web stats

ข่าว

 


LIE 02

โพสต์โดย: Nekoyu วันที่: 25 มกราคม 2015 เวลา 13:58:22 อ่าน: 375

หน้ากระดาษสีหวานถูกปลายนิ้วเรียวพลิกไปมาเพื่อให้นัยน์ตาสีนิลได้อ่านข้อความที่เขียนเป็นลายมือน่ารัก     ริมฝีปากบางยกยิ้มแล้วโยนสมุดเล่มเล็กลงบนกระเป๋าถือใบเล็กๆที่วางอยู่ลงบนพื้น     

สายลมยามดึกพัดผ่านม่านสีเข้มเข้ามาภายในห้อง   ทำให้หน้ากระดาษพลิกไปมาอย่างรวดเร็วให้เห็นข้อความที่บรรยายถึงคังวอน  เซระผ่านจากสายตาของผู้เป็นเจ้าของสมุดเล่มนี้    เธอหัวเราะออกมาแล้วเอนหลังนอนลงกับโซฟาตัวใหญ่    พลันใบหน้าสวยก็ปรากฏรายยิ้มปีศาจร้ายขึ้นมา

...
 
   นังแมวขโมย!  แกคิดจะงาบลูกชายชั้นเรอะ!
   หญิงวัยกลางคนแผดเสียงลั่นใส่เด็กสาวที่นั่งตัวสั่นระริก 

   ไม่...ใช่นะคะ...คุณแม่....มิรินไม่เคย...คิดแบบนั้นกับพี่โฮยองเลยนะคะ
   ปลายนิ้วสั่นเทายกขึ้นลูบใบหน้าที่ขึ้นรอยแดงเป็นริ้ว

   อย่าสะเออมาเรียกฉันว่าแม่นะ!
   เธอตวาดลั่น

   แม่ทำอะไรของแม่เนี่ย!
   ชายหนุ่มวิ่งเข้ามากอดรั้งมารดาก่อนที่ฝ่ามือนั้นจะกระหนำทำร้ายคนที่น้ำตาอาบใบหน้า

   
   นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกโพลงขึ้นสู้แสงสลัวที่เล็ดลอดผ่านม่านเข้ามาภายใน   เด็กสาวลุกพรวดพราดขึ้นใบหน้าหวานพราวไปด้วยเหงื่อ 
   ฝันถึงตอนนั้นอีกแล้ว....

ปลายจมูกเล็กๆระบายลมหายใจหนักหน่วงออกมา   พอสติกลับมาครบถ้วนเธอก็หันมองไปรอบๆทำให้นึกถึงเรื่องเมื่อวานขึ้นมาได้

จริงสิเรามาค้างที่บ้านพี่เซระนี่นา ....

ยังไม่ทันที่แขกของบ้านจะได้ลุกจากที่นอน   เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นให้เด็กสาวได้สะดุ้งสุดตัว

"ตื่นไหวเหรอ"  นึกว่าจะนอนซมเพราะไข้ไปแล้วซะอีก"
ตามมาด้วยเสียงทักทายที่แสนคุ้นหู

"พะ..พี่เซระ!!"
นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างราวกับได้ตื่นเต็มตา  เมื่อเห็นสาวสวยที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวกำลังยืนเช็ดผมด้วยผ้าขนหนูอยู่โดยไม่สะทกสะท้าน   จนคนมองต้องเป็นฝ่ายหันหน้าหนีเอง   

ท่าทีลนลานนั่นทำให้เซระยกยิ้มแล้วสาวเท้าเข้าไปใกล้   โน้มใบหน้าที่มีหยดน้ำเกาะพราวไปใกล้คนที่ไม่ทันได้ตั้งตัว  แล้วยกมือให้ผิวกายที่ยังมีชุ่มชื้นของน้ำสัมผัสเข้ากับหน้าผากมน
"ตัวไม่ร้อนแล้วนี่   ก็ดีรีบๆตื่นไปอาบน้ำซะ จะได้ไปโรงเรียนกันซักที"
ริมฝีปากบางกระซิบข้างหูเล็กๆที่เริ่มแดงระเรื่อ

เด็กสาวพยักหน้ารับแล้วรีบขยับถอยหลังเมื่อนัยน์ตาสีน้ำตาลสบเข้ากับเนินอกได้รูปที่โผล่พ้นผ้าเช็ดตัวอย่างหมิ่นเหม่

