web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 230
Most Online Ever: 230
(วันนี้ เวลา 05:53:50)
Users Online
Members: 0
Guests: 174
Total: 174

ผู้เขียน หัวข้อ: Backpack In Love Chapter 05  (อ่าน 1524 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nuffy

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 93
Backpack In Love Chapter 05
« เมื่อ: 07 มกราคม 2014 เวลา 10:10:15 »

Chapter 5

วันเสาร์:

“ปอนด์ซังจะอยู่หลวงพระบางกี่วัน”

“วันนี้คงวันสุดท้าย พรุ่งนี้กะว่าจะไปวังเวียง ฮานะจังล่ะ”

“ฉันอยากไปโพนสะหวัน ไปดูทุ่งไหหิน  ปอนด์ซังไปด้วยกันกับฉันสิ”

สาวเซอร์ส่ายหน้า “โพนสะหวันต้องไป 3 วัน 2 คืน กลับมาก็มาอยู่หลวงพระบางอีก ฉันจะกลับกรุงเทพฯ ลำบาก กะว่าจะไปวังเวียงแล้วไปต่อรถที่เวียงจันเลย ฮานะจังอยากไปโพนสะหวันก็ไปสิน่าสนใจดี” ปอนด์พูด แต่ในใจคิดว่า...
 
‘อย่าไปเลยน้า... ไปวังเวียงด้วยกันเถอะ พลีสสสส’

ส่วนสาวแดนปลาดิบเองก็หน้าเสียเล็กน้อย ในใจพลางคิดไปว่า ‘ปอนด์ซังจะไปวังเวียงเหรอ อยากไปด้วยจังเลย ปอนด์ซังจะว่าอะไรมั้ยนะถ้าฉันจะไปกับคุณ’

“เอ่อ... ฮานะจังอย่าไปทุ่งไหหินเลย ไปวังเวียงกับฉันเถอะ แต่ถ้าฮานะจังไม่อยากไปกับฉัน ฉันก็ไม่บังคับนะ แต่ที่พูดก็แบบว่า อยากให้ฮานะจังไปด้วยคงสนุกดี” สาวเซอร์ชวนแบบกลัวๆ กล้าๆ ว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธ ใจจริงแล้ว อยากอยู่ใกล้ๆ เค้าอ้ะดิ๊

“ถ้าปอนด์ซังอยากให้ฉันไปวังเวียง ฉันก็จะไปด้วย เพราะว่า เอ่อ... ฉันอยากอยู่กับปอนด์ซังนะ” สาวยุ่นพูด ประโยคสุดท้ายของเธอนั้นแผ่วเบา

‘จะได้ยินมั้ยนะว่าฉันอยากอยู่กับปอนด์ซัง’

ปอนด์ได้ยินที่ฮานะพูด หัวใจเธอเต้นแรงเมื่อได้ยินคำว่า ‘ฉันอยากอยู่กับปอนด์ซัง’ เธอรู้สึกดีใจที่สาวแดนปลาดิบคนนี้อยากไปอยู่กับเธอ

‘อยากอยู่กับฉัน... โอ้ยยย ดีใจ ถ้าเป็นคนนี้อยู่ด้วยกันที่เมืองไทยก็ได้ หนูรับเลี้ยงค่า’

“เราไปหาอะไรกินกับเถอะ ฉันหิวแล้วล่ะ” สาวยุ่นลุกขึ้นจากเตียงแล้วชวนสาวไทยออกจากห้อง

ทั้งสองกิน American Breakfast ณ ร้านกินดื่มริมแม่น้ำโขง เดินดูส้มที่ตลาดขายส้มใกล้ๆ กับพระราชวัง หลังจากนั้นก็ไปจองรถ Mini Van ไปวังเวียงจากเอเจนซี่แห่งหนึ่งไม่ไกลจากบ้านพักของพวกเธอมากนัก สนนราคาคนละ 11,000 กีบ  หลังจากนั้นเดินไปยังฝั่งน้ำคาน นั่งเล่นริมฝั่งแม่น้ำดูเด็กๆ และฝรั่งเล่นน้ำอยู่พักใหญ่ สองสาวก็เดินเที่ยวในเมืองอีกครั้งที่ถนนศรีสว่างวงศ์ ถนนสายหลักของเมืองนี้ ทั้งสองนั่งกินขนมที่ร้าน Scandinavian Bakery  ก็พบกับอลิซและมารี สองสาวชาวนอร์เวย์ที่ขึ้น Speed boat มาด้วยกัน ทั้งสี่นั่งคุยกันอยู่พักใหญ่ หลังจากนั้นสองสาวไทยและยุ่นก็ขอตัวออกมาเดินเที่ยวต่อในยามบ่าย

