web stats

ข่าว

 


Desperate KNIGHT - Chapter 10

โพสต์โดย: nuffy วันที่: 17 สิงหาคม 2014 เวลา 11:29:09 อ่าน: 430

แสงแดดยามเช้าที่ส่องลอดเข้ามาในห้องนอน แสงแดดอุ่นส่องกระทบกับร่างเปลือยเปล่าของมีนาที่หลับอยู่ แสงนั้นปลุกให้เธอตื่นขึ้นมาจากการพักผ่อน เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาช้าๆ ก็พบกับใบหน้าของเซ็ทโธเรียที่ยังคงหลับใหลอยู่เคียงข้างเธอ มือขาวซีดของอีกฝ่ายที่โอบเอวของเธอเรียกรอยยิ้มของแม่ทัพสาวได้ เธอขยับตัวเข้าไปใกล้แล้วซุกใบหน้าลงบนอกนุ่มของคนที่กำลังหลับอยู่แล้วหลับตาลง

เกือบสามเดือนแล้วที่เธออยู่ที่นี่ และเป็นเวลาสองเดือนแล้วที่ความสัมพันธ์ฉันท์คนรักก่อตัวขึ้นระหว่างเธอกับเทพีผู้สร้างปิศาจ แม่ทัพสาวรู้สึกดีและมีความสุขเมื่อได้อยู่กับเทพีตาสีนิลผู้มีเสน่ห์และอ่อนโยน ทำให้รู้สึกว่าความโดดเดี่ยวที่เธอเคยเผชิญมาตลอดชีวิตนั้นสิ้นสุดลงเมื่อได้อยู่ที่นี่และมีเทพีองค์นี้อยู่เคียงข้าง

ถึงแม้ตาจะปิดอยู่แต่มีนาก็ไม่ได้นอนหลับ ในหัวของเธอคิดคำนึงถึงเหตุการณ์ที่ภายนอกเขตแดนนี้ เธอเป็นห่วงและกังวลถึงความเป็นไปของมนุษย์ที่กับสู้อยู่กับปิศาจ ความคิดนี้ขัดแย้งกับจิตใจของเธอที่รู้สึกเป็นสุขและอบอุ่นใจในที่แห่งนี้ เธอชอบที่จะเดินเล่นในสวน มองดูปิศาจในป่าที่คุ้นเคยกับเธอมากขึ้น ชอบที่นั่งลงบนตักอีกฝ่ายแล้วฟังเรื่องราวจากหนังสือที่เทพีอ่าน ชอบการกอดรัดและจุมพิตจากเซ็ทโธเรีย รวมไปถึงบทรักที่รัญจวนใจเกือบทุกค่ำคืน แต่ทุกครั้งที่สุขใจความคิดแย่ๆ เรื่องความตายของเหล่าอัศวินและทหารก็แทรกขึ้นมาเมื่อยามที่เธออยู่คนเดียว ใบหน้าของกษัตริย์ แม่ทัพ นายกองที่กำลังเจ็บปวดทรมานจากการต่อสู้ทำให้เธอไม่อาจจะนอนอยู่เฉยๆ เช่นนี้ได้

'อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกก'

เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นมาในหัวของแม่ทัพสาวทำให้เธอลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจ เสียงนั้นฟังดูคุ้นเคย เหมือนเธอได้ยินที่ไหนมาก่อน เสียงนั้นทำให้หัวใจเธอเต้นแรง กล้ามเนื้อของเธอขมวดแน่น ตัวของเธอสั่นด้วยความหวาดกลัว และเสียงนั้นไม่อาจทำเธอทนนอนอยู่บนเตียงนุ่มได้อีกต่อไป

มีนาสะดุ้งเมื่อแขนของคนที่เธอกอดอยู่ขยับขึ้นมาลูบผมของเธอเบาๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมามองเธอก็พบกับดวงตาสีนิลที่อีกฝ่ายกำลังมองเธออยู่ สายตานั้นดูเป็นกังวลแต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่เดียวและจางหายไป

"หิวหรือยัง?" เทพีถาม

"อ... อื้อ"

เทพีผู้สร้างปิศาจจูบเธอก่อนที่จะขยับตัวลงจากเตียง สวมเสื้อคลุมแล้วเดินออกจากห้องนอนตรงไปที่ห้องครัว

หลังจากที่เทพีตาสีนิลเดินออกจากห้องไปแล้ว แม่ทัพสาวก็รีบลุกขึ้นจากเตียงและแต่งตัว เธอขมวดคิ้วเมื่ออาวุธของเธอไม่อยู่ที่โต๊ะตรงเคยวางพวกมันเอาไว้ ทั้งกริชและดาบยาวของเธอหายไป มีนารีบเดินออกจากห้องตรงไปที่ห้องครัวทันที

กลิ่นหอมของอาหารหันเหความสนใจของเธอที่ต้องการจะถามอะไรบางอย่างจากเจ้าของบ้าน เธอเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารขณะที่อิดิธ่ากำลังจัดโต๊ะ การเคลื่อนไหว ท่าเดิน และมือน้อยๆ ของตุ๊กตากลสร้างความเพลิดเพลินให้กับเธอจนกระทั่งลืมสิ่งที่ที่ตั้งใจเอาไว้ไป เธอลงมือกินทันทีที่อาหารถูกลำเลียงวางลงบนโต๊ะ

