โพสต์โดย:
Nekoyu
วันที่: 16 ธันวาคม 2014 เวลา 04:01:40
อ่าน: 541
|
01 .... คังวอน เซระ
...........
โรงเรียนมัธยมปลายแดยอง โรงเรียนเอกชนขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่ในชินกิลดง ยองดึงโพกู กรุงโซล ที่นี่มีลูกหลานคนมีชื่อเสียงตั้งแต่ตระกูลขุนนางเก่าแก่ไปจนถึงดารานักร้องของค่ายเพลงดังต่างๆ
คังวอน เซระก้าวลงมาจากรถยนต์คันหรู สาวสวยผู้สุขุม ผมสีน้ำตาลเข้มยาวถึงกลางหลังกับใบหน้าที่ผสมผสานระหว่างความน่ารักแบบญี่ปุ่นกับความงามตามธรรมชาติแบบเกาหลีได้อย่างลงตัว เธอมีดีกรีเป็นถึงลูกสาวของคังวอน ชินแดผู้บริหารคนปัจจุบันของคังวอนกรุ๊ปที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ถึงเป็นคุณหนูตระกูลดีมีฐานะแต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ด้วยนิสัยไร้มนุษย์สัมพันธ์แถมมีโลกส่วนตัวสูง ที่สำคัญหากมีใครเอ่ยเรียกชื่อเซระที่เป็นชื่อญี่ปุ่นจะทำให้เจ้าตัวโมโหจนน่ากลัวคนทั่วไปเลยเรียกเธอว่า คังวอน ถึงจะเพิ่งย้ายมาที่โรงเรียนได้ไม่นานก็เป็นที่จับตามองของคนทั่วไป แต่ด้วยนิสัยที่ไร้มนุษย์สัมพันธ์ มีโลกส่วนตัวสูงเกินบรรยายเลยทำให้คนรอบข้างพากันกลัวไปหมด หลังเวลาพักกลางวันเซระก็ปลีกตัวมานั่งอยู่เพียงลำพังในห้องสมุด แน่นอนว่าไม่มีใครกล้ามานั่งร่วมโต๊ะด้วยแน่นอน แต่เธอกลับรู้สึกถึงสายตาหนึ่งที่แอบมองมา ใบหน้าสวยละสายจากหนังสือในมือแล้วมองสบเข้ากับดวงตากลมโตของสาวหน้าหวาน "สะ..สวัสดีค่ะ พี่เซระ" เสียงแผ่วเบาระล่ำระลักเอ่ยขึ้นราวกับตกใจที่ถูกจับได้ว่าแอบมองอยู่
คังวอน เซระไม่อาละวาดใส่คนที่บังอาจเอ่ยเรียกชื่อต้องห้าม แต่กลับปล่อยให้เด็กสาวรีบเผ่นหนีไปอย่างง่ายดาย "หึ"กล้าอ้าปากเรียกชื่อนั้นของฉัน งั้นเรอะ! " เสียงพึมพำเล็ดลอดออกมาจากเรียวปากคู่สวย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้เจอกับรุ่นน้องคนนี้ หลายต่อหลายครั้งที่ได้สบสายตากันแต่ไร้การสนทนามีเพียงรอยยิ้มและสายตาส่งผ่านความห่วงใยมาให้เสมอ
ท่าทางสดใสแสนมีชีวิตชีวา แสดงความรู้สึกได้อย่างตรงไปตรงมาแบบนั้น มันช่างเหมือนกับตัวเธอในอดีต เหลือเกิน.....
...
"ขอโทษค่ะ พี่เซระอยู่ไหมคะ" "ห๊ะ" คังวอนน่ะหรอ"" หนุ่มหน้ามนจ้องใบหน้าของรุ่นน้องผู้กล้าหาญที่กล้าเรียกชื่อต้องห้าม พอคิดถึงชะตากรรมของสาวหน้าหวานที่ต้องเจอ ก็ต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น "ค่ะ " ดูเหมือนเสียงนั้นจะดังพอให้เจ้าของชื่อได้ยินจนต้องเดินมาแตะไหล่เพื่อนร่วมห้องเป็นเชิงขอทาง "มีธุระอะไรกับฉัน" คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อได้พบกับใบหน้าที่แสนคุ้นเคย เด็กสาวปริศนาที่คอยแต่แอบมองเสมออยู่เสมอคนนั้นนี่เอง เดี๋ยวนี้ชักกล้าหาญบุกมาหากันถึงที่แล้วงั้นสิ" "...คะ..คือ มิริน มีเรื่องอยากคุยด้วย..." คนตรงหน้าดูประหม่าจนเซระนึกรำคาญใจขึ้นมา "กลับไปซะ ฉันไม่ว่าง...." ริมฝีปากบางตัดบทอย่างเย็นชา แล้วสาวสวยก็เดินกลับเข้าไปในห้องปล่อยให้สาวน้อยหน้าหวานยืนอยู่คนเดียว นี่สินะจุดจบของคนที่กล้ามายุ่งย่ามกับคังวอน เซระคนนั้น ขนาดเจ้าตัวพูดแค่ไม่กี่คำยังแผ่ความเย็นชาให้คนที่อยู่รอบบริเวณนึกกลัวขึ้นมาได้ .......................................
