web stats

ข่าว

 


Beautiful Stranger - Chapter 11 : Trust Game

โพสต์โดย: anhann วันที่: 19 มิถุนายน 2014 เวลา 21:27:23 อ่าน: 631



Chapter 11 :   Trust Game



เธอจำเป็นต้องนั่งอยู่กับที่อย่างไม่มีทางเลือกเมื่อหน้าผากมีผ้าก็อธแปะอยู่  ยอมถูกจับให้นั่งนิ่งๆในขณะที่อีกสามคนกำลังช่วยกันจัดเตรียมอาหาร  ในเสี้ยวหนึ่งของความรู้สึกผิดที่เสมือนเป็นคนพิการชั่วคราว  เธอรู้สึกดีมากที่ได้เห็นอะไรที่คนภายนอกคงน้อยนักที่จะได้เห็น  สามเซเลบกำลังย่างบาร์บีคิว  มีหอย  หมึก  กุ้ง  ปูร่วมด้วย  แยกเป็นสองเตา  ตอนแรกก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะเลือกทำอาหารประเภทนี้  แต่คงเป็นเพราะคุณหมอไล่สองคนเพื่อนซี้ไปซื้อของ  เมนูอาหารจึงเปลี่ยนไปฉับพลัน  และแน่นอนแบบนี้มันสนุกกว่าที่จะให้บางคนเป็นเชฟทำอาหารมาเสิร์ฟให้เรามีหน้าที่แค่กินมัน 

แต่ก็นะ  ใครจะไปคิดว่าสาวๆพวกนี้จะลุกขึ้นมาย่างบาร์บีคิวหรือเตรียมอาหารให้คนธรรมด๊าธรรมดาอย่างเธอ  ไม่ใช่สิ  คนแปลกหน้าต่างหาก..

แต่อะไรก็ไม่น่าดีใจเท่ากับคนที่ถือจานกุ้งมาวางตรงหน้าเธอนี้หรอก..

"ฉันคิดว่ามันสุกแล้วนะ  ตัวแด๊งแดง.." 

คนฟังยิ้มรับ  คิดว่าตัวเองคงแก้มแดงตามสีตัวกุ้งที่มาโชว์อยู่ตรงหน้าแล้วล่ะ  ถึงจะแปลกใจค่อนข้างมากกับอาการที่เปลี่ยนไปราวพลิกฝ่ามือของผู้หญิงคนนี้  แต่ไม่รู้สิ  เธอชอบ  รักเลยล่ะ  นาทีนี้ขอลืมไปก่อนได้ไหมว่า  หน้าที่ที่แท้จริงของเธอคืออะไร 

"งั้นฉันแกะให้ค่ะ  คุณย่างมาแล้ว"  เธอเสนอแต่เค้าส่ายหน้า  ดึงจานไปวางด้านตัวเองแล้วเริ่มต้นใช้มือขาวจัดนั่นค่อยๆลอกเปลือกกุ้ง  ปากก็พูดห้ามเธออย่างนั้นอย่างนี้ไปด้วย

"คุณป่วยอยู่  ตอนนี้ฉันให้คุณพัก  เข้าใจไหมฟรานเชสก้า" 

แล้วเธอบอกว่าไม่เข้าใจได้ไหมล่ะ.?  นั่นเป็นสิ่งที่สมองเธอคิดแต่ที่ทำคือนั่งเท้าคางมองคนหน้าคมแกะกุ้งใส่จานเปล่าอย่างตั้งใจ  อยากรู้เหลือเกินทำไมถึงเปลี่ยนอารมณ์ไปได้ขนาดนี้  แต่กลัวว่าถ้าถามไปแล้วทุกอย่างนี้จะหายไปในพริบตาเหมือนภาพฝันที่สลายไปยามตื่น

ว่าแต่ตอนนี้เธอฝันหรือตื่นอยู่กันแน่...