เซระหัวเราะในลำคอแล้วยอมปล่อยให้เด็กสาวที่สภาพดูไม่ได้รีบลุกมายืนตัวเกร็งอยู่ปลายเตียง
"เดินไปใช้ห้องน้ำข้างนอกโน้น  ฉันจะใช้ห้องนี้แต่งตัว   ยูอินคงจะเตรียมผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าไว้ให้แถวนั้นแล้วมั้ง"

พูดจบคุณเจ้าของห้องก็เดินไปเปิดตู้ไม้หลังใหญ่โดยไม่สนใจสายตาของคนที่มองอยู่เลยแม้แต่น้อย
"ยืนรออะไรอีก"  รีบไปอาบน้ำสิ   จะรอดูฉันแต่งตัวรึไง"
ใบหน้าสวยปรายตามองใบหน้าที่แดงระเรื่อที่รีบเสสายตาไปทางอื่น   หญิงสาวหัวเราะเบาๆกับเสียงปิดเปิดประตูโครมครามจากฝีมือของผู้อาศัยชั่วคราว

ยัยเด็กนี้สนใจเราจริงๆอย่างที่คิดเลย
ริมฝีปากบางเหยียดยิ้ม  เห็นปฏิกิริยาอีกฝ่ายก็รู้ทันทีว่าสนใจในความหมายไหนอยู่   ที่จริงก็ไม่ได้นึกรังเกียจรสนิยมอะไรแบบนั้นหรอก  เพราะแต่ก่อนก็เคยมีคนเข้าหาทั้งหญิงทั้งชาย  แต่ก็ไม่มีคนไหนเข้าตาเลยซักคนแถมช่วงนี้ก็ได้อยู่อย่างสงบมากขึ้นไม่ได้ปล่อยตัวให้กลายเป็นจุดเด่นโดนคนมารุมล้อมเหมือนก่อนก็เท่านั้นเอง

อืม....น่าจะพอมีประโยชน์อยู่บ้างละมั้ง.....
 

....................
      ปลายนิ้วเรียวขยับเสื้อกักลายสก็อตสีเทาอมน้ำเงินให้เข้าที่   แล้วบรรจงผูกโบว์ลายเดียวกันที่คอเสื้อเชิ้ตขาว   หลังจากจัดแต่งทรงผมเรียบร้อยแล้ว   มิรินก็รีบเดินเข้ามาในห้องนอนของรุ่นพี่ที่แต่งตัวเสร็จจนนั่งรอด้วยสีหน้าไม่พอใจ

"ชักช้าจริง"
ริมฝีปากบางบอกด้วยน้ำเสียงเจือความหงุดหงิด

"ขะ...ขอโทษค่ะ"
เธอก้มหน้าบอกเสียงเบา   ท่าทีหวาดกลัวแบบนั้นช่างดูขัดใจในสายตาเซระเป็นที่สุด

"อย่าขอโทษพร่ำเพ้อ  มันน่ารำคาญ !"
บอกโยนกระเป๋าถือใบเล็กที่เป็นสมบัติติดตัวมาคืนให้เจ้าของเดิมซึ่งรีบยื่นมือมารับแทบไม่ทัน


"พะ...พี่เซระ รอด้วยสิคะ!"
เด็กสาวรีบก้าวปลายเท่าที่ถูกห่อหุ้มด้วยถุงเท้าสีขาวเร่งจังหวะตามเจ้าของที่เดินออกจากห้องไปโดยไม่เหลียวหลังมามอง



........
   มิรินเดินตามรุ่นพี่ลงบันไดอย่างช้าๆด้วยความเกรงใจกลัวจะทำให้คนในบ้านตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่แบบนี้   นัยน์ตาสีน้ำตาลมองหลังบอบบางใต้เครื่องแบบเดียวกัน   ทั้งที่พี่เซระคนนี้ชอบปลีกตัวจากผู้คน  แถมยังมีข่าวลืออีกสารพัดตามมา   แต่ลึกๆแล้วกลับเป็นคนที่ใจดี     อย่างน้อยก็ใจดีพามาค้างด้วยแถมยังช่วยดูแลเธอจนหายไข้อีก     ริมฝีปากอิ่มยิ้มกับความคิดของตัวเอง     

   ปลายรองเท้าหนังสีดำสนิทก้าวยาวๆตามสาวสวยที่เดินออกจากตัวบ้านไปตามทางโรยด้วยกรวดละเอียด    ใบหน้าหวานมองซ้ายแลขวาก็ต้องอ้ำอึ้งกับความกว้างใหญ่คฤหาสน์ตระกูลคังวอน   สมกับเป็นบ้านของนักธุรกิจอันดับต้นๆของประเทศจริงๆ   

