web stats

ข่าว

 


The bodyguard Vol.3- Chapter 11 : Lost 3

โพสต์โดย: anhann วันที่: 15 กันยายน 2014 เวลา 18:29:35 อ่าน: 253


นิยายเรื่องนี้เปิดให้จองแล้ว สนใจดูรายละเอียดได้ที่ http://www.yuriread.com/index.php?topic=1336.0





Chapter 11  :   Lost 3





ความมืดมาเยือนแล้วในที่ที่เราไม่คุ้นเคย  หากกิจกรรมของชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปในเมื่อเรายังมีลมหายใจอยู่  ยังมีคนให้ปกป้อง..

ดวงตาสีแดงมองหน้าเด็กน้อยท่ามกลางแสงสลัวของกองไฟที่จุดขึ้นแทนแสงจากหลอดไฟทั้งหลาย  แม้จะมีไฟฟ้าใช้จากแผงโซล่าเซลล์ที่เก็บเอาไว้  และยังมีเครื่องปั่นไฟด้วย   เธอก็ยังไม่แน่ใจที่จะใช้มันอย่างเต็มที่  ไฟฟ้าถูกเปิดใช้เฉพาะในอาคารรับรองผู้โดยสารและหอบังคับการบินเท่านั้น  สำหรับลานรันเวย์ด้านล่างนี้  เธอขอให้ทีมงานที่มาด้วยกันร่วมกันก่อกองไฟ  เพราะมันก็ใช้สำหรับทำอาหารในมื้อค่ำนี้ด้วย

"มะม๊ากินบ้างสิ"

แคลลี่กระพริบตากับเสียงใสๆที่แทรกมาในห้วงภวังค์  ลูกสาวคนเดียวกำลังส่งช้อนที่เต็มไปด้วยอาหารมาให้เธอ  คงเห็นว่า  เธอยังไม่ได้แตะอะไรเลย

"มะม๊ายังไม่ค่อยหิวเลยค่ะลูก  โจทานเถอะ"  ความเครียดทำให้เธอไม่อยากอาหาร  แต่แน่นอน  มีหลายคนไม่เห็นด้วย  หากเธอจะไม่กิน 

"แคล..  ทานสักนิดสิ  ลูกตั้งใจจะป้อนนะ"  แองเจล่าคะยั้นคะยอ  เพราะพอรู้นิสัยกันดี  แคลลี่ทำท่าจะปฏิเสธ  และเธอตั้งใจจะปรามหล่อน  แต่คงไม่ต้องถึงมือเธอเมื่อลูกสาวจัดการเอง

"มะม๊าไม่กิน  โจก็ไม่อยากกินแล้ว"  โจเซฟินวางช้อนลงใส่จานแล้วเลื่อนมันให้ห่างตัว  ตัวคนเป็นแม่จึงเลือกไม่ได้ 

สาวตาสีแดงถอนหายใจและยกจานใบเดิมของลูกขึ้นมาต่อหน้าเค้า  หยิบช้อนของเค้านั่นแหละตักอาหารใส่ปากตัวเอง  พยายามเคี้ยวมันด้วยอาการอร่อยสุดๆ ถึงจะเป็นแค่การแสดง  แต่นั่นก็ทำให้ลูกสาวที่เธอรักยิ้มได้

"มะม๊าทานแล้วนะ  แล้วโจจะทานได้หรือยังคะ" 

โจเซฟินพยักหน้าดีใจ  เธอจึงป้อนเค้าด้วยรอยยิ้ม  อิ่มใจที่ลูกแย่งช้อนไปป้อนเธอบ้าง  เหลือบตาดูคนตรงหน้าเห็นแองเจล่านั่งยิ้มมองเธอแม่ลูกด้วยสายตามีความสุข  แน่ใจได้เลยว่า  การกระทำของเธอมีผลกระทบกับทุกคนที่เธอรัก  เพราะพวกเขาก็รักเธอด้วย  และไม่ใช่แค่สองคนนี้เท่านั้นด้วย  เธอยังมีหล่อนอีกคน   นั่นไงล่ะ  เดินตัวเล็กมานั่นแล้ว...

