web stats

ข่าว

 


The bodyguard Vol.3- Chapter 9 : Lost 1

โพสต์โดย: anhann วันที่: 13 กันยายน 2014 เวลา 17:09:12 อ่าน: 336


นิยายเรื่องนี้เปิดให้จองแล้ว สนใจดูรายละเอียดได้ที่ http://www.yuriread.com/index.php?topic=1336.0





Chapter 9  :   Lost 1




ดวงตาของฮอรัส.?

แคลลี่มองของในมืออย่างสงสัย  สมองทบทวนเรื่องที่ได้รู้เพิ่มมาจากนักสืบออนไลน์  ดิออนหาข้อมูลมาได้ตรงกับที่เธอพอรู้มันอยู่บ้าง  หากที่เธอกำลังสงสัยอยู่ก็คือมันเกี่ยวกันหรือไม่ที่พวกเรายังมีชีวิตรอดกันอยู่ทั้งที่เครื่องบินเกือบจะตก  ใช่.. พวกเธอทั้งหมดเกือบตายกันไปแล้ว  แต่เรายังมีลมหายใจ.. 

เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนี้พร้อมด้วยลูกสาวที่อุ้มอยู่กับอก  เครื่องบินที่เกือบจะตกเพราะอากาศแปรปรวนกะทันหันกลับสามารถหาสนามบินเพื่อร่อนลงได้สำเร็จ  ไม่มีใครเป็นอะไร  นอกจากตกใจที่ไม่ได้ลงจอดในสถานที่ที่ควรจะเป็น  มันดูเหมือนจะเป็นสนามบินส่วนตัวของใครสักคนหรือเปล่า  แต่ยังไงมันก็ไม่ตรงตามแผนที่วางเอาไว้  แผนของเธอพังหมดแล้ว   ช่างเถอะ  ไม่ตายก็พอ..

ไม่ตาย  เราก็ยังพอมีทางไป  มันต้องมีสิ!

"มะม๊า..  เราอยู่ที่ไหนกัน"  เสียงใสแต่ฟังดูหวาดๆของลูกสาวพาให้เธอได้สติกลับมา  ดวงตาสีเดียวกันมองสบกัน  เธอขยับเข้าไปจูบปากน้อยๆ ให้ลูกน้อยได้มั่นใจว่า เธอยังอยู่กับเค้า  ขณะเดียวกันก็จัดการนำเครื่องรางใส่เอาไว้ในอกเสื้อคลุม

"ไม่ต้องกลัวนะโจ   ถึงจะอยู่ที่ไหน  มะม๊าก็ยังอยู่  ปะป๊าด้วย"  คุณแม่คนสวยบอก  มองตาลูกสาวแล้วก็ใช้สายตาตัวเองชี้ไปที่คนตัวสูงโดดเด่นที่กำลังยุ่งอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายของที่นี่   แองเจล่ากำลังสั่งงานลูกน้อง  เค้ากำลังทำหน้าที่ของเค้า...คุณผู้การ...

"แล้วน้าดิออนกับอาแซนดร้า ?" 

แคลลี่มองหาสองสาวที่ว่าเมื่อโดนถาม  ก็อยากจะรู้เหมือนกัน  ความอลหม่านตอนที่เครื่องลงจอดกะทันหันทำให้พวกเธอจำเป็นต้องแยกย้ายกันไป  แต่โชคดีที่ตอนนี้สองสาวนั่นกำลังเดินมาหาเธอแล้ว

"แคล..  เราอยู่ที่ไหนเนี่ย!"  ดิออนส่งเสียงมาแต่ไกล  ความจริงเธอยิงคำถามมาตั้งแต่อยู่กับแซนดร้าสองคนแล้ว  แล้วหล่อนก็ปวดหัวมากพอแล้วด้วย

"โอ้..ดิออน   ควบคุมเสียงตัวเองก่อนได้ไหม  เสียงเธอดังไปหรือเปล่า"  สาวตาสีแดงยังมีแก่ใจแซว  แล้วก็โดนมองเคืองๆกลับมา

"ไม่ตลกเลยแคล..  เรากำลังจะหลงทางและตายอยู่ที่นี่นะ"  เด็กสาวว่าเสียงขุ่น  คนที่อยู่ใกล้ยักไหล่  แซนดร้าเหนื่อยจะอธิบายแล้ว ก็เด็กมันไม่เชื่อ

"แคลคะ  จัดการหน่อย"

"โอเคๆ แล้วฉันจะหาคำตอบให้นะสาวๆ แต่ขอไปหาเครื่องมือก่อน  รู้สึกว่า  จะอยู่กับแอน"

"โจไปเอามาให้มั้ย"  แคลลี่ยิ้มรับคำลูกสาว เธอหอมแก้มเขาไปหนึ่งฟอดใหญ่ๆ น่ารัก.. 