หลังเลิกเรียนสาวสวยผู้เฉยชาก็สะพายกระเป๋าตรงไปที่สระว่ายน้ำของโรงเรียน กีฬาทางน้ำคงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ใจเธอสงบแต่ก็ไม่ได้ชื่นชอบมากถึงขนาดมุ่งมั่นให้เป็นนักกีฬาของโรงเรียน แถมส่วนมากเจ้าตัวจะชอบว่ายน้ำในร่มเพราะกลัวผิวเสีย นานๆทีถึงจะแวะมาว่ายที่สระของโรงเรียน "คังวอน มาพอดีจะแนะนำให้รู้จัก นี่ คิมเร มิริน ผู้จัดการชมรมคนใหม่ อย่าให้ออกไปเหมือนคนเก่าอีกนะเอ็นดูเค้าหน่อยล่ะ ฉันไปวอร์มก่อนล่ะ" จียอนทำหน้าหนักใจที่เห็นสมาชิกกิติมาศักดิ์มาเยือน หัวหน้าชมรมว่ายน้ำเลยบอกเสียงอ่อนเชิงขอร้องเพราะสาเหตุที่ผู้จัดการชมรมคนก่อนออกไปก็เพราะดันไปเรียกชื่อต้องห้ามเข้าให้เลยโดนยัยคุณหนูผู้เย็นชาวีนเหวี่ยงใส่จนรีบมาลาออกในวันถัดมาแทบไม่ทัน บอกเสร็จจียอนก็ออกไปวอร์มร่างกายทิ้งให้สองสาวอยู่เผชิญหน้ากันเพียงลำพัง
"สะ..สวัสดีค่ะ มิรินค่ะ ปี2ค่ะ พี่เซระ... เด็กสาวบอกด้ยเสียงระล่ำระลัก "อย่าเรียกชื่อนั้น!" ยังไม่ทันจะพูดจบประโยคเจ้าตัวก็ตวาดใส่ "ขะ"ขอโทษค่ะ" "สมัครเข้ามาเป็นผู้จัดการคงรู้งานดีใช่ไหม" เซระไม่ได้สนใจคำขอโทษแม้แต่น้อย สองมือถอดชุดคลุมออกเผยให้เห็นผิวคล้ำแดดเล็กน้อยที่อยู่ในชุดว่ายน้ำสีดำสนิท "มองอะไร รีบไปทำงานสิ!" เมื่อเห็นอีกคนเอาแต่จ้องนัยน์ตาสีนิลปรายสายตามองอย่างไม่พอใจก่อนจะเดินออกจากห้องล็อคเกอร์
หลังจากเก็บผ้าไปซัก รวมทั้งจัดเตรียมผ้าขนหนูไว้ให้สมาชิกในชมรมเรียบร้อยแล้ว มิรินก็ไปยืนมองรุ่นพี่สาวทำกิจกรรมอยู่ที่ขอบสระ นัยน์ตากลมโตมองคนที่วาดลีลาว่ายน้ำอยู่ในพื้นน้ำสีฟ้าใสโดยไม่ละสายตาไปไหน หยดน้ำที่หล่นลงกระทบเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำจนเด็กสาวต้องกระพริบตาถี่ๆ ทั้งที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งแต่ไม่นานสายฝนก็โปรยปรายลงมาอย่างหนัก ทำให้มิรินต้องรีบวิ่งไปหอบกองผ้าขนหนูเข้าไปเก็บในห้องล็อคเกอร์ สมาชิกชมรมว่ายน้ำที่กำลังว่ายซ้อมมือกันอยู่ก็ต้องรีบขึ้นมาจากสระกันยกใหญ่ เว้นแต่สาวสวยที่มิสะทกสะท้านต่อสภาวะอากาศยังคงว่ายน้ำอยู่เพียงลำพัง "คังวอน" จียอนร้องเรียกแต่เห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่สนใจ จึงตะโกนขึ้นอีกรอบ "เซระขึ้นมาเหอะ อันตรายนะ"
