web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 158
Most Online Ever: 190
(08 กรกฎาคม 2022 เวลา 19:00:55 )
Users Online
Members: 0
Guests: 142
Total: 142

ผู้เขียน หัวข้อ: Backpack In Love Chapter 03  (อ่าน 1718 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nuffy

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 93
Backpack In Love Chapter 03
« เมื่อ: 07 มกราคม 2014 เวลา 10:08:10 »

Chapter 3

“ขอโทษนะคะ” ฮานะก้มหัวลงเล็กน้อยเป็นเชิงขอโทษขณะที่ปอนด์ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นทรายริมตลิ่งของแม่น้ำโขงและนวดขาทั้งสองที่ไร้ความรู้สึกของตัวเองอยู่


“ไม่เป็นไรๆ ว่าแต่หลับสบายมั้ย” สาวเซอร์พูดติดตลก

“ก็ดีค่ะ อุ้ย…” สาวยุ่นเอามือปิดปากเมื่อความในใจของเธอหลุดออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

‘อย่ามาถามแบบนี้นะคะ รู้มั้ยว่าฉันหลับสบายเพราะคุณนี่แหละ’ ฮานะคิดในใจพลางมองหน้าคู่สนทนา

เมื่อทั้งสองสบตากันก็ส่งยิ้มให้และหัวเราะออกมาเล็กน้อย ส่วนสมาชิกคนอื่นๆ ต่างก็เดินขึ้นไปบนด้านบนเพื่อนั่งรถตุ๊ก ตุ๊ก เข้าเมืองกันหมดแล้ว สาวเซอร์ค่อยๆ ยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนแล้วสะบัดขาไปมา เมื่อขยับได้คล่องแล้วก็ยกกระเป๋าขึ้นมาสะพายหลัง

“ไปกันเถอะ”

“อื้อ” แล้วทั้งสองก็เดินขึ้นด้านบนไปด้วยกัน

“นี่ปอนด์ซัง คุณจะพักที่ไหนเหรอ”

“ก็ตามไกด์บุ๊คของรุ่นพี่ฉันที่เคยไว้ เค้าบอกว่ามีเกสต์เฮ้าส์ถูกๆ หลายที่ล่ะ ให้เดินหาเอา ก็เลยกะว่าจะลองเดินหาดู แล้วฮานะจังล่ะ”

“ยังไม่รู้เลย เพราะในไกด์บุ๊คที่ฉันมีแนะนำแต่โรงแรม”

สาวแดนปลาดิบหยิบหนังสือไกด์บุ๊คที่เป็นภาษาญี่ปุ่นโชว์ให้ปอนด์ดู ขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งรอรถตุ๊ก ตุ๊กที่กำลังมา

“ฉันมีงบมาน้อย เลยต้องนอนถูกๆ แต่อย่างฮานะจังก็น่าจะนอนโรงแรมในเมืองได้นะ อย่างที่ โรงแรมพูสี หรือ วิลล่าสันติ (Villa Santi)”

สาวยุ่นตัวเล็กส่ายหน้าเล็กน้อย “ฉันก็ต้องประหยัดเหมือนกัน เพราะกว่าจะเก็บเงินมาได้ก็แทบตายเหมือนกัน อยากจะหาที่พักถูกๆ นอน”

“อืมม์ เหรอ พรุ่งนี้เพื่อนฉันจะมาถึงหลวงพระบาง พวกนั้นบอกว่าจะนอนโรงแรม งั้นเอางี้มั้ย คืนนี้พวกเราแชร์ห้องนอนด้วยกันก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที” สาวเซอร์ออกความคิดเห็น

“เห... ได้เหรอ จะรบกวนปอนด์ซังเปล่าๆ นะ ฉันเกรงใจ”

“น่า... ไม่ต้องเกรงใจหรอก ไหนๆ พวกเราก็ต้องรัดเข็มขัดกันอยู่แล้ว ก็แชร์ห้องกันซะก็หมดเรื่อง ดีมะ”

“แล้วเพื่อนๆ ของปอนด์ซังล่ะ”

“ก็บอกแล้วไงว่าพวกเขาจะมาถึงพรุ่งนี้ พรุ่งนี้มันก็เป็นเรื่องของพรุ่งนี้ วันนี้ก็ส่วนวันนี้ พวกเราต้องหาที่พักนี่นา ถูกมั้ย”

