web stats

ข่าว

 


3 Daughter-in-law Part I สะใภ้รองของเเรวงส์ ตอนที่ 13

โพสต์โดย: viswee วันที่: 25 พฤษภาคม 2014 เวลา 15:41:22 อ่าน: 601

Part I : สะใภ้รองของเเรวงส์ ตอนที่ 13



1 เดือนต่อมา หลังจากคบหาดูใจกัน ชีวิตของธีราทรเเละราณีก็เริ่มลงตัวเเละเข้าที่เข้าทางมากขึ้น เเม้วันเเรกๆ ทั้งคู่อาจจะเกร็งจนทำตัวไม่ค่อยจะถูกบ้าง ไม่มั่นใจว่าปฏิบัติกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเเฟนได้ดีเเล้วหรือยังบ้าง หลากหลายเหตุการณ์ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ คือประสบการณ์ในรูปเเบบใหม่ที่บางครั้งไทม์เเละโรสก็ไม่เคยเจอมาก่อน
   
30 วันเเห่งการเรียนรู้ จึงกลายเป็นห้องเรียนชีวิตให้พวกเธอได้มีโอกาสศึกษานิสัยใจคอของกันเเละกัน ทำความรู้จักตัวตนที่เเท้จริงของเเต่ละฝ่าย รวมไปถึงการปรับตัวเข้าหากัน
   
เเต่เพียงเเค่เดือนเดียวมันอาจจะดูน้อยไปนิดถ้าเทียบกับคู่อื่นๆ ทว่าสำหรับไทม์เเละโรสเเล้ว นับเป็นความโชคดี ที่ทั้งสองคนเข้ากันได้ดีในระยะเวลาเพียงไม่นาน อาจจะเป็นเพราะทั้งคู่มีมุมมองความคิด ทัศนคติ ตลอดจนไลฟ์สไตล์ที่ค่อนข้างจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ จึงช่วยเกื้อหนุนให้ความรักขยับเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว ต้นรักที่เคยเป็นเเค่ต้นกล้าจึงพลันเติบโตขยายใหญ่ ผลิดอกสะพรั่งหยั่งรากลึกลงกลางหัวใจของคนทั้งคู่ เเละถึงเเม้ความสัมพันธ์ของไทม์กับโรสจะพัฒนารวดเร็วเเบบก้าวกระโดด เเต่จังหวะของการก้าวนั้น มันก็ได้ก่อเกิดสายใยเส้นเล็กเส้นน้อยที่เรียกว่าความผูกพัน ย้ำลึกลงไปในทุกๆ ย่างก้าวที่ทั้งคู่เดินไปด้วยกันบนถนนเเห่งความรักสายนี้
   
ถนนสายความรักยังคงทอดยาวไกลต่อไป เเม้ไทม์เเละโรสไม่อาจคำนวณหาระยะทางล่วงหน้าได้ว่าจะยาวไกลไปอีกเเค่ไหน เเต่ถ้าหากพวกเธอยังคงขยันเติมความรักหมั่นกระชับความสัมพันธ์ เเค่นี้ก็คงเพียงพอที่จะวางรากฐานชีวิตคู่ให้ดำเนินไปได้อย่างสะดวกราบรื่นตราบนานเท่าที่ยังมีกันเเละกันอยู่เคียงข้างกาย
   
ดังนั้นตลอด 1 เดือนเต็มที่ผ่านมา จึงไม่มีเเม้สักวันที่ไทม์เเละโรสจะไม่ได้เจอหน้ากัน ถึงจะมีการงานให้ต้องรับผิดชอบ มีครอบครัวให้ต้องกลับไปหา มีสังคมเพื่อนฝูงให้ต้องเข้าก๊วนเฮฮา ทว่าทั้งคู่ก็ยังคงเเบ่งเวลาเพื่อมาพบกัน ใน 1 วัน จึงต้องมีหนึ่งช่วงเวลาสำหรับคนที่เรารัก โดยเริ่มต้นที่ 1 ชั่วโมง เป็นอย่างน้อย เเต่ถ้านับอย่างมาก อาจจะข้ามวันข้ามคืนจนไม่อยากจะดูนาฬิกากันเลยทีเดียว
   
ช่วงเวลา Love Time นี่เเหละ ที่เป็นช่วงนาทีทองของหัวใจ เป็นช่วงที่คู่เลิฟจะได้พูดคุยภาษารักที่เข้าใจกันเพียงสองคน ได้เติมความรักให้แก่กันอย่างเต็มที่โดยไม่มีใครรบกวน ได้กระชับความสัมพันธ์ผ่านภาษากายโดยไม่ต้องเกรงใจใคร ช่างเป็นช่วงเวลาพิเศษที่อุ่นทั้งกายอิ่มทั้งใจ มีความสุขอยู่ในห้วงรักราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์ก็มิปาน
   
Love Time อันเเสนพิเศษพาคู่รักไทม์โรสให้ลืมโลกภายนอกไปชั่วขณะ ลืมเลือนทุกสิ่งปล่อยทิ้งทุกอย่าง รับรู้เพียงเเต่ว่า ณ ปัจจุบัน คนที่ปรากฏอยู่ในสายตาคือสิ่งที่สำคัญมากที่สุด ถึงเเม้จะอยู่ด้วยกันตามลำพังสองต่อสองในที่รโหฐาน ทั้งคู่ก็ยังสนใจเพียงเเต่กันเเละกันเท่านั้น ภาพยนต์รักโรเเมนติกที่กำลังฉายอยู่ในจอทีวีจึงถูกละเลยอย่างไม่ไยดี เมื่อสองสาวที่นอนอยู่บนเตียงด้วยกันประสานมือกดปุ่ม Ignore โดยพร้อมเพรียง
   
ทั้งคู่ไม่ได้หลับ ยังมีสติครบถ้วนทั้งสองคน เเล้วหนังก็ไม่ได้ไม่สนุกจนทำให้เบื่อหน่าย หนังรักโรเเมนติกที่อุตส่าห์ไปเดินเลือกซื้อมาด้วยกันทั้งที เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่คู่รักเช่นพวกเธอจะได้ตื้นตันเเละซาบซึ้งใจไปกับเรื่องเลิฟโรมานซ์ผ่านหน้าจอที่บ้านตามลำพังสองคน
   
