web stats

ข่าว

 


The Detective's File - Special Case 2

โพสต์โดย: nuffy วันที่: 16 สิงหาคม 2014 เวลา 10:54:30 อ่าน: 278

วันนี้เป็นวันหยุดของนักสืบพอล โจแฮนสัน แห่งกรมตำรวจบอสตัน ออกมาซื้อของ Ming's Supermarket ซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีชื่อเสียงในด้านวัตถุดิบและเครื่องปรุงต่างๆ ของเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขามาหาซื้อของสดเพื่อกลับไปทำอาหารให้กับภรรยาและลูกๆ ของเขา

ช่วงระหว่างที่กำลังเดินออกจากแคชเชียร์ สายตาของเขาก็มองเห็นร่างของสาวเอเชียที่ดูคุ้นตายืนอยู่ไม่ไกลจากเขานัก เมื่อเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวคนนั้นมากยิ่งขึ้นรอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาแล้วกล่าวทักทาย

"สวัสดีสาวน้อย"

หญิงสาวเอเชียสะดุ้งเล็กน้อยแล้วหันมาหาเขา เธอยิ้มแล้วทักทายกลับ

"สวัสดีค่ะคุณโจแฮนสัน"

"วันนี้ไม่มีเรียนเหรอ?"

"ค่ะ วันนี้วันหยุดก็เลยมาหาซื้อของ" หญิงสาวตอบ "คุณโจแฮนสันซื้อของสดมาเยอะเลย จะทำอาหารเหรอคะ?" เธอถามต่อ

"ครับ ผมจะโชว์ฝีมือทำอาหารให้ภรรยากับลูกๆ ซะหน่อย คุณก็เหมือนกันนี่ ซื้อของสดมาเหมือนกัน"

"เอ่อค่ะ... กะว่าจะทำกับข้าวกินเองสักหน่อย"

"จะทำอาหารไทยเหรอครับ?"

"ค่ะ ถึงจะไม่ครบ 100% ก็ตาม แต่ตอนนี้คงขอพักดีกว่า ฉันเดินหาของมานานแล้วเหมือนกัน"

"งั้นไปนั่งพักตรงนั้นด้วยกันมั้ยครับ?" เขาบุ้ยใบ้ไปที่ด้านนอกอาคารที่มีม้านั่งวางเรียงรายอยู่บริเวณนั้น

"ก็ดีค่ะ" เธอพูดแล้วออกเดินเมื่อเห็นนักสืบหนุ่มผายมือเชิญให้เดินนำหน้าไปก่อน

ระหว่างที่เดินไปที่ม้านั่ง โจแฮนสันแอบมองหญิงสาวที่เดินเคียงคู่กับเขา นักศึกษาสาวชาวไทยตัวเล็กท่าทางแข็งแรง เธอเป็นทั้งพยานและเกือบจะตกเป็นเหยื่อในคดีข่มขืนฆ่าลูกพี่ลูกน้องของเธอเมื่อไม่นานนี้ เขาและนักสืบแองเจล่า โคล คู่หูเป็นคนทำคดีนี้

คิ้วของนักสืบหนุ่มขมวดเล็กน้อยเมื่อคิดถึงบรรยากาศระหว่างสาวไทยและคู่หูของเขาในวันที่พวกเขาจับคนร้ายทั้งสามคนในคดีนี้ได้

'แองจี้? ทำไมคุณจับอเล็กซิสมาด้วย เมื่อวานเขาก็อยู่ตรงนั้น คุณก็เห็นนี่นา'

'ใจเย็นก่อนนะเล็ก เดี๋ยวพวกเราจะอธิบายให้ฟัง'

