web stats

ข่าว

 


3 Daughter-in-law Part I สะใภ้รองของเเรวงส์ ตอนที่ 15 ครึ่งแรก

โพสต์โดย: viswee วันที่: 25 พฤษภาคม 2014 เวลา 15:38:13 อ่าน: 555

Part I : สะใภ้รองของเเรวงส์ ตอนที่ 15 (ครึ่งเเรก)



ภายในห้องอาหารของบ้านเคนเน็ต สมาชิกในครอบครัวทุกคนทยอยเดินเข้าไปนั่งประจำที่ของตัวเอง จะขาดก็เเต่ลูกสาวคนรองขาประจำจอมหายตัว ที่ไม่ได้โผล่มาร่วมทานมื้อเย็นตั้งเเต่เมื่อวานนี้ เเละจนบัดนี้ก็ยังไม่ปรากฏตัว
   
"เจ้าไทม์ยังไม่กลับเหรอ" ประมุขของบ้านเอ่ยขึ้น สายตาของธานย์มองไปยังเก้าอี้ว่างตัวถัดจากเก้าอี้ของลูกสาวคนโต
   
สองพี่น้องเคนเน็ตที่นั่งอยู่คนละฝั่งของโต๊ะ เหลือบมองตากัน ธัญสินีทำหน้าพยักพเยิดให้น้องสาวเป็นคนให้คำตอบกับบิดาบ้าง เพราะเมื่อวานที่ธีราทรไปดินเนอร์ครบรอบ 2 เดือนกับคนรักนั้น ผู้พี่ได้รับหน้าที่เป็นคนเเก้ตัวให้ไทม์ไปรอบหนึ่งเเล้ว ขืนมื้อเย็นวันนี้ออกหน้าช่วยอีก เทปคงได้โดนบิดามารดาเพ่งเล็งอีกคนเเน่ เพราะฉะนั้นน้องเทมส์รับไปเลย
   
ธรณ์ธันย์พยักหน้าอย่างจำยอม เเต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปาก ลูกสาวคนรองที่ประมุขของบ้านถามหา ก็วิ่งพรวดพราดเข้ามานั่งหอบเเฮ่กๆ อยู่ที่เก้าอี้ประจำตำเเหน่งของตัวเอง เทมส์กระตุกยิ้มยักคิ้วส่งสัญญาณบอกพี่สาวคนโตให้รู้ว่า ไม่ต้องเเล้วล่ะ
   
ธีราทรยังไม่ปริปากคุยกับใครทั้งสิ้น เเต่ดวงตาสีสนิมกวาดมองไปบนโต๊ะอาหาร เเม่บ้านกำลังตักข้าวใส่จานให้เเด็ดกับเเม่ เเปลว่าพวกท่านเพิ่งจะเข้ามาในห้องอาหารเมื่อไม่กี่นาทีนี้
   
เฮ้อ...มาทันเวลาอย่างฉิวเฉียดพอดี เกือบไปเเล้วมั้ยล่ะ ถ้าหากวันนี้เธอมาไม่ทันมื้อเย็น เป็นต้องโดนเรียกเข้าห้องเย็นอีกหนหนึ่งเเน่ๆ เมื่อวานก็หายตัวไปเเล้วหนหนึ่ง ดังนั้นทำตัวร่าเริงด่วนๆ จะได้กลบเกลื่อนเรื่องราวของเมื่อวาน
   
ฮึ่ย! เเต่เหนื่อยชะมัดเลย เมื่อกี้ดันตบเกียร์ห้าวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตทันทีที่จอดรถเสร็จเพื่อเข้ามาให้ทันเวลา ตอนนี้สิหอบจนตัวโยน เเล้วจะทำตัวร่าเริงไหวมั้ยเนี่ยฉัน ไทม์พยายามปรับระดับการหายใจ ยกมือไปคว้าเเก้วน้ำเปล่ามาดื่มอย่างรวดเร็ว เผื่อจะช่วยให้หายเหนื่อยได้บ้าง
   
"ค่อยๆ ลูก เดี๋ยวก็สำลักหรอก นี่เเม่นึกว่าวันนี้ไทม์จะไม่กลับมาทานข้าวเย็นที่บ้านซะเเล้ว" ธาริณีเเซวลูกสาวเสียงขำๆ
   
เเต่ธีราทรเหนื่อยเกินกว่าจะพูดคุยกับมารดาได้ ได้เเต่ส่งสายตาบอกเเม่ว่า ขอไทม์พักเเป๊บนะคะเเม่
   
สภาพกระหืดกระหอบเพราะรีบร้อนเกินเหตุของธีราทร ทำให้ความเดิมตอนที่เเล้ววนกลับเข้ามาในความคิดของสองสามีภรรยาเคนเน็ตอีกครั้ง สายตาของทั้งคู่จับจ้องมองลูกสาวคนรองราวกับกำลังสังเกตหาสิ่งผิดปกติ
   
นี่ไม่ใช่การจับผิด เเต่เพราะทั้งคู่ยังไม่ปักใจเชื่อว่าสาเหตุที่ลูกคนนี้วุ่นๆ ยุ่งๆ จนพฤติกรรมเปลี่ยนไปนั้น เป็นเพราะเรื่องงาน เเม้พักหลังๆ มานี้ ธีราทรจะอยู่ติดบ้านมากขึ้น กลับมาเป็นไทม์ลูกรักคนเดิม หากเเต่คนเป็นพ่อเป็นเเม่มีหรือ จะดูไม่รู้ว่าลูกสาวที่เลี้ยงดูอุ้มชูกันมาเเต่อ้อนเเต่ออกมีบางอย่างเปลี่ยนไป
   
ไทม์อยู่บ้านก็จริง เเต่เหมือนอยู่เเค่ตัวเท่านั้น ไม่รู้ว่าไปเผลอทิ้งความสดใสเเสบเซี้ยวเอาไว้ที่ไหน หลายครั้งหลายหนที่ไทม์เอาเเต่เหม่อลอย บางทีก็มีอาการกระสับกระส่ายคล้ายคนไม่มีความสุข บางวันเก็บตัวอยู่เเต่ในห้องนอน ถ้าไม่ถึงมื้ออาหารก็ไม่ยอมออกมา หรือบางเวลาที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัว รอยยิ้มเเละเสียงหัวเราะของไทม์ก็เป็นไปอย่างฝืดฝืนเต็มทน ลูกสาวคนนี้ชักทำตัวเป็นหุ่นยนต์ไปทุกวันๆ เหมือนมีชีวิตเเต่หามีจิตใจไม่
   
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับไทม์กันเเน่" นั่นคือสิ่งที่ธานย์เเละธาริณีอยากจับลูกสาวคนรองมาเปิดอกคุยด้วยมากที่สุด ทว่าก็ยังไม่มีจังหวะได้คุยด้วยสักที เพราะไทม์เป็นต้องบ่ายเบี่ยงเเละมีข้ออ้างในการหลีกเลี่ยงอยู่เสมอ สองสามีภรรยาจึงได้เเต่คอยสังเกตด้วยความเป็นห่วงอยู่เช่นเดิม
   
"เรา...เริ่มทานกันเลยดีมั้ยคะ" ธรณ์ธันย์พูดเเทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นเเด็ดกับเเม่เอาเเต่จ้องหน้าพี่สาวคนรอง เจ้าตัวก็มัวเเต่หอบเเฮ่กๆ ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย ว่าโดนจับสังเกตอีกเเล้ว
   
เเละคำพูดของลูกสาวคนเล็กก็ทำให้สองสามีภรรยาเคนเน็ตหันไปสนใจกับอาหารเย็นเเทน เพราะจะสนใจลูกสาวคนรองตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เอาไว้รอโอกาสดีๆ ค่อยเเย้มถามไทม์อีกที
   
ไม่ใช่ธีราทรไม่รู้ตัว ไทม์รู้ ว่ากำลังโดนสายตาสเเกนเนอร์ของเเด็ดกับเเม่จ้องจนร่างเเทบจะพรุนอยู่เเล้ว หากเเต่เธอเลือกทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน ทำไม่รู้ไม่ชี้ไป เดี๋ยวเเด็ดกับเเม่ก็เลิกมองเองเเหละ เเต่ก็ต้องขอบคุณน้องสาวที่มาช่วยเบรกไว้ก่อน เพราะหากน้องเทมส์ไม่ช่วย เเม่ณีคงไม่หยุดที่คำถามเมื่อสักครู่นี้เเน่ ซึ่งคำถามต่อไปที่จะเจอก็คงหนีไม่พ้นเรื่องที่ไม่กลับบ้านเมื่อคืน ชัวร์!
   