"ไม่เป็นไรค่ะลูก  เราไปด้วยกันดีกว่า"  เธอบอกเค้าแล้วหันไปหาสองสาวบ้าง  "ไปกับฉันก็ได้   หรือจะยืนโมโหอยู่ที่นี่ล่ะ"  สาวตาสีแดงกลั้นหัวเราะ  เธอโดนค้อนจนได้  ดิออนขี้งอนเหลือเกิน  "โอเค..  ถ้าจะไปด้วยก็ตามมานะ"

ร่างสูงระหงออกเดินพร้อมลูกสาวที่ยังอุ้มไว้  เธอปฏิเสธที่จะให้โจเซฟินเดินด้วยตัวเอง  ยังไม่ไว้ใจสถานที่  ถึงที่นี่จะดูเป็นสนามบินแต่มันก็ร้างจนแทบจะมองไม่เห็นรันเวย์  ถ้าเธอไม่ตัดสินใจพุ่งเข้าไปในห้องกัปตันตอนนั้นและช่วยเขามองเรดาห์หาจุดลงจอด  ยังไม่แน่ใจเลยว่า  ตอนนี้พวกเธอทั้งหมดจะอยู่ตรงไหนของโลก  อาจจะพุ่งเข้าก้อนเมฆดำไปให้สายฟ้าฟาดกลางลำแล้วระเบิดตายไปกันหมดแล้วก็ได้

อา..คิดแล้วเหมือนอยู่ในหนังภัยพิบัติทำนอง The day after tomorrow หรือเครื่องบินตกแล้วหลงทางไปกับซีรีย์ดังเรื่อง Lost อย่างนั้นแหละ 

โอ้..เธอทำเหมือนมีเวลาดูหนังนะแคลลี่..  เสียงเล็กๆในหัวเธอเถียงขึ้น  แคลลี่รู้สึกว่าตัวเองยักไหล่แล้วพูดตอบกลับไป  ก็มีบ้างล่ะน่า..  ตอนที่ฉันว่างพอที่จะนอนกอดกับเค้าไงล่ะ 

อ๋อเหรอ..  แต่นี่มันเรื่องจริงนะ  ไม่ใช่หนังพวกนั้นที่เธอดู  หรือที่เธอดูไม่จบเพราะสนใจคนที่นอนกอดกันมากกว่า.? 

เสียงเล็กๆนั่นยังแย้งอย่างรู้ทัน  พาให้เธอเม้มปากไม่พอใจ  จนเด็กช่างสังเกตงงกับท่าทางของแม่..  อยู่ดีๆทำไมหน้าบึ้ง..

"มะม๊าโกรธใครเหรอ.."  โจเซฟินถาม  คนที่อุ้มอยู่เลยกระพริบตาปริบๆ  มะม๊าคนสวยยิ้ม

"เปล่าค่ะลูก  แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย"  แคลลี่แก้ตัวแบบเนียนๆ ลูกสาวก็ดูจะเชื่อ  แล้วเธอก็เห็นเขาพอดีเหมือนกัน  ระฆังช่วยชีวิต..  "แอนฝากลูกหน่อยสิ   มีบางคนกำลังจะอาละวาดฉันที่ทำให้เค้าหลงทาง"  พูดพร้อมส่งเด็กให้คนตัวสูงเหมือนเสาอุ้มเค้าบ้าง  แต่ก็ไม่ลืมจูจุ๊บกัน  ทักทายด้วย  หวานต่อหน้าลูกแถมไม่สนใจคนอื่นอีกแล้ว 

ก็ฉันจะผิดหรือไง..  ถ้าฉันจะจูบสามีตัวเอง  ไม่ได้ทำกับคนอื่นนี่..

