web stats

ข่าว

 


Black Butterfly- Chapter 13 : Love Sick

โพสต์โดย: anhann วันที่: 05 พฤศจิกายน 2014 เวลา 13:57:40 อ่าน: 584



นิยายเรื่องนี้เปิดให้จองแล้ว ในราคา เล่มละ 380 บาท ส่งฟรีพัสดุธรรมดา   ส่งลงทะเบียน 430 บาท และ 450 บาท EMS


สนใจเข้าไปดูรายละเอียดการจองเพิ่มเติมได้ที่ http://www.yuriread.com/index.php?topic=1340.0 นะคะ




Chapter 13 :  Love Sick





"จำเป็นด้วยเหรอคะ  บอดี้การ์ดที่พี่หมอส่งมา  ก็ดูแลฉันได้ดีอยู่แล้ว"  เกว็นออกความเห็นเมื่อได้ฟังประเด็นพิเศษของที่ปรึกษาพิเศษที่ปกติไม่ค่อยมาที่นี่เท่าไหร่นักตั้งแต่เธอมาเริ่มทำงานแทนคุณพ่อที่เสียไป  แต่ครั้งนี้คงเป็นเรื่องใหญ่พอที่พี่เค้าจะเจียดเวลาที่มีน้อยนิดมาหาเธอ  แต่นั่นก็เพราะเธอเองที่หนีพี่เค้ามาอยู่ข้างนอก  มาครอบครองเพนเฮ้าส์ที่ซื้อไว้นานแล้วเพียงลำพัง  เรื่องนี้มันทำให้เธอกับพี่ผิดใจกันอยู่บ้าง  หากพี่หมอของเธอก็ยังคงเหมือนเดิม  ตามใจเธอเสียยิ่งกว่าใคร  ถ้าจะถามว่าในโลกนี้ใครที่รักเธอที่สุด  ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนี้แหละ  เพราะแบบนี้เธอถึงรู้สึกผิดทุกครั้งที่ทำตามคำสั่งพี่ไม่ได้  แต่เธอก็อยากจะเป็นตัวของตัวเองเท่านั้น

"เรื่องนี้พี่ก็บอกเค้าไปแล้ว  แต่ทางนั้นก็ยังยืนยันว่าจะส่งคนมาให้ได้"  สเตลล่าอธิบายพลางใช้นิ้วถูขมับไปมา  อาการไม่ค่อยดีนักจนน้องรักอดทนดูไม่ไหวต้องพูดอะไรบ้าง

"พี่ส่งงานมาให้ฉันหมดหรือยังคะ  ไม่ใช่ว่ายังแอบทำแทนฉันอยู่นะ  อย่าทำแบบนั้นนะสเตล  ฉันโตแล้ว  ให้ฉันช่วยพี่บ้าง"  คนเป็นน้องยืนกรานหนักแน่นเสียจนพี่สาวต้องรับปาก  อยากมีเวลาได้ทำอย่างอื่นบ้างเหมือนกัน   

"ส่วนเรื่องนั้น  ขอฉันคิดดูอีกทีได้ไหม  พี่ก็รู้ว่าฉันเกลียดบอดี้การ์ด  ฉันไม่ชอบถูกจับตามอง"

"หล่อนไม่ได้เป็นบอดี้การ์ดค่ะ  แต่หล่อนเป็นนักฆ่าที่กำลังจะรีไทร์"  คุณหมอแก้ไข  เรียกอาการตกใจบนใบหน้าของน้องสาวได้ทันที  "สวยค่ะ  จะดูโปรไฟล์หน่อยไหม.?"  พูดไปตามประสาคนเจ้าชู้  คนที่คุยกันอยู่สั่นหัวให้อย่างไม่เห็นด้วย "แหมเกว็นก็.. คนเราต้องรีแลกซ์กันบ้างนะ ไม่งั้นจะแก่เร็ว"

"รีแลกซ์แบบไหนคะพี่สาว  รีแลกซ์จนขับรถเองไม่ไหวต้องให้ริซ่าไปรับมาเนี่ยเหรอ  หักโหมไปน่ะสิไม่ว่า"  เกว็นแขวะเข้าให้  พี่สาวคนดีได้แต่หัวเราะแหะๆ เถียงไม่ออก  "อีกอย่าง  พี่คิดยังไงคะ  ให้นักฆ่าแบบนั้นมาอยู่ใกล้ฉัน  แน่ใจเหรอว่า  ฉันจะปลอดภัย"

"ค่ะ  ปลอดภัยสิ  หล่อนมีหน้าที่แค่ทำตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายเหมือนทหารรับใช้ที่ดีเท่านั้นแหละ  พูดง่ายๆ คือ  คนที่องค์กรนั้นฝึกฝนมา  ยึดถือคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเหนือเรื่องอื่น"

"แม้แต่จะต้องแลกด้วยชีวิตของเค้า.?"

