web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 128
Most Online Ever: 190
(08 กรกฎาคม 2022 เวลา 19:00:55 )
Users Online
Members: 0
Guests: 103
Total: 103

ผู้เขียน หัวข้อ: Runaway Bride vol.3 Chapter 12 : นางมารผู้แสนดี  (อ่าน 2833 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anhann

  • Moderator
  • ขาประจำ
  • *****
  • กระทู้: 174
    • Crimson Maiden Les-books
Runaway Bride vol.3 Chapter 12 : นางมารผู้แสนดี
« เมื่อ: 28 ธันวาคม 2013 เวลา 16:06:33 »


Chapter 12 :   นางมารผู้แสนดี

เพราะด้านนอกหิมะกำลังโปรยลงมาจึงไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ออกไปเล่นนอกบ้านแม้จะยังไม่ถึงเวลาค่ำ  และเพราะมีเด็กๆหลายคนอยู่รวมกันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะสั่งให้พวกเขานั่งเฉยๆรองานเลี้ยงที่จะเริ่มขึ้นในช่วงหัวค่ำนี้  ดังนั้นเหล่าคุณแม่จึงต้องจัดหากิจกรรมให้พวกเขาทำเพื่อความสงบสุขของทุกคน 

อา..พูดเหมือนเด็กๆเป็นเหล่าปีศาจร้ายที่น่ากลัวเลยนะ  แต่ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียงนั่นแหละ  ลองสั่งให้นั่งอยู่เฉยๆดูสิ..

เพราะแบบนั้นตอนนี้ที่ห้องโถงของบ้านแมคคอลลี่จึงเต็มไปด้วยความชุลมุนวุ่นวายและเสียงจ่อกแจ่กจอแจ  และรกไปด้วยของแต่งตกบ้านตามเทศกาลที่ตอนนี้คงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากเทศกาลคริสมาสต์

ได้เวลาของซานต้าแล้วสิ!

“มะม๊า.. แล้วใครจะติดดาวนี้บนต้นไม้”  อมีเลียที่ตัวสูงที่สุดในบรรดาเด็กสามคนที่เดินได้แล้วถามขึ้น  พร้อมด้วยอีกสองคนที่ทำท่าสนใจไม่แพ้กัน 
นิโคลหันมามองลูกสาวตน  มือยังค้างกับการติดกล่องของขวัญใบจิ๋วบนกิ่งหนึ่งของต้นสนขนาดย่อมที่เธอกับดาเรนตัดสินใจยอมสั่งซื้อมาเพื่อเทศกาลนี้ 

“มะม๊าติดให้ก็ได้ค่ะ  มันต้องติดที่ยอดบนสุดเลย”  เธอบอกลูก  หากเจ้าตัวเล็กกลับส่ายหน้าพาให้เลิกคิ้ว  “ทำไมล่ะคะ  ก็หนูติดเองไม่ถึงนี่นา”

“มะม๊าก็อุ้มอมีเลียหน่อยสิ  เดี๋ยวก็ถึงเอง” 

คุณแม่ลูกแฝดทำตาปริบๆ ไม่คิดว่าลูกจะพูดแบบนี้เป็น  คุณแม่อีกคนที่เห็นเลยพูดกลั้วหัวเราะ  “ก็ถูกของอมีเลียนะคะนิกกี้”

“ก็ถูกค่ะเบลล์  แต่แค่เจ้าตัวเล็กคนนี้ตัวไม่ได้เล็กเหมือนอิซซี่เท่านั้นเอง”  นิโคลบอกพลางกลอกตาให้สาวที่แซวเธอเมื่อครู่  ก่อนลดความสูงลงเพื่อรวบตัวลูกแฝดคนพี่ขึ้นมา  เธออยากจะบ่นว่าลูกตัวหนักหากรอยยิ้มดีใจกับเสียงใสๆของเด็กอีกสองคนเชียร์อมีเลียให้เอื้อมไปติดดาวตรงเป้าหมายนั่นให้ได้  ก็ทำให้เปลี่ยนใจ  ยอมทนหนัก..  ก็ได้.. 

เออนะ  ลูกตัวแค่นี้จะหนักเท่าไหร่กันเชียว  ดาเรนยังอุ้มทีเดียวสองคนได้เลย  แต่เพราะเธอคงไม่ได้แข็งแรงเท่าหล่อนไง..

“เสร็จยังคะลูก  เรายังมีอีกเยอะเลยนะที่ต้องทำ”  มะม๊าคนสวยถาม  ดวงตาสีฟ้ามองมือน้อยๆที่กำลังพยายามจะติดดาวบนยอดแหลมของต้นไม้ด้วยความลุ้นไม่แพ้เจ้าของเสียงเชียร์ทั้งหลายที่แจ้วๆกันอยู่เบื้องหลัง 

“มะม๊ามันติดยาก..”