"คนอื่นๆตกใจกันมากไหม.." ถามขึ้นขณะตามหาของที่ต้องใช้ในกระเป๋าที่เค้าเอามาไว้ข้างๆ

"ก็มีบ้าง  ก็มันเป็นเกาะแปลกๆ"  แองเจล่าพูดตามจริง  แพททริคลูกน้องคนสนิทบอกมาแบบนั้น  เขาไปถามเพื่อนๆมาแล้ว  และจากที่เธอสังเกตเอง  มันก็ดูจะใช่   พวกเขาดูตื่นตระหนกกับสถานที่ที่ต่างจากเป้าหมายที่วางไว้  "เรายังไม่ถึงตูนิเซียใช่ไหมแคล"

"ไม่ใกล้เคียงสักนิดค่ะ  แถมแถวนี้ดูจะเป็นที่อับสัญญาณด้วยสิ  สงสัยเครื่องมือที่หอบังคับการบินจะเสีย  แต่แปลกนะ  แล้วฉันเจอที่นี่ได้ยังไง"  แคลลี่พูดคิ้วขมวด  เธอยกอุปกรณ์ขึ้นเหนือศีรษะพยายามตามหาสัญญาณจากดาวเทียม  และดูเหมือนเธอจะโชคไม่ดีเท่าไหร่  มันไม่มี  "ฉันคงต้องเข้าไปดูหน่อยมั้ง"  เธอบอกมองหน้าเค้า แองเจล่าดูกังวล  "ไปด้วยกันไหม.." คราวนี้  เค้าดูจะรีบพยักหน้าไปนะ คงเพราะห่วง  ก็เป็นแบบนี้ตลอดแหละ  สามีเธอ.. 

"โอเค..  งั้นไปกันค่ะ"  เธอสรุปง่ายๆแล้วเตรียมจะไป  แต่แล้วบางคนก็เตือนบางอย่างที่เธอลืมสนิท

"แล้วพวกฉันล่ะ  เธอจะให้ฉันกับผู้หมวดทำอะไร  หรือเราต้องไปด้วย" 

คุณแม่คนสวยหันไปมองหน้าคนถาม  ดวงตาสีแดงมองไปรอบๆขณะพยายามคิด  "แอร์โฮสเตสกับกัปตันทั้งสองคน  รวมถึงเรื่องเสบียงของเรา.?"

พูดแค่นี้สองสาวที่ฟังอยู่ก็ดูจะเข้าใจ  แต่คนเป็นงานกว่าในสองคนนั้นก็เป็นคนพูด  "ฉันจะช่วยดูแลเรื่องพวกนั้นเองค่ะ  ไม่ต้องห่วง"  แซนดร้ารับปากเป็นมั่นเหมาะ  แคลลี่ตะเบ๊ะกลับอย่างขี้เล่น

"โอเคตามนั้นค่ะ"

"ค่ะ ระวังตัวด้วยนะคะแคล"  ตำรวจสาวบอกตามหลังสาวที่กำลังจะเดินนำทีมของหล่อนไป  แคลลี่หันมายิ้มและส่งจูบร่าเริงพร้อมหัวเราะให้ก่อนจะไปจริงๆ แซนดร้าส่ายหัวยิ้มอย่างอดไม่ได้  เครียดขรึมกับแพลนงานที่รวนไปหมดไม่ลงเมื่ออีกคนพยายามจะให้เธอยิ้มขนาดนี้  ช่างเป็นคนที่เอนเตอร์เทนคนได้เก่งจริงๆ ผู้หญิงอะไร 

"ยัยต๊องนั่นก็แบบนั้นแหละ  ไม่รู้อายุเท่าไหร่แล้ว"  เสียงบ่นแบบไม่พอใจเล็กๆ พาให้คุณตำรวจหันไปสนใจบ้าง  แล้วท่าทางของคนช่างบ่นได้ทุกเรื่องก็ทำให้รู้ว่า  ที่บ่นนั่นก็แค่บ่นไปอย่างนั้นเอง  ความจริงก็ชอบที่แคลลี่ทำแบบนั้น  ใช่ไหมล่ะ..