"เฮ้แคล..  กินไม่ได้เหรอ.."  สาวร่างบางถือจานเข้ามานั่งด้วย มองด้วยสายตาสงสัยเพราะเห็นในจานของแคลลี่อาหารยังไม่ยุบ  "แสดงว่ารายการอาหารของแซนดร้าไม่ได้เรื่องสินะ  ฉันว่าแล้วเชียว" ปากบ่นแต่ก็จับช้อนตักสตูว์เนื้อวัวในชามเข้าปาก  เคี้ยวๆกลืนๆหน้าตาเฉย  คนที่มองอยู่เลยนั่งขำ

"ไหนบอกว่า  ไม่ได้เรื่องไง  แล้วทำไมเธอกินได้"  แคลลี่ยิ้มขำเมื่อสาวหน้าใสชะงักทั้งแก้มป่องเพราะอาหารเต็มปาก  และมือยังถือช้อนคาอยู่ 

"สงสัยน้าดิออนพยาธิเยอะ โจเห็นกินตลอดเวลาเลย  แต่ไม่โต" เด็กน้อยตาสีเหมือนแม่ล้อเลียน  คนโดนล้อจึงหยิบผักชิ้นเล็กๆมาปาเค้าแก้เขิน  แต่ไม่มีทางจะโดนได้  เมื่อคุณแม่แสนปกป้องใช้ตะเกียบที่คว้ามาจากจานตัวเอง  จับมันหมับอย่างรวดเร็ว  ยิ่งกว่าสาวกังฟูซะอีก

"ว้าว..แคล  ทำได้ไงอ่ะ"  ดิออนอุทานตื่นเต้น  ลืมไปเลยว่าตัวเองเป็นคนปาของนั้นไปใส่ลูกสาวสุดรักสุดหวงของผู้หญิงที่ถือตะเกียบ  หากเพราะฝ่ายนั้นยังพูดเสียงเรียบๆกลับมา  เธอจึงไม่รู้สึกว่าตัวเองผิด

"ที่บ้านคุณแม่ฉันสอนกังฟู  เรื่องแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ"

"เหรอๆ แล้วคุณทำได้ไหมผู้การ"  สาวตัวเล็กหันไปถามคนตัวใหญ่บ้าง  เค้าส่ายหน้ายิ้มๆ "จริงเหรอ..  คุณก็ทำไม่ได้เหรอคะ.?"

"ศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัวแบบตะวันออก  ถ้าไม่ใช่คนที่อยู่ในตระกูลชั้นสูงและเก่าแก่อย่างบ้านแคล  ฉันเชื่อว่า  คงไม่ได้เรียนกันหรอกมั้ง"  แองเจล่าออกความเห็น  แล้วยกถ้วยซุปขึ้นซด  เป็นคนตัวโตไม่ดีเท่าไหร่  มันหิวบ่อย  กินเยอะ

"ไม่หรอกค่ะ  ถ้าบ้านไหนสนใจอยากให้ลูกได้เรียน  ก็มีเปิดสอนอยู่  แต่บ้านดิออน.."  ดวงตาสีแดงชำเลืองมองสาวเจ้าของชื่อ  เจ้าหล่อนยักไหล่  เธอยิ้มอย่างรู้ทัน  "ฉันว่า  เธอไม่สนใจจะเรียนสินะ  ใช่ไหม.?" 

แคลลี่แซว  แต่ไม่ได้สนใจคนที่ตัวเองแซวเท่าไหร่ กลับใช้ตะเกียบในมือที่คีบผักชิ้นนั้นอยู่จับมันเข้าปากตัวเอง  เคี้ยวหน้าตาเฉย  และตะเกียบคู่นั้นก็ยังถูกใช้จับอาหารอื่นในจานป้อนลูกสาวที่นั่งอ้าปากรอเป็นลูกนกด้วย

"แซนดร้าทำอาหารใช้ได้นะ อย่างน้อยก็น่าจะดูดีกว่า  ถ้าเธอคิดจะทำ"  พูดติดขำ  หากคนที่รู้ตัวว่าถูกว่ากลับหน้าง้ำงอใส่  ร้อนถึงคนนั่งใกล้ต้องโอบบ่ามาปลอบให้หายงอน

"ไม่เอาน่าดิออน..  หน้างอแบบนี้เดี๋ยวไม่สวยนะ"