   "จะออกไปแล้วสินะคะ  ไม่รับมื้อเช้าหน่อยเหรอคะ"
   เสียงร้องทักทำให้แขกของบ้านรีบหันกลับมาสบเข้ากับหญิงสาวตัวสูงในชุดสบายๆด้วยเสื้อแขนยาวสวมทับด้วยแจ็คเกตตัวใหญ่เข้าคู่กับกางเกงยีนส์ขาเดฟสีซีด    ที่ยืนอยู่ตรงหน้าHonda CR-Z   สีน้ำเงิน   ด้วยความเป็นรถรถยนต์ทรงเพรียวแต่ช่วงรถค่อนข้างยาวจึงจอดในพื้นที่จอดรถที่มีขนาดกำจัดพื้นที่ตามสถานที่ต่างๆได้ค่อนข้างลำบาก  ทำให้รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นคันนี้ไม่เป็นที่นิยมในเกาหลีเท่าไรนัก   เลยมีโอกาสไม่บ่อยที่ได้เห็นรถยนต์นำเข้าแบรนนี้มาวิ่งในประเทศ   

   
"ไม่ล่ะ   ไปรับรถมาเมื่อไร"
เซระถามเสียงเรียบพลางมองดูรถยนต์คันหรูที่จอดเด่นอยู่ไม่ไกลเท่าไร     สิ่งนี้เป็นของขวัญสำคัญที่ได้รับจากมารดา    มันอาจเก่าตกรุ่นไปตามกาลเวลาและมีรถรุ่นใหม่ๆออกมาแทนที่แต่เธอก็ยังคงใช้คันเดิมที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันมีค่า   

"เมื่อเช้าน่ะค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ"
เธอบอกแล้วส่งยิ้มทักทายเด็กสาวที่ยิ้มน้อยโค้งศีรษะรับ

"คุณคนเมื่อวานนี่นา  เพื่อนของเซระเหรอคะยินดีที่ได้รู้จักค่ะ  ฉันยูอินค่ะ"
เมดสาวในคราบสาวมั่นเดินเข้าไปทำความรู้จักกับแขกของบ้านที่พยักหน้ายิ้มรับ

"มิรินค่ะ"

"แค่รุ่นน้องที่โรงเรียนน่ะ"
ยังไม่ทันที่เจ้าตัวจะได้แนะนำตัวจบก็โดนเสียงเข้มดังขึ้นขัดขวางซะก่อน   

"งั้นเหรอคะ"  นึกว่าคังวอนจะไม่เปิดใจคบใครเป็นเพื่อนอีกแล้วนะคะเนี่ย"
ยูอินยกยิ้มเดินเข้ามาหาคุณหนูของบ้านที่ตีสีหน้าหงุดหงิด

"ก็บอกว่ารุ่นน้องไง!"
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแสดงความไม่พอใจออกมา

"เอาเถอะค่ะ  ลองเปิดใจให้คนอื่นบ้างมันก็ไม่เสียหายอะไรหรอกนะคะ คังวอน"


"ยูอิน!"
เซระขึ้นเสียงใส่อีกคนที่ยังยิ้มหน้าตาย    มีแต่มิรินที่หลับตาแน่นแทบจะยกมือขึ้นปิดหูด้วยความตกใจ

"ส่งกุญแจรถมา"
บอกแล้วชักสีหน้าใส่

"นี่ค่ะ"
เธอมองคุณหนูคนสวยดึงพวงกุญแจไปจากมือแล้วเดินไปจัดการเปิดประตูรถเองเสร็จสับ

"ขะ..ขอโทษด้วยนะคะ  เพราะฉันแท้ๆคุณยูอินเลย...โดนดุ"
มิรินบอกเสียงอ่อย  ในใจรู้สึกกระอักกระอวลกับสิ่งที่ได้เห็นเมื่อครู่

"ไม่หรอกค่ะ  จริงๆแล้วคังวอนน่ะไม่ได้นิสัยแย่แบบนี้หรอกนะคะเค้าเป็นคนดีค่ะ    ยังไงก็ช่วยเป็นเพื่อนกับเค้าหน่อยนะคะ"   
เมดสาวคลี่ยิ้มให้กับใบหน้าใสที่พยักหน้ารับยกใหญ่

กระจกสีชาเลื่อนลงให้ใบหน้าสวยส่งสายตาไม่พอใจมาทางคนทั้งสอง
"จะไหมไปโรงเรียน!"
ริมฝีปากบางส่งเสียงเร่งรัดให้เด็กสาวรีบวิ่งหน้าตื่นมาเปิดประตูรถฝั่งคนขับแล้วเข้าไปนั่งโดยเร็ว