ปอนด์รู้สึกดีเมื่อมีฮานะอยู่ใกล้ๆ สาวยุ่นเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน เธอชอบปอนด์มาก จนคิดเกินเลยไปว่า ทั้งสองจะเป็นไปได้มากกว่าเพื่อนหรือไม่ ดูจากท่าทางของสาวเซอร์เองก็ชอบเธอไม่น้อย ทั้งคอยดูแล ทั้งตามใจ ทั้งคอยง้อ แถมยังทำตัวป๋า คือจ่ายก่อนเธอทุกครั้งอีกด้วย ทั้งๆ ที่เธอรู้สึกว่าไม่จำเป็นเลย อีกทั้งท่าทางและการแสดงออกบางครั้งบางทีก็เหมือนกับว่าปอนด์กำลังจีบเธออยู่

“ร้อนจังเลยเนอะ” ปอนด์พูดพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อ ระหว่างที่ทั้งสองเดินไปตามถนนหนทางท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยงๆ ยามบ่ายในหลวงพระบาง

“อื้อ อะซุย (ร้อน)”

“อ้ะ ใส่นี่ไว้นะ”
 
สาวเซอร์สวมหมวกแก๊บของตนลงบนศีรษะของฮานะ ส่วนตัวเองก็หยิบแว่นสายตาออกมาแล้วติดคลิปแม่เหล็กกันแดด หลังจากนั้นก็เอาขึ้นมาสวม

“ไม่ใส่หมวกเหรอ” สาวยุ่นถามเมื่อเห็นปอนด์สวมแว่นกันแดด

สาวไทยส่ายหน้าแล้วพูดว่า “แค่นี้ก็พอ เมืองไทยก็ร้อนพอๆ กับที่นี่น่ะแหละ ชินแล้ว ฮานะจังมาจากญี่ปุ่นอากาศคงไม่ร้อนขนาดนี้ ใส่หมวกไว้เถอะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”

“ค่ะ” ฮานะตอบรับด้วยรอยยิ้ม เธอเอื้อมมือปัดเส้นผมของปอนด์ที่ตกลงมาให้ขึ้นไปที่เดิม แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าของเธอซับเม็ดเหงื่อที่ยังหลงเหลืออยู่บนหน้าผากรวมถึงแก้มให้อย่างพิถีพิถัน ทำเอาอีกฝ่ายหัวใจเต้นแรงเลยทีเดียว

‘อ๋า... อย่าทำอย่างงี้สิฮานะจัง เค้าเขินน้า...’ สีหน้าของปอนด์เข้มขึ้นเมื่อได้รับสัมผัสของสาวยุ่น

“ร้อนเหรอคะ หน้าแดงเชียว” สาวญี่ปุ่นพูดเมื่อสังเกตใบหน้าของสาวไทย แล้วเธอก็ใช้หลังมือแตะไปที่แก้มของอีกฝ่ายหนึ่ง

“แก้มคุณร้อนจังเลย ไม่สบายรึเปล่าคะ” ไม่บอกก็รู้ว่าตอนนี้หน้าของปอนด์แดงเป็นตูดลิงเพราะความเขินมากกว่าความร้อนของอากาศ แต่สาวไทยใจกล้าหน้าทนจอมแถคนนี้มีรึจะเสียฟอร์ม จึงตอบเลี่ยงๆ ไปว่า