"ถูกต้องค่ะ"

"ว้าว..  ฟังดูเท่ดีจริงๆ"   

คนเป็นพี่ถอนหายใจ  รู้อยู่ว่านั่นคือการประชด  น้องของเธอบทจะไม่ยอมอะไร  ก็ใช่จะบังคับได้ง่ายๆ ดื้อเหมือนใครก็ไม่รู้

"เกว็นคะ  ไม่ใช่ว่าพี่เห็นคนอื่นดีกว่าน้องนะ  แต่พี่คิดว่าข้อเสนอของพวกเขาก็ไม่เลวดีเหมือนกัน  อีกอย่าง  ถ้าน้องช่วยรับเธอคนนั้นไว้  ก็เท่ากับว่า น้องได้ทำบุญเพิ่มนะคะ"

เกว็นเลิกคิ้วแปลกใจ  หากสมองไวไวของเธอก็ทำให้เข้าใจได้อย่างไม่ยาก  "หรือนี่เป็นงานสุดท้ายของเค้า.?"

"ใช่ค่ะ  เพราะเด็กคนนั้นอยากเลิกแล้วล่ะ  ทางองค์กรจึงเสนองานนี้ให้ไป  และถ้าน้องอยากช่วยเค้าก็..  แฟ้มประวัติของเค้าอยู่ตรงนี้นะ" สเตลล่าเลื่อนแฟ้มตรงหน้าตัวเองไปอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายแทน  เห็นน้องมองมันอย่างลังเลใจก็แอบยิ้ม  เกว็นใจดีออกอย่างนี้  งานนี้ไม่มีพลาดแน่นอน  แต่เธอคงไม่ทำให้ไก่ตื่นเสียก่อนหรอก 

"โอเค..  งั้นพี่ไปดีกว่า  เธอจะได้ทำงานสบายๆ อ้อ.. แล้วถ้าเบื่อทานมื้อเย็นคนเดียว  พี่ว่างนะคะ"  คุณหมอทิ้งท้ายด้วยการขยิบตาขี้เล่นให้น้อง  โบกมือหยอยๆ แล้วออกจากห้องไป  เธอมีคิวต้องไปเคลียร์งานที่โรงพยาบาล

"ริซ่าที่รัก  ฉันไปรอหน้าตึกนะ"  โทรสั่งการคุณเลขาที่รอสแตนบายด์เป็นสารถีให้ในวันนี้ไปพลางเดินไปพลาง  ตาก็มองนู่นมองนี่ไปด้วยแต่ก็ยังมีบางอย่างมาชนขาอีกจนได้  หรือมันไม่ได้อยู่ในระดับสายตา 

"เฮ้..  ระวังหน่อยเจ้าหนู"  เจ้าหนูที่ว่าเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอที่ประคองตัวเขาไว้ไม่ให้ล้มแล้วยิ้มแฉ่ง  สเตลล่าแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหว  เขามีฟันหน้าสองซี่เหมือนกระรอก  นอกนั้นดูเหมือนจะไม่มีแล้ว  หรือเธอไม่เห็น 

"ชื่ออะไรเนี่ยเรา..  แล้วมาวิ่งเล่นที่นี่ได้ยังไง"  ว่าจะรีบไปกลับมาชวนเด็กคุยเสียอย่างนั้น  ซ้ำยังอุ้มเขาขึ้นมาอีก เจ้าหนูที่คงอายุไม่เกินสี่หรือห้าขวบวัดจากขนาดตัวของเขาก็ช่างกระไร  ไม่ยักกลัวเธอเหมือนผู้ใหญ่ทั่วไปเป็น  หรือเพราะเขาเป็นเด็กและไม่รู้ว่าเธอน่ากลัว  แต่สำหรับเธอก็คงเพราะดวงตาสีเขียวน้ำทะเลที่ทำให้นึกถึงใครบางคน

"เฮ้.. ทำไมไม่ตอบล่ะครับ  กลัวฉันเหรอ.?"  ถามย้ำอีกทีเมื่อยังไม่ได้คำตอบ  เจ้าหนูน้อยที่เอาแต่ยิ้มกำลังจะอ้าปากตอบอยู่แล้วแต่เสียงของเขาก็เบากว่าเสียงที่ดังแทรกเข้ามา

"อเล็กซ์อยู่ไหนลูก!"

ทั้งผู้ใหญ่และเด็กหันขวับไปตามเสียงนั้นพร้อมกัน  แต่ทั้งคู่กลับอยู่ในอาการที่ต่างกันเมื่อเห็นหน้าเจ้าของเสียงที่ก็อึ้งไปหน่อยเพราะถูกมองจ้องจนประหม่าจากสายตาของผู้ใหญ่

"มัม!"