การเรียกชื่อเล่นอย่างสนิทสนมของทั้งคู่ทำให้เขาประหลาดใจเป็นอย่างมาก ตลอดเวลาที่เขาทำงานร่วมกับนักสืบแองเจล่า โคล เขาไม่เคยเห็นคู่หูของเขาให้ความสนิทสนมกับพยานคนไหนมากเท่าหญิงสาวคนนี้ นักสืบหญิงถือว่าค่อนข้างไว้ตัว เรียกได้ว่าบางครั้งก็แสดงออกด้วยท่าทางแข็งๆ กับพยาน และผู้ต้องสงสัยแทบจะทุกคน เนื่องจากเธอคนนั้นมักจะโดนเขม่นจากบรรดาผู้หญิงที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเสมอ รวมทั้งถูกโลมเลียด้วยสายตา คำพูด และการกระทำจากผู้ชายเสมอด้วย

'ไม่มีอะไรหรอกน่า ก็แค่ผู้หญิงคุยกัน' ตำรวจสาวตอบคำถามเขาด้วยน้ำเสียงรำคาญหลังจากที่เขาถามถึงเรื่องของศรัณยา และทุกครั้งที่อีกฝ่ายตอบ เธอมักจะหลุดปากพูดชื่อเล่นของสาวไทยทุกครั้ง

'แน่ใจนะ'

'...ฉันแน่ใจ' โคลตอบแล้วเดินหนีไป

โจแฮนสันแอบมองศรัณยาที่เดินอยู่ข้างๆ 'แต่ฉันคิดว่าระหว่างเธอสองคนมันมีอะไรเกินกว่านั้นน่ะสิแองจี้'

"วันนี้อากาศดีนะคะ" สาวไทยพูดหลังจากที่นั่งลงที่ม้านั่ง

นักสืบหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า วันนี้ท้องฟ้าโปร่ง เมฆน้อย เผยให้เห็นท้องฟ้าสีฟ้าสดสวย แสงแดดที่ส่องลงมาก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นมากกว่าร้อน นี่เป็นอากาศที่คนบอสตันใฝ่หา

"ครับ ไม่ได้เจออากาศดีแบบนี้นานแล้ว ส่วนใหญ่ตำรวจอย่างผมถ้าไม่นั่งคุดคู้อยู่ในรถ ก็นั่งอยู่ในห้องสอบสวน ไม่ก็หลังคอมพิวเตอร์"

"น่าสงสารจัง ฉันสงสัยว่าพวกคุณดูแลตัวเองกันยังไง? หมายถึงเรื่องสุขภาพน่ะค่ะ"

"อ่อ... เรื่องนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละคนน่ะครับ จริงๆ แล้วตำรวจอย่างพวกเราจะมีช่วงที่ทดสอบสมรรถภาพครับ ไม่เกี่ยวกับความสามารถทางการสืบสวน แต่เป็นการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ทั้งวิ่ง ยิงปืน ศิลปะการต่อสู้"

โจแฮนสันพูด เมื่อหันไปมองอีกฝ่าย เขาก็เห็นใบหน้าของศรัณยาเต็มไปด้วยความใคร่รู้ เขาจึงพูดต่อ

"คะแนนของผมอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง พูดง่ายๆ คือผ่านแบบเฉียดฉิว มันน่าอายนิดหน่อยนะ แต่ผมคิดว่าผมแก่แล้ว" เขาพูดปนหัวเราะ

"คุณยังไม่แก่สักหน่อย ยังดูดีอยู่นะคะ"

"ขอบคุณครับ" นักสืบหนุ่มพูด "สู้แองจี้ไม่ได้หรอกครับ ยัยนั่นได้สถิติดีเกือบทุกการทดสอบเลย ผมยังแซวอยู่ว่าให้ยัยนั่นไปสมัครเป็นหน่วยสวาท หรือสมัครเป็นเอฟบีไอจะดีกว่า" เขาพูดพลางสังเกตท่าทีของอีกฝ่าย เห็นว่าสาวไทยยิ้มมากขึ้นเมื่อได้ยินชื่อของตำรวจสาว

"แล้วแองจี้... ฉันหมายถึงนักสืบโคล เธอว่ายังไงละคะ?"

