กลลวงสี่รุ้ง ตอนที่ 30 เติมเต็ม
โพสต์โดย:
ฟ้าสีรุ้ง
วันที่: 21 มกราคม 2015 เวลา 20:30:50
อ่าน: 1303
|
พอออกมาอีกทีคนที่บอกให้นั่งรอก็เปลี่ยนสภาพเป็นนอนราบไปกับที่นอนแล้ว ปัฐวีไม่รู้หรอกว่าตัวเองกำลังยิ้มให้กับภาพที่เห็น รู้สึกดีใจแค่ไหนกันนะที่เมทินีกลับมาหากัน ใบหน้าหวานแบบฉบับของตัวเองนั้นเธอหลงใหลมากแค่ไหนนะ ไม่ว่ากี่คนที่ผ่านมาไม่มีใครงามเท่ากับเมทินีอีกแล้ว ในยามหลับหล่อนยังดูงดงามหเมือนกับเจ้าหญิง เจ้าหญิงที่เธอพร้อมที่จะมอบหัวใจทั้งหมดให้อีกครั้ง ลูกครึ่งที่ไม่ได้ดูคมแต่ออกไปแนวหวานเสียมากกว่า รู้สึกว่าอีกคนสะพรั้งขึ้นมาก อาจจะเป็นเพราะอาหารการกินของชาวตะวันตก เนื้อนมไข่ ดูหล่อนเปล่งปลั่งจนเธอมิอาจห้ามใจให้เอื้อมมือไปลูบไล้ใบหน้าของคนหลับได้ แม้ในยามหลับยังดูงดงาม ซึ่งผิดกับเธอเลย ตอนนี้เธอเสียอีกที่ดูไม่ได้ ไม่ได้ดูแลรักษาสุขพาภาพร่างกายตัวเองมานานเท่าไหนแล้วนะ จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เข้าฟิตเนสคือเมื่อหลายเดือนก่อนตอนที่โดนเจ้านาย หรือจะเรียกอีกทีว่าพี่สาวที่สนิทอีกคนก็ว่าได้ หล่อนนั้นแหละที่เป็นคนลากเธอไป แต่แล้วคนหลับก็รู้สึกตัวเพราะโดนมือเย็น ๆ ของอีกคนทาบบนใบหน้าหวานรีบดุ้งลุกขึ้นมาพลางบอก "เอ่อขอโทษค่ะ พอดีฝนง่วงไปหน่อย ไม่เป็นไรงั้นไว้คุยกันต่อพรุ้งนี้เถอะนะคะคุณคงอยากพักผ่อนแล้ว" ยังไม่ทันที่เธอจะลุกพ้นจากพื้นที่นอนมืออีกคนก็รั้งไว้จนต้องก้มหน้าลงมาเลิกคิ้วถาม "มีอะไรหรือเปล่าคะ หรือฝนมากวนใจอะไรคุณ"ปัฐวิการณ์ส่ายหัวยิ้มอ่อนโยน เป็นยิ้มแรกที่เมทินีได้เห็นตั้งแต่ที่พบน้า และเป็นรอยยิ้มที่เธอคุ้นเคยดี เป็นยิ้มที่ดูจริงใจที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา และเฝ้ารอมันมนานแค่ไหนกันแล้วนะ อีกมือของเจ้าตัวค่อย ๆ ยกขึ้นมาจับอีกมือของเธอนั่งลงที่เดิมและขยับเข้ามาใกล้บอก "อย่าไปไหนอีกเลยนะ อยู่ที่นี่กับปิ่น ต่อจากนี้ไปปิ่นจะไม่ยอมปล่อยให้คุณคลาดสายตาไปไหนอีกเด็ดขาด ปิ่นรักคุณ" เพียงเท่านั้นความซาบซึ้งก็พลันแล่นวิ่งเข้าชนหัวใจจนเต้นโครมครามด้วยความยินดี ขอบตาหวานร้อนผ่าวจนน้ำตาไหลซึมด้วยความอิ่มเอม สวมกอดคนตรงหน้าด้วยความคิดถึง อ้อมกอดนี้ยังคงอบอุ่นเสมอ ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป สำหรับเธอแล้วความรู้สึกไม่เคยเปลี่ยน