เสียงเรียกอันดังสนั่นทำให้เจ้าของชื่อหยุดชะงักยอมว่ายกลับมาแล้วปีนบันไดขึ้นมาเหยียบขอบสระ นัยน์ตาคู่คมตวัดมองมาทางจียอน "อย่าเรียกชื่อนั้นอีก!" "ขอโทษจ๊ะคุณคังวอน แหมก็เรียกแล้วไม่ยอมขึ้นมานี่นา เอ้าเอาผ้าไผเช็ดไปเปียกหมดแล้วนั่น" หัวหน้าชมรมบอกยิ้มๆแล้วยื่นผ้าขนหนูให้ ถึงคนส่วนมากจะพากันกลัวยัยคุณหนูคนนี้แต่เธอไม่คิดแบบนั้น แถมยังกล้าต่อปากต่อคำกับอีกฝ่ายเล่นด้วยซ้ำ
""ฝนยังคงตกหนักทำให้สมาชิกทุกคนตัดใจยอมกลับบ้านไปหมดแล้วเว้นแต่เซระที่กำลังอาบน้ำอยู่ เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเธอก็ยังเห็นมิรินนั่งอยู่ในห้องชมรม "ด..เดี่ยวค่ะพี่คังวอน..มิรินขอกลับด้วยจะได้....ไหมคะ" เด็กสาวพูดมาด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ "โทษทีนะบ้านเราคงจะไปคนละทาง" เธอปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย "มิรินลืมเอาร่มมา" "หึ..จะได้ใช้เป็นข้ออ้างขอกลับบ้านพร้อมฉันงั้นสิ" ริมฝีปากบางบอกเสียงเรียบ สายตาสีนิลมองดูใบหน้าที่แสดงความตื่นตนก
"...มะ..มิรินไม่ได้คิดแบบนั้น"จริงๆนะคะ" ริมฝีปากอิ่มบอกเสียงระล่ำระลัก เสสายตาไปทางอื่น แต่ถูกปลายนิ้วเย็นยะเยือกจับคางมนให้หันกลับมาสบสายตาที่มองราวกับอ่านใจกันได้ "คิดจะเป็นสโตกเกอร์ตามติดฉันรึไง!" มุกเด็กๆแบบนี้อย่าคิดว่าจะหลอกฉันได้เลย ไม่มีร่มก็เดินตากฝนกลับไปซะสิ" เสียงนั้นเย้ยยั่นใส่ก่อนจะยอมปล่อยให้คนตัวเล็กทรุดลงบนพื้น และเดินไปเก็บของแล้วเดินออกไปจากห้องล็อคเกอร์
............................................ ปลายรองผ้าใบที่ชุ่มไปน้ำหยุดลงเมื่อนัยน์ตาสีนิลมองเห็นเงาอันเลือนรางของรถยนต์คันหรูที่จอดเย้ยฟ้าท้าแรงฝนอยู่หน้ารั้วโรงเรียน ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันก่อนจะตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในโรงเรียนเพื่อใช้ประตูทางออกด้านหลัง ถ้ารถคันเก่งไม่เบรคแตกจนต้องเข้าไปซ่อมที่อู่ชั่วคราว คุณหนูอย่างคังวอน เซระก็ไม่ต้องมาหาทางหลบเหลี่ยงรถที่บิดาส่งมารับ และเหตุผลที่ไม่อยากขึ้นรถคันนี้ก็เพราะเงาของใครบางคนที่นั่งเชิดหน้าอยู่ในนั้นนั้น พอเดินมาทางออกด้านหลังก็เห็น เด็กสาวกำลังกอดอกตัวสั่นเดินต่อต้านความหนาวผ่านสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักไปที่ป้ายรถโดยสารประจำทาง
ยัยเด็กนั่นลืมเอาร่มมาจริงๆงั้นสิ"
ใบหน้าเนียนใสที่ขึ้นสีระเรื่อเพราะความหนาวเย็นค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเงาที่ทอดมาบดบัง "ยัยบ้าเดินตากฝนมาได้...อยากปอดบวมตายรึไง"" ริมฝีปากบางส่งถ้อยคำร้ายๆออกมาไม่หยุดหย่อน แต่มิรินกลับยิ้มรับแล้วเดินเข้ามาอยู่ใต้ร่มคันเดียวกัน