“ก็มะม๊าบอกหนูแล้วไงคะ  มาให้มะม๊าช่วยดีกว่า” 

“แต่ว่า....”

“ปีนี้หนูให้มะม๊าช่วยก่อนไง  แล้วคริสมาสต์ปีหน้า  มะม๊าอนุญาตล่วงหน้าเลย  จะให้หนูกับน้องช่วยกัน  โอเค๊?”  ต่อรองกับลูกสาว  เขามองเธออย่างชั่งใจสักพักก็พยักหน้าให้แต่ยังไม่วายมีข้อเสนอเพิ่ม

“ปีหน้ามะม๊าเอาต้นคริสมาสต์ต้นใหญ่กว่านี้ได้ไหม?”

คราวนี้ไม่ใช่แค่เธอที่ทำหน้าสงสัยใส่ลูกสาว  แขกสาวจากแดนไกลก็เช่นกัน  หล่อนเดินเข้ามาใกล้พร้อมหนูน้อยที่ทำท่าอยากร่วมวงสนทนาด้วยแต่ยังพูดได้ไม่กี่คำ
   
“ถ้าต้นใหญ่กว่านี้  แล้วอมีเลียจะเอื้อมถึงได้ยังไงคะลูก”

“นั่นสิคะ  ต้นแค่นี้ยังต้องให้มะม๊าช่วยอุ้มเลย”

“อมีเลียก็ปีนเก้าอี้ไง  เก้าอี้สูงๆ”  แอนเดรียน้อยเสนอเสียงใสพร้อมทำไม้ทำมือประกอบ  ส่วนอมีเลียยิ้มชอบใจที่แฝดน้องเห็นดีเห็นงาม

“มะม๊าเห็นไหม..  มะม๊าเห็นไหม.?”

นิโคลยิ้มเอ็นดู  ไม่รู้จะแย้งลูกสาวยังไง  “เห็นค่ะลูก  พวกหนูเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย”  บอกไปแบบนี้ทั้งแฝดพี่แฝดน้องก็ยิ้มกว้าง  จากนั้นอมีเลียขอลงพื้นไปเล่นกับน้องต่อ  เธอเองก็มองพวกเขาด้วยรอยยิ้ม  เพราะความสุขของลูกก็คือความสุขของเธอ 

“ฝาแฝดรักกันดีไม่เปลี่ยนเลยนะคะ”  แอนนาเบลล์วิจารณ์  พลางมองเด็กๆที่กำลังพยายามจะช่วยกันแต่งต้นไม้ด้วยสายตาชื่นชม  เธอก้มตัวลงปล่อยให้ลูกสาวตัวน้อยที่เริ่มเดินได้คล่องลงไปหาพี่ๆ  “ดูสิ  อิซซี่คงชอบเล่นกับพี่ๆแล้ว”

“เด็กเข้ากันง่ายค่ะ  พวกเค้าบริสุทธิ์  ถ้าทะเลาะกัน  แป๊บเดียวก็หายค่ะ  ไม่เหมือนผู้ใหญ่หรอก”  คุณแม่ลูกแฝดพูดยิ้มแย้ม  หันไปจัดการแต่งต้นไม้ต่อโดยมีอีกคุณแม่คอยช่วยเป็นลูกมือให้ 

ความจริงพวกเธอก็ช่วยกันตกแต่งห้องโถงนี้เป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว  เพราะนอกจากจะเป็นคุณแม่ที่ต้องคอยดูแลลูกๆจอมซนของตัวเอง  พวกเธอก็ยังเป็นมืออาชีพเรื่องการตกแต่ง  บรรดาคุณสามีจึงไว้ใจให้พวกเธอรับงานนี้มาทำโดยไม่เกี่ยงงอน 

ว่าแต่ตอนนี้พวกหล่อนๆทำอะไรกันอยู่นะ  ในเต้นท์ที่ไปกางอยู่ท่ามกลางหิมะนั่น  ไม่ใช่ว่าเผาสวนหย่อมแสนหวนแหนของเธอไปแล้วล่ะ 

ไม่หรอก..  พวกหล่อนไม่ใช่เด็กสักหน่อย.. หรือจะร้ายกว่า.?