สองพี่น้องค่อยหายใจได้ทั่วท้องมากขึ้น เมื่อบิดามารดาเลิกมองธีราทรเเล้ว เเต่ยังไว้วางใจไม่ได้อยู่ดี เพราะถ้าเกิดเเด็ดกับเเม่วกกลับมายุ่งกับไทม์อีก อาหารมื้อนี้มีกร่อยชัวร์ๆ สองสาวจึงรีบให้การช่วยเหลือไทม์อย่างต่อเนื่อง พอเเด็ดกับเเม่เริ่มตักข้าวเข้าปาก ธัญสินีก็รับไม้ต่อจากน้องสาวคนเล็ก โยนหัวข้อสนทนาไปเรื่องโรงเรียนโยคะเเละกิจการฟิตเนสเเทน พอเรื่องของเทปจบ เทมส์ก็ชิงเล่าเรื่องงานของตัวเองให้ฟังบ้าง จะได้ปิดโอกาสไม่ให้พวกท่านซักถามไทม์ได้
   
ฝ่ายลูกสาวคนรองที่ยังมีชนักอันเบ้อเร่อติดเเน่นอยู่ตรงหลังก็พยายามทำตัวให้มีส่วนร่วมมากที่สุด ด้วยการส่งเสียงเเซวบ้าง หัวเราะบ้าง ไหลลื่นไปตามเรื่องราวที่พี่น้องเล่าสู่กันฟัง ไม่ได้นั่งเงียบตกเป็นเป้าให้บิดามารดาคอยเพ่งเล็งเพียงอย่างเดียว
   
จนกระทั่งอาหารในจานพร่องไปพอสมควรเเละทุกคนจวนจะอิ่มกันเเล้ว เสียงติ๊งๆ ก็ดังเเทรกขึ้นมาให้ทุกคนในโต๊ะอาหารชะงักกึกหยุดพูดคุยกันไปโดยปริยาย คล้ายกับรอดูว่าโทรศัพท์มือถือของใครที่ดังขึ้นในตอนนี้
   
เเต่เเล้วทุกสายตาก็พุ่งเป้าไปยังลูกสาวคนรอง เพราะอาการสะดุ้งเฮือกจนร่างกายเด้งดึ๋งนั้นฟ้องชัดว่าเสียงโทรศัพท์เป็นของไทม์อย่างเเน่นอน
   
ใครโทรมาเนี่ย" ถ้าไม่สำคัญนะ เจอไทม์วีนเเน่ ธีราทรนึกฮึดฮัดอยู่ในใจ ทว่าใบหน้าคมคายกลับฝืนยิ้มเจื่อนๆ ดวงตาสีสนิมหลุบหายไปมองหน้าตักตัวเอง คล้ายกับหลบสายตาหนีทุกคนในโต๊ะอาหาร ไทม์ค่อยๆ กระมิดกระเมี้ยนเอื้อมมือไปยังกระเป๋ากางเกงด้านหลัง เเล้วล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาดูหน้าจอด้วยท่าทางที่เรียบร้อยอย่างที่สุด

"กินข้าวคนเดียวเหงาจัง คิดถึงไทม์อะ พรุ่งนี้มารับโรสเร็วๆ น้า อยากกินอาหารญี่ปุ่น"

ไม่มีใครโทรมา มีเเต่ข้อความจาก...โรสที่รัก ธีราทรยิ้มเเฉ่งโดยไม่รู้ตัว ข้อความจากคนรักยังกะว่านางมานั่งอ้อนอยู่ข้างๆ ยังไงยังงั้น โถๆ น่าสงสาร ต้องกินข้าวเย็นคนเดียว
   
เฮ้อ...อ่านเเล้วก็นึกอยากจะหายตัวไปนั่งกินข้าวอยู่กับโรสจัง นางจะได้หายเหงา เเต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งคิดถึงเเฮะ ส่งเเมสเสจกลับไปหาโรสดีกว่า เผื่อจะช่วยให้นางหายเหงาได้นิดนึง

   






อาการไม่สนใจโลกของธีราทร เพราะมัวเเต่ใส่ใจอยู่กับการส่งข้อความกลับไปหาคนรัก กลับกลายเป็นความสนใจของธานย์เเละธาริณี พวกท่านมองลูกสาวคนรองอย่างสังเกตสังกา เพราะนับตั้งเเต่ไทม์เปลี่ยนไป ก็ไม่ค่อยจะได้เห็นลูกสาวยิ้มหน้าชื่นตาบานท่าทางเริงร่าเเบบนี้สักเท่าไหร่ เเต่การได้เห็นลูกรักยิ้มด้วยความรู้สึกจากหัวใจ พลอยทำให้พ่อกับเเม่สบายใจไปด้วย
   
สองพี่น้องเคนเน็ตสบตากันอย่างมีเลศนัย เพราะเดาได้ว่ายิ้มหวานขนาดนี้ ถ้าไทม์ไม่กำลังเเชทกับโรสก็คงส่งเเมสเสจหากันอยู่ โอ๊ย! จะมาสวีตอะไรกันตอนนี้เนี่ย มันใช่เวลามั้ย ดูซิ เเด็ดกับเเม่จ้องเขม็งเชียว ธรณ์ธันย์พยักพเยิดส่งสัญญาณให้พี่สาวคนโตทำอะไรสักอย่างเพื่อดึงพี่สาวคนรองให้หลุดออกมาจากโลกความรัก ธัญสินีเลยเเอบเอื้อมมือไปหยิกต้นขาไทม์เเรงๆ
   
ธีราทรสะดุ้งโหยงเหลียวไปมองพี่สาวหน้าตาเหลอหลา คล้ายกับจะถามว่าพี่เทปมาหยิกเธอทำไม เเต่พี่สาวกลับถลึงตาใส่จนหน้าเหวอไปอีกรอบ
   
"ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวเจ้าไทม์ ในโทรศัพท์มีอะไรดีๆ รึ" ธานย์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
   
เเละนั่นก็ทำให้ธีราทรรู้สาเหตุที่พี่สาวหยิกเธอเเล้ว โอ๊ย! มัวเเต่อยากช่วยให้โรสหายเหงา จนลืมตัวไปเลยว่ากำลังพยายามทำตัวให้เเด็ดกับเเม่หายสงสัยเธออยู่ อ๊าย! เมื่อกี้คงหลุดเผยอาการออกไปไม่น้อยเเน่ๆ เเด็ดถึงยิงคำถามใส่เนี่ย ยังไงดีล่ะทีนี้ ไทม์ปั้นยิ้มส่งให้เเด็ดดี้ หัวสมองก็นึกหาคำตอบที่จะมาช่วยทำให้เธอรอดพ้นจากคำถามชวนเสียวสันหลังของบิดา
   
"เออ... ไทม์ยิ้มเพราะ... หุ้นขึ้นน่ะค่ะเเด็ด"
   
คำตอบของธีราทรทำให้สองสามีภรรยาเคนเน็ตถึงกับทำหน้าเหวอ เพราะไม่เคยรู้ว่าลูกสาวคนนี้จะสนใจเรื่องหุ้นด้วย
   
ถ้าจะตอบเเบบนี้ ยิ้มเเล้วเฉยเสียยังจะดีซะกว่านะ เทปกับเทมส์ถอนหายใจดังเฮ้อ เเทบจะยกมือตบหน้าผากด้วยความกลุ้มใจเเทน ยิ่งเห็นหน้าตาอึ้งๆ ของเเด็ดกับเเม่เเล้ว รับรองไทม์ต้องตอบคำถามจนกว่าพวกท่านจะหายสงสัยเเน่
   
