย  ทั้งที่ก็เห็นอยู่ทนโท่ว่าเธอไม่มีทางยอมหรอกเรื่องนั้น  ท่าจะบ้าแน่  อยู่ดีๆก็อยากจะเป็นแม่คนทั้งที่ไม่มีแฟนหรือสามี  แต่ที่สำคัญกว่านั้น  คือเรื่องที่หล่อนอยากได้เธอไปมีส่วนร่วมด้วยน่ะสิ

ชิส์..  อยากให้ฉันไปเป็นพ่อพันธุ์เหรอ..  ฉันเป็นผู้หญิงไม่ใช่หรือไง..

“คุณหมายถึงนิกกี้เหรอคะ  ฉันโทรไปขออนุญาตให้ก็ได้”  เซร่าห์ยังพยายามต่อ  ไม่ได้สนใจอาการกระอักกระอ่วนใจของคนที่ตนชวนสักนิด  ดาเรนแอบข่มฟัน  คิดไม่ออกว่าจะหาทางออกได้ยังไง  ปกตินิโคลจะคอยกำจัดคนที่เกาะแกะเธอจนหมดสิ้น  เธอแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครที่พยายามจะเข้ามาจีบ

ก็โดนสกัดดาวรุ่งกันหมดไม่เหลือหลอเลยไงล่ะ!

แต่ตอนนี้จะทำยังไงล่ะ  ก็นิกกี้ไม่อยู่...

เอ..  แต่เธอลืมใครบางคนไปไหม.?

“ไม่ต้องโทรหรอกค่ะคุณผู้หญิง  ฉันตอบแทนนิกกี้ก็ได้”

ดาเรนกระพริบตาแปลกใจ  เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า  มีบางคนติดรถมาด้วย  หล่อนอยากแวะมาดูของบางอย่างในเมือง  และนี่คงเพิ่งจะกลับมาจากไปซื้อมัน  ได้เวลาที่เธอคุยกับลูกค้าพอดี  กะเวลาเก่งดีนะ  มาทันเจอแจ็คพ็อต!

“เธอเป็นใคร.?”  น้ำเสียงของเซร่าห์เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด  ดูหาเรื่องเหมือนดวงตาเคืองๆที่มองจ้องคนที่เพิ่งเดินมาถึง  หากมีหรือที่จะได้รับความสนใจ  เมื่ออีกฝ่ายก็นางร้ายพอกัน  ไม่รู้จักคุณหนูขาวีนจากนิวยอร์คเสียแล้ว..

“แล้วเธอล่ะเป็นใคร.?” 

เอาแล้วไง  ได้เรื่องแน่  ถ้าเธอไม่ตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเร็วๆนี้  แต่จะทำอะไรดีล่ะ   โอ้..คิดสิคิดเข้าดาเรน!

ด้วยความเร็วของสมองที่พอคิดได้  เธอคว้าแขนราเชลดึงให้เข้ามาใกล้  เพื่อจะได้ต่อรองกันให้ถนัด  แต่คิดหรือว่าหล่อนจะไม่ขัดขืน

“ดาเรนอะไรเล่า..  ฉันกำลังพยายามจะช่วยเธออยู่นะ”

“ช่วยเหรอราเชล..  ฉันคิดว่า  เธอกำลังทำให้มันแย่ลงต่างหาก  นั่นลูกค้าฉันนะ”  ดาเรนกระซิบกระซาบหวังให้ได้ยินกันสองคน  อีกคนเม้มปากขัดใจ  เธอถอนหายใจเหนื่อยใจ  แต่ต้องฮึดสู้  “ขอร้องล่ะ เห็นแก่ฉัน” 

ราเชลทำท่าเหมือนกำลังคิดว่าจะทำยังไงต่อ  หากระหว่างรอหล่อนคิดกลับมีบางคนคิดอะไรได้ก่อน  เสียงร้องของอีกคนที่เหลือก็ทำให้สะดุ้งตกใจ

“ฉันรู้แล้วว่าเธอเป็นใคร!” เซร่าห์ชี้หน้าหนึ่งในสองคนตรงหน้าด้วยอาการปากคอสั่น  ไม่รู้ดีใจมากหรือตกใจอะไรมากกันแน่  แต่จะอะไรก็ช่าง  หล่อนช่างน่ากลัวจริงๆ  ผู้หญิงอะไรเนี่ย!