“ต้นสนไม่ใหญ่  ติดของแค่นี้ก็พอแล้วมั้งคะ” 

เสียงคำแนะนำพาให้คนฟังหันไปยิ้มรับขณะเอื้อมมือจัดดาวบนยอดบนสุดที่ลูกสาวตัวช่วยติดเอาไว้แล้วมันเบี้ยวไปนิด   “ตามนั้นค่ะเบลล์  เดี๋ยวเรากล่องของขวัญวางด้านล่างอีกนิดก็เสร็จ   แล้วก็.....”  นิโคลอ้าปากค้าง  หาคำพูดไม่เจอเมื่อก้มลงมาเจอเด็กสามคนที่เธอกับแอนนาเบลล์เผลอลืมมองไปไม่กี่นาที  ช่วยกันละเลงแกะห่อกล่องของขวัญอันเดียวกับที่เธอกำลังพูดถึง

“เด็กๆทำอะไรกันคะ!”  หญิงสาวถามเสียงดุ  เด็กแฝดได้ยินเสียงคุณแม่ตัวเองแบบนี้ก็สะดุ้งโหยงรีบสละของในมือทิ้งทันที  เหลือแค่อิซซาเบลตัวน้อยที่มองเธอด้วยสายตาไร้เดียงสา  ตาสีเหมือนเธออีกต่างหาก

ก็ใช่..เธอกับราเชลมีดวงตาสีเดียวกัน 

แต่นั่นก็รวมถึงเจ้าแสบน้อยแอนเดรียด้วยนั่นแหละ!

“บอกมานะใครเป็นต้นคิด!”  นิโคลถามเสียงเข้ม  แต่คงไม่เข้มพอให้สองจอมซนของเธอกลัวได้  พวกเขาจึงชี้มือไปหาน้องที่นั่งมองไม่รู้อิโหน่อิเหน่

“อิซซี่.!” 

หญิงสาวส่ายหน้าระอา  พลางส่งสายตาไปขอโทษขอโพยมารดาของเด็กน้อยที่โดนโบ้ยความผิดให้  แม้แอนนาเบลล์จะปฏิเสธว่าไม่เป็นไร  แต่เธอจะไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้แน่นอน  เธอจะไม่สอนลูกให้ใส่ร้ายใคร 

“ไหนพูดใหม่สิคะ  ใครเป็นคนชวนให้เล่นแบบนี้  รู้ไหมว่า  มันไม่ถูกต้องเลยนะ  ถ้าลูกสองคนจะโยนให้น้องรับผิด”

“อมีเลียเปล่า!”

“แอนเดรียก็เปล่า!”

“พวกเราเปล่า!”  ฝาแฝดพูดพร้อมกันหนักแน่น  พาให้ผู้ใหญ่สองคนมองหน้ากันงงๆ  หากอย่างไรนิโคลก็ไม่เชื่อว่าลูกตนจะบริสุทธิ์จริง

“ถ้าพวกหนูไม่ได้ทำจริงๆ ไหนลองบอกมะม๊าหน่อยสิ  อิซซี่บอกพวกหนูยังไงให้ทำแบบนั้น  ก็น้องยังพูดไม่ได้” 

“ก็น้องทำท่าอยากจะดูของข้างใน”  เจ้าเสียงใสคนหนึ่งบอก  อีกคนก็พยักหน้าหงึกๆสนับสนุน 

นิโคลมองลูกสองคนอย่างอ่อนใจ  ผิดกับอีกสาวที่ค่อนข้างชอบใจกับสิ่งที่เห็น  เห็นแล้วก็จำเป็นต้องถาม  “เบลล์ไม่คิดว่า  พวกเค้าทำผิดเหรอคะ”

แอนนาเบลล์ส่ายหน้า  ก้มหน้าลงลูบหัวเด็กแฝดอย่างเอ็นดูและดูคล้ายจะช่วยปลอบมากกว่าจะดุซ้ำ  ร่างบางย่อตัวนั่งลงข้างๆลูกตัวเองที่อยู่ท่ามกลางเศษกระดาษห่อของขวัญที่ตอนนี้กลายเป็นของเล่นไปแล้ว  “ฉันคิดว่า  พวกเค้าแค่อยากจะเอาใจน้องน่ะค่ะ” 

คนฟังถึงไม่อยากจะเห็นดีเห็นงามด้วยก็ยังต้องหันไปมองสองสาวน้อยของตัวเองอีกรอบ  คราวนี้ก็เห็นทั้งอมีเลียและแอนเดรียแวะเวียนหานู่นนี่มาให้น้องตัวเล็กเล่น  ทั้งยังชวนน้องคุยทั้งที่รู้ว่าน้องยังพูดได้ไม่กี่คำ

หรือพวกเค้าอยากจะมีน้องสาวเล็กๆจริงๆ ?  โอ้ไม่นะ!  ถ้าเธอกับดาเรนมีลูกเล็กอีกจะไหวหรือไง..  แค่นี้ชีวิตฉันก็ขาดความสงบไปเยอะมากแล้ว!