"หุ้นขึ้น" ในเวลาที่ตลาดหุ้นปิดทำการเเล้วเนี่ยนะเจ้าไทม์" ธานย์ถามต่อ
   
นั่นปะไร คุณเเด็ดดี้สุดที่รักเริ่มเเล้ว ธัญสินีเหลือบมองน้องคนรอง คราวนี้คนอึ้งกลายเป็นไทม์ไปเสียเเล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของธีราทรหายวับไปทันตาเห็น ดวงตาสีสนิมเปิดไซเรนวิบๆ ร้องขอความช่วยเหลือจากพี่สาวด่วนๆ เเต่เทปกลับเอาเเต่ส่ายหน้า เพราะไม่รู้จะช่วยยังไงดี เรื่องมันไปเร็วเกินจนเธอก็คิดไม่ออก
   
"สงสัยจะเป็น SMS Alert สรุปผลหุ้นของวันมั้งคะ ใช่มั้ยพี่ไทม์" ธรณ์ธันย์หาเหตุผลมาช่วยพี่สาวอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่ร่ำเรียนมาในสายการตลาดทำให้เทมส์เชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้มากกว่าพี่น้องคนอื่นๆ
   
อ๊าย! รักน้องเทมส์สุดๆ ช่างฉลาดปราดเปรื่องคิดหาเหตุผลมาช่วยพี่ทันเวลาอีกเเล้ว ธีราทรพยักหน้าเร็วๆ เเล้วส่งสายตาวิ้งๆ ไปมองน้องสาวอย่างขอบคุณ
   
ช่วยกันดีเหลือเกินลูกฉัน ธาริณีส่ายหน้าไปมา นึกรู้ทันว่าลูกสาวคนเล็กช่วยพี่สาวอยู่ เเต่เรื่องนี้ไม่สำคัญเท่ากับเรื่องที่ว่าลูกสาวคนรองของเธอไปยุ่งกับเรื่องตลาดทุนตลาดหุ้นตั้งเเต่เมื่อไหร่กัน อืม...เป็นอีกเรื่องราวหนึ่งของลูกสาวที่เปลี่ยนไปสินะ เพราะโดยปกติไทม์ไม่ใช่คนสนใจเรื่องพวกนี้ ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับศิลปะหรืองานดีไซน์ เธอจะไม่สงสัยเลย
   
"ไทม์เล่นหุ้นด้วยหรือลูก เเม่เพิ่งรู้นะเนี่ย"
   
อูย! มารดาที่เคารพโดดลงมาผสมโรงอีกคนเเล้ว ธีราทรลอบถอนหายใจ เเต่คำถามนี้เธอรับมือได้ เพราะมันเป็นเรื่องจริง
   
"ไทม์ก็... มีลงทุนเอาไว้บ้างค่ะเเม่ จะได้มีเงินทุนเพิ่มเติมมาใช้หมุนเวียนในบริษัท เพื่ออนาคตน่ะค่ะ"
   
"อ้อ! เจ้าไทม์ ที่งานยุ่งกลับบ้านมืดค่ำ บางวันค้างออฟฟิศ เพราะมัวเเต่ปั่นหุ้นหรอกเหรอ"
   
โอ๊ย! ตายๆ คุณเเด็ดที่รักมาเเต่ละประโยค ลูกไทม์อยากจะเป็นลม ธีราทรหน้าเหี่ยว ไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาเเย้ง หรือมาค้านเเด็ดดี้ดี ได้เเต่เมินหน้าหนี เเล้วทำเป็นเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงเเทน
   
"เเด็ดคะ สี่ห้าโมงตลาดหุ้นก็ปิดเเล้วค่ะ" ธัญสินีเหลียวไปบอกบิดาน้ำเสียงเคืองๆ เพราะรู้ว่าเเด็ดกำลังประชดไทม์อยู่ เทปเอื้อมมือไปตบหน้าขาน้องสาวคนรองราวกับจะบอกว่าใจเย็นๆ นะน้อง
   
ธีราทรเหลียวมาส่งยิ้มน้อยๆ ให้พี่สาว พยายามสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อตั้งสติเเละรวบรวมกำลังใจให้ตัวเอง เพราะจู่ๆ เธอก็เริ่มสังหรณ์ใจอย่างประหลาด คล้ายมีลางบอกเหตุว่าเวลาของการสารภาพความจริงให้เเด็ดกับเเม่รู้ ใกล้จะเดินทางมาถึงเเล้ว
   
"เเด็ดก็เเซวเจ้าไทม์เล่นไปงั้นเเหละ เห็นเมื่อเดือนก่อนงานยุ่งขนาดหนักนี่ เเล้วเดือนที่ผ่านมานี้ก็ดูเครียดๆ ไม่ค่อยร่าเริง เเด็ดถามตรงๆ เถอะเจ้าไทม์ ตกลงว่ายุ่งงานจนเครียด ปั่นหุ้นจนเหนื่อย หรือวุ่นวายเพราะเรื่องอื่นกันเเน่"
   
โอ้! เวลาสารภาพความจริงมาถึงเเล้วจริงๆ ด้วย คำถามของเเด็ดดี้ที่จี้จุดเข้าเป้าตรงเป๊ะ ทำให้ธีราทรชักเริ่มหน้าถอดสี หัวใจเต้นระรัวเร็วเเรง มือไม้เย็นเฉียบหากเเต่ชื้นเหงื่อเพราะความระทึกตื่นเต้น ให้ตายเถอะ! เเค่สังหรณ์ใจไปเมื่อไม่กี่วินาทีนี้เอง ทำไมมาเร็วจัง ยังเตรียมตัวไม่พร้อมเลย เพราะฉะนั้นคำตอบของไทม์จึงเป็นเพียงเเค่ความเงียบ
   
อาการหน้าซีดไม่ได้เกิดกับธีราทรเพียงคนเดียว ทว่าสองศรีพี่น้องสุดที่รักของไทม์ใบหน้าก็เริ่มไร้สีเลือดไปทุกขณะๆ เเล้ว โอ๊ย! คำถามของเเด็ดไม่อ้อมเลยเเม้เเต่นิด ตรงเผงเข้ากระเเทกประตูความลับของไทม์พอดิบพอดี เทปกับเทมส์มองหน้ากันพยายามหาทางช่วยไทม์อีกครั้ง
   
"เเด็ดคะ เทปว่ามันเป็นเรื่องปกติของเจ้าของกิจการนะคะ ที่ต้องหาเงินทุนมาหมุนเวียนในธุรกิจของตัวเอง ไทม์เป็นผู้บริหารก็ต้องวิ่งวุ่นจนทั้งเหนื่อยทั้งเครียดอยู่เเล้วล่ะค่ะ ไม่มีอะไรหรอก" ธัญสินีช่วยน้องสาวบ้าง
   
ช่วยกันเข้าไป ธาริณีส่ายหน้าไปมาอีกรอบ ด้วยสัญชาตญาณทำให้เธอพอเดาได้ว่าทั้งลูกสาวคนโตเเละคนเล็กต่างก็มีส่วนรู้เห็นในความเปลี่ยนเเปลงของลูกสาวคนรอง เพราะเทปเเละน้องเทมส์คอยช่วยหาเหตุผลมาตอบเเทนไทม์ทุกครั้งคราวไป สองคนนี้กำลังช่วยไทม์ปิดบังเรื่องบางเรื่องอยู่เเน่ๆ
   
เเละถ้าจะให้เดาต่อคงหนีไม่พ้นเรื่องที่เธอพูดคุยกับสามีอยู่เนืองๆ นั่นก็คือเรื่องที่ลูกสาวคนรองมีความรัก คงเป็นเรื่องนี้อย่างเเน่นอน เพราะถ้าถึงขนาดเทปเเละเทมส์ให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องใหญ่เเละสำคัญกับไทม์มากเลยทีเดียว ธาริณีคิดวิเคราะห์ ดวงตาจับจ้องมองลูกสาวคนรองที่สีหน้าเหมือนคนความสุขเหลือน้อยไปทุกทีๆ เเต่ไหนๆ หัวข้อของการสนทนาก็อยู่ที่เรื่องของไทม์เเล้วนี่ คงจะต้องลองถามดูสักหน่อย เเละเรื่องที่เธออยากรู้เป็นเรื่องเเรกก็คือไทม์ไปไหนเมื่อคืนนี้
   