"ยัยนั่นก็แค่ยักไหล่แบบไม่สนใจอะไรแล้วเดินออกจากห้องไปแบบเชิ่ดๆ เริ่ดๆ... คุณคงรู้นะว่าท่าเดินของยัยนั่นเป็นยังไง"

ทั้งสองหัวเราะออกมาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงท่าเดินแบบนางพญาของโคล ท่าเดินของเธอเหมือนกับนางแบบแฟชั่นบนเวทีรันเวย์ พร้อมกับสะบัดผมสีบรอนด์ทองสลวยของเธอไปด้วย

"แล้วคุณเป็นยังไงบ้าง? ...ผมหมายถึงหลังจากคดี"

ใบหน้าของศรัณยาเศร้าลงเล็กน้อย "คุณป้าของฉันยังทำใจไม่ค่อยได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น พวกเขาส่งข่าวมาบอกฉันว่าหลังจากที่ศพของพี่แนนไปถึงเมืองไทยแล้วคุณป้าก็เป็นลมทันที คุณป้าร้องไห้ทุกวันในงานศพตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย"

"ผมเสียใจด้วย"

"ฉันเองก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน เพราะฉันเป็นคนแนะนำให้พี่แนนมาเรียนที่นี่ คงอาจจะเป็นเพราะฉันรู้สึกเหงา อยากให้คนที่ฉันสนิทด้วยมาอยู่เป็นเพื่อน แต่พอพี่แนนมาอยู่ที่นี่ฉันกลับไม่ค่อยมีเวลาคุยกับเธอ หรือพบกับเธอมากนัก"

"ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก คนอยู่ไกลบ้านยังไงก็ต้องคิดถึงบ้านหรือคนที่คุ้นเคยอยู่แล้ว" โจแฮนสันพูด "ผมว่าคุณเข้มแข็งมากเลยนะ กับเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น"

"ขอบคุณค่ะ แต่ถ้าพวกคุณไม่ช่วย ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน"

"มันเป็นหน้าที่ของตำรวจอย่างพวกผมอยู่แล้วครับ"

สาวไทยยิ้ม "คุณพูดเหมือนแอง... เอ่อ นักสืบโคลเลยค่ะ 'อย่าใส่ใจเลย มันเป็นหน้าที่ของฉัน' เธอชอบพูดแบบนี้"

นักสืบหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ "แน่นอนมันเป็นหน้าที่ เพราะพวกเราต้องดูแลคนที่อยู่ที่นี่"

ทั้งสองเงียบไปชั่วครู่ แล้วสาวไทยก็ถามขึ้นมาเบาๆ ว่า "คุณทำงานกับ... นักสืบโคลมานานแค่ไหนแล้วคะ?"

"ถ้านับว่าเป็นคู่หูกัน ปีนี้ก็เข้าปีที่สามแล้ว"

"ค่ะ"

โจแฮนสันหันไปมองอีกฝ่าย ใบหน้าของสาวไทยบ่งบอกว่าอยากจะให้เขาพูดต่อ

"ผู้รู้มาว่าก่อนหน้านี้แองจี้เป็นตำรวจแผนกเด็กและเยาวชนมาก่อน แล้วเธอก็ได้เลื่อนขั้นมาเป็นนักสืบ เธอเป็นนักสืบหญิงคนแรกๆ ของแผนกเรา เลยโดนแกล้งเยอะเหมือนกัน"

"ยังไงคะ?"

"ตอนแรกๆ ผมก็ไม่ค่อยชอบเธอนัก บอกตามตรงนะ ผมไม่เห็นว่าผู้หญิงหน้าตาดี ผมบลอนด์อย่างแองจี้จะมาเป็นนักสืบได้ คุณดูสิ ผู้หญิงอย่างแองจี้นะ!"

