web stats

ข่าว

 


One night stand vol.4 'Love Seeds'-Chapter 18 : Alice in School

โพสต์โดย: anhann วันที่: 23 มกราคม 2015 เวลา 18:51:55 อ่าน: 369






Chapter 18 : Alice in School




อิซซาเบลนั่งทำหน้าสยองระหว่างฟังมารดาผมทองเล่าเรื่องงานโรงเรียนที่เค้าเพิ่งไปประชุมมา  แต่พอเห็นดวงตาสีเหมือนกันมองมาหาก็ต้องปั้นหน้าให้ดูดีขึ้น  ถึงจะฝืนๆ ไปสักหน่อย

"ละครเวทีก็ฟังดูดีอยู่นะคะมัม  แต่ว่า.."

ราเชลยกนิ้วขึ้นห้ามอย่างรู้ดีกว่าลูกจะพูดว่าอะไร  "ฟังมัมก่อนค่ะลูก  มัมไม่ได้บังคับนะว่าหนูจะต้องเข้าออดิชั่นงานนี้ด้วย  ไม่ใช่เพราะหนูเป็นลูกมัม  หนูถึงจะต้องรับทำงานนี้  ไม่จำเป็นค่ะ  มัมไม่ใช่คุณย่าของหนูนะคะ"

ฟังคำแม่บอกก็ลอบถอนใจโล่งอก  แต่มันก็ไม่นานนัก  หูก็แว่วได้ยินเสียงแม่พูดอะไรมาอีก 

"นักเรียนทั่วๆ ไป  ก็เข้ามาลองได้เหมือนกัน  แต่ปกติแล้ว  บ้านเราก็มักจะได้บทนำตลอด"

อิซซาเบลกลอกตา  ใช่ว่าเธอไม่เคยรู้เรื่องนี้เมื่อไหร่  โรงเรียนที่เธอเรียนอยู่นี้  เป็นโรงเรียนเก่าที่แม่ๆ ของเธอจบมา  แล้วมีหรือที่เธอจะไม่รู้ว่า  มัมของเธอได้เป็นนางเอกหรือไม่ก็ตัวละครเด่นๆ ในเรื่องทุกทีที่มีงานอย่างนี้  แม้กระทั่งหม่ามี๊ของเธอที่ตอนนั้นใครๆ ว่าเป็นเด็กเนิร์ด  ไม่มีใครคบ  ก็ยังได้เป็นมากกว่าต้นไม้ในฉาก

และตอนนี้หม่ามี๊ที่ว่านั่นก็ยืนอมยิ้มประคองแก้วช็อคโกแลตร้อนอยู่ตรงหน้าเธอนี่แหละ  กดดันกันขนาดนี้  ไม่ได้บังคับเลยใช่ไหม.?

"คราวนี้อะไรคะ  Carmen หรือ The phantom of the Opera หรือ  โรมิโอแอนด์จูเลียต"  แอนนาเบลล์ถาม  เมินท่าทางตกใจของคุณลูกไปสนิท  นั่นเพราะเธอตั้งใจจะให้เค้ารู้สึกอะไรกับมันบ้างอยู่แล้ว

"Alice in wonderland ค่ะ"  ราเชลขยิบตาวิ้งเมื่อพูดจบ  คนฟังทั้งคู่ก็มีอาการแตกต่างกันไป  ภรรยาสาวของเธอดูตื่นเต้นตาเป็นประกายราวเด็กได้ของที่ต้องการ  ส่วนลูกสาวอ้าปากพะงาบๆ พูดอะไรไม่ออก

"ทำไมถึงอลิซคะ.?"  อิซซาเบลดึงสติกลับมาได้ในที่สุด  และขุดคำพูดขึ้นมาได้สำเร็จ  สองคุณแม่มองหน้ากัน  และราเชลก็ผายมือให้เกียรติภรรยาที่รักเป็นผู้อธิบาย  แอนนาเบลล์ส่ายหัวเบาๆ ก่อนก้าวออกมาพูด

"เพราะมันเหมาะกับวัยของลูกกับเพื่อนๆ ค่ะ"

ลูกสาวทำหน้างง  มองคุณแม่เงียบๆ อาศัยความเงียบที่ทั้งคู่อนุญาตให้มันมีในห้องนี้เรียบเรียงความคิด  มันเป็นวิธีการที่เธอเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก  สองคุณแม่เธอมักจะแค่ชี้นำทางให้และให้เธอต่อเติมเรื่องราวที่เหลือเอาเอง  โดยมีพวกเขาเป็นที่ปรึกษา  และตอนนี้เธอก็คิดว่า  พวกเขาก็กำลังทำเช่นนั้น

"แล้วลูกล่ะคะ  มีความเห็นยังไงบ้าง.?"

