web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 183
Most Online Ever: 190
(08 กรกฎาคม 2022 เวลา 19:00:55 )
Users Online
Members: 0
Guests: 161
Total: 161

ผู้เขียน หัวข้อ: ลวงรักฉบับร้าย ตอนที่ 4  (อ่าน 1770 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ meAyou

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 69
ลวงรักฉบับร้าย ตอนที่ 4
« เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2014 เวลา 14:24:23 »
   เสียงของหล่นลงพื้นทำให้คนที่หลับอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่น พร้อมกับพบว่าตอนนี้เสื้อผ้าของตัวเองชุ่มเหงื่อไปหมดทั้งๆที่แอร์บนเครื่องเย็นฉ่ำขนาดนี้แต่...ก็ไม่ได้แปลกใจอะไรเพราะความฝันที่เพิ่งผ่านพ้นไปมันเป็นฝันร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงและตามหลอกหลอนเธอมาตั้งแต่วันเกิดเรื่องและค่อยๆจางหายไปจวบจนวันนี้ที่มันย้อนกลับมาอีกครั้งอาจเพราะสถานที่ที่เธอกำลังจะไปนี่ก็ เป็นได้
   ที่ดอนเมืองกนต์รพียืนรอคนมารับอยู่ครู่ใหญ่จนในที่สุดก็เจอตัวคนมารับเสียที
   "กว่าจะมาได้นะ"
   "รอนิดๆหน่อยๆทำมาบ่น"
   มาริสาพูดหน้างอก่อนจะโผล่ตัวเข้ากอดเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันมานานด้วยความคิดถึง
   เนิ่นนานกว่าที่เพื่อนรักทั้งสองจะคลายอ้อมกอดออกและก็เป็นกนต์รพีที่หัวเราะออกมาอย่างเขินๆ
   “กอดแค่นี้ทำเป็นเขินไปได้”
   “ใครเขินจะบ้าหรือไง”
   “งั้นมากอดใหม่”
   มาริษาพูดพร้อมกับการอ้าแขนเดินเข้าไปใกล้คนปากแข็งแต่เธอก็ทำได้ไม่สำเร็จเมื่อถูกอีกฝ่ายใช้มือดันหัวเอาไว้
   “แล้วบอกไม่เขิน”
   “เอาเถอะน่ะพูดมากจะไปได้หรือยังเมื่อยแล้วนะ”
   กนต์รพีบ่นพร้อมกับทำหน้ามุ่ยนั่นจึงทำให้คนมารับหยุดแซวเปลี่ยนเป็นคล้องแขนอีกฝ่ายแทนจากนั้นก็เดินไปที่รถด้วยกัน

   เมื่อเดินทางมาถึงยังคอนโดของมาริษากนต์รพีแทบจะทิ้งตัวนอนลงที่เตียงแต่กลับถูกเจ้าของห้องดึงตัวเอาไว้
   “อะไรอีก”
   “ไปอาบน้ำก่อนสิ”
   “ตื่นมาค่อยอาบทีเดียวตอนนี้ขอนอนก่อน”
   “ไม่ได้! ถ้าไม่อาบก็ไปนอนนอกห้องเลยค่ะคุณชาย”
   คนพูดชี้ไปยังประตูก่อนจะหันหน้าจริงจังมาจ้องกนต์รพีจนคนขี้เกียจอาบน้ำต้องจำใจทำตามอย่างไม่อาจขัดได้
   หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยกนต์รพีก็เดินเข้ามานั่งที่เตียงพร้อมกับหันไปมองเจ้าของห้องที่ทำหน้าเข้มอยู่ที่หน้าคอมอย่างสงสัย
   “ทำอะไร”
   “แก้งานนิดหน่อย”
   “มีอะไรให้ช่วยมั้ย”
   “แค่ยอมมาเลี้ยงรุ่นก็เป็นพระคุณอย่างสูงแล้วล่ะค่ะ”
   ประโยคแหนบแหนมจากเพื่อนรักทำให้กนต์รพีอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
   นั่นสินะตั้งแต่จบมาเธอยังไม่เคยไปงานเลี้ยงรุ่นสักครั้งแต่พอคิดว่าจะต้องไปเจอใครบางคนก็ทำให้เธอนึกขยาดจนไม่อยากไปร่วม