"อเล็กซ์"  ผู้มาใหม่ขานรับลูกชาย  เธอกึ่งกล้ากึ่งกลัวเข้ามาขอรับตัวเขาไปจากคนที่อุ้มอยู่  ถึงเค้าจะไม่ว่าที่เธอเอาลูกมาเลี้ยงที่ทำงานแล้ว  ซ้ำยังใจดีกับลูกของเธอด้วยแต่ยังไงเค้าก็เป็นเจ้านาย "ขอบคุณค่ะบอส"

"ไม่เป็นไรโมร่า"  สเตลล่ายิ้มใจดี  ยกมือขึ้นลูบหัวหนุ่มน้อยที่ยังยิ้มให้เธออยู่  "อย่าซนนักนะเจ้าหนู  คุณแม่เราเขาเหนื่อย"  เด็กน้อยพยักหน้ารับอย่างไม่อิดออด  น่ารักจนเธอเผลอหอมแก้มไปหนึ่งที  แล้วหันมายิ้มให้แม่เขาบ้าง  "เขาโตขึ้นมากเลยนะ  ฉันจำไม่ได้เลย"

"ครั้งสุดท้ายที่คุณมาเยี่ยมเราก็ตอนเขาขวบเดียวค่ะ"

"โอ้นั่นสินะ  ฉันทำงานจนลืมเวลา"

เลขาของซีอีโอคนใหม่ผงกศีรษะรับคำอธิบายแม้จะรู้ว่ามันมีส่วนจริงเพียงห้าสิบเปอร์เซ็น  อีกห้าสิบเปอร์เซ็นที่เหลือคือ.. ไม่อยากเจอเธอ..

ไม่อยากเจอแต่กลับส่งเงินช่วยเหลือมาให้ทุกเดือนไม่เคยขาดและยังให้มากกว่าอดีตสามีเธอที่เลิกรากันไปเสียอีก  ความจริงเธอก็รู้ว่ามันผิดซ้ำยังเห็นแก่ตัวที่รับเงินจากเค้ามาแต่ชีวิตคนบางครั้งก็เลือกไม่ได้  ลูกของเธอไม่แข็งแรงตั้งแต่แรกคลอด  เขาต้องใช้เงินจำนวนมากในการรักษา  มันเป็นหนึ่งเหตุผลที่สามีเก่าเธอตัดช่องน้อยแต่พอตัวหนีปัญหาไปแทนที่จะเผชิญมันด้วยกัน  ครั้นจะหันหน้าไปพึ่งพ่อแม่  พวกท่านก็ตัดขาดเธอแล้วตั้งแต่ที่เธอเลือกคบผู้ชายคนนั้น  หักหาญน้ำใจเพื่อนรักที่เป็นมากกว่าเพื่อนคนนี้ทั้งที่เค้าทั้งดีแสนดี  ดูแลทั้งพ่อแม่และตัวเธอมาโดยตลอดทั้งที่ตัวเองก็ยุ่งมากๆ อยู่แล้ว  พ่อแม่เธอยอมรับเค้าทั้งที่หัวเก่า  ทั้งที่รู้ว่าเค้าอยู่ในตระกูลมาเฟีย  ทั้งที่เค้าเป็นผู้หญิง  เพราะเค้าเป็นคนดีน่ารักเสมอต้นเสมอปลาย  แต่เธอกลับเข้าใจว่าครอบครัวจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อมีผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ด้วยกันและมีลูก  แต่สิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้กลับพิสูจน์ได้แล้วว่า  เธอคิดผิด

ผิดมหันต์ที่ทิ้งผู้หญิงคนนี้ไป..

คนที่ปราณีเธอทั้งที่ปกติจะหักคอทุกคนที่ทรยศหักหลัง  เธอเป็นหนี้ทั้งตัวเงินและบุญคุณเค้าอย่างไม่รู้ว่าชาตินี้จะใช้ได้หมดยังไง  งานเลขานี้ก็เช่นกัน  เมื่อสี่ปีที่แล้วเพราะรู้ว่าเธออยากทำงานมากกว่าจะนั่งรับเงินเค้าฟรีๆ  'ริซ่า  คอนเนล' จึงถูกส่งไปเคาะประตูบ้านเธอและยื่นจดหมายให้  ตั้งแต่วันนั้นเธอจึงสามารถรักษาศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่น้อยนิดเอาไว้ได้  สำนักงานใหญ่เคกรุ๊ปเป็นเหมือนบ้านหลังที่สองของเธอ  เธอใช้เวลาหลังจากไปส่งลูกที่เนอร์สเซอร์รี่ในละแวกที่ทำงานเรียนรู้งานตั้งแต่เป็นพนักงานเล็กๆ จนเลื่อนมาเป็นเลขาผู้จัดการ  เลขาซีอีโอคนเก่า  จนซีอีโอคนใหม่ในปัจจุบัน

แต่แปลกไหม  เธอไม่ค่อยได้เจอหน้าที่ปรึกษาเคกรุ๊ปคนนี้เลยทั้งที่ห้องทำงานเค้าอยู่ใกล้ห้องซีอีโอ  มีเรื่องเดียวที่พอจะเดาได้คือเค้าหลบหน้าเธอ  อาจจะเกลียด  แต่นั่นมันก็สมควร  แต่บางทีการที่ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นเด็กเส้นของใคร  อาจทำให้เธออยู่ที่นี่ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นก็ได้

