web stats

ข่าว

 


เกาะศรีวิไล - ตอนที่ 3

โพสต์โดย: ธยาน์ วันที่: 06 พฤษภาคม 2017 เวลา 19:58:32 อ่าน: 105

นี่ก็เป็นวันที่ 3 แล้ว ที่ทรงพลและลูกน้องนักสำรวจทั้ง 6 คน ใช้ชีวิตอยู่บนเรือท่ามกลางทะเลอันกว้างใหญ่ ซึ่งก็เพื่อจุดหมายปลายทางของพวกเขาที่ตั้งใจเป็นหนึ่งเดียวกันนั่นก็คือ เกาะศรีวิไล ที่นักสำรวจทั้ง 6 คนตั้งใจที่ไปเยือนให้ถึงถิ่น โดยที่การไปสำรวจเกาะศรีวิไลในครั้งนี้ ไม่เหมือนกับการออกสำรวจพื้นที่อื่น ๆ บนผืนน้ำทะเลที่ผ่านมา เพราะในแต่ละครั้งที่ออกสำรวจเมื่อคราวก่อน จะต้องมีการถ่ายสาระคดีเพื่อเก็บไว้ดูกันเอง และเผยแพร่ให้คนอื่น ๆ ได้รู้จักที่ต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ในผืนน้ำอันกว้างใหญ่อย่างทะเล ว่ายังมีที่ใดที่ไม่เคยมีใครเข้าไปถึงบ้าง หรือว่าชุมชนชาวเกาะต่าง ๆ มากมายที่มีขึ้นท่ามกลางทะเลนั้น มีความเป็นอยู่และใช้ชีวิตกันอย่างไร แต่สำหรับครั้งนี้แล้ว พวกเขาตั้งใจจะไปสำรวจเพื่อได้รู้ได้เห็น และเก็บเอาไว้ในใจเพื่อเป็นความทรงจำที่ดีเท่านั้น เพราะจากข้อมูลที่ทรงพลหัวหน้าของพวกเขาบอกไว้คร่าว ๆ ก็คือ ที่เกาะศรีวิไลแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก อีกทั้งประชากรที่นั่นยังใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่ายสบาย ๆ พวกเขาชาวนักสำรวจทุกคนจึงตกลงกันแล้วว่า การสำรวจครั้งนี้จะมีขึ้นเพื่อเก็บความทรงจำดี ๆ เอาไว้ให้คิดถึงเท่านั้น และถ้าหากได้รู้ได้เห็นความเป็นไปของเกาะศรีวิไลนี้แล้ว ชาวนักสำรวจทั้ง 6 คนก็ตกลงกันไว้อีกว่า พวกเขาจะไม่ย่างกรายเข้าไปรบกวนชาวบ้านบนเกาะศรีวิไลนี้อีกเลย

"หัวหน้าคะ เราพอเข้าใกล้เกาะศรีวิไลได้ซักครึ่งทางรึยังคะ" ฉัตรเอ่ยถามทรงพลหัวหน้าของเธอ ที่กำลังนั่งส่องกล้องที่ใช้ส่องทางไกลอยู่ในขณะนี้

"พี่คิดว่าไม่น่าจะเกินมะรืนนี้ก็น่าจะถึงตัวเกาะแล้วนะฉัตร ถ้าสภาพอากาศเป็นไปตามที่เราคาดหวังนะ" ทรงพลวางกล้องลงแต่เขาก็ยังคงสะพายเอาไว้อยู่ จากนั้นจึงหันหลังพิงกับขอบเรือแล้วยืนคุยกับฉัตรเต็ม ๆ ตัว

"พูดถึงตรงนี้แล้วจิตใจไม่ค่อยดีเลยค่ะหัวหน้า หัวหน้าเห็นตรงโน้นแล้วใช่มั้ยคะ ขอให้อย่าพัดมาทางเราเลยก็แล้วกันนะคะ" ฉัตรพูดพร้อมกับกอดอกแล้วพยักพเยิดหน้าไปทางกลุ่มก้อนเมฆสีดำ ที่กำลังตั้งเค้าเป็นกลุ่มก้อนใหญ่โตพอสมควรเลยทีเดียว

