web stats

ข่าว

 


Backpack In Love Chapter 02

โพสต์โดย: nuffy วันที่: 07 กรกฎาคม 2014 เวลา 12:43:52 อ่าน: 386


Chapter 2

และแล้วก็ถึงวันเดินทาง...

วันพุธ:

19.00 น. สาวเซอร์ก็มาอยู่หน้าสถานีขนส่งหมอชิตเพื่อขึ้นรถบัส VIP ไปที่ อ. เชียงของ จ. เชียงราย ก่อนหน้านี้เธอได้โทรคุยกับโสภิตาหรือซี เพื่อนซี้ เพื่อแน่ใจว่าอีก 5 คนที่เหลือจะตามมาโดยแน่แท้ เพราะเธอค่อนข้างจะกลัวว่าเพื่อนเธอจะเบี้ยว เนื่องจากโสภิตาเป็นคนที่เปลี่ยนใจอะไรปุ๊บปั๊บ อยากทำอะไรก็ทำ เอาแต่ใจตัวเองและชอบทำอะไรที่อยู่นอกแผนการ

"มาแน่นะเว้ย ถ้าไม่มามีเลิกคบ" ปอนด์พูดใส่โทรศัพท์ก่อนที่จะเดินขึ้นรถบัส

"เออ พวกฉันไปแน่ แกไม่ต้องห่วงหรอกน่า ตกลงแกไปคนเดียวได้ใช่มั้ยเนี่ย"

"ได้ดิ โบกรถไปเชียงใหม่ยังเคยทำมาแล้ว"

"เออ เอ็งเก่ง งั้นก็เดินทางปลอดภัย ถึงเชียงของแล้วโทรมาบอกด้วย จะไป Speed boat ใช่มั้ยเนี่ย"

"ใช่ ประหยัดเวลา Slow boat ไม่ไหว ตั้งสองวัน ลาได้แค่ 7 วันเอง ไปเร็วๆ ดีกว่าจะได้มีเวลาเที่ยว แค่นี้นะ บาย"

"บาย"

รถบัส VIP 24 ที่นั่งออกจากหมอชิตเวลา 20.40 น. ตรงไปยัง จ. เชียงราย สาวเซอร์นั่งอ่าน Lonely Planet และไกด์บุ๊คลายมือพี่สนอยู่บนรถได้สักพักหนึ่งก็ผล็อยหลับไป ตลอดเวลา 12 ชั่วโมงที่ปอนด์หลับยาวโดยไม่ตื่นขึ้นมาล้างหน้าหรือเข้าห้องน้ำ ถึงแม้ว่ารถจะแวะพักระหว่างทางก็ตาม เมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีก็ถึงเชียงรายเสียแล้วในเวลาเกือบๆ 7 โมงเช้า บรรดาผู้คนก็แวะลงตรงท่ารถในเมืองเสียส่วนมากจนกระทั่งเหลือเพียงแค่เธอคนเดียวที่มุ่งหน้าไปสู่ อ. เชียงของ

-----------------

วันพฤหัส:

MV คาราโอเกะเพลงลูกทุ่งที่ฉายอยู่หน้าจอทีวีบนรถทำให้หญิงสาวตื่นเต็มตา ไม่ใช่เพราะภาพ แต่เป็นเพราะเสียงที่แผดกระจายออกมาจากลำโพงเหนือศีรษะของเธอต่างหาก มันดังมากเสียจนเธอต้องอุดหู แต่ก็ทนฟังอยู่ได้ไม่นานเมื่อรถบัสคันโตค่อยๆ เทียบท่าจอดที่ริมถนน

"ถึงเชียงของแล้วครับ จะไปลาวใช่มั้ยครับ" พนักงานบนรถถาม สาวเซอร์พยักหน้างัวเงียๆ เล็กน้อย

"งั้นเดี๋ยวขึ้นตุ๊ก ตุ๊กไปท่าเรือได้เลย"

"ขอบคุณค่ะ"

ปอนด์ยกกระเป๋าเป้ใบเก่งขนาดกลางขึ้นมาสะพาย แล้วใช้กระเป๋า Ocean Pack (กระเป๋ากันน้ำ) สีเขียวเข้มสะพายทับอีกทีหนึ่งก่อนที่จะมองหารถตุ๊ก ตุ๊ก

"ไปท่าเรือเท่าไหร่คะ"

"20 บาทครับ" ว่าแล้วสาวเซอร์ก็ขึ้นที่กระบะด้านหลังของรถมอเตอร์ไซด์ที่ทำเหมือนที่นั่งของรถสองแถวทันที ประมาณ 10 นาทีก็ถึงท่าเรือ

"ไปลาวใช่มั้ยน้อง" ชายผมน้อยร่างอวบ อายุราวๆ 50 ปีคนหนึ่งร้องถามจากหน้าร้านค้า เมื่อเห็นปอนด์เดินลงมาจากรถ

"ค่ะ"

"ไปเรือเร็วเรือเรือช้าล่ะ"