อิซซาเบลมองตาสีฟ้ากับสีน้ำตาลของสองคนตรงหน้าสลับกันไปมา  แววตาแห่งความหวังของพวกเขาทำให้เธอแอบเครียด  แต่มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น  แม่ๆ ของเธอไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะต้องตอบคำถามได้ถูกต้องอย่างใจพวกเขาเสมอ  เธอรู้สึกโชคดีมากที่ได้เกิดมาเป็นลูกพวกเขา และเธอก็ตัดสินใจ

"เพราะอลิซเป็นตัวแทนของเด็กสาวที่ต้องการหาคำตอบให้กับชีวิตของตนเอง  เรื่องราวของเธอทำให้เราระลึกได้ว่า  พวกเราทุกคนมีทั้งความเป็นเด็กและผู้ใหญ่อยู่ในตัว  เราทุกคนมีความฝัน  และเราสามารถจะจัดการกับความจริงและความฝันของเราได้ด้วยปัญญา" 

เด็กสาวนั่งเกร็งหลังจากเสร็จสิ้นการร่ายยาวคำตอบที่อาจยาวที่สุดเท่าที่เคยตอบคำถามใครๆ มา  แม้กระทั่งครูที่โรงเรียน  และความเงียบของคนที่นั่งบ้างยืนบ้างฟังคำตอบของเธออยู่กับทำให้ต้องกลั้นหายใจด้วยลุ้นระทึก  เธอไม่อยากให้แม่ๆ ผิดหวัง  และพยายามทำดีที่สุดแล้ว

"มัมคะ  หม่ามี๊คะ  ถ้ามันไม่---"

"เยี่ยมค่ะลูก"

อิซซาเบลชะงัก  อ้าปากค้าง  คำพูดที่จะพูดต่อร่วงหายไปหมด  คนที่ชมเธอวางถ้วยเซรามิกงี่เง่าที่เค้าถืออยู่เป็นนานสองนานลงกับโต๊ะด้านหลัง  และเดินมานั่งข้างๆ ลูบหัวเธออย่างเอ็นดู  ยิ้มละมุนอ่อนหวาน  ดวงตาสีน้ำตาลช่างอบอุ่นเหลือเกิน  มันทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย

และเป็นที่รัก..

เข้าใจแจ่มแจ้งเลยว่า  ทำไมมัมของเธอถึงจะเป็นจะตายทุกทีที่ต้องไปประชุมที่ไหนไกลๆ โดยไม่มีหม่ามี๊ไปด้วย..

โอ้พระเจ้า..  รู้สึกอิจฉาตัวเองขึ้นมาตงิดๆ เหมือนกันนะ..

"หนูวิเคราะห์ได้เก่งมากค่ะ" คุณแม่ผู้เจนจัดในเรื่องการเขียนชมเปาะ  ส่วนอีกคนก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ  ลูกสาวของพวกตนไม่ใช่แค่ฉลาดหัวไว  เรียนรู้อะไรได้รวดเร็ว  ยังไหวพริบดี  แค่หวังเพียงว่าฮอร์โมนวัยรุ่นของเค้าจะไม่บดบังความสามารถเหล่านี้จนหมดสิ้น

อิซซาเบลยิ้มกว้าง  แต่ก็ไม่นานนัก  บรรยากาศในห้องนี้มันแปลกขึ้นอีกครั้งแล้ว  มันทำให้เธอเริ่มเกร็ง  ขนแขนพากันสแตนอัพ  หนาวขึ้นมาอย่างน่าประหลาดทั้งที่ห้องนอนมาสเตอร์ของแม่ๆ ปิดหน้าต่างทุกบานแล้ว  ซ้ำยังเปิดฮีทเตอร์ด้วย  สาวน้อยคนสวยรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นเป้าหมายของการจู่โจมของบางสิ่งที่มีอำนาจมากกว่า

พรีเดเตอร์ตาสีเดียวกับเธอนั่นแหละ

"หยุดค่ะมัม หนูรู้แล้วว่ามัมจะพูดว่าอะไร"  เด็กสาวยกนิ้วห้ามมารดาอย่างรู้ทัน  ราเชลอึ้งไปหน่อยก่อนจะหัวเราะอย่างอดไม่ได้  แต่ไม่วายจะหวนกลับมาแกล้งลูกอีก

"โอเค.. ถ้างั้น.. เชิญเลยค่ะคุณอิซซาเบล.. ชี้แจงเลยว่ารู้อะไร"

เจ้าของชื่อย่นคิ้ว  เหลียวมองคุณแม่อีกคนของตนอย่างขอความช่วยเหลือ  หากหม่ามี๊ที่รักกลับพยักพเยิดหน้าเชียร์เธอเสียอีก  อะไรที่ชื่นชมไปเมื่อตะกี้ขอคืนให้หมดเลยได้ไหม  ที่นี่ชักจะไม่ปลอดภัยสำหรับเธอแล้ว

