web stats

ข่าว

 


The Detective's File - File 3

โพสต์โดย: nuffy วันที่: 10 สิงหาคม 2014 เวลา 19:53:18 อ่าน: 408

คำเตือน
- กรุณาอย่าคาดหวังเรื่องความซับซ้อนของคดี เพราะคิดซับซ้อนได้ไม่มาก
- ชื่อบุคคล และสถานที่ เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น โดยฉากหลังบางฉากแต่งขึ้นมาเอง   

...

คืนวันหนึ่งเมื่อศรัณยากลับมาถึงบ้านพัก เธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากห้องนั่งเล่น เธอจึงเดินเข้าไปดู

"กลับมาแล้วเหรอเล็ก กินข้าวด้วยกันมั้ย?" เกเบรียล หนุ่มละตินตะโกนถาม

"ไม่ล่ะ ฉันกินมาแล้ว"

ชายหนุ่มผิวคล้ำร่างเล็กวิ่งลงมาจากบันได ผมหยักศกยุ่งๆ ฟูๆ ของเขาเคลื่อนไหวไปตามแรงที่ลงบันได

"หวัดดีเล็ก ท่าทางงานเยอะนะ" เขาร้องทักเหมือนเจอเธอพร้อมกับถุงผ้าใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยเอกสาร

"หวัดดีราเชน ก็อย่างที่เห็นนั่นล่ะ" เธอตอบกลับ "จริงสิ ร้านที่เธอให้บัตรลดมาอร่อยมากเลยล่ะ ขอบคุณนะ"

"บอกแล้วว่าอร่อย ว่าแต่... เธอไปกับใครมาล่ะ?"

"กับ... เพื่อนน่ะ" สาวไทยตอบแล้วหันไปทางประตูหน้าบ้าน

"หวัดดีลีโอ" เธอร้องทักลีโอเนล หนุ่มผมทองสมาชิกใหม่ของบ้าน

"หวัดดีเล็ก ราเชน... เฮ้! พวกนายกินอะไรกันน่ะ" เขาทักทายตอบแล้วหันไปทางหนุ่มละตินที่นั่งดื่มเบียร์กับเจย์เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยของเขา หลังจากนั้นเขากับหนุ่มเนปาลก็เข้าไปร่วมวง ส่วนศรัณยาก็ขอตัวกลับห้อง

สาวไทยทำงานไปได้อยู่พักหนึ่งก็ทนฟังเสียงเฮฮาของเพื่อนๆ ที่อยู่ข้างนอกไม่ไหว เธอไม่มีสมาธิในการทำงานเลย วันสอบก็ใกล้เข้ามาแล้วด้วย

"ขอโทษทีนะ แต่พวกนายช่วยเบาเสียงลงได้มั้ย ฉันกำลังอ่านหนังสือ" เธอตะโกนบอกเพื่อนๆ เมื่อหันไปมองห้องข้างๆ ธาเรีย สาวผิวเข้มเชื้อสายยิปซีที่ไม่ค่อยสบายก็เปิดประตูออกมาเพื่อปรามเพื่อนๆ เช่นเดียวกัน

"เธอโอเคนะ?" ศรัณยาถาม

"ฉันพยายามจะนอนแต่เสียงดังมากเลย" สาวยิปซีตอบ

พวกผู้ชายเงียบเสียงไปแล้ว และส่งราเชนมาเป็นตัวแทนขอโทษสาวๆ พวกเธอได้แต่พยักหน้าตอบรับ ศรัณยาเดินเข้าไปแตะตัวเพื่อนสาว

"ตัวเธอร้อนมากเลยนะ มียาหรือเปล่า?"

"ฉันกินแอสไพรินไปเมื่อช่วงเย็นน่ะ ตอนนี้ยังไม่ได้กินอะไรเลย"

สาวไทยบอกให้อีกฝ่ายกลับไปนอนที่ห้องแล้วเธอก็รีบไปหยิบยาลดไข้จากห้องตัวเอง เธอเข้าไปที่ห้องของธาเรียแล้วให้เพื่อนสาวกินยา

"นี่! ถ้าเธอหรือฉัน... เราคนใดคนนึงเป็นผู้ชายนะ ฉันจะขอเธอแต่งงานเลยล่ะ เธอนี่แสนดีจริงๆ" สาวยิปซีพูด

ศรัณยาหัวเราะ "ไม่เอาน่า นอนเถอะ"

"ถามจริงๆ เถอะเล็ก เธอมีแฟนแล้วใช่มั้ย?"

"...ไม่มีสักหน่อย"

"อย่ามาทำไก๋หน่อยเลย ฉันดูออกหรอกนะ"

"ฉันรู้สึกดีกับคนๆ นี้นะ"

"แค่นั้นเองน่ะเหรอ?"

"ก็แค่รู้สึกว่าเวลาที่คนนี้ๆ นี้มองฉันมันแตกต่างจากเวลาที่เค้ามองคนอื่น มันมีความหมายอะไรมากกว่านั้น... แต่ฉันก็ยังไม่รู้ว่า... ช่างมันเถอะ! แค่นั้นแหละ นอนซะ ฝันดีนะ หายไวๆ ล่ะ"

สาวไทยเดินกลับห้อง เธอเดินไปที่โต๊ะหนังสือแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดู ในแกลอรี่รูปภาพในนั้นมีรูปคู่ของเธอกับแองเจล่า โคล นักสืบหญิงแห่งกรมตำรวจบอสตัน เธอแปลกใจมากที่อีกฝ่ายขอเธอถ่ายรูปและส่งรูปนี้มาให้เธอ

ศรัณยายิ้มมุมปากแล้วลงมือทำงานต่อไป

...

พอล โจแฮนสัน และแองเจล่า โคลเดินตรงขึ้นไปที่อาคารศาลชั้นต้น พวกเขาพบกับศรัณยาที่ยืนรออยู่ด้านหน้า วันนี้เป็นวันพิจารณาคดีฆาตกรรมของวรพรรณ สุทธิพงศ์ ลูกพี่ลูกน้องของสาวไทย สองนักสืบมาในฐานะผู้รับผิดชอบคดี ส่วนศรัณยามาในฐานะญาติผู้ตาย และพยาน

หลังจากทักทายกันเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสามก็เดินเข้าไปในตัวอาคาร

"วันนี้คุณสวยจัง" นักสืบหญิงกระซิบบอกอีกฝ่าย เธอไม่เคยเห็นศรัณยาใส่ชุดกระโปรงแบบเป็นทางการมาก่อน

"ขอบคุณค่ะ... คุณก็เหมือนกัน" เธอตอบกลับอีกฝ่ายที่อยู่ในชุดสูทแบบกางเกง

พวกเขาเดินเข้าไปนั่งที่ม้านั่งยาวเพื่อรอศาลขึ้นบัลลังก์ รออยู่สักพักก็เข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี ผู้ต้องหาทั้งสามคนถูกเบิกตัวเข้าอยู่ในห้องขังที่อยู่ภายในพื้นที่พิจารณาคดี สาวไทยมองไปที่อเล็กซิส คาบาเยฟ อดีตเพื่อนร่วมบ้านเช่าของเธอ หน้าหล่อๆ ของเขาดูอิดโรย มีเคราขึ้นตามใบหน้าและคาง เขาทำหน้าตกใจและหลบตาเมื่อสบตากับเธอ

ทนายทั้งฝ่ายอัยการและจำเลยเบิกหลักฐานและพยานขึ้นมาพูด ศรัณยามือสั่นและรู้สึกประหม่าเมื่ออีกไม่นานจะถึงเวลาที่เธอต้องขึ้นให้การ

โคลจับมือคนที่นั่งข้างๆ แล้วบีบเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ "ไม่เป็นไรนะเล็ก เธอแค่ตอบคำถามไปตามความจริง คิดซะว่าฉันกำลังถามคำถามเธออยู่"

"ค่ะ"

สาวไทยถูกเบิกตัวขึ้นให้การในฐานะพยานปากที่ 3 เธอวางมือบนลงคัมภีร์ไบเบิ้ลแล้วกล่าวคำสาบาน มันน่าตลกตรงที่ว่าเธอนับถือศาสนาพุทธ แต่ต้องมาสาบานตามคำพูดของพระผู้เป็นเจ้า แต่มันก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ศรัณยาตอบคำถามของฝ่ายอัยการได้ดี รวมถึงคำถามของทนายฝ่ายจำเลยจนกระทั่งเสร็จสิ้นคำให้การ

