สืบรักป่วนหัวใจ yuri ตอนที่ 6
โพสต์โดย:
meAyou
วันที่: 23 กรกฎาคม 2014 เวลา 17:10:14
อ่าน: 422
|
ฐิติมนฟังเพื่อนสาวระบายความอัดอั้นตันใจที่ไม่สามารถทำอะไรไปได้มากกว่าการรอ ปกติเพื่อนของเธอคนนี้เป็นคนใจเย็นมาตลอดท่าทางเรื่องการแต่งงานที่ใกล้จะมาถึงคงทำให้ลักษิกาเสียสูญไปไม่น้อยเจ้าตัวถึงเริ่มควบคุมอารมณ์และความรู้สึกไม่ได้แบบนี้ "ใจเย็นๆก่อนนะฉันว่าเรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา" "แต่ฉันไม่มี" "ถึงไม่มีก็ต้องรอแกจะมาบังคับให้อะไรเป็นไปอย่างใจได้ยังไง" "นี่จะมาช่วยหรือมาซ้ำแล้วไหนล่ะผู้ช่วยคนเก่งของแกอะ" คนพูดชายตาไปมองยังคนที่หมายถึงเพื่อให้รู้ตัวและเมื่อทำสำเร็จลักษิกาก็ดึงสายตากลับไปยังเพื่อนรักอีกครั้ง "แกนี่อย่ามาว่าน้องกันของฉันนะ" ฐิติมนไม่พูดเปล่าแต่กลับลุกไปดึงคนหน้าจ๋อยเข้ามากอดทำเอาใบหน้าซีดๆของคนถูกว่าเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีจนคนกอดต้องเอื้อมมือมาหยิกที่แก้มแดงอย่างมันเคี้ยว "น่าเกลียด" อยู่ๆลักษิกาก็พูดโพลงขึ้นมาพร้อมกับการสะบัดหน้าไปทางอื่นเธอรู้สึกไม่ชอบใจจริงๆที่ผู้หญิงด้วยกันมาทำอะไรแบบนี้มันดูน่าขนลุกจนเธอไม่อยากแม้แต่จะมอง "น่าเกลียดอะไรแค่กอดกันเองเนาะน้องกันเนาะ" คนถูกว่าเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อนึกอะไรออก "ถ้าน่าเกลียดมันต้องแบบนี้" พูดจบฐิติมนก็ใช้มือทั้งสองข้างโอบใบหน้าคนหน้าแดงเอาไว้ก่อนยกให้เงยขึ้นมาอยู่ระดับเดียวกับใบหน้าของตัวเอง "แบบนี้สิถึงจะ?" สายตาหวานบวกกับน้ำเสียงยั่วยวนต้องหยุดลงทันทีเพราะเสียงมือถือที่ดังขึ้นมาของเจ้าตัวทำให้ฐิติมนต้องหยุดการเล่นสนุกเอาไว้ก่อนจะเดินไปหยิบมือถือในกระเป๋าขึ้นมารับแต่เบอร์ที่โขว์หราอยู่หน้าจอก็ทำให้เธอต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะหันไปหาคนที่โทรมา "อะไร?" "ไม่มีอะไรนิ" "ไม่มีอะไรแล้วแกจะโทรมาทำไม" "กดผิด" "อะไรนะ!" "ก็คนมันกดผิดแกจะอะไรนักหนาแล้วก็ช่วยมาคิดแก้ไขเรื่องของฉันก่อนเถอะมัวแต่ทำอะไรไร้สาระ ถามจริงไม่รู้สึกจั๊กจี้บ้างหรือไงนะ" "ไม่นิ ตื่นเต้นดีออกแล้วแกเป็นอะไรอยู่ๆก็มาจั๊กจงจั๊กจี้ทุกทีไม่เห็นเป็นอะไร" ฐิติมนเอ่ยออกมาอย่างสงสัยถึงลักษิกาจะไม่ชอบความรักในรูปแบบของเธอแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจหรือมองด้วยสายตาไม่ชอบใจขนาดนี้ และนั่นทำให้เธอแปลกใจจนเผลอมองคนตรงหน้าด้วยสายตาสงสัยและดูเหมือนคนถูกมองจะรู้ตัวแล้วด้วยถึงได้หลบเลี่ยงการมองสบตากับเธอในเวลานี้ "มีบางอย่างผิดปกติ" นี่คือความคิดแว๊บแรกของฐิติมนเซ้นส์บางอย่างทำให้เธอนึกสงสัยแต่ข้อความกลับไม่กระจ่างชัดจึงทำให้เธอไม่สามารถเข้าใจมันได้ทั้งหมด ในที่สุดก็ได้เวลาที่คนมาช่วยต้องกลับซะทีเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่คำปรึกษากลับไม่คืบหน้าไปไหนแถมคนมาช่วยยังปิดท้ายประโยคก่อนไปว่าอยากมากราบแม่ของคนที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆเธอนี่อีก ตกลงจะมาช่วยเพื่อนอย่างเธอหรือจะมาเตาะเด็กกันแน่นะ! นึกแล้วก็พาลทำให้อารมณ์ขุ่นมัวกลับมาอีกครั้งจนลักษิกาต้องหันไปส่งสายตาดุให้คนที่ยืนข้างๆ และท่าทางไม่สบอารมณ์ของคนที่เพิ่งเดินจากไปก็ทำให้คนถูกมองนึกสงสัยว่าได้พลั้งเผลอทำอะไรผิดถึงได้ถูกตำหนิด้วยสายตาแบบนี้อีกแล้ว