"คุณแคลก็แค่ไม่อยากให้ใครๆเครียด"

"แต่ตัวเองน่ะแอบเครียดคนเดียวตลอด  ยัยบ้านั่น"  ดิออนส่งเสียงฮึดฮัดแล้วหันเดินหนีไปทิ้งให้คนที่เหลือมองตามหลัง  แซนดร้าส่ายหน้ายิ้มแล้วเดินตาม  ถึงเธอจะคิดต่างออกไป 

..........................................................

"พี่รู้ไหม.. นายอิไลด์ไปไหน"  แคลลี่ถามขณะสายตามองอย่างระแวดระวังไปตามทางที่ก้าวไป  ในมือหนึ่งของเธอมีอาวุธประจำตัวที่ต้องจำใจดึงออกมาถือไว้ทั้งที่ไม่ได้อยากจะให้ลูกที่อยู่ด้วยกลัวมัน  แต่โจเซฟินคงชินแล้ว  เค้าเห็นอาวุธพวกนี้มาตั้งแต่ยังเล็ก  ก็พ่อแม่เป็นทหาร   คุณปู่ก็เป็น..


"เห็นแพททริคบอกว่า  พาพวกไปดูบริเวณใกล้ๆ  ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง"  แองเจล่าตอบเรียบๆ แต่คนฟังคงพอเดาได้ว่า  ไม่ได้พอใจนักจึงหันมายิ้มให้

"ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ  เขาน่าจะรู้ตัวว่าทำอะไรอยู่"

"ถ้ารู้ก็ดีนะ  อย่าให้เราต้องเข้าไปช่วยเวลาหลงป่าก็แล้วกัน  จะรู้จักส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือหรือเปล่าเถอะ  สำอางขนาดนั้น"  ทหารตัวใหญ่พูดประชด  แต่ก็ไม่ได้ลืมสนใจลูกสาวที่อุ้มอยู่  เธอยิ้มแห้งๆให้เค้า  "โทษทีค่ะลูก  พอดีตาลุงอิไลด์ชอบหนีไปซน  ปะป๊าเลยโมโห"

"แต่โจไม่ได้ซนนะ  ปะป๊าไม่โกรธโจใช่ไหม.."  เสียงไร้เดียงสาถาม  ดวงตาสีเหมือนมารดาช่างไร้เดียงสาเวลาพูด  คนฟังที่อารมณ์ขุ่นอยู่ก็เลยหาย

โอย..ฉันโดนลูกตัวเองสะกดจิตแล้วมั้ง...

"ไม่หรอกจ้ะ  ลูกน่ารักที่สุดแล้ว"  บอกแล้วก็จับให้ลูกซบบ่า  ก็รู้สึกด้วยว่าทางข้างหน้ามันน่ากลัวแปลกๆ มืด..

"แคล.?"  แองเจล่าเรียกภรรยาที่หันมามองอย่างเข้าใจ แคลลี่พยักหน้าให้ก่อนจะเดินนำไปจนถึงบันไดอาคารสถานีบังคับการบินที่ดูเหมือนจะร้างผู้คน

"ฉันขอไปเช็คแป๊บนะ"  เจ้าของร่างระหงบอก  ก้าวขึ้นไปอย่างรีบร้อน  รู้ดีว่าเวลาไม่คอยท่า  อีกไม่กี่ชั่วโมงแสงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าแล้ว  แล้วอะไรๆที่นี่ก็จะต้องดูน่ากลัวขึ้นแน่ 

แคลลี่หายไปจากสายตาแล้ว   และคนที่ยืนรออยู่ก็ใจไม่สู้ดีนัก  ถึงที่รักของเธอจะเก่งและไว้ใจได้   แต่หล่อนก็มีโรคประจำตัว  ไม่ได้ลืมกินยานะแคล...

"มะม๊าเก่งที่สุด  ปะป๊าเคยบอกโจ" 

ทหารตัวโตชะงักกับเสียงใสๆของลูกสาว  หันไปมองก็เห็นดวงตาสีเหมือนภรรยาสาวกำลังบอกถึงความแน่วแน่  ช่างเหมือนแม่จริงๆ โจเซฟินเหมือนแคลลี่มากๆ  มากจนเธอนึกถึงหล่อนตอนเด็ก..  เจ้าตัวเล็กของพี่...

ฉันรักพี่มากเลยนะแอน  เราแต่งงานกันนะตอนที่ฉันเรียนจบ..   