"มัมจะให้หนูไปสมัครคัดตัวเป็นอลิซ"

ราเชลดีดนิ้วเปาะ  หัวเราะขำอย่างห้ามไม่อยู่ที่โดนคุณลูกมองค้อน  แต่ก่อนจะโดนโกรธไปใหญ่  เธอก็ให้เหตุผล  "มัมก็แค่เห็นว่ามันท้าทายดี  อยากให้หนูได้ลองดูเท่านั้น  แต่ถ้าหนูไม่ชอบก็ไม่เป็นไรค่ะ"

อิซซาเบลนิ่งมองผู้หญิงตรงหน้าที่ยิ้มให้เหมือนว่าเธอจะเชื่อได้ว่าเค้ารู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ แต่ไม่เลย  เธอรู้ดีกว่านั้น  ภายใต้รอยยิ้มสดใส  มีอะไรซ่อนอยู่เสมอ  มันอยู่ที่มุมปากและดวงตาสีฟ้าใสๆ นั่นล่ะ

"ก็ได้ค่ะก็ได้  หนูยอมแพ้แล้ว"  สาวน้อยโพล่งออกมาอย่างทนไม่ไหวเอนตัวลงนอนแผ่บนเตียงหลังใหญ่ของคุณแม่  เรี่ยวแรงเหมือนถูกสูบไปหมด  รบกับใครก็ไม่เหนื่อยเท่ารบกับคนเจ้าเล่ห์ที่โอบอุ้มเธอมาตั้งแต่เล็กคนนี้

ไม่มีใครล้ม 'กิลเบอร์ก' ได้  เธอควรจำมันไว้  และทำให้ได้เหมือนกัน  เธอควรภาคภูมิใจในตระกูลของตัวเอง  นั่นเป็นสิ่งที่คุณย่าพร่ำพูดกรอกหูเธอเสมอเวลาเจอกัน  แต่เธอไม่อยากคิดว่าตัวเองเป็นลูกคุณหนูสักหน่อย  แล้วจะหนีมันได้ยังไงไม่ทราบ  ในเมื่อมันอยู่ในสายเลือด

แอนนาเบลล์มองสภาพลูกสาวแล้วสั่นหัว  ชำเลืองไปมองตัวต้นเหตุที่ยังจะมีหน้ามายิ้มขำอยู่ได้  เธอจ้องหน้าหล่อนเขม็งจนคนเจ้าเล่ห์นั่นรู้ตัวและหันมาสบตา  แล้วก็ส่งสัญญาณทางสายตาไปบอกว่าควรทำอะไร  หากราเชลก็ยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ให้เธอต้องย่นคิ้วใส่  สุดท้ายก็ต้องยอมเธอเหมือนเดิม  ก็รู้นี่ว่า  ถ้าไม่ยอมจะเจออะไร 

คุณแม่ผมบลอนด์เข้ามาหย่อนก้นนั่งข้างๆ ลูกสาวที่นอนหลับตาอยู่  และก้มลงจูบหน้าผากอย่างเอ็นดู  ยังไม่ทันถามว่าหลับหรือยัง ลูกก็พึมพำก่อน

"ถ้าหนูทำไม่ได้  หนูจะเป็นแกะดำของกิลเบอร์กหรือเปล่า"

ดวงตาสีเดียวกันมองกัน  คนอายุมากกว่ายิ้มและส่ายหน้าเบาๆ ลูบหัวลูกสาวที่รักราวพยายามจะปลอบ  "อย่าคิดไปขนาดนั้นค่ะลูกรัก  มัมบอกแล้วไงคะ  มัมไม่ได้ซีเรียสอะไรเลย  แค่คิดว่ามันเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจ  ถ้าหนูไม่ชอบอยู่เบื้องหน้า  ลองเบื้องหลังก็ได้นะ  หรือว่าหนูมีงานอื่นต้องทำอยู่แล้ว"

อิซซาเบลส่ายหน้า  "งานนั้นไม่มีแข่งกีฬานี่คะ เพราะฉะนั้นหนูก็ว่างมากเลยแหละ"

"แล้วไงคะ  ตกลงจะว่าไง.?"  ลูกสาวที่รักไม่ตอบคำถามในทันที  เค้าแค่ยิ้มและผุดขึ้นนั่ง  ยิ้มแปลกๆ หอมแก้มเธอหนึ่งที  แล้วลุกไปหอมแก้มหม่ามี๊ที่ยืนอยู่  บอกราตรีสวัสดิ์และออกจากห้องไปทิ้งให้ผู้ใหญ่สองคนมองหน้ากันและเดาความคิดของเธอเอาเอง

......................................

