web stats

ข่าว

 


LIE 01

โพสต์โดย: Nekoyu วันที่: 16 ธันวาคม 2014 เวลา 04:01:40 อ่าน: 541


01 .... คังวอน  เซระ

...........

   
 
โรงเรียนมัธยมปลายแดยอง  โรงเรียนเอกชนขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่ในชินกิลดง   ยองดึงโพกู  กรุงโซล  ที่นี่มีลูกหลานคนมีชื่อเสียงตั้งแต่ตระกูลขุนนางเก่าแก่ไปจนถึงดารานักร้องของค่ายเพลงดังต่างๆ

คังวอน   เซระก้าวลงมาจากรถยนต์คันหรู      สาวสวยผู้สุขุม  ผมสีน้ำตาลเข้มยาวถึงกลางหลังกับใบหน้าที่ผสมผสานระหว่างความน่ารักแบบญี่ปุ่นกับความงามตามธรรมชาติแบบเกาหลีได้อย่างลงตัว   เธอมีดีกรีเป็นถึงลูกสาวของคังวอน  ชินแดผู้บริหารคนปัจจุบันของคังวอนกรุ๊ปที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจของเกาหลีใต้     ถึงเป็นคุณหนูตระกูลดีมีฐานะแต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้  ด้วยนิสัยไร้มนุษย์สัมพันธ์แถมมีโลกส่วนตัวสูง  ที่สำคัญหากมีใครเอ่ยเรียกชื่อเซระที่เป็นชื่อญี่ปุ่นจะทำให้เจ้าตัวโมโหจนน่ากลัวคนทั่วไปเลยเรียกเธอว่า  คังวอน   ถึงจะเพิ่งย้ายมาที่โรงเรียนได้ไม่นานก็เป็นที่จับตามองของคนทั่วไป  แต่ด้วยนิสัยที่ไร้มนุษย์สัมพันธ์    มีโลกส่วนตัวสูงเกินบรรยายเลยทำให้คนรอบข้างพากันกลัวไปหมด   
 
หลังเวลาพักกลางวันเซระก็ปลีกตัวมานั่งอยู่เพียงลำพังในห้องสมุด   แน่นอนว่าไม่มีใครกล้ามานั่งร่วมโต๊ะด้วยแน่นอน
แต่เธอกลับรู้สึกถึงสายตาหนึ่งที่แอบมองมา     ใบหน้าสวยละสายจากหนังสือในมือแล้วมองสบเข้ากับดวงตากลมโตของสาวหน้าหวาน     
 
"สะ..สวัสดีค่ะ พี่เซระ"
เสียงแผ่วเบาระล่ำระลักเอ่ยขึ้นราวกับตกใจที่ถูกจับได้ว่าแอบมองอยู่     

คังวอน  เซระไม่อาละวาดใส่คนที่บังอาจเอ่ยเรียกชื่อต้องห้าม   แต่กลับปล่อยให้เด็กสาวรีบเผ่นหนีไปอย่างง่ายดาย         
 "หึ"กล้าอ้าปากเรียกชื่อนั้นของฉัน งั้นเรอะ! "
เสียงพึมพำเล็ดลอดออกมาจากเรียวปากคู่สวย       นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้เจอกับรุ่นน้องคนนี้   หลายต่อหลายครั้งที่ได้สบสายตากันแต่ไร้การสนทนามีเพียงรอยยิ้มและสายตาส่งผ่านความห่วงใยมาให้เสมอ   

ท่าทางสดใสแสนมีชีวิตชีวา  แสดงความรู้สึกได้อย่างตรงไปตรงมาแบบนั้น    มันช่างเหมือนกับตัวเธอในอดีต
เหลือเกิน.....

...