"อร่อยจัง... อาหารที่นี่อร่อยทุกอย่างจริงๆ"

"ข้าดีใจนะที่อาหารที่ข้าทำถูกปากเจ้า" เซ็ทโธเรียเดินเข้ามาจูบแก้มแล้วนั่งลงข้างๆ

"ข้ากินได้ทุกอย่าง... การเป็นอัศวินทำให้ข้าเลือกกินไม่ได้ การจับแต่ดาบทำให้ข้าทำอาหารไม่เป็น" แม่ทัพสาวตอบอย่างอายๆ "ถ้าข้าทำอาหารได้สักหน่อยก็คงดี"

เทพีหัวเราะ "ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะทำอาหารให้เจ้ากินเอง"

"แต่ข้าไม่อยากเป็นภาระท่าน... ข้าอยากดูแลท่านบ้าง"

"ไม่ต้องหรอก" เทพีตาสีนิลยกมือขึ้นห้าม "เจ้าดูแลคนอื่นมามากพอแล้ว ขอให้คนอื่นดูแลเจ้าบ้างเถิด"

"คนอื่น... คือท่านใช่ไหม?"

เซ็ทโธเรียยิ้ม "หรือเจ้าไม่อยากให้ข้าดูแลเจ้า"

"ไม่แน่นอน... ข้าอยากอยู่กับท่านตลอดไป"

มีนาโน้มคออีกฝ่ายเข้ามาจูบ เธอลืมตาขึ้นมาเล็กน้อยระหว่างที่แลกจุมพิตกันและมองเห็นดาบ กริช และชุดเกราะของเธอวางอยู่บนชั้นข้างเตาผิง แม่ทัพสาวถอนจูบออกแล้วมองตรงไปที่นั่น เทพีผู้สร้างปิศาจยืนมองการกระทำนั้นอยู่นิ่งๆ

"เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนั้นอีกต่อไป ตราบใดที่เจ้าอยู่ที่นี่... กับข้า"

แม่ทัพสาวไม่ตอบ เธอยืนขึ้นแล้วเดินตรงไปที่ชั้นวางมือของเธอไล้ไปตามฝักดาบ... ดาบประจำตัวของเธอ "ข้ากำลังสงสัยอยู่ว่าพวกมันหายไปไหน"

มีนามองกริชที่ได้รับมาจากทอยมิสแล้วหันไปมองที่เทพีตาสีนิล เธอขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเทพีกำลังมองอะไรบางสิ่งที่อิดิธ่าถือเข้ามา ในมือของตุ๊กตากลนั้นคือลูกแก้วสีดำลูกหนึ่งมันกำลังเปล่งแสงออกมา ใบหน้าของเทพีเรียบเฉยราวกับไม่รู้สึกใดๆ กับแสงที่ส่องออกมา

"นั่นอะไรน่ะ?"

"ไม่เกี่ยวกับเจ้า"

"แต่ข้าอยากรู้"

เซ็ทโธเรียไม่ตอบ เธอเดินหนีอีกฝ่ายไปพร้อมกับตุ๊กตาแต่แม่ทัพสาวก็วิ่งไปฉุดแขนเอาไว้

"มันต้องมีอะไรแน่ๆ"

"เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ เพราะหากเจ้ารู้มันจะทำให้เจ้าเป็นทุกข์" เทพีตอบออกมาอย่างรำคาญ

"คำพูดของท่านยิ่งทำให้ข้าอยากรู้ และข้าก็คิดว่ามันเกี่ยวข้องกับข้าโดยตรง... ใช่หรือไม่?"

เทพีเบือนหน้าหนีแล้วออกเดินอีกครั้ง แต่เธอก็ถูกอีกฝ่ายขวางเอาไว้ "ได้โปรดเถอะ ขอร้องล่ะ... ท่านรู้ใช่ไหมว่าข้ารู้สึกอย่างไร ท่านรู้ความคิดในหัวข้า ท่านรู้ว่าใจข้าคิดอย่างไร... ถึงแม้มันจะทำให้ข้าเป็นทุกข์ แต่ข้าก็ต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อะไรทำให้ท่านต้องปิดบังข้า"

มีนาโผเข้าไปกอดเจ้าของบ้าน "ท่านไม่เคยโกหกข้า ท่านทำให้ข้าเชื่อมั่นในตัวท่าน ได้โปรดเชื่อมั่นในตัวข้า"

"เชื่อมั่นว่าอย่างไร?"

"ว่าท่านเป็นคนที่ทำให้ข้ามีความสุขที่สุด"

เทพีผู้สร้างปิศาจถอนหายใจ เธอหยิบลูกแก้วขึ้นมาจากมือของตุ๊กตากล "ข้าเตือนเจ้าแล้วนะ หากเจ้ารู้ เจ้าจะเป็นทุกข์ และมันจะทำให้เจ้าต้องเลือก..."