"ออดิชั่นตอนบ่ายสอง.?" 

"ค่ะ  ขอโทษทีนะ  ต้องรบกวนเบลล์อีกแล้ว"  ราเชลยิ้มอย่างรู้สึกผิดให้กับคู่ชีวิตที่กำลังเตรียมยัดหนังสือสำหรับการไปสอนแทนใส่กระเป๋าขณะที่ตนกำลังทะเลาะกับรองเท้าส้นสูงคู่ใหม่ที่ยังใส่ได้ไม่คล่องนัก

"โอ้ย.. ไอ้รองเท้าไม่รักดี!"

แอนนาเบลล์ส่ายหน้าพลางยิ้มขำให้กับท่าทางรีบร้อนของอีกคนที่ทำงานเพลินจนเกือบลืมว่ามีนัดกับทางโรงเรียนเรื่องไปช่วยคัดตัวนักแสดงละครเวทีของโรงเรียน  แล้วก็เลยต้องรีบลกๆ แบบนี้

"มาค่ะ  เอามานี่ก่อน  ใส่แบบนี้ไม่ได้นะ" เดินเข้าไปคว้ารองเท้าออกจากมือเค้า  เอามาจัดการยัดแผ่นกันรองเท้ากัดให้  ราเชลขอบคุณเธอเบาๆ และหันไปวุ่นวายกับเบลเซอร์สีดำที่เอามาสวมทับเสื้อแขนกุดตัวใน  เค้ามักจะพยายามทำให้ตัวเองดูสุภาพขึ้นเมื่อไปโรงเรียนลูก

"ความจริงเบลล์น่าจะได้เชิญงานนี้มากกว่านะ  ฉันไม่ค่อยถนัดเรื่องบทละคร"  สาวบลอนด์พึมพำขึ้นมาทั้งที่กำลังจะออกจากบ้านแล้ว  อีกคนก็ส่ายหัวไม่เห็นด้วย

"คุณไปน่ะดีแล้วค่ะ  ทางนั้นเค้ามีคนเขียนบทอยู่แล้ว  ถ้าฉันไปอ่านแล้วเกิดอาการอยากเปลี่ยนแปลงอะไรของเค้าขึ้นมาเดี๋ยวก็เป็นเรื่อง  ฉันไม่อยากถูกเคืองนะคะ"

"งั้นเหรอ..  ฉันนึกว่าเบลล์ติดใจเด็กมหา'ลัยซะอีก"  ราเชลแกล้งหยอกให้คนฟังกลอกตา  แล้วหัวเราะขำ  "หรือว่าแอบไปเฝ้าว่าที่ลูกสะใภ้คะ"

อาจารย์จำเป็นสั่นหัวนิดๆ คิดไปถึงพฤติกรรมเด็กสาวคนที่ว่าแล้วก็กดคิ้วลง  เอเวอร์ลี่มีบางอย่างที่ทำให้เธอนึกห่วงอยู่บ้าง  แต่ก็ไม่ถึงขนาดต้องยื่นมือเข้าไปวุ่นวายอะไร  "ไม่จำเป็นหรอกค่ะ  รายนั้นน่าห่วงน้อยกว่าลูกสาวเราซะอีก"

คนฟังนิ่งไปหน่อยแล้วตัดสินใจพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย "แล้วเจอกันนะคะที่รัก" บอกลาพร้อมจุ๊บปากภรรยาเร็วๆ  แอนนาเบล์มองตามหลังคนที่รีบร้อนออกไปจากบ้าน  ยิ้มขำในความน่ารักของเค้าแล้วหวนกลับมาจัดการพาตัวเองออกไปเช่นเดียวกัน

.............................................

"เฮ้ซีน..  ได้ข่าวว่าเธอถูกเลือกให้เขียนบทเหรอ.?"  ฮาน่าโพล่งขึ้นมาระหว่างเดินออกมาจากห้องเรียนพร้อมกันหลังเสียงกริ่งบอกหมดเวลาดังขึ้นเพียงไม่กี่นาที  และคำถามนี้ก็สะกิดหูเพื่อนอีกสองคนนอกจากคนที่ถูกถาม 

อิซซาเบลมองหน้าเพื่อนซี้อย่างสนใจ  ซีนยิ้มอย่างไม่เต็มใจก่อนตอบ  "ฉันโดนแม่บังคับน่ะ"

"โอ้ใช่..  ฉันลืมไปว่าแม่เธออยู่ในสมาคมผู้ปกครองเหมือนกัน"  วิกกี้ชี้อย่างระลึกได้  และดวงตาสีน้ำตาลตวัดไปมองอีกคนที่เงียบไปแปลกๆ ตั้งแต่เริ่มคุยเรื่องนี้ "นี่อิซซี่.. ได้ข่าวว่ามัมเธอไม่ใช่เหรอที่เป็นที่ปรึกษา  แล้วเธอไม่--"

ทุกคนชะงักไปทันทีที่เห็นอิซซาเบลดึงอะไรขึ้นมาจากกระเป๋าเป้  และฮาน่าก็คว้ามันไปดู  จากนั้นก็ทำตาโต  พูดอย่างตื่นเต้น  "โอ้.. อลิซ!  เธอจะไปออดิชั่นเป็นอลิซงั้นเหรอ!"