"แต่น้ำจิ้มเนี่ย  พี่หมอเป็นคนทำนะคะ  ฉันทำไม่เป็นหรอก"  เกว็นยิ้มอายๆเมื่อเจอสายตาถูกใจเหมือนเด็กของอีกฝ่าย  มันทำให้เธอมีความสุขจนรู้สึกคุ้มค่าที่ยอมลดทิฐิบ้าบอลง ใจจริงก็แค่อยากให้หล่อนสนใจแค่เธอ  และคงเหมือนควินท์บอก  เธอควรจะปรับปรุงตัวบ้างถ้าอยากให้ใครอยากอยู่ใกล้ๆ 

'ใครจะอยากอยู่กับหุ่นยนต์ที่มีหน้าเดียวกันบ้างล่ะ  น่าเบื่อตาย' หล่อนว่าอย่างนั้นตอนที่ออกไปซื้อวัตถุดิบมาทำมื้อค่ำกัน

"แค่นี้ก็น่ารักแล้วค่ะ"  ฟรานเชสก้าพลั้งปากพูดอย่างใจคิด  เธออายแต่ไม่คิดจะแก้คำนั้นหรอก  ก็ไม่ได้อายคนเดียวนี่  มีบางคนอายเป็นเพื่อน  ดวงหน้าคมซับสีเลือดที่แก้มทั้งสองข้าง  เธอทั้งคู่นั่งบิดไปมาไม่ยอมกินอาหารกันสักทีจนบางคนที่หมั่นไส้เดินมาหมายจะโฉบมันไป  แต่ไม่มีทางซะล่ะ

"ยัยควินท์  ไปเอาที่เตาเอาเองสิ  อันนี้ของฉัน!"  มือขาวจัดคว้าจานกุ้งแกะเปลือกกำจัดขาแล้วกลับคืนมา  ใช้ดวงตาคมกริบข่มขู่เพื่อนสาวที่ยิ้มร่าแต่ยกสองมือยอมแพ้

"แหม.. เดี๋ยวนี้หวงกับเพื่อนนะ  ใช่ซี่..  มีคนให้แคร์มากกว่าแล้วนี่.."

"พูดอะไรไม่รู้เรื่อง  โน่น! พี่หมอเรียกแล้ว" 

"เฮ้.. ไม่ต้องมาไล่หรอกน่า  ก็ไม่ได้อยากอยู่เป็นก้างใครนักหรอก"  บลอนดี้บอกพลางขยิบตาวิ้งให้สาวที่แปะผ้าก็อธบนหน้าผาก  ไม่แคร์เพื่อนรักที่ทำท่าจะกินหัวอยู่ทุกนาที  แค่นั้นแหละแล้วก็จากไปป่วนคุณหมอต่อ

"คุณควินท์..  เธอน่ารักดีนะคะ"  ฟรานเชสก้าพูดยิ้มๆอย่างไม่ได้คิดอะไร  แต่คนที่คิดกลับปรายตามามองเหมือนไม่พอใจกัน  เธอเลิกคิ้วคิดในใจว่าอาการแบบนี้ของผู้หญิงจะหมายความว่ายังไง 

หึง.?  หวง.?

"น่ารักแบบตุ๊กตาบาร์บี้.." พึมพำต่ออีกหน่อย  ดวงตาที่จ้องอยู่จึงอ่อนลง  "รู้จักป่ะคะ  ตุ๊กตาบาร์บี้.?"

"รู้จักสิคะ  แต่ฉันว่า  คุณเหมือนมากกว่ายัยควินท์อีก.."

ความร้อนพุ่งปรี๊ดสู่ใบหน้า  ถ้ามีกระจกตรงหน้าจะต้องเห็นแน่ว่าตัวเองหน้าแดงแค่ไหน  คนอะไรอยู่ๆก็มาชม  เอ๊ะ! หรือว่าเค้าแค่พูดตรงๆเฉยๆ

"ตอนนี้ฉันไม่ได้ผมบลอนด์แล้วนะคะ"  คนพูดเอียงคอเล็กน้อยตั้งใจให้อีกคนมองเห็นเส้นผมตนที่ย้อมเป็นน้ำตาลเข้มประกายแดงที่แสงอาทิตย์ตอนเย็นยังพอให้เห็นได้  เค้าก็ดูจะสนใจมันอยู่หรอกแต่ก็ยังไม่เห็นด้วย

"บาร์บี้ไม่จำเป็นต้องผมบลอนด์ก็ได้โดยเฉพาะบาร์บี้ของฉัน  ผมสีนี้สวยดีค่ะ  เหมาะกับคุณ" 

เค้าพูดมันด้วยคำธรรมดา  ใช่.. ถ้าไม่ได้ติดตรงคำว่า "บาร์บี้ของฉัน" ก็คงไม่เท่าไหร่  แล้วสมองเธอก็กรอซ้ำแต่คำๆนี้เสียด้วยสิ

บาร์บี้ของฉัน...