"ไม่ไหวเดี๋ยวแวะบ้านชั้นก่อน โทรบอกที่บ้านไว้ไปจะได้ค้างๆไปเลย" ใบหน้าสวยปรายตามอเสื้อขาวที่แนบติดผิวกายทำให้เห็นชั้นในสีอ่อน ขืนปล่อยให้เด็กคนนี้กลับบ้านไปทั้งแบบนี้คงได้เป็นไข้หวัดตายขึ้นมาจริงๆแน่
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันอยู่แมนชั่นคนเดียว" บอกแล้วกอดกระเป๋าใบเล็กสีดำแน่นสนิทราวกับป้องกันไม่ให้มันเปียก คิ้วเรียวขมวดมุ่นกับสิ่งที่ได้ยิน แต่จะให้ไปซักไซ้เรื่องชาวบ้านก็ไม่ใช่นิสัยเธอซะด้วย "อืม" เซระจึงแค่ขานรับแล้วเงยหน้าขึ้นมองไปยังป้ายรอรถประจำทางที่คลาคล่ำไปด้วยกลุ่มนักเรียนชายหญิงในเครื่องแบบเหมือนกันกับพวกเธอ ทุกสายตาต่างพากันจับจ้องมาทางสาวสวยกับเด็กสาวที่ชุ่มไปด้วยน้ำทั้งตัว เกิดคำถามขึ้นมากมายถึงความแปลกประหลาดที่ทุกคนไม่มีโอกาสได้เห็นบ่อยเท่าไรนัก ที่คนอย่างคังวอน เซระจะยอมญาติดีกลับบ้านพร้อมคนอื่นได้! ทว่านัยน์ตาสีนิลกลับตวัดมองด้วยความไม่พอใจให้ทุกสายและทุกเสียงซุบซิบหยุดลง
............................................
...... ภายในรถโดยสารผู้คนเบียดเสียดแน่นขนัด จนเทียบไม่มีที่ให้ยืนได้สะดวกเท่าไรนักเซระอาศัยยึดมุมยืนเอาหลังพิงผนังแล้วยกแขนขึ้นเท้าผนังเพื่อกันให้มิรินที่เริ่มมีอาการไม่สู้ดีอยู่ในอ้อมแขน ตั้งแต่ขึ้นรถมาใบหน้านั้นก็ซีดเซียวราวกับคนป่วยไข้มาแรมปี ริมฝีปากอิ่มสั่นระริก กว่าจะประคับประครองกันมารอดปลอดภัยจนถึงที่หมายก็เล่นเอาสาวสวยขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดที่ต้องอารมณ์เสียกับการขับรถอันแสนห่วยแตกของพนักงานสูงวัยรุ่นตา แค่สัมภาระก็รุงรังจะตายอยู่แล้วไหนยังจะต้องมาคอยประครองคนแล้วยังต้องเกร็งตัวตอนรถเข้าโค้งหรือปาดหน้าแซงซ้ายขวาอีก ตาแก่งี่เง่าเอ้ย! ขับห่วยๆแบบนี้รีบๆลาออกไปซะไป! คิดแล้วก็ยังอารมณ์ขึ้นไม่หายแล้วปรายตามองใบหน้าซีดเผือดที่ซบลงบนไหล่ ดูท่ายัยเด็กนี่จะเป็นไข้ขึ้นมาจริงๆซะแล้วมั้ง นัยน์ตาสีนิลมองเมดสาวที่เดินกางร่มออกมารับถึงหน้าประตูรั้ว
บ้านสกุลคัง ของผู้บริหารคังวอนกรุ๊ปคนปัจุบันใหญ่โตโอ่อ่า ตัวบ้านถูกสร้างขึ้นมาโดยใช้แบบแปลนของคฤหาสน์ยุโรปมาประยุกต์ให้เข้ากับพื้นที่ที่มี
"นี่หนีขึ้นรถเมล์กลับมาเองอีกแล้วเหรอเนี่ย ทั้งที่ฝนแท้ๆน่าจะยอมๆทนนั่งมากับยัยอินยังหน่อย" เธอเปิดประตูรั้วต้อนรับคุณหนูของบ้านพร้อมรอยยิ้ม แล้วมองเด็กสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นนาย "รึว่ามีแขกเลยกลับเอง"