เด็กกิลเบอร์กกลอกตาเบื่อหน่าย ฉกบทละครส่วนที่ตนต้องซ้อมคืนมาจากเพื่อนก่อนที่มันจะกระจายไปที่อื่น  ผู้คนที่พวกเธอเดินผ่านมาเริ่มหันมามองและซุบซิบกันอีกแล้ว  ไม่ชอบเลย  เธอไม่อยากเด่นที่นี่  เพราะรู้ดีว่าเจ้าที่มันแรง  เธอแค่อยากจะเรียนจบอย่างสงบเท่านั้นเอง  แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง  แค่เพื่อนเธออย่างเดียวก็หาความสงบไม่มีแล้ว

"พวกเธอเงียบๆ หน่อยได้ไหม  อายคนอื่นเค้าบ้าง"

"ทำไมต้องอายล่ะ มันเรื่องจริง  และถ้าลงออดิชั่น เธอต้องได้เป็นแน่" 

"เพราะแม่เธอน่ะ---"

"โตขนาดนี้แล้ว  ยังต้องขอให้แม่มาช่วยอีกหรือไง  น่าอายจริงๆ"

อิซซาเบลคิ้วกระตุก  รู้ทันทีว่านี่คือเสียงใครไม่จำเป็นต้องมอง  แต่เธอก็ไม่ได้กลัวหล่อนจนไม่สามารถหันไปมองจ้องหน้าได้หรอกนะ

"ไฮลิทซ์.. ลมอะไรหอบมาฝั่งจูเนียร์ไฮล่ะ" กลั้นใจทักทายทั้งที่ไม่อยากทำ  แต่ถ้าไม่ทำหล่อนแล้วเอาแต่เดินหนีก็คงจะหาว่าเธอกลัว  กิลเบอร์กไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว  จะมาเสียชื่อเพราะเธอไม่ได้  อีกอย่างเธอก็หมั่นไส้รอยยิ้มถือดีของหล่อนเหลือเกิน  พวกสมุนน่ารำคาญพวกนี้ด้วย

"แซนดี้.. บอกเด็กซื่อบื้อพวกนี้หน่อยซิว่า  พวกเรามาทำอะไรกัน"

เจ้าของชื่อพยักหน้ารับอย่างลนลาน  ใช้มือสั่นๆ ยื่นกระดาษสองสามแผ่นมาให้  อิซซาเบลมองหน้าหล่อนนิ่งๆ แล้วจำใจรับมันมาอย่างสงสาร  ถ้าทำงานไม่สำเร็จคงโดนยำเละแน่  ใครๆ ก็รู้ว่ายัยเจ้าแม่ลิทซ์นี่น่ากลัวแค่ไหน  โชคดีที่หล่อนใกล้จะเรียนจบแล้ว  อย่างน้อยก็แค่ทนหล่อนไปอีกสองปี

แต่จริงๆ แค่วินาทีเดียวก็ไม่อยากจะทนแล้วนะ..

"โอ้.. อลิซ!"  เป็นวิกกี้ที่อุทานขึ้นหลังชะโงกหน้ามาอ่านในมือเธอ  แต่ไม่ใช่หล่อนที่พึมพำประโยคนี้ออกมา

"อลิซในเรื่องนี้เป็นเด็กหญิงไร้เดียงสาค่ะ  ตอนโตเป็นสาวแล้ว เธอก็ยังดูสุภาพอ่อนโยน"

ทุกคนที่ได้ยินหันไปจ้องหน้าคนพูดเป็นตาเดียว  หลายคนยิ้มอย่างยกย่องในความกล้า  แต่ไม่ใช่กับนางพญาผึ้งคนนี้

"เธอกล้าด่าฉันเหรอ  ยัยเด็กหน้าจืด!"  ลิทซ์ปรี๊ดแตก  เตรียมจะเข้ามาคว้าคอเสื้อซีนไปจัดการ  แต่อิซซาเบลก็ไวกว่า  คว้าแขนหล่อนเอาไว้

"อิซซาเบล!"