   นึกย้อนไปถึงวันที่แสนปวดใจและน่าอันอายในอดีตก็ทำให้หดหู่ใจเป็นที่สุดเพราะหากมีทางเลือกเธอจะไม่มีวันกลับไปที่โรงเรียนนั้นอีกแต่เพราะเส้นทางชีวิตของเธอมีแค่ทางเดียวดังนั้นการทนบากหน้าไปเรียนคือสิ่งเดียวที่ไม่อาจเลี่ยงได้
   ใช่แล้วกนต์รพีไปเรียนที่นั่นต่อแม้จะถูกล้อเลียนเกือบทุกวันแต่ในที่สุดทุกคนก็พากันลืมเพราะมีเหยื่อรายใหม่เข้ามาเรื่อยๆนึกสงสารคนที่โดนชะตากรรมเดียวกับตัวเองแต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เพราะนับตั้งแต่วันที่รู้ว่าถูกยัยแม่มดหลอกเธอก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ขอเข้าไปเฉียดใกล้หรือแม้แต่ยุ่งเกี่ยวกับยัยนั่นอีก
   “คิดอะไร”
   จู่ๆคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานก็ย้ายก้นมานั่งข้างๆกนต์รพีทำเอาคนที่กำลังอยู่ในภวังค์ต้องรีบดึงตัวเองกลับมา
   “เปล่านิ”
   “อ้าปากก็เห็นไส้ติ่งอย่ามาโกหก”
   “ไม่ได้คิดอะไรจริงๆ”
   กนต์รพีเอ่ยด้วยน้ำเสียงลนลานแต่ในที่สุดแล้วก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เพื่อนรักพูด นี่สินะที่เขาเรียกมองตาก็รู้ใจสมแล้วที่มาริษาเป็นคนที่เธอให้ความสนิทสนมด้วยมากที่สุด
   “ยังไม่ลืมอีกเหรอ”
   “ไม่ใช่ไม่อยากลืมแต่มันลืมไม่ลงต่างหากทุกครั้งที่หลับตาหน้าของผู้หญิงใจร้ายคนนั้นก็โผล่มาทุกที”
   คนพูดเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเศร้าจนมาริษาต้องแตะไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเพื่อส่งกำลังใจไปให้
   “อีกหน่อยก็ลืมได้เองคงไม่ใช้เวลาทั้งหมดของชีวิตหรอก”
   “ขอให้เป็นอย่างนั้น”
   “ถ้าจะใช้เวลานานขนาดนั้นฉันว่าแกคงรักปักใจกับพี่ธัญแล้วแหละ”
   “ไม่มีทาง!”
   กนต์รพีตะโกนออกมาสุดเสียงทำเอาคนข้างๆถึงกับเด้งตัวหนีด้วยความตกใจและด้วยท่าทางของเพื่อนสาวทำให้คนพูดเริ่มรู้สึกตัวว่าเผลอทำอะไรแปลกประหลายออกมา
   “เอ่อ โทษทีฉันลืมตัวไปน่ะ”
   “ลืมตัวหรือว่าเป็นบ้าอยู่ๆก็พูดเสียงดังฉันว่าแกเป็นโรคกลัวพี่ธัญลิซึ่มมากกว่าสังเกตหลายครั้งละคุยกันทีไรเป็นแบบนี้ทุกที”
   มาริษาเอ่ยขึ้นเมื่อนึกได้ว่าเวลาคุยเรื่องนี้กันทีไรเพื่อนรักต้องออกอาการหัวเสียแบบนี้ทุกทีแม้จะคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ก็ตาม
   “ขอโทษด้วยนะ”
   เสียงอ่อยๆทำให้คนที่เหมือนจะหัวเสียเริ่มรู้ตัวว่ากำลังแสดงท่าทางหงุดหงิดออกมา
   ใช่ว่ามาริษาอยากเป็นแบบนี้แต่เธอแค่ไม่อยากให้เพื่อนรักติดในบ่วงที่รุ่นพี่ใจร้ายสร้างขึ้นหากจะมีวิธีการใดช่วยได้แม้จะมีความหวังแค่เพียงเศษเสี้ยวเธอก็จะทำ
   “ฉันไม่ได้โกรธแค่ไม่เข้าใจทำไมแกถึงไม่ลืมซะที”
   “ไม่ใช่ไม่ลืมแต่มันลืมไม่ได้ต่างหากฉันพยายามแล้วแต่มันทำไม่ได้จริงๆ”
   คนพูดเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาพร้อมกับการล้มตัวนอนทำให้การสนทนาต้องปิดฉากลงในทันทีและยิ่งได้เห็นอาการของเพื่อนรักเป็นแบบนี้มาริษาก็ยิ่งมุ่งมั่นที่จะต้องหาทางทำให้กนต์รพีหลุดพ้นจากเรื่องราวในอดีตและก่อนอื่นที่ต้องทำเป็นสิ่งแรกก็คือการเผชิญหน้า!