"แขกบ้าอะไรเล่า อย่ามัวแต่พูดมาก รีบๆมาช่วยกันหน่อย! เร็วฉันจะไม่ไหวแล้ว"
ยูอินเลยรีบเข้าไปช่วยประครองคนแทบไม่มีสติหลงเหลือแล้วช่วยพาข้ามาจนถึงห้องรับแขกได้อย่างทุลักทุเล ฝ่ายเซระถึงกับต้องยกมือขึ้นปาดเหงื่อ ใครจะไปคิดว่า คิมเร มิรินที่ตัวเล็กดูบอบบางแบบนี้จะหนักเอาเรื่องเหมือนกัน
"ตัวร้อนจี๋แบบนี้เป็นไข้แล้วแน่ๆ" เมดสาวบอกพลางยกมือขึ้นแตะหน้าผากมนของคนที่พริ้มตาหลับไปเพราะพิษไข้ "เอาเข้าไปเป็นไข้ขึ้นซะจริงๆ งั้นก็ช่วยกันแบกขึ้นห้องชั้นก่อนละกัน" เซระบอกด้วยเสียงหงุดหงิด "" หลังจากที่ใช้พละกำลังที่มีอยู่ไม่มากสองสาวก็ช่วยกันพามิรินที่หมดเรี่ยวแรงเพราะถูกไข้หวัดเล่นงานมาส่งถึงห้องนอนจนสำเร็จ ยูอินได้เตรียมเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนและผ้าขนหนูผืนพอเหมาะกับขันใส่น้ำเพื่อไว้เช็ดตัวให้คนป่วย ที่สำคัญยังมีอาหารพร้อมน้ำดื่มและยาเตรียมไว้เสร็จสับ จากนั้นเมดสาวก็ขอตัวลงไปจัดเตรียมโต๊ะอาหารต่อ "ยัยตัวภาระ" ริมฝีปากบางเปรยขึ้นพลางยกแขนขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้า
ชุดนักเรียนถูกถอดออกไปจากตัวของคนที่หลับใหลไม่ได้สติ เผยให้นัยน์ตาสีนิลเห็นอกอวบอิ่มที่ซ่อนรูปเอาไว้ใต้เสื้อนักเรียนตัวใหญ่ ผิวขาวเนียนอมชมพูแลดูสุขภาพดีดึงดูดให้ไล้ปลายนิ้วลงบนเนินอกอวบอิ่มทันที น่าแปลกที่เรือนกายสตรีเพศด้วยกันช่างดูน่าหลงใหลได้ถึงเพียงนี้ ทั้งที่มีทุกอย่างเหมือนกันแต่ผิวกายของเด็กสาวกลับลื่นละมุน แก้มเนียนใสขึ้นสีระเรื่อ ริมฝีปากอิ่มเผยอส่งผ่านลมหายใจแผ่วเบา
ยัยเด็กนี่ซ่อนรูปขนาดนี้เลยเหรอ... ปลายนิ้วร้อนค่อยๆเค้นคลึงความนุ่มนิ่มจนเผลอออกแรงกดลงตามใจชอบให้ริมฝีปากอิ่มครางออกมา ถึงได้เรียกสติที่หลงเพลิดเพลินของเซระให้กลับมาได้
มัวทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย! เธอยกมือขึ้นปิดริมฝีปากตัวเอง ใบหน้าสวยส่ายมาขับไล่ความคิดแปลกประหลาดออกไปจากหัวยกใหญ่ ....................................... เซระใช้เวลาอาบน้ำนานกว่าทุกครั้ง หลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็มายืนมองท้องฟ้าหลังฝนที่ริมหน้าต่างห้องนอน พอเดินมาดูอาการคนป่วยที่ถูกเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วก็ยังหลับใหลไม่ได้สติ เธอเลยเอื้อมมือไปแตะหน้าผากมนถึงเช็ดตัวไปแล้วแต่องศาความร้อนก็ไม่คลายลงแต่อย่างใด!