"คงไม่หรอกมั้งฉัตร เพราะว่าพี่ประจักรเช็คสภาพอากาศช่วงนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วนะ ดูแล้วไม่มีท่าทีว่าจะเกิดพายุได้เลย" นารถรดาเอ่ยด้วยสีหน้าวิตกกังวนพอสมควร เมื่อเธอมองไปยังกลุ่มก้อนเมฆสีดำทะมึนที่ฉัตรบอก

"สภาพอากาศบนโลกเราก็แบบนี้แหละนารถ อย่าคิดมากเลย อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดนั่นแหละ" ทรงพลพูดให้กำลังใจลูกน้องพร้อมกับรอยยิ้ม ซึ่งตัวเขาเองก็ยอมรับว่าแอบกังวนกับกลุ่มก้อนเมฆนี้เหมือนกัน เนื่องจากว่าหากเกิดพายุขึ้นในคืนนี้ ก็จะทำให้การเดินเรือลำบากขึ้นเพราะจะทำให้มองไม่เห็นทางเลย จึงทำให้เขาและคณะสามารถที่จะหลงทางได้อย่างง่ายดาย

"คงไม่มีอะไรหรอกครับหัวหน้า ผมว่าผมทำงานมาเป็น 10 กว่าปีแล้ว ผมยังไม่เคยพลาดเลยนะครับ" ประจักร ชายหนุ่มอายุ 35 ปี ซึ่งเป็นรุ่นพี่รองจากทรงพลในคณะสำรวจครั้งนี้กล่าวขึ้น พร้อมกับมองไปยังกลุ่มก้อนเมฆนั้นด้วยสีหน้าหวั่น ๆ ในความพลั้งพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ของตน

ในที่สุด สิ่งที่ทรงพลและชาวคณะสำรวจกลัวก็เกิดขึ้น เมื่อตอนนี้เวลาพึ่งจะย่างก้าวเข้ามาแค่ 2 ทุ่มเท่านั้น แต่รอบ ๆ เรือตอนนี้มองเห็นเพียงแค่ความมืด แถมตอนนี้ยังเกิดลมพัดแรงขึ้นอีกด้วย และต่อมาไม่ถึง 10 นาที พายุฝนก็กระหน่ำลงกลางทะเลอย่างไม่ลืมหูลืมตา ชาวคณะนักสำรวจทั้ง 6 คนต่างหวาดวิตกกันพอสมควร ซึ่งในใจทุกคนย่อมเกิดความคิดเดียวกันอยู่แล้วในตอนนี้คือ เรือที่พวกเขาใช้โดยสารมานี้จะอับปางหรือไม่


ขณะที่เรือของนักสำรวจทั้ง 6 กำลังถูกพายุฝนซัดกระหน่ำจนโอนเอนไปมาอยู่นั้น เสียงของหนึ่งในคณะสำรวจก็เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม

"หัวหน้าครับ ผมว่าผมส่องเห็นเกาะอยู่ข้างหน้าครับหัวหน้า" ประวิทย์ที่เป็นคนบังคับเรือเอ่ยขึ้น เมื่อเขาใช้กล้องมุมสูงที่อยู่ตรงกลางลำเรือส่องไปยังข้างหน้า

"หม่ะ หมายความว่าเราถึงเกาะศรีวิไลแล้วน่ะสิครับหัวหน้า เอาเรือเข้าไปจอดที่เกาะเลยประวิทย์ ยังไงคืนนี้เราก็ต้องลงที่เกาะเพื่อเอาตัวรอดจากพายุนี้อยู่แล้ว ชั้นว่าชาวบ้านที่นี่เค้าคงจะไม่ใจจืดใจดำกับเราขนาดนั้นหรอก" ประจักรเอ่ยออกมาอย่างมีความหวัง พลางมองไปตรงกระจกใจที่อยู่กลางตัวเรืออย่างดีใจ เมื่อเขาเองก็มองเห็นภูเขาที่ดูน่าจะเป็นเกาะผ่านพายุอันดุร้ายนี้เช่นกัน