"ข้าพร้อมแล้ว" แม่ทัพสาวพูดขัดขึ้นมา

เทพีตาสีนิลยื่นลูกแก้วมาตรงหน้าของอีกฝ่ายแล้วบอกให้จ้องมองลงไปในนั้นแสงนั้น เมื่อมองลงไปดวงตาสีฟ้าเข้มของเธอก็เบิกโพล่ง ยิ่งมองเห็นสิ่งที่อยู่ในลูกแก้วนั้นยิ่งทำให้ตัวของเธอสั่นมากขึ้น น้ำตาร้อนๆ ไหลออกมาอาบแก้ม เธอทนมองลูกแก้วไปได้ไม่นานก็ต้องเบือนหน้าหนีแล้วเดินผละออกมา

"ข้าเตือนเจ้าแล้ว" เซ็ทโธเรียพูดออกมาเบาๆ แล้ววางลูกแก้วลงบนมืออิดิธ่า ตุ๊กตากลเดินออกจากห้องไป

"ข้าต้องทำอะไรสักอย่าง... อะไรสักอย่าง..."

"ทำอะไรสักอย่าง? ข้าไม่คิดว่าตอนนี้เจ้าจะทำอะไรได้"

"ข้าต้องทำได้... ข้าจะกลับไปช่วยพวกเขา!"

"ข้าไม่อนุญาต!" เทพีผู้สร้างปิศาจพูดเสียงดัง "เจ้าออกไปก็มีแต่ตายเปล่า"

"ข้ายอมตาย ข้าเป็นอัศวิน... เป็นทหาร..."

"เกียรติยศไม่อาจทำให้ชีวิตยั่งยืน เจ้ารู้ข้อนี้ดีมีนา เจ้ารู้ดีจนทำให้เจ้าต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว"

"แต่พวกเขาเป็นเพื่อนข้า! คนที่ข้าสาบานว่าจะยอมสละชีวิตร่วมกับพวกเขา... ดูสิตอนนี้ข้าปล่อยให้เขาต้องทนทุกข์ ขณะที่ข้าอยู่กับท่านที่นี่อย่างสุขสบาย ไม่ทนไม่ได้หรอกนะ"

เทพีเม้มปาก "เจ้าโกหกข้า"

"ข้าโกหกท่านด้วยเรื่องอันใด?"

"เจ้าบอกว่าข้าเป็นคนที่ทำให้เจ้ามีความสุขที่สุด แต่คำพูดของเจ้าเมื่อครู่... เจ้าไม่ได้มีความสุข ใจเจ้าไม่ได้อยู่กับข้า"

"ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น เซ็ทโธเรีย... ท่านเป็นคนที่ทำให้ข้ามีความสุขที่สุดเท่าที่ข้ามีชีวิตมา"

"แต่เจ้าก็คิดจะไป... จากข้า!"

"เพื่อช่วยพวกเขา"

"ข้าบอกแล้วว่าไม่มีประโยชน์ ต่อให้เจ้าไปหาพวกเขาตอนนี้ก็ไม่อาจจะช่วยพวกเขาได้ เจ้าจะตาย และข้าไม่ยอมให้เจ้าตายเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม..."

มีนาคว้ากริชที่เทพแห่งสงครามฝากมาให้กับเธอขึ้นมาถือไว้แล้วชี้ปลายแหลมไปที่อีกฝ่าย เธอพยายามจะขู่คนที่อยู่ตรงหน้าด้วยอาวุธชิ้นนี้

"ท่านทำให้ข้าไม่มีทางเลือก"

"เจ้ามีทางเลือก... เพียงแต่ตอนนี้ดวงตาของเจ้ามืดบอดด้วยโทสะและความเป็นกังวล"

"ท่านก็มีทิฐิที่ไม่อาจปล่อยข้าไป" แม่ทัพสาวชี้กริชไปที่อีกฝ่าย

เซ็ทโธเรียเดินเข้ามาใกล้ ใบหน้าซีดขาวของเธอเครียดขึงและดูน่ากลัว บรรยากาศกดดันและชวนคลื่นเหียนอาเจียนเมื่อครั้งที่ทั้งสองพบกันครั้งแรกที่อาณาจักรเซเนกรอสกลับมาอีกครั้ง และบรรยากาศนั้นทำให้มีนารู้สึกกลัว

"เจ้าจะทำอะไร... จะฆ่าข้า? ด้วยกริชแห่งเทพที่ครีกฝากมาให้เจ้า เขาคงบอกเจ้าสินะว่ากริชเล่มนี้เคยสังหารเทพเจ้า"

"ข้าไม่เคยคิดที่จะฆ่าท่าน แต่ท่านบังคับให้ข้าไม่มีทางเลือก"

เทพีตาสีนิลเดินเข้ามาจนกระทั่งปลายกริชสัมผัสที่หน้าอกของเธอ "เอาเลยสิ จัดการเลย แทงข้าเลย... หากเจ้าทำสำเร็จเจ้าจะได้กลับไปช่วยเพื่อนของเจ้า เอาสิมีนา... ฆ่าข้าเลย"

น้ำตาของแม่ทัพสาวไหลอาบแก้ม มือทั้งสองที่กำด้านกริชสั่นเทา ตอนนี้สมองของเธอปั่นป่วนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า เทพีที่เธอมีใจรักใคร่กำลังบีบบังคับให้เธอต้องเลือกระหว่างการออกไปช่วยเหลือมนุษย์แลกกับชีวิตของตนเอง เธอตกใจมากขึ้นมือมือขาวซีดของอีกฝ่ายเลื่อนเข้ามากุมมือเธอแล้วดันกริชเข้าหาตนเอง

"ย... อย่า... เซ็ทโธเรีย ท่านจะทำอะไร?!"