"กะว่าจะไปเรือเร็วค่ะ มันราคาประมาณเท่าไหร่อ่ะคะ"

จากการสอบถามราคา ราคา Speed boat ของร้านนี้คือ 1,600 บาท ส่วน Slow boat คือ 960 บาท สาวเซอร์ตัดสินใจไม่นานก็ซื้อบัตร Speed boat จากชายวัยกลางคน หลังจากที่ต่อรองอยู่พักหนึ่งแต่เจ้าของร้านก็ไม่สามารถลดให้ได้เพราะราคานี้รวมกับค่าเรือข้ามฝากและค่ารถไปท่าเรือ Speed boat แล้ว เมื่อไม่ลดก็ยอมจ่าย แล้วก็สั่งข้าวต้มมากินเป็นอาหารเช้า หลังจากนั้นปอนด์ก็เขียนใบ ต.ม.  ของประเทศไทยและลาว เข้าห้องน้ำ หาซื้อขนม และตรงไปที่ด่าน ต.ม. ฝั่งไทยและลงเรือข้ามฝากไปห้วยทราย ประเทศลาว ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโดยมีพี่ไกด์สาวหล่อคอยแนะนำ เวลานั้นก็ 8 โมงนิดๆ

"พี่ส่งแค่นี้นะ เดี๋ยวน้องคนนี้จะดูแลแทน เขาชื่อน้อย" สาวหล่อบอกกับปอนด์เมื่อเธอมาถึงห้วยทรายเรียบร้อยแล้ว สาวลาวตัวเล็กหน้าตาน่ารักคนหนึ่งแต่งตัวแบบแม่หญิงลาวแท้ๆ คือเสื้อแขนกระบอกกับผ้าซิ่นยิ้มให้สาวเซอร์แล้วทัก

"สะบายดี "

"สะบายดี"

หลังจากนั้นปอนด์ก็เข้าไปยืนต่อแถว ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองของห้วยทราย ประเทศลาว และแลกเงินใช้ประมาณ 2,000 บาท แล้วน้อยก็พาสาวเซอร์ไปพบกับผู้บ่าว อีกคนหนึ่งที่จะพาปอนด์ขึ้นรถสองแถวไปท่าเรือ Speed boat

"ดีนะครับที่มาเรือเร็ว ผมเคยส่งฝรั่งนั่งเรือช้า ใช้เวลาตั้ง 2 วัน นอนจนเบื่อเลย" ชายหนุ่มพูดติดตลก

"แล้วนั่งรถล่ะคะ เห็นว่ามีรถจากที่นี่ไปหลวงพระบางด้วย"

"มีครับเป็น local bus ใช้เวลาราวๆ 12 ชั่วโมง"

?ป๊าดดดด 12 ชั่วโมงเชียว นั่งจนเมื่อยแน่นอน? ปอนด์คิดในใจ แต่สุดท้ายแล้วยังไงเธอก็เลือก Speed boat เป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับคนที่มีเวลาเที่ยวอย่างจำกัด

"ขอพาสปอร์ตด้วยครับ" ผู้บ่าวลาวพูดพลางแบมือขอมาข้างหน้า หลังจากที่ทั้งสองลงจากรถสองแถวเรียบร้อยแล้ว ปอนด์ได้รับคำแซวจากชายหนุ่มแถวนั้นกันใหญ่

"ผู้สาวคนนี้งามแท้ งามบ่แพ้คนตะกี้เลย"

?ง่า... แซวหาบาทาลูบพักต์เรอะ! แต่เอ... แสดงว่ามีคนมาถึงนี่ก่อนหน้าเรา แถมยังเป็นผู้หญิงด้วย แล้วอยู่ไหนหว่า? ปอนด์คิดพลางมองหาเพื่อนร่วมทาง แต่ก่อนที่จะทำอะไรต่อไปไกด์หนุ่มก็เดินมาหายื่นพาสปอร์ตพร้อมกระดาษใบหนึ่งที่เขียนเป็นภาษาลาวให้แล้วบอกว่า

"อันนี้เป็นปี้เรือ (ตั๋วเรือ) ส่วนท่าเรือให้เดินลงไปข้างล่าง โชคดีครับ"

เขาพูดแล้วชี้ลงไปที่ท่าเรือที่อยู่ด้านล่าง สาวเซอร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วยิ้มให้ก่อนที่จะเดินลงบันไดอันแสนชันลงไปที่ท่าเรือด้านล่าง

เมื่อข้ามกระดานไม้จากฝั่งไปยังโป๊ะเรือ ปอนด์ก็พบกับหญิงสาวตัวเล็กคนหนึ่งในชุดเสื้อยืดพอดีตัวสีชมพูอ่อนกับกางเกงห้าส่วนสีดำ เธอคนนั้นมีผมยาวสลวยสีดำถึงกลางหลัง ดวงตากลมโตเหมือนลูกกวางตัวน้อยๆ ผิวขาว จมูกโด่ง ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพู รูปร่างแบบบาง เมื่อกะระยะจากสายตาแล้วผู้หญิงคนนี้ตัวเล็กกว่าสาวเซอร์นิดหน่อย และไม่บอกก็รู้ได้จากหน้าว่าเธอคนนี้เป็นคนญี่ปุ่นแน่นอน เมื่อดูจากพันธุ์กรรมและสปีชี่ส์สาวยุ่นที่ ตัวเล็ก ผิวขาว และขาใหญ่