ทั้งสามเดินออกจากอาคารในช่วงเที่ยงวัน หลังจากการพิจารณาคดีพวกเขาไปกินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลนัก

"คุณทำได้ดีนะ" โจแฮนสันพูด "ถือว่าไม่เลวสำหรับคนที่ไม่เคยขึ้นศาลมาก่อน"

"ขอบคุณค่ะ"

"เห็นว่าคุณยังอยู่บ้านหลังเดิม?" นักสืบหนุ่มพูดต่อ

"ค่ะ ฉันยังไม่อยากย้ายไปที่ไหน แต่ยังรู้สึกไม่ค่อยชินกับประตูบานใหม่ที่คุณสองคนพังมันเมื่อคราวที่แล้ว" ศรัณยาพูดติดตลก

"แล้วมีคนมาอยู่ในห้องเดิมของคาบาเยฟหรือเปล่า?" โคลถาม

"ค่ะ เขาชื่อลีโอเนล สเตนเบิร์ก มาจากสวีเดน" สาวไทยตอบแล้วจิบกาแฟ "เขาพอจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เห็นโวยวายอะไร"

"มีแต่คนแปลกๆ อยู่บ้านนี้แฮะ" นักสืบหนุ่มพูด "ไม่ได้ว่าอะไรคุณนะสาวน้อย แต่ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ"

ศรัณยาหัวเราะน้อยๆ "ก็คงเป็นอย่างนั้นแหละค่ะ คุณคงคิดว่าฉันแปลกที่ยังอยู่ห้องเดิม เพื่อนๆ ฉันก็ยังอยู่กับครบเหมือนเดิม ไม่ได้ย้ายออกไปไหน แถมยังมีคนใหม่ที่รู้ข่าวเข้ามาอยู่ในห้องของคนร้ายคดีฆาตกรรม... แต่พวกเราก็โอเคนะ"

"ก็ยังดีที่รู้ว่าพวกคุณโอเค" นักสืบหญิงพูด

"ค่ะ... ถึงแม้ช่วงนี้พวกผู้ชายชอบจัดปาร์ตี้ในบ้านก็ตาม ฉันกับธาเรียต้องออกมาโวยวายอยู่หลายครั้งเหมือนกัน"

ทั้งสามนั่งอยู่อีกพักใหญ่แล้วกลับเข้าไปฟังการพิจารณาคดีต่อ

...

ในคืนวันหนึ่งขณะที่ศรัณยานั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่น ลีโอกับราเชนที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านก็ร้องทักทายและเข้าไปอุ่นอาหารในห้องครัวพร้อมกับชวนเธอคุยไปด้วย ไม่นานนักเกเบรียลพร้อมด้วยเจย์ หนุ่มเคราแพะเพื่อนสนิทของเขาเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น

"เฮ้! พรรคพวก พวกเรามีของดีมาให้เล่นกัน" หนุ่มละตินตะโกนลั่นห้องนั่งเล่น แล้วเอากล่องอะไรบางอย่างวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา

"อะไรอีกล่ะเนี่ย" สาวไทยบ่นขึ้นมาเบาๆ "เฮ้! หนุ่มๆ ฉันกำลังทำงานอยู่นะ"

"ขอโทษทีนะเล็ก... แต่นี่มันของดีจริงๆ นะ" เจย์หันไปบอกกับเธอ ในขณะที่เกเบรียลวิ่งไปเคาะห้องของสาวยิปซี

เมื่อทุกคนมาพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วหนุ่มเคราแพะก็ค่อยๆ เปิดกล่องที่อยู่บนโต๊ะออก

"นั่นมันอะไรน่ะ?" ราเชนถาม

"กระดานวีจี*" หนุ่มละตินพูด "ของเก่ามากเลยนะ น่าจะสัก 30 ปีได้ ฉันกับเจย์ไปเจอในร้านขายของเก่า"

*Ouija Board: กระดานผีถ้วยแก้วของฝรั่ง



"พวกนายจะเอามาเล่นกันที่นี่เหรอ?" หนุ่มสวีเดนพูด

"แน่นนอน พวกนายเอาด้วยมั้ย" หนุ่มเคราแพะบอกอย่างตื่นเต้น

ศรัณยากรอกตา "ฉันขอผ่านล่ะ งานของฉันยังไม่เสร็จ"

"ไม่เอาน่าเล็ก" เกเบรียลพูดด้วยเสียงอ้อนๆ แต่สาวไทยก็โบกมือพร้อมทำท่าไม่สนใจและเดินกลับไปนั่งอ่านหนังสือที่เดิม เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงมองไปที่ธาเรีย และสาวยิปซีก็ตอบรับอย่างเสียไม่ได้

เจย์ดึงกระดานออกมาจากกล่อง ส่วนคนอื่นๆ ไปเตรียมสถานที่ คือห้องครัว เทียน และธูปหอม กระดานวีจีที่พวกเขาได้มาเป็นกระดานไม้แบนๆ ที่มีตัวอักษร A - Z ตัวเลข 0 - 9 สัญลักษณ์เป็นรูปพระอาทิตย์ พระจันทร์ คำว่า ใช่ ไม่ และคำว่าลาก่อน และมีชิ้นไม้ทรงหัวใจมีขายืน 3 ขาเรียกว่าแพลนเช็ท (planchette) ที่ทำจากไม้เช่นเดียวกัน มันเป็นอุปกรณ์สำหรับชี้ข้อความจากวิญญาณโดยการสะกดทีละตัวอักษร เมื่ออุปกรณ์ครบหนุ่มเนปาลก็จุดเทียน ส่วนธาเรียก็เดินไปปิดไฟ

ศรัณยาได้ยินเสียงร้องด้วยความตื่นเต้นและประหลาดใจดังออกมาจากห้อง ดูเหมือนว่าเจ้าแพลนเช็ทนั้นจะได้เคลื่อนไหวได้เอง เมื่อเวลาผ่านไปได้อีกพักหนึ่งเสียงร้องโวยวายและเสียงของสาวยิปซีตะโกนเรียกชื่อเธอก็ดังขึ้น

"เล็ก! มาช่วยหน่อย"

สาวไทยวางหนังสือแล้วรีบวิ่งไปที่ห้องครัวทันที...

ภายในห้องครัวมีแสงสลัวของเทียนประมาณ 6 เล่มที่วางอยู่ในห้อง สิ่งที่ศรัณยาเห็นคือเพื่อนๆ ของเธอเอานิ้วมือแตะที่แพลนเช็ทที่วิ่งวนไปทั่วกระดานด้วยความเร็วสูง เธอมองไปที่กระดาษจดที่อยู่ข้างตัวของลีโอเนลมีคำว่า

'ซาแมนต้า อายุ 27'

'ช่วยด้วย'

'ฉันถูกฆ่า'

'ตามหาฉัน'

"เล็ก... ช่วยเราหน่อย!" เจย์พูดพลางหอบหายใจ

จู่ๆ ก็มีลมกรรโชกพัดเข้ามาในบ้านจนเทียนดับทั้งๆ ที่ประตูและหน้าต่างปิดสนิท ศรัณยากดปุ่มเปิดไฟให้แสงสว่างกับคนในห้อง แพลนเช็ทที่ทุกคนแตะยังคงวิ่งอยู่

"ถ้ามีคนแกล้งกันก็ขอให้หยุดได้แล้ว พอซะทีเถอะ!" สาวยิปซีตะโกน

"บอกให้ออกสิ! บอกลาซะ เร็วเข้า!" สาวไทยบอกเพื่อนๆ

ทุกคนต่างพูดคำว่าลาก่อนเป็นเสียงเดียวกัน แต่เจ้าแพลนเช็ทนั้นก็ยังไม่ยอมหยุดเคลื่อนที่ น้ำตาของธาเรียเริ่มไหล ราเชนสวดบทมงคลสูตรด้วยสำเนียงเนปาล ส่วนเกเบรียลและลีโอเนลเริ่มสวดมนต์

"ข้าแต่อัครเทวดามีคาเอล เจ้าแห่งกองทัพสวรรค์โปรดปกป้องเราในการต่อสู้กับนิกรเจ้า และนิกรอำนาจ ต่อสู้กับผู้ปกครองพิภพแห่งความมืดมนนี้ ต่อสู้กับบรรดาจิตแห่งความชั่วร้ายที่อยู่บนท้องฟ้า" [เอเฟซัส (อฟ.) 6:12]

