Gourmet Vol.2 - Chapter 14 : ความสัมพันธ์เชิงซ้อน
โพสต์โดย:
anhann
วันที่: 05 มิถุนายน 2014 เวลา 17:24:14
อ่าน: 558
|
Chapter 14 : ความสัมพันธ์เชิงซ้อน
บราวนี่ คุกกี้ เค้ก ไอศกรีม เครื่องดื่ม ถูกลำเลียงออกจากด้านหลังร้านด้วยการใส่ถาดและจัดอย่างน่ารัก ถือด้วยคนน่ารักในชุดเมดที่เดินฉุยฉายเสิร์ฟให้บรรดาลูกค้าชายหญิงที่เข้ามาใช้บริการ บรรยากาศในร้านครึกครึ้นกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ มันคงเป็นความแปลกใหม่ในที่นี้ล่ะมั้ง..
"รุจ.. สุดยอด!" เจ้าของชื่อยิ้มกว้าง หันกลับมาแตะมือทำไฮไฟว์กับเด็กหนุ่มหน้าหล่อที่โผล่เข้ามาทักตั้งแต่ก้าวเข้ามาในร้าน ดวงตาคมหวานราวหญิงสาวมองไปรอบตัวอย่างสนใจ แน่นอนเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนนอกจากในการ์ตูนอนิเมะ และคงไม่เคยได้ไปทัวร์โรงเรียนยุ่นแท้ๆแบบเธอด้วย
"สาวสวยๆเยอะเลยนะ นายคงชอบเนอะแอนดรูว์" รุจิกานต์พูดเสียงล้อเลียน หนุ่มหน้ามนกระตุกยิ้มมุมปากเก๊กท่าหล่อก่อนที่จะหน้าซีดเมื่อเธอต่อประโยคให้ "แต่ฉันคิดว่า.. ยัยบริทนีย์ต้องไม่ปลื้มแน่ ว่ามั้ย.?"
เด็กหนุ่มส่ายหน้าทำหน้าตาวิงวอนอ้อนเธอเหมือนลูกหมาอ้อนเจ้าของ สาวหมวยหัวเราะชอบใจ "ไม่อยากเชื่อ.. เนี่ยเหรอคนที่พยายามตามจีบฉันมาเป็นปีๆ นายนี่แย่ชะมัดแอนดรูว์" พูดพลางส่ายหน้าอีกรอบ เขาสะบัดหน้างอนเหมือนแต๋วที่เพิ่งค้นพบตัวเอง เรียกเสียงหัวเราะให้เธอได้ทันที
"เฮ้.. มันไม่เวิร์คหรอกน่า.. ต่อให้ไปผ่าตัดแปลงเพศมา ฉันก็ไม่ชอบนายอยู่ดี ฉันชอบของจริงน่ะ ไม่ใช่พลาสติก"
"รุจจี้.. เธอมันนางมารร้ายชัดๆ สมกันแล้วกับยัยเคิร์กจูเนียร์!"
คนโดนว่าตวัดดวงตาคมมามองหน้าเพื่อนชาย ผงะไปนิดกับสายตาที่มันมองมาเหมือนรู้อะไร และเธอไม่ชอบมันเลยให้ตายสิ!
โอเค.. แอนดรูว์มันรู้จักเธอมานานแล้วล่ะ เพราะที่บ้านเขาชอบไปทานอาหารที่ร้านที่เธอเคยทำพาร์ทไทม์อยู่ เขาก็เหมือนหนุ่มวัยรุ่นทั่วไปที่เห็นสาวสวยไม่ได้เป็นต้องจีบ เฮ้.. หยุดนะ จะบอกว่าเธอหลงตัวเองใช่ไหมที่ว่าสวย ขอโทษเถอะ มีคนเห็นด้วยกับเรื่องมามากกว่าร้อย อย่าให้คุย.. โอ้..วกเข้าเรื่องต่อดีกว่า คุณกำลังทำให้คนเขียนไขว่เขวนะคะ คุณคนอ่านที่รัก!