"เออ ไทม์ เมื่อเช้าเเม่ไม่เห็นรถไทม์จอดอยู่ เมื่อคืนไทม์ไม่ได้กลับบ้านเหรอลูก"
   
โอ๊ย! พี่เทปเพิ่งช่วยจับงูเห่าออกจากคอให้ พระมารดาสุดเลิฟโยนงูเหลือมตัวอวบอ้วนมารัดคอลูกอีกตัวเเล้ว ธีราทรกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ นอกจากโดนคำถามจี้ใจเเล้ว ยังเจอสายตาจ้องจะเอาคำตอบจากเเด็ดกับเเม่อีกต่างหาก เเต่เธอจะบอกไปตามตรงว่าไปค้างกับโรส หรือจะตอบว่าอย่างไร ไทม์ยังคงนั่งนิ่งๆ ทว่าในความคิดกำลังใคร่ครวญอย่างหนัก
   
คำถามนี้ไม่รู้จะช่วยยังไงจริงๆ สองพี่น้องนั่งนิ่งเงียบ ได้เเต่มองไทม์อย่างให้กำลังใจสุดๆ
   
"เจ้าไทม์ทำไมไม่ตอบเเม่เค้าล่ะ"
   
เสียงดังๆ จากหัวโต๊ะ เรียกธีราทรให้หลุดออกมาจากความคิด ไทม์ค่อยๆ เหลียวใบหน้าหวาดๆ ไปมองสบตาเเด็ดดี้
   
"เออ ทักเเค่นี้ สะดุ้งเฮือกเลย ขวัญอ่อนจริงลูกคนนี้ หมู่นี้เป็นอะไรไปเนี่ย ลูกสาวของเเด็ดที่เคยไม่กลัวใครหายไปไหน ทำไมเดี๋ยวนี้ถามอะไรเอาได้อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่กล้าพูดไม่กล้าสบตา ตกลงเมื่อคืนไปไหนมา หืม?"
   
ธานย์ขมวดคิ้วมองท่าทางของลูกสาวด้วยความเเปลกใจระคนสงสัย ธาริณีเองก็มองไทม์อย่างรอคอยคำตอบ
   
ส่วนเป้าสายตาของสองสามีภรรยาเคนเน็ต กำลังรวบรวมความกล้าเพื่อจะเอ่ยปากบอกความจริง เเต่เเล้วธีราทรก็เกิดปอดเเหกเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้าย ฮือ! ก็ยังไม่พร้อมนี่
   
"เออ...ค้างที่คอนโด...เพื่อนค่ะ"
   
เป็นคำตอบที่ทำให้สองสามีภรรยาเหลียวไปสบตากันโดยอัตโนมัติ เพราะเรื่องที่พูดคุยกันอยู่ตลอดด้วยความเป็นห่วงลูกสาวนั้น มันเริ่มปรากฏเค้าลางความจริงในคำตอบของไทม์เเล้ว เเละน้ำเสียงเเผ่วๆ กับดวงตาที่หลบวูบไปของลูกสาวคนรองยิ่งตอกย้ำชัดเจนให้ทั้งคู่มั่นใจว่าไม่ใช่เเค่เพื่อนอย่างเเน่นอน ถ้าอย่างนั้นในฐานะพ่อกับเเม่ น่าจะถึงเวลาที่ต้องพูดกับลูกอย่างจริงจังเเล้วล่ะ เพราะถ้าถึงขนาดไปค้างคืนสองต่อสองด้วยกัน มันออกจะเกินเลยไปสักหน่อย
   
"เพื่อน" เพื่อนคนไหนลูก เเม่รู้จักหรือเปล่า" ธาริณีซักต่อ ยิ่งเห็นลูกสาวนั่งตัวเกร็งก้มหน้าก้มตาก็ยิ่งร้อนใจ
   
ไม่มีทางหนีรอดเเน่วันนี้ ไทม์เอ๊ย! ธัญสินีเเละธรณ์ธันย์ถอนหายใจยาวอย่างอึดอัด ยิ่งธีราทรโดนต้อนเข้ามุมก็ยิ่งสงสาร เเต่จะเเทรกตัวเข้าไปช่วยเหลือ ก็เห็นทีจะช่วยอะไรไม่ได้เเล้ว เพราะเเด็ดดี้กับเเม่ณีเเท็กทีมมาเต็มด้วยท่าทางจริงจังสุดๆ มีเพียงอย่างเดียวที่จะทำให้ไทม์รอดออกไปจากโต๊ะอาหารได้ คือต้องพูดความจริงทั้งหมด
   
"หรือว่า...ไม่ใช่เเค่เพื่อน?"
   
คำถามต่อมาของมารดาราวกับเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่โยนโครมลงมาตรงหน้าธีราทร เสมือนเป็นสัญญาณบอกว่าเธอไม่สามารถจะหลบเลี่ยงเรื่องนี้ได้อีกต่อไปเเล้ว ไทม์สูดลมหายใจลึกผ่อนลมหายใจยาว หลับตาลงเพื่อรวบรวมสมาธิ ใบหน้าของโรสผุดวาบขึ้นมาทันทีที่ดวงตาปิดสนิท พร้อมกับเหตุการณ์ในคอนโดเมื่อวานนี้ก็ทยอยไหลย้อนกลับเข้ามาในความคิด

"ไทม์คะ เราจะสู้ไปด้วยกัน โรสไม่มีทางปล่อยให้ไทม์สู้อยู่คนเดียวหรอก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น โรสไม่มีวันทิ้งไทม์เด็ดขาด เราจะอยู่ด้วยกัน จะมีความสุขไปด้วยกัน เเละจะรักกันต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้... รู้มั้ย ต่อให้เเด็ดกับเเม่ไทม์จะห้ามจะกีดกันหรือจะสั่งให้เลิก โรสก็จะไม่ยอมเลิกกับไทม์หรอกนะ"

อา... คำพูดเเสดงจุดยืน น้ำเสียง ตลอดจนสีหน้าท่าทางของคนรัก เเจ่มชัดอยู่ในความคิดของธีราทร
   
ใช่เเล้ว! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ก็ตาม ไทม์กับโรสก็จะยังคงรักกันต่อไป ไม่มีการเลิกรา ไม่มีการทอดทิ้ง เเต่จะอยู่เคียงข้างกันเเละกันไปให้นานเท่าที่จะนานได้ เอาล่ะ โรสที่รักโผล่มาช่วยเรียกเเรงฮึดเเล้ว เธอยังจะขี้ขลาดตาขาวไม่กล้ารับความจริงอีกหรือ ถ้ากับเรื่องเเค่นี้ยังไม่กล้า เเล้วจะมีหน้าไปยืนเคียงข้างโรสอย่างสง่างามได้อย่างไร
   
ธีราทรเเย้มรอยยิ้ม ลืมตาขึ้นมาช้าๆ ขยับนั่งเก้าอี้ด้วยท่าทางสง่าผึ่งผาย ใบหน้าเงยกลับมาอยู่ในระดับปกติ ดวงตาสีสนิมคมกล้าฉายเเววมาดมั่น เธอพร้อมเเล้ว   
   
"ค่ะเเม่ ไม่ใช่เเค่เพื่อน เมื่อคืนไทม์ค้างที่คอนโดของเเฟนไทม์ค่ะ"
   
เคร้ง! เสียงช้อนร่วงกระทบจานข้าว มือของธานย์สั่นนิดๆ ดวงตาของเขาที่จ้องมองลูกสาวคนรองเบิกค้าง เเม้จะเดาเรื่องได้เลาๆ เเต่พอได้ฟังจากปากของไทม์จริงๆ มันก็อดตกใจไม่ได้ ฝ่ายภรรยาหน้าตาตะลึงงันไม่ต่างกัน ธาริณีนั่งนิ่งจ้องมองลูกสาวให้เต็มสายตา
   