“เอ่อ... คงตากแดดมากไปน่ะ ฮานะจัง ฉันว่าเราไปหาที่ร่มๆ นั่งพักกันเถอะ” ว่าแล้วปอนด์เดินก้มหน้างุดนำสาวยุ่นไป ฮานะอมยิ้มน้อยๆ

‘ฮิ ฮิ เวลาเขินน่ารักจัง’

ตกเย็นสองสาวก็ขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกบนวัดพูสี คราวนี้ไม่ได้เสียตังค์เพราะขึ้นไปไม่ถึงยอด นั่งพักตรงโต๊ะเก็บเงินพอดี (ฮา) ปอนด์และฮานะนั่งลงตรงม้าหิน สาวเซอร์เอากระดาษขึ้นมาเสก็ตภาพวิวอีกครั้ง ส่วนสาวยุ่นก็นั่งมองดูอีกฝ่ายวาดรูปด้วยความสนใจ

ไม่กี่อึดใจต่อมาบรรดานักท่องเที่ยวหลายคนก็เข้ามาสมทบ ส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่งมากกว่าคนเอเชีย และหนึ่งในนั้นคือสาวอังกฤษร่างอวบ เจ้โอเด็ต (เรียกเจ้เลยเนอะ)

“สะบายดี ปอนด์ สะบายดี ฮานะ” โอเด็ตทักสองสาวเป็นภาษาลาว

“สะบายดี โอเด็ต” ปอนด์และฮานะทักตอบ หลังจากนั้นสาวจากหมู่เกาะทั้งสองก็คุยกัน โดยปล่อยให้สาวไทยอย่างปอนด์นั่งเสก็ตภาพต่อไป

ฮานะดูคุยเก่งมากขึ้นและร่าเริงมากขึ้นจากครั้งที่เธอได้คุยกับเจ้อวบ (โอเด็ตนั่นแล แต่ขอเรียกสั้นๆ) ที่ปากเบง ทำให้สาวอังกฤษแปลกใจ และยิ่งประหลาดใจมากที่สุดก็คือ สองสาวเอเชียแชร์ห้องอยู่ร่วมกันและจะเดินทางไปวังเวียงด้วยกันในวันพรุ่งนี้อีกด้วย สีหน้าของโอเด็ตยิ้มอยู่ในทีหลังจากที่สาวยุ่นขอตัวไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ

“เอาเป็นว่าฉันชนะพนันนะ” เจ้อวบเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ ปอนด์ที่เสก็ตภาพเสร็จแล้ว

สาวไทยมองหน้าโอเด็ตอยู่พักหนึ่งก็ก้มหน้าตอบว่า “ก็คงงั้น คุณน่าจะไปเป็นหมอดูได้มากกว่าเรียนพฤติกรรมศาสตร์หรือจิตวิทยา”

สาวอังกฤษร่างอวบหัวเราะออกมาเล็กน้อย “ไม่ล่ะ ที่ฉันพนันกับคุณ เพราะฉันเห็นว่าคุณสองคนเป็นคนเอเชียเหมือนกัน เข้ากันได้ดีมากเพียงพบกันแค่ไม่นาน ไม่เหมือนคนยุโรปอย่างเราที่ต่างคนต่างอยู่ คุยกันแบบผิวเผิน แต่คุณสองคน ทั้งๆ ที่เพิ่งจะได้คุยกันแต่กลับห่วงใยซึ่งกันและกัน ฉันก็เลยคิดว่าความสัมพันธ์ของคุณกับฮานะน่าจะก้าวไปไกลมากกว่าการเป็นเพื่อนร่วมเดินทาง”

ปอนด์อมยิ้ม “คุณพูดถูก แล้วฉันจะจ่ายค่าพนันคุณยังไงดี”

“คุณกับฮานะช่วยดื่มเจ้านี่แทนฉันที ฉันไม่ไหวแล้ว” โอเด็ตหยิบขวดเบียร์ลาวที่มีปริมาณเหลืออยู่ประมาณครึ่งขวดขึ้นมาแล้วยื่นให้ปอนด์ พร้อมๆ กับที่สาวแดนปลาดิบเดินตรงมาที่ทั้งคู่พอดี ทั้งสองมองหน้ากันอย่างหารือ