ยิ่งท่อนแขนเรียวที่ยกมาโอบกระชับเธออีกมันยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าเธอกำลังอยู่ในอ้อมกอดของปัฐวิกาณ์จริงไม่ใช่ความฝัน ปล่อยเวลาผ่านไปชั่วครู่จึงค่อย ๆ ผละออก สำรวจใบหน้าของคนรักอีกครั้ง หล่อนดูซูบลงไปมาก แก้มที่เคยป่องตอบลงเล็กน้อย เผยให้เห็นใบหน้าคมเข้มยิ่งขึ้น ยิ่งเห็นแววตาเศร้า ยิ่งมองก็ยิ่งเห็นความจริงใจจากสายตาคู่นั้น กำแพงแห่งทิฐิพลันสลายลงไปชั่วพริบตาเพียงแค่หัวใจได้สัมผัสกับอีกคน แววตาหวานประกายของเมทินีตอบกลับพร้อมรอยยิ้มที่มีความสุขในชีวิต "ฝนก็รักคุณ" เพียงแค่ประโยคสั้น ๆ แต่ความหมายนั้นแสนยิ่งใหญ่ ใบหน้าหวานหลับตาพริ้มยื่นริมฝีเข้าหาด้วยความคิดถึง ไม่ช้าหล่อนก็ทาบทามลงไปจนปัฐวิการณ์ยอมคล้อยตาม ความคุ้นเคยและต้องการของเธอแทบตอบรับอีกคนในทันที ความหวานละมุนที่ปลายลิ้นเมื่อได้สัมผัสกันมันก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนา สองสาวผละกันเพียงครั้งเท่านั้น ต่อจากนั้นก็เป็นการสานสัมพันธ์แห่งรักให้ยาวนานออกไป ปัฐวิการณ์เป็นฝ่ายทาบทับลงไปบนเรือนร่างที่เธอดึงเอาอาภรณ์ที่ห่อหุ้มออกจนเหลือเพียงร่างกายขาวผ่อง ลมหายใจแรงขึ้นเพื่อบ่งบอกว่าเธอสองคนต้องการกันและกันมากขนาดไหน กลิ่นหอมยวนเย้าคลอเคล้าปลายจมูกโด่งลงคลอเคลีย ปลายลิ้นรากไซร้เพิ่มดีกรีความเร่าร้อนรัญจวนใจ สองมือสำรวจคนใต้ร่างอย่างหลงใหล เมทินียังคงยั่วเย้ายวนใจเสมอ ยิ่งกายหล่อนบิดพริ้วด้วยความซ่านสยิวเธอยิ่งได้ใจ เร่งสำรวจรุกเร้าเอาแต่ใจจนอีกคนต้องกำไหล่เธอแน่น แอ่นกายรับสัมผัสลากปลายลิ้นที่กำลังระรัวเร็ว เสียงครางซาบซ่านกำลังปลุกเร้าความต้องการของปัฐวิการณ์เช่นเดียวกัน ยิ่งกลิ่นกายที่คุ้นเคยบวกกับเสียงครางกระเซ่ายามที่คนรักมีความสุขด้วยแล้ว มันทำให้เธอแทบจะทนไม่ไหวต้องระเบิดความต้องการกระทั้นกระแทก จังหวะรุกเร้าอารมณ์พิศวาส เสียงครางแหบพร่าเปล่งออกมาเซ็กซี่กัดริมฝีปากครางซีดสุดแสนจะสะกัดกลั้นบอก "อื้อ ปิ่นขา ฝน อ่า ฝนจะมาไหวแล้ว" อีกคนยิ่งระรัวเร็วแรงยิ่งขึ้นเพื่อมอบความสุขอันแสนหฤหรรษ์ให้อีกคน ยิ่งได้ยินเสียงที่เปล่งออกมายิ่งแทบทนไม่ไหวจนต้องทิ้งชิ้นขนมหวานออกเคลื่อนตัวเองขึ้นมามองหน้าอีกคนอย่างชัดเจน ได้ยินเสียงเมทินีจิปากเหมือนไม่สบอารมณ์ที่อยู่ ๆ อีกคนก็หยุดลงกลางคัน ลืมตาขึ้นมองแต่แล้วใบหน้าของคนรักก็เลื่อนขึ้นมาจนเสมอกัน