ต้องให้ได้อย่างนี้สิ ค่อยสมกับเป็นไทม์จอมเเสบหน่อย สองศรีพี่น้องเคนเน็ตยิ้มเเก้มเเทบปริ อยากจะยกนิ้วโป้งชูบอกไทม์ว่าเจ๋งเป้งสุดๆ เเต่พอเห็นสีหน้าบิดามารดาเเล้ว เทปกับเทมส์ก็รีบหุบยิ้มอย่างรวดเร็ว     
   
"ไทม์ขอโทษนะคะ ที่ทำตัวให้เเด็ดกับเเม่เป็นห่วง อภัยให้ไทม์ด้วยนะคะ ไทม์ก็ไม่ได้อยากจะปิดบังเรื่องนี้ เเต่ตอนนี้ไทม์... กล้าเเล้วล่ะค่ะ ไทม์มีความรักเเละไทม์ก็มีคนรักเเล้ว ไทม์เลย... อยู่กับเค้า จนบางครั้งทำให้กลับบ้านไม่ตรงเวลา หรือไม่ค่อยได้กลับบ้าน ไทม์ขอโทษจริงๆ ค่ะ"
   
กลับมาเป็นธีราทรคนเดิม การพูดการจาฉะฉานเเคล่วคล่อง ดวงตากล้าสู้ไม่หลบหนี ท่าทางองอาจห้าวหาญ เเล้วไทม์ก็ค้นพบว่า มันโล่งจริงๆ เมื่อได้เปิดเผยสิ่งที่เก็บอยู่ในใจออกไปบ้าง
   
"ไม่เป็นไรลูก เเม่เข้าใจ มันก็...ไม่ใช่เรื่องร้ายเเรงอะไรเลย ที่เเม่ถาม เเม่ก็เเค่เป็นห่วงไทม์เท่านั้นเองลูก เเต่ถ้าไทม์รักใคร เเม่ก็พร้อมจะรักด้วยอยู่เเล้ว" ธาริณีบอกลูกสาวเสียงอ่อนโยน เมื่อกี้เธอได้มองลูกสาวเต็มๆ ตา ไทม์โตเเล้วจริงๆ เพราะฉะนั้นไทม์มีสิทธิ์อย่างเต็มที่ที่จะมีความรัก เเต่เธอก็ไม่กล้าจะพูดต่อถึงเรื่องราวที่ยังหวั่นๆ
   
เฮ้อ...เรื่องของความสัมพันธ์ทางกาย เป็นเรื่องที่เเม่กับลูกควรจะเก็บไว้คุยกันตามลำพังสองคน
   
สองพี่น้องที่ได้เเต่เป็นผู้ฟังสบสายตาส่งความนัยให้เเก่กัน หึๆ ไม่ร้ายเเรง เเต่อาจมีผลรุนเเรงทำให้เเม่ช็อกได้นะจ๊ะ ทว่าเทปกับเทมส์ก็ยังเป็นผู้ฟังที่ดีต่อไป เพราะมันยังไม่ใช่จังหวะที่ควรจะเเสดงตัว
   
ธานย์เหลือบมองภรรยา เเม้สีหน้าของธาริณีจะมีรอยยิ้มเเต่งเเต้ม หากเเต่ในดวงตาสีน้ำตาลเข้มเกือบดำกลับฉายฉานไปด้วยความห่วงใยระคนหวั่นใจ เขารู้ดีว่าภรรยาของเขากำลังหวาดหวั่นด้วยเรื่องอะไร เเต่เธอคงกระอักกระอ่วนใจเกินกว่าจะพูดออกมาได้ ดังนั้นจึงควรเป็นหน้าที่ของพ่อ ที่จะต้องเอ่ยปากตักเตือนหรือชี้เเนะบางเรื่องราวให้กับลูก
   
"เเด็ดกับเเม่ไม่ว่าอะไรหรอกนะเจ้าไทม์ จะมีเเฟนก็มีไป เเต่พามาเเนะนำให้เเด็ดกับเเม่รู้จักสักหน่อยดีมั้ย จะได้รู้ว่าหนุ่มคนนั้นจริงใจกับลูกสาวเเด็ดมากเเค่ไหน ยิ่งไปค้างอ้างเเรมด้วยกันมาเเล้วด้วย ควรจะรีบเข้ามาเจอเเด็ดกับเเม่ได้เเล้ว ถึงเเม้บ้านเราจะสังคมฝรั่ง เเต่ทำอะไรก็ควรต้องเข้าตามตรอกออกตามประตู จะไปหลบๆ ซ่อนๆ กันสองคน เเด็ดว่า...ไม่เเมนเอาซะเลยนะ"
   
หึๆ ไม่เเมนก็ถูกต้องเเล้วล่ะค่ะคุณเเด็ด เพราะเเฟนไทม์น่ะวูเเมนชัดๆ เทปกับเทมส์ยกมือปิดปากกลั้นหัวเราะอย่างสุดชีวิต เเต่สองพี่น้องก็ยังส่งสายตาคุยกันประมาณว่าลุ้นต่อดีกว่า วันนี้ความจริงจะถูกเปิดเผยทั้งหมดหรือเพียงเเค่บางส่วนเท่านั้น
   
อยากจะขำกับประโยคร่ายยาวของเเด็ดดี้จริงๆ เเต่ธีราทรก็เก็บอาการเอาไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย ณ ตอนนี้เเด็ดกับเเม่เอาเเต่นั่งทำหน้าเคร่ง ขำยังไงเธอก็ไม่กล้าส่งเสียงออกมาหรอก
   
เเต่ความเข้าใจของเเด็ดก็ช่างน่าตลก หึ! คนรักของเธอไม่ใช่ชายหนุ่มสักหน่อย เเต่ก็มีความจริงใจเต็มเปี่ยมเลยเชียวล่ะ อีกทั้งนิสัยของโรสที่รักนั้น ทั้งเด็ดเดี่ยวกล้าเเกร่งเเมนยิ่งกว่าผู้ชายเเท้ๆ เสียอีกกระมัง เเล้วที่ขำที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเรื่องค้างอ้างเเรม ซึ่งคาดว่าบิดามารดาคงจะจินตนาการไปไกลเเสนไกลสุดกู่
   
เฮ้อ...อยากจะประกาศดังๆ ว่าไม่ต้องห่วงไทม์หรอกค่า ต่อให้มีเลิฟซีนกับโรสอีกกี่ครั้ง ไทม์ก็ไม่มีทางพลาดพลั้งท้องก่อนเเต่งให้ขายขี้หน้าเเด็ดกับเเม่หรอก เเต่ถ้าพวกท่านรู้ความจริงว่าคนรักของเธอเป็นผู้หญิง จะยิ่งช็อกหรือเปล่าเนี่ย เพราะเเค่ได้รู้ว่าเธอมีเเฟนยังทำหน้าตกตะลึงอึ้งสุดๆ มันสมควรหรือยัง ที่เธอจะบอกพวกท่านในตอนนี้เลย ไทม์เกร็งคิ้วไตร่ตรองอย่างรอบคอบเเละลอบสังเกตอาการของบิดามารดาประกอบการตัดสินใจอีกครั้ง
   
"เอาไว้... ไทม์จะพาเค้ามาพบเเม่กับเเด็ดวันมะรืนนะคะ วันเสาร์ ที่บ้านเราน่าจะอยู่ครบกันทุกคน"
   
เอาเป็นว่าอุบเรื่องโรสไว้ก่อน ขอเวลาเตรียมใจอีกสักวันสองวัน วันนี้เฉลยความลับเเค่ครึ่งเดียวละกัน ธีราทรถอนหายใจยาว รู้สึกความหนักหน่วงในใจหายไปกว่าครึ่งเลยทีเดียว เเต่ถ้าเธอยังนั่งอยู่ตรงนี้ คงจะโดนต้อนต่อจนต้องเฉลยความลับอีกครึ่งที่ยังเก็บเอาไว้เเน่ เพราะฉะนั้น...
   