“ที่เห็นก็ดูเหมือนจะใช่ค่ะ  แต่คิดอีกที  เจ้าแฝดของฉันอาจจะเห็นอิซซี่เป็นของเล่นชิ้นใหม่ของเค้าเหมือนเจสซี่ก็ได้”  นิโคลกลอกตาระอาเมื่อนึกถึงภาพเวลาที่สองแฝดเข้าไปมะรุมมะตุ้มลูกสาวเกิดใหม่ของคุณหมอ  เจ้าตัวแสบทั้งสองดูจะดีใจมากกว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ของเจสซี่เสียอีก  รื่นเริงเกินเหตุจริงๆ

“พวกเค้าเป็นมารร้ายตัวน้อยของฉันค่ะเบลล์”

แอนนาเบลล์หัวเราะพลางก้มลงจัดการห่อของขวัญช่วยกันกับอีกคนระหว่างที่เด็กๆพากันไปเล่นอย่างอื่นแทน  “ปีนี้ดูฝาแฝดโตขึ้นเยอะนะคะ  เห็นแววความสวยมาเลย”

“โอ้นั่นเป็นคำชมที่ฉันไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเปล่าเลยนะคะ” 

คนชมกระพริบตางง  หากไม่นานก็เข้าใจเพราะนึกได้ว่าคนที่บ้านก็ห่วงเรื่องนี้เหมือนกัน  “ทำไมล่ะคะ  หรือกลัวว่าจะตามหวงลูกสาวจนปวดหัว”

“ตัวฉันไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ  แต่ดาเรนน่ะสิ”

“งั้นก็เหมือนราเชลแหละค่ะ  ตอนนี้ยังหวงแล้วเลย  จนอิซซี่จะไม่มีเพื่อนอยู่แล้ว  แล้วยังมีแนวโน้มว่าจะไม่ให้ไปโรงเรียนด้วยนะคะ  จะจ้างครูมาสอนที่บ้านแทน”

“ว้าว..  ราเชลนี่สุดยอดเลย!”

“ใช่ค่ะ  สุดยอด  หวงเว่อร์” 

สองคุณแม่หัวเราะแทบจะพร้อมกัน  เด็กๆของพวกเธอคงแปลกใจและคิดว่าน่าจะมีเรื่องสนุกจึงต่างละมือจากของที่กำลังเล่นแล้วเข้ามาหา

“มะม๊ามีอะไรสนุกเหรอ”

“มีสิคะ  มะม๊ากำลังห่อกล่องของขวัญใหม่  กล่องที่พวกหนูละเลงมันไปเมื่อกี้ไง”

“งั้นพวกเราช่วยด้วยสิ”

“ช่วยเหรอ..  ได้สิ  แต่ไม่ใช่ฉีกกระดาษนะ  แค่ช่วยมะม๊าหยิบของก็พอ  โอเคไหม.?”  สองแฝดพยักหน้ายอมรับ  เป็นอันว่าตกลงกันได้แล้ว

อมีเลียและแอนเดรียหันไปชวนอิซซาเบลให้มาช่วยกันทำงาน  พวกเขาคุยกันภาษาเด็กแบบที่บางทีพวกเธอก็ไม่เข้าใจแต่ชอบที่จะดู  ท่าทางลูกๆของพวกเธอจะเข้ากันได้  นิโคลและแอนนาเบลล์มองหน้ากันระหว่างทำหน้าที่คอยมองดูเด็กๆ และทำงานของตนไปด้วย  มันเป็นอะไรที่วุ่นวายดีจริงๆ

“มีลูกของตัวเองแล้ว   รู้สึกยังไงคะเบลล์”  ถามอยากรู้  คนถูกถามยิ้มอย่างที่เดาได้ว่า  รู้สึกยังไงโดยไม่ต้องบอก

“ดีมากค่ะ  คงเพราะราเชลหลงลูกน่าดู”

“เคสเดียวกันเลยค่ะ”  นิโคลยิ้มแล้วถอนหายใจเบาๆ ผ่อนคลาย  มองดูฝาแฝดเล่นกับน้องสาวตัวเล็กด้วยรอยยิ้ม  บางทีชีวิตของเธออาจจะมีความหมายมากขึ้นเพราะพวกเขานี่เอง  ดาเรนก็ด้วยเหมือนกัน  รวมถึงคนเป็นพ่อเป็นแม่หลายๆคน   

แอนนาเบลล์  ราเชล  เจสสิก้า  เพนนีและเพื่อนๆอีกหลายคนของเธอ  ทั้งที่มีครอบครัวแบบเธอและครอบครัวปกติ  ก็คงจะรู้สึกแบบนี้ไม่ต่างกันเมื่อมีชีวิตเล็กๆนี้ให้ต้องดูแลเพิ่มเข้ามามากกว่าแค่ตัวเองกับคนรัก  หากสำหรับเธอแล้ว  มันมีอีกความรู้สึกที่เพิ่มเข้ามาด้วย  นั่นคือ...