"ใครว่า  ฉันอยากสวยล่ะ  สวยไปทำไม.."  คนตัวเล็กแย้งไม่สบอารมณ์  รู้สึกเหมือนกำลังถูกรุมแกล้ง  แต่ก็เป็นแบบนั้นจริงขนาดเด็กหญิงตัวเล็กๆตรงนี้ก็เป็นไปด้วย

"สวยแล้วจะได้มีคนขอแต่งงานไงน้าดิออน   จะได้มีน้องมาเล่นกับโจ"

"ก็ใครว่า  น้าอยากแต่งงานล่ะโจ   น้าไม่ได้อยาก---"

"แต่ฉันอยากเป็นเพื่อนเจ้าสาวนะดิออน   นานแล้วด้วย"  แคลลี่ย้อนเร็วจนคนฟังสะอึก  หากเจ้าหล่อนยังพยายามจะเกลื่อนอาการด้วยการก้มหน้าก้มตากินอาหารต่อไป  แต่นึกหรือว่า  เธอจะยอมจบง่ายๆ

"ผู้ชายก็ได้  ผู้หญิงก็ดีนะดิออน  ขอแค่พวกเธอเข้ากันได้  ฉันเต็มใจสนับสนุน" 

ดิออนก้มหน้างุดหลบสายตาสามคู่ที่มองจ้อง บ่นงึมงำในลำคอ  "ก็บอกแล้วไงแคล  ว่าฉันยังไม่อยากมี  ฟังไม่รู้เรื่องหรือไงนะ"

"คุณแคลไม่ต้องไปบังคับเค้าหรอกค่ะ  ท่าทางจะจองหมู่บ้านคานทองนิเวศน์เอาไว้แล้ว"  แซนดร้าส่งเสียงมาก่อนตัว  มาทรุดตัวลงนั่งข้างๆสาวที่ตนว่าเหน็บ  และโดนมองค้อนจนตาเหลือกแต่ตัวเองกลับยิ้ม  "หรือไม่จริงคะคุณหนู"

"จะจริงหรือเปล่าก็ไม่เกี่ยวกับคุณสักหน่อย!"  คนตัวเล็กสะบัดเสียงใส่  กระเถิบตัวออกห่างคนที่เพิ่งมาใหม่  กระแซะเข้าหาคนตัวใหญ่ที่สุดที่นี่แทน  แองเจล่าก็ไม่ได้ว่าอะไร  กลับเอื้อมแขนยาวๆกลับมาโอบบ่าร่างเล็กเอาไว้กับตัวเองเสียอีก  ปกป้องกันจริ๊ง..

ได้ทีแบบนี้  ดิออนหรือจะพลาดไม่กัดกลับ  ไม่มีทางซะล่ะ!

"อีกอย่าง  ดูจากอายุแล้ว  ฉันยังมีเวลาเลือกอีกเยอะ  คุณเสียอีก  ใกล้หมดแล้วนะแซนดร้า"  คนเด็กกว่าส่งสายตาท้าทายให้อีกคนต่อปากต่อคำด้วย  หากสาวสวยชาวอเมริกันกลับหัวเราะกลับมา  ให้คิ้วขมวด 

"ขำอะไรน่ะ!"

"ปละ  เปล่าค่ะ  ไม่มีอะไร"  ผู้หมวดสาวโบกมือหัวเราะ  แต่เพราะรู้ว่าอีกคนไม่มีทางยอมถ้าเธอไม่อธิบายเลยรีบพูด 

"ก็ฉันน่ะคืนใบจองบ้านในหมู่บ้านนั้นไปตั้งนานแล้วไงคะ..  ไม่มีทางกลับไปจองอีกแน่นอน  ถ้าจะจองใหม่ก็จะจองหมู่บ้านอื่นแล้วล่ะ"  พูดลอยหน้าลอยตาอย่างไม่สนใจว่าใครจะงงและบ่นงึมงำ

"พูดอะไรไม่รู้เรื่อง"  ดิออนทำท่าเคือง  หากคนสองคนที่รู้เรื่องนี้กลับมองหน้ากัน  แคลลี่และแองเจล่าหันไปยิ้มให้แซนดร้าที่ขยิบตาส่งซิกไม่ให้พูดต่อ  และเรื่องที่คุยกันในวงอาหารจึงเปลี่ยน  โดยคนที่เปลี่ยนเรื่องได้เก่งตามเคย

"เสบียงของเราจะอยู่ได้ประมาณกี่วันคะแซนดร้า" 