“เซร่าห์..  เธอ.?”  ดาเรนถามงงๆ และยิ่งงงมากขึ้นกับท่าทางของเซร่าห์ที่พุ่งเข้ามายืนข้างราเชลแทน  หล่อนจับแขนสาวบลอนด์แน่นจนเจ้าของแขนตระหนกตกใจ 

“เธอ..  เธอเป็นอะไรมากหรือเปล่า  ฉันคิดว่าเราไม่เคย---”

“ราเชล  กิลเบอร์ก!”  เซร่าห์โพล่ง  เจ้าของชื่อตาโตตกใจ  “เซเลบคนดังจากนิวยอร์คนี่เอง   ฉันขอโทษที่ทำมารยาทไม่ดีกับคุณ   คือว่า..  คือว่า...”

ราเชลยกมือขอเวลานอกและลากตัวดาเรนออกมาจากรัศมีของอีกสาวในทันที  “ดาเรน..  นี่มันหมายความว่ายังไง.?”

คนถูกถามถอนหายใจเซ็ง  ไม่อยากพูดก็ต้องพูด  “หล่อนเป็นพี่สาวของเจ้าบ่าวคนที่สี่ของนิกกี้น่ะ”

คนฟังทำตาโตแทบเหลือก  เหลือบตาไปมองสาวคนที่ว่า  เซร่าห์โบกมือพร้อมยิ้มหวานมาให้  ราเชลรีบเบือนหน้าหนีทันที  หันกลับมาทำปากขมุบขมิบใส่ดาเรน  “โอเค..  พี่สาวของอดีตแฟนนิกกี้  แล้วไง.?”

ดาเรนถอนหายใจอีกรอบ  ลำบากใจซะจริง  “เรื่องมันยาวน่ะ  แต่ตอนนี้เรารีบกลับบ้านได้ไหม   ทำยังไงก็ได้”

“งั้นก็ไปสิ  ขึ้นรถ  แล้วห้อไปเลย”   ราเชลเสนอมองหน้าคนใกล้ตัวหน้าตาตื่น  รู้สึกกลัวขึ้นมาเฉยๆทั้งที่ไม่เคยเป็น  และรู้สึกอยากให้แอนนาเบลล์อยู่ที่นี่ซะแล้วสิ  ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวกว่าที่คิด  “ดาเรน.?” 

เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อย  มองคนตรงหน้าสลับกับอีกคนอย่างลำบากใจ  นี่ก็เพื่อน  นั่นก็ลูกค้าคนสำคัญ  ฉันจะเอายังไงดี  “ฉันก็อยากทำแบบนั้นนะ  แต่ราเชล..  หล่อนเป็นลูกค้า”

“ลูกค้าแล้วไง..  ลูกค้าแล้วเราต้องเอาใจทุกอย่างเหรอ  ถ้าหล่อนขอให้เธอไปเล่นจ้ำจี้ด้วย  ก็จะยอมหรือไง.?”  สาวบลอนด์ย้อน  รู้สึกโมโหคนขี้เกรงใจเสียแล้ว  “ฉันไม่อยากว่าเธอหรอกนะดาเรน  แต่จะทำอะไร  ขอให้เธอนึกถึงนิกกี้บ้าง  นึกหน่อยว่า  เค้าจะรู้สึกยังไง  ถ้าเธอเป็นคนไม่เด็ดขาด  ฉัน---”

“โอเค..ราเชล..  ฉันเข้าใจแล้ว”  ดาเรนตัดบทรวดเร็ว  ไม่อยากรู้สึกผิดกับคนที่บ้านอีกต่อไป  มันก็ถูกที่ราเชลว่า  เธอรู้ว่าเซร่าห์ต้องการอะไร  แล้วยังรีรออะไรอีก  จะเป็นเจ้าหญิงที่รอให้อัศวินยื่นมือมาปกป้องอีกหรือ.?

ฉันจะขอเป็นเจ้าหญิงที่หันมาปกป้องอัศวินบ้างนะคะ..  คำพูดนี้ที่เธอบอกนิโคลเอาไว้  ยังจำได้หรือเปล่า...

“เข้าใจก็ทำซะสิ” 

หัวคิ้วสีน้ำตาลกดลงเล็กๆ เมื่อถูกเร่งทั้งคำพูดและสายตา  ยอมรับว่าเริ่มหงุดหงิดที่โดนจี้ไม่หยุด  หากอีกใจก็ต้องขอบคุณเพื่อนที่คอยเตือนสติให้  บางครั้งการเกรงใจคนบางคนมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี  โดยเฉพาะเมื่อเธอมีคนที่ควรจะเกรงใจมากกว่ารออยู่ที่บ้านตัวเอง

ดาเรนสูดลมหายใจลึกๆก่อนเดินกลับไปหาผู้หญิงที่ยืนอยู่อย่างอดทน  เธอเห็นใจหล่อนนะที่ยังดูมีความหวังอยู่  แต่ก็....