"เดี๋ยวนะประวิทย์ พี่ว่าเกาะนี้ไม่น่าจะใช่เกาะศรีวิไลนะ เพราะเท่าที่พี่คำนวณระยะทางดูแล้วไม่น่าจะต่ำกว่า 5 วันนะ ถ้าจะไปถึงเกาะศรีวิไลได้ พี่ว่ายังไงเกาะนี้ต้องไม่ใช้แน่ ๆ" ทรงพลเอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าตึงเครียด ซึ่งเขาจำแผนที่ทางไปเกาะศรีวิไลนี้ได้ดีว่า จะต้องล่องเรือผ่านทะเลอันกว้างใหญ่นี้ไปเป็นเวลา 5 วันเป็นอย่างต่ำ และระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปยังเกาะศรีวิไลนี้ จะมีเพียงแค่น้ำทะเลขวางหน้าอยู่เพียงอย่างเดียว แต่นี่พึ่งจะเดินทางได้แค่ 3 วันเท่านั้นเองจึงมั่นใจว่าไม่ใช่แน่นอน และที่สำคัญเกาะที่ประวิทย์และประจักรเห็นนี้ ขออย่าให้เป็นเกาะที่ทรงพลคิดเอาไว้เลย

"จะใช่หรือไม่ใช่ เราก็ต้องไปจอดเรือที่เกาะนี้เพื่อเอาชีวิตรอดกันก่อนนะครับหัวหน้า ไม่อย่างนั้นผมว่าพวกเราทุกคนคงมาถึงแค่กลางทะเล ไม่ใช่ไปถึงเกาะศรีวิไลกันแน่ครับ" ประจักรพูดด้วยสีหน้าที่ตึงเครียดกว่าเดิม เพราะตอนนี้เขากำลังกังวนว่าเรือที่เขากำลังยืนอยู่นี้ จะอับปางด้วยฝีมือพายุที่ไม่มีความปราณีเลยสักนิดหรือไม่

"เอายังไงดีครับหัวหน้า ตอนนี้เรือเริ่มโคลงใหญ่แล้วครับ จะให้ผมหันออกไปต่อ หรือว่าจะให้ผมมุ่งหน้าไปจอดที่เกาะนี้ดีครับ" ประวิทย์เอ่ยถามทรงพลอีกครั้งด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเลย ทรงพลจึงหันไปมองหน้าลูกน้องทุกคนสลับกันไปมา ก็ได้รับคำตอบเดียวกันคือความเงียบ เขาจึงรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ทุกคนกำลังตกอยู่ในความกลัว ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจ

"เอาเรือเข้าไปจอดที่เกาะนี้ก่อนประวิทย์ แล้วลงที่เกาะได้ค่อยว่ากันอีกที" สิ้นสุดคำสั่งของทรงพล ประวิทย์ก็เดินหน้าเรือเต็มกำลังมุ่งไปยังเกาะที่อยู่เบื้องหน้าทันที พอได้ระยะแล้วจึงทิ้งสมอเรือลงเพื่อจอดเรือไว้ แล้วนักสำรวจทั้ง 6 ก็สวมชูชีพเพื่อความปลอดภัย จากนั้นจึงนำเรือยางที่มีอยู่บนเรือลำใหญ่ทิ้งลงทะเล แล้วก็ขึ้นไปบนเรือยางแล้วช่วยกันพายสู้พายุเข้าฝั่งของเกาะนั้นต่อไป


เกาะศรีวิไล

ตอนนี้เวลาบนเกาะศรีวิไลแห่งนี้ก็ล่วงเลยมาจน 4 ทุ่มกว่าเห็นจะได้ ไพรนรีและยังคงยืนมองออกไปนอกหน้าต่างของห้องเธอที่อยู่บนเขา ที่มันสามารถมองเห็นบรรยากาศรอบ ๆ เกาะได้ และส่วนมากบ้านของชาวเกาะในที่นี้ ก็จะถูกสร้างขึ้นบนเขาเช่นเดียวกัน เพื่อที่ว่าจะได้ช่วยกันมองสำรวจดูรอบ ๆ เกาะว่า จะมีสิ่งแปลกปลอมหรืออะไรไม่ชอบมาพากล ย่างกรายเข้ามาใกล้เกาะของพวกเขาหรือไม่ ซึ่งภาพเบื้องหน้าที่ไพรนรีได้เห็นตอนนี้ก็คือ แสงจากท้องฟ้าที่แลบแปลบปลาบอยู่ไกลออกไปจากเกาะศรีวิไลพอสมควร และแสงจากท้องฟ้านั้นทำให้ไพรนรีทราบดีว่า ตอนนี้หมู่เกาะที่อยู่ไกลออกไปจากเกาะของเธอพอสมควรกำลังเกิดพายุขึ้นนั่นเอง