"อย่าไปฟังอะไรจากยูอินมาก  เรื่องเพื่อนอะไรนั่นก็ด้วย   ไร้สาระ"
เซระปรายตามองอีกคนที่กำลังคาดเข็มขัดนิรภัยอย่างเบามือ  ก่อนจะละสายตามองไปยังถนนเบื้องหน้า   

"พี่เซระอาจจะชินกับการอยู่คนเดียว   แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพี่จะไม่ต้องการเพื่อนนี่คะ"
ริมฝีปากอิ่มสั่นระริก ไหล่เล็กห่อลงด้วยความเกรงกับสายตาไม่เป็นมิตรจากคนข้างๆ

นัยน์ตาสีนิลละสายตาจากพวงมาลัยไปมองสบเข้ากับบุคคลหนึ่งที่เดินผ่านหน้ารถไป   หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันที่สวมเครื่องแบบด้วยเสื้อสูทสีเหลืองอันเป็นสัญลักษณ์โดดเด่นของโรงเรียนแห่งนี้ซึ่งเข้ากันดีกับกระโปรงสีดำสนิท  ใบหน้าสวยใสไร้การแต่งแต้มนั้นเฉยเมยราวกับไม่ใส่ใจกับรถนำเข้าจากญี่ปุ่นคันนี้เลยด้วยซ้ำ   

"แล้วถ้าได้รู้ความจริงว่าเพื่อนสนิทที่เราหลงคิดว่าเป็นเพื่อนที่แสนดีมาตลอด   เข้ามาสนิทสนมกับเราเพื่อใช้เราเป็นบันไดไปหาคนอื่นที่เค้าต้องการ    เธอจะทำไง"ยังจะอยากมีเพื่อนอีกไหม!"
ทุกถ้อยคำผ่านน้ำเสียงเย็นยะเยือกกับแววตาที่แสดงความเจ็บปวดออกมาทำให้ใจดวงน้อยวูบไหว   
เธอไม่เคยรู้เลยว่าพี่เซระคนนี้ได้เจออดีตอันเลวร้ายแบบไหนมาก่อน   แต่มันก็มีสิ่งที่พอจะทำได้ในตอนนี้ในตอนที่อยู่ข้างๆกันไม่ใช่เหรอ...

สองมือเข้าสวมกอดสาวสวยพร้อมกับใบหน้าหวานที่ซุกลงบนไหล่บาง
"ถ้าเป็นมิริน....มิรินจะอยู่ข้างๆพี่เซระ....จะไม่ทิ้งพี่เซระไปแน่นอน"
ริมฝีปากอิ่มบอกเสียงอู้อี้

ความอบอุ่นจากอ้อมกอดเล็กๆทำให้หญิงสาวหรี่ตาลง   ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเพียงชั่วขณะก่อนจะเหยียดตรงเม้มเข้าหากัน    สองมือค่อยๆยกขึ้นแกะมือเล็กเพื่อพาตัวเองออกจากอ้อมแขนนั่น
"ก็แค่คำพูดสวยหรที่ไม่มีใครทำได้จริงหรอก   โอก้าซามะก็เคยบอกฉันแบบนี้...สุดท้ายเค้าก็ทิ้งฉันไป"

ใบหน้าสวยเสสายตาไปทางอื่นให้มิรินต้องก้มมองปลายรองเท้าผ้าใบของตัวเอง
....ราวกับมีกำแพงขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นกั้นขวางระหว่างเธอกับผู้หญิงคนนี้"อยู่เสมอ

...

มิรินเดินกลับมาที่พักด้วยสีหน้าครุ่นคิด  ในห้วงความคิดมีแต่เรื่องของรุ่นพี่คนสวยถูกคิดซ้ำไปซ้ำมา    คังวอน  เซระเพิ่งย้ายโรงเรียนมาได้ไม่นาน   แถมยังเป็นคนที่ไม่มีมนุษย์สัมพันธ์  ไม่มีเพื่อนแม้แต่คนเดียวสาเหตุมาจากการที่เจ้าตัวชอบวีนเหวี่ยงใส่เวลาที่โดนเรียกชื่อต้นที่เป็นภาษาญี่ปุ่น    เพราะแบบนี้จึงไม่มีใครกล้าคุยด้วย นอกจากเธอ