"ยอมรับความจริงหน่อยสิ  ซีนพูดถูกแล้ว"  เด็กสาวพยายามใจเย็นเกลี้ยกล่อม  อย่างน้อยลิทซ์ก็เป็นรุ่นพี่ถึงจะไม่น่าเคารพนัก  นั่นเพราะรู้ดีว่า  ถ้ามีเรื่องกับหล่อนแล้วจะอยู่ในโรงเรียนนี้อย่างสงบสุขไม่ได้  และเธอก็ไม่อยากให้เพื่อนอยู่ที่นี่ด้วยความหวาดกลัว  นางพญาผึ้งตัวนี้พิษร้ายแรงทีเดียว

"แล้วเธอเหมาะงั้นสิ"  ลิทซ์ตวาด  กระชากแขนตัวเองกลับมา  มองตาวาวไปยังเด็กสาวรุ่นน้องที่มองหล่อนกลับมาอย่างไม่กลัว  ความจริงเธอก็ไม่ได้อยากจะมีปัญหากับเด็กกิลเบอร์ก  เพราะนอกจากเค้าจะไม่กลัวใครแล้ว  แบ็คอัพยังดีมาก  ดีกรีลูกสาวคนเดียวของอดีตควีนบีส์เชียวนะ  แล้วลูกไม้จะหล่นไกลต้นหรือไง

"เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้หรอกนะ  ต้องให้อาจารย์ตัดสินใจ"  ตอบอย่างเป็นกลางที่สุด  แต่ยัยลูกคุณหนูขี้วีนตรงหน้าก็ยังไม่เลิกมองหาเรื่องกัน  ตัดสินใจหันกลับไปแบมือขอบทละครกลับมาจากวิกกี้ที่ถือมันอยู่  แล้วยื่นมันคืนให้เจ้าของไป  จริงๆ อยากจะปาใส่หน้าเหมือนกันล่ะ  ถ้าไม่เกรงใจสายตาใครๆ ที่กำลังยืนมองอยู่รอบด้าน

"เอาคืนไปซะลิทซ์  แล้วไปตัดสินกันตอนออดิชั่นแล้วกัน"  พูดจบก็พยักหน้าเรียกให้เพื่อนๆ เดินตามหลังตนมาอย่างรีบร้อนก่อนที่ความอดทนจะหมดไป  ถึงอย่างนั้นเสียงแหลมๆ ของควีนบีส์คนปัจจุบันก็ยังตามมากวนใจกันไม่เลิกรา

"เตรียมตัวหน้าแตกต่อหน้าแม่เธอได้เลยอิซซาเบล!"

.................................................

"เฮ้.. ฉันไม่เอาด้วยหรอก  ละครเวทีบ้าบออะไร"  แคลร์ส่ายหัวให้พี่สาวตัวเล็กที่มากระตุกแขนเสื้อดึงออกจากห้องเรียนทันทีที่เสียงกริ่งหมดเวลาเรียนดังขึ้น  ไม่รู้โผล่มาได้ยังไง  ไปซ่อนตรงไหนของผนังห้องนะ

"เอาน่า  น่าสนุกดีจะตาย  ไปเล่นเป็นต้นไม้ก็ได้นะ"  เจอร์ซี่ทำตลก  ขณะที่น้องตัวโตกลอกตาให้  "โธ่.. ก็มันไม่มีบทเจ้าชายนี่นา  จะได้ดันให้เธอไปสมัคร  เธอน่ะรูปร่างดีกว่าพวกผู้ชายพวกนั้นอีก" 

แอบชี้ๆ ไปที่พวกเด็กหนุ่มที่กำลังรวมหัวคุยกันอยู่ตามทางเดิน  แล้วก็ย่นคออย่างขนลุก  ไม่ได้รู้สึกว่าไอ้ท่าเบ่งกล้ามอวดกันของพวกเขามันดูดีตรงไหนเลยสักนิด  น่ากลัวมากกว่า  แถมพวกนั้นยังชอบเล่นกันเถื่อนๆ อีก  แบบนี้เจอร์ซี่ไม่ปลื้มเลยค่ะ  สู้หน้าเนียนๆ ตัวสูงๆ ผมยาวๆ ตรงนี้ก็ไม่ได้

"ไม่ตลกนะเจอร์  เธอไม่เห็นฉันเป็นผู้หญิงหรือไง.."  เด็กสาวร่างสูงบ่นอุบ  เดินผ่านกลุ่มเด็กผู้ชายที่ยืนมองตามหลังตัวเองไปอย่างเฉยเมย  ไม่แคร์ว่าพวกเขาจะมองอย่างอิจฉาหรือชื่นชมเธอ  เรียกง่ายๆ ว่าไม่ได้อยู่ในสายตา  แต่ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงยิ้มให้ก็ยังพอจะยิ้มตอบไปอย่างสุภาพได้อยู่ 

สองมาตรฐานสินะ..