   ในงานเลี้ยงรุ่นวันนี้กนต์รพีได้พบเจอกับเพื่อนเก่าที่เรียนด้วยกันเกือบครบทีมจะว่าไปเพราะการทนเรียนที่นี่จนจบทำให้ใครหลายๆคนเห็นใจและหันมาเป็นเพื่อนกับเธอในที่สุดนี่สินะที่เขาเรียกว่าฟ้าหลังฝน
   “ว๊าวๆยัยหมูของเรากลายร่างเป็นเจ้าหญิงแสนสวยแล้วดูสิ”
   เพื่อนผู้หญิงในกลุ่มเอ่ยแซวเสียงดังจนกนต์รพีต้องยกมือทำท่าจุ๊ๆที่ปากเพื่อให้คนพูดเบาเสียงลงแต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุเพราะตอนนี้ประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงของเธอตกไปเป็น หัวข้อการสนทนาเรียบร้อยแล้ว
   “เอาเข้าไป”
   “เอาน่ะเราทุกคนแค่ดีใจที่กนต์รพีของพวกเราเปลี่ยนร่างเป็นสาวสวยสุดเทห์สูงหุ่นดีเขย่าใจคนพบเห็นได้แบบนี้”
   “เวอร์ไปมั้ย”
   “เรื่องจริง”
   จบประโยคทุกคนในโต๊ะก็ต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วยรวมทั้งมาริษาที่เห็นด้วยแบบไม่มีข้อโต้แย้ง
   กนต์รพีเปลี่ยนไปมากจริงๆแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยก็คือความจริงใจและรอยยิ้มสดใสที่มอบให้แก่ผู้คนรอบข้างหากใครได้เพื่อนเธอไปเป็นแฟนคงต้องคุมเข้มน่าดู
   มาริษาสะดุดกับความคิดของตัวเองในเรื่องสุดท้ายไม่รู้ว่ามันเข้ามาในหัวได้อย่างไรแต่เธอยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้เพราะตอนนี้แผนเผชิญหน้าของเธอกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว

   กนต์รพีหัวเราะออกมาน้อยๆเมื่อเพื่อนๆในโต๊ะเริ่มเปลี่ยนเรื่องไปเผาคนอื่นบ้าง
   นานแล้วจริงๆที่เธอไม่ได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้เพราะหลังจากจบจากมัธยมปลายจากที่นี่เธอก็ต้องไปเรียนที่อื่นแถมยังต้องทำงานไปด้วยเพื่อแบ่งเบาภาระของพ่อดังนั้นเธอจึงไม่ค่อยมีเวลานัดเจอเพื่อนๆและครั้งนี้ก็เหมือนโชคชะตานำพาให้เธอต้องย้ายกลับมาอยู่ที่นี่เพื่อนช่วยพ่อทำงานให้กับเจ้านายเก่านั่นจึงทำให้เธอมีโอกาสมางานเลี้ยงรุ่นในวันนี้
   และเหตุผลสำคัญที่ทำให้เธอรับปากเพื่อนๆว่าจะมาก็คือคำบอกเล่าจากมาริษาว่าจะมีแค่รุ่นเธอเท่านั้นที่มา
   แต่แล้วรอยยิ้มที่ประดับเต็มสองแก้มของกนต์รพีก็ต้องค่อยๆปรับระดับลดลงจนหมดไปในที่สุดเมื่อพบว่าใครกำลังเดินเข้ามาในงาน
   “มาริษา!”