"Hi" สาวเซอร์ร้องทักแล้วยิ้มให้ อันเป็นมารยาทที่ดีของนักเดินทาง

?อ้ากกกกกก น่ารักโคตร? ปอนด์ร้องครางในใจเมื่อเห็นสาวยุ่นอย่างเต็มตาก็อึ้งไปเลยกับความน่ารักแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่น

"Hi" เธอคนนั้นทักตอบ แล้วมองดูปอนด์เอาเป้ลงจากหลัง

?อุ้ย น่ารักจังยิ้มให้เราด้วย ยิ้มหวานเชียว? นี่คือความคิดของสาวแดนปลาดิบเมื่อเห็นหน้าสาวไทยแบบชัดๆ

(ขอเปลี่ยนโหมดเป็นภาษาไทย แต่เป็นอันรู้กันว่าสองสาวคุยกันเป็นอังกฤษ)

"คุณมาจากไหนเหรอ" สาวยุ่นถาม

ปอนด์ชี้มือไปแม่น้ำโขงแล้วพูดว่า "ฝั่งโน้น ประเทศไทย"

"ฉันก็เพิ่งมาจากที่นั่นเหมือนกัน"

"เอ๋ คุณเป็นคนไทยเหรอ แต่ดูท่าทางคุณเป็นคนญี่ปุ่น" สาวเซอร์ยิงมุขแป้กๆ ใส่สาวยุ่น เล่นเอาอีกฝ่ายหนึ่งเอ๋อไปเลยทีเดียว

"ไม่ใช่ๆ ฉันเป็นคนญี่ปุ่น ลงเครื่องบินจากเชียงใหม่แล้วก็นั่งรถต่อมาที่นี่ คุณเป็นคนไทย"

"ใช่แล้ว" ปอนด์ตอบพลางยิ้มกว้างให้ ทำให้ได้รับยิ้มสวยๆ ตอบกลับมาจากสาวยุ่น "ฉันชื่อปอนด์ คุณชื่ออะไร"

"ฮานะค่ะ คิมิฮิโระ ฮานะ"

"ฮานะที่แปลว่าดอกไม้อ่ะเหรอ"

"ใช่ค่ะ คุณรู้ภาษาญี่ปุ่นด้วยเหรอ" สาวยุ่นทำหน้าตื่นเต้น

"รู้แค่บางคำ เป็นคำๆ เท่านั้นเอง เรียนจากหนังสือการ์ตูน" คำตอบนี้ทำเอาสาวอีกคนหนึ่งหัวเราะคิก

หลังจากนั้นสองสาวก็คุยกันอยู่นาน เนื่องจากต้องรอฝรั่งอีกประมาณ 6 คนที่จะร่วมเดินทางไปด้วย ทั้งคู่ได้พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของแผนการเดินทาง เรื่องส่วนตัวอีกนิดหน่อย ปอนด์รู้เพียงแค่ว่า สาวยุ่นคนนี้อายุน้อยกว่าเธอ 3 ปี เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่งในโตเกียว เพิ่งเดินทางออกมาเที่ยวคนเดียวเป็นครั้งแรก เธอเลือกที่จะเดินทางมาประเทศไทยและประเทศลาว โดยจะเริ่มจากที่ลาวก่อน หลังจากนั้นก็จะมาหาญาติที่เป็นครูสอนภาษาญี่ปุ่นในโรงเรียนสอนภาษาแถวๆ สุขุมวิท และบ้านของพวกเขาอยู่ที่ประตูน้ำ หลังจากกลับจากประเทศลาวสาวยุ่นคนนี้ก็จะพักอยู่กับพวกเขาระยะหนึ่ง แล้วก็จะไปเที่ยวเกาะสิมิลันกับญาติๆ รวมถึงที่อื่นๆ ถ้ามีเวลาพอ
ฮานะรู้ข้อมูลของสาวเซอร์ว่าเพิ่งเรียนจบได้ไม่นาน และเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง สาวไทยมาเที่ยวกับเพื่อนโดยเดินทางมาก่อนแล้วเพื่อนๆ จะตามมาทีหลัง เธอมีงบประมาณและเวลาค่อนข้างจำกัด เมื่อเที่ยวเสร็จก็จะกลับไปทำงานต่อ สาวญี่ปุ่นตัวเล็กดีใจมากที่มีเพื่อนคุยระหว่างนั่งรอเรือออก เพราะเธอนั่งคนเดียวมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว แถมยังประทับใจกับไมตรีแบบไทยแท้ที่ปอนด์หยิบยื่นให้ตั้งแต่แรกพบ นั่นก็คือรอยยิ้ม