"คิดว่า  น่าจะได้เป็นสัปดาห์อยู่ค่ะ  หมายถึงรวมที่เป็นอาหารกระป๋องด้วยนะคะ  ที่เราเตรียมมาไว้ตอนเดินป่า"

"อ้าว..แล้วถ้าหมดจากนี้แล้ว  เรายังต้องอยู่ที่นี่ต่อ  จะกินอะไรกันล่ะ"  คนห่วงกินทั้งที่ตัวเล็กนิดเดียวถามตื่นตระหนก  หากคนตัวใหญ่ข้างๆก็ตอบมันให้เหมือนเตรียมเอาไว้แล้ว

"ถ้าถึงตอนนั้น  เราก็คงจะต้องออกหาของกินกันเหมือนคนป่าล่ะนะ"

"ถูกของแอน   ถึงตอนนั้นเราก็ต้องใช้วิชาเหมือนตอนเข้าค่ายแล้วล่ะ"  แซนดร้ายิ้มหน้าบานเมื่อถึงเรื่องสนุกตอนได้เดินป่าสมัยเรียน  แต่บางคนที่ไม่เคยเรียนแบบเธอก็ทำตาโตแทบเหลือกถึงจะเคยอยู่เกาะมาก่อนแต่ตอนนั้นก็มีคนหาให้กินตลอดเวลานี่นา..

"แต่ฉันไม่เคยเข้าค่ายอะไรแบบนั้นเหมือนพวกคุณนะ  ฉันจะไปเป็นภาระไหม.?"  ดิออนส่ายหน้าไม่เห็นด้วย  หากคนหน้าสวยแต่ตัวใหญ่มากข้างๆก็เสนอความคิดดีๆให้

"เธอก็รออยู่ที่นี่  เป็นเพื่อนเล่นกับโจไง  เราไม่ได้จะไปกันหมดนี่"

"แต่โจอยากไปด้วยนี่ปะป๊า..  โจไม่อยากอยู่เฉยๆ  มันไม่หนุก"

"ไม่ได้หรอกค่ะลูก  โจยังเล็กเกินไป  อยู่กับมะม๊าดีกว่า"  แคลลี่แทรก  คนตัวเล็กบนตักทำท่าจะแย้งแต่เธอรู้ทัน  "โจต้องช่วยมะม๊าซ่อมของในห้องเครื่องมือนั้นไงคะลูก"  เด็กน้อยทำท่าคิดชั่งใจ  คนที่นั่งดูจึงต้องเสริม

"โจอยู่กับมะม๊าดีแล้วนะลูก  ลูกสัญญาว่าจะดูแลมะม๊า  ถ้าปะป๊าไม่อยู่ไงคะ  จำได้ไหม.?"

โดนทวงสัญญากันซึ่งๆหน้า  เด็กน้อยที่มีสายเลือดทหารผู้มีความรับผิดชอบไหลเวียนอยู่ในตัว  จึงไม่อาจปฏิเสธอะไรได้  พยักหน้ารับแม้จะฝืน 

แคลลี่เห็นลูกหน้าซึมเพราะกลัวว่าจะไม่ได้หาเรื่องเล่นตามประสาเด็กเลยพยายามชวนคุย  "แต่ลูกไม่ต้องกลัวนะคะ  ถึงไม่ได้ไปเที่ยวกับปะป๊า  มะม๊าก็มีอะไรให้หนูทำเยอะแยะ"

"เหรอ..  อะไรเหรอมะม๊า"  โจเซฟินทำท่าตื่นเต้น  ผู้ใหญ่ที่เห็นจึงอดไม่ได้ที่จะวิจารณ์

"แคลตอบดีๆนะ  ไม่งั้นโดนโวยแน่ๆเลย"

"เธอก็เหมือนกันแหละดิออน  เธอเองก็ต้องช่วยฉันคิดเกมให้โจ  ห้ามเกี่ยงด้วย"  คนตาสีแดงโบ้ยให้  คนถูกโบ้ยตาโต  ดิออนทำท่าจะอ้าปากปฏิเสธ  แต่ไม่มีทางทันหรอก  ชั้นเชิงมันต่างกันอยู่หลายขุม

"หยุดเลยไม่ต้องเถียง  ไม่งั้นก็ไปหัดขุดมัน  ขุดเผือกกับพวกเค้าล่ะกัน  ไหนๆก็ล่าสัตว์ไม่เป็น" 