"คุณยังเจ็บอยู่ไหม..  เอ่อ..ตรงนั้น.."  ดวงตาคมโฟกัสไปที่ผ้าก็อธที่แปะหางคิ้วของอีกฝ่าย  ไม่กล้าเอื้อมมือไปแตะมันกลัวคนเจ็บจะยิ่งเจ็บ 

เกว็นกัดปากน้อยๆเหมือนเจ็บแทนเมื่อเจ้าของแผลแตะนิ้วไปบนผ้าสีขาวที่คิ้วเรียว  จริงอยู่ว่าตอนเด็กๆความซนก็ทำให้เธอได้แผลมาบ้างเหมือนกัน  แต่มันก็แปลกนะที่เธอไม่อยากสักนิดให้สาวตรงหน้าต้องเจ็บตัว  ถ้าเจ็บแทนได้ก็คงทำ  ทำไมกันหนอ.?

"แค่นี้เล็กน้อยค่ะ  เดี๋ยวก็หาย  ไม่เชื่อลองจับดูสิ" 

คนโดนชวนยิ้มแต่ส่ายหัวปฏิเสธ  "ไม่เอาหรอกค่ะ  ไม่อยากให้คุณเจ็บมากขึ้น  ว่าแต่คุณทานยาก่อนอาหารแล้วใช่ไหม.?"

ฟรานเชสก้าพยักหน้า  ดีใจจนหัวใจพองคับอก  ถึงอย่างนั้นก็ไม่ลืมบางเรื่องที่กังวลอยู่  รอยยิ้มจึงจางลงเสียแล้ว  "คุณจะไม่ถามเหรอคะ.?"

คนที่หันไปหั่นหนวดหมึกย่างเงยหน้าขึ้นมามอง  เค้านิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าแล้วพึมพำออกมาเมื่อหันไปจัดแจงเอาอะไรที่หั่นแล้วมาใส่จานเธอ  "ฉันเคยบอกแล้วไงคะ  ถ้าคุณอยากให้รู้  คุณคงจะบอก"

"แต่ตอนนั้นคุณถาม.." 

เกว็นพยักหน้ารับ  ถอนหายใจเบาๆ "ถามเพราะเป็นห่วงค่ะ  แต่ถึงไม่ถามก็ไม่ได้แปลว่าไม่ห่วง  ฉันไม่อยากให้คุณอึดอัดกว่านี้  แค่ถูกบังคับให้มาด้วย  ก็คงจะรบกวนมากเกินไปแล้ว"

สีหน้าท่าทางคนพูดดูจริงใจไม่มีอะไรแอบแฝง  หากคนฟังกลับรู้สึกได้ถึงอาการตัดพ้อน้อยๆในน้ำเสียง  นี่ถ้าไม่ติดว่า  สถานการณ์ยังสุ่มเสี่ยงอยู่แล้วล่ะก็  เธอคงจะเผยไพ่ทุกใบให้เค้าหมด  จะโผเข้ากอดปลอบให้หายใจเสีย  แต่ที่ทำได้จริงก็แค่เอื้อมมือไปแตะที่หลังมือขาวจัดนั้น  มองตาให้ลึกซึ้ง

หากดวงตาเป็นหน้าต่างของวิญญาณแล้วล่ะก็  ฉันหวังให้คุณได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของฉันจากมัน..

"คุณจะรอได้ไหมคะ.?" ถามอย่างคาดหวังคำตอบในแง่ดี  พยายามยิ้มสู้อาการเงียบนิ่งของผู้หญิงตรงหน้า  แต่หัวใจที่พองโตอยู่ดีๆก็ค่อยๆแฟ่บลงเพราะอาการส่ายหน้าที่ได้มา  มือบางกำลังจะชักกลับมาหาตัวเองหากมันก็ถูกดึงกลับไปกุมไว้อย่างถนอมแทนให้ต้องมองเค้าอย่างไม่เข้าใจ

"ฉันไม่ได้หมายถึงรอเรื่องนั้นไม่ได้  แต่เป็นอีกเรื่อง.."