สาวเซอร์สังเกตภาษาอังกฤษของผู้ร่วมเดินทาง ฮานะพูดภาษาอังกฤษสำเนียงออกติดภาษาญี่ปุ่นเล็กน้อย แต่ก็ฟังแล้วดูรื่นหูกว่าคนญี่ปุ่นที่พูดภาษาอังกฤษทั่วไปจึงพูดว่า

"ภาษาอังกฤษของฮานะจังดีมากเลยล่ะ สำเนียงดีกว่าคนญี่ปุ่นที่ฉันเคยคุยด้วยอีก"

สาวยุ่นก้มหน้าตอบด้วยความเขินที่มีคนชม "ขอบคุณค่ะ พอดีว่าฉันชอบเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว ก็เลยฝึกมาตลอด"

"อื้อ... ดีจังเลยนะ อ้อ! กินขนมมั้ย" ปอนด์ยื่นถุงมันฝรั่งยี่ห้อดังให้สาวยุ่นที่ตัวเตี้ยกว่าเธอคืบหนึ่ง

ฮานะล้วงเข้าไปหยิบมันฝรั่ง 2 ? 3 แผ่นออกมาจากถุง "ขอบคุณค่ะ" เธอพูดพลางมองไปที่แม่น้ำ "นั่นเป็นเรือที่เราจะต้องขึ้นงั้นเหรอ น่ากลัวจัง" เธอพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่แอบสั่นเล็กน้อย
ปอนด์มองตามสายตาของสาวตัวเล็กไปก็พบว่ามันคือเรือหางยาวขนาดเล็ก ที่ดูแล้วไม่น่าปลอดภัยเลย มีเสื้อชูชีพและหมวกกันน็อคสำหรับรถมอเตอร์ไซด์วางอยู่บนเรือ เธอรีบกาง Lonely Planet อ่านทันที

"Speed boat? seriously accident? weekly basis" (เรือเร็ว... อันตรายอย่างยิ่งยวด... เกิดอุบัติเหตุบ่อยทุกสัปดาห์)

?ง่า.... ตูจะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่มั้ยวะเนี่ย? สาวเซอร์ครางในใจ

"คงงั้น" ปอนด์ตอบฮานะกลับด้วยเสียงที่สั่นไม่แพ้กัน

หลังจากนั้นอีกประมาณ 20 นาทีต่อมา ฝรั่ง 6 คนก็เดินลงมาตามบันไดสูง พวกเขาร้องทักสองสาวไทยและญี่ปุ่นที่นั่งรออยู่นานแล้ว ชาวต่างชาติคาดว่าจะเป็นชาวยุโรปและอเมริกา ชาย 3 หญิง 3 (ที่ทั้งหมดไม่รู้จักกันมาก่อน) ก็วางกระเป๋าลงและให้คนขับเรือโหลดของลงหน้าเรือ หลังจากนั้นทุกคนก็สวมเสื้อชูชีพเก่าๆ ที่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยถ้าเกิดอุบัติเหตุและหมวกกันน็อค แล้วค่อยๆ ทยอยลงเรือ โดยที่ปอนด์และฮานะนั่งอยู่แถวหน้าสุด เพราะน้ำหนักเบาที่สุดตามที่คนขับเรือจัดแจงให้ หลังจากนั้นเครื่องเรือหางยาวระบบเครื่องโตโยต้า 16 แรงม้าก็ดังกระหึ่ม แล้วพร้อมที่จะออกเดินทางด้วยความเร็วราวๆ 60 ? 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

"พ่อจ๋า แม่จ๋า ขอให้หนูเดินทางปลอดภัยด้วยเถิดดดดด" สาวเซอร์พึมพำขณะที่เรือวิ่งฉิวไปตามเส้นทาง

เรือเร็วก็เร็วสมชื่อจริงๆ วิ่งตัดผ่านผิวน้ำไปเรื่อยๆ ลำน้ำโขงที่น้ำค่อนข้างน้อยเนื่องจากเป็นหน้าแล้ง โขดหินใต้น้ำและเกาะกลางลำน้ำที่เคยจมอยู่ในช่วงน้ำขึ้นจะโผล่มาให้เห็นเป็นระยะๆ ปอนด์รู้สึกเสียวทุกครั้งเมือเห็นโขดหิน น้ำวน และแก่งอยู่ตรงหน้า แต่ดูท่าทางพี่คนขับเรือจะไม่กังวลอะไรยังคงเร่งเครื่องมุ่งหน้าผ่านไป

"อ๊า... โคไว.... (น่ากลัวจัง...)" สาวยุ่นตัวเล็กบ่นพึมพำเมื่อเรือหางยาวลำเล็กหักหลบผ่านโขดหินไปอย่างฉิวเฉียด ปอนด์ยื่นมือไปจับที่มือของอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อให้กำลังใจทันที