“เอาก็เอา เชียส” สาวเซอร์รับขวดเบียร์จากมือเจ้อวบแล้วยกขึ้นเหนือศีรษะนิดหนึ่งก่อนที่กระดกเบียร์ลาวลงลำคอ เพื่อดื่มย้อมใจ

‘ฮ่วย! จืดฉิบหาย น้ำเปล่ากลิ่นเบียร์รึยังไงเนี่ย’ ปอนด์คิดเมื่อน้ำสีอำพันกระทบกับลิ้น เธอดื่มมันประมาณ 3 – 4 อึกแล้วส่งขวดเบียร์ให้ฮานะ

สาวยุ่นลังเลใจเล็กน้อย เธอไม่รู้เรื่องว่าโอเด็ตกับปอนด์คุยอะไรกัน แต่เธอก็รับขวดเบียร์มาแล้วก็ดื่ม

‘สักหน่อยก็ดี จะได้กล้าบอกปอนด์ซัง’

เมื่อเบียร์หมดขวดจากการสลับกันดื่มของปอนด์และฮานะ สาวเซอร์เก็บอุปกรณ์วาดรูปลงกระเป๋า แล้วบอกลาโอเด็ต

“โชคดีนะ อย่าลืมส่งข่าวมาบอกกันบ้างล่ะ!” สาวอังกฤษตะโกนไล่หลังสองสาว ปอนด์หันไปยิ้มให้แล้วเดินลงจากพูสี

-----------------
ตลอดถนนศรีสว่างวงศ์ ตั้งแต่ช่วงสี่แยกที่ทำการการท่องเที่ยวหลวงพระบางไปจนถึงวัดโพนไซ และถนนสักกะรินตั้งแต่สี่แยกตึกที่ทำการยูเนสโก้ไปจนเกือบถึงวิลล่าสันติมีพ่อค้าแม่ค้าเตรียมตั้งแผงขายของต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะมาจับจ่ายซื้อของ ณ ตลาดมืด หรือถนนคนเดินยามค่ำคืนอีกครั้ง ช่วงสุดสัปดาห์เป็นช่วงที่คึกคักสำหรับหลวงพระบางเพราะนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะที่มาจากเมืองไทยจะเดินทางมาเยือนเมืองนี้เป็นจำนวนมาก ปอนด์และฮานะเดินเข้าไปเล่นในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งอยู่นานสองนานเพื่อฆ่าเวลา (และเล่นของเล่นเด็กที่อยู่ในโรงเรียน) หลังจากนั้นก็ไปหาข้าวเย็นกินกันที่ริมน้ำคาน สองสาวนั่งกินนั่งคุยกันอยู่ที่ร้านอาหารราวๆ 2 ชั่วโมงเศษ ก็ออกเดินต่อไปจนถึงป้ายขององค์การยูเนสโก้อีกครั้งหลังจากนั้นก็ทั้งสองก็นั่งพักตรงฐานก่ออิฐของหลักศิลาจารึก

“ดาวสวยจังเลย” ฮานะพูดพลางเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดมิด มีดาวหลายดวงแต่งแต้มอยู่บนผืนฟ้า

“อื้อ”

ทั้งสองนั่งเงยหน้ามองดาวอยู่ครู่หนึ่ง บนถนนที่เงียบกริบที่ไม่มีแม้แต่รถมอเตอร์ไซด์หรือคนเดินผ่าน ดูทีท่าว่าผู้คนในเมืองนี้จะไปกระจุกตัวอยู่ที่ตลาดมืดกันเกือบหมด ไม่ก็ผับ หรือ บาร์ที่อยู่ริมน้ำคาน สองสาวนั่งเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรต่อกันอยู่นาน เสียงหริ่งเรไรที่ดังระงมทำให้บรรยากาศในค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่นและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาของธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ใบหน้าของสาวญี่ปุ่นก้มต่ำราวกับว่าเธอกำลังซ่อนความรู้สึกบางอย่างที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า ส่วนสาวไทยก็มีความรู้สึกแปลกกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ หัวใจของเธอเต้นโครมครามในสมองก็พร่ำถามตัวเองว่าเป็นอะไร ทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้ รู้สึกอยากอยู่ใกล้กับบุคคลที่นั่งอยู่ข้างๆ สองสาวค่อยๆ ขยับตัวเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมือของทั้งสองสัมผัสกันก็รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านก่อให้เกิดความอบอุ่นขึ้นในจิตใจ ปอนด์และฮานะนั่งกุมมือกันเงียบๆ จนกระทั่ง...