ไม่เสียทีที่ฉันยอมหนีการแต่งงานมาตั้งห้าครั้ง  เพื่อจะได้เข้าพิธีครั้งสุดท้ายนี้กับดาเรน   มันเป็นอะไรที่หาคำอธิบายไม่ได้จริงๆ

ฉันมีความสุขเหลือเกิน..

.........................................

“เธอเดินได้นะ  ไหวหรือเปล่า”

หญิงสาวกลอกตาระอากับรอบที่ห้าที่เธอได้ยินคำถามเดิมนี้แต่อันที่จริงก็ดีใจที่คนถามใส่ใจเธอ  ถึงมันจะดูเวอร์ไปนิดก็ตาม  เธอก็แค่คลอดลูก  ไม่ได้ผ่าตัดเอาอะไรออกจากตัว  และหล่อนเองก็เป็นหมอที่ทำคลอดให้เธอเอง  ยังจะกลัวอะไร  แต่แบบนี้มันก็ดีกว่าที่หล่อนทิ้งเธอไปสนุกกับเพื่อนๆแล้วไม่สนใจนะ

เรื่องมากนะ..  ยัยเพนนี.! ทีเวลาหมอเค้าไม่สน เธอก็งอแง.. เสียงเล็กๆในหัวเธอต่อว่า 

เพนนีทำแก้มป่อง  เถียงกลับไป  ..ฉันก็แค่อายคนอื่นเท่านั้น  ที่นี่ไม่ได้มีแค่เค้ากับฉันสองคนนี่นา..

ก็แล้วจะทำไม  ถ้าเค้าอยากจะประกาศให้โลกรู้ว่า เค้าเป็นห่วงเธอ  มันจะผิดมากหรือไง  ก็เธอเป็นเมียและเป็นแม่ของลูกเค้าน่ะ  ยัยต๊อง! 

เสียงนั้นต่อว่ามาอีกรอบ  คราวนี้เธอเถียงกลับไม่ออก  ได้แต่มองดวงตาสีครามที่มองเธออย่างห่วงใยแบบไม่มีแววความเสแสร้งให้เห็น 

เห็นแล้วมันน่าเขินจริงๆเล้ย...

ฉันจะอยู่ตรงนี้ไม่ได้ก็ไม่ใช่เพราะเดินไม่ไหวหรอกนะ  เพราะอายมากกว่า  คุณหมอตัวดี!

“เพนนี.. มีอะไรหรือเปล่า.?  ทำไมแก้มแดง  หรือเป็นไข้” คุณหมอไม่ถามอย่างเดียว  ก้มหน้าลงเอาหน้าผากชนกับหน้าผากคนที่ตนถามเบาๆ  เพนนีสะดุ้งตกใจ  อยากจะเอามือดันอีกคนออก  แต่ถูกรู้ทัน

“ฉันแค่วัดไข้เธอ  ไม่จำเป็นต้องอาย”

“ฉันไม่ได้อยากอายหรอกนะ  ถ้าตรงนี้ไม่มียัยโซเฟียอยู่  พวกเพื่อนๆคุณก็อยู่กันเต็มไปหมด  แล้วพวกเค้ากำลังมองเราอยู่  พ่อแม่ฉัน  พ่อแม่คุณด้วย  คุณเห็นไหมเจส!”  คนตัวเล็กกว่าเถียงหน้ายิ่งแดงก่ำ  ก็ดันหันไปเห็นดาเรนกับราเชลกระซิบกระซาบอะไรกัน  ยัยโซเฟียเพื่อนเธอด้วย  แล้วไหนจะพวกพ่อแม่เธออีก

ดีนะที่ฉันไม่ได้อุ้มเจสซี่อยู่  ไม่งั้นต้องมือสั่นจนลูกตกใจแน่เลย..  เพนนีคิดอย่างประสาทเสีย  และเธอก็ยิ่งเสียหนักเมื่อได้ยินคำตอบโต้อย่างไม่แยแส

“เห็น..  เห็นนานแล้วด้วย  แล้วฉันก็อยากให้เห็นมากกว่านี้ด้วยซ้ำไป” 

รอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจปรากฏบนใบหน้าของคนพูดพาให้คนฟังใจคอไม่ดี   เพนนีรีบพูดดักหน้า  “ไม่ต้องคิดจูบฉันโชว์ใครเลยนะ  ไม่งั้นฉันจะเข้าห้องไปอยู่กับเจสซี่”

“นี่.. อย่าขู่นักสิ  แค่นี้ฉันก็กลัวจะแย่แล้ว”  ปากพูดว่ากลัวหากดวงตาสีครามยังมีแววขำขัน  และยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ไม่ได้หายไป  คนมองเห็นกลอกตาเซ็ง