"เดี๋ยวก็ถึง ไม่ต้องกลัวนะ" สาวเซอร์ยกฝาพลาสติกใสที่กันลมของหมวกกันน็อคขึ้นพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ฮานะเพราะด้วยความที่เสียงเครื่องยนต์ดังมากและกลัวอีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน เป็นผลให้สาวญี่ปุ่นหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย

"อื้อ ขอบคุณค่ะ" ฮานะพยักหน้ารับแล้วก็บีบมือของปอนด์แน่น

ไม่กี่อึดใจต่อมาเมื่อคนทั้งเรือเริ่มชินกับการนั่งเรือ Speed boat อันหวาดเสียวได้แล้วก็มีการชวนพูดคุยกัน สาวฝรั่งสองคนที่มีผมบล็อนกับผมสีน้ำตาลที่นั่งแถวที่สองต่อจากปอนด์และฮานะมาจากนอร์เวย์ชื่อว่าอลิซกับมารี สาวร่างอวบผมสั้นสีแดงที่นั่งแถวที่สามเดินทางคนเดียวมาจากอังกฤษชื่อโอเด็ต และสามหนุ่มจากแคนาดาที่นั่งแถวที่สาวข้างๆ โอเด็ตชื่อ สก็อต เอ็ด และโทนี่ ตามลำดับ แต่ทั้งหมดก็ไม่สามารถพูดคุยอะไรกันได้มากนัก ด้วยเพราะการขยับตัวหันมาคุยกันยาก และเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่ม พวกเขาทำได้แค่เพียงทักทายและถ่ายรูปกันเท่านั้น บางคนที่เก่งกล้าสามารถหน่อยอย่างสองหนุ่มที่นั่งแถวหลังสุดอย่างเอ็ดและโทนี่ก็หลับได้อย่างน่าอิจฉา
พี่คนขับเรือแวะพักปั๊มบัตรผ่านที่โป๊ะแห่งหนึ่ง เปิดโอกาสให้หลายๆ คนลุกขึ้นจากเรือเพื่อไปเข้าห้องน้ำ ปอนด์ถอดหมวกกันน็อคออกแล้วหันไปมองดูฮานะ

"หายกลัวรึยัง"

สาวยุ่นส่ายหน้าเล็กน้อย "ยังกลัวอยู่นิดหน่อย แล้วปอนด์ซังล่ะ"

"เริ่มชินแล้วล่ะ โห... น้ำเย็นจัง" สาวเซอร์พูดพลางเอามือแตะไปที่แม่น้ำโขง

"อื้อ เย็นจริงๆ ด้วย" ฮานะทำตามบ้าง ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มอยู่ในที

"ขอบคุณนะที่ช่วยฉันไว้"

"ห๋า เรื่องอะไรเหรอ" ปอนด์พูดทำหน้างง

"ก็เรื่องจับมือ ขอบคุณนะคะ แต่รู้มั้ยว่าที่ญี่ปุ่นเค้าจะไม่จับมือกันอย่างนี้ ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทหรือเป็นแฟนกัน"

"งั้นเหรอ" สาวเซอร์พูดพลางใช้ความคิด

เอ... จะว่าไป เพื่อนสนิทเราก็ไม่ใช่เพราะเพิ่งจะรู้จัก แฟนยิ่งไม่ใช่ใหญ่ แล้วตูจับมือเค้าทำไมเนี่ย?

"ถ้าไม่อยากให้จับมือก็บอกนะ ไม่เป็นไร" ปอนด์พูดแล้วปล่อยมือเธอออกจากมือของสาวยุ่น ฮานะไม่ตอบ เธอเอามือเล่นน้ำต่อไป

เมื่อพี่คนขับเรือกลับมา และเมื่อทุกคนพร้อม ก็เริ่มติดเครื่องยนต์และเดินทางต่อ ทันทีที่เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น สาวญี่ปุ่นตัวเล็กก็กุมมือปอนด์เอาไว้ทันที สาวเซอร์หันไปมองหน้า แล้วยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายหนึ่งยังมีท่าทางหวาดกลัว เธอบีบมือเล็กๆ นุ่มๆ นั้นเบาๆ แล้วพวกเขาก็เดินทางต่อไป

-----------------

เมื่อเรือแล่นมาได้ราวๆ 3 ชั่วโมง (ประมาณเที่ยงนิดๆ) ก็แวะพักกินข้าวที่ปากเบง อันเป็นท่าเรือที่สำคัญในการแวะพักของเรือ Speed boat และ Slow boat คนที่มากับ Slow boat จะนอนค้างที่นี่ 1 คืนก่อนที่จะไปถึงหลวงพระบางในเย็นของอีกวันหนึ่ง ส่วนคนที่มากับ Speed boat พวกเขาจะแวะกินข้าวและเปลี่ยนเรือกันที่นี่ราวๆ 30 นาที ? 1 ชั่วโมงแล้วจึงเดินทางต่อไป

