web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 78
Most Online Ever: 190
(08 กรกฎาคม 2022 เวลา 19:00:55 )
Users Online
Members: 0
Guests: 46
Total: 46

ผู้เขียน หัวข้อ: สัญญาวิวาห์กำมะลอ ตอนที่ 14  (อ่าน 1817 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
สัญญาวิวาห์กำมะลอ ตอนที่ 14
« เมื่อ: 01 มกราคม 2014 เวลา 10:56:17 »

ตอนที่ 14

   ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึงแต่คนต้นคิดกลับรู้สึกกังวลใจมากกว่าคนอื่นทั้งๆที่ตอนแรกเธอแค่อยากจะแกล้งใครบางคนเล่นเฉยๆแต่ทำไปทำมาเธอกลับติดบ่วงที่ตัวเองวางไว้จนถอนตัวไม่ขึ้น
   “เป็นอะไรลูก”
   ศิวัชมองหน้าบุตรสาวที่ดูเหม่อลอยจนเขาไม่แน่ใจว่ามาธวีกำลังรู้สึกตื่นเต้นหรือว่ายังไม่พร้อมกันแน่
   “ว่าไงลูก”
   “เปล่าค่ะ”
   มาธวีหันไปส่งยิ้มให้กับบิดาจากนั้นเจ้าตัวก็พยายามสะบัดความคิดที่อยู่ในหัวออกเพราะตอนนี้คงแก้ไขอะไรไม่ได้นอกจากการหาทางตั้งรับเท่านั้น
   “ผึ้งคงไม่ว่าพ่อใช่มั้ยที่เร่งเรื่องแต่งงาน”
   ศิวัชเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิดหากไม่เพราะงานที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศเร่งเข้ามาแถมมีทีท่าว่าจะเป็นการเดินทางที่ยาวนานมากพอสมควรแล้วล่ะก็เขาคงไม่เลื่อนงานแต่งเข้ามาเร็วขนาดนี้
   “ลุงกำธรเป็นคนดีลูกๆของเค้าก็น่ารักโดยเฉพาะหนูเพชร”
   คนพูดชำเลืองมองคนข้างๆครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองยังเบื้องหน้า
   “พ่อว่าลูกของพ่อมองคนไม่ผิด”
   “คุณพ่อไม่ว่าอะไรเหรอคะเรื่องนี้”
   ในที่สุดคำถามคาใจของมาธวีก็ถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
   “ผึ้งกำลังจะแต่งงานกับ กับผู้หญิงด้วยกัน”
   ศิวัชมองลึกเข้าไปในดวงตาของคนพูดเขาเห็นความสั่นไหวที่อยู่ภายในอย่างชัดเจนจนต้องดึงตัวบุตรสาวเข้ามากอด
   “พ่อรักทุกอย่างที่เป็นลูกและจะรักคนที่ลูกของพ่อรัก…ไม่ว่าเค้าคนนั้นจะเป็นใคร”
   “ขอบคุณนะคะ”
   มาธวียิ้มอย่างสบายใจเมื่อได้พูดคุยบางอย่างที่ติดอยู่ในใจกับคนเป็นพ่อ
   “งั้นเราออกไปข้างนอกกันได้หรือยัง”
   “ก็ได้ค่ะแต่ว่า…”
   “อะไรอีกล่ะลูกคนนี้”
   “คุณพ่อพูดผิดไปอย่างหนึ่งนะคะ”
   “เรื่องอะไรเหรอลูก”
   “ก็เรื่องคนที่ผึ้งรักไงคะเพราะผึ้งไม่ได้รักน้ำเพชรซักหน่อย”
   พูดจบมาธวีก็เดินยิ้มออกจากห้องไปอย่างสบายอารมณ์ส่วนคนที่ได้ยินก็หัวเราะให้กับความปากแข็งของบุตรสาวที่กล้าพูดประโยคแบบนี้ออกมาทั้งๆที่ดูจากการกระทำแล้วมันสวนทางกับคำพูดอย่างสิ้นเชิง