“เอ่อ..เซร่าห์   คือว่า-----”

“เฮ้..  นั่นดาเรนใช่ไหม.?   ไม่เจอกันนานเลยนะคุณหลาน!” 

คุณหลานที่ว่ามองคนเรียกตาโต  ทั้งตกใจและแปลกใจที่เห็นหล่อนที่นี่  ผิดกับหล่อนที่ดีใจจนพุ่งเข้ามากอดกัน  ไม่ได้แคร์ใครที่ยืนมองตาปริบๆ “ฮัลลี่.?”

“ดาเรนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง  อย่าบอกนะว่า  ทำงานวันหยุด.?”  ฮัลลี่ถามเสียงดีใจ  เขย่งตัวขึ้นหอมแก้มหลานตัวโตที่หัวเราะเขินๆกลับมา

“ใช่ค่ะมาทำงาน  แล้วฮัลลี่ล่ะมาทำอะไร ไหนบอกว่าไปเที่ยวบ้านแฟน”

“กลับมาก่อนกำหนดจ้ะ  รายนั้นบอกว่าอยากเที่ยวต่อที่นี่  แล้วพอดีน้าก็มีงานซะด้วย  งานด่วนน่ะ”

“โอ้..  ถ้างั้นก็...”

“น้ามาเป็นวิทยากรพิเศษให้บริษัทนี้ค่ะ  วันนี้นัดมาคุยงานกัน”  คุณน้ายังสาวตอบเสียงแจ้วๆ  แล้วก็เพิ่งจะเห็นว่าตรงนี้ไม่ได้มีแค่ตนกับหลาน  และก็พบว่า  คนที่นัดตนให้มาพบก็คือหนึ่งในสองคนที่กำลังมองงงๆมายังพวกตน

“โอ้..นี่ไงดาเรน..  คุณเซร่าห์ที่นัดน้ามา!”  เจ้าของชื่อทำหน้าตกใจคล้ายจำไม่ได้ว่ามีนัดอื่นด้วย  หากก็ไม่มีเวลาตกใจนานนักหรอก  เพราะคนที่ไวอย่างกับปรอทพุ่งเข้าไปแนะนำตัวเรียบร้อย

“ฮัลลี่  มอร์แกนค่ะ  จำได้ใช่ไหมคะ.?”

เซร่าห์อึกอักมองอีกสาวอย่างงงๆ ยังคงจำไม่ได้ว่านัดใครไว้อยู่ดี  หรือสมองสนใจแค่ ‘ดาเรน  แมคคอลลี่’ กันล่ะ.?

“เลขาคุณนัดให้มาพบวันนี้ค่ะ  ฉันอุตส่าห์ตีตั๋วกลับมาจากอังกฤษเลยนะคะ  วิทยากรพิเศษไง..”  ฮัลลี่บอกอย่างไม่ยอมแพ้  แน่ล่ะ  ก็เธออุตส่าห์ยอมเสียสละเวลาวันหยุดเพื่อมาพบหล่อน  ยอมห่างจากคนรัก  แล้วจะมาทำเป็นจำไม่ได้แบบนี้  มีเรื่องสิ!

“เอ่องั้นก็...  เอ่อพอดีว่า....”

ดาเรนเห็นเซร่าห์ทำท่าลำบากใจมองมาทางตน  ก็รีบโผเข้ามาเสียบแทรกทันที  โอกาสดีแบบนี้ไม่ได้มีกันบ่อยนะ  ขอบคุณคุณน้าคนสวยคนนี้จริงๆ  มาทันเวลาเลยนะฮัลลี่   คุณน้าแสนดีของฉัน ! 

“ไม่เป็นไรค่ะเซร่าห์  ฉันกำลังจะบอกพอดีว่า  ฉันกับราเชลมีธุระต้องไปที่อื่นต่อ  คงจะอยู่ทานมื้อกลางวันด้วยไม่ได้  ถ้ายังไงก็ฝากน้าสาวฉันด้วยนะคะ  ฮัลลี่เป็นน้องสาวคุณแม่ฉันเอง  น้องแท้ๆค่ะ  แล้วสืบประวัติกันต่อเองนะ” พูดจบก็กลั้นใจไปหอมแก้มเซร่าห์หนึ่งทีเป็นการลา  หล่อนไม่ว่าอะไรคงเพราะมัวแต่อึ้งอยู่  มาถึงฮัลลี่  คุณน้าคนดีก็ยืนยิ้มเหมือนรู้อะไร  ทำหูตาแพรวพราวเชียว.. 