ต้องให้กินยางั้นสิ" เพียงแค่คิดใบหน้าสวยก็มีสีหน้าหน่ายใจขึ้นมา ให้ทานยาคงจะเป็นทางแก้ที่ดีที่สุด แต่จะทำยังไงได้ล่ะในเมื่อคุณเธอก็หลับชนิดไม่รู้สึกตัวอีกนะ จะให้ยัดอาหารก่อนยาเข้าไปได้ยังไง สาวสวยเลยค่อยๆพยุงร่างคนที่ยังไม่ได้สติให้พิงหัวเตียงอยู่ในท่านั่ง เธอจะจับยากรอกปากยัยเด็กสำออยตรงหน้าเลยดีไหมเนี่ย!"
ปลายจมูกได้รูปถอนหายใจออกมา คิดไปแล้วก็ไม่น่าไปเก็บยัยตัวภาระกลับบ้านมาด้วยเลย เพียงแต่พอมองใบหน้าใสทีไรก็มีอะไรบางติดค้างอยู่ในใจมาตลอด กะอีแค่เด็กสโตกเกอร์ที่ชอบมาแอบมองกันบ่อยๆอ ทำไมต้องสนใจด้วยล่ะ" ริมฝีปากบางแค่นยิ้ม ยาเม็ดเล็กๆถูกปลายนิ้วเรียวส่งผ่านใส่เข้าไปในริมฝีปากอิ่มที่แดงระเรื่อเพราะพิษไข้ จากนั้นก็เอื้อมไปหยิบแก้วน้ำจากถาดสีเงินขึ้นมาจรดริมฝีปากเพื่อตักตวงน้ำ ใบหน้าโน้มไปใกล้คนที่ไร้สติ ริมฝีปากบางทาบทับริมฝีปากอิ่มแทรกปลายลิ้นแทรกเข้าไปเพื่อถ่ายเทน้ำให้ แม้นจะทุลักทะเลไปบ้าง สุดท้ายเด็กสาวก็กลืนยาลงไปได้โดยไม่สำลัก เธอเลยจัดแจงให้คนป่วยนอนในท่าสบายและดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้
น่าแปลกทั้งที่การกระทำเมื่อครู่ไม่ต่างกับการจูบกับผู้หญิงด้วยกัน แต่เธอกลับไม่รู้สึกอะไรเลยต้องบอกว่าไม่ยินดียินร้ายอะไรทั้งนั้น ไม่ได้รังเกียจและก็ไม่ได้พิศวาสอยากจะทำกับใครก็ได้
เสียงเคาะประตูดังขึ้นให้นัยน์ตาสีนิลหรี่ลง
"เข้ามาไม่ได้ล็อค" บอกเสียงเรียบเพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าคนที่จะเข้ามายุ่งย่ามถึงห้องนอนเป็นการส่วนตัวคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ยูอิน เมดสาวพ่วงตำแหน่งเพื่อนสมัยเด็กไปด้วย
"ได้เวลาอาหารเย็นแล้วนะ คุณผู้ชายกลับมาแล้วด้วยไม่ลงไปจะดีเหรอ" "ช่างเถอะฝากดูเค้าต่อหน่อยได้ไหมฉันอยากไปเดินเล่นหน่อย แล้วก็ช่วยจัดอาหารเย็นใส่ถาดยกขึ้นมาให้บนห้องเหมือนเคยทีนะ" บอกด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายแล้วโยนภาระให้อีกฝ่ายทันที ... สวนอันกว้างใหญ่ตกแต่งสไตล์ยุโรปแต่กลับที่ยังมีมุมหนึ่งที่ตกแต่งแบบสวนญี่ปุ่น เซระชอบมุมนี้มากเป็นพิเศษเสียงไม้ไผ่ที่รองรับน้ำจนเต็มแล้วกระทกกระทบโขดหินเป็นจังหวะทำให้ใจที่ร้อนรุ่มสงบลงได้อย่างน่าประหลาด ที่ม้านั่งไม้เก่าคร่ำคร่าตัวนี้แต่ก่อนเคยเป็นที่ประจำที่มารดาจะพาเธอมานั่งอ่านหนังสือนิทานอยู่เสมอ กลิ่นดินหลังฝนตกส่งความชื้นขึ้นจมูก ทำให้ความรู้สึกเก่าๆหวนกลับมา ภาพในวันวานของหญิงสาวกับเด็กหญิงตัวเล็กๆค่อยๆปรากฏขึ้นมา