"ยังไม่นอนอีกเหรอไพรนรีลูก" เสียงไพรวรรณแม่ของเธอนั่นเองเอ่ยถามจากหน้าห้อง เพราะว่ามองเห็นแสงจากตะเกียงขี้ไต้จำนวนหลายอัน ในห้องลูกสาวของเธอยังไม่ดับลงเลย

"กำลังจะนอนแล้วค่ะแม่ ฝันดีนะคะแม่" ไพรนรีเอ่ยตอบออกไปแล้วเดินไปดับตะเกียงขี้ไต้ลง จากนั้นก็พาตัวเองขึ้นเตียงนอน


เกาะที่นักสำรวจขึ้นมาหลบพายุกัน

ฉัตรเริ่มรู้สึกตัวตื่น เมื่อเธอกำลังรู้สึกว่าการนอนหลับของเธอตอนนี้ กำลังถูกจับตามองจากใครบางคนหรืออาจจะหลายคนอยู่ พอฉัตรลืมตาขึ้นเท่านั้นเธอก็พบว่า พวกของเธอกำลังถูกล้อมรอบไปด้วยผู้หญิงเผ่าอะไรสักอย่าง ที่แต่งตัวด้วยการเอาผ้าแพรผืนเล็ก ๆ สีแดงฝาดมาพันตัวเอาไว้ และผู้หญิงกลุ่มนั้นกำลังมองพวกเธอด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเลย นี่มันคงจะไม่ใช่เกาะศรีวิไลอย่างที่หัวหน้าเธอกล่าวไว้แน่นอน

"ทุกคน ลุกขึ้นเร็วค่ะ" ฉัตรส่งเสียงเรียกพวกของตนให้ตื่นขึ้น พอเธอพูดจบและทุกคนกำลังลุกขึ้นนั่งกันแบบงง ๆ หนึ่งในผู้หญิงที่ยืนล้อมรอบพวกเธออยู่ ก็เอ่ยอะไรบางอย่างขึ้นมาที่ฟังแล้วไม่รู้เรื่องเลย

"$@!%^&*%$@~+&" เสียงพูดสำเนียงที่ไม่คุ้นหูเอาซะเลย ถูกเปล่งออกมาจากปากหญิงคนดังกล่าวคนนั้น พอพวกนักสำรวจทำหน้างงกันผู้หญิงคนนั้นก็พูดแบบเดิมอีก คราวนี้เปลี่ยนสำเนียงเป็นตะคอกมาเลยทีเดียว

"~^%^$%#$$@#@%#$#" คณะสำรวจที่ถูกหญิงคนเดิมตะคอกใส่ ก็ถึงกลับเกิดความกลัวขึ้นมาตาม ๆ กันเลยทีเดียว แต่ในขณะที่นักสำรวจทุกคนกำลังกลัวและงงกับสิ่งที่ได้รับฟังอยู่นั้น ทรงพลหัวหน้าของพวกเขาก็เอ่ยบางอย่างขึ้น

"#!$^#!(&(&$%$^&*%#!~+)_(*^%" ซึ่งมันน่าแปลกใจสำหรับนักสำรวจทุกคนไม่น้อย เพราะภาษาและสำเนียงที่หัวหน้าของพวกเขาพูดอยู่นั้น น่าจะเป็นภาษาเดียวกันกับที่ผู้หญิงคนเมื่อกี้ใช้นั่นเอง แล้วพอกลุ่มผู้หญิงกลุ่มนั้นเห็นว่ามีคนโต้ตอบกับพวกเธอได้ การสนทนาภาษาแปลกใหม่สำหรับคณะนักสำรวจก็เกิดขึ้น