ขวับ! คนเขียนขว้างค้อนให้คนอ่านทีนึงก่อนจะยิ้มและกดแป้นพิมพ์ต๊อกแต๊กต่อไป
ใช่..นายแอนดรูว์มันจีบเธอ เรียกได้ว่ามาเช้าถึงเย็นถึงเลยเหอะ มาจนเธอรำคาญ อุตส่าห์แอ๊บเนียนว่าไม่มีเวลามีแฟน ทั้งเรียนทั้งงานยุ่ง เป็นการปฏิเสธกันแบบถนอมน้ำใจ ไอ้หนุ่มหน้ามึนมันกลับไม่สน วันดีคืนดีมันเดินสะกดรอยตามเธอตอนเดินกลับอพาร์ทเม้นท์ โชคดีที่ตาดีตาเหยี่ยวและไอ้หนุ่มตาสีเขียวนั่นมันดวงซวยเดินไปจนป้าแก่ๆและโดนนางด่าเสียลั่น
นั่นแหละ เธอถึงได้รู้ถึงความดื้อด้านไม่ยอมแพ้ของมัน ด้วยความสงสารไม่อยากให้เสียเวลาชีวิตหนุ่มวัยรุ่นที่คงจะสดใสมีสาวล้อมหน้าล้อมหลังแต่ไม่ใช่เธอนั่น จึงตัดสินใจสารภาพกับเขาไปในวันรุ่งขึ้นตอนที่เจอหน้ามึนๆหล่อๆที่อุตส่าห์จิ๊กเงินแม่ซื้อดอกไม้ราคาแพงหูฉี่มาให้ถึงที่ทำงานพาร์ทไทม์ ยังจำวันนั้นได้ดี สีหน้าของพ่อหนุ่มสุดหล่อแสนเข้มเปลี่ยนเป็นซีดเผือดแต่เขายังเลือกจะแค่นหัวเราะและบอกเธอว่าไม่ต้องโกหกจนเนียนขนาดนั้นก็ได้แค่บอกไม่ชอบเขาก็พอ เขาก็จะเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องเล่นบทเป็นชะนีเกย์ให้เสียภาพพจน์ตัวเองเลย
โธ่เอ๊ย.. จะบอกอะไรให้ไหมว่า เธอรู้อยู่หรอกว่า ที่ไม่ยอมรับความจริงนั่น ก็เพราะเขาไม่อยากจะตอกย้ำตัวเองว่าตาถั่วมาจีบเกย์อย่างเธอต่างหาก แต่ก็นะ ศักดิ์ศรีงี่เง่าของผู้ชาย..
เฮ้อ..ช่างมันเถอะเรื่องนั้น แค่ตอนนี้เราเป็นเพื่อนสนิทกันก็พอ สนิทกันจนนายนี่มันแอบมากระซิบบอกทุกเรื่องของเคิร์กคนน้องที่อยู่เรียนอยู่ห้องเดียวกันกับมันเลยล่ะ อ้อ..ลืมไปเรื่อง.. อีตาแอนดรูว์มันเคยแกล้งกระแซะถามชื่อเธอกับน้องหนูเอลลี่เพราะอยากจีบเธอด้วย แล้วรู้ไหมว่าคุณหนูเคิร์กคนสวยตอบกลับไปว่ายังไง.. ไม่หรอก.. หล่อนไม่ตอบอะไร แต่กลับเอาน้ำใส่เกลือให้มันกินเลยน่ะสิ แสบดีเลยไหมล่ะ น้องสาวเจ้านายเธอ..
ไม่รู้หรอกนะว่า แม่ฝรั่งตัวเล็กนั่นทำแบบนั้นไปทำไม แต่มันประทับใจ กระแทกต่อมเกรียนของเธอจนเผลอมองหล่อนนานไปหน่อย นานไปจนหัวใจแกว่งไกวไปกับความซึนใสไร้เดียงสาน่ารักนั่น หล่อนทำให้โลกที่ไม่มีอะไรต่างจากเดิมในทุกวันของเธอแปรเปลี่ยน สนุกขึ้นเยอะเลยแหละ..