ใบหน้าของเทพีผู้สร้างปิศาจบิดเบี้ยวเมื่อคมดาบเสียบเข้าไปในหน้าอกของเธอ ริมฝีปากเม้มแน่นเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้อง เธอปล่อยมือออกเมื่อใบดาบทั้งหมดหายเข้าไปในร่างกายของเธอ เซ็ทโธเรียเซไปด้านหลังเล็กน้อย เธอเอามือเกาะขอบโต๊ะเอาไว้เพื่อไม่ให้ล้มลง

"ท่านทำอะไรลงไป!" มีนาวิ่งเข้าไปประคองเธอเห็นเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากปากแผล

"ทำให้เจ้าใจเย็นลง..." เทพีพูดแล้วลูบใบหน้าอีกฝ่าย "เจ้าใจร้อนและหุนหันมากเกินไป ข้าไม่อาจเสียเจ้าไปได้"

"แต่ท่านจะตายเพราะกริชเล่มนี้"

"ข้าไม่ตายหรอกมีนา" เซ็ทโธเรียพูดแล้วใช้นิ้วชี้แตะที่หน้าผากของแม่ทัพสาว ด้วยอำนาจของเธอทำให้อีกฝ่ายล้มลงไปนอนกองกับพื้น

"ข้าไม่ตายหรอก" เธอพูดอีกครั้งแล้วดึงกริชออกมาจากหน้าอกด้วยใบหน้าแสดงอาการเจ็บปวดเล็กน้อย ใบดาบที่แหลมคมอาบไปด้วยเลือดของเธอ เทพีวางกริชลงบนโต๊ะแล้วอุ้มมีนาไปที่ห้องนอน

...

ภาพที่มีนาเห็นในลูกแก้วคือภาพของอาณาจักรเซเนกรอสที่กำลังถูกโจมตีด้วยกองทัพปิศาจ ปิศาจตัวใหญ่สามตัว พร้อมด้วยปิศาจชั้นต่ำอีกหลายร้อยตัวยาตราเข้ามาประชิดกำแพงเมืองทางทิศใต้ พวกมันพยายามจะบุกเข้ามาในตัวเมือง ปิศาจชั้นต่ำวิ่งไล่และกัดกินชาวบ้านที่หนีเข้าประตูเมืองไม่ทัน ในขณะที่ปิศาจตัวใหญ่กำลังพยายามทุบทำลายกำแพงเมือง

"พวกเจ้ารับมือพวกตัวเล็กเอาไว้อย่าให้มันเข้าเมืองได้ แยกเจ้าพวกตัวใหญ่อย่าให้พวกมันรวมกัน" อเล็กซ์ตะโกนสั่ง "กองหนุนช่วยพวกชาวบ้าน"

พลธนูและพลหอกที่ประจำอยู่บนกำแพงเมืองยิงและขว้างอาวุธป้องกันไม่ให้ปิศาจชั้นต่ำปีนเข้ามา เช่นเดียวกับทหารราบที่กำลังสู้อยู่ด้านล่าง กองทหารเก้ากองล้อมรอบปิศาจตัวใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าและด้านข้างกำแพง พวกเขาจัดวางให้กองทหารสามกองจัดกับกับปิศาจตัวใหญ่หนึ่งตัว

"สู้มัน... อย่าให้มันเข้ามาได้" แม่ทัพใหญ่ตะโกน เสียงโห่ร้องดังก้องขึ้นมาทันที

นิโคลและทหารองครักษ์คนอื่นๆ วิ่งเข้าไปช่วยประชาชนอพยพออกจากพื้นที่ใกล้กับกำแพงเมือง มีปิศาจชั้นต่ำเล็ดลอดมาถึงเธอประมาณ 4 ? 5 ตัว สาวผมแดงจัดการพวกมันได้อย่างไม่ยากเย็น เธอโห่ร้องเมื่อเห็นปิศาจตัวใหญ่ตัวหนึ่งถูกจัดการให้ล้มลง แต่ความยินดีนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความตกตะลึงและตกใจเนื่องจากกำแพงด้านหนึ่งถูกทำลายลงด้วยฝีมือของปิศาจตัวใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายหมี

"รีบไปช่วยพวกเขาเร็ว!" นายกองตะโกนสั่ง ทหารองครักษ์รีบวิ่งไปยังทิศทางที่กำแพงถูกทำลายทันที