"ไทม์ขอตัวนะคะ"
   
เป็นประโยคสุดท้ายที่ธีราทรทิ้งไว้ที่โต๊ะอาหาร ร่างสูงเพรียวลุกเดินออกไปจากโต๊ะ ในขณะที่สายตาทุกคู่จากคนในโต๊ะมองตามร่างนั้นจนลับหายไปจากสายตา
   
สองสามีภรรยาเคนเน็ตพากันทอดถอนใจ เเม้จะเป็นเรื่องดีที่ลูกสาวคนรองจะพาคนรักมาเจอเสียที เเต่ในความเป็นพ่อกับเเม่ นอกจากความรู้สึกเป็นห่วงที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างมากโขเเล้ว อีกความรู้สึกหนึ่งนั่นคือใจหาย เพราะคงถึงเวลาที่ลูกรักจะต้องสร้างครอบครัวของตัวเองเเล้วสินะ เเต่ก่อนที่จะเจอคนรักตัวเป็นๆ ของไทม์ ธานย์เเละธาริณีก็อยากจะทำความรู้จักกับเเฟนของลูกผ่านลูกๆ คนที่เหลือที่ยังคงนั่งอยู่ในโต๊ะอาหาร เพราะทั้งคู่เเน่ใจเเล้วว่า เทปกับเทมส์รู้เรื่องราวของไทม์เป็นอย่างดี
   
"เทป" ธานย์ตวัดสายตาไปมองลูกสาวคนโต
   
ธัญสินีเเย้มยิ้ม ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ไปดีกว่า ขืนยังนั่งอยู่ เธอจะกลายเป็นคนที่โดนเเด็ดกับเเม่ซักไซ้ต่อจากไทม์เเน่นอน ถึงเเม้เธอจะรู้เรื่องความรักของไทม์กับคุณโรส เเต่หน้าที่บอกเล่าเรื่องนี้ไม่ใช่เธอ
   
"เอาไว้ให้ไทม์เป็นคนบอกทุกอย่างด้วยตัวเองละกันค่ะเเด็ด เทปขอตัวนะคะ"
   
สองสามีภรรยาทำตาปริบๆ ก่อนจะเบนสายตาไปยังลูกสาวคนสุดท้องที่กำลังดีดตัวออกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว
   
"น้องเทมส์คะ" ธาริณีเรียกเบาๆ ธรณ์ธันย์ยิ้มพลางส่ายหน้าน้อยๆ
   
"รอวันเสาร์จะดีกว่านะคะ เเม่ณี"
   
อ๊าว! ลูกคนเล็กก็พลอยทำไม่รู้ไม่ชี้ด้วย ธานย์เเละธาริณีมองตามธรณ์ธันย์ที่เดินเร็วๆ ออกไปจากห้อง เเล้วทั้งคู่ก็เหลียวมาสบตากันอีกครั้ง เหมือนจะปลอบใจกันเเละกันว่า รอลูกสาวคนรองเฉลยเรื่องราวความรักมาได้ตั้งเกือบสองเดือน จะต้องรอไปอีกสักสองวันเพื่อทำความรู้จักกับคนรักของลูก ก็คงไม่เป็นหรอก เฮ้อ...รอต่อไป


หลังจากออกมาจากห้องอาหาร สองศรีพี่น้องเคนเน็ตก็รีบตามขึ้นไปหาธีราทรบนห้องนอนชั้นสอง เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไป เเม้จะนำมาซึ่งความโล่งใจให้กับธัญสินีเเละธรณ์ธันย์ เเต่เหมือนยังโล่งใจไม่ถึงที่สุด เพราะถึงเเม้ธีราทรได้เปิดเผยเรื่องราวความลับให้กับบิดามารดาทราบเเล้ว เเต่มันก็ปลดปัญหาไปได้เเค่เปลาะเดียวเท่านั้น ยังเหลืออีกหนึ่งปมใหญ่ๆ ที่ยังค้างเติ่ง ซึ่งต้องรอไปจนถึงวันมะรืน ถึงจะรู้ผล ว่าสุดท้ายเเล้วปัญหาเรื่องเเฟนไทม์ไม่ใช่ผู้ชาย มันจะยังเป็นปัญหาต่อไป หรือปมนั้นจะคลี่คลายสลายตัว
   
นับเป็นเรื่องใหญ่เอาการอยู่เหมือนกัน เเละทั้งคู่คาดว่าตอนนี้ไทม์ก็คงไม่ได้โล่งใจไปมากมายสักเท่าไหร่หรอก ดังนั้นในฐานะที่พึ่งพึงของไทม์มาโดยตลอด เทปเเละเทมส์จึงไม่อาจอยู่เฉยรอไปจนถึงวันมะรืนโดยที่ไม่ได้พูดคุยกับไทม์เสียก่อน
   
พี่สาวคนโตยกมือเคาะประตูห้องนอนเบาๆ เพียงครู่เดียวเจ้าของห้องก็เปิดประตูให้
   
"ยินดีด้วยพี่ไทม์ ในที่สุดเเด็ดกับเเม่ก็รู้เเล้ว จากนี้พี่ไทม์ก็จะได้คบกับพี่โรสเเบบเปิดเผยสักที" ธรณ์ธันย์ส่งยิ้มให้พี่สาวด้วยความดีใจจริงๆ หากเเต่ผู้พี่หารอยยิ้มไม่เจอเสียเเล้ว ธีราทรได้เเต่พยักหน้ารับคำยินดีจากน้องเทมส์เพียงเท่านั้น
   
"ยังหรอกน้องเทมส์ เพราะเเด็ดกับเเม่ยังไม่รู้เลย ว่าเเฟนไทม์เป็นผู้หญิง" ธัญสินีเเย้งขึ้นมา ซึ่งเหตุผลนี้เเหละ คือสาเหตุที่ทำให้ธีราทรยิ้มไม่ออก
   
"เเต่วันมะรืนก็รู้เเล้วล่ะ เฮ้อ..." ธีราทรบอกพลางถอนหายใจยาว
   
หลังจากที่ขึ้นมาอยู่เงียบๆ คนเดียวในห้องนอน ไทม์ได้เเต่คิดทบทวนสิ่งที่ทำลงไป เธอตัดสินใจถูกต้องเเล้วหรือยัง ที่จะพาคนรักมาเจอบิดามารดาอย่างเป็นทางการ ถึงเเม้โรสพร้อมจะยืนหยัดอยู่เคียงข้าง เเต่ถ้าหากเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้ลงเอยอย่างสวยงาม เเล้วหลังจากนั้นชีวิตรักของเธอกับโรสจะเป็นยังไงต่อไป นั่นเป็นเรื่องที่น่ากังวลเหลือเกิน
   
"ไปคุยกันข้างในดีมั้ยคะพี่ๆ" ธรณ์ธันย์ทักขึ้นเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยของบิดามารดาดังเเว่วมาให้ได้ยิน นั่นเเปลว่าพวกท่านออกมาจากห้องอาหารเเล้ว เเละถ้าขืนยังยืนคุยกันอยู่หน้าห้อง คงไม่่ได้คุยกันเเค่สามคนพี่น้องเเน่
   
ประตูห้องนอนถูกดึงให้อ้ากว้างขึ้นเพื่อเปิดทางให้พี่สาวกับน้องสาวได้เเทรกตัวเข้ามา เจ้าของห้องเดินหนีไปทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงนอนขนาดคิงส์ไซส์ อีกสองสาวรีบตามขึ้นไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนเตียงด้วย
   
"ไทม์ วันเสาร์จะพาคุณโรสมาที่บ้านเลย หรือจะเเค่บอกเเด็ดกับเเม่เฉยๆ" ธัญสินีเอ่ยถามเพื่อความเเน่ใจอีกครั้ง เพราะนึกเกร็งเเทนคุณโรสเหลือเกิน เเม้คนรักของน้องสาวจะเป็นสาวมั่น เเต่นึกไม่ออกจริงๆ หากอยู่ต่อหน้าเเด็ดกับเเม่ของเธอ ความมั่นใจของคุณโรสจะยังมีเหลืออีกกี่มากน้อย
   