 "ขอโทษค่ะ พี่เซระอยู่ไหมคะ"
 
"ห๊ะ" คังวอนน่ะหรอ""
หนุ่มหน้ามนจ้องใบหน้าของรุ่นน้องผู้กล้าหาญที่กล้าเรียกชื่อต้องห้าม   พอคิดถึงชะตากรรมของสาวหน้าหวานที่ต้องเจอ   ก็ต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
 
"ค่ะ "
ดูเหมือนเสียงนั้นจะดังพอให้เจ้าของชื่อได้ยินจนต้องเดินมาแตะไหล่เพื่อนร่วมห้องเป็นเชิงขอทาง
 
"มีธุระอะไรกับฉัน"
คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อได้พบกับใบหน้าที่แสนคุ้นเคย   เด็กสาวปริศนาที่คอยแต่แอบมองเสมออยู่เสมอคนนั้นนี่เอง เดี๋ยวนี้ชักกล้าหาญบุกมาหากันถึงที่แล้วงั้นสิ"
 
"...คะ..คือ  มิริน   มีเรื่องอยากคุยด้วย..."
 คนตรงหน้าดูประหม่าจนเซระนึกรำคาญใจขึ้นมา
 
"กลับไปซะ  ฉันไม่ว่าง...."
ริมฝีปากบางตัดบทอย่างเย็นชา    แล้วสาวสวยก็เดินกลับเข้าไปในห้องปล่อยให้สาวน้อยหน้าหวานยืนอยู่คนเดียว   นี่สินะจุดจบของคนที่กล้ามายุ่งย่ามกับคังวอน   เซระคนนั้น     ขนาดเจ้าตัวพูดแค่ไม่กี่คำยังแผ่ความเย็นชาให้คนที่อยู่รอบบริเวณนึกกลัวขึ้นมาได้       
.......................................


 หลังเลิกเรียนสาวสวยผู้เฉยชาก็สะพายกระเป๋าตรงไปที่สระว่ายน้ำของโรงเรียน   กีฬาทางน้ำคงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ใจเธอสงบแต่ก็ไม่ได้ชื่นชอบมากถึงขนาดมุ่งมั่นให้เป็นนักกีฬาของโรงเรียน   แถมส่วนมากเจ้าตัวจะชอบว่ายน้ำในร่มเพราะกลัวผิวเสีย   นานๆทีถึงจะแวะมาว่ายที่สระของโรงเรียน   
 
 "คังวอน มาพอดีจะแนะนำให้รู้จัก นี่ คิมเร  มิริน   ผู้จัดการชมรมคนใหม่  อย่าให้ออกไปเหมือนคนเก่าอีกนะเอ็นดูเค้าหน่อยล่ะ  ฉันไปวอร์มก่อนล่ะ"
จียอนทำหน้าหนักใจที่เห็นสมาชิกกิติมาศักดิ์มาเยือน    หัวหน้าชมรมว่ายน้ำเลยบอกเสียงอ่อนเชิงขอร้องเพราะสาเหตุที่ผู้จัดการชมรมคนก่อนออกไปก็เพราะดันไปเรียกชื่อต้องห้ามเข้าให้เลยโดนยัยคุณหนูผู้เย็นชาวีนเหวี่ยงใส่จนรีบมาลาออกในวันถัดมาแทบไม่ทัน      บอกเสร็จจียอนก็ออกไปวอร์มร่างกายทิ้งให้สองสาวอยู่เผชิญหน้ากันเพียงลำพัง


 
"สะ..สวัสดีค่ะ  มิรินค่ะ  ปี2ค่ะ  พี่เซระ...
เด็กสาวบอกด้ยเสียงระล่ำระลัก     
 
 "อย่าเรียกชื่อนั้น!"
ยังไม่ทันจะพูดจบประโยคเจ้าตัวก็ตวาดใส่
 
"ขะ"ขอโทษค่ะ"
 
"สมัครเข้ามาเป็นผู้จัดการคงรู้งานดีใช่ไหม"
เซระไม่ได้สนใจคำขอโทษแม้แต่น้อย    สองมือถอดชุดคลุมออกเผยให้เห็นผิวคล้ำแดดเล็กน้อยที่อยู่ในชุดว่ายน้ำสีดำสนิท
 