ระหว่างทางที่มุ่งไปยังกำแพงเมืองด้านนั้น องครักษ์สาวและเพื่อนๆ ต้องสู้กับปิศาจชั้นต่ำอีกหลายสิบตัวที่กรูกันเข้ามาในเมืองหลังจากที่กำแพงถูกทำลาย พวกเขาวิ่งเข้าไปช่วยชาวบ้านขนของและนำทางไปยังที่ปลอดภัย ขณะที่ช่วยผู้คนดาบคู่ของเธอรับกรงเล็บคมๆ และคร่าชีวิตของปิศาจตัวเล็กไปได้หลายตัว

"กรี๊ดดดดดดดด"

เสียงกรีดร้องดังขึ้นที่ด้านหลังของสาวผมแดง เมื่อหันกลับไปเธอก็เห็นปิศาจหมีปรากฏตัวขึ้นบริเวณช่องว่างของกำแพงที่ถูกทำลายในมือของมันมีร่างของทหารคนหนึ่งอยู่ในอุ้งมืออันใหญ่ยักษ์ของมัน ปิศาจร้ายโยนร่างกายของเขาใส่ปากแล้วเคี้ยว เสียงเสื้อเกราะที่ถูกบดด้วยฟันและกรามอันแข็งแรงเสียดแทงเข้าโสตประสาทของทุกคนที่เห็นภาพนั้น

"บ... บ้าน่า" องครักษ์สาวมองเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกตะลึงแล้วรีบพยุงหญิงท้องแก่ให้ออกจากบริเวณนั้นทันทีเมื่อเห็นว่าปิศาจหมีกำลังมองมาที่เธอ

นิโคลพยายามพาหญิงท้องแก่ให้ออกห่างจากกำแพงมากที่สุด เธอพาหญิงคนนั้นวิ่งไปที่ตรอกเล็กๆ ซึ่งจะต่อไปยังถนนที่บรรดาองค์รักษ์กำลังช่วยเหลือชาวบ้านอยู่ ระหว่างทางนั้นเธอได้สังหารปิศาจชั้นต่ำไปอีก 2 ? 3 ตัว เมื่อใกล้ถึงจุดที่ทหารองครักษ์ยืนอยู่ เธอก็ส่งตัวหญิงท้องแก่ให้กับพวกเขา ทันทีที่หญิงคนนั้นขึ้นรถม้าที่เตรียมเอาไว้ขนผู้คนเสียงคำรามก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

"พลธนู พลหอก จัดการมัน" เสียงนายกองร้องสั่ง ในขณะที่สาวผมแดงหันไปมองทางด้านหลัง

ต่อหน้ากองทหารองครักษ์ปิศาจหมีตัวใหญ่ขนสีดำเป็นเลื่อม มันยืนสองขาจังก้าทำให้ขนาดตัวของมันเท่ากับบ้านสองชั้น ปากยาวที่กำลังส่งเสียงคำรามเผยให้เห็นฟันกรามขนาดใหญ่ อุ้งเท้าขวากางกรงเล็บแข็งแรงออกทั้งห้านิ้วเตรียมพร้อมที่จะโจมตี ส่วนอุ้งเท้าซ้ายมีร่างของชายคนหนึ่ง เขาถูกถลกหนังหน้าเป็นแผลเหวอะหวะและกำลังจะตาย

องครักษ์สาวค่อยๆ เท้าก้าวถอยหลังขณะที่ปิศาจตนนั้นกำลังปัดหอกและลูกธนูด้วย ฟันยาวและกรงเล็บแหลมคม เธอกระชับดาบทั้งสองในมือแน่น สายตาจับจ้องไปที่ปิศาจเพื่อสังเกตท่าที เมื่อหอกด้ามสุดท้ายถูกหักลงด้วยขากรรไกรที่แข็งแรง กรงเล็บขวาของปิศาจหมีก็เหวี่ยงมาที่เธอทันที แรงเหวี่ยงนั้นทำให้กลุ่มฝุ่นจากเศษซากปรักหักพังของบ้านเรือนฟุ้งกระจายจนแทบ

"นิโคล" เสียงกรีดร้องเรียกชื่อของเธอดังขึ้นจากเพื่อนทหารองครักษ์ที่ยืนอยู่ที่ด้านหลัง

เสียงร้องของปิศาจดังสนั่น เมื่อฝุ่นจางลงทุกคนก็เห็นภาพของอุ้งเท้าขวาของปิศาจหมีถูกดาบซ้ายของสาวผมแดงแทง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งที่กำลังตั้งการ์ดอยู่ก็กำลังจะฟันลงมาที่นิ้วของมัน ปิศาจรีบโยนร่างของชายที่น่าสงสารในอุ้งเท้าซ้ายทิ้งทันทีแล้วตะปบร่างขององครักษ์สาวที่อยู่บนพื้น นิโคลรีบดึงดาบออกแล้วกระโจนหลบ