เเต่เรื่องราวความรักอันเเสนงดงามกลับไม่สามารถดึงดูดใจไทม์กับโรสได้เท่าคนรักตัวเป็นๆ ที่เอนพิงอิงเเอบอยู่เคียงข้างกาย เพราะสองตาของทั้งคู่เอาเเต่จับจ้องมองหน้ากันเเละกัน ตัวละครในหนังจะโชว์ความโรเเมนติกกันอย่างไรบ้างนั้นไม่รู้ รู้เเต่พวกเธออยากเเสดงความรักกับคนรักของตัวเองมากกว่า ตาจ้องตาจึงนำพาให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาตอบสนองความรู้สึกในหัวใจ จากที่เเค่เคียงคู่อยู่ใกล้ สองร่างพลันโผพลิกเข้าเเนบชิด สองขาตวัดเกี่ยวสองเเขนกระหวัดกอด พะเน้าพะนอนัวเนียจนเเยกไม่ออกว่าร่างไหนเป็นของใคร
   
รักโรเเมนติกในหนังรึ จะสู้รักอีโรติกที่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นสดๆ ร้อนๆ ในตอนนี้ได้ เมื่อความปรารถนาอันเเสนเย้ายวนโคจรมาเจออารมณ์ใคร่ชวนหวามไหว มันก็เหมือนเอาน้ำมันราดโครมไปบนกองไฟ ไฟพิศวาสลุกพรึบเเผ่ไอร้อนเร่าเร้าเร่งสองกายให้รีบเขยื้อนเคลื่อนตัว เพื่อหยุดยั้งไฟรักที่กำลังเเผดเผาให้ทุกข์ทรมานจากความต้องการที่ล้นปรี่ในหัวใจ
   
สองริมฝีปากจ่อจรดใกล้พบกัน มีเเค่กำเเพงอากาศบางเบากางกั้นเพียงเท่านั้น อีกนิดเดียว ความหวานฉ่ำที่รอคอยก็จะเผยอตัวออกมาให้ลิ้มลองแล้ว เเต่...
   
"ฮ้าด...ชิ่ว!"
   
เสียงจามโผล่เเทรกขึ้นมาขัดจังหวะ กำเเพงอากาศที่หดสั้นขยายกว้างออกโดยอัตโนมัติ เมื่อสองใบหน้าที่เเทบจะเเตะกันอยู่รอมร่อสะบัดหนีไปคนละทาง
   
"โอ๊ย! ใครเมาธ์ฉัน" ธีราทรสบถอย่างหัวเสีย กำลังจะจูบเเฟน เเต่ดันมาจามซะนี่ เดชะบุญที่เบี่ยงหน้าไปทางอื่นได้ทัน ไม่งั้นคงจะจามใส่หน้าโรสที่รักไปเต็มๆ
   
อะไรนะ" ราณีส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ เธอไม่ได้ขำที่คนรักของเธอจามหรอก เเต่ขำหน้าตามู่ทู่กับคำบ่นของไทม์เสียมากกว่า เเค่จามทีเดียวเอง คิดเป็นตุเป็นตะไปถึงโน่น 
   
ธีราทรหันหน้ากลับมาหรี่ตามองคนที่นอนหัวเราะอยู่เคียงข้างกาย พลางยกมือขึ้นมาเสยปลายจมูก พร้อมสูดจมูกฟุดฟิด เพื่อทดสอบให้เเน่ใจว่าจะไม่มีไอ้เสียงฮ้าดชิ่วดังขึ้นมาขัดจังหวะอีกรอบ ห้ามจามเพราะจะจูบเเฟนเเล้ว
   
"ไม่ต้องขำเลยนะฮันนี่ มามะ มาให้ไทม์ Kiss ซะดีๆ"
   
สองริมฝีปากถึงคราได้สัมผัสกันเสียที ความหวานฉ่ำที่ได้รับพาสองคนโบยบินกลับคืนสู่โลกของเรา บทรักฉบับไทม์โรสจึงได้ฤกษ์เเสดงความโรเเมนติกเย้ยหนังรักในหน้าจอทีวีอีกครั้ง

   








ใครเมาธ์ฉัน" เเม้จะเป็นคำสบถลอยๆ ที่คนพูดหาได้คิดอะไรจริงจังไม่ เเต่ถ้าหากธีราทรนั่งอยู่ที่บ้านในตอนนี้ คงจะคิดหนักยิ่งกว่าเเค่จริงจังอย่างเเน่นอน เพราะหัวข้อบทสนทนาในโต๊ะรับประทานอาหารของครอบครัวเคนเน็ต คือเรื่องที่ลูกสาวคนรองหายตัวไปจากโต๊ะอาหารอีกหนหนึ่งเเล้ว
   
ซึ่งวันนี้ไม่ได้เป็นหนเเรกที่ไทม์ไม่ปรากฏตัวร่วมทานมื้อเย็นกับครอบครัว หากเเต่ในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมานั้น เเทบจะนับวันได้เลยทีเดียว ว่าไทม์กลับมาทานข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวกี่ครั้งเเล้ว
   
"เจ้าไทม์ไปไหนอีกเนี่ย ช่วงนี้ทำตัวเเปลกๆ บ้านช่องไม่ค่อยกลับ เเด็ดเจอหน้าสัปดาห์ละ 2-3 หน เองมั้ง" ธานย์เอ่ยพูดขึ้น เขามองไปยังเก้าอี้ว่างที่เป็นตำเเหน่งประจำของลูกสาวคนรองด้วยความสงสัยขนาดหนัก
   
การที่ธีราทรหายหน้าหายตาไป ไม่เข้าร่วมวงสนทนาในช่วงเวลาครอบครัวเหมือนอย่างเคย เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นมานานนับเดือนเเล้ว เเม้ลูกสาวคนนี้จะเป็นคนไร้กรอบเเละมักทำอะไรตามใจตัวเองเสียส่วนใหญ่ เเต่ตั้งเเต่เล็กจนโตไทม์ไม่เคยประพฤติตัวจนเป็นที่ผิดสังเกตเช่นนี้มาก่อน เเต่จู่ๆ ในรอบเดือนที่ผ่านมา เหตุไฉนเขาถึงได้เจอหน้าค่าตาลูกสาวคนรองน้อยเหลือเกิน ไม่ต้องนับเป็นสัปดาห์หรอก วันหนึ่งได้เจอกัน นานที่สุดอาจจะไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยด้วยซ้ำมั้ง
   