     "มองอะไร รีบไปทำงานสิ!"
    เมื่อเห็นอีกคนเอาแต่จ้องนัยน์ตาสีนิลปรายสายตามองอย่างไม่พอใจก่อนจะเดินออกจากห้องล็อคเกอร์

   หลังจากเก็บผ้าไปซัก  รวมทั้งจัดเตรียมผ้าขนหนูไว้ให้สมาชิกในชมรมเรียบร้อยแล้ว   มิรินก็ไปยืนมองรุ่นพี่สาวทำกิจกรรมอยู่ที่ขอบสระ   นัยน์ตากลมโตมองคนที่วาดลีลาว่ายน้ำอยู่ในพื้นน้ำสีฟ้าใสโดยไม่ละสายตาไปไหน    หยดน้ำที่หล่นลงกระทบเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำจนเด็กสาวต้องกระพริบตาถี่ๆ   ทั้งที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งแต่ไม่นานสายฝนก็โปรยปรายลงมาอย่างหนัก     ทำให้มิรินต้องรีบวิ่งไปหอบกองผ้าขนหนูเข้าไปเก็บในห้องล็อคเกอร์     สมาชิกชมรมว่ายน้ำที่กำลังว่ายซ้อมมือกันอยู่ก็ต้องรีบขึ้นมาจากสระกันยกใหญ่    เว้นแต่สาวสวยที่มิสะทกสะท้านต่อสภาวะอากาศยังคงว่ายน้ำอยู่เพียงลำพัง
 
"คังวอน"
จียอนร้องเรียกแต่เห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่สนใจ จึงตะโกนขึ้นอีกรอบ
 
"เซระขึ้นมาเหอะ อันตรายนะ"

เสียงเรียกอันดังสนั่นทำให้เจ้าของชื่อหยุดชะงักยอมว่ายกลับมาแล้วปีนบันไดขึ้นมาเหยียบขอบสระ   นัยน์ตาคู่คมตวัดมองมาทางจียอน   
 
"อย่าเรียกชื่อนั้นอีก!"
 
"ขอโทษจ๊ะคุณคังวอน  แหมก็เรียกแล้วไม่ยอมขึ้นมานี่นา   เอ้าเอาผ้าไผเช็ดไปเปียกหมดแล้วนั่น"
หัวหน้าชมรมบอกยิ้มๆแล้วยื่นผ้าขนหนูให้   ถึงคนส่วนมากจะพากันกลัวยัยคุณหนูคนนี้แต่เธอไม่คิดแบบนั้น แถมยังกล้าต่อปากต่อคำกับอีกฝ่ายเล่นด้วยซ้ำ     


""ฝนยังคงตกหนักทำให้สมาชิกทุกคนตัดใจยอมกลับบ้านไปหมดแล้วเว้นแต่เซระที่กำลังอาบน้ำอยู่  เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเธอก็ยังเห็นมิรินนั่งอยู่ในห้องชมรม   
 
"ด..เดี่ยวค่ะพี่คังวอน..มิรินขอกลับด้วยจะได้....ไหมคะ"
เด็กสาวพูดมาด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ
 
"โทษทีนะบ้านเราคงจะไปคนละทาง"
เธอปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
 
 "มิรินลืมเอาร่มมา"
 
 
"หึ..จะได้ใช้เป็นข้ออ้างขอกลับบ้านพร้อมฉันงั้นสิ"
ริมฝีปากบางบอกเสียงเรียบ  สายตาสีนิลมองดูใบหน้าที่แสดงความตื่นตนก

"...มะ..มิรินไม่ได้คิดแบบนั้น"จริงๆนะคะ"
 ริมฝีปากอิ่มบอกเสียงระล่ำระลัก  เสสายตาไปทางอื่น   แต่ถูกปลายนิ้วเย็นยะเยือกจับคางมนให้หันกลับมาสบสายตาที่มองราวกับอ่านใจกันได้
 
"คิดจะเป็นสโตกเกอร์ตามติดฉันรึไง!"  มุกเด็กๆแบบนี้อย่าคิดว่าจะหลอกฉันได้เลย  ไม่มีร่มก็เดินตากฝนกลับไปซะสิ"
เสียงนั้นเย้ยยั่นใส่ก่อนจะยอมปล่อยให้คนตัวเล็กทรุดลงบนพื้น   และเดินไปเก็บของแล้วเดินออกไปจากห้องล็อคเกอร์

............................................
 