“งั้นก็ ฝากตัวด้วยค่ะ” ฮานะโค้งตัวให้ปอนด์อีกครั้งพลางยิ้มกว้าง ส่วนสาวเซอร์ก็ยิ้มตอบ ซึ่งพอดีกับที่รถตุ๊ก ตุ๊ก คันหนึ่งแล่นเข้ามาพอดี

“เข้าเมืองเท่าไหร่คะ” ปอนด์ถามคุณลุงคนขับรถด้วยภาษาไทย

“โตละ 3 พันกีบ”

สาวเซอร์หันไปแปลให้ฮานะฟัง สาวยุ่นพยักหน้า ปอนด์จึงหันมาบอกกับคุณลุงคนขับว่า

“โอเค” แล้วทั้งสองก็ขึ้นรถเข้าไปในเมือง

-----------------

เมืองหลวงพระบาง เป็นเมืองเอกของแขวงหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อยู่ทางภาคเหนือของประเทศ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงและน้ำคาน ซึ่งไหลมาบรรจบกัน เป็นเมืองที่องค์การยูเนสโกได้ยกย่องให้เป็นมรดกโลกด้วย

หลวงพระบางได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกด้วยเหตุผล คือ มีวัดวาอารามเก่าแก่มากมาย มีบ้านเรืออันเป็นเอกลักษณ์โคโลเนียลสไตล์ ตัวเมืองตั้งอยู่ริมน้ำโขงและน้ำคาน ซึ่งไหลบรรจบกันท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม และชาวหลวงพระบางมีบุคลิกที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นมิตร มีขนบธรรมเนียมประเพณีที่งดงาม ในขณะที่มรดกโลกแห่งอื่นอาจได้ขึ้นทะเบียนอย่างจำเพาะเจาะจงในโบราณสถาน ธรรมชาติ แต่หลวงพระบางทั้งเมืองได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกของมวลมนุษยชาติเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2538 และยังได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองที่ได้รับการปกปักษ์รักษาที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หลวงพระบางเป็นเมืองเก่าแก่ของอาณาจักรล้านช้าง ตั้งแต่สมัยสถาปนาอาณาจักร ซึ่งแต่เดิมมีชื่อว่าเมืองชวา และเมื่อ พ.ศ. 1300 ขุนลอ ซึ่งถือเป็น ปฐมกษัตริย์ลาวได้ทรงตั้งเมืองชวาเป็นราชธานีของอาณาจักรล้านช้างและได้เปลี่ยนชื่อเมืองใหม่ว่าเชียงทอง

เมื่อพระเจ้าฟ้างุ้ม (พ.ศ. 1896 - พ.ศ. 1916) เสด็จกลับจากกัมพูชา อันเนื่องจากพระองค์และพระบิดาต้องเสด็จลี้ภัยเพราะถูกขับไล่จากกษัตริย์องค์ก่อน ซึ่งแท้จริงก็คือพระอัยกาของเจ้าฟ้างุ้มนั่นเอง เจ้าฟ้างุ้มทรงรวบรวมกำลังขณะอยู่ในเสียมเรียบ และนำกองทัพนับพันกำลังเพื่อกู้ราชบัลลังก์กลับคืน และสถาปนาอาณาจักรขึ้น ต่อมาในสมัยพระโพธิสารราชเจ้าพระองค์ได้อาราธนาพระบางซึ่งเดิมประดิษฐานอยู่ที่เมืองเวียงคำ ขึ้นมาประดิษฐานอยู่ที่เมืองเชียงทองอันเป็นนครหลวง เมืองเชียงทองจึงถูกเรียกว่า ”หลวงพระบาง” นับแต่นั้นมา 

สองสาวไทยแลนด์แดนสยามและสาวปลาดิบแดนอุทัยทิพย์ เอ้ย อาทิตย์อุทัย ลงเดินหาเกสต์เฮ้าส์ที่ถนนศรีสว่างวงศ์ ถนนสายหลักของหลวงพระบาง ถนนที่เต็มไปด้วยร้านกินดื่ม  ทั้งอาหารลาวและอาหารต่างชาติมากมาย ร้านสปาและร้านนวด ร้านอินเตอร์เน็ตและเอเจนซี่ทัวร์ต่างๆ อีกทั้งยังมีตรอกซอกซอยมากมายที่มีเฮือนพักหรือเกสต์เฮ้าส์ตั้งอยู่ ทั้งสองเดินถามราคาห้องพักอยู่หลายแห่ง แต่ราคาและสภาพห้องไม่เป็นที่น่าพอใจนัก เมื่อทั้งสองเดินเลี้ยวเข้าไปในซอยหนึ่งที่ก้นซอยติดกับวัดเล็กๆ ที่มีต้นชงโคออกดอกสีชมพูสวย ทั้งสองก็พบกับ Heritage Information Center หรือที่บ้านบอกว่าเป็น “เฮือนจัน” ข้างในเป็นบ้านไม้แบบลาวแท้ งดงามมาก จนทั้งคู่ต้องเดินเข้าไปถ่ายรูปเก็บไว้