ริมฝีปากบดขยี้เร่าร้อนอีกครั้งพร้อมกับส่งส่วนหวงแหนของตัวเองลงไปทามทับส่งเสียงครางกระเซ้าหวานสลับกันตั้งรับ จนในที่สุดก็เดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางพร้อมกัน ร่างกระตุกเกร็งผวากอดคนด้านบนอย่างเต็มแรง ผ่อนระบายลมหายใจที่หนักหน่วง จนกระทั่งจังหวะเริ่มปรกติอีกครั้ง เป็นฝ่ายปัฐวิการณ์ที่ผละกายเบี่ยงตัวเองขึ้นมามองหน้าอีกคนอีกครั้ง ก่อนที่จะยกมือเรียวขึ้นมาซับเหงื่อบนใบหน้าหวานบอก "ปิ่นรักคุณ" เป็นประโยคเดิม ๆ ที่ซ้ำแต่เธอไม่เคยเบื่อ ยิ่งเห็นหล่อนยืนยันคำพูดด้วยการเลื่อนกายขึ้นมาจุมพิตที่หน้าผากอย่างอ่อนโยน รักมันเอ่อล้นหัวใจจนต้องรั้งใบหน้าคมนั้นมามอบจุมพิตอีกครั้งและเบี่ยงอีกคนลงมากลายเป็นเธอที่ขึ้นไปทาบทามแทนที่ ส่งสายตาหวานยั่วเย้า ดวงตาทอประกายบอก "คุณปิ่นเป็นของฝนเถอะนะคะ" เพียงเท่านั้นเธอก็ขอทำหน้าที่มอบความสุขให้คนรักบ้าง ถึงแม้จะเป็นหน้าที่ใหม่ที่ไม่เคยทำแต่เธอก็ถ่ายทอดความต้องการออกมาได้ไม่แพ้กัน จนสองสาวจับมือพากันเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางแห่งสุขอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง ดูเหมือนค่ำคืนนี้ไม่ใชแค่เพียงคู่ของเธอแล้วซินะที่กำลังปรนนิบัติกันและกัน เพราะตอนนี้สองสาวอีกคู่ก็กำลังออกลีลาดุเด็ดเผ็ดมันไม่แพ้กัน แรงปรารถนาที่พร้อมจะเผาไหม้อีกคนให้ลุกเป็นเพลิงโหมกระหน่ำจนปรารถนาครวญครางแทบขาดใจ สองมือเกร็งกำผืนผ้าปูที่นอนแน่น บิดกายเร่งเร้าเอาแต่ใจ แอ่นสะท้านรับสั่นไหวไปทั่วทั้งร่าง เมื่อปลายนิ้วอีกคนกำลังสะบัดผู่กันบรรเลง จนเสียงครวญครางกระเซ้าหวานฟังแทบไม่เป็นภาษา รู้แต่ว่าสิ่งที่อัดอั้นต้องการปลดปล่อยมันเอ่ออยู่เต็มอัตราการเร่ง จนสุดท้ายเกร็งกระตุกดึงวิภาวีลงมาแนบอกตระกองกอดอีกคนหอบตัวโยน ปลือตาหวานชุ่มช่ำมองใบหน้าหวานพลางบอกรักสลับกันไปมาในยามค่ำคืน หมุนสลับผลัดเปลี่ยนปรนเปร่อความสุขให้กันและกัน พระอาทิตย์เคลื่อนที่มาแทนดวงจันทร์อีกครั้ง เช้าวันใหม่ที่แสนสดใส วันนี้หัวใจของใครบางคนได้เปลี่ยนไปจากเมื่อวานแล้ว ใบหน้าคมกำลังยกยิ้มอย่างมีความสุขยืนกอดอกพิงกรอบประตูห้องครัวเมื่อเห็นแผ่นหลังของคนรักกำลังลังอยู่ในเสื้อเชิ้ตตัวยาวสีขาว ที่แสงส่องมามันสามารถมองเห็นทะลุถึงสัดส่วนเว้าโค้งของอีกคน