   การเอ่ยเรียกชื่อเสียงแข็งทำให้เจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้งจนเกือบทำแก้วน้ำในมือหล่อนแต่ยังดีที่เธอจับได้ทันก่อนจะรีบวางลงแลัวหันไปหาคนข้างๆด้วยหัวใจที่เต้นตุ๊มๆต่อมๆ
   “แกหลอกฉันงั้นเหรอ”
   “หลอกอะไรเปล่าซะหน่อย”
   “ยังจะแก้ตัวอีกไม่หลอกแล้วฝูงที่นั่งอยู่โต๊ะตรงข้ามเรานั่นอะไร”
   คนพูดชี้ไปทางกลุ่มคนที่มาใหม่ก่อนจะรีบดึงมือกลับมาจับที่แขนของเพื่อนรักที่ทำท่าจะลุกหนีไปที่อื่น
   “ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนเดี๋ยวค่อยคุยกัน”
   “ไม่ได้! คุยกันตอนนี้แหละเพราะเดี๋ยวฉันจะกลับแล้ว”
   คราวนี้เป็นมาริษาบ้างที่ต้องฉุดแขนกนต์รพีเอาไว้เพราะเจ้าตัวกำลังจะทำอย่างที่พูดจริงๆและมันคงไม่ดีแน่ถ้าแผนการเผชิญหน้าต้องล้มเหลวแบบนี้
   “จะบ้าหรือไงมาแป๊บเดียวก็จะกลับไม่คิดถึงเพื่อนๆหรือยังไง”
   “คิดถึงแต่เดี๋ยวค่อยนัดคุยกัน”
   “เดี๋ยวนี่เมื่อไหร่คิดบ้างสิว่ากว่าพวกเราจะว่างตรงกันได้มันยากขนาดไหน”
   “แต่ว่าษา…”
   “ไม่ต้องแต่เลย ก็ได้จะบอกให้ว่าทำไมถึงทำแบบนี้”
   มาริษาพูดแทรกพร้อมกับการลากตัวกนต์รพีไปยังโต๊ะของกลุ่มเป้าหมายทันทีเธอก็อยากจะรู้นักว่าหากรุ่นพี่กลุ่มนี้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเพื่อนเธอแล้วจะรู้สึกอย่างไรแต่ที่แน่ๆเพื่อนเธอนี่แหละที่ต้องเลิกหลบซ่อนซะที
   
   กลุ่มของธัญวรัตน์มานั่งไม่ทันไรก็ต้องพบเข้ากับใบหน้าคุ้นเคยของรุ่นน้องที่ไม่รู้ว่าจะยกโขยงมาทำไม
   “มีปัญหาอะไรมิทราบ”
   “เปล่าค่ะพอดีพวกเราอยากมาทักทายรุ่นพี่น่ะค่ะ”
   “มารยาทดีนิเสร็จหรือยังล่ะถ้าเสร็จแล้วก็กลับไปได้แล้ว”
   ธัญวรัตน์เอ่ยขึ้นเพราะเธอรู้สึกไม่ถูกชะตากับคนพูดสักเท่าไหร่ยิ่งนานวันเธอก็ยิ่งไม่ชอบถึงขนาดไม่อยากเสวนาด้วย
   “เกือบเสร็จแล้วล่ะค่ะแต่พอดีมีคนอยากจะทักทายพวกพี่ๆด้วย”
   มาริษาเอ่ยขึ้นพร้อมกับการพยายามดึงตัวคนที่มุดอยู่ที่หลังของเธอให้ออกมาแต่เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวถึงได้ทำตัวแข็งต่อต้านตลอด
   “จะหลบทำไม”
   “กลับกันเถอะษาฉันอยากกลับบ้านแล้ว”
   “จะกลับก็ได้แต่ต้องออกมาก่อน”
   พูดจบมาริษาก็จัดการดึงตัวเพื่อนรักให้ออกมาจากต้านหลังเพื่อนอีกคนแต่ก็ทำไม่สำเร็จแล้วการฉุดกระชากก็หยุดลงเมื่อกลุ่มของธัญวรัตน์หัวเราะออกมาเสียงดังให้กับภาพที่เห็น
   “ปล้ำจับหมูกันอยู่เหรอ”