"ก็ผู้หญิงแหละน่า.. เธอหน้าเหมือนคนที่แสดงเป็นเจ้าหญิงออโรร่าใน Sleeping Beauty ด้วยนะ"  พี่สาวร่างเล็กพยายามแก้ตัว  น้องตัวโตก็ยังสั่นหัวให้อยู่ดี  แต่อย่างกับเธอจะสน  ยกมือขึ้นไปเกาะแขนเค้าช่วยชะลอให้ขายาวๆ ก้าวช้าลงหน่อย  เดินตามไม่ทัน  "แค่สำหรับที่นี่  เธอเหมือนเจ้าชายในนิทาน"

"เธอทำเหมือนฉันควรจะดีใจงั้นล่ะ"

"ทำไมล่ะ  ก็---" เจอร์ซี่หยุดพูดเพราะอีกคนยกมือขึ้นห้าม  มองตามสายตาเค้าไปก็เจอกับคนหน้าคุ้นๆ ที่เดินหน้ามุ่ยไม่มองใครผ่านมา  มือเล็กแต่ว่องไวรีบเข้าไปคว้าไหล่ร่างนั้นไว้อย่างทันท่วงที  และอิซซาเบลที่ตกใจก็เกือบจะสอยเธอร่วงลงพื้น  ถ้าไม่มีอีกคนมาจับแขนไว้ก่อน  เด็กสาวตัวเล็กถอนใจเฮือกเลยทีเดียว  เกือบน็อคแล้วไง

"ยัยเจอร์..  อยากตายนักหรือไง!"  อิซซาเบลโวยอย่างตกใจไม่หาย  เธอกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่  แล้วบังเอิญความรู้สึกไว  มือก็ไวพอกัน  ถ้าเผลอไปทำร้ายน้องก็แย่กันพอดี  เจอร์ซี่ยิ้มแหยหน้าซีดแต่ก็ไม่นาน  น้องมันเหมือนความจำสั้นกลับมายิ้มร่าเริงได้อีกแล้ว 

"แคลร์.. ปล่อยแขนฉันสักที  ถ้าฉันจะตบหัวยัยเจอร์จริงๆ ก็ตบไปนานแล้วล่ะ"

"ใครจะไปรู้ล่ะ  หน้าตาอย่างกับเตรียมจะไปเชือดใคร" น้องตัวโตแทบจะสะลัดแขนอีกคนออกจากมือตัวเอง  ไม่สนใจสายตาอิซซาเบลที่มองเคืองๆ กันอยู่  ผู้หญิงโหดร้ายแบบนี้  เอฟเอาทำแฟนได้ยังไง  เพี้ยนจริงๆ..

"นี่.. บ่นอะไรน่ะ  แอบนินทาฉันในใจใช่ไหม.?" เด็กกิลเบอร์กแหวขึ้นมาเมื่อเห็นสีหน้าเอือมระอาของเด็กสาวตัวสูงกว่า  ยิ่งเค้าทำท่าไม่สนใจจะเดินหนีท่าเดียว  เธอยิ่งหงุดหงิด  แต่หนูเจอร์ผู้ว่องไวเหมือนเจ้าหนูเจอร์รี่ในการ์ตูนสุดอมตะทอมแอนด์เจอร์รี่ก็เข้ามาเบี่ยงเบนความสนใจเธอไปก่อน

"เฮ้.. มาคุยกับฉันก่อนอิซซี่..  ทำไมเดินมาตรงนี้คนเดียวล่ะ  ลูกสมุนไปไหนหมด"

"ยัยเจอร์.. เดี๋ยวก็โบกให้หรอก  เพื่อนฉัน  ไม่ใช่ลูกสมุน"

เจอร์ซี่หัวเราะ  ทำมึนใส่คนชอบดุ  ใช้ข้างหนึ่งจับมือเค้าเอาไว้  ในขณะที่อีกมือกระชับมือน้องตัวโตไว้แน่นกลัวหาย  "เออก็ได้  เพื่อนก็เพื่อนสิ  แล้วบอกได้หรือยัง  เดินมาทำอะไร"

"หาที่เงียบๆ ซ้อมบทอยู่น่ะสิ  ไม่มีสักที่  เบื่อชะมัด"  คำตอบที่ได้  เรียกความสนใจของคนฟังทั้งคู่ได้ทันที  เจอร์ซี่และแคลร์มองหน้ากัน  และคนเด็กกว่าแต่ตัวโตกว่าก็ส่ายหัวให้พี่สาวร่างเล็กอย่างรู้ทันความคิด

"อย่านะเจอร์.."  แคลร์ปราม  แต่ถึงจะห้ามการกระทำเพี้ยนๆ ของพี่สาวตัวน้อยได้  คนที่ได้ยินมันด้วยก็จ้องหน้าเธอตาเขม็ง

