web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 128
Most Online Ever: 190
(08 กรกฎาคม 2022 เวลา 19:00:55 )
Users Online
Members: 0
Guests: 125
Total: 125

ผู้เขียน หัวข้อ: ลวงรักฉบับร้าย ตอนที่ 7  (อ่าน 1754 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ meAyou

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 69
ลวงรักฉบับร้าย ตอนที่ 7
« เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2014 เวลา 19:39:27 »
   กนต์รพีหายใจเข้าออกอย่างเกร็งๆยิ่งคิดถึงคนที่อยู่ในห้องเธอก็ยิ่งหวั่นใจมากขึ้น
   ท่าทางจะมีเธอฝ่ายเดียวที่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับธัญวรัตน์เพราะวันที่จะแนะนำตัวก็ดันเกิดเรื่องซะก่อนจนคุณปรมินบอกให้เธอมาแนะนำตัวเองเพราะไม่อยากจะต้องทะเลาะกับบุตรสาวอีกหน่ำซ้ำยังกำชับมาอีกว่าไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรให้เธออดทนและเขาจะอยู่ข้างเธอเสมอ
   ฟังแล้วอุ่นใจดีจัง…
   และจากประโยคที่ได้ฟังบวกกับพอจะรู้จักนิสัยของเจ้านายคนใหม่อยู่บ้างก็ยิ่งทำให้เธอหนักใจมากขึ้นไปอีกจนกังวลไปหมด
      
   เสียงเคาะประตูทำให้ธัญวรัตน์รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะเธอรู้ดีว่าบุคคลที่มาเยือนคือใคร
   เลขาคนใหม่ที่เป็นคนของพ่อเธอโดยตรงเธอเกลียดคำนี้และต้องหาทางกำจัดออกไปให้เร็วที่สุด
   “เชิญ”
   ธัญวรัตน์เอ่ยอนุญาตแต่สายตายังคงจดจ่อที่แฟ้มงานตรงหน้าไม่ขยับไปไหน
   “พร้อมจะเริ่มงานเลยใช่มั้ย”
   “ค่ะ”
   คำตอบรับแผ่วเบาทำให้คนฟังถึงกับกระแทกแฟ้มลงกับโต๊ะเสียงดังก่อนจะเงยหน้าไปมองพนักงานคนใหม่ด้วยสีหน้าไม่พอใจแต่แล้วธัญวรัตน์ก็ต้องอึ้งไปพักใหญ่เมื่อรู้ว่าบุคคลที่ทำให้อารมณ์เสียเป็นใคร
   “นี่เธอ! กล้าดียังไงเข้ามาห้องฉัน”
   “คือ…เอ่อ เอ่อพีมารายงานตัวทำงานค่ะ”
   “เธอจะหน้าด้านไปถึงไหนรู้อยู่ไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่มีวันรับเธอเข้าทำงาน”
   “รู้ค่ะ”
   “รู้ก็ออกไปเลยฉันจะทำงาน”
   “พีคงทำตามที่คุณบอกไม่ได้เพราะ…เอ่อเพราะเจ้านายของพีคือคุณปรมินและคนที่จะไล่พีออกได้มีแต่คุณท่านเท่านั้นที่มานี่ก็เพื่อมาแนะนำตัว…ยินดีที่ได้ร่วมงานนะคะ”
   พูดจบกนต์รพีก็หมุนตัวเดินออกไปทางประตูทันทีแต่ก้าวเท้าได้เพียงไม่กี่ก้าวเธอก็ต้องหยุดเดินเพราะมีวัตถุประหลาดกระทบเข้าที่หลังของเธอและพอเจ้าสิ่งนั้นตกลงพื้นเธอถึงได้รู้ว่ามันคือแฟ้มที่มีแหล่งที่มามาจากมือของคนที่นั่งอยู่
   กนต์รพีก้มลงเก็บแฟ้มจากนั้นก็เดินเอาไปวางไว้ให้กับเจ้าของที่ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
   “คุณไม่ควรทำอะไรเป็นเด็กๆแบบนี้อีกอย่างงานในแฟ้มก็สำคัญหากฉีกขาดไปจะแย่”
   “เธอกล้าสั่งสอนฉันเหรออยากเจอดีอีกใช่มั้ย”
   “ไม่อยากเจอค่ะงั้นขอตัวก่อนนะคะ”
   ยังไม่ทันที่กนต์รพีจะได้ก้าวไปไหนคนขี้โมโหก็ตามมายืนขวางทางเข้าให้อีก
   “ฉันเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ชอบให้ใครหันหลังให้”   “ค่ะ”
   “แต่เธอก็ยังกล้าทำอยากมีเรื่องกับฉันมากใช่มั้ย”
   “ไม่อยากค่ะงั้นพีขอตัวก่อนดีกว่านะคะจะได้ไม่มีเรื่อง”   กนต์รพีค่อยๆเดินถอยหลังออกมาก่อนจะรีบหันหน้าไปทางเจ้าของห้องที่มองมาด้วยสายตาอาฆาต
   “อยากมีเรื่องกับฉันจริงๆใช่มั้ย!”