   “นั่นสิ พี่ว่าไล่เข้าคอกไปดีกว่ามั้ง”
   “เธอก็ไปว่าอะไรน้องเค้าแบบนั้นว่าแต่กลิ่นขี้หมูลอยมาจากไหนน่ะ”
   ช่างเป็นการประสานคำพูดที่เรียกเสียงหัวเราะได้ดีจริงๆแต่สำหรับมาริษามันไม่ตลกเลยสักนิดและอาจเพราะอารมณ์ที่จู่ๆก็ปะทุขึ้นมาทำให้เธอมีแรงที่จะกระชากคนที่ซ่อนตัวให้ออกมาได้และเพียงแค่กนต์รพีปรากฏตัวเท่านั้นแหละเสียงหัวเราะก็แทบจะหยุดลงทันทีเปลี่ยนเป็นการตกตะลึงเพราะไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น
   “นี่กนต์รพีไงคะว่าแต่ตะกี้พี่ๆพูดอะไรกันนะคะ”
   จบคำพูดของมาริษาคนที่เคยหลุดประโยคว่าให้กนต์รพีก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเมื่อพบว่าบุคคลที่ตัวเองพูดถึงไม่ได้เป็นอย่างในอดีตที่ผ่านมาหน่ำซ้ำพอเอามาเปรียบกับตัวเองน้องหมูยังดูดีกว่าอีก
   “เธอต้องการอะไร”
   ธัญวรัตน์เอ่ยเสียงแข็งเมื่อเริ่มมองออกว่าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์อะไร
   “ก็บอกแล้วไงคะว่าพวกเราอยากจะมาทักทายรุ่นพี่”
   “แต่ฉันว่าเธอตั้งใจมาหาเรื่องมากกว่านะ”
   “เอ…ษาว่าพี่คงเข้าใจผิดแล้วมั้งคะถ้าพวกเราทำให้พี่คิดมากก็ต้องขอโทษด้วย”
   “คิดว่าจะไปง่ายๆงั้นเหรอ”
   ธัญวรัตน์ลุกยืนพร้อมกับการยกแก้วน้ำสาดไปยังมาริษาที่มองมาทางเธออย่างอวดดีแต่กลับถูกใครอีกคนเอาตัวมาบังไว้แทน
   “นี่พี่จะทำอะไร”
   มาริษาเอ่ยขึ้นก่อนจะรีบล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับที่ใบหน้าของกนต์รพีที่ตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำแดง
   “ฉันจะทำอะไรมันก็ไม่เกี่ยวกับเธอแล้วอีกอย่างอย่าคิดว่าเปลี่ยนแปลงตัวแบบนี้แล้วจะทำให้ฉันตกตะลึงได้ในสายตาของฉันเมื่อก่อนยัยนี่เป็นยังไงเดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอยู่”
   “นี่พี่!”
   “พอเถอะษาอย่าไปยุ่งกับคนแบบนั้นเลยเรากลับไปนั่งโต๊ะกันเถอะ”
   “แต่ว่า…”
   “ฉัน…ขอ”
   กนต์รพีพูดเสียงเรียบพร้อมกับการจูงมือเพื่อนสาวที่กำลังโมโหให้ออกมาจากสถานการณ์เลวร้ายแบบนั้น
   ผู้หญิงคนนั้นยังคงความร้ายกาจและน่ารังเกียจเหมือนเดิมนึกขอบคุณมาริษาที่ทำให้เธอได้เห็นสิ่งเลวร้ายแบบนี้กับตาอีกครั้งซึ่งมันจะตอกย้ำตัวเธอเองเสมอหากวันหนึ่งต้องเผชิญหน้ากับธัญวรัตน์อีก
   แต่ถ้าจะให้ดี…อย่าได้เจอะเจอกันเลยเป็นดีที่สุด!
      




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.