หวนคิดถึงคำสัญญาที่หล่อนเคยให้ตอนเด็กแล้วก็ยิ้มทั้งน้ำตาคลอเบ้า  มันเป็นความสุขเดียวที่เธอนึกถึงตลอดเวลาสามปีที่ห่างหล่อนไปทำภารกิจสำคัญของชาติ  ความทรมานที่ต้องห่างจากคนรักและไม่สามารถติดต่อกันได้  บรรเทาลงได้เพราะคำหวานๆแบบนี้

พี่ก็รักเธอที่สุด  รักที่สุดเลยแคล...

"ปะป๊ารักมะม๊าไหม..  โจรักมะม๊ามากๆ"  คำถามจากเสียงไร้เดียงสาเล่นงานเธออีกรอบ  แองเจล่าพูดไม่ออกได้แต่พยักหน้า  น้ำตาแห่งความตื้นตันเกือบจะไหล  ถ้าไม่ถูกหยุดไว้ด้วยเสียงคุ้นหูนี้เสียก่อน

"แอน..  เคลียร์!" 

เสียงเมียรักทำให้เธอยิ้มออก   ทหารที่เกือบจะขี้แยต่อหน้าลูกหันไปตะเบ๊ะให้คนที่ส่งเสียงมา  "รับทราบ  จะไปเดี๋ยวนี้" 

ร่างสูงเดินตามคนนำทางอย่างระวัง  บรรยากาศที่นี่มันประหลาดจนไม่น่าไว้ใจ  มันเงียบเกินไปแล้ว   อาคารแห่งนี้เป็นหอบังคับการบินที่แยกตัวออกมาจากโรงเก็บเครื่องบินและสนามบินนี้ก็ไม่มีอาคารผู้โดยสารให้เห็น  ที่สำคัญมันเก่ามาก..

"ท่าทางจะร้างจริงๆค่ะ"  แคลลี่บอกดวงตามองคนที่มาด้วยทั้งสองคน  ก่อนจะหันไปมองรอบๆตัว  "มีห้องบังคับการอยู่ตรงนั้น"  มือเธอชี้ไปให้พวกเขามองตาม  "เดี๋ยวฉันจะไปเช็คดูว่า มีเครื่องมืออะไรพอใช้ได้อยู่ไหม"  บอกเพิ่ม แล้วคนฟังก็พยักหน้าพร้อมเพรียง  ไม่เว้นเจ้าตัวเล็ก  รู้เรื่องอะไรกับผู้ใหญ่หรือเปล่าไม่รู้

"ส่วนด้านนอกนี้  ถ้าจะจัดที่ให้ดี  นอนเบียดๆกันคงพอได้นะ  หรือจะให้พวกหนุ่มๆกางเต้นท์ด้านล่าง  อาคารนี้เอาไว้สำหรับสาวๆก็ได้"  เธออธิบายราววางแผนมาแล้ว  อีกคนมองแปลกใจแต่ก็ยิ้มรับ  "ยิ้มแบบนั้นแปลว่าตกลงนะคะ"  ถามเหมือนตั้งใจจะแกล้งยั่วโมโห  แต่ก็แค่อยากให้เค้าหายกังวลใจ  ก็รู้ดีอยู่ว่าที่ยิ้มๆน่ะยังคิดมาก..

"จ้ะตกลง  แล้วจะเริ่มทำอะไรก่อนดี  เรียกดิออนกับแซนดร้าขึ้นมาเลยไหมจะได้เตรียมจัดที่ทาง"   

"ดีค่ะ  งั้นฉันไปเช็คเครื่องมือก่อนนะ"

"โจไปกับมะม๊าด้วยสิ"

แคลลี่หันกลับมา  มองตาลูกสาวที่กำลังอ้อน  แล้วหันไปหาคนที่อุ้มเค้าอยู่บ้าง  แองเจล่าพยักหน้าให้  หมายความว่า  เธอไม่อาจหลีกเลี่ยง  และลูกคนเดียวคงไม่ใช่ภาระเธอหรอก  "โอเคค่ะ งั้นเราไปกัน"  สองมือที่ไม่มีอาวุธส่งมารับตัวเด็กน้อย  แปลกที่เค้าส่ายหน้า  เธอเลิกคิ้วถาม