ใช่สิ..คุณน้าเธอหัวไวอยู่แล้วโดยเฉพาะเรื่องทำนองนี้ ตอนนั้นยังรู้เลยว่านิโคลชอบเธอมากกว่าเพื่อนกัน  และถ้าไม่ใช่เพราะหล่อน  เธอคงไม่กล้าจะสารภาพรักกับนิโคลแน่ๆ  หล่อนมีบุญคุณนะ  จะว่าไป...

แต่ความร้ายกาจก็มีเหมือนกัน  อันนี้ไม่ลืมหรอก..

แขนยาวรวบตัวน้าสาวมากอดและกระซิบเบาๆ  “ฝากด้วยนะคะฮัลลี่  แล้วจะส่งส่วยไปขอบคุณทีหลัง”

“มันต้องแบบนั้นอยู่แล้วค่ะคุณหลานสุดเลิฟ”  ฮัลลี่ตอบพลางคล้องคอคุณหลานรักตัวสูงลงมาจูจุ๊บที่ปากเบาๆ ดาเรนอมยิ้มอย่างรู้กันก่อนที่จะมองตามคุณน้าจัดการเรื่องต่อให้อย่างรู้งาน 

ฮัลลี่ชักชวนเซร่าห์ให้กลับขึ้นตึกไปสู่ห้องทำงานหล่อน  หรือห้องอะไรหรือไม่ใช่ห้องก็ช่าง  ต่อจากนี้ไม่เกี่ยวกับเธอแล้ว  แล้วแต่คุณน้าจะเห็นสมควร  หากก็ยังเหลืออีกคนที่ดูจะทำตัวไม่ถูกที่ยืนงงตาโต

“โอเค..  กลับได้แล้ว  เรียบร้อย” 

ประตูรถคันเท่ถูกเปิด  และคนขับก็เข้าไปนั่งประจำที่  สตาร์ทเครื่องเตรียมออกตัว  ดาเรนส่ายหัวก่อนกดแตรเรียกคนที่ยังยืนทื่ออยู่ท้ายรถ  ราเชลสะดุ้งก่อนพุ่งเข้ามานั่งประจำที่นั่งผู้โดยสาร  สาวบลอนด์อ้าปากจะถามหากมันก็ไม่จำเป็นเพราะคำตอบไปเร็วกว่า

“กำลังเสริมลับของฉัน  เอาไว้จะเล่าให้ฟัง  เรื่องมันยาว”

ราเชลร้อง ‘ว้าว’ ออกมาหนึ่งคำ  ก่อนเลือกเปลี่ยนเรื่องคุย  ดาเรนรู้ว่าหล่อนยังมีเรื่องอยากถามอีกมาก  หากคงยังเกรงใจกันถึงไม่คาดคั้นอะไร 

“โอเค..  กลับบ้านกันเถอะ  เธอได้ของครบแล้วใช่ไหม.?  เอาอะไรอีกหรือเปล่า”  อีกฝ่ายส่ายหน้า  หน้าตายังมึนๆ  ดาเรนถอนหายใจและส่ายหัวให้ตัวเองก่อนถอยรถออกจากซองจอด  และบึ่งออกไปอย่างรวดเร็ว  รู้สึกอยากไปถึงบ้านเร็วกว่าทุกวันที่มาทำงาน   หรือเพราะขวัญเสียจนอยากถูกกอดปลอบสักที

นิกกี้...  ฉันกลัว! 

อัศวินมาช่วยเจ้าหญิงด้วย!



......................................................................


สิ้นสุดวันจองไปแล้ว  แต่เพราะสัญญากันไว้ว่าจะลงให้ถึงตอนที่ 20 วันนี้เราจึงมาลงอีกจ้า..

ใจดีเนอะ  :43:

โอเค..  ถึงจะปิดจองอย่างเป็นทางการไปแล้วสำหรับนิยายแฟมิลี่เรื่องนี้  แต่ถ้าใครเพิ่งเห็น  มาไม่ทันวันปิดจอง  ก็ลองติดต่อมาได้นะคะ เผื่อว่าเราจะยังพอมีเหลือให้อยู่  ขอบคุณมากค่ะ

แล้วเจอกันกับนิยายเรื่องนี้อีกสองตอนนะคะ  :45:



เจอกันได้อีกที่ที่นี่นะคะ https://www.facebook.com/Crimsonmaiden, https://twitter.com/Anh29, http://leslybooks.lnwshop.com/ (ร้านหนังสือ)

 

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.