“ฉันหวังที่สุดเลยนะว่า  เจสซี่จะไม่ได้เชื้อมารร้ายแบบนี้จากคุณไป.. คุณหมอ”  เสียงแหบน้อยๆเน้นคำสุดท้ายพร้อมมือเล็กที่ดันหน้าผากอีกคนออกแล้วรีบเดินหนี  ร่างบางถอยหนีจากรัศมีที่แขนยาวจะเอื้อมถึง  แต่นั่นเพราะเธอได้จัดการมองคาดโทษหล่อนไว้ก่อนแล้วว่าไม่ให้ตามมา  ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วายส่งจูบลอยตามลมมาให้อีก..

โอ้ย..  คนผีทะเล  จะให้อายให้ได้เลยใช่ไหมนั่น!

“ยังไม่ชินกับเค้าอีกหรือไง.?” 

เสียงคุ้นหูแต่การพูดแตกต่างไปนิดพาให้หันไปมองประหลาดใจ  เพนนีเลิกคิ้วถามที่เห็นนิโคลยื่นแก้วเซรามิกมาให้  ถึงหล่อนจะค่อนข้างดีกับเธอมากขึ้น  หากก็ไม่ได้หมายความว่า  หล่อนจะเป็นมิตรกับเธอนัก  อาจเพราะดวงตาสีฟ้าที่ชอบมองเหยียดๆเธอเสมอ  หรือเธอคิดไปเอง    ใช่.. ฉันคิดไปเอง..

อันที่จริงมันก็แค่  นิโคลรักและห่วงพี่สาวของหล่อนมากๆ  แล้วเมื่อก่อนก็ใช่ว่า  เธอจะรักเจสสิก้าจริงๆเสียเมื่อไหร่  เธอเคยบอกรักดาเรน  เคยหลงใหล ‘ดาเรน  แมคคอลลี่’  ถึงขนาดตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับหล่อนที่เป็นแฟนของดาเรน  ต่อมาก็ยังจะมายอมเป็นแฟนกับคุณหมอเพื่อจะได้เข้าใกล้ได้ใกล้ชิดกับดาเรนอีก  เรื่องแบบนี้ทำไมนิโคลผู้เชี่ยวชาญมารยาผู้หญิงจะไม่รู้ทันได้ยังไง

แล้วมันจะแปลกอะไร  หากหล่อนจะยังมองเธอด้วยสายตาหวาดระแวงอยู่แบบนี้  ใครจะรู้ว่า  ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปแล้ว  เธอรักคุณหมอจริงๆ..

หัวปักหัวปำ...

ไม่งั้นจะยอมมีเจสซี่หรือไง..

“นมร้อนน่ะ”  นิโคลบอกพร้อมส่ายหน้ากับสายตาระแวงของคนที่รับแก้วไปถือ  ยังไม่ยอมกิน  “กลัวหรือไง  ฉันไม่ฆ่าหลานตัวเองหรอก  ถึงฉันจะไม่ชอบเธอนัก”

“โอ้..เรื่องนั้นฉันรู้..  หลายคนที่นี่เป็นมิตรกับฉันเพราะเจสซี่   ฉันควรจะรักลูกให้มากๆสินะ”  เพนนีประชดอย่างอดไม่ได้  ถึงร่างกายยังไม่ดีนักหากปากยังดีอยู่  พร้อมกัดทุกคน  แต่เธอคิดผิดที่จะท้าทายผู้หญิงตรงหน้าที่เหนือกว่าเสมอ  เพราะเธอไม่เคยเถียงชนะหล่อนได้เลย  มีอยู่คนเดียว..

“ใช่..  เธอต้องรักเจสซี่ให้มากๆอยู่แล้ว  แต่ไม่ใช่เพราะใครนะ  เพราะเค้าเป็นลูกของเธอ  ไม่ว่าใครจะมองยังไง  คนที่เธอคลอดเค้าออกมาเอง  เธอไม่มีสิทธิ์จะพูดว่า  ไม่รัก..  เข้าใจซะด้วย”   สาวสวยผมบลอนด์บอกหนักแน่นก่อนจะสะบัดหน้าจากไปอย่างไม่เหลียวหลังมองว่ามีคนมองตาปริบๆตาม

“ว้าว..  ฉันโดนด่าอีกแล้วเหรอเนี่ย!”   เพนนีคิดอึ้งๆ และสะดุ้งน้อยๆกับเสียงที่หูได้ยินใกล้ๆ

“อย่าเข้าใจผิดนะ   นิกกี้แค่ห่วงเธอเท่านั้น”  ดาเรนดูจะเข้ามาทันเวลาของความสับสนในใจอีกคนพอดี  ก็นิกกี้เพิ่งเดินหน้าบึ้งออกไปเมื่อกี้ไง  แค่เห็นก็เข้าใจสถานการณ์แล้วล่ะ  เขม่นกันไม่เลิกเลยนะสาวๆพวกนี้..