"โจจะเดินเอง  โจโตแล้ว" 

คุณแม่ยังสาวชะงักเล็กน้อย  มองหน้าคู่ชีวิตแล้วก็แอบถอนหายใจ  แต่มันไม่ได้มีความหมายในแง่ลบ  เธอลดมือลง  "โอเคค่ะสาวน้อย  เดินเองก็ได้  แต่จับมือมะม๊าไว้หน่อยได้ไหม..  มะม๊าคงจะเหงาถ้าโจปล่อยมือ" 

"ก็ได้.. โจจะไม่ให้มะม๊าเหงา"  ลูกสาวบอกเสียงใสแต่หนักแน่น  แคลลี่เงยหน้าขึ้นสบตาอีกคน  แองเจล่ายิ้มอย่างรู้ทัน  เค้าย่อมรู้ว่า  เธอเล่นทริคกับลูกอีกแล้ว 

ก็ถ้าไม่พูดแบบนี้  โจเซฟินก็อาจจะวิ่งเล่นไปทั่วตามประสาเด็กก็ได้  ต้องสร้างอุบายให้เขาเชื่อเอาไว้ก่อน  แต่มันก็เพราะลูกรักเธอหรอกนะ  เค้าถึงยอมเชื่อและไม่สนใจว่าจะโดนหลอก  แต่ฉันก็หลอกลูกเพราะรักเค้านะ..

"โอเค..  ทีนี้ก็ไม่เหงาแล้ว"  เธอบอกยิ้มๆ เด็กสี่ขวบก็ยิ้มแป้น  เธอทำสำเร็จ

"งั้นเดี๋ยวพี่มานะ"  ทหารตัวสูงบอกและพร้อมจะไปแต่บางอย่างที่นึกขึ้นได้ก็ทำให้กลับมา  แองเจล่าย่อตัวสูงๆเหมือนเสาลงหาเด็กตัวน้อย  หอมแก้มเค้าไปหนึ่งฟอดใหญ่ๆ  แก้มเด็กหอมต่างจากแก้มสาวๆนะ  แต่ก็ชื่นใจ  "อย่าไปไหนไกลจากมะม๊านะคะลูก  โจต้องอยู่ปกป้องมะม๊าแทนปะป๊านะ"

"โจสัญญา"  เด็กน้อยบอกพร้อมยกมือขึ้นจรดหางคิ้วราวลูกเสือตัวเล็กที่ปฏิญาณตนกับผู้บังคับบัญชา  ความน่าเอ็นดูก็ทำให้ผู้เป็นพ่ออดไม่ได้ต้องขยี้ศีรษะเบาๆ ก่อนเอามันมาหอม 

อา...ฉันโดนลูกเล่นงานอีกแล้วสิ  ไม่รู้ใครติดใคร..

"ไปได้แล้วค่ะ  เดี๋ยวมืดก่อน"  แคลลี่เตือน  เลยโดนคนถูกเตือนปิดปากด้วยปากของเขา  คุณสามีหาเรื่องหวานกับเธออีกแล้ว  "แอน.!" คราวนี้เตือนเสียงเข้ม  คนผมเงินก็ยิ้มขี้เล่นก่อนจะวิ่งหายไป  เธอส่ายหน้าอดไม่ได้ที่ยิ้ม  ก่อนจะจูงมือลูกเข้าไปในห้องควบคุม  เข้าไปถึงก็ขมวดคิ้วทันที

"มะม๊าอารมณ์เสีย.?"

"เปล่าค่ะ  แค่มะม๊าคิดว่า  ของเล่นพวกนี้น่าจะพังหมดแล้ว  แต่บางทีอาจจะไม่.."  เธอบอกและก่อนจะลงมือทำอะไร  ยังไม่ลืมเอาผ้าเช็ดหน้าออกมา  เธอตั้งใจจะใช้มันพันช่วงปากกับจมูกให้ลูกน้อย  แต่อย่าคิดว่าจะไม่โดนถามนะ

"มะม๊าจะทำอะไร.."