ปลายรองผ้าใบที่ชุ่มไปน้ำหยุดลงเมื่อนัยน์ตาสีนิลมองเห็นเงาอันเลือนรางของรถยนต์คันหรูที่จอดเย้ยฟ้าท้าแรงฝนอยู่หน้ารั้วโรงเรียน    ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันก่อนจะตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในโรงเรียนเพื่อใช้ประตูทางออกด้านหลัง      ถ้ารถคันเก่งไม่เบรคแตกจนต้องเข้าไปซ่อมที่อู่ชั่วคราว คุณหนูอย่างคังวอน  เซระก็ไม่ต้องมาหาทางหลบเหลี่ยงรถที่บิดาส่งมารับ    และเหตุผลที่ไม่อยากขึ้นรถคันนี้ก็เพราะเงาของใครบางคนที่นั่งเชิดหน้าอยู่ในนั้นนั้น      พอเดินมาทางออกด้านหลังก็เห็น เด็กสาวกำลังกอดอกตัวสั่นเดินต่อต้านความหนาวผ่านสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักไปที่ป้ายรถโดยสารประจำทาง

ยัยเด็กนั่นลืมเอาร่มมาจริงๆงั้นสิ" 



ใบหน้าเนียนใสที่ขึ้นสีระเรื่อเพราะความหนาวเย็นค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเงาที่ทอดมาบดบัง
"ยัยบ้าเดินตากฝนมาได้...อยากปอดบวมตายรึไง""
ริมฝีปากบางส่งถ้อยคำร้ายๆออกมาไม่หยุดหย่อน    แต่มิรินกลับยิ้มรับแล้วเดินเข้ามาอยู่ใต้ร่มคันเดียวกัน

"ไม่ไหวเดี๋ยวแวะบ้านชั้นก่อน   โทรบอกที่บ้านไว้ไปจะได้ค้างๆไปเลย"
ใบหน้าสวยปรายตามอเสื้อขาวที่แนบติดผิวกายทำให้เห็นชั้นในสีอ่อน   ขืนปล่อยให้เด็กคนนี้กลับบ้านไปทั้งแบบนี้คงได้เป็นไข้หวัดตายขึ้นมาจริงๆแน่ 

 "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ  ฉันอยู่แมนชั่นคนเดียว"
บอกแล้วกอดกระเป๋าใบเล็กสีดำแน่นสนิทราวกับป้องกันไม่ให้มันเปียก
 
คิ้วเรียวขมวดมุ่นกับสิ่งที่ได้ยิน  แต่จะให้ไปซักไซ้เรื่องชาวบ้านก็ไม่ใช่นิสัยเธอซะด้วย
"อืม"
เซระจึงแค่ขานรับแล้วเงยหน้าขึ้นมองไปยังป้ายรอรถประจำทางที่คลาคล่ำไปด้วยกลุ่มนักเรียนชายหญิงในเครื่องแบบเหมือนกันกับพวกเธอ    ทุกสายตาต่างพากันจับจ้องมาทางสาวสวยกับเด็กสาวที่ชุ่มไปด้วยน้ำทั้งตัว   เกิดคำถามขึ้นมากมายถึงความแปลกประหลาดที่ทุกคนไม่มีโอกาสได้เห็นบ่อยเท่าไรนัก   ที่คนอย่างคังวอน  เซระจะยอมญาติดีกลับบ้านพร้อมคนอื่นได้!  ทว่านัยน์ตาสีนิลกลับตวัดมองด้วยความไม่พอใจให้ทุกสายและทุกเสียงซุบซิบหยุดลง 

............................................

