web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 110
Most Online Ever: 190
(08 กรกฎาคม 2022 เวลา 19:00:55 )
Users Online
Members: 0
Guests: 93
Total: 93

ผู้เขียน หัวข้อ: สัญญาวิวาห์กำมะลอ ตอนที่ 7  (อ่าน 1756 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
สัญญาวิวาห์กำมะลอ ตอนที่ 7
« เมื่อ: 31 ธันวาคม 2013 เวลา 23:49:45 »

ตอนที่ 7

    รถยนต์สีดำเคลื่อนมาจอดหน้าบ้านอยู่นานแต่คนในรถกลับไม่มีท่าทีจะเดินลงเลยสักนิด
   “ถึงแล้วค่ะ”
   อวิกาเอ่ยออกมาเมื่อคนที่นั่งอยู่เบาะข้างๆเอาแต่นั่งเหม่อไม่ยอมลง
   “พี่ผึ้งคะ พี่ผึ้ง”
   เสียงเรียกจากอีกคนทำให้มาธวีต้องจำใจหลุดออกจากภวังค์ก่อนจะหันกลับมามองหน้าคนพูดแบบงงๆ
   “ถึงแล้วค่ะ”
   คนฟังมองรอบๆตัวก่อนจะหันไปดูผู้โดยสารคนอื่นๆที่กลายเป็นอากาศไปแล้ว
   “ลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
   “เพชรส่งทุกคนหมดแล้วค่ะเหลือพี่ผึ้งคนสุดท้าย”
   “เหรอ”
   มาธวีรับคำก่อนจะก้มมองนาฬิกาที่ตอนนี้บอกเวลาว่าเกือบสี่ทุ่มแล้ว
   “งั้นพี่ไปก่อนนะ ขอบใจที่มาส่ง”
   หญิงสาวก้าวลงจากรถอย่างเชื่องช้าไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกไม่อยากลงจากรถคันนี้เลย
   “ดึกแล้วเนาะ”
   แทนที่เปิดประตูแล้วมาธวีจะก้าวลงไปจากรถแต่เธอกลับพลิกตัวกลับมานั่งยังจุดเดิมพร้อมกับทำการรื้อของในกระเป๋าออกมา
   “ค่ะดึกแล้วพี่ผึ้งหาอะไรคะ”
   อวิกามองคนข้างๆอย่างสงสัยก่อนจะมองนาฬิกาอย่างอ่อนแรงนี่มันก็ดึกจริงๆสมควรที่เธอจะพักได้แล้วมั้ง
   “พี่ดูของในกระเป๋าก่อนว่าครบมั้ยไม่อยากลืมไว้ที่รถน้ำเพชรน่ะ”
   มาธวีนึกทึ่งกับประโยคที่หลุดออกมานี่เธอกล้าพูดมาได้ยังไงเพราะตั้งแต่นั่งรถคันนี้เธอก็มั่นใจว่าตัวเองไม่เคยจะแตะต้องกระเป๋าใบนี้เลยสักนิด
   “ครบมั้ยคะ”
   คนถูกถามนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะจำใจพยักหน้ารับพร้อมกับพาตัวเองลงจากรถแบบไม่เต็มใจนัก
   “งั้นเพชรกลับก่อนนะคะฝากกราบสวัสดีคุณลุงด้วย”
   คนพูดโบกมือให้เจ้าของบ้านก่อนจะหันกลับมาเตรียมขับรถแต่แล้วคนที่ยืนอยู่ข้างนอกก็เคาะกระจกเรียกให้อวิกาหันกลับมาอีกครั้ง
   “ค๊ะ”
   อวิกาลดกระจกลงก่อนจะจ้องหน้าอีกคนด้วยความสงสัย
   “ขับรถดีๆนะ”
   มาธวีอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถ้อยคำแบบนี้ออกมาจากนั้นหญิงสาวก็ตั้งท่าจะเดินเข้าบ้านแต่เจ้าตัวก็ยังไม่วางใจจนต้องเคาะกระจกรถเพื่อให้เจ้าของรถหันกลับมาหาเธออีกครั้ง
   “ถึงแล้วโทรบอกด้วยนะ”
   พูดจบมาธวีก็รีบวิ่งเข้าบ้านทันทีส่วนคนถูกสั่งก็ได้แต่อมยิ้มน้อยๆไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าชีวิตน้อยๆของเธอจะได้รับความห่วงใบจากพี่หมีกับเขาด้วย
   มาธวีเข้าห้องพร้อมกับเดินตรงไปที่เตียงก่อนจะก้มลงหยิบกล่องใบหนึ่งที่มีขนาดไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไปขึ้นมาจากนั้นหญิงสาวก็เปิดกล่องพร้อมกับหยิบของจากในกระเป๋าเอาไปใส่ไว้ รอยยิ้มหวานค่อยๆปรากฎขึ้นโดยที่เจ้าของไม่รู้ตัวก่อนจะปิดกล่องลูกกวาดลงอย่างเบามือ
   “ง้อยังกับเด็กยัยแคระบ้า”
   หญิงสาวเอ่ยพาดพิงถึงเจ้าของลูกกวาดรูปหมีใส่แว่นทั้งหมดนี้ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะยังเก็บเอาไว้และไม่อยากจะเชื่อว่าอีกคนจะกล้าใช้ลูกไม้แบบนี้กับเธอ
   