"เฮ้  ฉันไม่ใช่คนป่านะ  ฉันคนเมือง"  ร่างบางทำท่าฮึดฮัด  ทิ้งจานอาหารลงเพื่อกอดอกอย่างไม่พอใจ  อีกคนที่นั่งใกล้สงสารเลยพยายามกลั้นขำ

"แคลพอเถอะค่ะ  เดี๋ยวก็งอนจนเบื่ออาหารพอดี  เชฟใหญ่ที่ตั้งใจทำมาให้จะเสียกำลังใจด้วย  จริงไหมแซนดร้า"

"จริงค่ะจริง  ของยิ่งมีน้อยๆอยู่  ถ้าต้องทิ้งเสียดายแย่" แซนดร้าขยิบตาขำๆกับพี่บุญธรรมขณะที่สาวร่างเล็กกลอกตาเซ็ง  แต่ก็ตามที่คาดไว้  เจ้าหล่อนยกจานขึ้นมากินต่ออย่างไม่สนใจ  โตแค่ไหนก็เหมือนเด็กอยู่ดี  ยิ่งกว่าด้วยมั้ง..

"แต่นั่นก็เป็นแค่แผนสำรองเท่านั้นนะ  ถ้าเราหาทางกลับออกไปได้  ก็คงจะไม่ลำบากแบบนั้น"  แคลลี่พยายามพูดให้กำลังใจทุกคนที่ดูจะกลับไปนั่งคิดอะไรเครียดๆตามลำพังระหว่างมื้ออาหารกันแล้ว  หากแต่คนบางคนกลับมาแทรกกลางระหว่างวง  และกลบคำพูดแห่งความหวังของเธอจนมิด

"แต่ผมไม่คิดว่า  มันจะง่ายแบบนั้นนะครับคุณแคล"  อิไลด์หน้าเจื่อนหลังถูกดวงตาหลายคู่หันไปมองจ้อง  ถึงอย่างนั้น  เขายังอยากจะบอกสิ่งที่รู้มา

"ตามที่ผมไปลาดตระเวนมา---"

"อิไลด์คะ  เดี๋ยวฉันไปคุยด้วยค่ะ"  สาวตาสีแดงตัดบทอย่างรวดเร็ว  ดวงตาทรงอำนาจมองข่มขู่ชายหนุ่มจนเขายอมพยักหน้าให้

"โอเคครับ  ตามนั้น"  หนุ่มอาหรับก้มหัวให้ก่อนหันจากไปอย่างไม่ตอแย  ถึงอย่างนั้นเขายังรับรู้ได้ว่า  มีหลายสายตาที่มองตามอย่างไม่ชอบใจ  โดยเฉพาะใครคนหนึ่งที่นั่งงึมงำ

"นายนั่นทำให้ฉันต้องสั่งให้คนของฉันไปตามหา  คราวหน้าถ้าทำอีก  ฉันจะปล่อยให้ตายอยู่ในป่า  น่ารำคาญ"

"คุณผู้การพูดแบบนี้เหมือนจะแอบหึงภรรยาเลยนะคะ"  แซนดร้าแซวไปหัวเราะไป  หวังจะให้คนถูกแซวอายแต่เธอพลาดเพราะเค้าหน้าด้านกว่าที่คิด

"ไม่แอบล่ะ  หึงเลย  ฉันไม่ชอบหน้านายนั่นสักนิด  โดยเฉพาะเวลาที่มันชอบมาหาเรื่องคุยกับแคล"  แองเจล่าทำท่าหงุดหงิด  หากกลับกลายเป็นหน้าเขินตอนโดนดวงตาสีแดงสองคู่มอง 

ไม่เขินได้ไง  จ้องกันแบบนี้ทั้งแม่ทั้งลูก..

หากใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อคนที่เป็นแม่ของเด็กส่งตัวเด็กให้และพูด  "แอน..  พี่ดูลูกนะ  ฉันจะไปคุยกับเขาหน่อย"

"มะม๊าจะไปไหน  โจไปด้วยสิ"

"มะม๊าไปทำงานกับคุณลุงอิไลด์ค่ะ  อยู่กับปะป๊านะคะเดี๋ยวมะม๊ามา"  แคลลี่พยายามทำความเข้าใจกับลูกสาว  แต่คงไม่ใช่เค้าคนเดียวที่เธอต้องพยายามเมื่อคุณสามีทำสีหน้าไม่ชอบใจ  และส่ายหัวให้เธอ

เฮ้อ..ทำไมพากันเป็นแบบนี้ไปกันหมดนะ  ฉันก็แย่สิ..  ถึงจะบ่นในใจแต่เธอก็เลี่ยงไม่ได้  อาศัยการพูดกับลูกเพื่อบอกอีกคนเป็นนัยๆด้วย  หวังว่าเค้าคงจะเข้าใจเธอ  อย่างน้อยก็พยายามบ้าง..

"น้องโจคะ  ฟังมะม๊านะ  ถ้าอยากจะกลับบ้านเราเร็วๆ  โจต้องอยู่กับปะป๊าก่อน  เพราะคุณลุงอาจมีวิธีให้เราได้กลับบ้านกัน"

"ถ้าอย่างนั้นก็ได้  โจว่าที่นี่น่ากลัว" 

แคลลี่ยิ้มเจื่อน  ก้มตัวลงหาลูกสาวที่ทำท่าอ้อนไม่หยุด  แต่ก็รู้ว่าเค้ายังเด็กมากจริงๆ  สี่ขวบเท่านั้นจะเอาอะไรกัน  เด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ย่อส่วนนี่นา..

"มะม๊าก็เหมือนกันค่ะ"  เธอกอดลูกจนแน่น  ทั้งรักทั้งหวงทั้งห่วง  และในที่สุดคนที่รู้ใจกันก็เข้ามาช่วยเหมือนรู้ว่าเธอต้องการ

"งั้นไปเถอะแคล  โจมานี่มาลูก"  ลูกสาวตัวเล็กเข้ามาอยู่ในความดูแลของปะป๊าตัวโตแทน  แต่โจเซฟินยังมองตามคุณแม่อย่างอาวรณ์  อดทนอยู่ไม่ได้ร่างระหงจึงเดินกลับมา  ก้มลงประคองศีรษะเล็กมาจูบ  หลับตาสักพักกลั้นน้ำตาที่ไม่รู้ว่ามันจะไหลทำไมในเมื่อเธอไปแค่นี้เอง

ก็สายตาลูกมันทำให้เธอรู้สึกไม่ดี..

มันเหมือนเค้ากลัวว่า  เธอไปแล้ว  จะไม่กลับมา..

เห็นแล้วหัวใจก็คล้ายจะหายไป...

กลัว...

"แคล..  รีบไปเถอะ  จะได้รีบมา"

ดวงตาสีแดงเปิดขึ้นใหม่  เห็นสายตาห่วงใยของคนที่มองอยู่ก็พยักหน้า  ลูบหัวเล็กๆของลูกสาวเบาๆอีกครั้ง  แล้วหันไปจากไป  แต่ไม่ลืมยิ้มให้ดิออนกับแซนดร้าด้วย  พวกเขาก็ยิ้มกลับมาให้อย่างส่งกำลังใจ

แคลลี่ถอนหายใจแผ่วเมื่อเดินมาจนที่ที่หนุ่มอาหรับนั่งรออยู่  เขายืนขึ้นพร้อมรอยยิ้มให้เกียรติ  ใจจริงเธออยากเปลี่ยนใจหันหลังกลับ และเดินกลับไปหาหลายๆคนที่เฝ้ารอเธอ  แต่ความที่ไม่อยากหนีความจริงที่ต้องรู้สักวัน  เธอจึงเดินเข้าไปหาชายหนุ่มในที่สุด

"ฉันพร้อมแล้วค่ะ  มีอะไรจะเล่าก็เชิญ"  เสียงเธอยังหวานอยู่แต่น้ำเสียงช่างเย็นชาเหมือนสายตาที่มองเขา  แต่เขาคงเข้าใจจึงไม่ว่าอะไร  ทำแค่พยักหน้ารับคำหน้าเจื่อนเหมือนเดิม

เฮ้อ..  เริ่มได้กลิ่นลางสังหรณ์ไม่ดีอีกแล้วสิ...


.........................................................................



พรุ่งนี้หรือมะรืนจะลงตอนใหม่ที่ใหม่จริงๆแล้วนะคะ  อย่าลืมติดตามกันด้วยค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ   :44:




Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น