web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 197
Most Online Ever: 230
(26 เมษายน 2024 เวลา 05:53:50 )
Users Online
Members: 0
Guests: 153
Total: 153

ผู้เขียน หัวข้อ: กำแพงหัวใจ ตอนที่1  (อ่าน 2990 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ meAyou

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 69
กำแพงหัวใจ ตอนที่1
« เมื่อ: 04 มกราคม 2014 เวลา 08:28:35 »
   เสียงเอะอะโวยวายของคนงานที่กำลังทะเลาะกันดังมากระทบหูของคนที่กำลังจะเดินเข้าไปในไร่ทำให้เจ้าตัวต้องเปลี่ยนทิศทางเดินไปยังต้นเสียงทันที
   “มีอะไรกัน!”
   เสียงจากผู้มาใหม่ดังขึ้นเพียงแค่ประโยคเดียวแต่กลับทำให้เสียงของชายหนุ่มทั้งวงเงียบได้อย่างน่าประหลาดโดยเฉพาะคนก่อเรื่องทั้งสองที่ตอนนี้เริ่มมีเหงื่อซึมออกมาทั่วใบหน้า
   “ตอนนี้เวลางานไม่ใช่เหรอทำไมถึงได้มาอยู่แถวนี้กัน”
   คนพูดมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเองก่อนจะหันไปจ้องหน้าคนทั้งกลุ่มสลับกันไปมาและเพียงไม่นานการสลายตัวอย่างรวดเร็วก็เกิดขึ้น
   “นายสองคนอยู่นี่ก่อน”
   คนถูกเรียกค่อยๆหันมาเผชิญหน้ากับคนที่รั้งตัวเองไว้ด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลก่อนจะยกมือที่สั่นเทาขึ้นมาไหว้
   “ผมขอโทษครับนายหญิงผม ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ”
   “ผมก็ต้องขอโทษด้วยครับผมจะไม่ทำอีกแล้ว”
   ชายหนุ่มทั้งสองยกมือที่สั่นเทาขึ้นไหว้คนที่ตัวเองเรียกว่านายหญิงด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความกลัว
   “เอาเป็นว่าวันนี้ฉันจะยังไม่ไล่พวกนายออกแต่ถ้ามีครั้งหน้าอีกเตรียมไสหัวไปได้เลย”
   พูดจบนายหญิงของไร่ก็เดินจากไปทันที สองคนนั้นโชคดีที่วันนี้เธอรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ หทัยภัทรเหยียดยิ้มที่มุมปากอย่างสะใจเพราะอีกไม่กี่วันเธอกำลังจะได้ทำเรื่องที่รอคอยมานานแสนนานนั่นคือการ “ควักหัวใจของคนทรยศออกมาขยี้” ด้วยมือของเธอเอง
   
   สองพ่อลูกมองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ทั้งสองไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขนาดนี้เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ทำให้ธุรกิจการท่องเที่ยวของบริษัททรุดลงอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครคาดคิด
   “พ่อไม่อยากทำแบบนี้เลย”
   ทรงวุฒิเอ่ยพร้อมกับการถอนหายใจออกมาเสียงดังไม่อยากจะเชื่อว่าหนทางในการแก้ไขวิกฤตครั้งนี้มีเพียงทางออกเดียวและทำให้เขาหนักใจอย่างที่สุด
   “มัทรู้ค่ะแต่ถ้ามันคือทางออกที่ดีที่สุดเราก็ต้องทำ”
   มัทนาส่งยิ้มน้อยๆให้แก่บิดาพร้อมกับเอื้อมมือไปแตะที่หลังมือคนคิดมาก
   “พ่อไม่ต้องห่วงนะคะมัทจะทำให้ดีที่สุด”
   “พ่อขอบใจลูกมากนะ”
   “มัทยอมทำทุกทางเพื่อรักษาสมบัติของคุณแม่ค่ะแต่มัทก็อดสงสัยไม่ได้”
   คนพูดลุกขึ้นไปยืนริมหน้าต่างด้วยแววตาที่เจือปนไปด้วยความสงสัยมากมาย
   “คนที่มาช่วยเราเค้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่แทนที่จะเอาหุ้นเป็นหลักประกันแต่กลับเลือกที่จะให้มัทไปช่วยงาน แปลก…”
   มัทนาพยายามค้นหาคำตอบหลายๆทางแต่ก็คิดไม่ตกแต่ก็คงอีกไม่นานเพราะถึงยังไงเธอก็ต้องไปเป็นหลักประกันให้กับเงินก้อนโตที่มีผู้หวังดีเสนอช่วยกู้สถานการณ์ของบริษัท เมื่อถึงเวลานั้นเธอคงจะได้รู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงซะที
   ทรงวุฒิได้แต่มองบุตรสาวด้วยความเป็นห่วงเขาไม่รู้ว่าหทัยภัทรกำลังเล่นอะไรอยู่ถึงได้ยื่นมือเข้ามาช่วยแต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจคือเธอจำเขาไม่ได้ สายตาที่มองมามีแต่ความว่างเปล่าเหมือนคนแปลกหน้าที่ไม่เคยมีความรู้สึกดีๆให้แก่กันซึ่งนั่นทำให้หัวใจของเขารู้สึกเจ็บปวดไม่คิดเลยว่าจะได้กลับมาเจอกับคนรักเก่าอีกครั้ง…ความรักที่นานมาแล้วแต่ยังคงฝังแน่นในใจ
   