"เออ.. แล้วตอนนี้หล่อนไปไหนซะล่ะ กะจะมาชมชุดเมดสักหน่อย"
ดวงตาเหม่อลอยของเธอปรับโฟกัสกลับมาที่ใบหน้าหล่อเหลาของคนที่คุยกันอยู่ นายแอนดรูว์กำลังหันมองหาร่างบางที่ว่านั่น พาให้ต้องมองตามไป จะว่าไปตั้งแต่มาก็ยังไม่เห็นหล่อนเหมือนกัน คงเพราะเธอมัวแต่รับหน้าลูกค้าอยู่ด้านนอกไม่ได้เข้าไปหลังร้านเลย
ว่าแล้วเชียวว่าพลาดอะไรไป..
"ฉันก็ยังไม่เห็นเหมือนกัน สงสัยอยู่ข้างใน" พูดไปไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงวี๊ดว๊ายกับเสียงของตกแตก เธอกับแอนดรูว์มองหน้ากันก่อนจะต่างคนต่างเดินจ้ำตามเสียงนั้นไป
และนั่นไง ว่าแล้วไหมล่ะ! ทำไมซื้อหวยไม่ถูก!
ยัยฝรั่งตัวเล็กในชุดเมดแต่สวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนที่เปื้อนคราบสีน้ำตาลไปกว่าครึ่งตัวยืนเท้าสะเอวอยู่ด้านหน้าอีกสาวที่กำลังนั่งกองหมดท่าอยู่กับพื้น พื้นที่เลอะไปด้วยเศษถ้วยกระเบื้องและน้ำสีชา เอาล่ะ คงไม่ต้องถามแล้วสินะว่าเกิดอะไรขึ้น..
เรื่องเดียวที่ต้องทำคือหยุดเหตุการณ์ต่อไปให้ได้ต่างหาก!
"เช็ดสิ! จะนั่งเซ่อหาอะไร!"
พระเจ้า! แต่อันนี้เธอไม่คาดเลยว่าจะได้ยิน ลิตเติ้ลเคิร์กเป็นขนาดนี้เลยหรือไง.. ท่าทางเหมือนคุณหนูร้ายๆในหนังวัยรุ่นอเมริกันเลยแฮะ
"ทำไม! ตรงนี้ไม่มีคิมอยู่โอ๋เธอหรอกนะ ไม่ต้องมาสำออย!"
เจอเข้าไปอีกดอกคราวนี้เธอสะดุ้ง ซ้ำยังรู้สึกว่าบางคนกระตุกแขนเสื้อ หันไปก็เจอหนุ่มหน้ามนเพื่อนคนสนิทเหนี่ยวคิ้วมุ่น แอนดรูว์พยักพเยิดหน้าไปยังสองสาวที่ตอนนี้เริ่มมีเหล่าลูกครึ่งมุงมายืนสังเกตการณ์รายล้อมเสียแล้ว
"ร้านพังแน่ ถ้าเธอไม่คิดทำอะไร"
รุจิกานต์ส่ายหัว ไม่อยากเชื่อเลยว่า ร้านเมดคาเฟ่ที่ตั้งใจทำแทบไม่ได้หลับได้นอนจะต้องมาถล่มทลายลงง่ายๆด้วยเรื่องไร้สาระอย่างสาวๆทะเลาะกัน
นั่น เด็กฝรั่งพวกนั้นจะตบกันแล้วด้วย!
"เฮ้.! หยุดนะ พวกเธอทำบ้าอะไรกัน!" ถามเสียงดังแต่คำตอบที่ได้คือเค้กสตอร์เบอร์รี่แสนหวานที่โป๊ะเข้ามาเต็มหน้า ร่างเพรียวชะงักนิ่งพร้อมกับเสียงกรี๊ดของใครไม่รู้ดังสนั่น
เออ..เสียงดังกันเข้าไป เดี๋ยวก็เห่กันมาทั้งโรงเรียนหรอก!
"รุจ!"
เสียงคุ้นหูและปลายนิ้วที่มาปาดครีมเค้กออกไปจากใบหน้าคมเริ่มต้นตั้งแต่ดวงตาพาให้แน่ใจว่าเป็นใคร ดวงตาเรียวจ้องหน้าเด็กสาวที่อายุห่างกันแค่ปีเดียวกับไม่กี่เดือนเขม็ง เอลลี่ก็ยังคงไม่รู้ตัวเองว่าทำอะไรผิด จนกระทั่งเธอทั้งคู่ถูกน้ำสาดเข้าหนึ่งโครม
เอาล่ะ เธอจะไม่ทนแล้วนะ!