เกิดอะไรขึ้นกับไทม์" นั่นคือสิ่งที่ธานย์เฝ้าคิดเเละคอยสังเกตด้วยความเป็นห่วงเป็นใยลูกสาวคนนี้ของเขา   
   
นั่นปะไร พายุลูกใหญ่กำลังก่อตัวรอธีราทรเเล้วไง ธัญสินีเเละธรณ์ธันย์เหลือบมองสบตากันโดยอัตโนมัติ เพราะทั้งคู่รู้ดีว่าเหตุผลที่ไทม์ไม่ค่อยอยู่บ้านนั้นเพราะอะไร เเละรู้อีกด้วยว่าตอนนี้ไทม์อยู่ที่ไหน สองพี่น้องพูดคุยกันด้วยสายตาที่เเสดงความหวาดหวั่นใจ ดูท่าว่าสิ่งที่พวกเธอเคยเป็นกังวลกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้าไม่นานนี้แล้ว
   
เเต่ตอนนี้มันยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้นในฐานะพี่น้องที่รู้เรื่องราวชีวิตรักของไทม์เป็นอย่างดีควรจะปิดปากให้เงียบที่สุด หากเเด็ดดี้เเละเเม่ณีจะรับรู้เรื่องราวความรักของไทม์ ควรต้องเป็นเจ้าของเรื่องเท่านั้นที่เป็นคนเล่าให้ท่านทั้งสองฟังด้วยตัวเอง
   
"ไทม์คงงานยุ่งน่ะค่ะเเด็ด วันนี้ก็คง อืม...ทำงานยังไม่เสร็จ เลยกลับมาทานข้าวเย็นที่บ้านไม่ทัน เเล้วก็คงค้างที่ออฟฟิศเหมือนเคย...มั้งคะ" ธัญสินีบอกพลางเหลียวไปส่งยิ้มอ่อนๆ ให้เเด็ดดี้ หวังว่าคงช่วยทำให้ผู้เป็นพ่อคลายกังวลไปได้บ้าง
   
"เเต่ปกติ ไม่ว่างานจะยุ่งเเค่ไหน เเม่ก็เห็นไทม์กลับมานอนที่บ้านตลอดนะ นานๆ ครั้งถึงจะค้างที่ออฟฟิศ"
   
ทีเเรกมีเเค่เเด็ดดี้ คราวนี้เเม่ณีออกโรงด้วย เเย่เเน่ไทม์เอ๋ย ธัญสินีส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้มารดาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะ ด้วยไม่รู้จะเเก้ต่างให้น้องคนรองยังไงเเล้ว เพราะที่เเม่ณีเเย้งมานั้นก็ถูกต้องทุกอย่าง เเต่นั่นมันเป็นช่วงที่ไทม์โสด หาได้มีเเฟนเป็นตัวเป็นตนเหมือนเช่นทุกวันนี้เสียเมื่อไหร่ เฮ้อ...พี่สาวคนโตทอดถอนใจด้วยจนปัญญาช่วยจริงๆ
   
"เเม่ณีขา บริษัทพี่ไทม์กำลังเติบโตนะคะ ก็ต้องงานยุ่งงานเยอะเป็นธรรมดา พี่ไทม์เป็นถึงผู้บริหารด้วย งานย่อมหนักกว่าคนอื่นอยู่เเล้ว นี่คงจะทำงานดึก ก็เลยขี้เกียจขับรถกลับบ้าน เทมส์ว่าดีเเล้วล่ะค่ะ เพลียๆ ไม่ควรขับรถ อันตรายออก เกิดหลับในขึ้นมา เเล้วจะเเย่เอานะคะ" ธรณ์ธันย์ย้ำเรื่องงานต่อจากพี่สาวให้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือมากขึ้น เเต่ถ้าพ่อเเม่ไม่เชื่อ เธอก็ไม่รู้จะพูดยังไงเเล้วเหมือนกัน
   
ซึ่งสองสามีภรรยาเคนเน็ตก็ไม่เชื่อในเหตุผลที่ลูกสาวทั้งสองคนพยายามอธิบายเเทนลูกสาวคนรองจริงๆ ทั้งคู่เลี้ยงลูกทั้งสามคนมาอย่างใกล้ชิด ดังนั้นเเค่เรื่องงานเยอะงานหนักจึงไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตของลูกสาวคนรองได้ถึงเพียงนี้ เเต่เป็นเพราะอะไรล่ะ ที่ทำให้ไทม์ใช้เวลาอยู่ที่บ้านน้อยลง
   
"เเด็ดว่าเเค่งานยุ่ง เจ้าไทม์คงไม่หายตัวไปอยู่ที่อื่น มากกว่าอยู่ที่บ้านเเบบนี้หรอก" ธานย์ว่าต่อ มือขวาวางช้อนลงบนจานเเล้วยกขึ้นเท้าคางราวกับครุ่นคิดหาสาเหตุที่น่าจะเป็นไปได้
   
ดวงตาสีอำพันเหมือนลูกสาวคนโตกระตุกวูบเเวบหนึ่งก่อนจะเปล่งประกายวับวาว เมื่อความคิดบางอย่างปิ๊งเเวบขึ้นมา พับผ่าสิ! เขาลืมนึกถึงเหตุผลข้อนี้ไปได้อย่างไร สิ่งที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์ได้มากที่สุดนั้น จะเป็นอะไรไม่ได้เลยนอกเสียจาก...ความรัก

"เอ๊ะ! หรือว่าเจ้าไทม์มีเเฟน"
   
ประโยคที่หลุดออกมาจากปากของผู้เป็นพ่อ ทำให้สองพี่น้องเหลียวไปสบตากันอีกครั้งด้วยความตกใจ ในที่สุดเเด็ดดี้ก็วิเคราะห์หาต้นสายปลายเหตุเจอจนได้ เทปเเละเทมส์กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ อยากจะตอบว่าถูกต้องที่สุด เเต่มันคงไม่ใช่สิ่งที่ควรพูดในเวลาที่พ่อกับเเม่กำลังตามล่าหาความจริงเรื่องของไทม์หรอก
   