"แค่จะไม่ให้ลูกดมฝุ่นค่ะ  เชื่อมะม๊านะคะโจ  ถ้าลูกไม่สบาย  มะม๊าเครียดตายพอดี"  บอกลูกสาวด้วยเหตุผล  เค้าดูอึดอัดแต่ก็ยอม  เธอจึงจัดการอย่างรวดเร็ว  ไม่กี่นาที  โจเซฟินก็มีผ้าปิดจมูกเรียบร้อย  "โจยืนตรงนี้ก่อนนะคะ  อย่าไปไหน  มะม๊าขอเช็คเครื่องนิดนึง"  เด็กน้อยพยักหน้ารับ  เธอจึงขยับไปเช็คเครื่องมือที่เห็น  มันดูเก่ามากจนเริ่มไม่แน่ใจว่า  จะใช้งานได้  แต่ยังไงก็ต้องลอง

"มะม๊าเริ่มปวดหัวแล้วค่ะโจ  ไม่เคยเห็นของเก่าขนาดนี้เลย  คำอธิบายก็ลางจนแทบไม่เห็น"  แคลลี่บ่น  ต้องการลดความเครียดของตนลง  มือสวยควานหาปุ่มต่างๆที่แผงวงจรจนฝุ่นหนาติดมือมา แล้วจะกล้าจับลูกอีกไหมเนี่ย..

"อา..  ที่นี่มีห้องน้ำหรือเปล่าก็ไม่รู้สิ" 

"มะม๊าปวดฉี่หรือไง" 

คำถามจากเสียงใสๆพาให้คนเครียดๆหัวเราะในที่สุด "ไม่ใช่ค่ะลูก  แค่อยากจะล้างมือเท่านั้น"  หญิงสาวชูมือที่แบออกทั้งสองมือให้ลูกสาวดู  เค้าหัวเราะจนพุงเล็กๆกระเพื่อม  เธอจึงแกล้งหรี่ตามองเหมือนจะเคืองน้อยๆ "ไม่ตลกเลยนะโจ"

"โจก็ไม่ได้เล่นตลกนี่มะม๊า"  ลูกสาวย้อนเร็ว  แคลลี่เองก็มัวแต่ตกใจจนลืมมองว่าลูกเดินมาเอื้อมมือกดปุ่มอะไรในแผงวงจร  แต่นั่นมันก็ไม่สำคัญไปกว่า  เรื่องที่เครื่องมือในห้องนี้มันเริ่มทำงานแล้ว

"โจทำได้ไงลูก!"  ถามตกใจ เด็กน้อยจึงตกใจเหมือนกัน  แล้วเขาก็ส่ายหน้าเหมือนไม่รู้เรื่อง   แต่มันคงไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องคิดตอนนี้  "โอเคไม่เป็นไร  ไหนๆมันก็ทำงานแล้ว  งั้นเรามาดูกันว่ามันทำอะไรได้บ้างดีกว่าเนอะ"  เธอพูดเหมือนกำลังจะเริ่มหาเรื่องเล่นอะไรสักอย่าง  ร่างเล็กๆที่อยู่ด้วยเลยมาขอปีนเก้าอี้ดูด้วยคน  และก็ไม่พ้นที่เธอต้องประคองเค้าขึ้นมานั่งแบบวีไอพี 

"ปุ่มเยอะแยะ" 

"นั่นแหละค่ะที่มะม๊าต้องเดาแล้วล่ะ"  แคลลี่พึมพำเสียงเครียด  ไม่ได้อยากจะติดอยู่ในที่แบบนี้ตลอดไป  ก็เครื่องบินที่เธอนั่งมามันเสียหายตรงช่วงปีกและหางเสือ  เอาขึ้นฟ้าไม่ได้อีกแล้ว  หากจะคิดซ่อมก็คงไม่มีอุปกรณ์พอนอกจากจะไปลองรื้อที่โรงเก็บเครื่องบินดู  แต่นั่นก็ต้องเอาไว้ทีหลัง  เรื่องที่ต้องทำก็คือตอบคำถามนี้ให้ได้  ที่นี่คือที่ไหนแล้วจะติดต่อคนภายนอกได้หรือเปล่า..