"โอ้ย" เธอร้องออกมาเมื่อถูกกรงเล็บเฉือนที่หลังกรงเล็บแหลคมของมันเจาะทะลุเกราะอ่อนของเธอ ถึงแม้จะเจ็บปวดแต่เธอก็ยังคงตั้งลุกขึ้นและการ์ดรอ ระหว่างนั้นกองทหารอัศวินก็เข้ามาในพื้นที่

"เตรียมตัวรับการโจมตี" แม่ทัพใหญ่ตะโกนสั่ง

ปิศาจยักษ์กระโจนเข้ามาหากองทหาร มันใช้ลำตัวกระแทกอัศวินหลายคนล้มระเนระนาด ปากก็ส่งเสียงขู่คำราม มันขย้ำทหารคนหนึ่งที่ล้มลงด้วย ฟันที่แหลมคมและขากรรไกรของมันสร้างความเจ็บปวดให้กับเหยื่อ เสียงร้องโหยหวนด้วยความทรมานดังไปทั่ว พลธนูและพลหอกพยามยามขว้างอาวุธใส่มันจนทำให้ปิศาจปล่อยเหยื่อคนนั้นแล้ววิ่งเข้าหาพวกเขาแทน ทหารอัศวินและกองทหารองครักษ์ต่างวิ่งหาที่กำบังและกลับเข้าประจำตำแหน่งอีกครั้งเมื่ออเล็กซ์สั่งให้อัศวินใช้เหวี่ยงเชือกใส่ปิศาจเพื่อรัดตัวไว้ให้แน่นหนา ปิศาจถูกเชือกรัดขาทั้งสี่ของมัน แม่ทัพขว้างหอกไปที่ขาซ้ายเพื่อให้มันล้มลงบนพื้น

"รัดเอาไว้ให้แน่น ข้าจะจัดการมันเอง" เขาพูดแล้วชักดาบออกมา

แม่ทัพใหญ่สาวเท้าเข้าไปหาปิศาจที่ถูกพันธนาการเอาไว้ เมื่อเขาตั้งท่าจะแทงมันปิศาจหมีกลับกระชากเชือกที่อยู่ทางด้านขวาหลุดแล้วพุ่งกรงเล็บไปที่เขาทันที

"ระวัง!" นิโคลพุ่งเข้าหาปิศาจยักษ์แล้วใช้ดาบทั้งสองแทงเข้าไปที่ลำคอของมันทันที การโจมตีของเธอทำให้มันชะงักและทำให้อเล็กซ์รอดพ้นจากกรงเล็บของมันได้

"จงตายซะเถอะ" แม่ทัพหนุ่มวิ่งเข้าใส่ปิศาจหมีที่ยังคงเจ็บปวดจากแผลที่ลำคอ เขาแทงซ้ำลงไปที่แผลเดิมของมันอีกครั้ง ปิศาจยักษ์ดิ้นทุรนทุรายแต่ก็ยังไม่สิ้นฤทธิ์ มันส่งเสียงคำราม เท้าของมันเตะและป่ายไปทั่วจนทำให้ทหารที่กำลังดึงเชือกอยู่ล้มลง อเล็กซ์และสาวผมแดงพยายามเข้าไปโจมตีมันอีกครั้งร่วมด้วยพลหอกและพลธนู ไม่นานนักปิศาจก็สิ้นใจ

องครักษ์สาวถูกนำตัวไปรักษาพยาบาล เธอไม่เป็นอะไรมากเพราะบาดแผลไม่ลึก ขณะที่กำลังเดินออกจากจุดรักษาพยาบาลนั้นแม่ทัพหนุ่มก็เดินเข้ามาหาเธอ

"เจ้าทำได้ดีมาก" เขาพูด

"ขอบคุณท่านแม่ทัพ"

"เจ้าเก่งขึ้นมาก ข้าคิดว่าท่านมีนาคงจะดีใจที่รู้ว่าเจ้าเก่งขึ้น... ตอนนี้ฝีมือของเจ้าเทียบเท่ากับอัศวินแล้ว... ตอนนี้เรากำลังต้องการคนเพิ่มในกองทหารอัศวิน ข้าคิดว่าเจ้ามีแวว"

"จริงหรือคะท่าน!" นิโคลพูดอย่างดีใจ

"จริง... ตอนนี้เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ รักษาตัวให้ดี"

สาวผมแดงรีบกลับบ้านด้วยหัวใจที่พองโต คำพูดของอเล็กซ์ทำให้ความหวังของเธอที่อยากจะเป็นอัศวินลุกโชนขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ต้องเก็บความปรารถนานี้อยู่ภายในใจเงียบๆ ด้วยคำพูดของมีนาที่บอกกับเธอหลายต่อหลายครั้งว่าการเป็นอัศวินจะไม่ช่วยทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้นในทุกทาง และจะต้องพบกับความเจ็บปวด รวมทั้งไม่สนับสนุนให้เธอเป็นอัศวินด้วย แต่แม่ทัพหนุ่มคนนี้อาจจะทำให้ความปรารถนาของเธอเป็นจริงขึ้นมาก็ได้