"%^*$##%^)*(&%&$#@&^)*)^_*%##"

"^$($_&#@!^^@^*(*%$@!$T*(_)^$%#%"

การโต้ตอบของทรงพลกับตัวแทนของผู้หญิงกลุ่มดังกล่าว ยังคงดำเนินไปเรื่อย ๆ ต่อไปประมาณ 10 นาทีเห็นจะได้ แล้วทรงพลก็หันกลับมาบอกกลุ่มลูกน้องของพวกเขาว่า

"เดี๋ยวพวกเราเดินตามพวกเค้าไปก่อนนะ แล้วพอถึงที่พักพี่จะเล่าให้ฟัง เอ้อ พวกผู้หญิงน่ะ ไม่จำเป็นอย่าพูดเสียงดัง หรืออย่าแสดงอาการอะไรที่ไม่น่ารักออกมาตอนนี้นะ แล้วก็อย่าพึ่งถาม ถึงที่พี่จะเล่าให้ฟังเอง" ทรงพลพูดจบ ทั้งหมดก็พากันลุกเดินตามกลุ่มผู้หญิงกลุ่มนั้นไป


หลังจากที่เดินลัดเลาะป่าดงพงไพรในเกาะแห่งนี้มาจนเหงื่อกาฬแตก นักสำรวจทั้ง 6 คนก็ถูกพาตัวมายังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งมองไปรอบ ๆ แล้วก็เหมือนหมู่บ้านชนเผ่าธรรมดาทั่วไป คือมีบ้านที่ตัวบ้านทำจากต้นไม้ที่พอหาได้จากบนเกาะ ส่วนมากก็จะเป็นจำพวกต้นไผ่ ส่วนหลังคานั้นจะถูกมุงด้วยใบจากและใบต้นปาล์ม ซึ่งจะมีขึ้นอยู่เรียงรายไปเกือบตลอดทาง ที่กลุ่มผู้หญิงได้เดินนำพวกนักสำรวจมา แต่ที่แปลกไปจากชนเผ่าธรรมดาทั่วไปก็คือ ตั้งแต่ที่พวกของฉัตรเดินเข้ามาถึงตัวหมู่บ้าน พวกเขายังไม่เห็นผู้ชายในหมู่บ้านนี้เลยสักคนเดียว ส่วนมากหรือจะเรียกได้ว่าทั้งหมู่บ้านก็ว่าได้ จะมีแต่ผู้หญิงที่อาศัยอยู่ล้วน ๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกเด็กเล็กแดงก็ดี คนสูงวัยก็ดี หรือแม้กระทั่งสาววัยรุ่นที่น่าจะเข้าสู่วัยแห่งการมีครอบครัวแล้ว พวกนักสำรวจก็ยังไม่เห็นว่าจะมีคนไหนเดินเหินหรือทำกิจกรรมกับชายคนรักเลยสักคนเดียว จนฉัตรอดไม่ได้ในความสงสัยที่เก็บอยู่ในใจ พอผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาส่งพวกเธอที่กระต๊อบหลังหนึ่งแล้วเดินกลับไป ตอนนี้ที่หน้ากระต๊อบน้อยน่ารักนั้นจึงเหลือแค่พวกนักสำรวจด้วยกัน ฉัตรจึงถือโอกาสนี้เอ่ยถามสิ่งที่เธอของใจขึ้นมา

"หัวหน้าคะ ผู้ชายในหมู่บ้านนี้เค้าไปไหนกันหมดเหรอคะ" ฉัตรเอ่ยถามทรงผลด้วยใบหน้าที่แสดงว่าเธอสงสัยไม่น้อยเลย

"นี่แหละที่พี่กำลังจะบอกพวกเราอยู่พอดี ไหน ๆ มีโอกาสพูดกันแล้วก็ตั้งใจฟังกันดี ๆ นะ เพราะถึงเวลาที่ใกล้พระอาทิตย์ตกดินเมื่อไหร่ ผู้หญิงพวกนั้นเค้าก็จะมาแยกพวกเราออกจากกันทันที" ทรงพลเปิดประเด็นเข้าเรื่องทันทีที่กำลังมีโอกาส ทุกคนจึงเงียบสนิทเพื่อที่จะตั้งใจฟังหัวหน้าของพวกเขาอย่างที่สุด