   และแล้วก็ถึงวันเดินทาง หญิงสาวเดินไปรอบๆบ้านเพื่อเก็บความทรงจำดีๆเอาไว้ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะมีโอกาสได้กลับมาอีกเมื่อไหร่เพราะเงินตั้งมากมายขนาดนั้นไม่รู้ว่าทำงานทั้งชาติจะถึงครึ่งหรือเปล่า
   “เตรียมตัวแล้วเหรอลูก”
   “ค่ะ”
   “พ่อสัญญาว่าจะไปรับลูกกลับมาขอเวลาพ่อหน่อยนะ”
   ทรงวุฒิดึงตัวบุตรสาวเข้ามากอดไม่รู้อีกนานแค่ไหนที่จะได้เจอกันเพราะในสัญญาระบุไว้อย่างชัดเจนว่าห้ามให้มัทนาติดต่อกลับมายังบ้านจนกว่าจะหาเงินมาคืนได้ครบ
   เสียงแตรรถดังสนั่นทั่วบ้านจนสองพ่อลูกต้องรีบเดินไปดูก็พบกับรถกระบะเก่าๆสีเขียวจอดอยู่หน้าบ้าน จากนั้นก็มีหญิงสาวเจ้าของรถผมสั้นแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าๆเหมือนผู้ชายแล้วไหนจะใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบดำๆดูสกปรกจนมัทนาถึงกับไม่กล้าเดินเข้าไปเฉียดใกล้ 
   “มองแบบนี้มีปัญหาหรือไง”
   มัทนามองคนที่กระแทกเสียงพูดด้วยความรู้สึกไม่พอใจก่อนจะเมินหน้าหนีไปทางอื่นเพราะไม่อยากจะทำให้เรื่องมันบานปลายดูจากท่าทางแล้วอีกฝ่ายก็ดูแรงมากพอสมควร
   “คุณเป็นใคร”
   ทรงวุฒิเอ่ยถามอย่างสงสัยเพราะแน่ใจว่าไม่เคยรู้จักคนๆนี้แน่ๆ
   “ฉันไม่จำเป็นต้องบอกคุณเอาเป็นว่าฉันแค่มารับยัยหน้าจืดนี่เท่านั้น”
   “นี่เธอคุณพ่อฉันถามดีๆนะทำไมไร้มารยาทแบบนี้”
   ปาลิตามองสองพ่อลูกตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะยิ้มเยาะออกมาแล้วเดินกลับไปที่รถ
   “ฉันให้เวลาสองนาทีถ้ายังไม่รีบขึ้นรถก็เตรียมไปเป็นขอทานได้เลย”
   “เธอ!”
   “มัทอย่าลูก”
   ทรงวุฒิดึงแขนบุตรสาวที่กำลังจะเดินเข้าไปเอาเรื่องอีกฝ่ายเอาไว้จากนั้นก็มองหน้าลูกสาวแสนรักอย่างอาลัยอาวรณ์
   “จำไว้ให้ดีนะมัทพ่อจะต้องไปรับลูกให้ได้แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้นมัทต้องอดทนไม่ใช่แค่เพื่อเราแต่เพื่อคนข้างหลังที่เค้าต้องพึ่งเรา”
   “ค่ะมัทจะทำให้ดีที่สุดเพื่อเราทุกคน”
   พูดจบมัทนาก็เดินไปที่รถทันทีเธอกลัวว่าจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้หากยังมองหน้าบิดาอยู่แบบนี้ ครั้งก่อนจำใจห่างกันเพราะเธอต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศแต่ตอนนั้นยังมีกำหนดเวลาและสามารถบินกลับมาอยู่บ่อยๆแต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกันเพราะเธอมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของเรื่องราวนี้เลย