ส่วนทางด้านขวาของซอยก็เป็นเกสต์เฮ้าส์ ทั้งสองจึงเดินเข้าไปถามและดูสภาพห้องหมายเลข 1 เฮือนพักที่ชาวบ้านทำเองแท้ๆ ที่อยู่ใจกลางเมือง สภาพห้องกลางเก่ากลางใหม่ มีเตียงไม้สองเตียงพร้อมฝูก หมอนและผ้าขนหนูวางในห้อง ตู้เสื้อผ้ากลางเก่ากลางใหม่วางไว้ที่ปลายเตียงด้านหนึ่ง ห้องน้ำก็ดูโอเค เพียงแต่ว่าถ้าอยากอาบน้ำอุ่นต้องไปอาบห้องน้ำรวมที่อยู่ด้านใน สองสาวมองหน้ากันเล็กน้อยอย่างหารือ แต่เพราะความเหนื่อย ความเมื่อยล้าเข้าครอบงำ ประกอบกับราคาห้องที่ค่อนข้างถูกคือ 60,000 กีบ ต่อคืน และบ้านตั้งอยู่ใจกลางเมือง สาวไทยและสาวยุ่นจึงตกลงที่จะเช่าห้องพักแห่งนี้อยู่ก่อน
เมื่อวางกระเป๋าลงบนพื้นห้อง ฮานะก็เอนหลังลงบนฝูกทันทีพร้อมบ่นเป็นภาษาญี่ปุ่น 2 – 3 คำ ซึ่งปอนด์เดาออกว่าเพื่อนร่วมทางและเพื่อนร่วมห้องของเธอนี้รู้สึกเหนื่อยพอสมควร แต่ด้วยความเป็นคนขี้เล่นและปากจัดนิดๆ จึงแอบแซวสาวยุ่นไปเล็กน้อยว่า

“ฮานะจังนอนบนเรือไปตั้งนานยังเหนื่อยอีกเหรอ”

“อ้ะ...” สาวยุ่นลุกขึ้นมานั่งทันทีแล้วทำหน้าเศร้า

“ขอโทษค่ะ ปอนด์ซัง ฉันนี่ไม่ดีเลยที่ทำให้คุณต้องลำบาก”

‘เฮ้ยๆๆ เอาแล้วไง ไอ้คนปากหมา ทำให้คนเค้าเสียความรู้สึก’ สาวเซอร์หน้าเสียเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนร่วมห้อง เธอรีบไปนั่งลงข้างๆ ฮานะทันทีแล้วพูดว่า

“อ่า... ขอโทษๆๆ ฉันล้อเล่น ฉันไม่ได้ตั้งใจ รู้มั้ยว่าตอนฮานะจังหลับน่ะน่ารักมากเลย เลยไม่อยากปลุก อย่าโกรธนะๆๆๆ”

ด้านสาวยุ่นเมื่อได้ยินคำว่า “ตอนหลับน่ะน่ารักมากเลย” ของอีกฝ่ายก็หน้าแดงขึ้นมาทันที หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุ ความรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เพื่อนร่วมทางชาวไทยของเธอเป็นเหน็บเมื่อครู่นี้หายไปกลับกลายเป็นความเขินแทน จนเธอก้มหน้างุดเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำ ในใจก็คิด...