"กลับไปเถอะ ขอร้องล่ะ กลับเถอะ ลาก่อนๆๆๆ" หนุ่มเคราแพะตะโกนใส่กระดานวีจี และอยู่ๆ แพลนเช็ทก็หยุดวิ่ง

ทุกคนหยุดโวยวาย และสวดมนต์ ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบและแพลนเช็ทก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปที่คำว่าลาก่อน สมาชิกทั้งห้าที่เล่นกับกระดานของเก่าลึกลับด้วยความคึกคะนองก็รีบยกมือขึ้นจากแพลนเช็ททันทีเมื่อมันหยุดที่คำว่าลาก่อน

"ไม่เอาล่ะ ฉันไม่เอาแล้ว... อย่าให้ฉันทำอะไรแบบนี้อีกเด็ดขาด!" สาวยิปซีพูดขึ้นมาคนแรกแล้วเดินกลับเข้าห้องตัวเอง

พวกผู้ชายนั่งนิ่งอยู่สักพักแล้วค่อยๆ ช่วยกันเก็บของ เจย์เก็บกระดานวีจีและแพลนเช็ทลงกล่อง แล้วหันไปช่วยคนอื่นๆ เก็บของ

ศรัณยามองข้อความที่กระดาษจดอยู่แล้วหันไปมองหนุ่มเนปาล

"พอทุกอย่างครบพวกเราก็เริ่มเล่น" ราเชนเล่า ตัวของเขาสั่นเล็กน้อย "เจย์เริ่มด้วยว่าขอให้วิญญาณที่อยู่แถวนี้เข้ามาหาพวกเราหน่อย แล้วก็เริ่มถามคำถามจำพวกว่า ตอนนี้มีวิญญาณกี่ดวง มาดีหรือเปล่า ชื่ออะไร ผู้หญิงใช่มั้ย อายุเท่าไหร่"

"แล้วทำไมมันลงเอยแบบนี้ล่ะ?"

"พอดีพวกเราถามว่าตอนนี้ซาแมนต้า... ฉันหมายถึงวิญญาณรู้สึกยังไง เธอก็เริ่มตอบว่า หนาว เจ็บ แล้วก็เปลี่ยนเป็นช่วยด้วย" หนุ่มเนปาลพูด "พวกเราคิดว่าต้องมีใครในนี้แกล้งก็เลยถามออกไปว่าตายยังไง... แล้วมันก็เป็นแบบที่เธอเห็นแหละ"

สาวไทยส่ายหน้าอย่างระอา เธอตบไหล่เขาเบาๆ แล้วหันไปหาเกเบรียลกับหนุ่มเคราแพะที่กำลังเอากระดานวีจีลงไปเก็บในห้องเก็บของ

"พวกนายยังคิดจะเก็บไอ้นั่นไว้ในบ้านอีกเหรอ!" ลีโอเนลพูด "เอาไปทิ้งเลยดีกว่า"

"ต้องมีคนแกล้งแน่ ฉันไม่เชื่อหรอก ไว้ฉันจะเอามาดูอีกทีนึง" หนุ่มละตินตอบ

"เก๊บ! นายบ้าไปแล้ว!" หนุ่มสวีเดนพูดพลางเดินเข้าไปแย่งกล่องออกจากมืออีกฝ่าย "ไม่เชื่อเหรอ... เมื่อกี้นายยังนำฉันสวดมนต์อยู่เลยนะ!"

"พอเถอะน่า" ศรัณยาเดินเข้าไปแยกเพื่อนๆ ให้ออกจากกัน "เก๊บ... ลีโอพูดถูก พรุ่งนี้นายเอาเจ้านี่ไปทิ้งเถอะ หรือทำอะไรก็ได้ไม่ให้มันอยู่ในบ้าน พวกเราสติแตกกันหมดนะ ขอร้องล่ะ"

"ก็ได้... พรุ่งนี้ฉันจะเอาไปทิ้ง" เกเบรียลพูดแล้วเดินลงไปในห้องใต้ดิน

...

"คุณเชื่อเรื่องนี้หรือเปล่าล่ะ?" โคลถามศรัณยาหลังจากที่อีกฝ่ายเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังในวันต่อมาเมื่อทั้งสองพบกันในบ้านของนักสืบหญิง

"ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งล่ะนะ ฉันเคยเล่นไอ้ของพวกนี้ตอนเด็กๆ ที่เมืองไทยก็มี" สาวไทยตอบ

"แต่เรื่องเมื่อคืนนี่มันไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ตามหลักฟิสิกส์แล้วการที่แพลนเช็ทเคลื่อนที่ได้เพราะมือสั่นจากการกดที่จุดสมดุลของมัน สรุปแล้วแก้วในผีถ้วยแก้ว หรือแพลนเช็ทในกระดานเคลื่อนที่ได้เพราะนิ้วของคนเล่นสั่น แต่ที่พวกเขาเชื่อความมันอยู่เหนือการควบคุมเพราะบรรยากาศที่สร้างขึ้นเอง"

ตำรวจสาวหัวเราะเบาๆ กับคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ และลูบผมอีกฝ่ายที่นั่งเอาหลังพิงเธอพลางอ่านหนังสือไปด้วย "งั้นคุณก็คิดว่าผีถ้วยแก้วไม่มีจริง"

"ก็ประมาณนั้น"

"แต่ฉันว่าเมื่อคืนเพื่อนคุณคงสติแตกไปเลยละสิ"

"ใช่... โดยเฉพาะธาเรีย เธอยังไม่หายจากไข้หวัดก็ต้องมาร่วมเล่นอะไรพวกนี้ ตอนนี้อาการแย่ไปเลยล่ะ จริงๆ เธอก็ใกล้หายแล้ว แต่เรื่องเมื่อคืนมันคงจะเกินทนสำหรับเธอ เมื่อคืนเธอคงกลัวมากก็เลยมาขอนอนห้องฉัน"

"เหรอ... แล้วคุณทำอะไรเธอหรือเปล่า?"

"ทำอะไรเหรอ?"

"จูบธาเรียอย่างที่คุณจูบฉันมั้ย?"

ศรัณยาหัวเราะ "คุณนี่บ้าไปแล้ว... ฉันจะไม่จูบคนอื่นนอกจากคุณหรอกนะแองจี้"

"แน่ใจเหรอ?"

"แน่ใจสิ"

"งั้นก็พิสูจน์หน่อย"

สาวไทยจูบแก้มของอีกฝ่าย เธอยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะประทับจูบหวานๆ ที่ริมฝีปากของตำรวจสาว นักสืบหญิงดึงหนังสือออกจากมือของอีกฝ่ายแล้วดันตัวให้ศรัณยานอนลงบนโซฟา เธอถอนจูบออกแล้วจูบที่แก้มและซอกคอขณะที่มือลูบไล้ไปตามหน้าอกและเอวจากนั้นก็สอดมือเข้าไปที่ใต้เสื้อ สาวไทยส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ เมื่อมือซุกซนของอีกฝ่ายเล่นที่หน้าอกของเธอ เพื่อไม่ให้น้อยหน้าคนที่อยู่ด้านบนที่กำลังแกล้งเธออยู่ เธอจึงปลดกางเกงของโคลแล้วดึงลง แล้วลูบไล้เอวคอดสวยของอีกฝ่ายจนทำให้คนที่อยู่ด้านบนส่งเสียงร้องออกมา จูบอันหอมหวานก็ตามมาพร้อมหลังจากที่ร่างกายของทั้งสองปราศจากเสื้อผ้า เสียงหอบหายใจและเสียงครางในลำคอของศรัณยาทำให้นักสืบหญิงไม่อาจหยุดมือสวยที่เร่งเร้าจุดอ่อนไหวของอีกฝ่ายได้ ยิ่งมือของสาวไทยที่เกาะกุมหน้าอกของเธออยู่ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเร่าร้อนมากขึ้น ไม่นานนักมือของคนที่อยู่ด้านล่างกำเบาะโซฟาแน่น เสียงร้องของเธอไม่อาจส่งผ่านออกจากริมฝีปากเพราะถูกปิดด้วยจูบของโคล และหลังจากนั้นเธอก็หยุดร้องและเริ่มผ่อนคลายลง และเป็นเจ้าของบ้านที่มีอาการคล้ายกันในเวลาต่อมา