สมาชิกบนเรือที่ปอนด์นั่งมาด้วยต่างก็แยกย้ายหาที่นั่ง บ้างก็เข้าห้องน้ำ ปอนด์อ่านเมนูที่เด็กเสิร์ฟนำมาให้ก็เกิดอาการอึ้งเล็กน้อยกับเงินค่าอาหารที่เป็นเงินกีบ สมองอันน้อยนิดที่ไม่ค่อยจะรับรู้เรื่องตัวเลขก็วิ่งพล่านคิดเป็นอัตราเงินไทย

"5,000 กีบเท่ากับ 20 บาท ข้าวผัด 1 จาน ราคา 15,000 กีบก็ราวๆ 50 บาท (อันนี้คือวิธิคิดเลขง่ายๆ ที่ลาว) ป๊าดดดด ข้าวผัดเทวดารึไงฟะ ไมมันแพงงี้อ่า"

ฮานะและโอเด็ตที่นั่งร่วมโต๊ะกับสาวเซอร์ก็มองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจว่าสาวไทยคนนี้เป็นอะไร ทั้งสองสั่งอาหารได้แล้ว โดยสาวอวบจากอังกฤษสั่งแซนวิช ส่วนสาวยุ่นสั่งผัดไท

"Buffalo fried rice! (ข้าวผัดควาย!)" ปอนด์ตาโตอีกครั้งเมื่อเห็นเมนู ด้วยความสงสัยจึงถามเด็กเสิร์ฟด้วยภาษาไทยปนลาวทันที

"อ้ายๆ อันเนี้ย มันเนื้อวัวหรือเนื้อควาย"

"เนื้อควายคับ ถ้าเนื้องัวจะเป็นอีกแนวนึง"

"เนื้อควายแซ่บบ่"

"แซ่บคับ เนื้อมันสินุ่มกว่าเนื้องัว มันสิน้อยกว่า เอื้อยจะฮับบ่คับ"

"บ่เอาๆ บ่กล้ากิน เอาข้าวผัดหมูมากับน้ำเปล่าขวดเล็ก 1 ขวด"

เด็กเสิร์ฟกลับไปแล้ว สามสาวก็นั่งพูดคุยกันอีกพักหนึ่ง แต่ดูท่าทางว่าฮานะจะไม่ค่อยพูดคุยกับโอเด็ตมากนัก สาวอังกฤษถามคำ สาวยุ่นก็ตอบคำ บางครั้งเธอหันมามองสาวไทยที่นั่งอยู่ข้างๆ ทุกครั้ง ซึ่งสาวเซอร์ก็มักส่งยิ้มกลับไปให้เธอเสมอๆ ปอนด์ที่คุยได้ตลอดเพราะเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นง่ายก็ทำให้บรรยากาศครื้นเครงขึ้นมา สองสาวจากหมู่เกาะ (คือว่า อังกฤษก็เป็นเกาะใช่มะ ญี่ปุ่นก็เป็นเกาะ เลยเรียกสองสาวหมู่เกาะ ง่ายดี) หัวเราะก๊ากเมื่อข้าวผัดหมูวางลงบนหน้าของสาวเซอร์ และใบหน้าของปอนด์ก็ดูท่าทางจะงงๆ กับข้าวผัดหมูของปากเบงเป็นอย่างมาก เพราะมันคือ ข้าวผัดกับน้ำมันและผักเหี่ยวๆ 2 ? 3 ต้น และมีหมูผัดกับน้ำมันโปะด้านบน

"ดูท่าทางว่าฉันจะคาดหวังมากเกินไปว่ามันจะเหมือนอาหารไทย แต่มันไม่เหมือนเลย" ปอนด์พูดพลางมองไปที่จานผัดไทของฮานะที่ดูเหมือนผัดเส้นจันทร์แฉะๆ กับผักและเนื้อไก่

"นั่นก็ด้วย"

"นั่นสินะ" โอเด็ตพูดพลางหัวเราะไป

   เมื่อฮานะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ สาวอังกฤษร่างอวบก็กระซิบว่า "แฟนคุณดูท่าทางเงียบๆ เนอะ ฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจรึเปล่า"

"แฟน เฮ้ย! ไม่ใช่นะ ฉันกับฮานะเพิ่งรู้จักกันเอง ก่อนที่พวกคุณมา"

"อ้าว งั้นเหรอ ทำไมดูพวกคุณสนิทกันจังเลย เหมือนคู่มาฮันนีมูนยังไงยังงั้น" โอเด็ตพูดพลางทำตากรุ่มกริ่มเพราะคิดว่าปอนด์อำ

"จริงๆ เชื่อเหอะ เป็นเพื่อนกัน เพิ่งจะรู้จักกันก่อนขึ้นเรือเหมือนคุณนั่นแหละ"

"ได้ๆ ฉันเชื่อ แต่คิดว่าพวกคุณคงพัฒนาความสัมพันธ์ให้เกินกว่านี้ได้นะ"

"ห๋า หมายความว่ายังไง"