"อีกเรื่อง.?  มีเรื่องอื่นด้วยเหรอคะ.?"  ฟรานเชสก้าเลิกคิ้วมองคนที่แก้มแดงระเรื่อขึ้นมารับคำถาม  พยายามไม่คิดเข้าข้างตัวเอง  และนั่นเองที่ทำให้ตกใจพอได้ฟังคำตอบแล้ว

"ก็เรื่องที่คุณพยายามปั่นหัวฉันอยู่ทุกวันนี้  ฉันรอให้คุณเฉลยไม่ได้หรอกนะ  ฉันไม่ชอบเล่นเกมส์" 

คำว่า 'ไม่ชอบเล่นเกมส์' ถูกเน้นหนักราวจะบอกว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หากผู้หญิงที่นั่งฟังอยู่กลับหัวเราะให้คนพูดหรี่ตามองไม่พอใจ

"ไม่ยักรู้ว่า  คนไม่ชอบเล่นเกมส์  แต่แก้เกมส์ให้เพื่อนได้ด้วยนะคะ"

เกว็นยิ้มมุมปากนึกชอบใจคนชอบยอกย้อนเอาซะได้  "คนละเกมส์กันแล้วค่ะคุณผู้ช่วย" 

คุณผู้ช่วยที่ว่าหัวเราะ  แอบเหงื่อซึมเล็กน้อยเมื่อความเจ็บช้ำที่สีข้างและกระดูกซี่โครงกลับคืนมา  ในใจเริ่มกังวลว่าถ้ามีผู้ไม่หวังดีปรากฏตัวมาตอนนี้จะรับมือไหวหรือไม่  หวังใจว่าจีน่ากับพวกจะมาถึงแล้ว  เธอไม่ได้ห่วงตัวเองว่าอาจจะทำงานพลาดแล้วโดนต่อว่า  ที่ห่วงคือคนที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้  ถึงเค้าจะไม่รู้มันเลย  เอาเข้าจริง  เค้าเคยรู้อะไรบ้างไหมหนอ...

เธอไม่เคยคิดเล่นเกมส์กับหัวใจคนอยู่แล้ว  นั่นแหละถึงไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที  เห็นแบบนี้เธอขี้กลัวและคิดมากนะ  จะบอกให้...

"ฉันไม่ขอให้คุณเข้าใจนะคะเกว็น   แต่อยากให้คุณรู้ไว้ว่า  ฉันเต็มใจที่สุดที่ได้อยู่ใกล้คุณแบบนี้"  เปลี่ยนเป็นฝ่ายบีบมือเค้ากลับไปบ้าง  คนหน้าคมนิ่งไปหน่อยก่อนพยักหน้ารับให้ใจชื้นขึ้น 

"งั้นเรามาทานกันดีกว่านะคะ จะเย็นหมดแล้ว"  มือบางจับส้อมมาจิ้มกุ้งเอาไปจุ่มน้ำจิ้มแล้วนำมันไปจ่อปากอีกคนที่มองมันสลับกับมองหน้าเธอ 

หญิงสาวใช้สายตาแทนคำพูด ไม่นานคนหน้านิ่งก็เผยยิ้มที่ดูน่ารักชะมัดก่อนงับกุ้งที่เค้าแกะเองกับมือแต่เธอป้อนเข้าปาก  ทำหน้าตาเหมือนมันอร่อยมากอย่างนั้นแหละ  เห็นแล้วมันเขี้ยวจนอยากจะกัดปากแดงๆนั่นสักที  ถ้าไม่ติดว่ามีทั้งพี่สาวและเพื่อนรักของเค้าอยู่ด้วยล่ะก็  เสร็จแน่คุณเกว็น!

รู้ไหม.?  ฉันยอมเป็นเกย์ให้คุณคนเดียวเลย  ช่วยภูมิใจหน่อยนะ!

"คุณทานบ้างสิคะ  คุณป่วยอยู่นะ"  คนโดนป้อนจนเริ่มจะจุกพึมพำ  มือขาวจัดจับมือบางของอีกฝ่ายและต่างคนก็ต่างนิ่งค้างไป  ก็หัวใจมันเต้นแรงเสียเหลือเกิน  รู้สึกเหมือนโดนช็อตยังไงไม่รู้ด้วยสิ

"เอ่อ..  ปล่อยสิคะ"  เป็นฝรั่งตัวบางที่ตั้งสติได้ก่อน  เธออมยิ้มให้กับคนที่ดูท่าจะขัดเขินและดูจะเสียดายเหลือเกินที่ต้องปล่อยมือออกจากกัน

"ฉันไม่คิดว่าคุณจะทำอะไรเป็นเลยนะคะ"

เกว็นเลิกคิ้วแปลกใจ  แต่ก็แปลกที่เธอไม่นึกหงุดหงิดกับคนที่ลีลาจังกว่าจะพูดได้แต่ละที  ตกหลุมรักเค้าไปแล้วนี่นา...