"เล็ก... คุณน่ารักที่สุด คุณเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตฉันนะ" ตำรวจสาวพูดกับคนที่นอนพักอยู่ในอ้อมกอดของเธอ

ในช่วงบ่ายโคลกลับไปทำงานอีกครั้งส่วนศรัณยาก็กลับบ้านเพื่อพาธาเรียและลีโอเนลไปเดินดูของเลหลัง**ที่บ้านหลังหนึ่งไม่ไกลจากที่พักของพวกเขามากนัก สาวยิปซีและหนุ่มสวีเดนมีท่าทางแย่ที่สุดกับเหตุการณ์เมื่อคืน ลีโอเนลไปขอนอนกับราเชนเหมือนกับที่ธาเรียขอมานอนกับเธอ

**Yard Sale/ Garage Sale ฝรั่งเวลาย้ายที่อยู่ หรือเก็บบ้าน เมื่อสิ่งของที่ไม่ต้องการ จะเอามาวางขายที่สนามหญ้าหน้าบ้าน

ทั้งสามคนเดินไปที่บ้านของครอบครัวพอตต์ที่ห่างออกไปจากบ้านพักของพวกเขาประมาณ 5 บล็อก ครอบครัวและคนที่อยู่แถวๆ นี้ประกาศข่าวขายของเลหลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พวกเขาอาจจะได้หนังสือหรือของใช้อื่นๆ มาในราคาไม่แพงก็ได้

ระหว่างทางนั้นพวกเขาต้องเดินผ่านจุดทิ้งขยะของชุมชน สองสาวพยายามเดินเลี่ยงบริเวณนั้นด้วยการสาวเท้าให้เร็ว ในขณะที่หนุ่มสวีเดนเดินแบบสบายๆ ตอนที่พวกเขากำลังจะผ่านถังขยะเหล็กใบใหญ่ จู่ๆ ก็มีเสียงดังเหมือนใครกำลังใช้ค้อนทุบเหล็กก็ดังขึ้น ทั้งสามคนหันไปมองทันที

"อะไรน่ะ?" ธาเรียถามพลางกอดแขนเพื่อนสาว

"ชู่ว์" ลีโอเนลบอกให้พวกเธอเงียบ "หวัดดี... เฮ้! ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ"

หนุ่มสวีเดนเดินเข้าไปใกล้ถังขยะใบใหญ่ แล้วเขาก็สะดุ้งเมื่อมีอะไรกระแทกกับฝาปิด หนุ่มสวีเดนหันมามองสองสาวแล้วค่อยๆ เปิดฝาถัง แมวสกปรกตัวหนึ่งกระโดดออกมาทันที

"เฮ้อ? ไม่มีอะไร ก็แค่แมว" เขาตอบกลับหันกลับไปมองในถังขยะ แต่แล้วก็ร้องออกมาเสียงดัง

ในถังขยะใบนั้นมีร่างของหญิงสาวผิวสีคนหนึ่ง ดวงตาเบิกโพล่ง ลิ้นจุกปาก เธอคนนั้นตายแล้ว!

ตำรวจท้องที่รีบมาที่เกิดเหตุทันทีหลังจากที่ได้รับแจ้งเหตุจากสาวไทย หลังจากนั้นไม่นานนักสืบโจแฮนสันและโคลก็เดินทางมาถึง

"พวกคุณโอเคนะ?" นักสืบหญิงถามผู้พบศพทั้งสามคน พวกเขาพยักหน้าตอบรับ

นักสืบทั้งสองเดินเข้าไปคุยกับทีมพิสูจน์หลักฐาน แล้วเดินมาถามคำถามของพวกเขาอีกครั้งว่าพวกเขามาจากไหน จะไปที่ไหน และพบศพได้อย่างไร และพบเจออะไรผิดปกติหรือไม่ รวมทั้งขยายผลการสืบสวนให้ครอบคลุมบริเวณโดยรอบ

"ผู้ตายชื่อซาแมนต้า สตีเฟนส์ นักศึกษาของมหา'ลัยแมสซาชูเซตส์... สาเหตุของการเสียชีวิตถูกรัดคอจากด้านหลัง" โจเซฟ บาร์ด เดินเข้ามาบอกนักสืบทั้งสอง

ใบหน้าของลีโอเนลและสาวยิปซีซีดลงทันทีเมื่อได้ยินชื่อของผู้ตาย ส่วนศรัณยาก็มีสีหน้าที่ตกใจไม่แพ้กับเพื่อนๆ ทั้งสองคน

"เป็นอะไรไป?" นักสืบหนุ่มหันมาถาม

"ม... ไม่รู้ว่าพวกคุณจะเชื่อหรือเปล่า ต... แต่เมื่อคืนมีอะไรแปลกๆ" หนุ่มสวีเดนพูดตะกุกตะกัก หลังจากนั้นก็เล่าเรื่องที่พวกเขาเล่นกระดานวีจีเมื่อคืนให้ตำรวจฟัง

โจแฮนสันมีท่าทางไม่เชื่อกับสิ่งที่พวกเขาเล่า พูดได้เลยว่าเขาคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหลกับสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ทางวิทยาศาสตร์ ส่วนโคลที่ได้ยินเรื่องนี้จากสาวไทยแล้วก็ยังรู้สึกลังเลกึ่งไม่เชื่อ

"ผมว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกัน พวกคุณคิดมากไปแล้ว" นักสืบหนุ่มพูด พวกคุณกลับไปได้แล้ว "พวกเราจะติดต่อกลับมาหากต้องการข้อมูลอะไรเพิ่ม" แล้วเขาก็โบกมือไล่นักศึกษาทั้งสามคน

"แล้วฉันจะโทรหาคุณนะ" นักสืบหญิงกระซิบบอกศรัณยาก่อนที่พวกเขาจะเดินจากไป

...

"นี่มันบ้า... บ้าที่สุดเลย!" ธาเรียพูดเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว "ฉันไม่ไหวแล้ว จะไปนอนล่ะ" เธอพูดพร้อมปิดประตูห้องเสียงดังลั่น

ลีโอเนลกับศรัณยามองหน้ากันแบบเซ็งๆ แล้วต่างฝ่ายต่างก็กลับเข้าห้องของตัวเอง

ในคืนนั้นสาวยิปซีเคาะห้องของเพื่อนสาว "เล็ก... ช่วยฉันหน่อยได่มั้ย?"

"ว่าไง?"

"ฉันรู้สึกไม่ดีเลย" ธาเรียพูด "เมื่อคืน ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกว่าเรื่องราวของเธอ... ฉันหมายถึงซาแมนต้าเต็มหัวฉันไปหมด เหมือนเธอกำลังบอกอะไรบางอย่างกับฉัน"

"ยังไง?"

สาวยิปซีมองไปที่โต๊ะในครัวที่เมื่อคืนพวกเขาเล่นกระดานวีจี ดวงตาสีอัลมอนด์เต็มไปด้วยความกังวล "เธอก็รู้ว่าฉันมีเชื้อสายยิปซี... บรรพบุรุษฉันมีความสามารถในเรื่องศาสตร์พยากรณ์ พวกทำนายลูกแก้ว ดูไพ่ ดูลายมืออะไรจำพวกนั้น และดูเหมือนว่าฉันเองก็ได้รับพลังอะไรบางอย่างมาจากพวกเขา ประมาณว่าฉันมีเซนส์เกี่ยวกับเรื่องวิญญาณ ฉันรับรู้มันได้เร็ว และบางครั้งเหมือนกับจะติดต่อกับพวกนั้นได้"

"หมายถึงติดต่อกับพวกวิญญาณแบบคนทรงอย่างนั้นเหรอ?"

"ก็ประมาณนั้น ฉันพยายามฝึกไม่ให้มัน... หมายถึงวิญญาณให้เข้ามาอยู่ในตัวฉันน่ะนะ แต่มักจะควบคุมไม่ค่อยได้เวลาที่ฉันไม่สบาย แม่มักจะอยู่กับฉันเสมอเวลาที่ฉันไม่สบาย... คอยดูแลฉัน เหมือนเป็นเกราะป้องกันไม่ให้พวกวิญญาณเข้าร่างฉัน"

"แล้ว... เธอคิดว่าเมื่อคืนมีอะไรแปลกๆ งั้นเหรอ?"