"เซระ เข้าไปทานมื้อเย็นด้วยกันหน่อยเถอะ" เสียงที่เอ่ยขึ้นฉุดจิตใจที่จมปลักกับอดีตให้กลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง "เชิญตามสบายเถอะค่ะ" สายตาคู่คมมองเชือดเฉือนมองไปทางเด็กสาวหน้าใสที่ควงแขนชายวัยกลางคนเอาไว้ "เซระ"" เขาทอดเสียงอ่อน พยายามข่มอารมณ์โมโหเอาไว้ คังวอน ชินแดไม่เคยมีความคิดอยากแต่งงานกับคนญี่ปุ่นเลยแม้แต่น้อย แต่ต้องจำยอมรับ คิตากาว่า ซูมิโกะ เข้ามาเป็นเจ้าสาวบ้านสกุลคังด้วยเหตุผลทางธุรกิจกับ คาตากาว่ากรุ๊ปโดยตรง ผู้หญิงญี่ปุ่นผู้จองหองคนนั้นขนาดตายไปยังทิ้งความหยิ่งทระนงไว้ในตัวลูกสาวคนนี้อีก นับวันยิ่งเด็กคนนี้โตขึ้น เซระก็ยิ่งมีใบหน้าละม้ายคล้ายเธอขึ้นทุกที
"คุณกลับเข้าไปข้างในก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันคุยกับเค้าเอง" หญิงสาวกระซิบแผ่วเบาให้ชายวัยกลางคนใจเย็นลง "ตามใจเธอละกัน" ชินแดถอนหายใจก่อนจะเดินออกไปจากสวน ทิ้งให้สองสาวเผชิญหน้ากันเพียงลำพัง "มันถึงเวลาที่แกจะยอมทำตัวดีๆได้แล้วนะ เซระ" พอไม่มีสามีรุ่นพ่ออยู่เคียงข้าง คิม อินยังที่เพิ่งเปลี่ยนนามสกุลมาเป็น คังวอน ได้ไม่ถึงปีก็แสดงสีหน้าเป็นต่อเย้ยยั่นใส่อดีตเพื่อนสนิททันที "ฉันไม่มีธุระกับคนโสโครก ขอตัวนะ" ใบหน้าสวยปรายตามองด้วยความชิงชัง ก่อนจะลุกขึ้นปัดเศษฝุ่นออกจากกางเกงยีนส์สีซีดของตัวเอง ท่าทางอันน่าหมั่นไส้นั่นทำให้อินยังตรงเข้าคว้าไหล่บางให้คนที่ทำเมินเฉยให้หันกลับมา "ทำไม! ทั้งที่ฉันได้ครอบครองทุกอย่างจนอยู่เหนือแกแล้ว ฉันชนะแกแล้ว ทำไมแกไม่รู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้บ้างเลยเล่า!" ริมฝีปากสีสดส่งเสียงเกรี้ยวใส่ ให้นัยน์ตาสีนิลมองกลับด้วยสายตารังเกียจ มือนั้นปัดมือของคนที่รุกรานออก จนอินยังต้องสะบัดมือไล่ความเจ็บแปล็บไปมา
"ไม่มีอะไรที่ฉันต้องรู้สึกแบบนั้น จะมีก็แค่ความเสียดาย เสียดายที่เสียเวลาไปสนิทกับยัยแพศยาอย่างเธอมากกว่า คิม อินยัง" ใบหน้าสวยบอกด้วยสายตาเย็นชาราวกับมองเธอเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำก็ไม่ปาน
"แก!" ฝ่ามือวาดขึ้นในอากาศแล้วพุ่งแรงหมายจะฟาดหน้าของคนเฉยชา แต่ถูกนิ้วเรียวรับไว้ได้ทันการแล้วฉุดให้คนที่ตัวเล็กกว่าเซเสียหลักถลาเข้ามาหา
ริมฝีปากบางแตะลงบนใบหูขาวกรอกเสียงเย็นชาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
"อย่าได้คิดจะเอามือสกปรกมาแตะต้องฉันบ่อยๆถ้าไม่จำเป็น มันน่าขยะแขยง"
คำพูดอันบาดลึกมีอานุภาพรุนแรงจนเข่าทั้งสองทรุดลง อินยังมองดูผู้หญิงที่แสนหยิ่งยโสที่ค่อยๆเดินหันหลังไปอย่างเย็นชา ครั้งหนึ่งทั้งสองเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก และบางทีเธออาจจะเป็นคนเดียวทีได้เห็นนิสัยทุกด้านจากตัว คังวอน เซระ คนนั้นก็เป็นได้
|
Rating: This article has not been rated yet.
|
|