‘หัวใจจ๋า อย่าเต้นแรงสิ เค้าคงแค่พูดเล่น แต่ทำไมรู้สึกดีใจจังเลย’

“อย่าโกรธน้า... ดีกันน้า...” ปอนด์พูดอย่างใจเสียเมื่อเห็นอีกฝ่ายหนึ่งก้มหน้าลงยิ่งกว่าเก่า

“วันนี้เลี้ยงข้าวเย็นเลยเอ้า สัญญาเลย”

“ไม่ต้องเลี้ยงข้าวหรอกปอนด์ซัง ฉันไม่ได้โกรธคุณ” ฮานะพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา

‘ทำไมหัวใจฉันเต้นแรงจัง พอได้แล้ว อย่ามาทำให้รู้สึกดีนะปอนด์ซัง คนญี่ปุ่นอย่างฉันจริงจังนะจะบอกให้’

“ไม่ได้ๆ ต้องเลี้ยงๆ อย่าถือสาคนปากไม่ดีอย่างฉันเลยน้า ฉันก็เป็นอย่างนี้แหละ แต่รักใครก็รักจริงน้า” สาวเซอร์พูดอย่างรวดเร็ว

‘รักใครก็รักจริง อ้ายยยย คนๆ นี้พูดออกมาอย่างนี้ได้ยังไง พวกเราเพิ่งรู้จักกันเองนะ’

สาวยุ่นคิดไปไกลโน้นแล้ว อันที่จริงแล้วปอนด์เป็นคนรักเพื่อนต่างหากล่ะ แต่แฟน เอ่อ ไม่รู้สิเพราะมันยังไม่มี

“นะๆๆๆ”

“ค... ค่ะ” ฮานะตอบรับด้วยเสียงอันแผ่วเบาเหมือนเดิม

“เย้ๆๆๆ งั้นเงยหน้าหน่อยสิ”

“เอ๋”

“ถ้าไม่มองตาก็แสดงว่าพูดไม่จริง เวลาพูดต้องมองตากันรู้มั้ยจะได้รู้ว่าจริงใจรึเปล่า”

ปอนด์พูดพลางประคองใบหน้าของอีกฝ่ายหนึ่งให้เงยขึ้นมามองเธอ เมื่อใบหน้าสีออกแดงๆ ของสาวยุ่นเผยออกมาให้เห็น เธอก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย

‘อ้ากกกกกกกกก น่าร้ากกกกกกกกก เค้าจะเอากลับบ้านนนนนนนนนนน โฮกกกกกกกก’

ปอนด์ตะโกนก้องในใจเมื่อเห็นใบหน้าของสาวยุ่นที่แดงระเรื่อ ดวงตากลมโตนั้นหวานฉ่ำ ริมฝีปากอวบอิ่มที่เม้มเข้าหากันเล็กน้อยนั้นก็ดู... ดู... น่าจุ๊บเสียนี่กระไร ด้วยอาการชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นเป็นทุนเดิม ทำให้ปอนด์เดาได้เลยว่า อาการแบบนี้คืออาการเขิน ไม่ใช่โกรธ แต่เอ นี่ฉันไปทำอะไรให้เค้าเขินหว่า

“ไหนตอบใหม่ซิ ที่ตอบเมื่อกี้น่ะว่าไม่โกรธฉันแล้วก็วันนี้ให้ฉันเลี้ยงข้าวเย็น”

ฮานะต้องไปที่ดวงตาของปอนด์อยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกมาว่า “ค่ะ”

“ดีมาก งั้นก็พักกันก่อนเนอะแล้วเดี๋ยวออกไปกินข้าวกัน ตอนนี้ขอทำธุระก่อน”

ว่าแล้วสาวเซอร์ก็ขยี้ผมของสาวยุ่นที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเอ็นดู แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้ฮานะนั่งหน้าแดงอมยิ้มพร้อมๆ กับความรู้สึกประหลาดที่เกิดขึ้นภายในใจ

-----------------
ครู่ใหญ่ๆ ต่อมาทั้งสองสาวก็ดินออกมาจากบ้านพัก ปอนด์ยังคงอยู่ในชุดเดิมคือเสื้อยืดพอดีตัวสีดำ กางเกงสี่ส่วนสีน้ำตาลและรองเท้าแตะแบบหูหนีบ สะพายกระเป๋า Ocean Pack ส่วนฮานะก็ยังคงอยู่ในชุดเดิมเช่นเดียวกันนั่นก็คือเสื้อยืดพอดีตัวสีชมพู กับกางเกงห้าส่วนสีดำและรองเท้าผ้าใบ บวกกับกระเป๋าผ้าสะพายข้างขนาดกลางสีน้ำตาลอ่อน ทั้งคู่เดินเที่ยวภายในเมืองก่อนและเดินไปดูอาทิตย์อัศดงด้วยกันตรงริมแม่น้ำโขง หลังจากนั้นสาวเซอร์ก็เปิดคัมภีร์ประจำกายนั่นก็คือ Lonely Planet เพื่อหาร้านอาหารสำหรับมื้อแรกในหลวงพระบางของพวกเธอ ร้านนั้นตั้งอยู่ใกล้ๆ กับซอยที่มีแม่ค้าพ่อค้ามาขายของตอนเช้าและตอนกลางคืนพอดีนั่นก็คือตลาดเช้าและตลาดมืด