ปัฐวิการณ์อดยิ้มยินดีไม่ได้ว่าเมื่อคืนเธอกับเมทินีถ่ายเทมวลสารแห่งความรักให้กันและกัน จนหมดแรง แต่ดูเหมือนเช้านี้เมทินียังมีแรงพอที่จะตื่นขึ้นมาชงกาแฟให้ทานแบบนี้ กลิ่นหอมยวนเย้าของแกแฟกรุ่นทำให้เธอเดินเข้าไปสวมกอดอีกคนจากด้านสอดแขนสองมือเข้าไปประสานกันด้านหน้าของเมทินี วางใบหน้าคมลงที่ไหล่ลาดบางสูดกลิ่นกายหอมอีกคนเข้าไปด้วยเป็นการเพิ่มโอโซนเข้าปอด พลางบอก "อื้อ ชื่นใจจังเลย" "ตื่นแล้วเหรอคะ" เมทินีเอียงหน้าหวานหันมาถาม ในมือยังคงคนกาแฟให้เข้ากันและสำหรับรสชาติของปัฐวิการณ์เธอรู้ดีว่าต้องรสชาติแบบไหน "ตื่นแล้วค่ะ ก็ปิ่นน่ะตื่นมาไม่เจอฝน ก็เลยต้องรีบลุกขึ้นมาตามนี่แหละ" เมทินีจึงกดปลายจมูกลงที่แก้มนวลของอีกคนยืนยัน ผละออกมาเอียงหน้าบอก "ฝนจะไม่ยอมจากคุณไปไหนแล้วค่า ว่าแต่คุณเถอะอย่าเพิ่งเบื่อฝนก็แล้วกัน" "ใครว่าปิ่นเบื่อฝนล่ะ เอ่อแล้วก็เลิกเรียกคุณเถอะค่ะ ต่อไปนี้จะมีแค่ปิ่นกับฝนนะ..อีกอย่างปิ่นเองต้องขอโทษฝนด้วยเรื่องที่ฝนมุ่งมั่นทำแต่งานมากเกินไปจนลืมเวลาของเราสองคน ปิ่นสัญญานะว่าต่อไปปิ่นจะไม่เป็นคนบ้างานอีกต่อไปแล้ว" " ว่าแต่" แล้วก็หันมาหาอีกคนยื่นแก้วกาแฟส่งให้ "ขอบคุณค่ะ ว่าแต่อะไรเหรอคะ" "ฝนอยากถามเรื่องที่ฝนค้างคาใจมานานแล้วล่ะ ตกลงปิ่นกับคุณเจน" ปัฐวิการณ์เอียงหน้าถาม "ทำไมคะ ปิ่นกันพี่เจน" ว่าแล้วก็หันมามองอีกคนจริงจังเลิกคิ้วในขณะที่มือกำลังลดแก้วกาแฟลงถาม "นี่ฝนอย่าบอกนะว่าฝนคิดว่าปิ่นกับพี่เจนมีอะไรกันจริง ๆ " เมทีนีหลบสายตามครางอืมในลำคอ จนสาวตาคมสะบัดหน้าวางแก้วกาแฟลงเคาน์เตอร์หันมาจับมืออีกคนบอก "ปิ่นยอมรับนะว่าพี่เจนเขาคิดอะไรกับปิ่นจริง แต่ฝนน่าจะรู้นะว่าปิ่นรักฝนมากกว่าใคร และคงทำแบบเมื่อคืนกับคนที่ปิ่นไม่ได้รักได้หรอก ปิ่นรู้ว่าปิ่นผิดเองที่ไม่ยอมปฎิเสธความรู้สึกของพี่เจนให้เด็ดขาดในตอนแรก จนกระทั่งปิ่นต้องเสียฝนไป เสียคนมีค่าที่สุดไป ปิ่นจึงรู้ว่าชีวิตของปิ่นต้องการอะไร แต่มันกลับสายไปแล้ว เพราะตอนนั้นฝนเองก็ทิ้งปิ่นไปแล้ว แถมยังไม่ล่ำลากันสักคำอ่ะ" แล้วคนงอนก็ดึงมือตัวเองออกกอดอกกระเง้ากระงอดบ่น "ก็ใครกันล่ะดันมาทำท่าแบบนั้น แหมมีทั้งหอมแก้ม มีทั้งคล้องแขน เป็นใคร ๆ ก็รู้สึกกันทั้งนั้นแหละค่ะ" ทำให้ปัฐวิการณ์คิดตามว่าอีกคนไปเห็นเธอทำท่าแบบนั้นกับเจนจิราตอนไหนนะ พลันดวงตาคมก็เบิกกว้างขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ "นี่อย่าบอกนะว่าฝนไปหาปิ่นที่ทำงานอ่ะ" "ใช่คะ ก็ฝนอยากไปบอกคุณเรื่องที่ฝนสอบได้ แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะเห็นภาพบาดตาบาดใจแบบนั้น" จนปัฐวิการณ์ต้องขยับเข้ามากอดทำท่าออดอ้อนบอก "โอ๋ไม่เอานะ ปิ่นขอโทษค่ะน่า" เท่านั้นแหละคนแกล้งงอนถึงยิ้มออกประคองใบหน้าคนรักบอก "ดื่มกาแฟเถอะค่ะ เดี๋ยวก็เย็นหมดหรอก" ว่าแล้วก็จูงมือคนรักไปยังห้องรับแขก ปล่อยให้หล่อนนั่งลงก่อนที่ตัวเองจะนั่งซ้อนข้างหน้าเอนร่างบางพิงไหล่อีกคนเงยหน้าบอก "เอาเป็นว่าเราสองคนผิดเหมือนกันดีมั้ยคะ" "ว่าแต่ ฝนเถอะไปอยู่โน้นเป็นยังไงบ้าง แล้ว" พูดจบก็ก้มหน้าลงไปหอมแก้มนวลเติมคามหวานให้กันและกันในยามเช้า "ก็เหนื่อนค่ะ เหนื่อยมากด้วย ตั้งใจเรียนกลัวว่าจะจบไม่ทันสองปี นี่ดีนะคะที่มีครีสคอยช่วย" เมื่อนึกถึงใบหน้าคมของหนุ่มฝรั่งในวันนั้น มันก็พลันจี้ดขึ้นมาจนต้องทำหน้าจริงจังถาม "นายครีสคนนั้นกับฝนตกลงไม่มีอะไรมากกว่าเพื่อนแน่นะ" "จะบ้าหรือคะ เขากับฝนเป็นเพื่อนกันจริง ๆ แล้วฝนเองก็คงทำใจให้รักชอบเค้าไม่ได้หรอกค่ะเพราะว่าเขาไม่ใช่ผู้หญิง อีกอย่างถ้าฝนเป็นผู้ชายบางทีเขาอาจจะชอบฝนก็ได้นะ" "หมายความว่าไง" "ก็หมายความว่าเขาเป็นเหมือนกับเราค่ะ ต้องขั้วเดียวกันถึงจะสปาร์คกันได้" "โหค่อยโล่งอกหน่อย นึกว่าปิ่นจะมีคู่แข่งซะแล้ว" "ปิ่นก็ว่าไป นี่ยังคิดถึงคู่แข่งอีกเหรอคะ บอกแล้วไงว่าฝนรักปิ่นคนเดียว แล้วก็จะรักอย่างนี้ตลอดไปด้วย" ปัฐวิการร์ยิ้มอารมณ์ดียังมิวายแหย่ "แน่นะ" "ก็แน่ซิค่ะ" จนอีกคนหมั่นไส้ยกมือขึ้นมาบีบจมูกโด่งจนร้อง "โอ้ยเชื่อแล้วค่ะเชื่อแล้ว" รีบดึงมืออีกคนออกขยับปลายจมูกตัวเองบ่น "โหคุณอ่ะ ถ้าเบี้ยวขึ้นมาจะทำยังไงเนี่ย" "บ้าซิ ฝนรู้ค่ะว่าของจริง" "ใช่ที่ไหนกันละคะ นี่ปิ่นทำมาหมดไปเป็นหมื่นเลยนะ" อีกคนยังไม่เลิกแกล้ง "ไม่เชื่อหรอกค่ะ ไม่อย่างนั้นมันคงจะเบี้ยวตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแหละตอนที่ปิ่น" พูดขึ้นเองก็เขินเองจนรีบเปลี่ยนเรื่อง "บ้าไม่คุยด้วยแล้ว ขึ้นไปอาบน้ำดีกว่า" พูดจบก็ลุกหนีจนอีกคนรีบเทกาแฟที่เหลือลงคออย่างรวดเร็วรีบเดินตามพลางตะโกนบอก "เดี๋ยวซิคะ ปิ่นขออาบด้วยคะนะที่รัก"
|
Rating: This article has not been rated yet.
|
|
ความคิดเห็น
|