"อะไรกันสองคนนี้  ทำอะไรผิดๆกันมาหรือไง" อิซซาเบลถาม  ไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆ แต่ก็คล้ายเด็กเจอร์จะฉลาดขึ้นหรือเพิ่งจะดึงมันออกมาใช้  จึงตอบได้ด้วยรอยยิ้ม

"มากับเราสิ" คนอายุมากกว่าหรี่ตามองน้องสาวข้างบ้านอย่างพิเคราะห์แล้วเงยหน้ามองเด็กตัวสูงข้างๆ เค้า  คราวแรกแคลร์ก็ทำเฉย  แต่ก็เผยยิ้มเบาบางมาให้เธอลังเลใจ  ใครใช้ให้มันยิ้มสวยเหมือนพี่สาวแบบนี้เล่า..

"โอเคๆ แต่เร็วๆ นะ  ออดิชั่นบ่ายสอง  ฉันอุตส่าห์ลาครูมา"

"ได้สิอิซซี่.."  เจอร์ซี่ตอบร่าเริง  เดินจูงพี่สาวที่น่ารักและกระตุกมือดึงน้องตัวโตให้ตามตัวเองมา  หากขณะที่เด็กสาวทั้งสามพากันเดินหายไปจากทางเดินในตึก  ใครบางคนที่ไม่มีเรียนแล้ววันนี้ก็ลงจากบีเอ็มดับเบิลยูสีดำมา  ถอดแว่นดำให้คนทั่วไปมองเห็นดวงตาสีม่วงสดใสและหลงใหลมันจนต้องมองตามมาจนคอแทบเคล็ด  แต่ตัวเธอไม่ได้สนใจอะไรนอกจากว่า  ห้องออดิชั่นมันอยู่ที่ไหน 



...............................................................


มาอีกแล้ว  เบื่อกันหรือยัง  เหอๆ

อย่าเพิ่งเบื่อเลยนะคะ  เรายังคิดเรื่องใหม่ไม่ออก  แต่ได้พล็อตมาแล้วล่ะ  กำลังเรียบเรียงความคิดอยู่  คาดว่าเร็วๆ นี้แหละ  จะได้ออกมาให้อ่านกัน   :42:

แต่สำหรับตอนใหม่นี้  เป็นยังไงบ้างคะ  อย่าเสียใจไปนะคะที่อิซซาเบลของเราไม่ใช่ควีนบีส์ในเรื่องนี้  ก็ควีนบีส์ต้องอยู่ไฮสกูลค่ะ อิซซี่เพิ่งจะอยู่เกรดเก้า  ก็ประมาณ ม.3 บ้านเราเท่านั้น  ปีหน้าถึงจะได้ขึ้นไฮสกูลนะคะ  แต่ดูๆ แล้ว  อิซซี่ไม่ได้อยากเป็นควีนบีส์เลยนะ ว่าไหม.?  ฮ่าๆๆ   :57:

ขอบคุณค่ะ  สำหรับผู้ที่รักนิยายเรื่องนี้ดุจกอลั่มหวงแหวน  เราดีใจมากค่ะ  ถึงขนาดไปหา The lord of the ring มาดูใหม่ทีเดียว  เกี่ยวกันไหม ฮ่าๆๆ   :27:

ก็นะ  นานๆ จะได้มีคนมาบอกว่า ชอบนิยายเรื่องนี้ยังไงบ้าง  ก็ต้องดีใจเป็นธรรมดา  มันไม่หวานแหววอะไรเหมือนเรื่องอื่นค่ะ  ไม่เหมือนเรื่องบอส  จะเรียกว่ามันเป็นแนวอะไรดีล่ะ  คือมันฉีกออกมาจาก One night stand สามภาคที่แล้วเลย  ถึงต้องเพิ่มชื่อเข้าไปห้อยอีกไงคะ  ทำความเข้าใจกันหน่อยเนอะ   :42:

อย่างไรก็ตาม  ถ้าใครคิดว่ามันผิดคอนเซ็ปของเรื่องดั้งเดิม  ก็ไม่เป็นไรนะคะ  เพราะจริงๆแล้ว ภาคของราเชลกับแอนนาเบลล์น่ะ มันจบไปแล้วแหละ  ภาคนี้ยกให้เด็กๆ เค้าไปค่ะ  ใครไม่เข้าใจอะไรตรงไหน  ถามได้นะคะ  อย่าเก็บไว้งงคนเดียว   :21:

สุดท้าย  ขอบคุณค่ะ  ที่เข้ามาบอกว่า  รักชอบกัน  :44:

แล้วเจอกันใหม่ค่ะ   :45:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น