   ภายในรถมีแต่ความเงียบมัทนารู้สึกว่าคนข้างๆดูจะไม่เป็นมิตรกับเธอเอาเสียเลยทั้งสีหน้า แววตาแล้วไหนจะท่าทางที่เหมือนอยากจะหักคอเธอนั่นอีกไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าคนไม่เคยเห็นหน้ากันจะสามารถเกลียดกันได้มากมายขนาดนี้เชียวหรือ
   “ฉันชื่อมัทนาเรียกว่ามัทก็ได้นะพี่ชื่ออะไรเหรอ”
   มัทนาเอ่ยแทรกความเงียบขึ้นมาเธอคิดว่าหากได้พูดคุยกันอาจทำให้คนข้างๆลดความเกลียดขี้หน้าเธอลงได้บ้าง
   “ฉันมีแต่พี่สาวไม่มีน้อง”
   นั่นประไร…คำตอบแรกก็ทำเอาคนถามถึงกับใจฝ่อมากขึ้นไปอีก หญิงสาวตัวสูงถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะพยายามส่งยิ้มเป็นมิตรไปให้คนหน้าบึ้งที่ตอนนี้เพิ่มความหน้าหงิกไปอีกระดับ
   “งั้นมัทควรจะเรียกคุณว่าอะไรดีค่ะ”
   คนถูกถามกระทืบเบรคเต็มแรงจนรถปัดแต่เจ้าตัวก็ไม่คิดจะสนใจจากนั้นก็หันไปมองหน้าคนพูดมากด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรำคาญ
   “เรียกฉันว่าตาแต่ถ้าไม่มีอะไรจำเป็นก็ไม่ต้องมาทัก”
   พูดจบปาลิตาก็เหยียบคันเร่งออกตัวอย่างเร็วจนคนที่นั่งอยู่ถึงกับเอามือกุมที่หัวใจด้วยความตกใจท่าทางการผูกมิตรของเธอจะล้มเหลวเพราะสิ่งที่ได้รับตอบกลับมามันร้ายแรงจนเกือบถึงชีวิตก็ว่าได้