ศรัณยาหัวเราะเล็กน้อย "ค่ะ ฉันเข้าใจ"

"พวกนักสืบผู้ชาย กับคนอื่นๆ ชอบแกล้งเธอ พูดจาแขวะเธอ ถากถางเธอ เรื่องผู้หญิงมาเป็นตำรวจและมาเป็นนักสืบ ผมเองตอนนั้นก็ไม่ใช่คู่หูที่ดีนัก ไม่เคยปกป้องเธอเวลาที่เธอถูกแกล้ง จนกระทั่งวันนึงผมเริ่มทนไม่ได้"

"ยังไงคะ"

"พวกเราไล่ตามจับคนร้ายคนนึง วันนั้นผมเจ็บขา วิ่งตามเขาไม่ทัน แองจี้เลยตามเขาไป เธอจับเขาได้แต่ก็ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ถูกฟันที่แขน ตอนนั้นไม่มีผ้าพันแผล หรืออะไรเลย เธอเลยใช้ผ้าอนามัยสำรองที่อยู่ในกระเป๋ามาปิดแผลเพื่อห้ามเลือด"

"แล้วเธอเป็นอะไรมากมั้ยคะ?"

"แผลที่ถูกฟันค่อนข้างใหญ่ เลือดออกมาก แต่โชคดีที่รถพยาบาลมาทันเวลาเลยรักษาได้ทัน แถมยังเย็บแผลแบบไม่ให้เป็นรอยแผลเป็นอย่างที่เธอต้องการอีกด้วย" เขาส่งเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อยเมื่อพูดประโยคสุดท้าย

สาวไทยหัวเราะตามอีกฝ่าย

นักสืบหนุ่มพูดต่อว่า "วันต่อมาที่ออฟฟิศ ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร แต่มีคนเอาผ้าอนามัยที่ใช้แล้วมาวางไว้บนโต๊ะทำงานของแองจี้ แล้วเขียนข้อความว่า 'เอาไว้ห้ามเลือดนะจ้ะที่รัก'"

"แรงจัง"

"ใช่ แรงมากเลย ผมโกรธจนควันออกหูเลยล่ะ แล้วก็เอามันไปทิ้งทันทีพร้อมกับประกาศว่าหากใครมีปัญหากับคู่หูของผม ก็ถือว่ามีปัญหากับผมด้วย พวกเค้าไม่ได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่กลับเอาสิ่งที่รับรู้มาทำเป็นเรื่องล้อเล่นแบบนี้ผมรับไม่ได้"

"แล้วคนอื่นๆ ว่ายังไงละคะ... แองจี้ด้วย?"

"พวกนั้นเงียบไปเลยล่ะ แต่ยังมีบางคนที่ยังแกล้งอยู่ ส่วนแองจี้... ยัยนั่นทำท่าไม่ใส่ใจอะไรเท่าไหร่ เธอแค่บอกกับผมว่า 'ขอบใจนะ แต่ฉันเริ่มชินกับการถูกแกล้งแล้ว' นับหลังจากวันนั้นผมก็ทำตัวดีกับเธอมากขึ้น เธอเองก็ลดกำแพงระหว่างผมกับเธอเหมือนกัน พวกเราสนิทกันจนภรรยากับลูกๆ ผมถามถึงเธอมากกว่าผมซะแล้ว"

ศรัณยายิ้ม "ดีจังเลยค่ะ จากคำพูดของนักสืบโคลที่บอกว่าชินแล้ว... ฉันคิดว่าถึงเธอจะชิน แต่ก็คงโมโหอยู่ดีเวลาถูกแกล้งใช่มั้ยคะ?"

"ใช่เลยล่ะ คุณรู้ได้ยังไง?"