อ่อ..มีประธานจียอนอีกคนที่กล้าคุยกับพี่เค้า
ใบหน้าหวานนึกถึงประธานชมรมว่ายน้ำตัวเล็กที่มีพลังเสียงผิดกับรูปร่าง  แถมยังเป็นคนร่าเริงสุดๆที่สำคัญยังกล้าคุยกับคังวอน  เซระ  บุคคลที่ขึ้นชื่อว่าน่ากลัวได้อีก

"อ่าว.. หนูมิรินกลับมาแล้วเหรอจ๊ะ"
หญิงสูงวัยกล่าวทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

"สวัสดีค่ะคุณผู้ดูแลซง"
เด็กสาวโค้งน้อยๆให้เจ้าของแมนชั่นแห่งนี้

"พอดีเลยมีแขกมารอพบหนูอยู่ที่ล็อบบี้น่ะจ๊ะ"

"ค่ะ  ขอบคุณนะคะ"
มิรินพยักหน้ารับด้วยท่าทางนอบน้อมแล้วเดินเข้าไปด้านใน    ล็อบบี้ชั้นล่างของแมนชั่นตกแต่งด้วยโทนสีสว่างผนังเป็นกระจกทำให้รับแสงจากภายนอกเข้ามาส่องสว่างในตัวอาคารได้เต็มที่   มีโซฟาชัดเข้าชุดกับโต๊ะเพื่อใช้เป็นที่รับแขกหรือให้ผู้มาติดต่อกับผู้เช่าในแมนชั่นได้ใช้นั่งพูดคุยกัน      ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อได้เห็นใบหน้าอันแสนคุ้นเคยของชายวัยกลางคืนที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟาสีเข้ม   

"สวัสดีค่ะ  คุณลี"
เสียงใสทำให้เขาลดหนังสือพิมพ์ในมือลงและวางไว้บนโต๊ะราวนำมาใช้เพื่อรอเวลาที่จะได้พบกันเพียงเท่านั้น

"อย่าเรียกเหมือนพ่อเป็นคนอื่นคนไกลแบบนักเลย  มิริน"
ใบหน้าคมเข้มเผยยิ้มละไม   
เด็กสาวจึงตัดสินใจนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน   
"คงไม่ได้หรอกค่ะแค่ทุกวันนี้ที่คุณลียังส่งเสียค่าใช้จ่ายให้หนู  หนูก็รู้สึกรบกวนมากพอแล้ว"
สองมือประสานกัน  นัยน์ตาสีน้ำตาลหลบต่ำด้วยความรู้สึกละอายใจ   เธอไม่เคยลืมบุญคุณที่เคยถูกครอบครัวลีอุปการะแม้แต่วินาทีเดียว

เขาส่ายหน้าไปมาแล้วยิ้มด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
"อย่าคิดแบบนั้นสิ  ถึงยังไงมิรินก็ยังเป็นลูกสาวของพ่อเสมอนะ"

"แต่คุณแม่คงไม่คิดแบบนั้นกับมิรินหรอกค่ะ"
ริมฝีปากอิ่มบอกเสียงสั่นเทา   ความทรงจำอันเลวร้ายที่พยายามผนึกมันลงในส่วนลึกของใจค่อยๆเปิดขึ้นมาให้มันมาโลดแล่นอยู่ในห้วงคำนึงอีกครั้ง

ชายวัยกลางคนยกมือขึ้นประสานกันแล้วแล้วถอนหายใจหนักๆออกมา
"พอเถอะอย่าพูดถึงมันเลย   คนที่ผิดคือโฮยองไม่ใช่ลูก  คงต้องให้เวลาแม่เค้าทำใจหน่อย   ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นแน่ๆ"

มิรินได้แต่พยักหน้ารับ  แต่ในใจกลับกระอักกระอวลเมื่อนึกถึงใบหน้าของแม่บุญธรรม


"จริงสิ พ่อลืมบอกไปพี่โฮยองเค้าหมั่นแล้วนะ"   


ใบหน้าใสเงยขึ้นมองด้วยสีหน้าที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่ได้ยิน
"ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ"

"ถ้าไม่มีอะไรติดขัดคงจะแต่งกันปีหน้านี้แหละ  ถ้าโฮยองแต่งงานไปแล้ว  ลูกจะกลับมาอยู่ที่บ้านเราเหมือนเดิมได้ไหม"

"มิรินคงให้คำตอบทันทีไม่ได้หรอกค่ะ   ขอเวลา....คิดหน่อยนะคะ"
ใบหน้าใสเผยยิ้มเศร้าๆออกมาให้อีกฝ่ายได้แต่ถอนหายใจแล้วยิ้มเศร้าๆตอบ

...

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น