   ในบ้านเอกอมรกุล อาศิราถึงกับเดินกระสับกระส่ายไปมาเพราะไม่คิดว่าจะถูกบิดาบังเกิดเกล้ากลั่นแกล้งแบบนี้ครั้นพอจะอ้าปากพูดอะไรก็เป็นต้องถูกด่ากลับมาตลอด ชายหนุ่มเปิดประตูห้องนอนก็พบเข้ากับใครบางคนที่กำลังจัดแจงปูที่นอนอยู่ข้างเตียง
   “ทำอะไรของเธอ”
   “หั่นผักมั้งคะคุณก็เห็นอยู่”
   แพรวรุ่งอดที่จะกวนกลับไม่ได้เธอชักเริ่มเบื่อกับผู้ชายจอมหาเรื่อง ปากเสียแถมยังเจ้าอารมณ์คนนี้เสียแล้วนี่ถ้าไม่เพราะคุณกำธรขอไว้เธอไม่มีทางจะมาเหยียบในห้องนี้เป็นแน่
   “เธอนี่ชักจะปากจัดขึ้นทุกวัน”
   ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าไปใกล้ก่อนจะเดินเลี่ยงไปนั่งอีกฝั่งหนึ่งของเตียง
   “มาอยู่แค่ไม่กี่วันทำมาเป็นปากกล้าขาแข็ง”
   ชายหนุ่มเอ่ยว่าให้อีกคนในห้องแบบลอยๆแต่เพียงไม่นานอะไรบางอย่างก็ลอยมากระทบที่หัวคนพูดจนต้องร้องลั่น
   “เธอกล้าปาฉะ…”
   อาศิรายกมือขึ้นลูบหัวพร้อมกับหันมาตวาดใส่คนที่ปาของใส่ตัวเองแต่เขาก็เอ่ยได้ไม่ทันจบเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นใครอีกคนที่ยืนอยู่ที่หน้าประตู
   “อย่างให้ฉันเห็นว่าแกแกล้งอะไรหนูรุ้งอีกนะ”
   น้ำเสียงเย็นๆของกำธรทำให้คนถูกสั่งการถึงกับยืนนิ่งเป็นก้อนหินและเมื่อประตูถูกปิดลงชายหนุ่มก็รีบเดินไปล็อคห้องทันทีเพราะเกรงว่าบิดาอาจจะกลับมาอีก
   “ได้ยินมั้ยเธอทำให้ฉันถูกดุ”
   “ฉันเนี้ยนะ”
   “ใช่เพราะฉะนั้นเลิกทำตัวงี่เง่าแล้วก็ขึ้นมานอนบนเตียงเดี๋ยวนี้”
   อาศิราเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่คนฟังนี่สิกลับนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนแต่อยากใดนั่นทำให้คนออกคำสั่งถอดหายใจออกมาเสียงดังก่อนจะเดินเข้าไปอุ้มคนไม่เชื่อฟังขึ้นมา
   “นี่คุณจะทำอะไร”
   แพรวรุ่งโวยวายทันทีเมื่อชายหนุ่มถือวิสาสะอุ้มเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต
   “ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก”
   “ไม่ทำก็ปล่อยสิ!”
   “จะปล่อยก็ได้แต่เธอเลิกโวยวายแล้วก็อยู่นิ่งๆได้มั้ย”
   “ไม่! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
   คนถูกอุ้มยิ่งโวยวายเสียงดังขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองขาดอิสรภาพ
   “เงียบ!”
   “ไม่! ปล่อยฉัน ปล่อยเดี่ยวนี้”
   “ไม่เงียบใช่มั้ย”
   ชายหนุ่มวางตัวคนดื้อลงกับเตียงก่อนจะใช้ร่างกายของตัวเองทาบทับลงไปเพื่อไม่ให้อีกคนดิ้นได้
   แพรวรุ่งหายใจถี่และแรงขึ้น ตอนนี้เธอกำลังกลัว กลัวว่าเรื่องแบบเดิมจะเกิดขึ้นอีกกลัวจน…
   “แพรวรุ่ง แพรวรุ่ง”
   อาศิราร้องเรียกอีกคนอย่างร้อนใจนี่เขาแค่กะจะแกล้งเล่นเฉยๆไม่นึกว่าแพรวรุ่งจะบอบบางมากขนาดนี้ ชายหนุ่มรีบลุกไปหยิบยาดม ยาลม ยาหมองมาก่อนจะจัดการทำหน้าที่คนดูแลจำเป็นอย่างทุลักทุเล