องครักษ์สาวเดินเข้าไปที่ตรอกเล็กๆ ที่มุ่งสู่กำแพงเมืองทิศตะวันออก เธอขมวดคิ้วเมื่อไม่เห็นผู้คนที่เคยเดินเตร็ดเตร่อยู่บริเวณนั้นเลย สิ่งที่เธอเห็นคือฝุ่นควันสีเทาปกคลุมไปทั่ว นิโคลเริ่มสาวเท้าเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนถึงพื้นที่ๆ เคยเห็นว่ามีชาวบ้านมาสร้างเพิงพักอยู่ เธอหยุดนิ่งแล้วเม้มปากแน่นแล้วมองลงไปที่พื้นถนน

เลือดสีแดงสดไหลนองไปทั่วบริเวณ สาวผมแดงยืนอ้าปากค้างเมื่อสายลมเอื่อยๆ พัดฝุ่นควันให้จางออกไปจากตรอก ร่างของชาวบ้านแถบนี้นอนกองอยู่รวมกับร่างของทหารบางส่วน องครักษ์สาวรีบวิ่งตรงไปที่บ้านของเธอทันที

"กรี๊ดดดด ช่วยด้วย!"

เสียงร้องขอความช่วยเหลือของเด็กหญิงคนหนึ่งดังขึ้นตรงเส้นทางที่จะนำนิโคลไปที่บ้าน เธอชักดาบออกมาทันทีเมื่อเห็นปิศาจชั้นต่ำกำลังจะกัดกินเด็กหญิงผมสั้นสีน้ำตาลท่าทางมอมแมมคนหนึ่ง เธอฆ่ามันแล้วรีบถามเด็กคนนั้นทันที

"เกิดอะไรขึ้น!" สาวผมแดงถามพลางเขย่าตัวเด็กหญิง "ข้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น!"

"ป... ปิศาจบุกมา มันเข้ามาทางประตูเล็กที่อยู่ข้างกำแพง"

"มันมากันเท่าไหร่ มีตัวใหญ่ไหม!"

เด็กหญิงไม่ตอบ เธอกำลังจะร้องไห้แต่องครักษ์สาวก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ส่งเสียงสะอื้น "มันมากันเท่าไหร่ ตอบข้า!"

"พวกตัวเล็ก ประมาณสัก 30 ตัวได้... พ... พ่อข้ากับคนอื่นๆ พยายามสู้กับมัน บางคนก็วิ่งไปตามพวกทหาร... กว่าทหารจะมาพ่อข้าก็ตายแล้ว โฮ..." พูดจบเด็กหญิงก็ร้องไห้อย่างหนักและซบใบหน้าลงกับหน้าอกของเธอ

"ข้าเสียใจด้วย" นิโคลพูดพลางลูบผมอีกฝ่าย "ขอโทษ... เจ้าชื่ออะไร?"

"โนวา..."

"เจ้าไปกับข้าโนวา ข้าจะดูแลเจ้าเอง"

สาวผมแดงจูงมือโนวาไปที่บ้านของเธอ แต่พอไปถึงที่นั่นเธอก็ทรุดตัวลงกับพื้นแล้วร้องไห้ออกมา

"ไม่นะ... ไม่..."

บ้านหลังเล็กที่เธอใช้เงินของแม่ทัพสาวซื้อและพยายามซ่อมแซมพังถล่มลงมาเหลือเพียงซากอิฐ ปูน และไม้ บางส่วนของบ้านมีไฟลุกไหม้ เธอรีบปล่อยมือเด็กหญิงแล้วลงมือค้นซากนั้นทันที

"พ่อ แม่... ปู่ ย่า... โซเนีย โนเอล จาเร็ต จานีส พวกเจ้าอยู่ที่ไหนกัน!" เธอตะโกนออกมาขณะที่กำลังค้นซากที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านของเธอ

ยิ่งคุ้ยบ้านลึกไปเท่าไหร่ ส่งเหม็นของเนื้อไหม้ไฟก็มากขึ้นเท่านั้น องครักษ์สาวไม่ใส่ใจกับรอยเปื้อนหรือความร้อนที่ส่งมาจากเศษซากของบ้าน เธอต้องการพบเจอครอบครัวของเธอ... และแล้วเธอก็เจอพวกเขา...

ภายใต้ท่อนไม้ใหญ่ที่เป็นคานของบ้านเธอพบกับร่างของหญิงสาวนอนคว่ำอยู่ ดูจากลักษณะการแต่งตัวแล้วต้องเป็นอมิเรีย แม่ของเธออย่างแน่นอน นิโคลเข้าไปพยุงร่างนั้นขึ้นมา เมื่อพลิกกลับเธอก็รีบปล่อยมือเพราะสภาพด้านหน้าของอมิเรียนั้นถูกไฟเผาดำเป็นตอตะโก ในมือทั้งสองของเธอดูเหมือนว่ากำลังอุ้มเด็กคนหนึ่งอยู่ เด็กคนนั้นอาจจะเป็นจาเร็ต หรือจานีสก็ได้ น้ำตาร้อนๆ ของสาวผมแดงไหลลงมาทันที