"พักผ่อนบ้างนะคะ  คุณผอมไปมาก"

"เหรอ..  แต่ฉันว่าเพราะฉันสูงขึ้นมากกว่ามั้ง"  สเตลล่าเฉไฉ  อีกฝ่ายก็คงพอรู้แต่ไม่ทักท้วงอะไร  เธอน้ำหนักลดฮวบตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้มันก็ไม่ขึ้นอีกเลย  มีแต่จะลดลง  แต่คงเพราะส่วนหนึ่งเธอไม่ค่อยมีเวลาจะกินอะไรเป็นมื้อใหญ่ๆ มากนัก  และยังออกกำลังกาย (ในร่ม) มากไปอีกด้วย  อย่างหลังนี่ช่วยให้หุ่นดีได้อย่างเหลือเชื่อจริงๆ

"ยังไงก็ดูแลตัวเองหน่อยนะคะ" 

ดวงตาสีนิลสบตาสีเขียวใสนิ่งๆ เธอยังมีความรู้สึกให้ผู้หญิงคนนี้อยู่  แม้จะไม่มากมายเท่าเมื่อก่อน  ส่วนความโกรธแค้นที่ถูกทอดทิ้งมันหายไปตั้งแต่เห็นหน้าเจ้าหนูคนนี้วันที่เขาคลอดออกมาแล้วล่ะ

"ขอบใจนะโมร่า  เธอเองก็---"

"สเตลคะ  คุณอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย!" 

เจ้าของชื่อเผลอกลอกตาเซ็งที่ถูกขัดจังหวะ  เธอเม้มปากกลั้นอารมณ์นับหนึ่งถึงสิบในใจแล้วหันไปยิ้มทักทายคนเรียกที่มาโผล่ตรงนี้ได้ยังไงไม่รู้

"สวัสดีแอนเดรีย..  ลมอะไรพัดคุณออกมาจากห้องเย็นได้คะ"

โมร่าอมยิ้มให้กับคำพูดนั้นเพราะรู้จักคนพูดเป็นอย่างดี ท่าทางแบบนี้บอกเลยว่าเค้าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่  แล้วที่แอบหันมาขยิบตากับเธอก็คงจะบอกว่าห้ามเธอเอ็ดไปแน่ๆ  เห็นอย่างนี้แล้วเธอก็ค่อยสบายใจขึ้นหน่อยว่าอย่างน้อย  เค้าคงไม่ค่อยมีเวลาให้เหงา  สาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลังขนาดนี้

"มีธุระสำคัญค่ะ  พอจะมีเวลาบ้างไหม.?"

สเตลล่าจะเอ่ยปากปฏิเสธแต่พอเห็นสายตาผู้มาใหม่ที่มองผ่านตนไปยังเลขาของน้องก็รู้เลยว่าต้องเป็นเรื่องแน่ถ้าเธอทำอย่างนั้น  "โอเคค่ะ  งั้นคุณลงไปหาริซ่าข้างล่างเลยนะคะ  เดี๋ยวฉันตามไป"

"ค่ะ ก็ได้  แต่อย่านานนะคะ  ฉันมีงานต้องทำเหมือนกัน"

"ค่ะ  ไม่นาน  จริงๆ" 

ซิงเกิ้ลมัมหลุดยิ้มทันทีที่อีกฝ่ายเป่าลมออกจากปากดังฟู่ตามหลังคนที่เดินตึงๆ จากไป  "ไม่เลวนะคะคนนี้"

"มันไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกน่า"  คุณหมอปฏิเสธหน้ายุ่ง  แต่พอรู้ว่ามีดวงตาอีกคู่มองอยู่ก็ปรับสีหน้าให้คลายความน่ากลัวลง  "ไปก่อนนะครับเด็กดี  ดูแลคุณแม่ให้ดีนะแล้วพี่สาวจะมีของขวัญให้"

"พี่สาว.?"  โมร่าทักท้วง  สเตลล่ากลอกตาเอือมๆ ให้คนชอบขัดใจ

"แล้วเจอกันรูปหล่อ"  สาวตัวสูงหอมแก้มเด็กน้อยอีกที  หากครั้งนี้แอบกระซิบเบาๆ "ฝากหอมแก้มมะม๊าเราด้วยนะอเล็กซ์  บอกด้วยว่าพี่สาวฝากมา"  เจ้าหนูน้อยพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มใสๆ เธอยิ้มให้แม่ของเขาแล้วรีบเดินจากมาอย่างตัดใจ  หากยังไม่ทันจะไปไหนไกลเสียงด้านหลังก็ชะงักเธอไว้

"รักษาตัวนะคะสเตลล่า"