   ที่ริมทะเลวันนี้ได้ถูกเนรมิตให้เป็นสถานที่จัดงานของคนทั้งคู่ ถือได้ว่าเป็นการจัดที่ออกแนวสบายๆเพราะแขกที่เชิญมาก็มีแค่ญาติสนิทไม่กี่คน อวิกามองตัวเองอย่างสงสัยไม่แน่ใจว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่ในฐานะเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวแต่การที่ตัวเองสวมกางเกงเลสีขาวก็เดาได้ไม่อยากว่าเธอคงเป็นเจ้าบ่าวเพราะตอนนี้เจ้าสาวที่สวมกระโปรงยาวพริ้วไหวไปกับสายลมกำลังเดินเข้ามาหาเธอ
   “มาทำอะไรตรงนี้คะ”
   มาธวีเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับการสอดมือเข้าไปที่แขนของคนที่ยืนอยู่ก่อนทันทีที่มาถึง
   “เพชรมาเดินเล่นค่ะ”
   “ไม่ชวนพี่เลยนะ น่าน้อยใจจัง”
   คนพูดหน้างอเล็กน้อยแต่กลับกระชับแขนของตัวเองให้แน่นมากกว่าเดิม
   “เพชรไม่อยากกวนพี่ผึ้งอะค่ะเห็นยุ่งๆ”
   “งั้นพี่ไปล่ะ”
   คนพูดดึงมือออก ก่อนจะเตรียมเดินกลับไปทางที่เพิ่งเดินมาแต่กลับถูกอวิกาดึงแขนเอาไว้ซะก่อน
   “จะไปไหนคะ”
   “ไปไหนก็ได้แต่ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”
   “ทำไมล่ะคะ”
   “พี่ไม่อยากกวนใจน้ำเพชร”
   คนพูดพยายามแกะมือที่จับแขนของตัวเองออกแต่กลับถูกเจ้าของมือดึงตัวเธอเข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้น
   “น้ำเพชรจะทำอะไรปล่อยพี่”
   “ปล่อยก็ได้ค่ะ”
   อวิกาค่อยๆปล่อยมือที่จับแขนของคนแสนงอนออกจากนั้นมาธวีก็กลับหลังเตรียมจะเดินเข้าไปในงานแต่อิสระของหญิงสาวก็มีไม่นานเมื่อคนเจ้าเลห์ได้ฉวยโอกาสตอนเผลอสอดแขนกอดเธอจากด้านหลัง
   “อุ๊ย! ”
   มาธวีอุทานออกมาอย่างตกใจก่อนจะหันไปมองคนช่างแกล้งแต่เพียงไม่นานหญิงสาวก็ต้องหันหน้าไปทางอื่นเพราะตอนนี้อวิกากำลังเอาหัวมาพาดไว้ที่ไหล่ของเธอ
   “ปล่อยนะ”
   “ปล่อย ปล่อยอะไรคะ”
   คนพูดแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะแอบอมยิ้มออกมาเมื่อมองเห็นแก้มขาวที่เริ่มเปลี่ยนสีของคนในอ้อมกอด
   “ก็ปล่อยพี่ไงปล่อยเดี๋ยวนี้”
   “ไม่ปล่อย”
   “น้ำเพชร! ”
   “อยู่ใกล้กันแค่นี้ทำไมต้องเรียกเสียงดังด้วยคะ”
   “ก็น้ำเพชรพูดไม่รู้เรื่อง ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้! ”
   น้ำเสียงดุๆที่คนพูดใช้ขู่คนที่กำลังกอดเธอใช้ไม่ได้ผลสักนิดเพราะตอนนี้อวิกากำลังกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นก่อนจะก้มลงสูดกลิ่นหอมที่ซอกคอกขาวของคนในอ้อมกอด
   มาธวีพยายามเก็บซ่อนอาการสั่นของตัวเองเอาไว้แต่มันก็หลุดทุกทียิ่งตอนที่ลมหายใจอุ่นๆของอวิกาถูกพ่นมายังคอของเธอมันยิ่งทำให้เธอถึงกับท้องไส้ปั่นป่วนขึ้นมาแบบกระทันหัน หญิงสาวอยากจะดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดของอีกฝ่ายแต่มือของเธอดันไปจับที่แขนของอวิกาเอาไว้เหมือนกับว่าไม่อยากให้อ้อมกอดนี้หลุดหายไปไหนซะอย่างนั้น
   “หอมจัง”
   คนพูดยิ้มออกมาน้อยๆพร้อมจะคลายอ้อมกอดให้หลวมๆจากนั้นก็จับคนที่ยืนหันหลังให้หันหน้ากลับมาหาตัวเอง