ก็เธอนั่นแหละสาเหตุสำคัญ..แม่สถาปนิกใหญ่!

คนฟังแสนจะเป็นปลื้มและสุดดีใจที่เห็นหน้าใครคนนี้มาพูดปลอบเพราะหล่อนยังคงเป็นนางในฝันแม้จะเป็นได้แค่ในฝันจริงๆ  เพนนียิ้มอย่างลืมอาการและลืมมองไปเลยว่า  มีใครบางคนแอบมองจิกตาอยู่ที่ไกลๆ

ดวงตาสีฟ้าวาวราวเสือโมโหอยู่ตรงนั้น  แต่เธอดันไม่เห็นน่ะสิ!

หากเป็นเมื่อก่อนล่ะก็  นิโคลคงจะมากระชากหัวเธอไปตบแล้วตบอีก  หล่อนหวงสามียิ่งกว่าจงอางหวงไข่  นี่เพราะมีเจ้าแฝดหรอกนะ ถึงเพลาๆลงไปได้  ไม่งั้นเธอคงได้เจอนางมารร้ายตัวจริงในคืนคริสมาสต์อีฟก่อนจะได้เจอซานต้า!

“เอ่อแล้วเป็นไงบ้างล่ะ  คุ้นกับเจสซี่หรือยัง.?”  ดาเรนเห็นสายตาของภรรยาตัวเองที่ส่งมา  หากเธอยังพยายามทำให้หล่อนเข้าใจว่า  เธอไม่ได้ทำอะไรมากกว่าการคุยกับเพื่อน  หรือภรรยาเพื่อน  หรือแม่ของหลาน  ลอบถอนหายใจที่เห็นนิโคลพยักหน้าอนุญาตก่อนที่หล่อนจะไปสนใจอย่างอื่นในงานเลี้ยงแทน

แหม..มีภรรยาขี้หึงมันก็ดีอยู่นะที่รู้สึกมีค่า  แต่ถ้าหึงจนไม่ลืมหูลืมตา  ก็น่ากลัวเกินไป  หวังว่านิกกี้คงไม่ใช่แบบนั้น   เพนนีเพิ่งคลอดลูกมาได้สองวันเท่านั้นนะ  เธอจะคิดอะไรกับหล่อนได้ยังไง แล้วก็อย่างกับเธอเคยสนใจใครงั้นล่ะ!   

รักมะม๊าของอมีเลียกับแอนเดรียคนเดียว...

“บอกตามตรงมันก็แปลกๆอยู่นะคะบอส” 

เสียงคำตอบของคนตนถามพาให้สายตาดาเรนหันกลับมามองหล่อนแทนที่จะมองตามแผ่นหลังที่น่าซุกของนิโคล 

โอ้..คิดถึงเรื่องนี้แล้วยังไม่วายแค้นใจลูกสาวฝาแฝด  มาแย่งมะม๊าไปกอดทั้งคืนเลย  คืนนี้เอาอีกนะ  จอมมารตัวน้อยของปะป๊า.!

“แปลกเหรอ.?  ยังไงล่ะ”  ถามอยากรู้จริงจัง  หากคนจะตอบยืนบิดเหมือนอายมากกับเรื่องที่จะตอบ  พอลองคิดทบทวนก็ร้องอ๋อทันที

“โอ้เรื่องนั้นเอง   ไม่แปลกหรอกเพนนี  ตอนนี้เจ้าแฝดยังยุ่งกับนิกกี้อยู่เลย  ไม่เลิกง่ายๆหรอก” คงเพราะรู้ว่าเธอพูดถึงอะไร  คุณแม่หน้าใสยิ่งม้วนอายหน้าแดงมากขึ้น  ดาเรนหัวเราะเอ็นดู  “เคยถามนิกกี้เหมือนกันว่าทำไมไม่ห้ามลูก  เพราะพวกเค้าก็โตมากแล้ว  แต่นิกกี้บอกว่า  ลูกจะได้รู้สึกอบอุ่นที่ได้อยู่กับเค้า  และฉันก็เชื่อเหมือนที่เค้าเชื่อนะ  ว่าลูกจะได้รับความรักจากแม่มากที่สุด  ถ้าเค้าได้ดื่มนมจากอกแม่  เพราะงั้น..ก็อย่าอายไปเลย”