"ฉันได้ยินเสียง... ตอนที่เล่นกระดานวีจีฉันได้เสียงเสียงผู้หญิงร้องไห้ ฉันคิดว่าเป็นซาแมนต้า เธอขอให้ช่วยตามหาตัวเธอตอนแรกฉันคิดว่าฉันประสาทหลอนไปเอง ต... แต่..."

สาวไทยปลอบเพื่อน "พวกเราเจอตัวเธอแล้ว"

"ใช่... แต่มันก็ยังทำให้ฉันรู้สึกแย่เหมือนเดิม เหมือนเธอยังอยู่ในหัวฉัน"

"ไม่เป็นไรน่า... ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี" ศรัณยากอดปลอบเพื่อน

ตำรวจเจอประวัติของซาแมนต้า สตีเฟนส์ในประกาศคนหาย เธอหายตัวไปได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ โดยครั้งที่สุดท้ายที่มีคนเห็นคือเธอเดินออกไปพร้อมกับผู้ชายผิวขาวคนหนึ่ง หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเจอตัวเธออีก นักสืบทั้งสองเข้าไปสอบถามเพื่อนๆ และผู้ชายที่ออกไปกับผู้ตายคนสุดท้ายเขาบอกแค่ว่าทั้งคู่แยกกันเมื่อเขาถึงหอพัก และมีพยานที่ยืนยันที่อยู่ได้

"พบรอยนิ้วมือในกระเป๋าถือและกระเป๋าสตางค์ ส่วนเป็นของผู้ตายและเพื่อนร่วมห้อง แล้วก็เจอรอยนิ้วมืออีก 2 คนที่ไม่รู้ที่มา" โคลพูด เธอกำลังอ่านรายงานให้กับคู่หูฟัง "ข้างในมีเงินอยู่ร้อยยี่สิบเหรียญ แบงค์ย่อยล้วนๆ บัตรเครดิตยังอยู่ครบ ไม่น่าจะใช่การชิงทรัพย์"

"สตีเฟนส์มีประวัติเป็นแกนนำที่ประท้วงการกระทำของพวกกลุ่มคนที่ต่อต้านคนนับถือศาสนาอิสลาม" นักสืบหญิงพูดต่อ

"งั้นอาจจะสันนิษฐานได้ว่าเป็นอาชญากรรมที่มาจากความเกลียด***สินะ" โจแฮนสันพูด

***Hate crime การที่สร้างอาชญากรรมที่มีพื้นฐานมาจากความเกลียด และไม่มีเหตุผลส่วนใหญ่เนื่องมาจากเชื้อชาติ เพศ สีผิว และการเมือง

"คงต้องเริ่มสืบจากตรงนั้น ติดต่อกับคนในกลุ่มเธอและสืบหากลุ่มที่เธอเป็นศัตรู" โคลพูดแล้วเริ่มตามทีมเพื่อประชุมงาน

...

อาการไม่สบายของธาเรียแย่ลงเรื่อยๆ ไข้ของเธอขึ้นสูงและมีอาการเพ้อ ศรัณยาพาเธอไปที่โรงพยาบาล แต่เพียงได้แค่พักเดียวสาวยิปซีก็วิ่งออกมาจากโรงพยาบาล

"เฮ้! ธาเรีย เธอจะไปไหนน่ะ?!" สาวไทยรีบวิ่งตามไป แต่ก็คลาดกันเมื่ออีกฝ่ายเลี้ยวที่หัวมุม

ธาเรียวิ่งตรงไปทางถนนที่มุ่งหน้าสู่อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง ภายในห้องโถงชั้น 1 ของอาคารนั้นเป็นห้องอเนกประสงค์ กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งประชุมกันอยู่ สาวยิปซีพุ่งตรงไปที่ชายผิวขาวที่มีจมูกงุ้มเหมือนตะขอที่ยืนพูดอยู่กลางวงทันที

"อะไรวะ!" เขาตะโกนหลังจากนั้นก็ถูกตบจนหน้าหัน

พวกคนในกลุ่มต่างช่วยกันดึงตัวสาวยิปซีออกจากชายคนนั้นแล้วก่อนที่ชายจมูกงุ้มจะถูกทำร้ายมากไปกว่านี้ ธาเรียไม่โวยวายแต่จ้องชายคนนั้นด้วยสายตาที่อาฆาตและเคียดแค้น

"ออกไป!" ผู้ชายสองคนโยนเธอออกมาจากตัวอาคาร

"ธาเรีย!" ศรัณยาวิ่งเข้าไปหาเพื่อนสาวทันทีหลังจากที่เห็นอีกฝ่ายถูกโยนออกมาจากอาคาร

"เป็นอะไรหรือเปล่า?"

"ล... เล็ก" สาวยิปซีพูด เธอมีสีหน้าเบลอๆ ราวกับเพิ่งจะตื่นจากภวังค์ "น... นี่ฉันอยู่ที่ไหน?"

"เธอหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วก็วิ่งมานี่ ฉันไม่รู้ว่าเธอเข้าไปทำอะไรข้างในนั้น แต่เมื่อกี้พวกเขาเพิ่งโยนเธอออกมา" สาวไทยพูด "นี่เธอจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?"

"ม... ไม่เลย" ธาเรียพูดแล้วร้องไห้ "ฉันไม่รู้เลย รู้แค่ว่าฉันปวดหัวมาก ล... แล้วฉันก็เห็น... เห็น... ซาแมนต้า โอ้! เล็ก ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี"

ศรัณยากอดเพื่อนแล้วพาเธอกลับบ้าน เมื่อสาวยิปซีหลับไปแล้วเธอก็เดินออกมานอกห้องแล้วยืนนิ่งอยู่พักใหญ่ เธอไม่รู้ว่าควรจะโทรหาโคลดีหรือไม่

"เก๊บ! ทำไมนายไม่เอาไอ้นี่ไปทิ้งซะที นายทำให้ฉันประสาทเสียแล้วนะรู้มั้ย!" เสียงราเชนดังมาจากห้องใต้ดิน

สาวไทยวิ่งลงไปที่ห้องใต้ดินทันที "เกิดอะไรขึ้น?"

"เก๊บยังไม่ยอมทิ้งไอ้นี่ซะที" หนุ่มเนปาลพูดเมื่อเห็นศรัณยา เขาชี้ไปที่กระดานวีจี

"ฉันจะเอาไปทิ้งแล้วแต่ยังไม่มีเวลา" เกเบรียลพูด "ขอโทษที"

"เอามันมานี่ ฉันจะเอามันไปทิ้งเอง" สาวไทยพูด หนุ่มละตินยื่นกล่องที่ใส่กระดานวีจีให้เธอ "ฝากดูธาเรียด้วยนะ" เธอพูดแล้วเดินขึ้นไปข้างบน

ศรัณยาโทรหาโคลพร้อมบอกกับว่าเธอกำลังจะเดินทางไปหา ทั้งสองนัดเจอกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งไม่ไกลจากสถานีตำรวจ

"คุณว่ายังไงนะ?" นักสืบหญิงถามซ้ำเป็นรอบที่สอง

"ก็อย่างที่เล่าไป ฉันรู้ว่ามันไม่น่าเชื่อ แต่ทำไมจู่ๆ ธาเรียไปที่นั่น" สาวไทยพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน "เธอพูดเหมือนกับซาแมนต้าพาเธอไปที่นั่น"

"ไม่อยากจะเชื่อเลย" ตำรวจสาวพูด "ฉันเข้าไปที่นั่นไม่ได้ถ้าไม่มีข้อพิสูจน์หรือหลักฐานอะไรที่บ่งบอกว่าพวกเขาต้องสงสัยหรือมีความผิดหรอกนะ ยกเว้นแต่..."

"ยกเว้นแต่อะไร?"