สเตลล่ายืนอึ้งอยู่นานหลายวินาที  ความรู้สึกต่างๆ ตีกันยุ่งไปหมด  แต่พอข่มมันลงได้ก็หันไปยิ้มและยกนิ้วโป้งให้เลขาสาวกับลูกน้อย  ผ่อนลมหายใจเหยียดยาวเมื่อจากพวกเขามาแล้วและไม่ถูกรั้งไว้อีก

คุณหมอยิ้มออกเมื่อรู้สึกสบายใจขึ้น  และมือเธอก็ล้วงมือถือขึ้นมากดพิมพ์ข้อความบางอย่างถึงบางคน  คนที่เธอคงจะสามารถทุ่มเทหัวใจให้ได้อย่างเต็มที่สักที  วันนี้เธอเป็นอิสระแล้ว

............................................

"ริซ่าที่รัก  โรงพยาบาลค่ะ"  หย่อนก้นเข้ามาในรถคันงามก็บอกกล่าวสารถีทันที  กำลังยิ้มอย่างอารมณ์ดีก็กลับรู้สึกถึงไอพลังงานประหลาดพาให้ขนลุกซู่  กลั้นใจเหลือบตาไปมองดูก็เห็นสายตาที่มองมาอย่างเคืองๆ มันเรื่องอะไรกัน  "เอ่อ..."

"ริซ่าที่รัก..  เหรอคะ.?" 

สเตลล่าเลิกคิ้วงง  ยังคงไม่เข้าใจว่าตนทำผิดตรงไหนจนกระทั่งมองไปเห็นคนขับนั่งอมยิ้มแววตาเหมือนสะใจอะไรสักอย่างแต่คงไม่ใช่ถนนที่มองอยู่นั่นแน่ๆ ก็เริ่มจะเข้าใจ  นี่ฉันกำลังถูกหึงใช่ไหมเนี่ย..

"ค่ะ ริซ่าที่รักนั่นแหละ"  พูดไปแล้วก็ถูกค้อนตาแทบคว่ำ  แต่ตัวเองกลับกลั้นยิ้มแทบตาย  "โธ่.. มันไม่ได้มีความหมายอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ  คุณนี่คิดมากจริง"

"ผู้หญิงที่อยู่ใกล้คุณก็เป็นที่รักของคุณหมดงั้นสิ"

"ใช่ค่ะ  ก็ฉันชอบผู้หญิงนี่นา"  ตอบคำถามตาใสๆ คนฟังกลอกตาให้ยังทำไม่รู้ไม่ชี้เปลี่ยนเรื่องเฉย  "ตกลงมีเรื่องอะไรคะ  คงเป็นธุระสำคัญจริงๆ สินะ  ไม่งั้นคงเอาคุณออกมาจากห้องเย็นนั่นไม่ได้"

"ฉันคิดถึงคุณ"  แอนเดรียพูดโพล่งอย่างหลุดปาก  แล้วก็ส่ายหน้ารวดเร็วเมื่อเห็นสองคนในรถดูตกใจ "ไม่ใช่ค่ะ  อา..  คือใช่นั่นแหละ  แต่มันมากกว่านั้น   คุณจำสัญลักษณ์ผีเสื้อสีดำนั่นได้ไหมคะ"

สเตลล่าพยักหน้าแม้จะยังงงอยู่  "ทำไมเหรอคะ  อย่าบอกนะว่าเจออีกแล้ว"

"ค่ะ  แต่ครั้งนี้ฉันไม่ได้บอกตำรวจนะ"

"อ้าวทำไมล่ะคะ  ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าคุณปกปิดหลักฐานสิ" หมอนิติเวชยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้พาให้คนฟังหรี่ตา "ไม่เอาสิคะแอนเดรีย  คุณทำงานให้พวกเขาเหมือนกันนะ"

"แต่พวกเขาไม่สนใจเลยนี่คะ  คราวก่อนก็เหมือนกัน"  น้ำเสียงจริงจังพาให้คนฟังขมวดคิ้วครุ่นคิด  เจ้าหญิงแห่งดาร์กเคเหลือบตามองเลขาคู่ใจ  ฝ่ายนั้นก็สบตาเธอผ่านกระจกมองหลังแล้วพยักหน้าอย่างรู้กัน

"โอเคค่ะแอนเดรีย  พาฉันไปดู  บางทีฉันอาจช่วยคุณได้  แต่ไม่รับปากนะคะ"

"แค่นี้ก็น่ารักมากแล้วค่ะ" 