"เอ่อ... คือ..." สาวไทยตอบตะกุกตะกัก เธอรู้เรื่องนี้เพราะตำรวจสาวมักจะเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังอยู่เสมอ รวมทั้งเรื่องที่ถูกเพื่อนร่วมงานแกล้งด้วย "ฉันเดาเอาน่ะค่ะ จากนิสัยของแองจี้แล้วน่าจะเป็นแบบนั้น"

"เหรอ... คุณสองคนคงสนิทกับมากเลยสินะ" โจแฮนสันพูดพลางเลิกคิ้วเพราะอีกฝ่ายหลุดคำว่า 'แองจี้' แทนคำว่า 'นักสืบโคล' ออกมาอีกครั้ง

คำพูดและท่าทางของคู่สนทนาทำให้สาวไทยตกใจ เธอรู้สึกว่าตัวเองพูดเรื่องส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับโคลมากเกินไปแล้ว หากอีกฝ่ายรู้ถึงความสัมพันธ์ที่เกินเลยของทั้งคู่ นักสืบหญิงอาจจะถูกตำหนิหรือแกล้งมากขึ้นก็ได้

ท่าทางของศรัณยาทำให้นักสืบหนุ่มรับรู้ว่าคู่หูของเขาอาจจะมีความสัมพันธ์กับสาวไทยมากเกินกว่าตำรวจและพยาน ซึ่งเรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นได้ไม่ยากนักในการทำงาน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตำรวจบางคนแต่งงานกับพยานหรือเจ้าทุกข์หลังจากคดีจบลง แต่ในกรณีตำรวจสาวกับพยานที่เป็นผู้หญิงด้วยกันนั้นเขาก็ยังนึกภาพไม่ออกอยู่ดี โดยเฉพาะกับแองเจล่า โคล

โจแฮนสันพิจารณาถึงลักษณะนิสัยของบุคคลที่นั่งอยู่ข้างๆ สาวเอเชียผู้อ่อนหวาน น่ารัก เป็นห่วงเป็นใย และเข้มแข็ง กับคู่หูของเขา นักสืบหญิง สาวสวยผู้แข็งแกร่ง ว่องไว อดทนอดกลั้น แต่ทว่ามีความเปราะบางอยู่ในใจ

'สองคนนี้อาจจะไปด้วยกันได้ดีก็ได้มั้ง?' นักสืบหนุ่มคิด

"แล้ว..." โจแฮนสันพูดทำลายความเงียบ "คุณคิดยังไงกับแองจี้เหรอ?"

สาวไทยนิ่งไปนิดหนึ่ง เธอนึกถึงโคล ท่าทางที่จริงจัง ความใส่ใจในการทำงาน ความเข้มแข็ง ความอ่อนหวานและอ่อนโยนภายในดวงตาสีน้ำเงิน รอยยิ้ม อ้อมกอด และจุมพิต เธอชอบทุกๆ อย่างที่นักสืบหญิงเป็น ทุกอย่างจริงๆ แต่เธอคงจะพูดแบบนี้กับคนที่ถามเธอไม่ได้

"เธอ... เป็นคนน่ารักค่ะ ทั้งเข้มแข็ง และอ่อนโยน ฉัน... คิดว่าฉันชอบเธอนะ"

"คิดว่าชอบงั้นเหรอ?"

"ค่ะ"

นักสืบหนุ่มเป่าปากออกมา

"มีอะไรเหรอคะ?"

"คำตอบของคุณดูดีกว่าที่ผมคิดไว้ในใจตั้งเยอะ" เขาพูดพลางหัวเราะ

"ยังไงเหรอคะ?"

"ผมคิดว่าคุณจะตอบว่า ยัยนั่นเป็นนางมารร้ายที่ชอบเจ้ากี้เจ้าการ ที่อยู่ๆ ก็เรียกชื่อเล่นคุณและให้คุณเรียกชื่อเล่นของตัวเองซะอีก"

ศรัณยาหัวเราะออกมาเบาๆ "ไม่ใช่หรอกค่ะ เรื่องชื่อเล่นคงเป็นเพราะตอนที่ไปสถานกงสุล เธอเห็นพวกเจ้าหน้าที่เรียกฉันด้วยชื่อเล่น ก็คงคิดจะเรียกฉันด้วยชื่อนั้นบ้าง"