"ยกเว้นแต่พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับซาแมนต้า สตีเฟนส์" โคลพูด "รอแป๊บนึงนะ" เธอโทรศัพท์ไปหาทีมงานของเธอแล้วขอที่อยู่ของกลุ่มต่อต้านคนนับถือศาสนาอิสลามในบอสตัน

"พวกเขารวมกลุ่มอยู่ที่ตึกนั้น พอลกำลังออกหมายค้น... ฉันต้องไปก่อนนะ" นักสืบหญิงจูบลาอีกฝ่ายให้ก่อนที่จะออกจากร้านไป

ศรัณยายืนมองกระดานวีจีที่เธอหยิบติดมือมาก่อนที่จะมาพบตำรวจสาว แต่ยังไม่ทันที่จะหยิบออกมาดูเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ลีโอเนลโทรมาพร้อมกับบอกว่าธาเรียหายตัวออกไปจากบ้าน สาวไทยรีบกลับบ้านพักของเธอทันที

"ใครเจอเธอเป็นคนสุดท้าย?" เธอถามทันทีเมื่อมาถึงบ้าน

สมาชิกในบ้านอยู่กันครบในห้องนั่งเล่น พ่วงด้วยเจย์

"ฉันเอง" ราเชนพูด "ฉันเห็นธาเรียเปิดประตูห้องออกมา นึกว่าจะไปห้องน้ำเลยไม่ได้สนใจอะไร"

"พวกนายตามหาแถวนี้แล้วใช้มั้ย?" สาวไทยถาม เพื่อนๆ พยักหน้าตอบ หลังจากนั้นทุกคนก็ระดมโทรหาเพื่อนๆ ของสาวยิปซีเท่าที่พวกเขารู้จักและมีเบอร์โทรศัพท์ ส่วนหนุ่มเคราแพะและเกเบรียลก็ออกไปตามหาที่มหาวิทยาลัยที่ธาเรียเรียนอยู่ รวมทั้งโรงพยาบาล

เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงก็ไม่มีวี่แววของสาวยิปซี พวกเขากลับมารวมตัวกันในห้องนั่งเล่นอีกครั้ง

"เราจะทำยังไงกันดี?" หนุ่มสวีเดนถาม "แจ้งตำรวจกันก่อนดีมั้ย?"

"แจ้งแล้ว" หนุ่มเนปาลตอบ

"แต่ฉันไม่อยากนั่งรอแบบนี้นะ" ลีโอเนลพูดต่อ

ศรัณยาเดินวนไปเวียนมาอยู่ในห้องนั่งเล่นพลางใช้ความคิด เธอโทรบอกโคลว่าธาเรียหายไป ซึ่งทางนั้นก็รับปากว่าจะช่วยแต่ขอให้เสร็จจากการค้นอาคารที่กลุ่มต่อต้านคนนับถือศาสนาอิสลามใช้เป็นที่ประชุมให้เสร็จก่อน

'จะทำยังไงดีๆๆ'

สาวไทยมองไปที่กระเป๋าเป้ของตัวเองแล้วหยิบกระดานวีจีออกมา 'ซาแมนต้า... ถ้าเธออยากจะให้พวกเราช่วยจริงๆ เธอก็ต้องช่วยเราตามหาธาเรียนะ'

"เฮ้ย!" พวกผู้ชายอุทานเมื่อศรัณยาเอากระดานวีจีวางลงบนโต๊ะกลางห้อง

"เล็ก... เธอคิดจะทำอะไร?" ราเชนถาม

"ถ้าวันก่อนซาแมนต้ามาหาพวกเราจริงๆ ฉันก็จะขอให้เธอช่วยตามหาธาเรีย" สาวไทยพูด "พวกนายจะเอาด้วยมั้ย?"

หนุ่มๆ อึกอักกันอยู่นิดหนึ่งแล้วหนุ่มสวีเดนก็เสนอตัวเป็นคนแรก หลังจากนั้นทุกคนก็เข้ามาร่วมวงด้วย พิธีกรรมของวันนี้ก็ทำเหมือนกับคราวที่แล้ว พวกเขาจุดเทียน ปิดไฟในห้อง แล้วนั่งล้อมวงโดยมีกระดานวีจีอยู่ตรงกลาง

"เริ่มกันเลย" เจย์พูดแล้วเอานิ้วมือแตะที่แพลนเช็ทเป็นคนแรก และคนอื่นๆ ก็ทำตาม

"พวกเราอยากติดต่อกับซาแมนต้า สตีเฟนส์" เกเบรียลพูด "ขอให้ซาแมนต้า สตีเฟนส์มาพูดคุยกับเราด้วย"

ลมเย็นๆ พัดเข้ามาในห้องทำให้เปลวเทียนสั่นไหว ทั้งห้าคนเงียบไปพักหนึ่งแล้วหนุ่มเนปาลก็ถามขึ้นมาว่า "ซาแมนต้า คุณอยู่กับเราแล้วใช่มั้ย? ถ้าใช่ของให้ไปที่คำว่าใช่"

ทุกคนแทบหยุดหายใจเมื่อแพลนเช็ทค่อยๆ เลื่อนไปที่คำว่า 'ใช่'

"ขออนุญาตยืนยันตัวตนของคุณอีกครั้ง ถ้าคุณใช่ซาแทนต้า สตีเฟนส์จริง ขอให้ไปที่ตัวอักษร Y" ศรัณยาพูด และแพลนเช็ทก็เลื่อนไปที่ตัว Y จริงๆ

"เอาล่ะ... ซาแมนต้า คุณรู้มั้ยว่าธาเรียเพื่อนของเราอยู่ที่ไหน?" หนุ่มสวีเดนถาม และได้รับคำตอบว่ารู้ "คุณบอกได้มั้ยว่าเธออยู่ที่ไหน?" และได้รับคำตอบว่าได้

พวกเขาเงยหน้าขึ้นมามองกันด้วยความดีใจ แต่แล้วแพลนเช็ทก็เคลื่อนที่ไปตามตัวอักษรอย่างรวดเร็ว

'เธอ... อยู่... ใน... อันตราย...'

'ฉัน... ขอ... โทษ... ที่... พา... เธอ... ไป... ที่... นั่น'

"ไปไหน? คุณพาเธอไปที่ไหน?" หนุ่มละตินถามอย่างรวดเร็ว

'ศูนย์... ชุม... ชน... ชาร์ลส์ทาวน์'

พวกผู้ชายกระโจนออกจากห้องไปที่รถทันที เหลือเพียงแต่สาวไทยที่ยังอยู่ในห้อง นิ้วของเธอยังอยู่บนแพลนเช็ท "เฮ้! พวกนาย เดี๋ยวสิ!"

เจ้าแพลนเช็ทยังคงวิ่งวนไปวนมาอยู่บนกระดาน 'นี่มันผิดหลักฟิสิกส์แล้ว' ศรัณยาคิด แพลนเช็ทวิ่งไปหยุดที่ตัวอักษรทีละตัวเหมือนกำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับเธอ

"บ... บิลลี่... คีตั้น" สาวไทยจดตัวอักษร "เขาเป็นใคร?"

'คน... ที่... ฆ่า... ฉัน'

"คุณมีหลักฐานมั้ย? ไม่ใช่ฉันไม่เชื่อคุณนะ แต่แบบนี้ตำรวจไม่เชื่อแน่"

'กระ... เป๋า? เป้'

เมื่อสะกดคำว่ากระเป๋าเป้เสร็จ แพลนเช็ทก็วิ่งไปที่คำว่าลาก่อนแล้วก็หยุดเคลื่อนที่สาวไทยชักนิ้วออกจากแพลนเช็ทอย่างรวดเร็ว เธอรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เธอค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยที่สายตายังคงมองที่กระดานวีจีอยู่ แล้วเดินไปเปิดไฟ เธอกดโทรศัพท์ไปหาหนุ่มๆ ที่วิ่งออกจากบ้านทันทีเมื่อรู้ที่อยู่ของสาวยิปซี

"เล็ก เธออยู่ที่ไหนน่ะ?" เสียงของเกเบรียลดังขึ้น

"ยังมีหน้ามาถามอีกว่าฉันอยู่ที่ไหน พวกนายปล่อยให้ฉันอยู่ในบ้านกับไอ้กระดานบ้านี่คนเดียวทั้งๆ ที่แพลนเช็ทยังวิ่งไปวิ่งมาเนี่ยนะ!" ศรัณยาโวย

"ขอโทษ แต่พวกฉันเป็นห่วงธาเรียนี่นา"

"เป็นห่วงหรือว่ากลัวกันแน่... ช่างมันเถอะ ฉันจะตามไป ถ้าพวกนายถึงแล้วอย่าเพิ่งทำอะไรนะ โทรหาตำรวจด้วย"

"รับทราบ"

...