"มือคุณนิ่มมากเกินกว่าจะแกะเปลือกกุ้งเป็น.." 

คนฟังเลิกคิ้วคลี่ยิ้มก่อนหัวเราะเบาๆตามสเต็ป  "แหมคุณก็..  ไม่คิดบ้างหรือคะว่า  ฉันอาจจะทาครีมหรือโลชั่นชนิดพิเศษที่ทำให้มือนุ๊มนุ่ม" 

ฟรานเชสก้าอมยิ้มจนแก้มปวด  ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้เห็นบางคนที่หน้านิ่งเป็น poker face มาทำตาเล็กตาน้อยใส่อยู่ตรงนี้  ฮึ่ย..น่ารักชะมัด!

"คุณนี่จริงๆเล้ย.."  พูดอะไรไม่ออก  แถมยังเขินจนไม่อยากให้อีกคนได้พูดให้อายไปกว่านี้ได้ทีที่เค้าอ้าปากจะพูดจึงจิ้มหนวดหมึกชิ้นโตยัดใส่ปากซะเลย  จับแก้วน้ำส่งให้ตามไปด้วย  ดูท่าคนสวยของเธอจะติดคอเสียแล้วสิ

"สมน้ำหน้า  อยากพูดมาก"  ว่าไปอย่างนั้นแต่มือบางก็เอื้อมไปลูบหลังคนที่ไอค่อกไอแค่กหน้าดำหน้าแดงเพราะอาหารติดคอ  และตัวเองเป็นสาเหตุถึงจะไม่ได้ตั้งใจ 

ลูบไปลูบมา  แปลกนักที่แรงที่มือมันอ่อนลง  หรือเพราะสายตาที่มองมาสบกัน  รอบด้านเราเหมือนไม่มีใครอยู่  ทั้งที่อีกสองคนก็พูดคุยกันเสียงดัง  บลอนดี้กับคุณหมอเถียงอะไรกันไม่รู้ฟังไม่รู้เรื่องเลย  แต่ยังกับพวกเธอจะสนงั้นแหละ

"เอ่อ..  ฉันหายแล้วล่ะค่ะ"  คราวนี้เป็นคนหน้าคมที่หลุดจากภวังค์ก่อนใคร  อีกฝ่ายกระพริบตาปริบๆสองสามทีก่อนจะพยักหน้ายิ้มและหยิบทิชชู่มาส่งให้กัน  อ้าปากขอบคุณกันไป  จากนั้นเราก็ไม่มีเวลาได้นั่งอึ้งทำตัวเหมือนโดนมนตร์สะกดอะไรสักอย่างแล้ว  เพราะอีกสองคนมาร่วมแจมเพิ่มความเฮฮาแทรกความหวานของเราจนหมด  แต่มันจะเป็นไรไปล่ะ

ก็ตอนนี้เราน่ะ  ไม่ใช่แค่คนแปลกหน้ากันอย่างเดียวแล้วไง..

...........................................

ประตูเปิดและปิดอย่างเบามือเหมือนเสียงเดินที่แทบจะไม่ได้ยินถ้าไม่เห็นตัวคนเดินออกมา  สเตลล่าเงยหน้าขึ้นจากหนังสือมองคนที่เดินเข้ามานั่งตรงโซฟาใกล้ๆ ในมือเค้ามีของบางอย่างที่เธอเห็นจนชินตา  เวลาไม่เห็นน่ะสิ  ถึงจะแปลก  ก็มันเหมือนอวัยวะที่สามสิบสามของเค้า...

"หลับไปแล้วสิ"

"ค่ะ  สงสัยเพลียมาก"  เกว็นยิ้มรับพลางเช็คบางอย่างในเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่ถือมา  ถึงจะมาเที่ยวไกลแต่ก็ไม่ลืมหอบงานมาทำ  อย่างน้อยเรื่องเช็คหุ้นของบริษัทก็เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้  เหมือนกับอีกเรื่อง....