"คือเกาะที่เรามาหลบพายุเมื่อคืนนี้อ่ะนะ มันเป็นเกาะที่มีแต่ผู้หญิงอย่างที่พวกเราเห็นกันนั่นแหละ และที่เกาะนี้มีแต่ผู้หญิงก็เพราะว่า เกาะนี้รังเกียจมนุษย์ผู้ชายเป็นที่สุดเลย เพราะเมื่อก่อนผู้หญิงบรรพบุรุษของเกาะนี้ พวกเค้าเคยถูกพวกทหารสมัยสงครามโลกจับตัวไปข่มขืนแล้วก็ถูกฆ่าทิ้ง พอมีโอกาสผู้หญิงที่พอจะไหวตัวทันได้บ้าง ก็รวมกลุ่มกันแล้วพากันหนีมาอยู่ที่นี่ ซึ่งบางคนก็ท้องติดมาบ้าง บางคนก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดบ้างก็มี นั่นก็เลยทำให้พวกเค้ามีความแค้นต่อมนุษย์ผู้ชายเป็นที่สุด ถึงขนาดที่ว่า ตอนนั้นลูกของใครคนไหนที่เกิดมาแล้วเป็นผู้ชาย พวกเค้าก็จะทำพิธีส่งวิญญาณไปตั้งแต่แบเบาะ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าฆ่าทิ้งนั้นแหละ เพราะเค้าไม่อยากให้เด็กผู้ชายเหล่านั้นโตมาแล้วไปเป็นทหารแบบนั้นอีก หรือไม่ก็ไม่ต้องโตมาเพื่อรังแกผู้หญิงอีก" ทรงพลเล่าเรื่องราวของเกาะนี้ด้วยสีหน้าตึงเครียดพอสมควร

"อ้าว แบบนี้ก็ไม่แฟร์สิครับหัวหน้า แล้วแบบนี้พวกเราที่โดนจับมา จะไปเหลืออะไรล่ะครับ" ประจักรเอ่ยแทรกขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าชีวิตของเขาตอนนี้ กำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างที่สุด

"นั่นน่ะสิครับหัวหน้า แล้วถ้าพวกเราถูกฆ่าทิ้ง แล้วพวกผู้หญิงล่ะครับหัวหน้า จะรอดมั้ยครับ" ประวิทย์เอ่ยเสริมขึ้นอีกคน แล้วต่อด้วยคำถามถึงเพื่อนนักสำรวจผู้หญิงต่อด้วยความเป็นห่วง

"ใจเย็น ๆ นะ ฟังพี่เล่าให้จบก่อนนะ คือที่พี่เล่าไปเมื่อกี้นี้น่ะ มันยังมีอีกเรื่องที่พี่ยังเล่าไม่หมด ก็คือ หลังจากที่ผู้หญิงบนเกาะนี้ได้ฆ่าพวกผู้ชายที่หลงเข้ามา แล้วก็เด็กผู้ชายที่เกิดมาจนหมดลงเรื่อย ๆ แล้ว ทีนี้พวกเค้าก็หาคนที่จะมาสืบพันธุ์ให้พวกเค้าต่อไม่ได้ หัวหน้าผู้หญิงเกาะนี้แล้วก็ผู้หญิงทุกคนในสมัยนั้นก็เลยตกลงกันว่า พวกเค้าจะกำหนดให้มีเทศกาล เดือนแห่งการสืบพันธุ์ เพื่อที่เค้าจะได้มีทายาทผู้หญิงสืบต่อไปบนเกาะนี้ ซึ่งระยะเวลาของเทศกาลการสืบพันธุ์ก็คือ 1 เดือน ภายในเดือนที่มีเทศกาลสืบพันธุ์อยู่ พวกผู้หญิงบนเกาะนี้เค้าก็จะออกไปล่าเพื่อจับตัวผู้ชายมาสืบพันธุ์ภายในเดือนนั้น แล้วถ้าผู้ชายคนไหนที่ถูกจับตัวมาก็จะได้รับการดูแลอย่างดี จนกระทั่งถึงคืนเพ็ญที่จะเริ่มเทศกาล พวกผู้ชายที่ถูกจับตัวมาก็จะได้รับสิทธิ์ในการเลือกคู่นอนอย่างอิสระ ไม่ว่าจะเลือกผู้หญิงคนไหนก็ได้ภายในเกาะนี้ แต่พอผ่านไป 5 วัน ผู้ชายพวกที่ถูกจับตัวมาก็จะถูกฆ่าทิ้งเหมือนเดิม แล้วถ้าพี่คำนวณไม่ผิดนะ อีก 2 วันที่นี่ก็จะเริ่มเทศกาลนั้นในคืนพระจันทร์เต็มดวงที่จะถึงนี้" ทรงพลยังคงเล่าเรื่องราวของเกาะนี้ต่อด้วยใบหน้าที่ตึงเครียดเช่นเดิม