"พวกเขาไม่อยู่ เห็นว่ามีประชุมใหญ่ ที่นี่จุคนได้ไม่พอก็เลยไปที่อื่นกัน" เจ้าหน้าที่ชายที่เฝ้าอาคารอเนกประสงค์ตอบคำถามของสองนักสืบ

"คุณรู้มั้ยว่าพวกเขาไปที่ไหนกัน?" โจแฮนสันถาม

"ไม่รู้สิ ผมไม่ได้สนใจอะไรพวกเขาเท่าไหร่... ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาประชุมเรื่องอะไรอยู่"

"เปิดประตูให้เราเข้าไปดูในห้องประชุมได้มั้ย?" โคลถาม

"ได้นะ ถ้าคุณมีหมายค้น"

นักสืบหนุ่มถอนหายใจแล้วยื่นเอกสารให้อีกฝ่าย "เปิดให้เข้าไปดูได้หรือยัง?"

"รอสักครู่นะคุณตำรวจจะเปิดให้เดี๋ยวนี้แหละ"

สองนักสืบเดินเข้าไปในห้องประชุมของของกลุ่มต่อต้านคนนับถือศาสนาอิสลามในบอสตัน พวกเขามองดูข้อความในกระดานไวท์บอร์ด รวมทั้งเดินดูเอกสารที่วางเรียงกันอยู่บนโต๊ะ ทำให้ทราบว่าคืนนี้พวกเขามีประชุมใหญ่ที่ศูนย์ชุมชนชาร์ลส์ทาวน์

นักสืบหญิงเดินไปรอบๆ ห้อง ขณะที่คู่หูของเธออ่านเอกสารบางส่วน เธอเดินไปที่มุมหนึ่งของห้องซึ่งมีล็อคเกอร์เก็บของที่มีแม่กุญแจคล้องไว้แต่ไม่ได้ล็อค

กระเป๋าเป้ใบหนึ่งหล่นลงมาทันทีเมื่อโคลเปิดประตูล็อคเกอร์ เธอสะดุ้งเล็กน้อยแล้วรีบนำมันขึ้นมาตรวจสอบ

"พอล ฉันเจออะไรบางอย่าง" เธอตะโกนเรียกคู่หู

"ว่าไง"

"เป้ใบนี้เป็นของสตีเฟนส์" ตำรวจสาวพูดแล้วหยิบเอกสารที่อยู่ในกระเป๋าออกมา ในนั้นมีรายงานที่ยังทำไม่เสร็จ ในนั้นระบุชื่อว่าเป็นของซาแมนต้า สตีเฟนส์

"ถ้างั้นคนในนี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเธอ" นักสืบหนุ่มพูด "ว่าแต่ใครเป็นคนฆ่า?"

จู่ๆ แฟ้มเอกสารที่อยู่บนล็อคเกอร์ก็ตกลงมาเกือบจะใส่หัวของโจแฮนสัน แฟ้มกางออกเผยให้เห็นเอกสารและรูปด้านใน เป็นรูปของชายผิวขาว ผมสั้นสีดำ จมูกงุ้มยืนคู่กับชายร่างท้วม หัวล้าน ตาโตโปนแลดูน่ากลัว หน้าปรุไปด้วยหลุมสิว

"คุณรู้จักผู้ชายสองคนนี้มั้ย?" นักสืบหญิงส่งรูปให้เจ้าหน้าที่เฝ้าอาคารดู

"คนที่หนุ่มกว่าเขาชื่อบิลลี่ ผมไม่รู้นามสกุลของเขา" เขาชี้ไปที่ชายจมูกงุ้ม "ส่วนอีกคนผมไม่รู้ นานๆ หมอนี่จะมาที่นี่ทีนึง บิลลี่มาบ่อยกว่า รู้สึกว่าจะเป็นคนสำคัญของกลุ่มละมั้ง พวกที่มาประชุมนับถือเขาพอดู"

"บิลลี่งั้นเหรอ?" โคลทวนคำพูดแล้วหันไปคุยกับคู่หูเพื่อให้ตรวจสอบประวัติโดยเร็วที่สุด

"ใช่...เอ้อ! ถ้าคุณอยากรู้นะ เมื่อวันก่อนจู่ๆ มีผู้หญิงคนนึงวิ่งเท้าเปล่าเข้าไปที่ห้องประชุมนั่น เห็นว่าเธอคนนั้นทั้งตบ ทั้งทึ้งบิลลี่จนหน้าบวมไปแถบนึงเลย แล้วพวกผู้ชายในกลุ่มก็โยนเธออกมา"

"งั้นเหรอ?" ตำรวจสาวคิดหลังจากได้ยินข้อมูลจากกอีกฝ่าย แล้วเธอก็นึกถึงสิ่งที่ศรัณยาเล่าเรื่องของธาเรียให้เธอฟัง

นักสืบหนุ่มเดินเข้ามาหาคู่หู "เขาชื่อบิลลี่ คีตั้น เป็นเลขาของกลุ่ม เคยมีประวัติทะเลาะวิวาท กับพกอาวุธในที่สาธารณะ รวมถึงถูกแจ้งความว่าเขาข่มขู่คนๆ นึงด้วย ให้ทายว่าใครเป็นคนแจ้งความเรื่องข่มขู่"

"ซาแมนต้า สตีเฟนส์มั้ง?" โคลตอบ

"โป๊ะเช๊ะ! ข่าวดีล่าสุดของเราคือ บาร์ดยังเจอขนของเขา... น่าจะเป็นขนแขนในซอกเล็บของสตีเฟนส์ด้วย เป็นไปได้สูงว่าเขาเป็นคนฆ่าเธอ ไปศูนย์ชุมชนชาร์ลส์ทาวน์กันเถอะ" โจแฮนสันพูด

สาวไทยโทรหานักสืบหญิงเพื่อบอกว่าเธอกำลังจะเดินทางไปที่ศูนย์ชุมชนชาร์ลส์ทาวน์ เพราะรู้ว่าธาเรียอยู่ที่นั่น โคลตอบกลับมาว่าเธอกำลังจะไปที่นั่นเหมือนกันเพราะจากการค้นอาคารที่สาวยิปซีไปพวกเขาพบเอกสารข้อมูลที่พูดถึงซาแมนต้า สตีเฟนส์ และพบกระเป๋าเป้ของเธอที่นั่นด้วย

"คุณอยู่บ้านเถอะ อย่าออกไปไหน" ตำรวจสาวพูด "เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง"

"แต่ธาเรียอยู่ที่นั่น แถมพวกเพื่อนๆ ฉันกำลังจะไปหาเธอที่นั่นด้วย"

"บ้าชิบ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย!"

"เรื่องมันค่อนข้างซับซ้อนน่ะ" ศรัณยาพูด "แต่ฉันจะไปที่นั่น เดี๋ยวนี้ล่ะ"

"อย่า..." โคลพูด แต่อีกฝ่ายกดวางสายไปแล้ว "แม่งเอ้ย!"

?

ธาเรียซ่อนใบหน้าของตัวเองในเสื้อคลุมแบบฮู้ดดี้เดินเข้าไปนั่งปะปนกับกลุ่มต่อต้านคนนับถือศาสนาอิสลามในบอสตัน ดวงตาของเธอจ้องมองไปที่โพเดี้ยมตรงกลาง วันนี้เป็นวันประชุมใหญ่ของกลุ่มเพื่อประกาศชัยชนะ นั่นคือการเสียชีวิตของซาแมนต้า สตีเฟนส์ แกนนำกลุ่มที่ต่อต้านการกระทำของพวกเขา

"เราไม่รู้หรอกว่าสตีเฟนส์ตายด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม แต่สหายที่รัก ขวากหนามของเราก็หายไปหนึ่งคน ขอพระเจ้าให้อภัยเธอที่เข้าข้างคนผิด" ประธานกลุ่มเป็นชายแก่หน้าตาเหมือนแม้ดอาย-มู้ดดี้จากหนังเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ "การต่อสู้ของเราไม่มีความรุนแรง ต่อสู้ด้วยข้อมูล สันติ อหิงสา ไม่มีการทำร้ายลับหลัง พวกเราเคารพทุกคนที่สู้ร่วมกับเรา และเป็นศัตรูกับเรา พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสเอาไว้ว่าจงรักศัตรูและจงภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนท่าน"

เสียงปรบมือโห่ร้องดังขึ้นจากบรรดาสมาชิก ดวงตาของสาวยิปซีมองไปที่ด้านข้างของโพเดี้ยม ชายจมูกงุ้มยืนอยู่ที่นั่น เขาเป็นมือขวาของประธานกลุ่ม