   “นี่แค่ตัวอย่างนะคะ”
   “อะไร”
   “ไม่บอก…เดี๋ยวเข้าหอก็รู้กัน”
   คนฟังถึงกับทำอะไรไม่ถูกรู้แต่ว่าตอนนี้เธอกำลังประสบกับอาการที่เรียกว่าหูดับเพราะแม้แต่เสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งเธอยังแทบไม่ได้ยิน ตอนนี้ในหัวเธอกำลังวนเวียนกับสิ่งที่คนตรงหน้าพูดและทันทีที่เรียกสติให้กลับมาได้มาธวีก็เงยหน้ามองคนทะลึ่งทันทีก่อนจะค่อยๆยิ้มหวานออกมา
   “พี่ก็มีตัวอย่างให้น้ำเพชรเหมือนกันค่ะ”
   “ตัวอย่าง”
   อวิกามองหน้าคนพูดอย่างสงสัยแต่เพียงไม่นานเธอก็ได้รับคำตอบทันทีเพราะว่าที่เจ้าสาวของเธอได้จัดการกระแทกส้นเท้าเข้าที่เท้าของเธอแบบเต็มแรงจนเธอถึงกับทรุดไปนั่งกับพื้น
   “โอ๊ย พี่ผึ้งเล่นอะไรคะ”
   “ไม่ได้เล่นค่ะเอาจริงคืนนี้ถ้าคิดทำอะไรพี่ โดนแน่! ”
   มาธวีเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นๆโดยเฉพาะประโยคสุดท้ายดูเจ้าตัวจะตั้งใจเน้นย้ำให้คนฟังได้เข้าใจถึงสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อจริงๆหากคิดว่าเธอจะอ่อนให้เหมือนตอนเด็กๆล่ะก็ไม่มีทาง!
   อวิกามองตามแผ่นหลังที่ค่อยๆไกลออกไปอย่างนึกหวั่นใจก่อนจะก้มมองดูเท้าที่เริ่มบวมจากฝีมือของหมี เธอก็แค่กะแกล้งเล่นๆไม่คิดว่าพี่หมีจะเอาคืนจริงๆแต่พอคิดถึงกลิ่นหอมๆที่ยังติดอยู่ที่ปลายจมูกก็ทำให้เจ้าตัวยิ้มออกมาได้บางทีโลกของหมีก็ไม่ได้เลวร้ายมากอย่างที่เธอคิด
   
   ภายในงานที่ตอนนี้แขกได้ทยอยมากันเป็นที่เรียบร้อยดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียเวลาอาศิราซึ่งวันนี้รับหน้าที่เป็นคนดูแลงานจึงถือโอกาสให้ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายได้ขึ้นมากล่าวความในใจกันซักหน่อย เริ่มต้นจากพ่อของมาธวีที่วันนี้ดูจะยิ้มแย้มมากกว่าคนอื่นๆ
   “ผมศิวัช ประกอบกิจขจร รู้สึกเป็นเกียรติที่จะได้เกี่ยวดองกับครอบครัวของเพื่อนรักและหวังว่าลูกสาวของผมจะพบกับความสุขตลอดไป…”
   คนฟังเว้นวรรคเล็กน้อยก่อนจะจ้องไปยังเพื่อนรักด้วยรอยยิ้มที่กำธรรู้สึกว่ามันดูแปลกๆยังไงบอกไม่ถูก
   “ยัยผึ้งเป็นแก้วตาดวงใจของผมและผมจะไม่ยอมให้ใครมารังแกหวังว่าใครหลายๆคนคงจะเข้าใจ”
   คนพูดหัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะส่งไมต่อให้คนข้างๆที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากพูดอะไรต่อเลยซักนิด
   “ผมขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานวันนี้อยากบอกว่าดีใจที่ได้คนดีๆอย่างหนูผึ้งเข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัว การแต่งงานในวันนี้อาจมีคนที่สงสัยไม่เข้าใจในหลายๆเรื่องแต่อยากให้ทุกคนได้รู้ไว้ว่า…นี่งานแต่งงานลูกสาวผมไม่ใช่ลูกชายช่วยมาแสดงความยินดีให้ถูกคนด้วย”