"เธอเลิกทำเรื่องนั้นหรือยังเกว็น.?" 

เจ้าของชื่อละสายตาจากจอแบนในมือ  เงยหน้าสบตากับญาติผู้พี่  เห็นได้ทันทีถึงความห่วงใยในแววตา  แต่ถึงอย่างนั้น....

"แค่สักเรื่องที่ฉันเลิกทำไม่ได้ค่ะพี่"

คุณหมอถอนหายใจ  เห็นใบหน้าเจื่อนๆของน้องก็ต้องยอมพยักหน้า  รู้ดีว่าเค้าลำบากใจแค่ไหนที่ต้องมายืนอยู่ในตำแหน่งที่เจ้าตัวไม่เคยต้องการ  ตลอดเวลาสามปีและย่างเข้าปีที่สี่  นี่นับเป็นครั้งแรกที่เกว็นได้มีโอกาสพักผ่อนอย่างจริงจัง  แต่ก็นะ  มันยังมีเวลามานั่งทำเรื่องบ้าๆนั่นอยู่อีก  เธอล่ะไม่เข้าใจไอ้พวกคลั่งเทคโนโลยีนี่เลย..

"พี่รู้..  แต่เธอต้องรู้ด้วยนะเกว็นว่า  เรื่องที่เธอทำมันทำให้เธอเสี่ยง"  สเตลล่าพูดตรงและจริงจังคนฟังจึงอดไม่ได้ที่จะหยุดคิด  แต่น้องสาวที่ได้ชื่อว่าดื้อเงียบที่สุดในบ้านก็เอาแต่นั่งเงียบเหมือนเป็นการปฏิเสธไปในตัวว่าไม่มีทางจะเชื่อฟัง  หรืออาจจะฟังแต่ก็แค่ฟังไม่ทำตาม  แล้วเธอจะทำอะไรได้นอกจากถอนหายใจ  บีบขมับตัวเอง

"ยังไงก็ระวังตัวหน่อยล่ะ  เธอรู้นี่ว่า  มีคนอยากได้ของแบบนั้นอยู่"

"ฉันรู้ค่ะพี่" เกว็นพึมพำ  มองหน้าพี่สาวอย่างขอความเห็นใจ  "แต่ฉันก็รู้ด้วยนะว่า  มันมีอะไรมากกว่านั้นอยู่" 

คุณหมอมองน้องคนดื้ออย่างเข้าใจ  แล้วยิ้มอย่างรู้กัน "พี่ไว้ใจเธอได้ใช่ไหมเกว็น.?"

"ได้แน่นอนค่ะ  ต้องขอบคุณพี่หมอด้วยนะคะที่ช่วยดูแลเค้าอย่างดี"  คนเป็นน้องก้มหัวให้พี่อย่างนอบน้อมจึงได้รับมือที่มาตบบ่าปลอบพร้อมรอยยิ้มละไม

"แต่พี่ว่า  แทนที่เธอจะมานั่งเล่นไอ้เครื่องเนี่ย  เข้าไปอยู่กับเค้าไม่ดีกว่าหรือไง.?"

"แต่ว่า....."

"เอาน่าๆ ไม่ต้องมัวอายแล้ว  เราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นอีก  เพราะงั้น..  อยากทำอะไรก็ทำเถอะ"  พยักหน้ารับเข้าใจที่พี่สาวต้องการจะบอก  เอ่ยบอกราตรีสวัสดิ์พี่สาวเสร็จสรรพก็ขยับตัวเดินเข้าห้องนอนไปอีกครั้ง 

เกว็นปิดเครื่องมือสร้างฝันส่วนตัวและวางมันลงบนโต๊ะข้างเตียงหลังจากที่ตั้งรหัสล็อคมันอย่างดีตามปกติ  ร่างเพรียวลดตัวลงนั่งใกล้คนที่นอนตะแคงห่มผ้าแค่เอว  ยื่นมือไปช่วยดึงมันขึ้นมาห่มให้ใหม่จนถึงคอเกรงว่าคนเจ็บจะไม่สบายเพิ่มเพราะอากาศเย็นโดยธรรมชาติของเวลากลางคืน