"หัวหน้ากำลังจะบอกว่า ถ้าเราจะหนี เราก็ต้องหนีให้ได้ภายใน 2 วันนี้ใช่มั้ยครับ" ประวิทย์ที่ตั้งใจฟังทรงพลเล่าอยู่นาน เขาก็เอ่ยประโยคนี้ขึ้นมาหลังจากที่พอจะคิดอะไรตามได้บ้าง

"ใช่ ถ้าเราจะหนี เราก็ต้องหนีให้ทันใน 2 วันนี้" ทรงพลตอบคำถามประวิทย์ พร้อมกับหันไปมองหน้าทุกคนอย่างจริงจัง เหมือนกับเป็นการสื่อว่า นักสำรวจทุกคนจะต้องเริ่มภาระกิจการหนี ตั้งแต่คืนนี้เลย

"หัวหน้าครับ ถ้าพวกผู้ชายถูกจับเอาไว้สืบพันธุ์ แล้วพวกผู้หญิงที่หลงเข้ามาในเกาะนี้ล่ะครับ พวกเธอจะถูกฆ่าด้วยรึเปล่า" เป็นคำถามที่ทุกคนกำลังต้องการที่จะถามทรงพลพอดี จึงเหมือนกับว่าการเอ่ยคำถามครั้งนี้ของประจักรนั้น เป็นการถามข้อสงสัยแทนทุกคนเลยก็ว่าได้

"พวกผู้หญิงถ้าถูกจับมา ก็จะถูกให้เลือก ว่าจะอยู่ที่นี่ถาวร หรือ จะตาย" ทรงพลเอ่ยด้วยเสียงเครียดไม่แพ้ตอนเล่าเรื่อง แล้วหันไปมองหน้าลูกน้องผู้หญิงของเขาทั้ง 3 คนอย่างอธิบายอะไรออกมาไม่ได้อีก แต่พวกฉัตรก็เข้าใจในสายตานั้นของหัวหน้าพวกเธอดีว่า มันหมายถึง เราจะต้องหนีไปด้วยกัน

"ถ้างั้นเราก็มาวางแผนกันดีกว่านะครับหัวหน้า เพราะเราต้องเผื่อเวลาเดินออกจากเกาะนี้อีก ไกลเอาเรื่องเลยล่ะครับ" ประวิทย์พูดถึงสิ่งที่ควรจะเริ่มทำกันตั้งแต่ตอนนี้ออกมา ทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเขาทั้งหมด

"ทางกลับไม่น่าจะยากนะคะ เพราะถ้าพระจันทร์ใกล้สว่างแบบนี้ ฉัตรพอจะจำกิ่งไม้ที่ช่วยกันย่ำหักมาตลอดทางได้กับเปรม 2 คนค่ะ" พอฉัตรเอ่ยประโยคนี้ออกมาทุกคนก็ยิ้มออกกันทันที

"ตอนแรกพี่นึกว่าเราจะกลัวกว่าพี่ ๆ เค้าซะอีกนะเปรม เรานี่ก็เก่งเหมือนกันนะ นี่สินักสำรวจมืออาชีพ" ทรงพลหันไปเอ่ยคำชมให้เปรมฤทัยด้วยรอยยิ้ม