"เหรอครับ" นักสืบหนุ่มยิ้ม

เสียงโทรศัพท์ของโจแฮนสันดังขึ้น "ขอโทษทีนะ" เขากดรับและคุยอยู่ครู่หนึ่ง

"ผมต้องไปแล้วละครับ ต้องไปรับภรรยา"

"ค่ะ โชคดีนะคะ"

"ครับ... โชคดีเช่นกัน"

นักสืบหนุ่มเดินไปที่ลานจอดรถ เก็บของที่ซื้อมาวางที่เบาะด้านหลังแล้วขึ้นไปนั่งที่ด้านคนขับ ขณะที่ปรับกระจกมองหลังเขาเห็นร่างของศรัณยาเดินขึ้นรถซีดานคันหนึ่งที่ดูคุ้นตา ด้วยความสงสัยเขาจึงขับรถตามไปทันที เมื่อขับตามไปจนถึงจุดหมายของรถซีดานคันนั้นเขาก็ยิ้มออกมาเมื่อเห็นร่างของคนขับรถ...  คู่หูของเขา นักสืบแองเจล่า โคล

...

"ตอนวันหยุดฉันเจอสาวน้อยด้วย" โจแฮนสันพูดลอยๆ ขณะที่เดินผ่านโต๊ะทำงานของโคล

"สาวน้อย? ใครกัน?"

"ศรัณยา ไพบูลย์" นักสืบหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วพูดด้วยเสียงราวกับกระซิบ

คิ้วของตำรวจสาวกระตุกเล็กน้อย "แล้วไง?"

"ไม่มีอะไร แค่อยากกินอาหารไทยฝีมือสาวน้อยสักหน่อยเท่านั้นเอง"

"ก็โทรไปบอกเธอสิ นายเองก็มีเบอร์ไม่ใช่เหรอ?"

โจแฮนสันเดินเข้ามากระซิบข้างหูอีกฝ่าย "เห็นทีคงจะยาก เพราะฉันไม่ได้สนิทกับสาวน้อยมากถึงขนาดเธอต้องขนของไปทำที่บ้านของใครบางคนหรอกนะ"

นักสืบหญิงขมวดคิ้ว ลมหายใจของเธอแรงขึ้น แต่ก็ยังเก็บอาการ เธอนั่งนิ่งๆ ไม่หันไปมองหรือตอกกลับคู่หูด้วยคำพูดเจ็บแสบอย่างที่เคย

"นี่นายตามพยานที่ปิดคดีไปแล้วด้วยงั้นเหรอ?"

"ก็แค่พบกันโดยบังเอิญ แล้วก็กลับทางเดียวกันเท่านั้นเอง"

"ไม่ใช่ว่านายเป็นพวกโรคจิตนะ"

"คิดว่าฉันเป็นคนแบบนั้นหรือยังไง"

"เปล่า..." โคลตอบกลับด้วยเสียงยานคาง แต่เขารู้สึกได้ว่ามีความกังวลอยู่ในเสียงของอีกฝ่าย

นักสืบหนุ่มตบไหล่คู่หู "ไปทำงานกันเถอะแองจี้... พรุ่งนี้วันหยุดของเธอแล้วนี่นา"

"อื้อ..."

"ขอให้มีความสุขกับวันหยุดนะ... เอาอาหารไทยมาฝากฉันด้วยล่ะ"

ตำรวจสาวตาโตทันที เธอหันมามองเขาด้วยสีหน้าตกใจ

"พ... พอล... นาย..."

"มีอะไรเหรอ?"

"เอ่อ... ป... เปล่า"

"ถ้างั้นฉันไปที่ห้องสอบสวนก่อนก็แล้วกัน" เขาพูดแล้วเดินผิวปากออกไป

'ขอโทษทีนะ แต่เห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วมันอดแกล้งไม่ได้ รีบๆ คบกับสาวน้อยเถอะแองจี้'

Special Case 2 End

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น