   แพรวรุ่งลืมตาตื่นขึ้นในตอนเช้าก่อนจะยกมือขึ้นสำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง หญิงสาวรู้สึกโล่งอกที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่แล้วสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับใครบางคนที่นอนฟุบอยู่ข้างๆเตียง
   “คุณศิรา”
   เจ้าของชื่อขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนบนเตียงแบบเต็มตา
   “แพรวรุ่ง”
   อาศิรายิ้มกว้างอย่างลืมตัวเมื่อเห็นว่าคนที่เขาแกล้งเมื่อคืนฟื้นแล้ว
   “เธอฟื้นแล้วฉันดีใจที่สุดเลย”
   ไม่พูดเปล่าแต่ชายหนุ่มกลับดึงมือหญิงสาวตรงหน้าเข้ามากุมไว้
   “ฉันเป็นห่วงเธอแทบแย่”
   “เอ่อ ฉันไม่เป็นไร”
   แพรวรุ่งเอ่ยออกมาแบบงงๆเธอไม่เคยได้ยินประโยคแบบนี้จากอาศิราเลยสักครั้งส่วนเรื่องรอยยิ้มยิ่งไม่ต้องพูดถึงบทจะได้เห็นก็มาเป็นชุดทำเอาเธอตั้งตัวแทบไม่ทัน
   ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยทำให้คนดีใจได้สติขึ้นมาชายหนุ่มจึงค่อยๆปล่อยมือออก
   “ขอโทษฉันคงทำให้เธอตกใจเอาเป็นว่าวันนี้ฉันจะพาเธอไปฝากท้องเตรียมตัวด้วยนะ”
   อาศิราตัวจริงกลับมาแล้วพร้อมกับใบหน้านิ่งๆที่เจ้าตัวพยายามปั้นขึ้นมา จากเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้เขารู้ว่าแพรวรุ่งบอบบางมากแค่ไหนและระหว่างเขากับหล่อนก็มีเพียงคำว่าลูกเท่านั้นที่เป็นสายใย หากทำอะไรให้หญิงสาวโกรธอีกอาจจะกระทบกับเด็กในท้องก็เป็นได้ ชายหนุ่มเดินออกจากห้องไปพร้อมกับทิ้งคำถามมากมายให้กับคนที่นอนอยู่แต่แพรวรุ่งก็ไม่อยากเก็บเอามาเป็นกังวลขอแค่คนที่ออกไปไม่ขับไหล่เธอกับลูกก็พอ

   อาศิราหันไปมองคนที่เดินตามอย่างไม่ค่อยพอใจนักไม่เข้าใจทำไมบิดาต้องให้คนสวนอย่างพงศกรมาด้วย ชายหนุ่มสะบัดไล่อารมณ์หงุดหงิดของตัวเองออกไปจากหัวก่อนที่สายตาจะประสานเข้ากับใครคนหนึ่งที่กำลังเดินตรงมาหาตัวเอง
   “สวัสดีค่ะคุณศิรา”
   หมอมิลค์เอ่ยทักทันทีที่เดินมาถึง เธอรู้สึกดีใจมากที่ได้เจออาศิราชายหนุ่มที่ตัวเองแอบปิ้งแม้จะเป็นรักข้างเดียวก็ตามที
   “สวัสดีครับหมอมิลค์”
   “มาทำอะไรคะ”
   คุณหมอคนสวยเอ่ยถามอย่างสงสัยก่อนจะมองไปยังชายหญิงที่ยืนอยู่ข้างหลัง
   “เอ่อ พา พา พา…”
   คนฟังอดหัวเราะกับท่าทางของคนพูดไม่ได้ก่อนจะเดินไปดูหญิงสาวที่ท่าทางจะเป็นคนไข้
   “หน้าตาซีดเชียวหมอว่าเข้าไปนอนพักก่อนมั้ย”
   “ไม่เป็นไรครับผมนัดอาหมอไว้แล้วขอตัวก่อน”
   อาศิราเอ่ยขึ้นแทรกก่อนจะเดินไปดึงแขนแพรวรุ่งให้มาอยู่ข้างตัวเอง
   “ไปก่อนนะครับไว้เจอกัน”
   หมอมิลค์มองตามคนที่รีบร้อนเดินออกไปด้วยความสงสัยแต่เจ้าตัวก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะมันคงจะไม่งามหากเธอจะเข้าไปวุ่นวายกับอาศิรามากกว่านี้