"ทีแรกเปรมก็กลัวค่ะหัวหน้า แต่พอเห็นพี่ฉัตรทำแล้วก็มองมาทางเปรมเท่านั้นแหละค่ะ เปรมก็มีความหวังเลยว่าเราต้องรอดแน่ ๆ เปรมก็เลยช่วยพี่ฉัตรเหยียบต้นไม้เล็ก ๆ คนละฝั่งค่ะ อีกอย่าง โชคดีที่ตอนนั้นพวกเจ๊ ๆ ที่จับเรามาเค้าสนใจพวกหัวหน้าอยู่ด้วยล่ะค่ะ" เปรมฤทัยเล่าให้ทรงพลฟังตามความจริง เพราะถ้าหากว่าพี่ฉัตรของเธอไม่นำทางก่อน เธอก็คงจะคิดอะไรไม่ออกนอกจากตื่นกลัวแน่นอน

"เอาล่ะ ดีแล้วที่พวกเราทำได้ ทีนี้เราก็มาวางแผนหนีกัน" ทรงพลเอ่ยขึ้น ทุกคนก็ขยับเข้ามาใกล้ ๆ กันทันที


และหลังจากวางแผนเสร็จได้ไม่นาน นักสำรวจชายหญิงก็ถูกจับแยกที่อยู่กัน แต่ทั้ง 2 ฝ่ายก็ได้รับอาหารและผลไม้พร้อมทั้งเครื่องดื่มต่าง ๆ มาให้ทานพอ ๆ กัน แต่ก็ไม่มีใครวางใจที่จะกินเข้าไปได้เลย
แล้วแผนการที่จะหนีออกจากเกาะก็เริ่มขึ้น ในขณะพระจันทร์ที่กำลังเริ่มสุขสว่าง เพราะกำลังจะเต็มดวงในอีก 2 คืนที่จะถึงนี้ส่องตรงกลางหัว นั่นก็หมายถึงตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว พวกนักสำรวจก็เริ่มแผนการทันที โดยที่ค่อย ๆ ย่องพากันก้าวออกมาจากกระต๊อบทีละคน ซึ่งทางกระต๊อบของนักสำรวจหญิงทั้ง 3 คนก็ถูกเปิดประตูออกเช่นกัน แล้วทั้งหมดก็เดินมารวมกันที่ต้นไม้ใหญ่ด้านหลังของกระต๊อบนักสำรวจชาย จากนั้น ทรงพลก็ให้ฉัตร นารถรดา และเปรมฤทัยเดินนำไปก่อน และในขณะที่พวกทรงพละกำลังจะก้าวตามออกไปนั้น ก็มีหญิงสาวชาวเกาะ 3 " 4 คนมุ่งหน้ามาทางกระต๊อบของพวกเขาพอดี

"เอาไงดีครับหัวหน้า ผมว่าเราตามฉัตรไปกันเลยดีกว่านะครับ" ประจักรเอ่ยออกมาด้วยความตื่นกลัว และกำลังทำท่าจะหนีจากทรงพลและประวิทย์ไป

"ไม่ได้นะประจักร ฉัตร พานารถกับเปรมหนีไปที่เรือให้ได้นะ ไปให้ไวเลย ไม่ต้องห่วงพวกพี่ รีบไปเร็วเข้า พวกนั้นกำลังเดินมา" ทรงพลดึงแขนประจักรเอาไว้ แล้วส่งเสียงบอกกับพวกฉัตรให้รีบหนีไป โดยที่พวกฉัตรเองก็ลังเลว่าจะทิ้งหัวหน้าและเพื่อนของเขาดีหรือไม่ แต่ก็ไม่ทันแล้ว เมื่อทรงพลดึงประจักรและชวนประวิทย์เดินกลับเข้าไปหาผู้หญิง 3 " 4 คนนั้น ก่อนที่พวกเธอจะมาถึงเขาอีก พวกฉัตรจึงต้องจำใจวิ่งออกไปทันทีพร้อมกับตั้งมั่นว่า พวกเธอจะต้องกลับมาช่วยพวกเขาให้ได้เลย

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น