“นี่ไงๆ ร้านนี้แหละ” สาวเซอร์ปิดคัมภีร์การท่องเที่ยวลงแล้วก็ดึงมือฮานะเข้าไปในร้าน

ทั้งสองนั่งกินข้าวเคล้าเสียงหัวเราะ ปอนด์เป็นคนอารมณ์ดี ขี้เล่น มีประสบการณ์ในการท่องเที่ยวมากมายตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย สาวยุ่นได้แต่นั่งฟังแล้วก็ขำกับการเล่นแผลงๆ ในกิจกรรมต่างๆ ที่เพื่อนร่วมทางและเพื่อนร่วมห้องของเธอเล่า แต่เมื่อปอนด์ถามเรื่องราวของเธอ ฮานะก็ได้แต่ตอบสั้นๆ เกี่ยวกับเรื่องครอบครัวที่มีเธอเป็นลูกคนกลางในครอบครัวที่เคร่งครัดในเรื่องกฎระเบียบ รายล้อมด้วยพี่ชาย และน้องชายน้องสาวที่เป็นฝาแฝดกัน เธอเรียนในโรงเรียนที่ดีในเมือง แล้วสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ก็เท่านั้น หลังจากนั้นเธอก็เลี่ยงไม่ตอบ สาวเซอร์จึงไม่ถามต่อ

เมื่อกินข้าวเสร็จ ทั้งคู่ก็เดินเที่ยวตลาดมืดในตัวเมืองจนทะลุออกมาทางที่ทำการไปรษณีย์ของลาว ปอนด์และฮานะเดินแวะเข้าไปในแผงขายซีดีแห่งหนึ่งที่มีแม่ค้าเป็นสาววัยรุ่น เธอมองดูแผ่นก็อปปี้เพลงไทยทั้งเพลงไทยสากลและไทยลูกทุ่งมากมาย ส่วนเพลงลาวที่ขายนั้นเป็นแผ่นแท้ แม่ค้าวัยรุ่นเชียร์ให้ปอนด์ซื้อแผ่นเพลงวงป๊อปวงหนึ่งของลาวด้วยการเปิดให้ฟัง

“อู..............”

เสียงร้องด้วยความทึ่งในดนตรีป๊อปของศิลปินลาวออกมาจากคอของสาวไทยและสาวยุ่น แต่ทั้งสองก็ไม่ซื้อ ด้วยความที่ว่ามีอย่างอื่นที่น่าสนใจให้ดูมากกว่า นั่นก็คือโปสการ์ด

สองสาวเลือกซื้อโปสการ์ดไว้ส่งหาเพื่อนๆ และคนในครอบครัวอยู่นานแต่ราคาค่อนข้างแพงจึงไปหาซื้อที่ร้านอื่น ระหว่างนั้นก็เดินเที่ยวไปตามถนนที่มุ่งไปสู่น้ำคาน ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินเที่ยวอยู่นั้นโทรศัพท์ของทั้งคู่ก็ดังขึ้นพร้อมกัน

“ฮัลโหล” ปอนด์กรอกเสียงลงโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่งที่เปิดโรมมิ่งเอาไว้รับสายจากโสภิตาคนชวนเที่ยว เธอชะลอฝีเท้าให้เดินช้าลงปล่อยให้ฮานะเดินนำไปก่อนเพื่อไม่เป็นการรบกวนการคุยโทรศัพท์ของอีกฝ่าย

“เออ ถึงแล้วเนี่ย เพิ่งกินข้าวเสร็จ พรุ่งนี้เครื่องลงกี่โมงวะ แล้วพวกแกจะนอนที่ไหน”

“ปอนด์ฉันจะโทรมาบอกแกว่าพวกฉันไม่ไปแล้วว่ะ ลาวอ่ะ พอดีว่าพวกไอ้เตยอยากไปเกาะหลีเป๊ะ ฉันเองก็อยากไปทะเลเหมือนกันช่วงนี้ ก็เลยไปเปลี่ยนตั๋วเครื่องบินไปลงที่หาดใหญ่แทน”