   บรรยากาศภายในลิฟท์มีแต่ความเงียบไม่มีใครพูดอะไรจนพงศกรอดไม่ได้ต้องเอ่ยระบายความอัดอั้นออกมา
   “ทำไมคุณไม่บอกหมอผู้หญิงคนนั้นว่ารุ้งเป็นใคร”
   “ไม่เกี่ยวกับนาย”
   “คุณน่าจะให้เกียรติ์รุ้งบ้างยังไงก็คนเหมือนกัน”
   “ไม่เหมือน เพราะแกเป็นแค่คนสวนอย่างมาพูดมาก”
   “นี่คุณ!”
   “พอเถอะทั้งสองคนถึงไม่อายคนอื่นก็อายตัวเองบ้าง”
   แพรวรุ่งตะคอกใส่คนทั้งคู่ก่อนจะเดินออกจากลิฟท์ไปทันทีเมื่อประตูเปิด
   
   อาศิรารีบเดินเข้าไปขนาบข้างคนอารมณ์เสียพร้อมกับดึงตัวเข้าห้องตรวจทันทีเมื่อมาถึง
   “คนนอกห้ามเข้า”
   ชายหนุ่มเอ่ยออกมาเสียงดังเพื่อบอกให้คนที่คิดจะตามเข้าไปได้รู้ตัวและก็ได้ผลเมื่อพงศกรได้เพียงแต่ยืนมองตาละห้อย
   “สวัสดีครับอาหมอ”
   “มาแล้วเหรอไหนขออาดูหน้าหลานสะใภ้หน่อยซิ”
   หมอพงษ์เทพเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับส่งยิ้มให้กับหญิงสาวตัวเล็ก
   “ตาถึงนะเรา”
   “นี่อาหมอพงษ์เทพเพื่อนคุณพ่อ”
   “สวัสดีค่ะ”
   แพรวรุ่งยกมือไหว้คนตรงหน้าที่ดูท่าทางใจดีก่อนที่จะนั่งลงตามที่เจ้าของห้องบอก
   หมอพงษ์เทพจัดการเช็กร่างกายทุกอย่างของหลานสะใภ้อย่างรวดเร็วจากนั้นก็นำผลมาแจ้งแก่คนทั้งคู่
   “แข็งแรงดีนะทั้งแม่ทั้งลูก”
   “เหรอครับแล้ว แล้วลูกผมผู้ชายหรือผู้หญิงครับ”
   คนถามเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นก่อนจะยิ้มกว้างออกมาเพื่อรอคอยคำตอบ
   “แกจะบ้าเหรอศิราเดือนเดียวยังเป็นวุ้นอยู่เลย”
   อาศิราหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาแบบอายๆ
   “นึกว่าอาหมอจะเก่งกว่านี้”
   “อะไรนะ!”
   “ล้อเล่นครับ อาหมอเก่งที่สุดในโลกเลย”
   ชายหนุ่มยกมือขึ้นบังหน้าตัวเองอย่างเร็วพร้อมกับยกนิ้วให้คนตรงหน้าเพื่อเป็นการการันตี
   “ถ้าคลอดมา หนูรุ้งคงได้เลี้ยงลูกถึงสองคนเลยแหละอาว่า”
   แพรวรุ่งอดที่จะยิ้มให้กับสิ่งที่ได้ยินไม่ได้ไม่อยากจะเชื่อว่าคนนิสัยเสียจะมีมุมขี้อ้อนแบบนี้แล้วหากคนที่อาศิรามาอ้อนเป็นเธอบ้างมันจะเป็นยังไงนะ…นึกภาพไม่ออกจริงๆ

  เปิดจอง "สัญญาวิวาห์กำมะลอ" วันนี้ - 10 ธ.ค 56 ^^

   รายละเอียดการจอง
   ราคาเล่มละ 350 บาท
   ค่าส่งลงทะเบียน 30 บาท
   รวมที่ต้องโอน 380 บาท

   สำหรับการสั่งซื้อแบบ pdf ราคา 250 บาท

   โอนเงินมาได้ที่
   ธนาคารกสิกรไทย
   สาขาเซ็นทรัลแอร์พอร์ตเชียงใหม่
   457-211-232-8
   ชื่อบัญชี สมทรัพย์

   โอนเสร็จแจ้งวันเวลาการโอนมาได้ที่
   Mail         mydestiny_k@hotmail.com
   Tel           087-0591110
   Line         samakae
   fb             facebook.com/mea.you.927
   ถ้าสั่งแบบpdf ให้แจ้งเมล์ที่จะให้จัดส่งไฟล์ด้วยนะคะ   




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.