"เชื่อเถอะ ฉันดูไม่ผิดหรอก พนันกันมั้ยล่ะ ฉันว่าพวกคุณจะสนิทกันมากขึ้นกว่านี้ และในเวลาอันรวดเร็วด้วย... ฉันเป็นนักจิตวิทยานะ เรียนทางด้านพฤติกรรมมนุษย์ พวกคุณน่าสนใจมาก คงเพราะด้วยความเป็นคนเอเชียท่ามกลางคนยุโรปอย่างพวกเราทำให้พวกคุณสนิทกันมากขึ้น ดูท่าทางสาวน้อยคนนี้ดูตื่นๆ นิดๆ ดูแลให้ดีๆ ล่ะ"

ปอนด์มองหน้าโอเด็ตอย่างอึ้งๆ แล้วก็กินอาหารที่อยู่ตรงหน้าต่อไป จนเมื่อฮานะลงมานั่งที่เดิม สาวอังกฤษร่างอวบก็ยื่นสมุดเล่มเล็กให้แล้วขออีเมล์ของทั้งสองคน หลังจากนั้นอีกสักพักหนึ่งพวกเธอก็ลงเรือเพื่อมุ่งหน้าไปที่หลวงพระบางต่อไป

-----------------
เมื่อนั่งเรือผ่านไปได้สักระยะหนึ่ง ดูเหมือนว่าวิทยายุทธ์ของทุกคนเริ่มจะแก่กล้า เนื่องจากทุกคนพร้อมใจกับหลับยามบ่ายโดยไม่กลัวว่าจะตกเรือแม้แต่น้อย ฝรั่งหัวดำ หัวทอง หัวแดง หัวน้ำตาลยืดแข้งเหยียดขาออกมาแล้วนั่งหลับในท่าที่ต่างกัน ส่วนสาวเซอร์จากไทยแลนด์แดนสยามกลับนอนไม่หลับ เมื่อสาวแดนปลาดิบที่นั่งข้างๆ นั่งสัปหงกโยกหัวไปมาเป็นตุ๊กตาล้มลุกให้เสียวแก่การตกเรือเป็นอย่างยิ่ง

"ฮานะจังๆ" ปอนด์เขย่าตัวเรียกสาวตัวเล็กให้ตื่น

"อื้อ..." สาวยุ่นค่อยๆ ลืมตาตื่น แต่ดูเหมือนจะไม่มาก

"ง่วงนอนเหรอ"

"อื้อ... เนมุ่ย (ง่วงนอน)"

"เอาไงดีหว่า" ปอนด์คิดหาวิธีที่ไม่ให้เพื่อนร่วมทางนอนหลับตกเรือ ขณะนี้ศีรษะที่ครอบด้วยหมวกกันน็อคของฮานะหล่นตุ๊บไปอยู่บนไหล่ของสาวเซอร์เสียแล้ว (เจ็บนะเนี่ย)

ปอนด์ประคองศีรษะสาวยุ่นขึ้นมาแล้วถอดหมวกกันน็อคออก แล้วจัดท่านั่งของตัวเองให้เป็นขัดสมาธิ เอากระเป๋า Ocean Pack วางไว้บนตักแล้วค่อยๆ วางศีรษะของฮานะลงไปหนุนบนกระเป๋ากันน้ำ สาวแดนปลาดิบขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้ตนเองรู้สึกสบาย หลังจากนั้นก็หลับไป ส่วนคนที่ให้นอนตักก็รู้สึกว่า?ตูไม่ได้นอนแหงม?

เส้นทางในช่วงที่สองยังคงคล้ายๆ กับเส้นทางในช่วงแรก เพียงแต่ว่าปริมาณโขดหินและน้ำวนมากกว่าช่วงแรกมากมาย สาวเซอร์รู้สึกใจหายวาบทุกครั้งเมื่อเห็นน้ำวนหรือแก่งน้ำอันเชี่ยวกรากอยู่ตรงหน้า แต่เรือก็ยังคงวิ่งผ่านผิวน้ำไปได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ลำน้ำโขงในบางช่วงก็ทำให้ปอนด์รู้สึกทึ่ง เพราะน้ำนั้นนิ่งมาก และใสราวกับกระจก ตรงยอดโขดหินบางช่วงจะมีสิ่งปลูกสร้างเล็กๆ คล้ายๆ สถูปตั้งอยู่ ซึ่งอ่านจากไกด์บุ๊คของพี่สนก็รู้ว่า นั่นคือระดับน้ำที่ขึ้นสูงที่สุดของแม่น้ำโขง แม่น้ำที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเอเชีย

เมื่อเรือแล่นมาได้อีกราวๆ 2 ชั่วโมงนิดๆ สมาชิกบางคนก็ตื่นแล้วเพราะได้ยินเสียงพูดคุยจากด้านหลัง โอเด็ตส่งเสียงเรียกปอนด์แล้วทำท่าทางถามหาฮานะ สาวเซอร์ตอบกลับเป็นภาษาใบ้ว่ากำลังหลับอยู่ แล้วชี้ไปที่ตักของตนเอง สาวอังกฤษร่างอวบยิ้มกริ่มราวกับว่าสิ่งที่เธอพูดเอาไว้กำลังจะเป็นจริง ปอนด์ขมวดคิ้ว ส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วหันกลับไปยังทางเดิม

