โพสต์โดย:
meAyou
วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2015 เวลา 17:26:53
อ่าน: 583
|
รอยยิ้มของคนข้างๆทำให้คนขับรถต้องหันมาแอบมองอยู่บ่อยครั้งก่อนจะรีบดึงสายตากลับเมื่อเจ้าของรอยยิ้มหันมาเห็น "ฉันไม่ใช่ถนนมองทำไมมิทราบ" "คนรักกันมองกันไม่ได้เหรอคะ" "ใครรักใครพูดให้มันดีๆนะ" "อ้าว แล้วเมื่อตอนกลางวันใครเป็นคนพูดน๊า" นิชาภัทรลากเสียงแบบกวนๆพร้อมกับทำท่าทางคิดหนักแต่เพียงไม่นานเจ้าตัวก็ต้องร้องเสียงหลงเมื่อถูกคนนั่งข้างๆฟาดมือลงที่ไหล่แบบเต็มแรง "ตีภัทรทำไมคะ" "เปล่าซะหน่อยฉันช่วยตบยุงที่ไหล่ของเธอต่างหาก" "ตบยุ่งในรถเนี้ยนะคะ" "ใช่ไงแต่ไม่ต้องขอบใจหรอกนะฉันช่วยด้วยใจ" คนพูดยิ้มกว้างก่อนจะเมินหน้าไปอีกทางเพราะไม่อยากที่จะต่อปากต่อคำอีก ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่าคนข้างๆต้องการที่จะสื่ออะไรในคำพูดเมื่อสักครู่แต่เพราะทุกอย่างเธอตั้งใจและไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องแก้ตัวหรืออธิบายอะไรให้เสียเวลาเพราะเป้าหมายสำคัญในการเข้ามาอยู่ในบ้านกิติกุลไพศาลก็คือการทำให้คนทรยศต้องพบกับการสูญเสียและเจ็บปวดเช่นเดียวกันกับตัวเอง
แสงไฟจากโต๊ะทำงานสะท้อนเข้าดวงตาที่ปิดสนิทให้ต้องเปิดกว้างและเมื่อสามารถปรับได้เป็นปกติความรู้สึกห่วงใยที่พันธิตราไม่คิดว่าจะมีให้ใครอีกกลับก่อตัวขึ้นมาอย่างไม่น่าที่จะเป็นไปได้และดูเหมือนว่ามันจะมีมากเสียจนทำให้เธอต้องลุกเดินไปหาคนที่กำลังทำหน้าเครียดอยู่ในเวลานี้ "ทำไมยังไม่หลับไม่นอนอีก" เสียงจากคนที่เดินเข้ามาใกล้ทำให้คนที่กำลังใช้ความคิดต้องหันไปมองอย่างตกใจก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกผิดเมื่อคิดได้ว่าตัวเองอาจจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนตัวเล็กต้องตื่นขึ้นมากลางดึกแบบนี้ "ภัทรไม่ได้ตั้งใจทำให้พี่ตื่น" "ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลย" พันธิตราเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะมองไปยังเอกสารที่กระจายเต็มโต๊ะและหากเธอดูไม่ผิดรายชื่อส่วนใหญ่ของเอกสารก็คงจะเป็นบริษัทการเงินหลายๆแห่ง "งานยุ่งมากหรือไงถึงได้ทำจนดึกขนาดนี้" "ทำเรื่อยๆค่ะภัทรยังไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่" ประโยคที่ฟังแล้วไม่มีอะไรหากแต่ใบหน้าของคนพูดกลับดูตรงกันข้ามอย่างเห็นได้ชัดจนคนมองรู้สึกเป็นห่วงจนอดถามออกมาไม่ได้ "มีอะไรให้ฉันช่วยมั้ย" คำถามเดิมถูกเอ่ยออกมาอีกครั้งและมันยังคงมีผลทำให้หัวใจของคนฟังรู้สึกดีอยู่เช่นเคยจนทำให้เกิดรอยยิ้มที่เจ้าตัวไม่คิดว่าจะมีได้ในคืนที่เต็มไปด้วยความหนักใจเช่นนี้หากแต่มันกลับเกิดขึ้นอย่างง่ายดายเพียงแค่มีผู้หญิงตัวเล็กคนนี้อยู่ใกล้ๆ "ขอบคุณนะคะ" "ไม่ต้องขอบคุณหรอกเพราะฉันอาจช่วยเธอไม่ได้ก็ได้" "แค่นี้ก็ถือว่าเป็นกำลังใจได้มากแล้วล่ะค่ะ" นิชาภัทรคลี่ยิ้มละมุนก่อนจะเอื้อมไปจับมือคนตัวเล็กที่ทำหน้าไร้ความรู้สึกอยู่เช่นเดิมหากแต่มันกลับทำให้รอยยิ้มของเธอมีเพิ่มมากขึ้นอย่างน่าประหลาด "ยิ้มได้แล้วนิ ดีใจด้วยนะ" พันธิตราเอ่ยขึ้นหลังจากหลบสายตาที่จ้องมาราวกับจะมองให้ทะลุเข้าไปข้างในตัวของเธอแล้วไหนจะมือที่กำลังจับกุมมือของเธออยู่นี่อีกมันทำให้เกิดความรู้สึกประหม่าจนไม่อาจจะทนสู้สายตาของอีกฝ่ายได้อีกต่อไป การเคลื่อนตัวและใบหน้าที่กำลังเลื่อนเข้ามาใกล้ทำให้พันธิตราตกใจจนต้องถอยหนีนั่นทำให้คนที่กำลังขาดสติได้รู้สึกตัวจนต้องรีบปล่อยมือของคนตัวเล็กแล้วเป็นฝ่ายถอยออกห่างเสียเอง "เอ่อ ดึกแล้วพี่สิตาไปพักผ่อนเถอะค่ะเดี่ยวภัทรขอไปเคลียร์งานต่อก่อน" พูดจบนิชาภัทรก็หันกลับไปทำงานต่อทันที สมองของเธออาจจะมึนเบลอเพราะความเครียดจนเกือบเผลอทำอะไรที่ไม่สมควรลงไป รอยยิ้มเยาะเกิดขึ้นภายใต้แฟ้มงานที่หยิบขึ้นมาบังหน้าเมื่อนึกถึงความจริงของทุกสิ่งทุกอย่างที่ว่าเรื่องแบบนั้นไม่มีวันเกิดขึ้นได้เพราะใครอีกคนไม่มีวันที่จะเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสของเธอ
การประชุมในวันนี้จบลงด้วยความเคร่งเครียดที่ทวีความรุนแรงและกดดันมากจนนิชาภัทรรู้สึกปวดหัวและปวดท้องไปพร้อมกันและท่าทางของเจ้านายสาวก็ทำให้มาลิณีที่ผิดสังเกตอยู่นานรู้สึกเป็นห่วงจนต้องเอ่ยถาม "คุณภัทรเป็นอะไรหรือเปล่าคะ" "ไม่นิ" "แต่ณีว่าหน้าคุณดูซีดๆนะคะ" พูดจบมาลิณีก็ต้องรีบเข้าไปประคองนายสาวทันทีเพราะท่าทางที่ดูไม่ค่อยจะดีนักและหากเธอเข้าไปไม่ทันคาดว่าอีกฝ่ายคงได้หัวน็อตพื้นไปแล้ว "ขอบใจนะแต่ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว" "แต่ณีว่าณีช่วยประคองคุณภัทรเข้าไปในห้องดีกว่านะคะ" การตื้อของมาลิณีดูเหมือนจะได้ผลเมื่อนิชาภัทรเริ่มใจอ่อนเพราะดูจากสภาพของตัวเองในเวลานี้เธอคงไปไม่ถึงห้องแน่ๆหากเดินไปด้วยแรงของตัวเอง "แต่ฉันว่าเธอกลับไปทำงานดีกว่านะ!" น้ำเสียงดุคุ้นหูทำให้คนทั้งคู่ต้องหันไปมองแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรสักคำคนมาใหม่ก็จัดการแยกนิชาภัทรกับเลขาคนสวยให้ออกห่างจากกันก่อนจะเป็นตัวเธอเองที่เข้าไปประคองคนที่ทำท่าจะล้มเอาไว้แทน "หมดหน้าที่เธอแล้วจะไปไหนก็ไป" คนถูกไล่ออกอาการงงๆหากแต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามหรือต่อว่าในเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะหากผู้หญิงตัวเล็กคนนี้ไม่แน่จริงก็คงไม่กล้าทำอะไรแบบนี้และที่สำคัญเจ้านายของเธอก็ไม่ได้ออกปากว่าอะไรนั่นก็หมายความว่าคนที่สมควรออกไปจากตรงนี้ก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตัวเธอ พันธิตราหันมามองคนที่ตัวเองประคองด้วยสายตาคาดโทษแต่กลับต้องพบกับความหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อได้รับเพียงสายตาของความสงสัยส่งกลับมาเท่านั้น แล้วเธอกำลังหวังที่จะเห็นสายตาแบบไหนกันนะ?