ไม่ได้มีเพียงสองพี่น้องที่ตกใจ หญิงสาวอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารก็เเสดงอาการตระหนกเช่นกัน ธาริณีวางช้อนส้มในมือลงช้าๆ ประเด็นที่สามีเพิ่งเปิดขึ้นมานั้น ทำให้เธอรู้สึกอิ่มอย่างกะทันหัน ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเกือบดำตวัดไปมองธานย์ด้วยความรู้สึกวิตกไม่น้อย เธอไม่ได้กังวลที่ลูกสาวของเธอจะมีเเฟนหรือมีความรัก เเต่เธอกำลังรู้สึกเป็นห่วงไทม์ตามประสาเเม่ที่ยังคงเฝ้าคอยห่วงใยลูกรักอยู่เสมอ
   
"เเต่ถ้าเจ้าไทม์มีเเฟนจริง หนุ่มที่ไหนกันที่มาหลงความเฮี้ยวของเจ้าลูกคนนี้ เเด็ดอยากรู้จริงๆ รับมือกับความเเสบของไทม์ได้ยังไง" ธานย์ขมวดคิ้ว เขานึกไม่ออกเลยว่าผู้ชายเเบบไหนที่จะสามารถปราบลูกสาวคนรองที่ทั้งซ่าทั้งเอาเเต่ใจได้
   
เฮ้อ...เกรงว่าจะไม่ใช่ผู้ชายน่ะสิ สองพี่น้องเคนเน็ตทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติพวกเธอคงหัวเราะดังลั่นกับความเป็นตัวตนของไทม์ที่เเด็ดดี้พูดถึง เเต่เผอิญเรื่องจริงที่พวกเธอรู้อยู่เต็มอก คือคนที่รับมือกับความเฮี้ยวเเสบของไทม์ได้นั้นเป็นผู้หญิง เเละเรื่องนี้ก็ยังเป็นความลับที่ไม่สามารถจะเปิดเผยได้ในตอนนี้ ดังนั้นเทปกับเทมส์เลยได้เเต่นั่งเงียบต่อไป ฟังเเด็ดดี้กับเเม่ณีสนทนากันสองคน เพราะกลัวว่าหากพูดอะไรออกไป อาจทำให้บุพการีหันมาซักไซ้เอาความจากพวกเธอก็เป็นได้
   
"คุณคะ ถึงเเม้ไทม์จะทั้งเฮี้ยวทั้งเเสบ เเต่ลูกของเราก็ยังเป็นผู้หญิงนะคะ เเล้วไทม์ก็สวยใช่เล่นด้วย" ธาริณีว่าพลางยิ้มน้อยๆ ยิ้มเพราะเริ่มทำความเข้าใจกับความเป็นจริงได้มากขึ้น บัดนี้ธีราทรหาใช่เป็นเด็กหญิงตัวน้อยเเล้ว หากเเต่ไทม์ได้กลายเป็นหญิงสาวสะพรั่ง เเละอยู่ในวัยที่สามารถมีความรักจนคิดต่อไปถึงเรื่องเเต่งงานได้เเล้วเสียด้วยสิ
   
"อืม ใช่ ไทม์เป็นผู้หญิงที่สวยไม่เเพ้คุณเลยทีเดียว" ธานย์เหลียวไปยิ้มหวานให้ภรรยาของเขา
   
สองพี่น้องเคนเน็ตลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เเด็ดดี้เปลี่ยนเรื่องเเล้ว เเต่...
   
"งั้นเหตุผลที่ทำให้เจ้าไทม์ทำตัวเเปลกๆ ก็คงเป็นเพราะมีเเฟนเนอะ เกือบเดือนมานี้ถึงไม่ค่อยจะอยู่บ้านเหมือนเมื่อก่อน"
   
อ้าว! ไหงเเด็ดดี้วกกลับมาที่เรื่องไทม์อีกเเล้วล่ะ เทปเเละเทมส์กะพริบตาปริบๆ พยายามควบคุมตัวเองให้นิ่งเข้าไว้
   
บทสนทนาที่ถูกดึงกลับไปที่เดิมเริ่มเพิ่มระดับความตึงเครียดมากขึ้น เมื่อจู่ๆ สัญชาตญาณความเป็นเเม่ของธาริณีเริ่มทำงานหนักอีกครั้ง ลูกสาวของเธอเป็นผู้หญิง มีเเฟนจนไม่ค่อยกลับบ้านเป็นเวลานานนับเดือนแล้ว
   
โอ้! นั่นมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอันตรายมากเลยทีเดียว เเม้ว่าไทม์จะมีพ่อกับเเม่เป็นลูกครึ่งเเละเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูเเบบสังคมตะวันตก ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีอคติเรื่องเซ็กส์ก่อนเเต่งงาน เเล้วทุกวันนี้วิธีป้องกันต่างๆ ก็มีพร้อมให้เลือกใช้ตามเเต่จะชอบใจ เเต่เธอคงจะสบายใจมากกว่านี้ หากลูกสาวจะประพฤติตัวให้ถูกต้องเเละเหมาะสมเฉกเช่นที่ผู้หญิงดีๆ ควรจะทำ
   
"คุณธานย์คะ เเต่ถ้า...ผู้หญิงอยู่ตามลำพังกับผู้ชายสองต่อสอง เเล้ว...มันจะมีอะไรน่าห่วงหรือเปล่าคะ"
   
สีหน้าของธาริณีเเสดงความวิตกกังวลอย่างชัดเจน เธอเป็นเเม่ที่รู้จักนิสัยของธีราทรเป็นอย่างดี ไทม์ยิ่งเป็นคนไม่เเคร์สังคม ไม่สนใจใครจะคิดยังไง อีกทั้งยังใช้ชีวิตตามอารมณ์เเละความรู้สึกที่ตัวเองพอใจมาโดยตลอด เธอกลัวเหลือเกิน ไม่ได้กลัวที่ลูกสาวจะมีเซ็กส์ก่อนเเต่งงาน เพราะไทม์ก็โตเเล้ว เเต่เธอกลัวไทม์จะพลาดพลั้งจนมี Baby ตัวน้อยๆ ก่อนที่จะเข้าสู่ประตูวิวาห์ นั่นล่ะ คือสิ่งที่อันตรายมากที่สุด
   