"พาโรสมาที่บ้านเลย โรสรู้เรื่องเเล้วพี่เทป" ธีราทรยิ้มจางๆ ยอมรับกับการตัดสินใจของตัวเองเเต่โดยดี การพาโรสมาเปิดตัวกับที่บ้าน คือสิ่งที่เธอสมควรทำที่สุดเเล้ว จากนั้นจะเป็นอย่างไร ปล่อยเป็นเรื่องของอนาคตไปละกัน คิดตอนนี้ก็ปวดหัวเปล่าๆ
   
"เฮ้ย! เเล้วพี่โรสว่าไงบ้างคะ"
   
ดวงตาสีสนิมตวัดไปมองน้องสาว ไทม์หัวเราะเบาๆ เมื่อได้เห็นสีหน้าตกใจของน้องเทมส์
   
"น้องเทมส์สนิทกับโรสไม่ใช่เหรอ คิดว่ารุ่นพี่เราเค้าจะว่าไงล่ะ"
   
ธรณ์ธันย์นิ่งคิด เเม้เธอจะสนิทสนมกับพี่โรสมาหลายปีดีดัก เเต่เรื่องส่วนตัวของสาวรุ่นพี่โดยเฉพาะเรื่องความรัก มันเดาได้ยากมากจริงๆ เพราะตั้งเเต่รู้จักกันมาเธอยังไม่เคยเห็นพี่โรสมีคนรักหรือมีความรักเลยสักครั้ง เพิ่งจะเคยเห็นสาวรุ่นพี่มีเเฟนก็เมื่อตอนที่รักกับพี่สาวของเธอนี่เเหละ พี่ไทม์คือเเฟนพี่โรสคนเเรกที่เทมส์รู้จัก
   
"อืม...นิสัยของพี่โรสเป็นคนไม่ยอมเเพ้อะไรง่ายๆ เเต่กับเรื่องพี่ไทม์เนี่ย เทมส์ไม่เเน่ใจอะ ตอบไม่ได้"
   
รอยยิ้มของธีราทรขยายกว้าง ใช่เเล้ว โรสที่รักของเธอไม่ใช่คนยอมเเพ้อะไรง่ายๆ ประโยคที่บอกว่า... โรสก็จะไม่ยอมเลิกกับไทม์หรอกนะ ชัดเจนเป็นที่สุด เฮ้อ...ในเมื่อคนรักเลือกที่จะขอสู้ เเล้วเธอจะยอมเเพ้ได้ยังไง ไทม์ส่ายหน้ายิ้มๆ เเต่เมื่อเห็นพี่สาวน้องสาวรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ เธอก็จำต้องบอกให้ทั้งสองคนได้ร่วมรับรู้ด้วย
   
"โรสบอกพร้อมจะสู้ไปกับพี่"
   
"เห็นมั้ย คุณโรสเนี่ย สมเเล้วที่มือปราบไทม์ เเฟนไทม์ต้องเเบบนี้สิ ถึงไหนถึงกัน" ธัญสินีตบเข่าฉาดด้วยความถูกอกถูกใจ มิเสียเเรงเลยที่ลุ้นน้องสะใภ้คนนี้สุดตัว
   
"โว้ว! พี่โรสเเรงอะ" ธรณ์ธันย์เป่าปากฟู่ ทั้งดีใจเเละโล่งใจในขณะเดียวกัน พี่โรสพร้อมสู้กับพี่ไทม์ เเบบนี้กองเชียร์พร้อมช่วยหนุนสุดเเรงเกิดเลย
   
ท่าทางของพี่สาวเเละน้องสาวทำให้ธีราทรหัวเราะออกมาอีกครั้ง เเต่ก็เห็นด้วยในสิ่งที่พี่เทปเเละน้องเทมส์พูด เพราะถ้าไม่เเรงจริงมีหรือจะสยบคนอย่างไทม์ได้ ซึ่งคนคนนั้นก็คงมีเพียงเเค่โรสคนเดียวเท่านั้นในโลกใบนี้ เเละในเมื่อทั้งคู่ร่วมลุ้นร่วมเชียร์โรสมาโดยตลอด ไทม์ก็อยากจะขอให้พี่กับน้องช่วยสนับสนุนโรสเเละความรักของเธอต่อไปจนตลอดรอดฝั่งทีเถอะ
   
"วันเสาร์นี้ พี่เทปกับน้องเทมส์ต้องอยู่ด้วยนะ ห้ามไปไหนเด็ดขาด อยู่เป็นกำลังใจให้กันก่อน เพราะไม่รู้ว่าเเด็ดกับเเม่ณีจะเป็นยังไงบ้าง ถ้าได้เจอโรส"
   
"ตกลง"
   
ธัญสินีเเละธรณ์ธันย์รับปากโดยพร้อมเพรียงด้วยความเต็มใจ เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันมะรืนนี้จะกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของครอบครัวเคนเน็ต ซึ่งเทปกับเทมส์จะขอเป็นส่วนหนึ่งในการเขียนประวัติศาสตร์ครั้งนี้ด้วย
   
พิธีรับสะใภ้รองเข้าบ้านทั้งที จะยอมพลาดได้อย่างไร ซึ่งนอกจากจะพลาดไม่ได้เเล้ว ในวันนั้นพวกเธอยังอาจจะต้องลงมือลงเเรงให้การช่วยเหลือคู่รักไทม์โรสอย่างเต็มที่อีกด้วย ไหนๆ ก็หนุนหลังกันมาตลอดอยู่เเล้วนี่ ออกเเรงช่วยส่งท้ายอีกสักครั้ง จะเป็นไรไป ไทม์โรสเป็นทัพหน้าไปเลย เดี๋ยวพี่กับน้องจะรวมพลังเเบ่งทัพกระหนาบสองข้างซ้ายขวาคอยช่วยโจมตีให้หัวใจของเเด็ดดี้กับเเม่ณีอ่อนกำลังยอมรับความรักครั้งนี้โดยเร็วพลัน 

   







วันต่อมา ธีราทรปฏิบัติตัวตามข้อความที่คนรักส่งมาออดอ้อนในตอนค่ำของเมื่อวานอย่างไม่มีบิดพลิ้ว เพิ่งจะ 11 โมงตรง เเต่ร่างสูงเพรียวของสาวตาสีสนิมก็พลันปรากฏกายอยู่ในห้องทำงานของท่านประธานกรรมการบริษัทโรสเรียลเอสเตทเเล้ว
   
เจ้าของห้องถึงกับยิ้มเเก้มเเทบปริ เมื่อหวานใจคนสวยเอาอกเอาใจด้วยการมาก่อนเวลาทานมื้อเที่ยงเร็วกว่าเดิมเกือบชั่วโมง เเหม! ไทม์ทำตามคำขอที่ส่งไปในเเมสเสจเมื่อวานเป๊ะๆ เลย เเล้วเเบบนี้จะไม่ให้รักไม่ให้หลงได้ยังไงกัน เพราะเเค่เธอบอกเท่านั้น ไทม์ที่รักเป็นต้องจัดให้อย่างเต็มที่ ราณีลุกจากเก้าอี้ เดินเข้าไปสวมกอดรักเเนบเเน่น คล้ายเเสดงความขอบคุณที่คนรักของเธอเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี
   
คนที่โดนกอดเเน่นๆ หัวเราะออกมาเบาๆ ตั้งเเต่เดินเข้ามาในห้องยังไม่ทันได้ปริปากพูดคุยกันสักคำ ก็ได้รับการต้อนรับเป็นอ้อมกอดอุ่นๆ ซะเเล้ว ธีราทรก้มมองคนที่เบียดร่างเข้าเเนบชิดอย่างเอ็นดู สองเเขนที่ยังเเนบอยู่ข้างลำตัวยกโอบร่างโรสเอาไว้บ้าง กอดก็กอด ถ้าไม่ติดว่านี่คือห้องทำงานนะ จะเปลี่ยนจากกอดเป็นอย่างอื่นให้ดู
   
เเต่ไทม์ก็ได้เเค่คิดเท่านั้น เพราะบางเรื่องราวที่เป็นตะกอนตกค้างอยู่ในความคิด ทำให้วันนี้เป็นวันที่เธอจะสุขก็ไม่ถึงที่สุด จะทุกข์ก็ไม่ถึงที่โศก เป็นอารมณ์ครึ่งๆ กลางๆ ที่สร้างความอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง หากเเต่เธอก็จำต้องอดทนให้ได้ รออีกเพียงเเค่วันเดียว เดี๋ยวทุกอย่างก็คงจะดีขึ้น เเต่ก่อนจะถึงพรุ่งนี้ เธอคงจะต้องบอกคนรักเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมเสียก่อน
   
"โรสคะ" ธีราทรดันร่างในอ้อมกอดออกเพียงนิด พอให้สองตาได้มองเห็นใบหน้าของโรสที่รักชัดๆ
   
"พรุ่งนี้ไปไหนหรือเปล่าคะ?"
   