ในที่สุดเกมจ้องตาก็จบลงที่นิชาภัทรยอมกินยาตามที่คนตัวเล็กสั่งหากแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่วายที่จะบ่นไปด้วยจนคนถูกบ่นต้องเดินหนีแต่การหนีก็ไม่ง่ายนักเมื่อในห้องนี้มันเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่ไม่ว่าจะเดินเลี่ยงไปทางไหนก็ถูกตามมาได้อยู่ดี "โอเคค่ะภัทรเข้าใจแล้วเรามาเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่านะคะ" "ก็ควรจะเข้าใจได้แล้วนะโตๆกันแล้วไม่น่าจะต้องให้พูดมากแล้วเรื่องกินข้าวก็เหมือนกันไม่หิวก็ต้องกินอยากให้กระเพาะเป็นรูหรือไงอาการมันก็เริ่มจากปวดท้องแบบนี้แหละไม่ดูแลตัวเองก็ลำบากคนอื่น?" นิชาภัทรถึงกับแอบถอนหายใจเมื่อคนที่ปากบอกว่าเข้าใจแต่กลับยังไม่หยุดร่ายคาถาใส่เธออีกทั้งเรื่องที่บ่นก็วนไปวนมาราวกับกำลังเปิดแผ่นซีดีซ้ำไปซ้ำมา "นี่ฉันพูดอยู่นะ ฟังหรือเปล่าเนี้ย" "ฟังค่ะ ฟังทุกคำเลย" พันธิตราหรี่ตามองคนพูดอย่างนึกสงสัยอะไรบางอย่างก่อนจะตบโต๊ะเมื่อคิดบางเรื่องออก "อะไรคะ?" เจ้าของห้องออกอาการตกใจทั้งทางสีหน้าและแววตาก็จะไม่ให้เธอใจหายได้อย่างไรในเมื่อจู่ๆก็มีคนตบโต๊ะเสียงดังตรงหน้า "มันเป็นแผนใช่มั้ย" "แผน?" "ทำไม! คงไม่คิดล่ะสิว่าจะมีคนรู้ทัน" "รู้ทันด้วย?" นิชาภัทรถึงกับทำหน้าไม่ถูกไม่ใช่เพราะกำลังจะถูกจับได้แต่เพราะเธอกำลังงงไม่เข้าใจในเรื่องที่ถูกกล่าวหาในเวลานี้และการเงียบก็คงจะเป็นคำตอบที่ทำให้คนขี้สงสัยยิ่งปักใจเชื่อว่าเรื่องที่ตัวเองคิดคือเรื่องจริง "ใช่จริงๆสินะฉันขอโทษด้วยล่ะกันคงทำให้เธอเสียแผนหมด!" คนพูดเอ่ยด้วยใบหน้าหงิกงอยิ่งกว่าเดิมก่อนจะคว้ากระเป๋าลุกเดินออกไปจากห้องโดยไม่ได้เอ่ยคำอธิบายอะไรอีกยิ่งทำให้นิชาภัทรเกิดความสงสัยมากกว่าเดิมหากแต่ก่อนที่เธอจะได้เดินตามไปถามไถ่เพื่อทำความเข้าใจเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อนและเรื่องที่ได้รับรู้ผ่านปลายสายก็ทำให้ความคิดที่จะตามใครอีกคนเป็นอันต้องยกเลิกเพราะตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ นิชาภัทรเดินเข้าห้องประชุมด้วยความรู้สึกแปลกๆอีกทั้งเมื่อหันไปดูหน้าของบิดาและปรานต์มันดูเหวอๆอย่างไรพิกลแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรเพราะในห้องนี้ยังมีใครคนอื่นอีกจึงไม่เหมาะที่จะเอ่ยถามอะไรนอกประเด็น "คราวนี้คงมาครบแล้วนะครับ" ชายหนุ่มหน้าตาตี๋ๆเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะเชิญให้คนมาช้านั่งลงที่ว่างสุดท้าย "งั้นเรามาเริ่มข้อตกลงกันเลยดีกว่านะครับเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา" น้ำเสียงฉะฉานเอ่ยออกมาอีกครั้งก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ "เอ่อ ผมนี่เสียมารยาทจังเลยนะครับลืมแนะนำบอส คนเก่งให้พวกคุณรู้จักเลย" นิชาภัทรเงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มเอกสารตรงหน้าก่อนจะต้องพบกับความประหลาดใจเมื่อใครอีกคนที่นั่งอยู่ในห้องเป็นคนคุ้นหน้าและเป็นคนเดียวกับที่ทำให้เธอมาประชุมช้า "นี่คุณพันธิตรา วชิรกาล ลูกสาวของคุณอธิป วชิรกาล" คนทั้งห้องต่างเงียบไม่มีใครพูดอะไรเมื่อการแนะนำตัวในครั้งนี้มันดูไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่เพราะดูเหมือนคนที่เคยถูกดูถูกว่าต่ำต้อย ไร้ความสำคัญกลับกลายมาเป็นหงส์ฟ้าอย่างไม่น่าที่จะเป็นไปได้ "อึ้ง อึ้ง อึ้งกันหมดเลย" คนพูดเอ่ยยิ้มๆก่อนจะรีบปิดปากตัวเองเมื่อหันไปเห็นสายตาดุๆที่ส่งมาโดยบอสคนสวย "ฉันว่าเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่านะคะ เลิกพูดอะไรที่มันไร้สาระได้แล้ว" พันธิตราเอ่ยน้ำเสียงนิ่งๆก่อนจะหันไปสบตากับสายตาแต่ละคู่ที่จ้องมองมาอย่างอึ้งๆดังที่ลูกน้องคนสนิทของเธอพูด คงไม่คิดสินะว่าเป็ดอย่างเธอจะสลัดคราบจนกลายเป็นหงส์ได้แบบนี้แต่คนวางมาดนิ่งก็ต้องพบกับความรู้สึกขัดใจเมื่อถูกเจ้าของสายตาคู่สุดท้ายเมินหน้าหนี การประชุมดำเนินมาถึงลำดับสุดท้ายและคนมาเสนองานก็ไม่ได้ใจเย็นพอที่จะให้เวลาสองพ่อลูกในการตัดสินใจเพราะยังไงเสียวันนี้พันธิตราก็ต้องได้คำตอบและคาดว่าคำตอบที่กำลังจะได้รับคงจะไม่พ้นสิ่งที่เธอคิดไว้แล้ว
นิชาภัทรเดินกลับห้องอย่างเบลอๆไม่คิดเลยว่าปัญหาที่เธอคิดหนักมาตลอดหลายวันจะถูกแก้โดยคนใกล้ตัวที่เธอคิดมาตลอดว่าเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดา "จะไปไหน" น้ำเสียงหาเรื่องถูกตะโกนไล่หลังอย่างดังและนิชาภัทรก็จำเจ้าของเสียงนี้ได้แม่นว่าเป็นใคร "ฉันถามทำไมไม่ตอบ" เมื่อเอ่ยถามแล้วไม่ได้รับคำตอบพันธิตรามีหรือจะยอมแพ้เธอเดินไปขวางหน้าคนที่กำลังจะเดินหนีทันที "ภัทรแค่จะกลับไปทำงาน" "แล้วทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นเธอน่าจะยิ้มออกได้แล้วนะในเมื่อเรื่องเครียดๆก็จบลงด้วยดีแล้ว" นิชาภัทรแสดงสีหน้าออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่พอในบางสิ่งบางอย่างที่คนตัวเล็กพูดและมีหรือที่อีกฝ่ายจะไม่รู้ตัวเพียงแต่พันธิตราไม่คิดจะเอามาใส่ใจก็เท่านั้น "เธอน่าจะขอบคุณฉันมากกว่าที่จะมาทำหน้าตาไม่น่ารักแบบนี้ใส่นะ" "ภัทรก็รู้สึกขอบคุณนะคะแต่มันจะดีกว่านี้ถ้าจะมีการบอกกล่าวกันบ้าง" "ฉันไม่เห็นความจำเป็นในสิ่งที่เธอพูดเลยสักนิดแค่ฉันมาช่วยก็ดีมากแค่ไหนแล้ว" เป็นประโยคแทงใจคนฟังไม่น้อยแต่มันก็ถูกของคนพูดแบบนี้มันก็ดีแล้วเธอทนปวดหัวกับเรื่องเงินทุนนี้มานานและมันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอที่มีคนยื่นมือมาช่วยแต่ทำไมหัวใจของเธอกลับรู้สึกสั่นคลอนและเจ็บปวดแบบนี้กันนะ "ค่ะภัทรขอบคุณพี่สิตามากนะคะสำหรับการช่วยเหลือ ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวก่อนนะคะจะรีบไปสรุปรายละเอียดการใช้จ่ายงบ" พันธิตรามองคนที่พูดจบก็เดินหนีไปทันทีเธอจะร้องห้ามก็ไม่ทัน อะไรของเขานะนี่เธออุตส่าห์มาช่วยแทนที่จะดีใจกลับมาทำหน้าบึ้งใส่เธออย่างกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องร้ายมากกว่าเรื่องดีพลันความสงสัยก็ต้องหยุดลงเมื่อหันไปเห็นใครบางคนกำลังส่งยิ้มมาให้และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือใครคนนั้นกำลังเดินมุ่งตรงมาทางเธอ พันธิตรารีบเดินหนีทันทีเธอมองเห็นบางอย่างในแววตาของปรานต์มันดูมีความหวังเปล่งประกายออกนอกหน้าราวกับว่าอีกฝ่ายอยากเปิดเผยให้เธอได้รู้ ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอเคยรักผู้ชายคนนี้ เห็นหน้าคนเห็นแก่ตัวแล้วก็ทำให้เธออยากจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้ได้สำนึกไม่ใช่สิต้องเรียกว่าให้บทเรียนราคาแพงถึงจะถูก ?แพงจนอาจจะถึงขั้นหมดตัวเลยก็เป็นได้?
|
Rating: This article has not been rated yet.
|
|