มันเป็นการประชุมขององค์กรเหยียดผิวของกลุ่มขวาจัด ผู้ที่อุดมการณ์และความหวาดกลัวการก่อการร้ายหลังจากเหตุการณ์ 9/11 ที่อาคารเวิร์ดเทรดเซ็นเตอร์ ด้วยการสนับสนุนการส่งทหารไปรักษาความสงบอิรัก อัฟกานิสถาน และลิเบีย โดยที่ศัตรูของพวกเขาคือคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ต่อต้านความคิดการแบ่งแยกเชื้อชาติ ความแบ่งแยกสีผิว และความมีอคติที่ต่อต้านอิสลามในทุกรูปแบบ พวกเขาต้องการให้คนที่นับถือศาสนาอิสลามเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์อย่างจริงจัง

"น่าขยะแขยงชะมัด" ธาเรียพึมพำ สายตาเธอยังจ้องมองไปที่ชายจมูกงุ้ม

เมื่อคำกล่าวของประธานจบลง ทุกคนก็จับกลุ่มตามเขตของตนเองเพื่อพูดคุยเรื่องแผนการทำงานของกลุ่ม สาวยิปซีเดินถอยเข้าหลบมุมแล้วรอจังหวะให้ชายจมูกงุ้มเดินเข้ามาใกล้เธอ

"คุณผู้หญิง ทำไมไม่ไปเข้ากลุ่ม?" ชายจมูกงุ้มเดินเข้ามาถามธาเรีย เขาตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย

"แกฆ่าซาแมนต้า สตีเฟนส์!" ธาเรียตะโกน "แกฆ่ารัดคอเธอ! แกฆ่าเธอ"

ทุกคนในห้องหันมามองทันที

"เข้าใจผิดแล้วคุณผู้หญิง ซาแมนต้า สตีเฟนส์เสียชีวิตด้วยการผูกคอตาย" แม้ดอาย-มู้ดดี้พูดเสียงดัง

"โกหก!" สาวยิปซีตะโกน "สารเลว ฆ่าคนไม่มีทางสู้!"

"หุบปาก!" ชายจมูกงุ้มตะโกนแล้วลากตัวธาเรียออกไปจากห้อง "ฉันจะทำให้แกหุบปากเดี๋ยวนี้" เขาตบหน้าเธอหลายครั้ง

"หยุดนี่ตำรวจ!" โจแฮนสันตะโกน เขาทันมาเห็นตอนที่ชายจมูกงุ้มตบหน้าสาวยิปซี

ชายจมูกงุ้มทำหน้างงแล้ววิ่งกลับเข้าไปในห้องประชุม นักสืบหนุ่มรีบวิ่งตามไป ส่วนโคลวิ่งเข้ามาหาธาเรีย

"ธาเรีย... ธาเรีย... ฉันนักสืบโคล เธอโอเคมั้ย?"

"ฉ... ฉันไม่เป็นไร"

นักสืบหญิงฝากตัวสาวยิปซีให้ตำรวจคนอื่นดูแลแล้วตามเข้าไปสมทบกับคู่หู

"บิลลี่ คีตั้น นายถูกจับฐานฆาตกรรมซาแมนต้า สตีเฟนส์" โจแฮนสันประกาศจับต่อหน้าสมาชิกทุกคนที่อยู่ในห้อง

ประธานกลุ่มหันไปมองมือขวาของตัวเองด้วยความตกใจ "บิลลี่ นี่มันอะไรกัน?!"

"ผ... ผม... ผมทำเพื่อกลุ่มของเรา" ชายจมูกงุ้มร้องออกมา ดูเหมือนว่าเขายอมรับว่าเขาเป็นคนทำจริงๆ โดยไม่ต้องสอบปากคำ

"นายฆ่าสตีเฟนส์งั้นเหรอ?" แม้ดอาย-มู้ดดี้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวัง "นายทำให้กลุ่มของพวกเราเสียสัจจะนะ เราไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง เราใช้ความรักของพระเจ้า"

"ความรักของพระองค์จะไม่เป็นผลถ้าพระองค์ไม่มีนักรบ" บิลลี่พูด

"ไม่... ไม่... นายคิดผิดแล้ว"

"คุณต่างหากล่ะที่คิดผิด ผมทำงานกับคุณมานานด้วยศรัทธาแต่สมาชิกของพวกเราไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย มีแต่จะลดลง ถ้าเราไม่กำจัดศัตรูของเราก่อนเราจะชนะได้ยังไง!"

โคลสั่งให้ตำรวจสองนายประกบชายจมูกงุ้มเอาไว้ และก่อนที่จะใส่กุญแจมือเธอก็แจ้งสิทธิ์ให้กับอีกฝ่ายฟัง

"คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่พูด เพราะคำพูดทุกคำจะถูกนำไปพิจารณาในชั้นศาล คุณมีสิทธิ์ที่จะจ้างทนายถ้าคุณไม่มีทนาย ศาลจะจัดหาให้... เอาตัวเขาไปได้"

กุญแจมือถูกล็อคที่ข้อมือของคีตั้น เขาถูกพาตัวไปโดยที่หันมามองประธานและสมาชิกกลุ่ม...

ศรัณยาเดินทางมาถึงก็พบธาเรียที่นั่งอยู่หลังรถพยาบาลและถูกล้อมหน้าล้อมหลังด้วยเพื่อนๆ ของเธอ สาวไทยเดินเข้าไปกอดเพื่อนสาว

"ฉันดีใจที่เธอปลอดภัย"

"ขอบคุณนะ"

"เธอควรจะขอบคุณซาแมนต้ามากกว่า เขาเป็นคนบอกพวกเราว่าเธออยู่ไหน"

"งั้นเหรอ... ฉันคิดว่าเธอไม่เชื่อเรื่องผีซะอีกนะเล็ก"

"ก็ยัง 50/50 อยู่นะ"

นักสืบหญิงยืนมองศรัณยาที่คุยกับเพื่อนๆ อยู่หลังรถพยาบาล เธอยิ้มน้อยๆ เมื่อสบตากับสาวไทย "ขอบคุณนะ" คือคำที่เธออ่านได้จากปากของอีกฝ่าย

...

นอกจากเส้นขนในซอกเล็บแล้ว กระเป๋าเป้ของซาแมนต้า สตีเฟนส์เป็นหลักฐานที่ระบุถึงตัวชายจมูกงุ้ม บนนั้นมีรอยนิ้วมือของเขา รวมทั้งมีอยู่ในเอกสารและแท็ปเล็ตของผู้ตาย เหมือนเขาต้องการหาข้อมูลขอสมาชิกหลักคนอื่นๆ ภายในกลุ่มที่ต่อต้านพวกเขา คีตั้นสารภาพอย่างหมดเปลือกว่าเขาฆ่าเธอยังไง และอะไรคือแรงจูงใจในการกระทำ

อาการของธาเรียดีขึ้นเรื่อยๆ และหายเป็นปกติหลังจากนั้นไม่นาน เธอกับเพื่อนๆ นำกระดานวีจีไปเผาทิ้งที่เตาเผาขยะในมหาวิทยาลัย

"เล็ก" สาวยิปซีพูดขณะที่เธอและเพื่อนๆ เดินตรงไปที่โรงอาหาร

"ว่าไง?"

"เรื่องเธอกับนักสืบโคลเป็นยังไงบ้าง?"

"อะไรนะ?"

"อย่าทำไก๋น่า ฉันรู้นะ"

ศรัณยาหน้าแดงแล้วยิ้มน้อยๆ "แล้ว... เธอรู้อะไรบ้างเหรอ?"

"เธอเป็นคนสำคัญสำหรับนักสืบโคล ฉันรู้สึกได้"

"งั้นเหรอ... ฉันไม่แน่ใจเหมือนกัน"

"นักสืบโคลเป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงออกความรู้สึกให้กับคนใกล้ชิด ไม่ชอบพูด แต่เธอเป็นคนที่พิเศษสำหรับเขานะ"

"เธอรู้ได้ยังไง?"

"อย่าลืมว่า ฉันมีความสามารถพิเศษที่ได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษนะ" ธาเรียพูดแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ "ฉันชอบอะไรแบบนี้นะ แต่เรื่องเกี่ยวกับวิญญาณน่ะ... ไม่เอาอีกแล้ว"

File 3, end/ to be continued

Rating: ***** โดย 1 สมาชิก
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น