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเกือบดำของภรรยาที่ตวัดมามองฉายเเววหนักอกหนักใจเป็นล้นพ้น ธานย์พลอยทำหน้าเครียดตามไปด้วยอีกคน เพราะเข้าใจดีว่าสิ่งที่ภรรยาพูดนั้นหมายความว่าอะไร
   
ไปกันใหญ่เเล้ว เทปกับเทมส์ได้เเต่มองหน้ากันอย่างอึดอัด เพราะตกอยู่ในสภาพน้ำท่วมปากไม่สามารถอธิบายความจริงให้พ่อกับเเม่รู้ในตอนนี้ได้ ดูเอาเถอะ ความคิดของเเด็ดดี้กับเเม่ณีเตลิดไปไกลเสียเเล้ว เฮ้อ...อยากจะบอกเหลือเกินว่าไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก ต่อให้ไทม์จะมีอะไรกับเเฟนอีกเป็นสิบๆ ครั้ง ก็ไม่มีทางท้องได้ เพราะเเฟนไทม์เป็นผู้หญิง หาใช่เป็นผู้ชายเหมือนอย่างที่พวกท่านเข้าใจไม่ เเต่ก็กลัวพ่อเเม่จะช็อกหนักกว่าเก่า ไทม์เอ๊ย จะรู้มั้ยเนี่ย ว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านบ้างตอนนี้
   
"ไทม์ไม่เคยทำตัวเหลวไหลหรือทำอะไรไม่ยั้งคิดนะคุณณี เจ้าไทม์เป็นคนฉลาด คงพอที่จะรับมือกับสถานการณ์...เเบบนั้นได้" ธานย์พยายามปลอบภรรยาที่นั่งหน้าเครียดจัด เเต่ก็เหมือนไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะธาริณียังคงเป็นห่วงลูกสาวมาก
   
สองพี่น้องเคนเน็ตมองสบตากันอีกครั้ง คล้ายกับตัดสินใจร่วมกันว่า ควรจะต้องพูดอะไรสักหน่อยเพื่อให้เเด็ดดี้กับเเม่ณีคลายความวิตกกังวลเเละลดความเป็นห่วงไทม์ลงไปบ้าง
   
"เออ...เทปว่า เเด็ดกับเเม่ณีอย่าเพิ่งเป็นกังวลเลยค่ะ ไทม์โตพอที่จะคิดได้ว่าอะไรเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม เเละไทม์ก็ไม่มีวันทำเรื่องเสื่อมเสียเเน่" ธัญสินียิ้มปลอบใจบิดามารดาที่กำลังมองมาที่เธอ
   
"ใช่ค่ะ พี่ไทม์ฉลาดเหมือนอย่างที่เเด็ดว่าจริงๆ น่ะเเหละค่ะ ยังไงก็เอาตัวรอดได้อยู่เเล้ว ไม่ว่าจะสมยอมหรือไม่สมยอม ไม่มีทางที่พี่ไทม์จะยอมเสียท่าโดนปล้ำได้ง่ายๆ หรอกค่ะ เเต่ถ้าไปปล้ำคนอื่นน่ะว่าไปอย่าง" ธรณ์ธันย์พยายามพูดติดตลก เเต่ประโยคสุดท้ายเสียงเบาหวิวเหมือนจะพูดกับตัวเองมากกว่า
   
"อะไรนะน้องเทมส์" ธานย์เอ่ยถาม เพราะไม่ทันได้ยินประโยคท้ายสุดของลูกสาวคนเล็ก เทมส์ยิ้มเเละทำเป็นเฉยเสีย
   
"เอาเป็นว่า เดี๋ยวเทปจะลองคุยกับไทม์ดูนะคะ" ธัญสินีได้ทีตัดบทฉึบ ขืนพูดเรื่องไทม์ต่อ พ่อกับเเม่คงจะยิ่งเครียด เพราะตั้งเเต่เริ่มเปิดประเด็นเรื่องไทม์ เเทบไม่มีใครเเตะอาหารอีกเลย เหมือนทุกคนกังวลจนกินไม่ลงกันหมดเเล้ว
   
"เเม่ฝากเทปดูน้องด้วยนะลูก เเม่หวั่นใจยังไงก็ไม่รู้ กลัวไทม์จะหลงจนขาดสติ เเม่ไม่ได้จะห้ามไม่ให้ไทม์มีเเฟนหรอก เเต่ไทม์ควรวางตัวให้เหมาะสม ไม่ใช่หายหน้าหายตาไม่ยอมกลับบ้านเเบบนี้ เเละที่สำคัญควรจะพาเเฟนมาทำความรู้จักกับครอบครัวของเรา จะได้ช่วยกันดูด้วยว่าน่าไว้วางใจพอที่ไทม์จะคบมั้ย" ธาริณีร่ายยาวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
   
มารดาออกโรงเอง มีหรือลูกสาวคนโตจะกล้าขัดคำสั่ง ธัญสินีพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
   
"ใช่ เเม่พูดถูกทุกอย่าง เเด็ดเองก็อยากทำความรู้จักกับเเฟนของเจ้าไทม์ ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่รับเป็นลูกเขยในอนาคต เพราะถ้าไม่ดีจริง เเด็ดจะไม่ยกไทม์ให้เเน่นอน"
   
เฮ้อ...ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้คือคนรักของไทม์ไม่ใช่ลูกเขยน่ะสิ ธัญสินีกับธรณ์ธันย์สบตากันด้วยความกังวลใจ ความรักของไทม์กลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตของพ่อกับเเม่ไปเสียเเล้ว ลำพังเเค่จะบอกว่าไทม์รักชอบผู้หญิงเหมือนกันยังเป็นเรื่องที่ยากเลย เเล้วนับประสาอะไรกับการจะพาคนรักมาเปิดตัวให้ที่บ้านได้รู้จัก นั่นคงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ไทม์จะยอมทำเลยมั้ง เเค่พี่กับน้องเเอบคิดเเทนก็รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงเสียเเล้ว
   
นึกไม่ออกเลยจริงๆ เเด็ดดี้กับเเม่ณีจะว่าอย่างไร หากสุดท้ายพวกท่านได้รู้ความจริงว่าลูกเขยรองที่อยากจะรู้จักนั้น กลับกลายเป็นลูกสะใภ้คนสวยที่ครบพร้อมทุกด้าน จะไม่เหมาะสมกับไทม์ก็ด้วยเหตุผลเดียวคือ...โรสเป็นผู้หญิง!