“เฮ้ย! ได้ไง! ทิ้งกูเลยเหรอวะ”

“ขอโทษเว้ย ก็คนมันอยากไป”

“อย่ามาพูดหมาๆ แบบนี้เลย สรุปมึงจะมาหรือไม่มา”

“มาไม่ได้แล้ว ตอนนี้พวกกูอยู่หาดใหญ่ เครื่องเพิ่งลงเมื่อกี้ พอดีนึกขึ้นได้ว่ามึงมาที่ลาวแล้ว เลยรีบโทรมาบอก”

“ทำไมมึงไม่โทรบอกกูตอนกูจะกลับล่ะ!”

“เฮ้ย ปอนด์... กูขอโทษ เอาไว้คราวหน้านะ”

“ไม่ต้องพูด แค่นี้นะ” สาวเซอร์กดวางสายทิ้งอย่างรวดเร็วเธอโกรธ โกรธมากที่เพื่อนสนิททำอย่างนี้กับเธอ

‘ไอ้พวกนี้ทำกูได้’ ความรู้สึกของเธอตอนนี้เหมือนคนโดนหักหลังและโดนทิ้ง โดนเพื่อนสนิทหลอก แล้วก็ทิ้งกันอย่างหน้าตาเฉย แถมยังบอกอีกด้วยว่าลืม
 
‘ไอ้พวกบ้า กลับไปกูจะเลิกคบให้หมดเลย’ ปอนด์เดินฟึดฟัดตรงเข้าไปหาฮานะที่กำลังนั่งอยู่ตรงบันไดปูนที่นำไปสู่น้ำคาน

บริเวณที่สาวแดนปลาดิบนั่งอยู่มีแสงสลัวๆ ส่องให้เห็นเล็กน้อย สาวเซอร์เห็นว่าอีกฝ่ายหนึ่งกำลังนั่งร้องไห้จึงรีบสาวเท้าเข้าไปหาทันที

“ฮานะจังเป็นอะไรไป”

“อ้ะ... ฉ... ฉัน... ม... ไม่มีอะไรหรอก”

“แต่... ฮานะจังร้องไห้แบบนี้จะไม่มีอะไรได้ยังไง เป็นอะไรไป คนที่บ้านเป็นอะไรไปเหรอ”

“ป... เปล่าหรอก แล้วเพื่อนคุณโทรมาเหรอปอนด์ซัง”

“ใช่ พวกนั้นโทรมาบอกว่าไม่มาแล้ว เปลี่ยนไปเที่ยวทะเลแทนด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าอยากไป และพวกนั้นลืมว่าฉันยังอยู่ที่นี่ พอไปถึงทะเลแล้วก็เพิ่งนึกได้ว่าฉันมาที่นี่แล้ว หึ ดีจริงๆ” ปอนด์กัดฟันพูด

“คุณโกรธพวกเขา”

“ใช่... ฉันโกรธ”

“มันก็น่าโกรธอยู่หรอกนะ ชวนให้มาแล้วก็ไม่มา ส่วนฉันสิ... บอกว่ามาแล้วกลับไม่เชื่อ”

“หือ... ยังไงเหรอ”

“ฉันเป็นพวกไม่ค่อยกล้าทำอะไร ไม่ชอบทำอะไรเสี่ยงๆ อยู่แต่ในกรอบที่คุณพ่อกับคุณแม่วางเอาไว้ พออยู่โรงเรียนก็เป็นคนเงียบๆ โดนคนโน้นคนนี้แกล้งก็ไม่ได้บอกใคร ฉันขี้อายกับขี้เกรงใจมากเกินไปด้วย”

“อื้อ แล้ว...”

“พอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยฉันคิดว่าฉันน่าจะลองทำอะไรบางอย่างเพื่อทำให้คนอื่นรู้ว่าฉันเองก็กล้าเหมือนกัน ฉันเลยเดินทางมาที่นี่ ตอนแรกพวกเขาก็คัดค้าน พ่อกับแม่ฉันน่ะ พวกท่านเป็นห่วงเลยโทรมาบอกกับญาติของฉันให้ฉันอยู่กับท่านระหว่างที่มาเที่ยว”