   เมื่อมาถึงยังจุดหมายก็เป็นเวลาเช้าตรู่ มัทนาเดินตามคนที่พามาด้วยความสงบและพยายามให้เงียบที่สุดเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าโมโหขึ้นมาอีกไม่อย่างนั้นเธออาจจะตายได้เพราะตอนนี้สองเท้าของเธอได้ก้าวมาเหยียบยังถิ่นของอีกคนอย่างเต็มตัวแล้ว
   หญิงสาวอดทึ่งกับบรรยากาศที่แสนดีและเงียบสงบของสถานที่นี้ไม่ได้ ก่อนจะหันไปเห็นป้ายชื่อของไร่แห่งนี้
   “ไร่หทัยภัทร”
   มัทนาต้องร้องอ๋อในใจเพราะชื่อไร่คือชื่อเดียวกับบุคคลที่เข้ามาช่วยบริษัทของเธอกับบิดาไม่รู้ว่าเจ้าของชื่อจะเป็นอย่างไรแต่ขอแค่ไม่เป็นเหมือนคนที่มารับเธอก็พอ
   “มาแล้วเหรอ”
   เสียงทักทายของใครบางคนทำให้คนที่กำลังเพลินกับการมองวิวทิวทัศน์ต้องหันไปมองยังเจ้าของเสียง
   “ต้องรีบมาสิคะตาคิดถึงพี่หทัยจะแย่”
   มัทนามองคนโหดที่ตอนแรกแทบจะกินหัวเธอไหงตอนนี้กลับมาทำท่าทางอ่อนปวกเปียกอย่างกับแมวอ้อนเจ้าของแบบนี้
   “ขับรถเร็วอีกล่ะสิ”
   “ไม่ค่ะตาเชื่อฟังพี่หทัย”
   “แน่นะ”
   “แน่ค่ะ”
   ปาลิตาหัวเราะออกมาอย่างชอบใจก่อนจะจับมือพี่สาวสุดที่รักมากุมไว้ ใครจะไปกล้าบอกว่าเธอฝ่าฝืนคำสั่งที่คนตรงหน้าคอยย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามขับรถเร็วล่ะ อันที่จริงเธอก็ไม่ได้อยากขัดแต่จะทำอย่างไรได้เมื่อความคิดถึงคนตรงหน้ามันมีมากมายเหลือเกิน
   มัทนาเมินหน้าไปทางอื่นเธอพอจะรู้แล้วว่าคนที่มารับเธอทำไมถึงได้เหยียบคันเร่งอยู่ตลอดเวลาไม่มีแตะเบรคเลยแม้แต่น้อยที่แท้ก็…
   “มัทนาใช่มั้ย”
   คนถูกเรียกหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะยกมือไหว้คนที่เรียกเธอ
   “สวัสดีค่ะคุณหทัยภัทร”
   “สวัสดี”
   “ฉันให้คนจัดบ้านให้เธอข้างหลังแล้วหวังว่าคงจะอยู่ได้นะ”
   “ที่จริงตาว่าน่าจะให้อยู่รวมกับพวกคนงานก็ได้นะคะไม่น่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่”
   “เอาของไปเก็บได้ล่ะ สิบโมงมาเจอฉันที่บ้านหลังใหญ่”
   พูดจบหทัยภัทรก็หมุนตัวกลับเข้าบ้านทันทีโดยมียัยโหดห้อยตามติดไปด้วย
   มัทนาถอนหายใจออกมาแรงๆเธอพอจะเข้าใจล่ะว่าทำไมปาลิตาถึงได้ไม่ชอบหน้าเธอตั้งแต่แรกเจอคงเพราะกลัวเธอจะไปแย่งคนรักละสิท่า…ให้ตายเถอะนี่เธอกำลังก่อศัตรูโดยไม่ได้ตั้งใจอยู่สินะ 
   หทัยภัทรหันกลับไปมองตามหลังของคนที่กำลังเดินไปหลังบ้าน ไม่คิดว่าเด็กนี่จะมีหน้าตาคล้ายกับคนที่ทิ้งเธอไปมากขนาดนี้แต่นั่นก็ไม่ได้บีบหัวใจของเธอมากเท่าส่วนที่เหมือนผู้หญิงสารเลวคนนั้นถึงจะมีไม่มากแต่มันก็ชัดเจนจนทำให้เธอแทบไม่อยากจะมองหน้า
   “พี่หทัยไหวมั้ยคะ”
   คนถูกถามหันไปมองหน้าคนข้างๆที่ได้ชื่อว่าเป็นคนในครอบครัวแม้ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันแต่เธอก็รักปาลิตาเหมือนกับน้องสาวแท้ๆก็ไม่ปาน
   “พี่ไม่เป็นไร”
   “ถ้าพี่หทัยไม่ไหวบอกตานะคะเดี๋ยวตาจัดการยัยหน้าอ่อนนั่นเอง”
   “ไม่เป็นไรเรื่องนี้พี่คงต้องลงมือเอง”
   คนพูดเชิดหน้าขึ้นเธอเสียเวลากับคำว่าเจ็บปวดมานานเกินไปแล้วต่อไปนี้คงได้เวลาเอาคืนและยัดเยียดความเจ็บที่เคยเป็นของเธอให้คนอื่นบ้าง





 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.