...... ภายในรถโดยสารผู้คนเบียดเสียดแน่นขนัด  จนเทียบไม่มีที่ให้ยืนได้สะดวกเท่าไรนักเซระอาศัยยึดมุมยืนเอาหลังพิงผนังแล้วยกแขนขึ้นเท้าผนังเพื่อกันให้มิรินที่เริ่มมีอาการไม่สู้ดีอยู่ในอ้อมแขน      ตั้งแต่ขึ้นรถมาใบหน้านั้นก็ซีดเซียวราวกับคนป่วยไข้มาแรมปี    ริมฝีปากอิ่มสั่นระริก     กว่าจะประคับประครองกันมารอดปลอดภัยจนถึงที่หมายก็เล่นเอาสาวสวยขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดที่ต้องอารมณ์เสียกับการขับรถอันแสนห่วยแตกของพนักงานสูงวัยรุ่นตา   แค่สัมภาระก็รุงรังจะตายอยู่แล้วไหนยังจะต้องมาคอยประครองคนแล้วยังต้องเกร็งตัวตอนรถเข้าโค้งหรือปาดหน้าแซงซ้ายขวาอีก
       
  ตาแก่งี่เง่าเอ้ย!  ขับห่วยๆแบบนี้รีบๆลาออกไปซะไป!
คิดแล้วก็ยังอารมณ์ขึ้นไม่หายแล้วปรายตามองใบหน้าซีดเผือดที่ซบลงบนไหล่    ดูท่ายัยเด็กนี่จะเป็นไข้ขึ้นมาจริงๆซะแล้วมั้ง    นัยน์ตาสีนิลมองเมดสาวที่เดินกางร่มออกมารับถึงหน้าประตูรั้ว     

บ้านสกุลคัง   ของผู้บริหารคังวอนกรุ๊ปคนปัจุบันใหญ่โตโอ่อ่า  ตัวบ้านถูกสร้างขึ้นมาโดยใช้แบบแปลนของคฤหาสน์ยุโรปมาประยุกต์ให้เข้ากับพื้นที่ที่มี

 
 
 "นี่หนีขึ้นรถเมล์กลับมาเองอีกแล้วเหรอเนี่ย  ทั้งที่ฝนแท้ๆน่าจะยอมๆทนนั่งมากับยัยอินยังหน่อย"
เธอเปิดประตูรั้วต้อนรับคุณหนูของบ้านพร้อมรอยยิ้ม  แล้วมองเด็กสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นนาย
"รึว่ามีแขกเลยกลับเอง"


"แขกบ้าอะไรเล่า   อย่ามัวแต่พูดมาก รีบๆมาช่วยกันหน่อย!  เร็วฉันจะไม่ไหวแล้ว"

ยูอินเลยรีบเข้าไปช่วยประครองคนแทบไม่มีสติหลงเหลือแล้วช่วยพาข้ามาจนถึงห้องรับแขกได้อย่างทุลักทุเล 
ฝ่ายเซระถึงกับต้องยกมือขึ้นปาดเหงื่อ   ใครจะไปคิดว่า  คิมเร  มิรินที่ตัวเล็กดูบอบบางแบบนี้จะหนักเอาเรื่องเหมือนกัน

 
 "ตัวร้อนจี๋แบบนี้เป็นไข้แล้วแน่ๆ"
เมดสาวบอกพลางยกมือขึ้นแตะหน้าผากมนของคนที่พริ้มตาหลับไปเพราะพิษไข้
 
 "เอาเข้าไปเป็นไข้ขึ้นซะจริงๆ  งั้นก็ช่วยกันแบกขึ้นห้องชั้นก่อนละกัน"
เซระบอกด้วยเสียงหงุดหงิด   
 