เข้าสู่ช่วงวันหยุดที่คนทั้งบ้านต่างอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาจะขาดก็แต่นายหญิงของบ้านที่มีนัดออกไปข้างนอก "แม่ไม่อยู่อย่าก่อเรื่องนะ" ประโยคเน้นหนักที่คนทั้งบ้านรู้แล้วว่าหมายถึงใครแต่เจ้าตัวกลับไม่รับรู้และเอาแต่กินอาหารเช้าจนคนพูดต้องเอื้อมมือไปจับมือที่กำลังจะหยิบขนมปังเข้าปากเอาไว้ "แกล้งคนกินบาปนะคะ" "กินไปด้วยฟังแม่พูดด้วยมันจะเสียเวลาสักเท่าไหร่เชียว" "แม่ก็พูดมาสิคะกันฟังอยู่" "พูดไปแล้วหลายรอบด้วยจนคนทั้งบ้านรู้หมดแล้วมีแต่แกนี่แหละที่ไม่รู้" คนถูกว่าเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะมองไปยังคนที่ยืนอยู่รอบๆห้องจนมาสะดุดที่ใครบางคนที่หันไปทางอื่นทันทีเมื่อเห็นเธอมองไป "ที่นี่จะฟังได้หรือยัง" "ค่ะ" "อยู่บ้านอย่าก่อเรื่องโอเคมั้ย" "ค่ะ" "ค่ะนี่คืออะไรรับปากส่งๆหรือจริงจัง" "แม่คะกันไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น" "ที่สุดล่ะสิไม่ว่าแต่ดีนะที่วันนี้ตาภูอยู่แม่ค่อยเบาใจ" คนพูดค่อยยิ้มออกมาได้เมื่อนึกถึงลูกชายที่แสนดีแต่พอสายตาเหลือบมาเห็นคนนั่งหน้างอรอยยิ้มของคนเป็นแม่ก็ค่อยๆจางหายไป "แม่ไปล่ะทำตัวดีๆนะ" จันทนาพูดขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบหัวบุตรสาวจากนั้นก็หันไปหาใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง "ฉันฝากยัยกันด้วยนะถ้าเธอปล่อยให้ไปก่อเรื่องที่ไหนรับรองเธอโดนหางเลขด้วยแน่ๆ" แม้คนพูดจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดแต่ก็ไม่สามารถทำให้คนฟังรู้สึกหวั่นเกร็งเลยสักนิดอาจเพราะการทำงานในสายงานที่ต้องใช้ความกล้าทำให้ลักษิกาไม่นึกกลัวกับสายตาของใครและสายตาที่ดูแน่วแน่ของสาวใช้คนใหม่ก็ทำให้คนมองอดแปลกใจไม่ได้แต่จันทนาก็ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจเมื่อตอนนี้เธอพบว่าตัวเองกำลังจะสาย "แม่ไปก่อนนะ" กันติชามองคนที่พูดจบก็รีบเดินออกไปอย่างขำๆรีบขนาดนั้นยังมีเวลามาหมายหัวเธออีกไม่รู้จะทำให้ลำบากไปทำไม "ได้ยินแล้วใช่มั้ย! อย่า?ก่อ?เรื่อง" คราวนี้เป็นประโยคเน้นย้ำแม้จะเอ่ยออกมาเสียงเบาแต่มันกลับดังก้องไปทั่วโสตประสาทของคนฟัง น้ำเสียงแบบนี้มันเหมือนตำรวจกำลังขู่ผู้ร้ายชัดๆ วันนี้เป็นวันแรกที่ลักษิกาได้ทำตามแผนการซักทีแต่แล้วแผนการของเธอก็เริ่มสั่นคลอนเมื่อมองเห็นผู้หญิงแปลกหน้าเดินมากับเป้าหมายด้วย "ผู้หญิงคนนั้นเพื่อนพี่ภูค่ะ" คิวเรียวที่ขมวดเป็นปมค่อยๆคลายออกเมื่อมีคำตอบที่ไม่ต้องถามเอ่ยออกมาให้กระจ่าง "ใครถาม" "ไม่มีค่ะแต่กันอยากบอก" "ไปไกลๆเลยไป" คนพูดเตรียมเดินเข้าบ้านแต่กลับถูกกันติชาเดินมาขวางเอาไว้พร้อมกับส่งของบางอย่างให้ "ฉันไม่หิว" "ไม่ได้ให้พี่สิกาดื่มค่ะ" ลักษิกามองคนพูดที่เอาแต่อมยิ้มก่อนจะนึกออกว่าอีกฝ่ายต้องการให้เธอทำอะไรเธอจึงต้องรับถาดน้ำมาถือด้วยท่าทางไม่เต็มใจสักเท่าไหร่จนคนส่งถาดให้อดที่จะยิ้มกว้างออกมาไม่ได้ "ยิ้มเยาะฉันเหรอ" "เปล่านะคะ" "เห็นกับตาขนาดนี้ยังจะกล้าปฏิเสธ" คนพูดเอ่ยหน้างอก่อนจะดึงถาดมาถือเองจากนั้นก็เดินไปหาเจ้าของแก้วน้ำที่แท้จริงพร้อมกับสิ่งมีชีวิตที่เดินตามมาติดๆด้านหลัง เสียงหัวเราะของคนที่นั่งอยู่ค่อยๆเบาลงก่อนจะหลงเหลือเพียงแค่รอยยิ้มน้อยๆที่ส่งมอบไปยังคนที่เอาน้ำมาให้ "ขอบใจนะ" ภูวเดชเอ่ยขึ้นก่อนจะหันไปหาใครอีกคนที่เพิ่งเดินมาถึง "ไงตัวแสบวันนี้ไม่ไปไหนเหรอ" "ไม่ค่ะวันนี้โดนหมายหัวไว้แล้วขืนออกไปได้ตายหยั่งเขียด" คนพูดเอ่ยด้วยใบหน้าหวาดๆก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ทักทายเพื่อนพี่ชายเลย "สวัสดีค่ะพี่วี" "สวัสดีค่ะคิดว่าจะไม่ทักกันแล้วเสียอีก" มนัสวีรับไหว้ด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันไปมองคนที่เดินยกน้ำมาให้ซึ่งเธอไม่คุ้นหน้าเลยสักนิด "แล้วนี่ใครกันค่ะวีไม่ยักกะเคยเห็นหน้า" "คนนี้เค้าเพิ่งมาทำงานใหม่เด็กของยัยกันน่ะวี" คนฟังขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับจ้องมองไปยังหญิงสาวแปลกหน้าที่ยืนจ้องเธอกลับมาเช่นกัน "หมายความว่ายังไงคะ" "กันเป็นคนพาพี่สิมาทำงานเองค่ะ" "อ๋อ ค่ะ" มนัสวีรับคำก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆแล้วหันไปให้ความสนใจกับภูวเดชต่อ "พี่ภูเคยเจอพี่ลักษิกามั้ยคะ" อยู่ๆกันติชาก็เอ่ยคำถามแทรกออกมาจนคนที่กำลังคุยกันอย่างออกรสออกชาติต้องหยุดการสนทนาลงแล้วหันมาหาเจ้าของคำถามแทน "ยังเลยทำไมเหรอ" "ก็เห็นเป็นคู่หมั้นกันเลยนึกว่าเคยเจอกันมาบ้าง" "นี่ ภูมีคู่หมั้นด้วยเหรอคะไม่เห็นบอกวีบ้างเลย" มนัสวีเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงงอนๆต้องยอมรับว่าเธอตกใจอยู่ไม่น้อยที่ได้ยินเรื่องนี้แต่เพียงครู่เดียวความตกใจก็จางหายไปเพราะเธอไม่คิดจะถือสาเรื่องอะไรแบบนี้อยู่แล้ว "มีแบบไม่ทันตั้งตัวนะวี" "ชักอยากจะเห็นแล้วสิ" คนพูดยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะหันมาหาใครอีกคนที่เป็นคนเปิดประเด็นนี้ "น้องกันเคยเห็นหรือเปล่าคะ" "ก็ ก็เคยเห็นค่ะเคยเห็นแบบผ่านๆ" คนถูกถามเลือกตอบตามความจริงแต่ก็ไม่หมดเสียทุกอย่างก่อนจะส่งยิ้มตอบกลับไปให้เจ้าของคำถามที่ส่งยิ้มหวานๆมาให้ตั้งแต่แรก "แล้วพี่กับว่าที่พี่สะใภ้ของน้องกันใครสวยกว่ากันคะ" มนัสวีเอ่ยถามออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่จริงจังนักก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจเมื่อได้เห็นใบหน้าของคนถูกถามแดงไปถึงใบหู และแม้จะไม่ได้คำตอบเธอก็รู้สึกพอใจอยู่ไม่น้อย ส่วนทางด้านของคนถูกถามก็ได้แต่ยิ้มเก้อๆเพราะไม่สามารถเอ่ยตอบอะไรได้เมื่อคนที่ถูกเอามาเปรียบเทียบอีกคนก็ยืนอยู่ใกล้ๆแถมยังจ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาที่บ่งบอกได้ถึงอารมณ์ที่ฟุ้งขึ้นสู่จุดเดือด แม้จะยังไม่รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้อารมณ์ของลักษิกาเป็นแบบนี้แต่เดาได้ว่าต้องเกี่ยวกับตัวเองแน่ๆเพราะสายตาดุจ้องเขม็งมาที่เธอคนเดียวนี่นา?
|
Rating: โดย 2 สมาชิก
|
|
ความคิดเห็น
|