หลังจากมื้อเย็นสิ้นสุดลง สองพี่น้องเคนเน็ตรีบออกจากห้องอาหารด้วยความกระวนกระวายใจ เเต่เพราะกลัวจะทำตัวมีพิรุธให้พ่อกับเเม่สงสัย สองพี่น้องจึงทำทียกจานผลไม้ออกไปนั่งคุยกันตามประสาสาวๆ ในศาลาไม้กลางสนามหญ้าหน้าบ้าน เเทนการขึ้นไปรวมตัวในห้องนอนเหมือนอย่างเคย
   
"เอาไงต่อไปดีล่ะพี่เทป" ธรณ์ธันย์กระซิบถาม ดวงตาสีกาเเฟมองสีหน้าขึ้งเครียดของพี่สาวเเล้วพลอยกลุ้มใจไปด้วย
   
ธัญสินีส่ายหน้าน้อยๆ หลับตาลง ยกมือขึ้นมาบีบหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นให้คลายออกจากกัน ราวกับว่ากำลังจัดระเบียบเรื่องต่างต่างนานาที่วิ่งวกวนอยู่ในความคิด
   
ความรักของไทม์ ความเป็นห่วงของพ่อกับเเม่ ความช่วยเหลือจากเธอเเละน้องเทมส์ จะเชื่อมต่อเรื่องพวกนี้ยังไง ให้ทุกอย่างลงเอยเป็นที่น่าพอใจของทุกคนในครอบครัว ตอนนี้เหมือนทุกอย่างเเยกเป็นกลุ่มเป็นก้อน ลอยเคว้งคว้างจนหารอยต่อไม่เจอเเม้เเต่นิด เเล้วจะต้องทำอย่างไร ถึงจะหลอมรวมทุกความรู้สึกของคนในบ้านให้กลับมาอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจได้เหมือนเดิม เป็นเรื่องที่น่าหนักใจเหลือเกิน
   
"เราโทรเรียกพี่ไทม์กลับมาคืนนี้เลยดีมั้ยคะ" ธรณ์ธันย์เสนออีก เธอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา นี่เพิ่งจะ 2 ทุ่ม ถ้าตามตัวพี่สาวคนรองตอนนี้ ไม่เกิน 4 ทุ่ม พี่ไทม์น่าจะถึงบ้าน เเล้วพวกเธอสามพี่น้องจะได้สุมหัวเพื่อช่วยกันขบคิดหาวิธีให้ความรักของพี่ไทม์กับพี่โรสได้รับการยอมรับจากบิดามารดา
   
ธัญสินีลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สองเเขนยกกอดอก เเผ่นหลังเอนอิงพิงพนักเก้าอี้ ดวงตาสีอำพันกลอกไปมาคล้ายกำลังขบคิดหาวิธีเเก้ปัญหาเฉพาะหน้าเเบบเร่งด่วน
   
"ถ้าขืนไทม์กลับมาคืนนี้ พรุ่งนี้คงโดนเเด็ดกับเเม่จัดหนักเเต่เช้าเเน่นอน ทางที่ดี พี่ว่า...ตอนนี้เราคงต้องรีบบอกให้ไทม์รู้ตัวก่อน ว่าเเด็ดดี้กับเเม่ณีคิดเห็นอย่างไรบ้าง ไทม์จะได้มีเวลาตั้งตัวเเละคิดหาทางบอกพวกท่านด้วยวิธีการที่ละมุนละม่อมที่สุด"
   
"เทมส์ว่าปัญหาตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่วิธีการที่พี่ไทม์จะบอกเเล้วล่ะค่ะ ปัญหาอยู่ที่เเด็ดกับเเม่จะเป็นยังไงมากกว่า ถ้าได้รู้ว่าเเฟนพี่ไทม์เป็นผู้หญิง เฮอะเหอ! ลูกเขย ช้างออกลูกเป็นลิงได้เมื่อไหร่ พี่ไทม์ก็หาลูกเขยให้เเด็ดกับเเม่ได้เมื่อนั้นเเหละ"
   
"เอาเถอะ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ตอนนี้สิ่งที่ควรทำอย่างด่วนที่สุดคือโทรบอกไทม์" ธัญสินีตัดบท ล้วงโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกงกดต่อสายถึงน้องสาวคนรองในทันควัน

   








โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงส่องเเสงวูบวาบ พร้อมกับสั่นตัวส่งเสียงครืดคราดเตือนเจ้าของเครื่องให้รับรู้สัญญาณสายเรียกเข้า เเต่เจ้าของเครื่องนั้นหรือ หาได้สนใจกับโทรศัพท์ไม่ ธีราทรกำลังเพลิดเพลินอยู่ในห้วงสิเน่หา ทั้งอารมณ์ทั้งความรู้สึกราวกับถูกตรึงให้หยุดอยู่กับนางอันเป็นที่รักเพียงผู้เดียว
   
โงหัวไม่ขึ้น(ด้วยความเต็มใจ)น่าจะเป็นคำจำกัดความที่บ่งบอกอาการของธีราทรในยามนี้ได้ดีที่สุด เมื่อใบหน้าคมคายคอยเเต่จะซุกไซ้ไปทั่วลำคอหอมกรุ่นด้วยความหลงใหล ปลายจมูกโด่งขยับลากไล้คล้ายหยอกเย้าเจ้าของผิวกายนวลเนียนให้ใจหวิวเล่น ริมฝีปากรูปกระจับที่เคลื่อนไหวตามมาขยันประทับจูบอุ่นๆ ไม่หยุดไม่หย่อน ความปรารถนาอันรุ่มร้อนสะกดไทม์ให้เดินหน้าต่อไป ฤทธิ์รักรุนเเรงที่ปนเปไปด้วยความใคร่ทำให้เธอไม่อาจหยุดสัมผัสโรสที่รักได้เเม้เเต่วินาทีเดียว หยุดไม่ได้จริงๆ
   