   ธัญวรัตน์ตะคอกออกมาอย่างหัวเสียเมื่อเห็นท่าทางการเดินที่ดูกวนประสาทของอีกคน
   การเดินของกนต์รพีมันเหมือนกับการประกาศศึกกับเธอชัดๆเพราะจะมีคนบ้าที่ไหนถอยหลังเดินออกไปแบบนั้นคอยดูนะเธอจะเล่นงานให้ไปไม่เป็นเลย!   

   คนทั้งโต๊ะต่างลุกขึ้นยืนอย่างตกใจเมื่อจู่ๆก็มีกระเป๋าลอยตกลงมากลางวง
   “ทำบ้าอะไรของแกตกใจหมดเลย”
   “เบื่อ เบื่อได้ยินมั้ยว่าเบื่อ!”
   พิชญาฟังคำพูดประกอบหน้าตาของคนพูดก็พอจะเดาออกว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรคงหนีไม่พ้นเรื่องที่เคยเอามาปรึกษาเธอเป็นแน่
   “เลขาใหม่ไม่โอเคเหรอ”
   “ไม่!”
   “วันแรกก็ทำเพื่อนฉันอารมณ์เสียได้ขนาดนี้ท่าทางจะไม่ธรรมดาแฮะ”
   “พูดอะไรอย่างยัยนั่นจะทำอะไรได้นอกจากยั่วโมโหยิ่งเห็นหน้าก็ยิ่งเกลียดเข้ากระดูกดำ”
   ธัญวรัตน์เอ่ยออกมาอย่างหัวเสียเมื่อนึกถึงท่าทางกวนๆของใครบางคนเธอว่าสมัยเด็กยัยนั่นยังดูน่าเข้าใกล้กว่าอีก
   “นี่อย่าบอกนะว่าแกรู้จักแม่เลขาคนใหม่เป็นการส่วนตัว”
   “ไม่ใช่แค่ฉัน แกก็รู้จัก”
   “ใคร”
   พิชญาเอ่ยถามอย่างสงสัยเพราะไม่เชื่อว่าโลกจะกลมมากมายขนาดนี้แต่พอได้ยินชื่อของเลขาคนใหม่หญิงสาวก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาจนโดนเพื่อนรักหันมามองตาขวาง
   “ไม่ใช่เรื่องตลก”
   “คงงั้นแหละเพราะฉันว่ามันเป็นเรื่องของบุพเพมากกว่า”
   “นี่ยิ่งไม่ตลก”
   “โอเค โอเค”
   เมื่อเห็นธัญวรัตน์อยู่ในอาการเครียดจริงๆพิชญาก็เลิกพูดเล่นทันทีก่อนจะหันไปดูนาฬิกาที่บ่งบอกว่าถึงเวลาทำงานแล้ว
   “แกจะกลับไปทำงานหรือว่าไปกับพวกฉัน”
   “ฉันไม่อยากแม้แต่จะใช้อากาศร่วมกับยัยนั่น”
   “งั้นก็ตามนี้แต่แกคงต้องไปกับนายศรณ์ก่อนนะเพราะฉันมีประชุมช่วงบ่ายถ้าเสร็จแล้วจะตามไป”
   “ก็ได้”
   “ฝากด้วยนะศรณ์”
   “ได้สิ”
   ดิศรณ์เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าดีใจอย่างออกนอกหน้าจนพิชญานึกหมั่นไส้แต่ช่วงเวลานี้คงไว้ใจใครไม่ได้นอกจากเพื่อนชายคนนี้
   เพราะอะไรน่ะเหรอ…ก็เพราะเธอรู้ว่าดิศรณ์รักธัญวรัตน์จะว่าไปใครๆก็ดูออกแต่จะมีก็แต่เพื่อนเธอนี่แหละที่ไม่รู้
   
   ดิศรณ์เดินนำเพื่อนสาวมาที่รถด้วยใบหน้านิ่งๆเพราะเจ้าตัวกำลังพยายามเก็บอาการดีใจเอาไว้เพราะไม่อยากให้ธัญวรัตน์ผิดสังเกตแต่ท่าทางจะนิ่งมากไปหน่อยจนคนที่เดินตามต้องเอ่ยถามออกมาแบบสงสัย