สเตลล่าว่าจะอ้าปากตอบโต้อะไรสักหน่อยกลับพูดไม่ออกเพราะโดนประกบปากเอาไว้แน่นแต่ก็คล้อยตามไปอย่างเคยชิน  เรื่องจูบผู้หญิงคาสโนวี่คนนี้ไม่มีพลาด  ริซ่าผู้มองเห็นเหตุการณ์จากกระจกมองหลังสั่นหัวเบาๆ เจ้านายเธอก็เป็นแบบนี้ทุกที  แพ้ลูกอ้อนสาวๆ แพ้ความใกล้ชิด  แพ้จูบ  และแม้จะรู้ว่าไม่ควรขัดจังหวะนัวเนียกันของพวกเขาถึงจะทำอะไรกันมากกว่านั้นแต่ด้วยความหมั่นไส้แม่หมอห้องเย็นผมบลอนด์นั่นเป็นการส่วนตัว  เท้าเธอจึงกดเบรครถอย่างฉับไวพาให้สองร่างที่แทบจะรวมเป็นร่างเดียวเป็นอันต้องผละออกจากกันอย่างช่วยไม่ได้  แอนเดรียท่าทางอยากจะโวยวายเต็มแก่ที่ถูกกระชากความหฤหรรษ์นั้นไปทั้งที่กำลังไปได้สวย  แต่หล่อนก็คงจะอายเกินไปจึงได้แค่นั่งจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่หัวคิ้วชนกัน  ส่วนเจ้านายเธอก็ทำเป็นช่วยหล่อนจัดบ้าง  แต่รอยยิ้มที่มุมปากกับหางตาที่มองมาที่เธอก็เอ่ยชมกันเป็นนัยๆ ว่าเธอทำดีแล้ว  แน่ล่ะ แอนเดรียไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกหรอกที่ทำกับเจ้านายเธอแบบนี้  เห็นแบดๆ อย่างนี้  มีคนอยากเป็นเจ้าของ  'สเตลล่า  คิซากิ' เต็มบ้านเต็มเมือง  แม้กระทั่งผู้ชายทั้งที่รู้ว่าเจ้านายเธอไม่เคยแลพวกเขาเลยก็ตาม

ก็ทั้งสวยและรวยมาก  แถมมีอำนาจด้วยนี่นา..

"ไม่เป็นไรนะคะแอนเดรีย  เมื่อกี้มีเป็ดเดินข้ามถนนน่ะ"  คาสโนวี่ตัวดีพูดขำๆ แต่คนขำเห็นจะมีแค่คนขับที่กลั้นหัวเราะแทบไม่ไหว  ส่วนอีกคนก็มองค้อนตาแทบกลับ  "อย่าเครียดค่ะอย่าเครียด เดี๋ยวหน้าเหี่ยวก่อนวัยนะ"

"โอ้ยคุณนี่ก็"  แอนเดรียโวยขึ้นมาอย่างหงุดหงิดแต่ก็ทำได้แค่ทุบไหล่คนที่ดึงเธอไปกอดเท่านั้น  ซ้ำยังไม่รู้ด้วยว่า  ลับหลังเธอแล้วสเตลล่าทำสายตายังไงกับเลขาสาว  แค่ถูกกอดเธอก็อ่อนไปทั้งตัวแล้วคงจะมีปัญญาไปงอแงกับเค้าหรอกนะ  อา.. แอนเดรียผู้น่าสงสาร  อย่าไปยุ่งกับมันเลย  ไอ้หมอนิสัยแย่คนนี้น่ะ

..............................................

"ฉันไปไม่ได้ค่ะ  โธ่คุณอย่าโกรธสิ"  จีน่านวดขมับไปพลางถอนใจไปพลางเมื่อต้องต่อกรกับผู้ใหญ่งี่เง่าผ่านสายโทรศัพท์  งานเธอกำลังยุ่งแค่ปลีกเวลามาคุยกับหล่อนก็ทำให้ความเร็วของการทำงานของเธอลดไป 10% แล้ว

แต่เพราะเธอกระวนกระวายใจคิดถึงหล่อนเหมือนกันนั่นแหละ

คิดถึงแล้วไปหาไม่ได้มันทรมานยิ่งกว่าอะไรซะอีก  แต่เธอไม่อยากเป็นคนงี่เง่าติดแฟนจนเสียงาน  อีกอย่างก็อยากเผื่อใจไว้ให้ตัวเองบ้าง  ไม่ต้องการให้หล่อนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอแม้ทุกวันนี้จะมีอิทธิพลมากมาย

"แต่ฉันมีเรื่องจะปรึกษาเธอนะ มาหาฉันหน่อยสิ  หรือจะให้ฉันไปหา" 

แฮกเกอร์สาวถอนใจ  ฝ่ายนั้นรู้จุดอ่อนเธอ  ใช้งานเป็นเครื่องต่อรองอีกแล้วไง  "เรื่องอะไรคะ  ฉันเป็นที่ปรึกษาคุณตอนไหน  จำไม่เห็นได้เลย"

"เธอจะมารึเปล่า  ตอบให้ตรงคำถามจีน่า  ฉันไม่ได้มีเวลามากนะ  อย่าให้ฉันต้องไปหาเธอถึงที่  อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน"