"อาเรีย คาโบว่า! ถ้าจะทำตัวให้สมกับเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนหน่อยก็ดีนะคะ!"
แม้จะโกรธจนแทบอยากจะลากไส้ใครออกมาสับเป็นชิ้นๆโยนให้ฉลามในอควาเรี่ยมกิน รุจิกานต์ก็ยังคงมีสติพอที่จะรู้ว่าตัวเองเป็นใคร ควรหรือไม่ควรทำอะไร และไอที่ทำอยู่มันก็คือหน้าที่ของเธอกลายๆเหมือนกัน ประเดิมตำแหน่ง GM ที่บิ๊กเคิร์กยกให้เธอเมื่อคืนวานมันวันนี้เลยทีเดียว จะว่าไปก็เด็กเส้นเชียวนะเนี่ย
เอ๊ะ! แต่เดี๋ยวนะ ไอ่ GM ที่ว่านี่มันมาจาก General Manager ใช่ไหม.. แต่ทำไมความรู้สึกเธอถึงแปลเป็นไทยได้ว่า ?เบ๊ทั่วไป? ได้ล่ะเนี่ย!
เออ ช่างหัวมันก่อนแล้วกัน แปลว่าอะไรไม่รู้ รู้แค่ต้องหยุดเรื่องนี้ให้ได้ก่อนที่ใครสักคนในบอร์ดบริหารโรงเรียนจะโผล่เข้ามา ครูธรรมดาก็ไม่ได้ หรืออย่างน้อยให้พวกเขามาเห็นตอนที่เธอได้ออกโรงทำอะไรบ้างก็ยังดี
ขืนทำตัวเป็นง่อย ก็ได้โดนโยนออกไปนอกโรงเรียนน่ะสิ งานดีๆแบบนี้หาได้ง่ายเสียเมื่อไหร่ ยังไงก็ต้องทน ท่องไว้เพื่ออนาคตๆ
"คุณรุจิกานต์น่าจะรู้นะคะว่า ใครเป็นคนเริ่มก่อน"
คู่กรณีอีกฝ่ายตอบกลับมาแล้ว แต่ทำให้ทุกคนอึ้งสนิท ไม่มีใครเข้าใจความหมายของคำพูดหล่อนสักคน พวกเด็กลูกครึ่งมุงทั้งฝูงทำตาปริบๆมองกันไปกันมา ทำหน้าเอ๋อเหมือนเด็กดาวน์ซินโดรม มีแค่คนเดียวที่เข้าใจมันได้ดี
อ๋อ..จะเล่นแบบนี้เหรอ!
"รุจ.. ยัยนั่นพูดว่าอะไร.?" มือเล็กเข้าไปเกาะแขนเพื่อนตัวโตกว่า ฝ่ายนั้นหันมายกมือห้าม ยิ้มบางๆทั้งหน้าเลอะครีมไปหมด น่าสงสารชะมัด
"แต่เธอหน้าเลอะ"
"ช่างเถอะ เอาไว้ค่อยไปล้างแล้วกัน" พูดอย่างนั้นก็เมื่อหลังจากทิชชู่แทบจะหมดม้วนรวบครีมเค้กและหยดน้ำออกจากใบหน้าตัวเองไปโดยความช่วยเหลือจากคนไม่ใกล้ไม่ไกลที่โดนคาดโทษไว้แล้วว่าจบงานนี้มีเฮ เอลลี่สลดไปนิดแต่ยังตามเกาะติดอยู่ด้านหลัง ไม่รู้จะสำแดงอิทธิฤทธิ์อะไรอีกไหม
ฉันต้องระวังอะไรบ้างเนี่ย ตกลง!