นั่งมองใบหน้าที่หลับใหลของคนที่ขดตัวในผ้าห่มเหมือนเด็กน้อยก็สั่นหัวน้อยๆ ยิ้มเอ็นดูอย่างกับเค้าเด็กกว่าตัวเอง  มองไปมองมาไม่รู้ว่าก้มตัวลงหาเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่  มารู้อีกทีใบหน้าคมของตนก็ใกล้กับอีกคนจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจกันและกัน  ความรู้สึกมันคล้ายกับตอนที่เข้ามาหาเค้าเมื่อตอนกลางวัน  ผิดเพียงครั้งนี้เธอไม่สามารถจะเปลี่ยนใจตัวเองให้เลื่อนเป้าหมายไปเป็นแก้มเนียนได้อีกแล้ว  ริมฝีปากแดงๆเหมือนเด็กของทั้งคู่จึงสัมผัสกันอย่างช่วยไม่ได้  สัมผัสนุ่มที่เพิ่งเคยได้รับรู้พาให้ลุ่มหลงจนไม่ยอมผละออกเสียที  จนได้ยินเสียงครางอื้อจากคนที่ตัวเองลักหลับถึงได้สะดุ้งกระชากตัวออกมาได้

เกว็นใจหายใจคว่ำนึกว่าโดนจับได้แล้วว่าถือวิสาสะทำอะไรตามใจ  แต่ไม่เท่าไหร่ก็ยิ้มออก  ฤทธิ์ยาที่พี่หมอของเธอให้ทำให้คนเจ็บหลับต่อไปอย่างไม่สนใจอะไรใครสักนิดเลย  ฝรั่งตัวบางแค่ขยับตัวขมวดคิ้วหงุดหงิดเหมือนเด็กขี้เซาที่ถูกรบกวนเวลานอนเท่านั้น 

"ฉันเชื่อใจคุณ"  พูดสั้นๆแล้วก้มลงจุ๊บหน้าผากมน  ล้มตัวลงนอนอย่างตัดใจ  พยายามหลับตาทำใจให้สงบนอนซะให้หลับเสียที

แต่จะหลับลงได้ยังไง  อยู่ดีๆคนขี้หนาวก็ขยับเข้ามาขอซุกตัวอยู่ใกล้ๆคล้ายตามหาความอบอุ่นมาตั้งนานและมันทำเอาใจเต้นแรงเป็นบ้าเลย  ความรู้สึกคนละเรื่องกับตอนยัยควินท์มาจุกจิกใกล้ชิดทุกทีที่นอนเตียงเดียวกัน  แต่เพราะมันนั่นแหละที่ทำให้มั่นใจที่จะขอดึงร่างบอบบางมากอดไว้แบบนี้  แปลกดีที่เธอรู้สึกสงบลงแล้ว  ผ่อนคลายอย่างเหลือเชื่อ

เชื่อหรือไม่  ไม่รู้นะ..

แต่บางทีคนเราอาจไม่ต้องการอะไรมากกว่านี้เลย..

แค่อ้อมกอดที่อบอุ่นจากใครสักคนที่ใจตรงกันก็พอ..       




.........................................................................





นิยายเรื่องนี้เปิดให้จองแล้ว สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ลิงก์นี้ค่ะ http://www.yuriread.com/index.php?topic=1320.msg1875#msg1875




ตอนที่ 11 แล้ว  ตัวละครเริ่มเปิดเผยตัวเองขึ้นเรื่อยๆแล้วนะคะ คงพอรู้แล้วเนอะว่า  ใครอะไรยังไงกัน  ฮ่าๆๆ  แต่ถึงอะไรจะไม่ชัดเจน  บางเรื่องของคุณเกว็นกับคุณฟรานก็ชัดเจนแล้วเนอะ อิอิ   :57:

สำหรับตอนนี้เรื่องก็พัฒนาไปแค่นั้นแหละ  มั้ง?  แต่ก็อย่างว่า  มันมีตอนต่อไปอีกเยอะค่ะ  ดูไปเรื่อยๆล่ะกัน

อย่างไรก็ตาม  ขอบคุณมากค่ะที่เข้ามาอ่าน  มาเยี่ยมชม  เราจะลงให้อ่านกันถึงตอนที่ 20 นะคะ  ใครอยากได้เป็นเล่มไปนอนกอดที่บ้านก็เชิญที่ลิงก์ใต้ภาพได้ค่ะ

แล้วเจอกันนะคะ   :44:


Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น