ฮานะมองที่โทรศัพท์มือถือของเธอแล้วพูดต่อว่า “เพื่อนของฉันโทรมาพวกนั้นไม่เชื่อว่าฉันมาเที่ยวคนเดียว ฉันอยู่ที่นี่หลวงพระบาง พวกเขาไม่เชื่อว่ายัยเฉื่อย ยัยเชยอย่างฉันจะกล้าออกมาต่างประเทศคนเดียวเดินทางคนเดียวได้ พวกเขาล้อเลียนฉัน เยาะเย้ยฉัน ส่วนพ่อกับแม่ฉันก็โทรมาบอกว่าเป็นห่วง ทำไมไม่โทรกลับ”

‘เฉื่อย เชย ตรงไหนว้า... ออกจะน่ารักขนาดนี้ คนญี่ปุ่นนี่ตาถั่วรึเปล่าเนี่ย พ่อกับแม่ก็อีก เป็นห่วงมากเกินไปรึเปล่า แต่ก็นะ มีลูกสาวออกจะน่ารัก เฮ้ย ไม่ใช่ๆ ควรจะให้เปิดหูเปิดตามั่งดิ๊ ไม่ใช่อยู่แต่ในบ้านเป็นนางห้อง’ ปอนด์คิดในใจแต่ก็นั่งฟังฮานะพูดต่อไป

“รู้มั้ยว่าฉันอยากออกเดินทางท่องเที่ยวอย่างคุณบ้างนะปอนด์ซัง ฉันโตแล้วนะ อายุ 20 แล้ว บรรลุนิติภาวะแล้ว แต่พวกเค้ายังมองว่าฉันเป็นคนที่ไม่กล้า ไม่ได้เรื่องทำอะไรไม่ได้อยู่... เรื่องที่คุณเล่ามาน่าสนุกมาก และฉันคิดว่าถึงคุณจะเที่ยวที่นี่คนเดียวคุณก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวอย่างสนุกสนานได้เหมือนกับทริปก่อนๆ ของคุณ”

ปอนด์มองหน้าของฮานะแล้วก็ก้มลงมองที่โทรศัพท์ของตนเอง

“เฮ้อ... ในเมื่อฉันเองถูกทิ้ง ส่วนเธอเองก็อยากออกเดินทางงั้นก็... ฮานะจัง พวกเรามาเที่ยวที่นี่ให้เต็มคราบกันเถอะ เอาให้พวกนั้นอิจฉาเราสองคน อิจฉาที่เราเที่ยวที่นี่อย่างสนุกสนานอย่างที่เธอว่า” สาวเซอร์กุมมือของอีกฝ่ายไว้

ฮานะมองที่ใบหน้าของเพื่อนร่วมเดินทางพักหนึ่งแล้วยิ้มออกมา “อื้อ ฝากตัวด้วยค่ะ” พูดจบเธอโค้งให้

“งั้นก็เริ่มด้วย ปิดมือถือกันเถอะ”

“เอ๋”

“ไม่ต้องติดต่อใครจนกว่าเราจะออกจากที่นี่ แล้วพวกเราก็จะเที่ยวๆๆ ให้คนพวกนั้นเห็นว่าถึงแม้ฉันจะไม่มีเพื่อนมาเที่ยวด้วย กับเธอ... คนที่ขี้กลัว ขี้อาย ไม่กล้าทำอะไรอย่างที่คนอื่นบอกไว้ก็เที่ยวเองได้ สนุก แถมมีความสุขจนทุกคนอิจฉาอีกด้วย”

ฮานะยิ้มกว้างแล้วตอบว่า “ค่ะ”

“ขอมือถือฮานะจังหน่อยสิ”

สาวยุ่นยื่นโทรศัพท์ของเธอให้คนข้างๆ ส่วนปอนด์ก็ยื่นโทรศัพท์ของตนเองให้กับฮานะ สาวยุ่นรับโทรศัพท์ของอีกฝ่ายมาถือ

“พวกเรามาปิดมือถือพร้อมกัน นับสามนะ หนึ่ง... สอง... สาม…”

และแล้วมือถือของทั้งคู่ก็ดับตัวลงด้วยปุ่ม Off สาวทั้งสองมองหน้ากันแล้วก็ยิ้มให้

“ไปกันเถอะ”

ปอนด์ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือข้างหนึ่งให้กับสาวยุ่น ฮานะจับมือของสาวเซอร์แน่นแล้วลุกขึ้นยืนตาม สองสาวต่างเชื้อชาติก็เดินเคียงคู่กันไปตามถนนยามค่ำคืนของหลวงพระบาง




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.