“ปอนด์ซัง ฉันมีเรื่องจะบอกคุณล่ะ” ฮานะพูดทำลายความเงียบ แต่เสียงของสาวยุ่นก็เบาจนคนที่นั่งข้างๆ ต้องโน้มตัวเข้าไปใกล้ใบหน้าของอีกฝ่าย

“เรื่องอะไรเหรอ”

“เอ่อ... คือ…” สาวยุ่นบิดตัวไปมา ท่าทางเธอเขินอาย

“หือ... ว่ายังไงคะ” ปอนด์ขยับตัวให้เข้าใกล้ฮานะมากยิ่งขึ้น พลางมองหน้าสาวแดนปลาดิบที่มีสีชมพูของเลือดฝาดแต่งแต้มอยู่

ฮานะเงยหน้ามองสาวเซอร์ด้วยดวงตาที่หวานฉ่ำ ทำเอาคนถูกมองหัวใจเต้นแรงแต่ก็จ้องตาตอบกลับไปด้วยดวงตาที่อ่อนโยน

“ว่ายังไงคะ” ปอนด์กระซิบถามอีกครั้ง ใบหน้าของทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงแค่คืบเดียว

“ว... วาตาชิ (ฉ... ฉัน)”

“หือ...”

“ป... ปอนด์ซัง”

“ไฮ่”

“ป... ปอนด์ซัง... สึคิเดส”

ด้วยความเขินทำให้ฮานะพูดออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่น เธอไม่รู้ว่าสาวเซอร์จะรู้ความหมายที่เธอพูดออกมาหรือไม่ แต่เธอก็พูดออกมาแล้ว ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการที่พบได้ทุกครั้งในยามที่เธอเขินอาย

“โคอิบิโตะ นิ นาริมาเซน ก๊า” สาวยุ่นพูดออกมาอีกครั้งหนึ่ง แววตาของเธอที่มองปอนด์อยู่ดูราวกับอ้อนวอนว่ากรุณาตอบอะไรออกมาสักอย่างเถอะ หนูเขินจะแย่แล้ว...

“Yes” คำพูดที่ออกมาจากปากของสาวเซอร์

“อ้ะ คุณรู้คำพวกนี้ด้วยเหรอ” ฮานะพูดออกมาอย่างตกใจ เมื่อได้รับคำตอบจากปอนด์

“รู้แค่คำว่า สึคิ (ชอบ) เอง ส่วนประโยคหลังฉันไม่รู้...” สาวเซอร์ตอบมาด้วยใบหน้าที่แดงไม่แพ้ฮานะ

“เอ่อ... แล้วไอ้ที่ตอบ Yes ก็เพราะไม่รู้จะตอบฮานะจังว่าอะไรดี” สาวไทยพูดออกมาอย่างเขินๆ ซึ่งก็ทำให้สาวยุ่นยิ้มออกมา

“แล้ว... คุณคิดว่ายังไงละคะ กับสิ่งที่ฉันบอกไป” สาวแดนปลาดิบถามพลางสบตาของอีกฝ่ายไปด้วย ดวงตากลมโตสีเข้มเหมือนลูกกวางตัวน้อยๆ ของเธอที่ตอนนี้มีแต่ใบหน้าของสาวไทยคนนี้เพียงคนเดียว

“ก็... ฮานะจัง สึคิ” ปอนด์พูดแบบเขินๆ

ฮานะยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำตอบ แล้วเธอพูดด้วยเสียงเบาๆ ว่า “ฉันชอบคุณมากเลยค่ะ ชอบจนแบบว่าไม่อยากให้คุณเป็นแค่เพื่อน อยากให้คุณเป็นอะไรที่มากกว่านั้น ไม่เองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงชอบคุณมากมายขนาดนี้ จนกระทั่งอยากอยู่ใกล้ๆ อยากอยู่ด้วยกัน ไม่อยากให้คุณไปไหน แล้วก็รู้สึกเอ่อ... รัก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ทั้งๆ ที่เราเพิ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่วันและเป็นผู้หญิงเหมือนกัน”