"ถ้ามะม๊ากดปุ่มมั่วเหมือนที่โจทำเมื่อกี้จะเกิดอะไรขึ้น.?"  อยู่ๆก็ถามขึ้นมา  แล้วก็พบว่า  ตัวเองโดนมองด้วยดวงตาใสๆแต่เกรงๆ แคลลี่ยักไหล่ 

"ก็แค่ล้อเล่นค่ะ  มะม๊าก็ไม่ได้อยากระเบิดที่นี่ทิ้ง พร้อมเราสองคนหรอกนะ"  พูดทีเล่นทีจริง  สุดท้ายก็ชักมือออกจากแผงวงจร  ถอนหายใจอย่างจนปัญญา  ยังไม่กล้าเสี่ยง ถ้าตัวคนเดียวตรงนี้ก็ไม่เป็นไร  แต่นี่..ลูกเธออยู่..  เธอจะให้เค้าเป็นอะไรไปไม่ได้   ไม่ได้แน่ๆ..

บางทีเธออาจต้องทำเครื่องมือใหม่ด้วยตัวเอง  คิดไปคิดมาจนปวดหัว  แล้วหางตาก็หันไปเห็นบางอย่างนอกหน้าต่างห้อง  เธอจ้องมันอย่างครุ่นคิด  มันเหมือนกระจกแต่แปลกกว่า  หรือว่าจะเป็น... 

"กระจกเหรอนั่น.?  หรือแผงโซล่าเซลล์.?"  แคลลี่พึมพำ  แล้วความสงสัยก็พาเธอเดินไปมองมัน  คำเฉลยออกมาแล้วว่าทำไมที่นี่ยังมีไฟใช้ทั้งที่ไม่มีเสาไฟฟ้า  และแน่นอน  เจ้าตัวเล็กไต่ลงจากเก้าอี้วีไอพีตามไปเกาะขาเธอด้วย

"โจดูด้วยสิ" 

"ไม่มีปัญหาค่ะคุณบอสน้อย"  แซวลูกสาวเล็กน้อยแล้วก็อุ้มเค้าขึ้นมาดูด้วยกัน  ก็กระจกมันสูงกว่าตัวเขา  ดวงตาสีเดียวกันมองไปทางเดียวกันนอกหน้าต่าง  แล้วเจ้าตัวเล็กก็มีคำถาม

"มะม๊ามองอะไร" 

"กระจกพวกนั้นพาเรามาที่นี่  แล้วมันก็ทำให้เรารู้ว่า  เราจะมีไฟไว้ใช้กัน  ถ้าเรายังติดอยู่ที่นี่อีกสองสามวันหรือนานกว่านั้นค่ะลูก"

"งั้นโจก็ยังเล่นเกมส์ได้"  เสียงใสๆถามอย่างมีหวังและเธอรู้ว่าเค้าหมายถึงเรื่องของเล่นที่ต้องใช้ไฟฟ้าของเค้า  เด็กหนอเด็กยังมีแก่ใจจะเล่นอีกนะ

"โอเค.. งั้นสบายใจไปอย่างหนึ่งแล้วนะ  ที่เหลือก็คือห้องน้ำ" 

"ทำไม.?"  เด็กช่างสงสัยถามอีกแล้ว  แล้วเธอก็ใช้ปลายคางชี้ไปที่กระจกหน้าต่าง  โจเซฟินมองตามแล้วก็หัวเราะ  เพราะเธอสองคนแม่ลูกเปื้อนฝุ่นไปหมด 

"เน่า.."

"ใช่ค่ะเน่า  งั้นเราไปหาห้องน้ำกันเถอะก่อนจะเน่ามากกว่านี้"  แคลลี่พูดและพากันหัวเราะ  ก่อนจะพากันวิ่งออกจากห้องควบคุมไปหาห้องน้ำที่ว่าด้วยกันราวว่ามันเป็นเรื่องสนุก   

ใช่..  เพราะบางที..การหลงทางคงไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสมอไปหรอกมั้ง..



...................................................................



อา..  รีไรท์มาจนเกือบถึงครึ่งเล่มแล้วนะคะ  แต่ยังไม่ถึงตอนที่เคยลงไว้ก่อนรีไรท์  อีกสองตอนถึงจะเริ่มตอนใหม่จริงๆสักที  รอต่อไปค่ะ

ขอบคุณค่ะที่เจียดเวลาอันมีค่าของพวกคุณเข้ามาอ่านกัน

แล้วเจอกันใหม่ค่ะ   :44:




Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น