"โอ้ยไม่ต้องมานะ!  ฉันไปเองก็ได้  แต่บอกไว้ก่อนนะ  ฉันไม่ค้าง"

"ก็แล้วแต่เธอสิ  ถ้ากลับไหวก็ช่างเธอ"

"เอ๊ะ  พูดอย่างนี้หมายความว่าไง  คุณมีแผนอะไร" 

"ไม่มี..  โอเคนะ  ฉันรอที่บ้าน  แล้วอย่าเลท"   

สเตลล่าตัดสายไปแล้วเหมือนรู้ว่าจะถูกเธอด่า  จีน่าจ้องมือถือในมืออย่างเคืองใจหากก็เสียดายถ้าจะปามันทิ้งระบายความหงุดหงิด  และโชคดีที่เธอไม่ได้ทำ  เพราะมีสายเข้ามาอีกแล้ว  ไอดีคุ้นๆ

"เรนเดลค่ะ"

"จีน่า..  ไอมิสยู!"

แฮกเกอร์สาวเอามือถือออกห่างจากหูไม่ทัน  เสียงสิบแปดหลอดที่ดังลั่นออกมาจากลำโพงจึงแทบจะทำให้เธอสูญเสียการได้ยิน  แต่ความเคยชินก็ทำให้ร่างกายเธอสามารถปรับกลับมาได้เป็นปกติในเวลาไม่นาน

"แต่ฉันโคตรเบื่อเธอเลยยัยฟราน  เป็นบ้าหรือไง เสียงดังทำไมเนี่ย!" 

"อะไรกัน  คนเค้าคิดถึงเลยโทรทางไกลมาหา  แพงมากเลยนะ   รู้ซะบ้างสิยัยโรบอท  หรือฉันไปขัดจังหวะอะไรเธอหรือไง  ทำเป็นรมณ์เสียไปได้"

ฟรานเชสก้าพูดไปตามประสาสาวปากมาก  หากคนฟังที่มีชนักติดหลังกลับร้อนตัวไปเอง  จีน่ารู้เลยว่าเธอหน้าแดงไปหมดแล้วแค่จินตนาการว่าแม่เพื่อนรักโทรมาตอนเธอกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับเซ็กซ์เฟรนด์คนนั้น  แต่ความอับอายกับเรื่องนั้นก็ยังไม่เท่ากับที่ตอนนี้เธอรู้สึกต้องการมัน  ฮอร์โมนจะต้องเล่นตลกกับเธอแน่ๆ หรือเธอกลายเป็นพวกเสพติดเซ็กซ์ไปเสียแล้ว  กรรมตามทันเธอแล้วสินะ เมื่อก่อนชอบว่าเพื่อนรักยังไง  ตอนนี้เธอก็เป็น

สงสัยว่า  เธอคงจะไม่ได้คุยกับสเตลล่าอย่างเดียวแล้วสิ..

โอ้พระเจ้า...

"เฮ้.. จีน่า..  ฉันล้อเล่น  อย่าเงียบสิ"

น้ำเสียงไม่ค่อยดีของเพื่อนรักดึงสติเธอกลับคืนมา  จีน่ากลืนน้ำลายอึกใหญ่พยายามไม่สนใจอาการผิดปกติที่ร่างกายช่วงล่างแม้จะรู้ว่าเธอควรจะไปเปลี่ยนกางเกงในหรืออาจจะกางเกงนอกด้วยถ้าอยากสบายตัวกว่านี้  และคงไม่โดนล้อว่าฉี่รดกางเกงเวลาออกไปเดินข้างนอก  หรือถ้าให้ดีที่สุด  เธอควรไปหาคนที่จะช่วยหยุดอาการนี้ให้ได้  ไปหาหมอไงล่ะ  แต่หมอศัลย์นะไม่ใช่หมอสูติฯ  เป็นมาเฟียด้วย

"โอเคฟราน  ฉันไม่ได้เป็นอะไร  แค่กำลังยุ่งนิดหน่อย  เธอโทรมาก็ดีแล้ว  มีอะไรจะบอกอยู่เหมือนกัน"

"อะไรเหรอ  อย่าบอกนะว่าหาแฟนได้แล้ว"

แหม.. เพื่อนเธอนี่นะ  ถ้าบอกว่ามันมีตาทิพย์หรือญาณวิเศษ  เธอก็เชื่อนะเนี่ย  รู้จริงอย่างกับตาเห็น  แต่เรื่องอะไรจะต้องบอกมันว่าจริง  เดี๋ยวโดนล้อตายพอดี  อีกอย่าง  มันเป็นความลับ

"ไม่ใช่ย่ะ  ฉันจะมีเวลาที่ไหนไปทำแบบนั้น  เรื่องงานที่เธอขอให้ช่วยต่างหาก" 

"เรื่องที่ขอให้ช่วย.?"