ราณีส่ายหน้าเป็นคำตอบ นึกตงิดๆ กับคำถามของคนรัก เพราะวันหยุดส่วนใหญ่คือเวลาที่เธอกับไทม์ขลุกอยู่ด้วยกันทั้งวี่ทั้งวัน เเล้วจะถามทำไมว่าไปไหนหรือเปล่า เเปลกๆ นะ ทำยังกะจะชวนไปไหนงั้นเเหละ
   
คำตอบของโรสทำให้ธีราทรยิ้มจางๆ ดีใจอยู่หน่อยนึงที่คนรักไม่ได้ไปไหน เเต่จะดีใจมากกว่านี้ หากคำชวนต่อไปของเธอได้รับการตอบรับจากโรส
   
"งั้น...ไปทานข้าวเที่ยงที่บ้านไทม์ด้วยกันนะ"
   
ฮะ" ดวงตาของราณีอ้ากว้างด้วยความตกใจกับคำชวนของคนรัก การที่ไทม์ชวนเข้าบ้านเเบบนี้ ตีความหมายได้อย่างเดียวเท่านั้น คือไทม์กำลังจะพาเธอไปเปิดตัวกับครอบครัว โอ้! นี่เรื่องจริงใช่มั้ย
   
"เมื่อวานไทม์บอกเเด็ดกับเเม่เเล้ว ว่าไทม์มีเเฟน เเล้วก็บอกอีกว่าจะพาเเฟนมาไหว้พวกท่านวันพรุ่งนี้ โรสไปกับไทม์นะ" ธีราทรอธิบายความต่อ สองเเขนที่ยังเกาะเกี่ยวอยู่รอบเอวบางขยับกระชับรัดร่างโรสราวกับออดอ้อนให้เเฟนสาวใจอ่อนยอมตกปากรับคำไปที่บ้านด้วยกัน
   
โอ๊ะโอ! คนรักยืนยันอย่างชัดเจน ไทม์จะพาเธอไปไหว้เเด็ดกับเเม่จริงๆ ราณีผงะ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มไหววูบด้วยความตื่นตระหนก จำได้ว่าเธอเพิ่งจะพูดคุยกับคนรักเรื่องปัญหาที่บ้านไปเมื่อวานซืนนี้เอง ผ่านไปเเค่สองวัน พอเจอหน้ากันอีกที ไทม์ถึงกับชวนเข้าบ้านเลยเชียวหรือ เร็วไปมั้ย รวดเร็วจนเธอตั้งตัวเเทบไม่ทัน
   
สีหน้าอึ้งกิมกี่ของโรส นำพาความหวาดหวั่นให้บังเกิดขึ้นในหัวใจของธีราทรทันควัน ดวงตาสีสนิมจับจ้องใบหน้างดงามของสาวคนรักราวกับค้นหานัยยะจากสีหน้า อา...โรสกำลังกลัว ความรู้สึกของไทม์บอกอย่างนั้น
   
"โรสไม่กล้าไป ใช่มั้ย?"
   
เสียงของธีราทรเบาหวิวจนราณีใจหาย ยิ่งเห็นสีหน้าซีดๆ ของคนรัก เธอก็ยิ่งสงสาร โถ! ไทม์ใจกล้าถึงขนาดจะพาเธอเข้าไปเเนะนำตัวให้บุพการีรู้จักโดยไม่หวั่นเเม้เเต่นิด เเต่เธอยังมามัวทำตัวกลัวหัวหดอยู่เนี่ยนะ ยัยโรส! เธอช่างเป็นคนรักที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย ทั้งที่เมื่อวันก่อนก็เพิ่งประกาศกร้าวว่าจะยืนอยู่เคียงข้างไทม์ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เเต่วันนี้ทำตัวอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่สมกับเป็นสาวมั่นเลย 
   
ดูเอาเถอะ! ดวงตาสีสนิมที่ทอดมองมา ณ ตอนนี้ ทั้งเว้าวอนทั้งออดอ้อน เธอจะใจร้าย ปฏิเสธคำชวนของคนรักจริงๆ หรือโรส ในเมื่อหัวใจทั้งดวงก็รักคนคนนี้ไปจนหมดเเล้ว จะต้องกลัวทำไมกับการไปเจอบิดามารดาของไทม์ นั่นไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวเลย หากจะต้องกลัว เธอควรจะกลัวไทม์ไม่รักเธอมากกว่านะ
   
ราณีกลอกตาไปมา รอยยิ้มสดใสเริ่มขยับขยายเเผ่อาณาเขตเต็มใบหน้า เธอตัดสินใจได้เเล้วล่ะ จะให้คำตอบอย่างไรดี
   
"ยังไม่ได้บอกเลยว่าไม่กล้า ไปเปิดตัวกับพ่อเเม่เเฟนทั้งที โรสไม่ยอมพลาดหรอกนะ"
   
"ขอบคุณนะโรส ขอบคุณที่ยอมไป" ธีราทรยิ้มออกสักที รู้สึกอุ่นวาบไปทั้งใจเลยเชียวล่ะ เฮ้อ...นี่ถ้าโรสไม่ยอมตกลง สงสัยเธอคงต้องรีบกลับไปร่างสุนทรพจน์เเนะนำเเฟน เอาไว้พูดให้เเด็ดกับเเม่ฟังเเน่ โชคดีจริงๆ ที่คนรักยังพร้อมจะสู้ไปด้วยกัน
   
ค่อยยังชั่วหน่อย ไทม์ยิ้มออกเเล้ว ราณียกสองเเขนขึ้นไปกอบกุมพวงเเก้มของคนรักเอาไว้ ดวงตาที่กำลังมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของไทม์เอ่อล้นไปด้วยความรักลึกซึ้งจริงจัง
   
"โรสจะไป เพราะว่าโรสรักไทม์ ไม่ต้องห่วงนะฮันนี่ โรสไม่กลัวอะไรทั้งนั้นเเหละ พรุ่งนี้เราจะอยู่ด้วยกัน"
   
เมื่อกี้อุ่นๆ เเต่ตอนนี้ซึ้งใจชะมัดเลย ธีราทรโผเข้ากอดราณีเเนบเเน่น ดูเหมือนว่ายามนี้ความทุกข์จะโดนความสุขขับไล่จนพ้นไปจากหัวใจของเธอเเล้ว โรสจ๋าโรส ขอบคุณที่รักไทม์ ขอบคุณที่รักกัน อ๊าย! ไทม์ก็รักโรสมากเช่นกัน
   
สองสาวกอดกันเเน่นๆ อ้อมกอดนี้เปรียบประดุจเเหล่งพลังงานของกำลังใจ วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ เเต่ ณ วันนี้ พวกเธอสองคนยังคงอุ่นๆ อยู่ในอ้อมกอดของกันเเละกัน เติมรักเติมพลังให้กันอีกสักนิดสักหน่อย เเล้วค่อยจับมือเดินหน้าไปด้วยกันในวันพรุ่งนี้








++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


เนื่องจากตอนนี้ยาวเอาเรื่องเลยทีเดียว เลยขอเเบ่งครึ่งเเรกของตอนจบมาฝากกันก่อน (เเอบสารภาพตามจริง ว่ายังเเต่งอีกครึ่งหนึ่งไม่เสร็จค่า 555)

เเต่ตอนหน้า เรื่องของคู่รักไทม์โรสจบจริงๆ เเน่นอนค่ะ รอลุ้นกันต่ออีกครึ่งหนึ่งน้า :P


ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ

++++++ViSwee++++++


Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น