เมื่อค้นหาไปอีกเรื่อยๆ เธอก็พบร่างของปู่ ย่า และพ่อของเธอ พวกเขามีสภาพที่ไม่ต่างอะไรไปจากแม่ของเธอมากนัก นั่นคือถูกไฟเผาจนดำเกรียมไปทั้งตัว รวมทั้งอวัยวะบางส่วนหายออกไปคาดว่าน่าจะเกิดจากการกัดกินของปิศาจ

"อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกก"

องครักษ์สาวกรีดร้องลั่นด้วยความเสียใจ ตอนนี้คนสำคัญในครอบครัวของเธอหายไปครึ่งหนึ่ง เหลือเพียงแค่น้องๆ อีก 3 คนของเธอเท่านั้นที่ยังหาไม่พบ

โนวาวิ่งเข้ามากอดแล้วดึงตัวนิโคลให้ออกห่างจากตัวบ้าน เสียงครืนครางดังขึ้นมาพร้อมกับซากบ้านที่หล่นลงมา เตียงที่เธอเคยนอนตกลงมาบนพื้นตรงที่เธอนั่งอยู่เมื่อครู่ สาวผมแดงนั่งเข่าอ่อนอยู่บนพื้นอย่างล่อยลอย... แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงร้องไห้จ้าของเด็กคนหนึ่ง สาวผมแดงคลานเข่าเข้าไปตรงที่เป็นประตูห้องใต้ดินที่อยู่บนพื้นทันที เธอกับเด็กหญิงผมสั้นช่วยกันโกยเศษอิฐและไม้ที่ทับอยู่แล้วเปิดประตูออก

"พี่!"

โซเนียโผเข้ากอดเธอทันทีที่เห็นหน้าทั้งๆ ที่ยังคงอุ้มจาเร็ตอยู่ ตามมาด้วยโนเอล

"พี่กลับมาแล้ว" องครักษ์สาวพูดแล้วจูบแก้มน้องๆ ทั้งสาม แล้วกอดพวกเขาแน่น เธอดึงตัวเด็กหญิงผมสั้นเข้ามากอดด้วย

"ปิศาจบุกมา... ปู่กับพ่อออกไปช่วยพวกเขาสู้ อยู่ๆ มีคนขว้างคบเพลิงเข้ามาในบ้านเรา แล้วก็บุกเข้ามาเอาของๆ พวกเราไป แม่กับย่าให้พวกเราลงซ่อนไปอยู่ในห้องใต้ดิน... ม... แม่โดนตีที่หัวแล้วล้มลงทั้งๆ ที่ยังอุ้มจานีสอยู่ ย่าก็รีบเข้าไปช่วย... ก่อนที่ประตูจะปิดลงข้าเห็นย่าถูกพวกมันทำร้าย แล้วปู่กับพ่อก็วิ่งเข้ามาพอดี"

"พวกมัน? ใครกัน?" นิโคลถาม

"คนที่อยู่แถวนี้... คนที่เพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่"

สาวผมแดงเม้มปากแน่น นอกจากจะต้องสู้กับปิศาจแล้วเธอยังจะต้องสู้กับมนุษย์ด้วยกันเองอีกด้วย ภัยสงครามและความอดอยากทำให้คนเหล่านี้ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ชีวิตอยู่รอด

"เราจะทำอย่างไรต่อไปดีล่ะพี่? โนเอลถาม

"... ข... ข้าจัดการเอง" องครักษ์สาวตอบอย่างยากเย็น

ก่อนที่จะออกจากบริเวณที่เคยเป็นบ้าน นิโคลและน้องๆ ช่วยกันเรียงศพของคนที่ในครอบครัว พ่อ แม่ ปู่ ย่า และน้องสาวคนเล็ก สาวผมแดงจุดไฟเผาร่างของพวกเขาอีกครั้งทั้งน้ำตา แล้วพาน้องๆ ของเธอรวมทั้งโนวาตรงไปยังที่พักของบรรดาอัศวินและทหาร เธอแจ้งกับทหารยามที่ดูแลหน้าบ้านของอดีตแม่ทัพใหญ่แห่งเซเนกรอส แล้วหยิบพวงกุญแจออกจากถุงหนังที่ไม่เคยอยู่ห่างจากเอวของเธอแล้วไขประตูเข้าไป

"ที่นี่ที่ไหนเหรอพี่?" น้องสาวคนโตถามพลางมองไปรอบๆ ห้องโถงใหญ่ของบ้านที่ประดับประดาไปด้วยภาพวาด และของมีค่าหลากหลายชิ้นทั้งถูกฝุ่นเกาะอยู่เต็มเพราะไร้คนดูแล

"บ้านของท่านมีนา... พวกเราจะอยู่ที่นี่"

สาวผมแดงนึกถึงคำพูดของเจ้าของบ้านแล้วมองไปที่เด็กหญิงและชายทั้งสี่ที่เธอพามาด้วย 'ดูแลครอบครัวของเจ้าให้ดี'

'ข้าจะดูแลพวกเขาให้ดีที่สุด อวยพรให้ข้าด้วย... ท่านมีนา'

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น