"ใช่..  งานสุดท้ายก่อนรีไทร์ของเธอไง  ฉันหาได้แล้วนะ"

"ขอบใจนะจีน่า  แต่ว่าฉันไม่มีเหตุผลพอให้ต้องเลิกทำงานนี้แล้วล่ะ" 

"หมายความว่ายังไงฟราน  อย่าบอกนะว่า.."

"ฉันเลิกกับเขาแล้ว  มันดูงี่เง่านะ  แต่ฉันเพิ่งรู้ตัวว่า  ฉันไม่ได้รักเขา"

เสียงของเพื่อนสาวอาจจะเบามากในตอนท้ายแต่เธอได้ยินมันได้ชัดเจน  และไม่รู้ด้วยเหตุใด  เธอจึงรู้สึกเจ็บแปลกๆ ในอก  ความรักทำไมมันเข้าใจยากเสียจริง  เมื่ออาทิตย์ก่อนเพื่อนเธอเพิ่งจะตัดสินใจอยากถอนตัวออกจากองค์กรเพราะต้องการใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาสามัญกับแฟนหนุ่มที่หล่อนคบนานที่สุดเป็นคนแรก  แต่แล้วทำไม  มันเกิดอะไรขึ้น  ไม่ได้รักงั้นเหรอ...

"แล้วเธอไม่เป็นไรนะ"

"เหงาน่ะ  แต่เดี๋ยวฉันก็กลับไปแล้ว  งานตรงนี้เสร็จแล้วเหมือนกัน  แล้วพอไปถึงจะกอดเธอแน่นๆ เลย  อย่าไล่ฉันล่ะ"

"อืม..  ยกเว้นเธอทำให้ฉันรำคาญนะ"  แม่เพื่อนรักให้คำสัญญา  เธอกับฟรานเชสก้าคุยกันต่ออีกสักพัก  ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว  แล้วจึงบอกลากันไปเพราะต่างคนก็ต่างมีงานต้องทำ

จีน่านั่งอยู่ในความเงียบเชียบนานหลายนาทีก่อนที่เธอจะตัดสินใจปิดคอมพิวเตอร์  ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า  แล้วออกจากห้องพักไปพร้อมโน้ตบุ๊คคู่ใจ  เครื่องมือทำมาหากิน  ยอมรับว่าตอนนี้เธอไม่มีสติพอที่จะทำงานต่ออีกต่อไปแล้ว  แต่เชื่อว่าหมอประจำคงสามารถรักษาเธอให้หายได้อย่างแน่นอน ซ้ำหล่อนยังเต็มใจจะทำเสียด้วยสิ 


..............................................................


ตัดจบตอนแค่นี้แหละ  แล้วไปจิ้นกันต่อเองนะว่า  คุณหมอจะรักษาอาการป่วยของยัยเด็กดื้อยังไง  หรือตัวเองจะป่วยตาม  แต่เราว่า  ทุกวันนี้คุณหมอก็ป่วยอยู่แล้วนะ  หรือไม่จริง ฮ่าๆๆ   :27:

เหลืออีกสิบวันแล้วนะคะ สำหรับเวลาในการจองนิยายเรื่องนี้ แต่ครั้งนี้มาบอกข่าวเพิ่มเติมค่ะ  ถ้าหากคนอ่านท่านใดยังไม่มี Beautiful Stranger ที่เป็นเรื่องหลักของนิยายชุดนี้แล้วล่ะก็  ท่านสามารถสั่งพร้อมกันกับเรื่องนี้ได้เลยนะคะ

ในราคาสองเล่ม 750 บาท  จาก 760 บาท  ฟรีค่าส่งแบบพัสดุธรรมดาเช่นกันค่ะ  และถ้ายังไม่เคยอ่าน Beautiful Stranger ก็นี่เลยค่ะ ไปตามลิงก์นี้   http://www.yuri-read.net/beautiful-stranger-13800.page

หากไม่สะดวกจะติดต่อกับเราทางอีเมล์  สามารถเข้าไปสั่งซื้อได้ที่ http://leslybooks.lnwshop.com/product/42/spyaposs-love ค่ะ  ไอดีไลน์ anhann หรือ ที่เพจ www.facebook.com/Crimsonmaiden  ฝากข้อความไว้ค่ะ เราจะติดต่อกลับอย่างเร็วที่สุด   :60:

โอ้..  หมดเวลาขายของแล้ว  ขอตัวไปกลับไปทำงานก่อนนะคะ  เผื่อบางทีอาจมีนิยายเรื่องอื่นมาให้คุณอ่านกันบ้าง  ถ้าหากเบื่อคุณหมอจอมเจ้าชู้แล้ว

แล้วเจอกันค่ะ  ขอบคุณมากค่ะ   :44:

อย่าลืมอุดหนุนกันบ้างน้า  เราจะได้มีแรงเขียนต่อไปจ้า   ขอบคุณเจ้าของคอมเม้นท์ด้วยนะคะ (แต่ไม่ใช่เม้นท์แบบฝากลิงก์อะไรนั่นนะ) :58:



Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น