"ทำไมเธอไม่พูดภาษาที่เพื่อนๆเข้าใจได้ล่ะ ถ้าอยากจะยืนยันตัวเอง" ทำเสียงเข้มกับเด็กสาวจากต่างแดนที่หน้าฝรั่งจ๋าแต่พูดไทยปร๋อจนน่าตกใจ ถึงอย่างนั้นเธอยังเลือกจะใช้ภาษากลางกับหล่อนอยู่ดี มันมีจุดประสงค์...
"ก็อย่างที่บอก.. เธอควรพูดภาษากลางที่คนอื่นเข้าใจ และควรตามฉันไปห้องฝ่ายปกครองด้วย"
อายุไม่เยอะ โตกว่าเด็กพวกนี้นิดหน่อยแต่บุคลิกที่แทบจะถอดแบบมาจากคุณเจ้านายฝรั่งหน้าหวานด้วยความที่อยู่ด้วยกันบ่อยจนออสโมซิสถึงกัน ทำให้เธอน่าเกรงขามขึ้นจากเดิม เก๊กเก่งด้วยล่ะ ที่สำคัญ..
"ฉันไปแน่ค่ะ แต่หลังจากที่...."
รุจิกานต์เกือบจะถามว่าประโยคที่อีกคนพูดไม่หมดคืออะไร แต่คงจะไม่จำเป็นเมื่อคำตอบคือสาวอิตาเลี่ยนสาวเท้าเข้ามาคว้าคนด้านหลังเธอไปตบดังฉาด แค่ฟังเสียงก็เจ็บแทนแล้ว อารามช็อคจึงไม่ทันมองว่าเจ้าหล่อนเดินนำออกไปไกล สายตายังสนใจมองคนโดนฝ่ามืออรหันต์ที่ยืนจับแก้มตาวาวอยู่ในอ้อมแขนตัวเองที่หล่อนเซมาหาและเธอคว้าเอาไว้ได้ทันพอดี
แต่เพราะมัวแต่สตั๊นอยู่นั่น ฝรั่งตัวเล็กขี้โมโหจะด้วยเจ็บแค้นอายหรือปากแตกก็ผลักเธอออกพร้อมตวาดลั่น
"ตามหล่อนไปสิ! จะมายืนอึ้งหาพระแสงอะไร! มาช้าก็อย่ามาว่านะ ถ้าเกิดอะไรขึ้น!"
ร่างเล็กสะบัดหน้าให้ไม่กลัวความเจ็บแสบใบหน้าน่ารักสักนิด กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกตามหลังคนที่หายไปก่อนนั่นอย่างรีบร้อน แน่นอนเหล่าลูกครึ่งมุงยอมหลีกทางให้เจ้าหล่อนราวทะเลแหวก ก็ใครจะไปกล้ากับน้องสาวคู่หมั้นผอ.บ้าง
มีอยู่คนหนึ่งนั่นไง.. เอาคอไปขึ้นเขียงซะแล้ว!
เจเนอรัลเบ๊ยืนส่ายหัว หันไปมองปลงๆกับหนุ่มหน้ามนที่ยิ้มแห้งแล้งมาให้ "นายจัดการต่อหน่อยได้ไหม อย่างน้อยให้ร้านเปิดต่อได้ก็ยังดี"
"ได้สิ ไม่มีปัญหา" แอนดรูว์ตบบ่าเพื่อนสาวเบาๆ เขามองอย่างเห็นใจแล้วหันไปไล่แห่ลูกครึ่งมุงแล้วจัดแจงสั่งเพื่อนๆให้ช่วยเคลียร์ร้านที่เละเหมือนโดนระเบิดลง เด็กหนุ่มส่งเสื้อฮู้ดดี้ที่เมื่อกี้ใส่อยู่มาให้ "ใส่ทับไปก่อน ไม่ต้องกลัวหรอก แม่ฉันเพิ่งซักให้ แล้วนี่ทิชชู่อีกม้วน เผื่อยัดปากเคิร์กจูเนียร์"
สาวตัวสูงหลุดขำพลางรับของมาอย่างไม่ขัดขืน ยืนใส่เสื้อตัวนั้นแล้วจับฮู้ดมาปิดศีรษะที่ชุ่มโชกกันอุจาดเวลาต้องเดินไปยังห้องปกครอง มือสวยตบบ่าเพื่อนชายไปทีแทนคำขอบคุณที่รู้กันก่อนจะหันเดินออกไปจากห้อง รุจิกานต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ส่ายหน้าอีกทีด้วยหน่ายใจ
ชีวิตเธอไม่มีอะไรง่ายเลยจริงๆ..