   กำธรกล่าวปิดท้ายก่อนจะส่งไมกลับคืนให้กับพิธีกรจำเป็นที่ตอนนี้กำลังกลั้นยิ้มเอาไว้แต่แล้วอาศิราก็ต้องรีบกลืนรอยยิ้มนั้นเข้าไปเมื่อหันไปสบตาเข้ากับพ่อของฝ่ายน้องหมีที่มองมายังตัวเขาแบบตาแทบจะทะหลนออกมาจากเบ้า ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีอย่างรวดเร็วพร้อมกับทำหน้าที่พิธีกรต่อด้วยความรู้สึกหวิวๆ
   “เอ่อครับ สุดท้ายขอเชิญคนสำคัญที่สุดของงานนี้ขึ้นมากล่าวปิดท้ายกันบ้างดีกว่า”
   อาศิราหันไปกวักมือเรียกทั้งสองสาวที่ดูจะอายๆให้ขึ้นมาบนเวทีจากนั้นก็ส่งไมให้คนทั้งคู่เพื่อให้กล่าวอะไร
   อวิกามองดูไมในมือก่อนจะหันไปมองหน้าคนข้างๆที่มีอาการประหม่าหนักยิ่งกว่าเธอซะอีก
   “ก่อนอื่นเพชรคงต้องกราบขอบคุณลุง คุณป้า คุณน้า คุณอาและแขกทุกท่านนะคะที่อุตสาห์สละเวลามาร่วมงานในครั้งนี้ วันนี้อาจมีใครหลายๆคนสงสัยและไม่เข้าใจอย่างที่คุณพ่อได้พูดไว้แต่เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ค่ะว่างานในวันนี้จะไม่สูญเปล่าอย่างแน่นอน”
   พูดจบอวิกาก็หันไปส่งยิ้มพร้อมกับยื่นไมให้คนที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างๆ
   “พี่ผึ้งจะพูดอะไรมั้ยคะ”
   “ไม่ดีกว่าพี่ว่าเราคืนไมให้พี่ศิราเถอะนะ”
   มาธวีเตรียมจะเดินออกไปแต่กลับถูกอาศิรายืนขวางเอาไว้พร้อมกับการยื่นไมอีกอันให้น้องสะใภ้
   “พี่ไม่รีบ”
   คำพูดและรอยยิ้มที่ถูกส่งมาทำให้มาธวีรู้ตัวทันทีว่าตัวเองกำลังเป็นเหยื่อแต่เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้เพราะงานในวันนี้มีผู้ใหญ่ที่เธอเคารพอยู่หลายคนการจะกลายร่างเป็นหมีตกมันจึงทำได้ยาก
   “ผึ้งเองก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานเช่นกันนะคะถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกกันมาได้นะคะ ขอบคุณค่ะ”
   พูดจบมาธวีก็ยัดไมใส่มือคนที่แกล้งเธอจากนั้นหญิงสาวก็เดินตัวปลิวออกไปทันทีแกล้งเธอดีนักคอยดูจะยุให้แพรวรุ่งปฏิวัติ…เอาให้บ้านพังเป็นแถบๆเลย!
   
   ช่วงเวลาแห่งการฉลองก็ผ่านพ้นไปตอนนี้คนสำคัญของงานถูกส่งตัวเข้าห้องเป็นที่เรียบร้อย แต่ต่างจากตอนในงานนิดหน่อยก็คือคนที่ดูจะเกร็งๆกลับเปลี่ยนเป็นอวิกา
   “น้ำเพชรคะ”
   เสียงหวานดังมาใกล้ๆทำเอาคนนั่งนิ่งถึงกับสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปหาเจ้าของเสียงช้าๆและภาพที่ปรากฏแก่สายตากลับยิ่งทำให้อวิกาแทบจะลมจับเพราะคนที่เรียกดันมาใส่ชุดสั้น บางเบาครบสูตรการยั่วจนเธอต้องรีบเบือนหน้าไปทางอื่น
   “เป็นอะไรคะ”
   มาธวีเอ่ยออกมาอย่างสงสัยเพราะท่าทางอีกฝ่ายทำเหมือนกับไม่อยากเห็นหน้าเธออย่างนั้นแหละ
   “ปะ ปะเปล่าค่ะเพชร เพชรไปอาบน้ำบ้างดีกว่า”
   พูดจบอวิกาก็รีบเดินเข้าห้องน้ำทันทีหวังว่าน้ำเย็นๆจะช่วยชำระล้างเรื่องไม่ดีที่อยู่ในหัวของเธอให้หลุดออกไปได้บ้าง
   มาธวีมองตามอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก เธอยังไม่ได้ทำอะไรเลยทำไมอีกคนถึงได้ดูลนลานขนาดนั้นเอ…หรือเธอจะทำอะไรลงไปโดยไม่รู้ตัว
   
   อวิกาออกมาจากห้องน้ำก็ต้องแปลกใจกับการแบ่งเขตแดนโดนใช้หมอนข้างมากั้นกลางและดูเหมือนฝั่งของเธอจะแคบจนไม่น่าจะขยับตัวได้
   “หลับแล้วเหรอคะ”
   ไร้เสียงตอบรับแต่คนถามก็รู้ว่าคนที่นอนอยู่ยังไม่ได้หลับจริงๆแต่ที่เงียบก็คงแกล้งทำเพื่อให้เธอไม่สามารถเข้าไปวุ่นวายได้เพียงไม่นานรอยยิ้มเจ้าเลห์ก็ปรากฏขึ้นเมื่อมีความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว
   “หลับแล้วจริงๆด้วย”
   อวิกาเอ่ยออกมาเสียงเรียบๆหากแต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวจับหมอนข้างก่อนจะยกออกอย่างเบามือรอยยิ้มเจ้าเลห์เปิดกว้างขึ้นเรื่อยๆก่อนที่ร่างกายของเธอจะเขยิบเข้าไปใกล้คนที่นอนนิ่งทีละน้อยและอีกเพียงคืบเดียวเท่านั้นที่เธอจะทำสำเร็จคนนอนนิ่งก็หันมาพร้อมกับจัดการฉีดอะไรบางอย่างใส่คนที่กล้าล้ำเส้นให้ได้ถอยกลับไปพร้อมกับเสียงโหยหวน
   “แสบชะมัด”
   เสียงตะโกนดังออกมาจากห้องน้ำและเงียบไปพักใหญ่จากนั้นอวิกาก็กลับมายังเตียงที่ตอนนี้มีหมอนข้างกั้นไว้ที่เดิมอีกครั้ง
   "นี่แค่น้ำจิ้ม"
   เป็นเพียงแค่ประโยคสั่นๆแต่รอยยิ้มและแววตาที่ถูกส่งมานี่สิแทบจะทำให้คนฟังถอยกรูเข้าห้องน้ำแต่อวิกาก็พยายามใจดีสู้หมีโดยการยิ้มออกมาน้อยๆจากนั้นก็หย่อนตัวนั่งอยู่ที่ของตัวเอง
   “ดูสิตาแดงหมดเลย”
   มาธวีเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิดแต่เธอก็แค่ป้องกันตัวหากอวิกาไม่คิดทำอะไรแบบนั้นเรื่องนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นเพราะฉะนั้นเธอจึงคิดว่าตัวเองไม่ผิด
   “พี่ผึ้งพกสเปรย์พริกไทยด้วยเหรอคะ”
   “เพิ่งซื้อเมื่อวานค่ะ”
   “อืม…รอบคอบดีนะคะ”
   “ค่ะช่วยได้เยอะเลย นอนกันเถอะพี่ง่วงแล้ว”
   มาธวีเอ่ยออกมาพร้อมกับการหาวสองสามครั้งเพื่อแสดงให้คนที่คุยด้วยได้รู้ว่าเธอเพลียจริงๆและก็ได้ผลเมื่ออวิกาเข้าสู่โหมดเงียบทันที หญิงสาวกอดสเปรย์พริกไทยไว้แน่นเธอกลัว…กลัวว่าหากอวิกาข้ามฝั่งมาอีกเธอจะเผลอปล่อยของที่อยู่ในมือแล้วหันไปคว้าตัวอีกคนเข้ามากอดแทน…ความคิดต่างๆเริ่มผุดขึ้นมาพร้อมกับความร้อนที่เพิ่มขึ้นบนใบหน้าความรู้สึกหงุดหงิดน้อยๆได้เข้ามาเยี่ยมเยือนพร้อมกับมือที่ออกแรงบีบสเปรย์พริกไทยให้แน่นขึ้น นี่เธอกำลังนึกเสียใจที่ซื้อเจ้าสิ่งนี้มางั้นเหรอ…ไม่จริง! หญิงสาวกัดปากตัวเองแรงๆเพื่อเรียกสติให้กลับคืนมาเธอกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่เนื้ย! ยัยบ้า!
   




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.