"" หลังจากที่ใช้พละกำลังที่มีอยู่ไม่มากสองสาวก็ช่วยกันพามิรินที่หมดเรี่ยวแรงเพราะถูกไข้หวัดเล่นงานมาส่งถึงห้องนอนจนสำเร็จ    ยูอินได้เตรียมเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนและผ้าขนหนูผืนพอเหมาะกับขันใส่น้ำเพื่อไว้เช็ดตัวให้คนป่วย   ที่สำคัญยังมีอาหารพร้อมน้ำดื่มและยาเตรียมไว้เสร็จสับ  จากนั้นเมดสาวก็ขอตัวลงไปจัดเตรียมโต๊ะอาหารต่อ
 
 
 "ยัยตัวภาระ"
ริมฝีปากบางเปรยขึ้นพลางยกแขนขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้า     

ชุดนักเรียนถูกถอดออกไปจากตัวของคนที่หลับใหลไม่ได้สติ   เผยให้นัยน์ตาสีนิลเห็นอกอวบอิ่มที่ซ่อนรูปเอาไว้ใต้เสื้อนักเรียนตัวใหญ่      ผิวขาวเนียนอมชมพูแลดูสุขภาพดีดึงดูดให้ไล้ปลายนิ้วลงบนเนินอกอวบอิ่มทันที   
น่าแปลกที่เรือนกายสตรีเพศด้วยกันช่างดูน่าหลงใหลได้ถึงเพียงนี้     ทั้งที่มีทุกอย่างเหมือนกันแต่ผิวกายของเด็กสาวกลับลื่นละมุน    แก้มเนียนใสขึ้นสีระเรื่อ  ริมฝีปากอิ่มเผยอส่งผ่านลมหายใจแผ่วเบา   

ยัยเด็กนี่ซ่อนรูปขนาดนี้เลยเหรอ...
ปลายนิ้วร้อนค่อยๆเค้นคลึงความนุ่มนิ่มจนเผลอออกแรงกดลงตามใจชอบให้ริมฝีปากอิ่มครางออกมา    ถึงได้เรียกสติที่หลงเพลิดเพลินของเซระให้กลับมาได้


   มัวทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย!
   
   เธอยกมือขึ้นปิดริมฝีปากตัวเอง  ใบหน้าสวยส่ายมาขับไล่ความคิดแปลกประหลาดออกไปจากหัวยกใหญ่
 
.......................................
 
        เซระใช้เวลาอาบน้ำนานกว่าทุกครั้ง  หลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็มายืนมองท้องฟ้าหลังฝนที่ริมหน้าต่างห้องนอน   พอเดินมาดูอาการคนป่วยที่ถูกเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วก็ยังหลับใหลไม่ได้สติ      เธอเลยเอื้อมมือไปแตะหน้าผากมนถึงเช็ดตัวไปแล้วแต่องศาความร้อนก็ไม่คลายลงแต่อย่างใด!

ต้องให้กินยางั้นสิ"   เพียงแค่คิดใบหน้าสวยก็มีสีหน้าหน่ายใจขึ้นมา
 ให้ทานยาคงจะเป็นทางแก้ที่ดีที่สุด   แต่จะทำยังไงได้ล่ะในเมื่อคุณเธอก็หลับชนิดไม่รู้สึกตัวอีกนะ  จะให้ยัดอาหารก่อนยาเข้าไปได้ยังไง    สาวสวยเลยค่อยๆพยุงร่างคนที่ยังไม่ได้สติให้พิงหัวเตียงอยู่ในท่านั่ง      เธอจะจับยากรอกปากยัยเด็กสำออยตรงหน้าเลยดีไหมเนี่ย!"

ปลายจมูกได้รูปถอนหายใจออกมา   คิดไปแล้วก็ไม่น่าไปเก็บยัยตัวภาระกลับบ้านมาด้วยเลย    เพียงแต่พอมองใบหน้าใสทีไรก็มีอะไรบางติดค้างอยู่ในใจมาตลอด   
กะอีแค่เด็กสโตกเกอร์ที่ชอบมาแอบมองกันบ่อยๆอ   ทำไมต้องสนใจด้วยล่ะ"
 