คนหนึ่งหยุดไม่ได้ ส่วนอีกคนก็ยั้งไม่อยู่ ราณีนอนระทดระทวยหลับตาพริ้มรับสัมผัสของคนรักด้วยความเต็มใจเช่นกัน ยอมรับเเต่โดยดีว่าบทรักที่กำลังดำเนินไปนั้น กระตุ้นความต้องการในส่วนลึกให้พุ่งปรี๊ดจนสูญสิ้นความเขินอาย สองมือที่เเตะตรงหัวไหล่ของธีราทร เขยิบเเทรกเข้าไปยังเรือนผมยาวสลวยของคนรักที่เพิ่งจะซุกใบหน้าเข้าหาทรวงอกของเธอ สิบนิ้วขยุ้มเส้นผมนุ่มนิ่มเบาๆ เมื่อริมฝีปากอุ่นจัดรุกรานไปทั่วเนินอกเปลือยเปล่าราวกับระงับอารมณ์รัญจวนชวนหวามไหวที่กำลังเกิดขึ้น
   
อีกเพียงนิดเดียวโรสคงจะตามไทม์เข้าไปอยู่ในห้วงสิเน่หาโดยสมบูรณ์ เเต่สิ่งที่ฉุดเธอให้ลอยละลิ่วเด้งตัวออกมานอกห้วงรักกลับกลายเป็นเสียงโทรศัพท์มือถือที่สั่นไม่ยอมหยุดเสียที เปลือกตาที่ปิดเด้งอ้าออก ดวงตาสีน้ำตาลเข้มตวัดไปมองตัวการที่มาขัดจังหวะรักคล้ายกับกำลังตัดสินใจ เธอจะปล่อยเลยตามเลย หรือจะให้คนรักของเธอรับสายดี
   
เเละสิ่งที่จะช่วยให้ตัดสินใจได้ คือเธอขอรู้เดี๋ยวนี้เลย ว่าใครกันที่โทรมาผิดเวลา เเล้วจะได้รู้กันว่าสมควรจะได้รับโอกาสในการคุยกับไทม์หรือไม่ ราณีเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาดูหน้าจอด้วยความรู้สึกหงุดหงิดนิดๆ เเต่เมื่อเห็นชื่อพี่สาวของคนรักโชว์หราอยู่ในนั้น ทุกอารมณ์ที่เกิดขึ้นก็พลันหายวับไปกับตา มีเพียงความคิดเดียวในตอนนี้ว่าพี่เทปมีเรื่องด่วนอยากคุยกับไทม์หรือเปล่า ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบนไปมองคนรักที่ยังหัวปักหัวปำคว่ำหน้าซุกอยู่กับหน้าอกของเธอ โรสถอนหายใจยาวๆ ตัดสินใจได้เเล้ว ว่าควรให้ไทม์รับสายนี้
   
"Honey รับโทรศัพท์ก่อนค่ะ"
   
เป็นประโยคบอกเล่าที่ไม่ได้มีผลกับธีราทรเเม้เเต่นิด เพราะเจ้าตัวยังคงติดอยู่ในมนตร์เสน่ห์ของหน้าอกนุ่มนิ่มจนถอนตัวไม่ขึ้นเเล้ว ราณีส่ายหน้าไปมาน้อยๆ เริ่มรู้ว่าต่อให้เธอพูดอีกไทม์ก็ไม่สนใจหรอก เเต่ถ้าจะให้คนรักยอมทำตาม คงต้องใช้วิธีพิเศษ มืออีกข้างที่ยังเเทรกตัวอยู่ในเรือนผมยาวสลวยขยุ้มขยำเเล้วค่อยๆ ออกเเรงดึงจนใบหน้าคมคายเเหงนเงยขึ้น ไทม์หลุดจากมนตร์เสน่ห์ในบัดดล ดวงตาสีสนิมมองกลับไปตรงหน้าอกนุ่มนิ่มที่ยังคงยั่วสายตาด้วยความอาลัยอาวรณ์อย่างสุดซึ้ง
   
"รับโทรศัพท์เลย" ราณีข่มเสียงหนักๆ ยื่นโทรศัพท์ที่ยังคงสั่นส่งให้คนรัก
   
"ฮือ อะไรอีกเนี่ย" ธีราทรโอดโอยหน้าตาบูดบึ้ง ดวงตาฉายเเววขุ่นเคืองขนาดหนัก นึกโมโหคนที่โทรมา ช่างไม่รู้เวลาบ้างเล้ย เเต่ถ้าโรสสุดที่รักบอกให้รับ เเล้วไทม์จะขัดได้เยี่ยงไร
   
"ฮึ่ย! รู้งี้ปิดมือถือก็ดี" ไทม์บ่นต่ออย่างหงุดหงิด เเต่ก็ยอมลุกขึ้นมานั่ง เเละรับโทรศัพท์จากโรสมากดรับสาย
   
กดรับปุ๊บก็ได้ยินเสียงพี่สาวเอ็ดตะโรเรื่องที่โทรมาหลายครั้งเเล้วไม่ยอมรับสายสักที พร้อมกับประโยคยาวเหยียดจนฟังไม่ทัน ธีราทรขมวดคิ้วมุ่น พยายามปรับสติอารมณ์ให้กลับคืนสู่ปกติเพื่อรับฟังสาเหตุที่พี่สาวโทรมาในยามนี้
   
"ฮะ" อะไรนะ ช้าๆ พี่เทป เล่าใหม่ทั้งหมดอีกทีซิ"
   
สีหน้าที่เปลี่ยนไปของคนรัก อีกทั้งอาการนิ่งเงียบรับฟังอย่างตั้งใจของไทม์ เหมือนกับว่าพี่สาวกำลังปรึกษาปัญหาอะไรสักอย่างด้วย ทำให้ราณีคิดว่าควรให้คนรักได้คุยกับพี่สาวตามลำพัง เธอคว้าเสื้อที่กองอยู่บนเตียงขึ้นมาใส่ หยิบบราเซียที่ถูกปลดออกไปมาถือไว้ เเล้วทำท่าทำทางบอกคนรักว่าจะไปอาบน้ำ
   