“ฉันก็ชอบฮานะจังนะ อยากอยู่ใกล้ๆ ฉันรู้สึกดีที่มีฮานะจังอยู่ข้างๆ มันไม่เคยเกิดขึ้นกับฉันมาก่อน ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน... รู้มั้ยว่า ฉันคิดว่าความรักมันไม่แบ่งเพศหรอก รักก็คือรัก ฉันขอแค่คนที่ฉันอยู่ด้วยแล้วทำให้ฉันรู้สึกดี รู้สึกมีความสุข คนที่ทำให้ฉันยิ้มได้ทุกเวลาเมื่อมีคนๆ นี้อยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว และฮานะจังเป็นคนเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้น” สาวไทยพูดพลางบีบมือของฮานะแน่น

สาวญี่ปุ่นยิ้ม แล้วทวนประโยคภาษาญี่ปุ่นให้ปอนด์ฟังอีกครั้ง “โคอิบิโตะ นิ นาริมาเซน ก๊า”

“แปลว่าอะไรเหรอ”

“คบกับฉันได้มั้ยคะ”

“Yes”

สาวเซอร์ตอบออกมา ก่อนที่จะเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ฮานะแล้วประทับจูบที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างเนิ่นนาน

เมื่อริมฝีปากของทั้งคู่ผละออก หญิงสาวทั้งสองก็ยิ้มให้กัน ปอนด์ดึงตัวฮานะเข้ามากอด

“ขอบคุณนะ ฉันดีใจมากเลยที่ได้มาพบกับฮานะจัง”

“ฉันก็ดีใจที่ได้พบกับปอนด์ซังเหมือนกัน”

“ไม่ต้องเรียกปอนด์ซังแล้ว เรียกปอนด์เฉยๆ ก็พอ”

“ค่ะ ปอนด์… ว่าแต่... เราสองคนจะโดนตำรวจจับมั้ย”

“เอ๋”

“เค้าห้ามไม่ให้แสดงความรักในที่โจ่งแจ้งตามที่โปสเตอร์บอก” สาวยุ่นบอกพลางนึกถึงโปสเตอร์การปฏิบัติตัวในเมืองหลวงพระบางที่ติดอยู่ข้างห้องของพวกเธอ ที่ระบุข้อห้ามต่างๆ ในระหว่างการอยู่ที่นี่ เช่น ห้ามแต่งตัวโป๊ ห้ามจับต้องโบราณสถาน การแสดงความรักเช่นกอด หรือ จูบ ก็เป็นหนึ่งในข้อห้ามเช่นเดียวกัน

ปอนด์ผละตัวออก พลางมองซ้ายมองขวาไปรอบๆ ตัว มีเพียงเธอกับฮานะ แฟนหมาดๆ ของเธอเท่านั้นที่อยู่ในบริเวณนี้ สาวเซอร์ยิ้มเล็กน้อย

“มันก็จริงแฮะ แต่ก็นิดหน่อยเค้าคงไม่ว่าหรอก” ว่าแล้วก็ฝังจมูกลงบนแก้มนุ่มของสาวยุ่น ฮานะสะดุ้ง เธอตีแขนของสาวเซอร์ไป 1 ทีแต่กลับมีรอยยิ้มเขินๆ บนใบหน้า หลังจากนั้นเธอก็ถูกปอนด์ดึงตัวขึ้นมาให้เดินตรงไปตามถนนที่มุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองอีกครั้งด้วยหัวใจที่พองโต

คืนนี้ฮานะไม่ได้นอนที่เตียงของตนเอง แต่เธอขนหมอนมานอนที่เตียงของปอนด์ สองสาวนอนกอดกันแน่นด้วยความอุ่นกายและอุ่นใจ




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.