 
ริมฝีปากบางแค่นยิ้ม    ยาเม็ดเล็กๆถูกปลายนิ้วเรียวส่งผ่านใส่เข้าไปในริมฝีปากอิ่มที่แดงระเรื่อเพราะพิษไข้     จากนั้นก็เอื้อมไปหยิบแก้วน้ำจากถาดสีเงินขึ้นมาจรดริมฝีปากเพื่อตักตวงน้ำ     ใบหน้าโน้มไปใกล้คนที่ไร้สติ  ริมฝีปากบางทาบทับริมฝีปากอิ่มแทรกปลายลิ้นแทรกเข้าไปเพื่อถ่ายเทน้ำให้     แม้นจะทุลักทะเลไปบ้าง สุดท้ายเด็กสาวก็กลืนยาลงไปได้โดยไม่สำลัก    เธอเลยจัดแจงให้คนป่วยนอนในท่าสบายและดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้     

น่าแปลกทั้งที่การกระทำเมื่อครู่ไม่ต่างกับการจูบกับผู้หญิงด้วยกัน  แต่เธอกลับไม่รู้สึกอะไรเลยต้องบอกว่าไม่ยินดียินร้ายอะไรทั้งนั้น   ไม่ได้รังเกียจและก็ไม่ได้พิศวาสอยากจะทำกับใครก็ได้


เสียงเคาะประตูดังขึ้นให้นัยน์ตาสีนิลหรี่ลง   

"เข้ามาไม่ได้ล็อค"
 บอกเสียงเรียบเพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าคนที่จะเข้ามายุ่งย่ามถึงห้องนอนเป็นการส่วนตัวคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก  ยูอิน  เมดสาวพ่วงตำแหน่งเพื่อนสมัยเด็กไปด้วย


"ได้เวลาอาหารเย็นแล้วนะ  คุณผู้ชายกลับมาแล้วด้วยไม่ลงไปจะดีเหรอ"
 
"ช่างเถอะฝากดูเค้าต่อหน่อยได้ไหมฉันอยากไปเดินเล่นหน่อย   แล้วก็ช่วยจัดอาหารเย็นใส่ถาดยกขึ้นมาให้บนห้องเหมือนเคยทีนะ"
บอกด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายแล้วโยนภาระให้อีกฝ่ายทันที
 
...
 
         สวนอันกว้างใหญ่ตกแต่งสไตล์ยุโรปแต่กลับที่ยังมีมุมหนึ่งที่ตกแต่งแบบสวนญี่ปุ่น   เซระชอบมุมนี้มากเป็นพิเศษเสียงไม้ไผ่ที่รองรับน้ำจนเต็มแล้วกระทกกระทบโขดหินเป็นจังหวะทำให้ใจที่ร้อนรุ่มสงบลงได้อย่างน่าประหลาด   ที่ม้านั่งไม้เก่าคร่ำคร่าตัวนี้แต่ก่อนเคยเป็นที่ประจำที่มารดาจะพาเธอมานั่งอ่านหนังสือนิทานอยู่เสมอ      กลิ่นดินหลังฝนตกส่งความชื้นขึ้นจมูก  ทำให้ความรู้สึกเก่าๆหวนกลับมา  ภาพในวันวานของหญิงสาวกับเด็กหญิงตัวเล็กๆค่อยๆปรากฏขึ้นมา

"เซระ  เข้าไปทานมื้อเย็นด้วยกันหน่อยเถอะ"
เสียงที่เอ่ยขึ้นฉุดจิตใจที่จมปลักกับอดีตให้กลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง
 
"เชิญตามสบายเถอะค่ะ"
สายตาคู่คมมองเชือดเฉือนมองไปทางเด็กสาวหน้าใสที่ควงแขนชายวัยกลางคนเอาไว้ 
 