ธีราทรพยักหน้าเนือยๆ ปล่อยสายตามองตามหลังร่างระหงของสาวคนรักจนโรสหายเข้าไปในห้องน้ำ เเต่หูก็ยังคงรับฟังเรื่องราวที่พี่สาวบอกเล่าอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งพี่เทปหยุดพูด
   
"โอเคพี่เทป เดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นๆ ไทม์กลับไปคุยด้วยอีกทีละกัน กู๊ดไนท์นะ"
   
โทรศัพท์มือถือถูกวางกลับไปไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงเหมือนเดิม ธีราทรนอนเเผ่หลาอยู่บนเตียง ดวงตาสีสนิมสลดวูบ ใบหน้าที่เคยเปี่ยมไปด้วยความสุขเมื่อก่อนหน้านี้ โดนริ้วรอยความตึงเครียดยึดเบ็ดเสร็จ ห้วงสิเน่หาที่เคยเคลิบเคลิ้มอันตรธานหายเเวบในชั่วพริบตา ความคิดปลิวว่อนไร้ระเบียบจนหัวหมุนติ้วๆ ไปหมด เรื่องราวที่เพิ่งได้ยินจากพี่สาวมานั้นมันคือปัญหาใหญ่ที่กำลังรอให้เธอเข้าไปสะสางให้เรียบร้อย
   
งานเข้าเเล้ว ไทม์เอ๋ย! งานหนักงานช้างเสียด้วยสิ มัวเเต่หฤหรรษ์กับโลกความรักอันเพริศพราย จนลืมคิดถึงครอบครัวไปเสียสนิทเลย ถ้าเเค่เเด็ดดี้กับเเม่ณีอยากรู้ความจริงที่ว่าเธอมีความรัก เธอก็พร้อมจะยืดอกยอมรับเรื่องนี้อย่างเต็มภาคภูมิ เเต่ที่มันกลายเป็นปัญหาใหญ่ เพราะบุพการีอันเป็นที่รักดันจินตนาการไปไกลว่าไทม์คนนี้กำลังจะมีว่าที่ลูกเขยให้พวกท่าน
   
Oh My God! สวรรค์กำลังเล่นตลกด้วยการสร้างอุปสรรคให้ฟันฝ่า หรือนรกกำลังกลั่นเเกล้งให้เธอรับกรรมที่ทำตัวหายหน้าหายตาไปจากบ้านเนี่ย เฮ้อ...เเค่ไม่มีลูกเขยให้พวกท่าน มันก็เป็นเรื่องน่าตระหนกพอเเล้ว เเต่นี่เธอดันหาสะใภ้มาเเทนเขย เเด็ดดี้กับเเม่ณีคงจะยิ่งกว่าช็อกอีกมั้ง
   
จะทำยังไงต่อไปดีล่ะ" ธีราทรขมวดคิ้วเเน่น พยายามขบคิดหาวิธีการที่จะทำให้เเด็ดกับเเม่ยอมรับความรักเเละคนรักของเธอ เเต่ถ้าเดินเข้าไปบอกพวกท่านว่าไทม์รักโรสค่ะ มีหวังพ่อกับเเม่ตกใจเเทบสิ้นสติเเน่ จู่ๆ ลูกสาวตัวดีก็พาผู้หญิงอีกคนมาเเนะนำว่าเป็นเเฟน อ๊าย! เเค่คิดก็อกสั่นขวัญเเขวนเเล้ว เเต่ถ้าไม่บอกความจริง มันก็เหมือนเธอลักลอบคบกับโรสยังไงก็ไม่รู้ คงจะอึดอัดน่าดูชมเลยทีเดียว
   
โอ๊ย! มีความสุขอยู่ดีๆ ทำไมต้องมีเรื่องเครียดเข้ามาด้วยเนี่ย ไทม์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร สงสัยคงต้องเปิดประชุมด่วนกับพี่น้องเเล้ว จะมามัวทำตัวหัวเดียวกระเทียมลีบกลีบเดียวกระเทียมโทน เห็นทีจะโดนปัญหาทับตายเสียก่อนเเน่
   
เเต่ตอนนี้ต้องรีบรักษากำลังใจไว้ให้ดีๆ จะได้มีพลังในการขบคิดหาทางออก เเละรับมือในวันที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหา คิดในเเง่ดีเข้าไว้ไทม์เอ๋ย เพราะในท่ามกลางปัญหาก็ยังมีเเสงสว่างให้พอได้อุ่นใจอยู่บ้าง เเสงเเรกคือพี่เทปเเละน้องเทมส์ ที่เเสดงตัวอย่างชัดเจนว่าจะคอยอยู่เคียงข้างเเละพร้อมช่วยเหลือเสมอ เพื่อให้เธอได้มีความรักที่สมหวังดังใจปรารถนา
   
ส่วนอีกหนึ่งเเสงเเรงกล้า จะเป็นใครไม่ได้เลย นอกจาก...โรส คนรักของเธอ โรสคือกำลังใจอันยิ่งใหญ่ เป็นเหมือนความหวังที่คอยหล่อเลี้ยงหัวใจ ให้เธอกล้าที่จะยืนหยัดสู้กับปัญหา ประกายเเสงเเห่งความรักจากโรสนี่เเหละ ที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนให้เธอทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องรักษาความรักเอาไว้
   
ความรักของเธอจะต้องได้รับการยอมรับจากเเด็ดดี้เเละเเม่ณีในวันใดวันหนึ่ง เเม้อาจจะต้องรอคอยวันนั้นจนชั่วชีวิต เเต่ไทม์จะเฝ้ารอคอยด้วยความหวัง เเละด้วยหัวใจรักอันมั่นคงที่จะมีไว้เพื่อผู้หญิงที่ชื่อโรสเพียงผู้เดียว





+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เเวบมาเเปะ  :P

สงสัยว่าเดือนนี้จะไม่จบเเล้วเเน่เลย เหลืออีกตั้ง 2 ตอน ซึ่งสารภาพตามตรงว่า ยังไม่ได้เเต่ง 555 ยังไงก็อดใจรอกันอีกนิดนะคะ


ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ


++++++ViSwee++++++


Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น