เพนนีอึ้งไปนิดราวคิดไม่ถึงแล้วยิ้ม  “ว้าว..  นิกกี้ของบอสนี่สุดยอดจริงๆเลยนะคะ  ถ้าไม่ได้ยินจากบอส  ฉันไม่เชื่อเลย”

ดาเรนหัวเราะ  ค่อนข้างเข้าใจกับคำวิจารณ์  “เชื่อเถอะเพนนี   มันก็เหมือนที่ฉันบอกว่า  เค้าห่วงเธอนั่นแหละ”

คุณแม่มือใหม่พยักหน้ายิ้มดีใจ  “ขอบคุณค่ะบอส  ฝากขอบคุณเค้าด้วยนะคะ  เพราะฉันกับเค้าคงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่”

“โอเคจ้ะ  แล้วจะบอกให้นะ  แต่ตอนนี้ฉันไปหาเค้าก่อนดีกว่า”

“ค่ะ  ฉันก็จะไปหาเจสเหมือนกัน  เดี๋ยวจะต้องกลับไปหาเจสซี่แล้ว  ไม่รู้ตื่นหรือเปล่า” 

“งั้นตามสบายนะ” 

เพนนีพยักหน้าให้ดาเรนที่ขอตัวจากไป  เธอถอนหายใจเบาๆแล้วยกแก้วที่ถือเอาไว้นานมากนี้ขึ้นจิบสักที  แล้วความรู้สึกดีที่ได้จากของในแก้วก็ทำให้ดวงตาเธอเป็นประกายสดใส  ร่างกายสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก  ไม่รู้นิโคลเอาอะไรให้เธอกิน  นมร้อนผสมอะไรไม่รู้ รสชาติดี  อร่อยมาก..

และแน่นอนไม่มียาพิษ!

คุณแม่มือใหม่ยิ้มดีใจกับแก้วในมือที่ยกขึ้นมาประคองจิบอย่างเป็นสุข  หากชั่วครู่ก็รู้สึกเหมือนใครบางคนมองมาจึงหันไปมอง  และนั่นเองที่เธอได้เห็นทั้งแววตาและรอยยิ้มแสนดี  แสนน่ารักของหล่อน  ที่มองแล้วอดไม่ได้ต้องยิ้มตาม  แม้จะชั่วพริบตาเท่านั้นที่ได้เห็นเพราะหล่อนหันไปทางอื่นแล้ว  เธอก็ปลื้มมากๆ

ก็มันเป็นครั้งแรกจริงๆ..

ที่สุดแล้ว  นางมารผมบลอนด์ที่เธอหวั่นกลัวไม่อยากจะเฉียดใกล้มาตลอด  ก็คือนางฟ้าดีๆนี่เอง  ใช่ไหม..  และหล่อนก็ไม่ได้เป็นแค่นางฟ้าของดาเรนคนเดียว  แต่เป็นของเด็กแฝดและของเธอด้วยสินะ 

แต่เรื่องนี้เพราะลูกหรือเปล่าที่ช่วยแม่..เจสซี่..     



......................................................

มาลงบอร์ดใหม่อีกแล้ว  ยังไม่คุ้นเคยกันล่ะสิ  :70bff581:

แต่บอร์ดนี้ก็เจ้าของเดิมแหละค่ะ  แค่เปลี่ยนรูปแบบเท่านั้น  (แอบหวังว่า ท่านแอดมินที่รักจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรอีกนะ ฮ่าๆ  :07:)

อย่างไรก็ตาม  ในเมื่อมาลงเจ้าแฝดตอนใหม่ให้อ่านกันแล้ว  ก็จะบอกข่าวประชาสัมพันธ์กันเลยนะคะว่า  ปีหน้าที่เหลืออีกไม่กี่วันนี้  เจ้าแฝดภาคนี้ได้รวมเล่มแน่นอน

เตรียมตัวเก็บตังค์เอาไว้เลย !   :df13952b:

หวังว่าจะได้รับการต้อนรับจากแฟนๆของเจ้าแฝดนะคะ  ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ  :875328cc:



เจอกันได้อีกที่ที่นี่นะคะ https://www.facebook.com/Crimsonmaiden, https://twitter.com/Anh29, http://leslybooks.lnwshop.com/ (ร้านหนังสือ)

 

imagoodgirl

  • บุคคลทั่วไป
Re: Runaway Bride vol.3 Chapter 12 : นางมารผู้แสนดี
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2013 เวลา 22:21:56 »
อยากไปช่วยแกะจุงเบย

ออฟไลน์ 19aug

  • หน้าใหม่
  • *
  • กระทู้: 8
Re: Runaway Bride vol.3 Chapter 12 : นางมารผู้แสนดี
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 19 มกราคม 2014 เวลา 21:32:42 »
ทำไมนะถึงชอบคิดว่านิกกี้เป็นนางมาร  :20:

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.