 "เซระ""
เขาทอดเสียงอ่อน  พยายามข่มอารมณ์โมโหเอาไว้     คังวอน  ชินแดไม่เคยมีความคิดอยากแต่งงานกับคนญี่ปุ่นเลยแม้แต่น้อย   แต่ต้องจำยอมรับ  คิตากาว่า   ซูมิโกะ   เข้ามาเป็นเจ้าสาวบ้านสกุลคังด้วยเหตุผลทางธุรกิจกับ คาตากาว่ากรุ๊ปโดยตรง    ผู้หญิงญี่ปุ่นผู้จองหองคนนั้นขนาดตายไปยังทิ้งความหยิ่งทระนงไว้ในตัวลูกสาวคนนี้อีก    นับวันยิ่งเด็กคนนี้โตขึ้น เซระก็ยิ่งมีใบหน้าละม้ายคล้ายเธอขึ้นทุกที     


"คุณกลับเข้าไปข้างในก่อนเถอะค่ะ  เดี๋ยวฉันคุยกับเค้าเอง"
หญิงสาวกระซิบแผ่วเบาให้ชายวัยกลางคนใจเย็นลง
 
"ตามใจเธอละกัน"
ชินแดถอนหายใจก่อนจะเดินออกไปจากสวน   ทิ้งให้สองสาวเผชิญหน้ากันเพียงลำพัง
 
 "มันถึงเวลาที่แกจะยอมทำตัวดีๆได้แล้วนะ  เซระ"
พอไม่มีสามีรุ่นพ่ออยู่เคียงข้าง    คิม   อินยังที่เพิ่งเปลี่ยนนามสกุลมาเป็น คังวอน ได้ไม่ถึงปีก็แสดงสีหน้าเป็นต่อเย้ยยั่นใส่อดีตเพื่อนสนิททันที
 
"ฉันไม่มีธุระกับคนโสโครก  ขอตัวนะ"
ใบหน้าสวยปรายตามองด้วยความชิงชัง  ก่อนจะลุกขึ้นปัดเศษฝุ่นออกจากกางเกงยีนส์สีซีดของตัวเอง ท่าทางอันน่าหมั่นไส้นั่นทำให้อินยังตรงเข้าคว้าไหล่บางให้คนที่ทำเมินเฉยให้หันกลับมา
 
"ทำไม!  ทั้งที่ฉันได้ครอบครองทุกอย่างจนอยู่เหนือแกแล้ว   ฉันชนะแกแล้ว  ทำไมแกไม่รู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้บ้างเลยเล่า!"
ริมฝีปากสีสดส่งเสียงเกรี้ยวใส่   ให้นัยน์ตาสีนิลมองกลับด้วยสายตารังเกียจ
 
มือนั้นปัดมือของคนที่รุกรานออก  จนอินยังต้องสะบัดมือไล่ความเจ็บแปล็บไปมา


"ไม่มีอะไรที่ฉันต้องรู้สึกแบบนั้น     จะมีก็แค่ความเสียดาย   เสียดายที่เสียเวลาไปสนิทกับยัยแพศยาอย่างเธอมากกว่า   คิม  อินยัง" 
ใบหน้าสวยบอกด้วยสายตาเย็นชาราวกับมองเธอเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำก็ไม่ปาน   


"แก!"
ฝ่ามือวาดขึ้นในอากาศแล้วพุ่งแรงหมายจะฟาดหน้าของคนเฉยชา    แต่ถูกนิ้วเรียวรับไว้ได้ทันการแล้วฉุดให้คนที่ตัวเล็กกว่าเซเสียหลักถลาเข้ามาหา   



ริมฝีปากบางแตะลงบนใบหูขาวกรอกเสียงเย็นชาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

"อย่าได้คิดจะเอามือสกปรกมาแตะต้องฉันบ่อยๆถ้าไม่จำเป็น   มันน่าขยะแขยง"   

คำพูดอันบาดลึกมีอานุภาพรุนแรงจนเข่าทั้งสองทรุดลง    อินยังมองดูผู้หญิงที่แสนหยิ่งยโสที่ค่อยๆเดินหันหลังไปอย่างเย็นชา    ครั้งหนึ่งทั้งสองเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก   และบางทีเธออาจจะเป็นคนเดียวทีได้เห็นนิสัยทุกด้านจากตัว  คังวอน  เซระ  คนนั้นก็เป็นได้


Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น