เรือแล่นผ่านถ้ำติ่ง ถ้ำที่มีพระพุทธรูปประดิษฐานมากมาย หลายคนยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่าย สาวเซอร์ก็อยากทำเช่นนั้นถ้าไม่ติดที่ว่ามีสาวยุ่นหน้าตาน่ารักคนนี้นอนตักของเธออยู่ หลวงพระบางใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ปอนด์รู้สึกได้ และรู้สึกถึงเหน็บที่กินขาเธออยู่ ตอนนี้ขาทั้งสองของเธอไร้ซึ่งความรู้สึกไปเรียบร้อยแล้ว!

"ฮานะจังๆ ตื่นได้แล้ว" สาวเซอร์เขย่าตัวสาวยุ่น

"อื้อ..."

"ฮานะจังๆ"

เขย่าตัวหลายรอบแล้วไม่ตื่นซะทีเว้ยเดี๋ยวก็ลักหลับซะหรอก น่ารักออกอย่างนี้เนี่ยห้ามใจไม่ได้อย่ามาหาว่าพี่ไม่เตือนนะน้อง เอาไงดีหว่า... อย่างนี้ต้องเล่นดัชนีมรณะ วิชาดัชนีจิ้มแก้ม ว่าแล้วปอนด์ก็ใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่แก้มนุ่มๆ ของฮานะทันที แต่สาวเจ้าก็ดูเหมือนว่ายังไม่ยอมตื่น จนกระทั่งต้องใช้ฝ่ามืออรหันต์ บีบมันซะเลย

"อิไตๆๆๆ (เจ็บๆๆๆ)" สาวยุ่นตัวเล็กร้องขึ้นพลางจับไปที่มือของผู้ประทุษร้าย เมื่อลืมตาตื่นก็ตาโตตกใจเมื่อรู้ว่าเธอกำลังนอนตักของคนที่เธอเพิ่งจะรู้จักไม่ถึง 1 วัน!

ฮานะรีบลุกขึ้นนั่งทันที แล้วก็ทำหน้าแหยๆ พลางพูดขอโทษขอโพยปอนด์เป็นการใหญ่ สาวเซอร์หัวเราะเล็กน้อยได้แต่บอกว่าไม่เป็นไร ทั้งๆ ที่ตอนนี้ขาชาไปหมดแล้วเว้ย!

ราวๆ 5 โมงเย็นก็ Speed boat ลำน้อยก็พานักท่องเที่ยวจากต่างแดน 8 คน มาถึงหลวงพระบาง ทุกคนลุกขึ้นยืนจากเรือพลางบิดร่างกายและเหยียดแข้งเหยียดแข้งเหยียดขาเพื่อคลายอาการเมื่อยขบ สองสาวแสกนดิเนเวียนอย่างอลิซและมารีบ่นอุบ บอกว่ามาคราวหน้าขอมา Slow boat ดีกว่า ส่วนสามหนุ่มจากแคนาดาก็เดินเข้าไปยกกระเป๋าลงจากหน้าเรือ โดยมีเด็กผู้ชายชาวลาวตัวเล็กๆ ราวๆ 5 ? 6 คน คอยถามอยู่ตลอดเวลาว่าให้ช่วยยกของมั้ยครับ เพื่อแลกกับเงิน

สาวยุ่นร่างกะทัดรัดเดินลงมายืนบนสะพานไม้ไผ่ที่ดูไม่แข็งแรงนัก เธอมองหากระเป๋าเป้ของตนเอง ส่วนสาวเซอร์จากไทยแลนด์ยังคงลุกไม่ขึ้น เนื่องจากขาเป็นเหน็บ

"ฮานะจางงง ช่วยที" ปอนด์ส่งเสียงร้องบอกเพื่อน

ฮานะตกใจมากจึงรีบเดินเข้าไปหาคนที่เธอนอนตักบนเรือทันทีพร้อมยื่นมือไปให้จับ สาวเซอร์ค่อยๆ ยันตัวเองขึ้นมาด้วยขาทั้งสองที่ไร้ความรู้สึก เธอก้าวสั้นๆ ลงมาจากเรือด้วยความทุลักทุเล รับกระเป๋าเป้ แล้วเดินโขยกเขยกขึ้นไปบนฝั่งโดยมีสาวแดนปลาดิบคอยประคองอยู่ข้างๆ ซึ่งก็สร้างความรู้สึกอบอุ่นใจได้อย่างประหลาด พร้อมๆ กับเสียงผิวปากแซวดังวีดวิ้วของสาวอังกฤษที่เดินขึ้นบันไดไปก่อนแล้ว

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น