   “ฉันทำให้นายหนักใจหรือเปล่า”
   “เปล่า เปล่า”
   “ก็เห็นทำหน้าเครียดๆนึกว่านายลำบากใจ”
   “ไม่ เราเต็มใจ”
   “เอาจริงๆนะถ้านายมีงานต้องไปทำก็ไปเถอะฉันไปเองได้”
   “ไม่มีจริงๆเราเต็มใจธัญอย่าคิดมาก”
   ธัญวรัตน์มองหน้าคนพูดที่ส่งยิ้มมาทางเธอแต่เพียงครู่เดียวก็หันหน้าไปทางอื่นอย่างงงๆแต่เธอก็ไม่คิดจะเอาท่าทางแปลกๆนั้นมาใส่ใจเพราะลำพังแค่เรื่องของตัวเองก็จะแย่อยู่แล้ว
   แต่พอมาถึงรถธัญวรัตน์ก็ถึงกับลมออกหูเมื่อเห็นคนที่ไม่อยากเจอยืนทำหน้าตายอยู่ข้างๆรถแถมยังขวางทางเธอไม่ให้ขึ้นรถอีก
   “ต้องการอะไร”
   “ไม่มีอะไรมากค่ะแค่จะพาคุณกลับไปทำงาน”
   “เธอไม่มีสิทธิ์!”
   น้ำเสียงดุดันบวกกับใบหน้าไม่พอใจของธัญวรัตน์ที่แสดงออกมาหากเป็นเมื่อก่อนคงทำให้กนต์รพีหงอได้ไม่ยากแต่เวลานี้เธอได้คนหนุนหลังที่ถือได้ว่าใหญ่มากพอตัวสิ่งที่น่าขยาดในวันวานจึงเป็นได้เพียงภาพตลกที่ทำให้เธอต้องพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้เท่านั้น
   “ถอยออกไป! อย่ามาเข้าใกล้ธัญนะ”
   เป็นน้ำเสียงที่กนต์รพีรู้ว่าคนพูดรู้สึกไม่พอใจในสิ่งที่เธอทำแต่วันนี้มันแตกต่างจากวันวานอย่างที่เธอบอกตั้งแต่ต้น
   และตอนนี้ภาพของชายหนุ่มผู้กล้าหาญที่ทำท่าราวกับพระเอกจะเข้ามาช่วยนางเอกได้ถูกคนที่มากับเธอหิ้วปีกเอาไว้แล้ว
   “พวกแกเป็นใครปล่อยฉันนะ”
   ดิศรณ์ตะโกนใส่หน้าคนที่หิ้วปีกตัวเองแต่คนทั้งคนหาได้หวั่นเกรงแต่อย่างใดนั่นจึงทำให้เขาถูกหนึ่งในคนหิ้วปีกใช้มือปิดปากเอาไว้เพื่อให้อยู่ในความสงบ
   “เสร็จไปหนึ่ง”
   กนต์รพีเอ่ยออกมาด้วนรอยยิ้มก่อนจะหันไปหาใครอีกคนที่ต้องจัดการเป็นลำดับต่อไป
   “ไปทำงานกันเถอะค่ะ”
   “ไม่!”
   “คุณธัญควรจะกลับไปกับพีดีๆนะคะจะได้ไม่ต้องลำบากใจกันทั้งสองฝ่าย”
   “เธอคิดจะทำอะไรเป็นแค่ลูกจ้างอย่ามาริอาจทำตัวเหนือนาย”
   ธัญวรัตน์พยายามแสดงท่าทางไม่หวั่นเกรงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเธอรู้ว่าคนที่จับตัวเพื่อนของเธอก็คือคนของพ่อตัวเองท่าทางพ่อของเธอจะให้ท้ายกนต์รพีมากพอสมควรไม่อย่างนั้นคงไม่วางใจถึงขนาดให้คนมาด้วยแต่เพียงแค่นี้อย่าคิดว่าจะทำให้เธอกลัวได้
   “ไปบอกพ่อว่าฉันไม่เข้าออฟฟิต”
   “ไม่รับฝากค่ะ”
   “นี่เธอ!”
   “คะ”
   “เธอมันบ้า!”
   พูดจบธัญวรัตน์ก็เดินหนีไปทางอื่นทันทีแต่กลับถูกคนที่ตัวเองว่าให้ดึงเอาไว้พร้อมกับการดึงแขนเธอให้เดินตามไปยังรถ
   “ปล่อยนะยัยบ้าเธอจะมาบังคับฉันแบบนี้ไม่ได้”
   ธัญวรัตน์พยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากการจับกุมของคนตรงหน้าแต่เธอก็ไม่สามารถทำได้เพราะขนาดตัวที่เล็กกว่าแล้วเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาจะไปสู้แรงช้างแรงหมูได้อย่างไร
   “จะดิ้นทำไมคะ”
   “แล้วเธอจะมาจับทำไมปล่อยสิ”
   “หยุดดิ้นเดียวนี้นะ”
   “ไม่! ถ้าฉันหลุดไปได้เธอตายแน่”
   “โห…น่ากลัวจังแบบนี้ก็ยิ่งต้องจับให้แน่น”
   “ทำบ้าอะไรของแกปล่อยฉันนะ!”
   สรรพนามที่เอ่ยออกมาทำให้คนฟังรู้ได้เลยว่าคนพูดกำลังหมดความอดทนแล้วรู้แบบนี้มีหรือที่กนต์รพีจะหยุดตามที่อีกคนสั่ง
   “ก็เล่นเกมกันต่อไงคะคืนก่อนเรายังเล่นไม่จบเลยนะ”
   “เกมบ้าเกมบออะไรของแกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
   “ก็เกมทายรสลูกอมไงคะว่าแต่เริ่มจะจำรสชาติไม่ได้แล้วล่ะสิสงสัยต้องทบทวนความจำอีกครั้ง”
   ธัญวรัตน์ถึงกับสะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะออกแรงดิ้นมากกว่าเดิมเมื่อเห็นคนพูดใช้ลิ้นเกลี่ยริมฝีปากแล้วไหนจะสายตาที่จ้องริมฝีปากของเธอนั่นอีกเห็นแค่นี้เธอก็พอจะนึกเรื่องบ้าๆออกแล้ว
   “คุณธัญไม่ไปทำงานพีก็อุตส่าห์หาเกมสนุกมาเล่นเพื่อฆ่าเวลาให้ไงคะเป็นลูกน้องที่น่ารักมากใช่มั้ยคะ”
   กนต์รพีพูดพร้อมกับการคลายมือที่กอดให้หลวมๆจากนั้นก็ค่อยๆเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้คนในอ้อมกอดช้าๆเพื่อหมายจะทำอย่างที่ตัวเองพูด
   ธัญวรัตน์รีบยกมือขึ้นมาปิดปากก่อนจะรีบดันตัวออกและเมื่อรู้สึกว่าอิสรภาพอยู่ไม่ไกลหญิงสาวก็รีบคว้าเอาไว้พร้อมกับการเดินถอยหลังออกให้ห่างคนโรคจิตให้มากที่สุด
   "ไปไหนล่ะคะยังไม่ได้เริ่มเลย”
   คนพูดยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะค่อยๆก้าวเข้าไปหาคนที่ยืนสั่นเป็นลูกนกอยู่ตรงหน้า
   “อย่าเข้ามาใกล้ฉัน!”
   “ทำไมล่ะคะฆ่าเวลาไง”
   “ไม่ต้องฉันไปทำงานก็ได้!”
   พูดจบธัญวรัตน์ก็รีบเดินขึ้นรถไปอย่างเร็วจนกนต์รพีอดที่จะหัวเราะให้กับภาพหายากไม่ได้แต่แล้วรอยยิ้มและเสียงหัวเราะก็ค่อยๆจางหายไปเมื่อคิดได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ไร้เดียงสาอย่างที่เห็น
   กนต์รพีหันไปมองคนที่ถูกคนของตัวเองจับตัวเอาไว้ด้วยใบหน้านิ่งๆก่อนจะสั่งให้ปล่อยตัว
   นี่ก็เป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่าธัญวรัตน์ร้ายกาจมากแค่ไหนขนาดเวลาทำงานยังเอามาพลอดรักกับผู้ชายได้
   นี่กระมังเหตุผลหลักๆที่ทำให้ผู้มีพระคุณของเธอรู้สึกหนักใจในตัวลูกสาวคนนี้…
   ร้ายไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.