....................................................
เสียงอึกทึกในงานออกร้านภายในโรงเรียนนานาชาติที่เน้นสอนด้านอาหารมากกว่าเรื่องอื่นยังคงไม่หมดไป หากมันกลับไม่เข้าหูคนที่เอาแต่สนใจกับปลาตัวเขื่องสีขาวแต้มแดงหรือส้มที่ว่ายวนไปมาอยู่ในน้ำใสเบื้องหน้าสักนิด
รุจิกานต์ขออนุญาตปลีกตัวมาจากทุกคนหลังจากเคลียร์เรื่องตบตีกันระหว่างสาวๆในห้องฝ่ายปกครองแล้วเรียบร้อย คิดแล้วก็ยังไม่วายหงุดหงิดใจ เด็กพวกนั้นคงว่างมากสินะที่ยกเอาเรื่องไร้สาระพวกนั้นมาทะเลาะกันได้ มันก็แค่เรื่องเด็กขี้อิจฉาที่ไม่อยากให้ใครได้อะไรมากกว่าหรือถูกสนใจมากกว่าเท่านั้น
หึ แค่นั้นเหรอ...
เด็กสาวที่ต้องแบกรับเรื่องราวมากมายเกินกว่าอายุกดเม้มเรียวปากเข้าหากันอย่างเคืองใจ สองแขนเรียวกอดเข่าแน่น ว่าแต่คนอื่น เธอเองก็เหมือนกันที่ไม่เคยชอบใจสักครั้งที่ใครคนนั้นให้ความสำคัญเธอน้อยกว่าอีกคน
เธอเป็นแค่ตัวสำรองเสมอเมื่อเป็น..คิมเบอร์ลี่..
สาเหตุงี่เง่าของสงครามย่อยๆในห้องนั้นเกิดขึ้นมาจากตัวแปรเดียว ตัวแปรที่ไม่น่าจะว่างพอจะมาก่อเชื้อไฟในใจใครได้อีก แต่ทำไมล่ะทำไมมันถึง..
"อา.. รู้สึกว่าจะมีคนมาแย่งที่ประจำของฉันซะแล้ว.."
คนนั่งเหม่อเริ่มตากระตุก ไม่จำเป็นต้องหันไปมองก็รู้ว่าใครที่เข้ามา ถึงเนื้อเสียงจะคล้ายกันมากด้วยความเป็นฝาแฝด แต่วิธีการพูดจาช่างแตกต่าง สำหรับเธอที่รู้จักคลุกคลีกับคนทั้งคู่มาร่วมปี มีหรือที่จะจำแนกไม่ได้
"ฉันแย่งอะไรจากคุณไม่ได้หรอกค่ะ ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหน.."
คราวนี้กลับเป็นคนที่มาใหม่ที่ชะงักไปบ้าง ใบหน้างามที่เคยมีแต่รอยยิ้มขี้เล่นกับดวงตาสีฟ้าสุกใสแปรเปลี่ยนไป ร่างสูงก้าวเข้ามานั่งกับพื้นข้างสาวผมดำ มองกันอย่างไม่ปิดบังแม้กระทั่งความรู้สึก เธอถอนหายใจยาว...
"เอลลี่เป็นเด็กหวงของ เอาแต่ใจ ดื้อมาก แต่ปากแข็งเป็นที่หนึ่ง"
ถึงจะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นที่ต้องมานั่งฟังคนอื่นสาธยายเรื่องนี้ หากดวงตาที่แฝงความรู้สึกหลากหลายที่มองมาก็พาให้ชั่งใจไม่ตอกกลับไปให้เจ็บ
"แต่เธอเข้าใจไหม.. นิสัยพวกนั้นมันก็แค่เกราะป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องสูญเสียของรักเท่านั้น มันเป็นการแสดงออกของคนขาดความมั่นใจ"
รุจิกานต์ส่ายหน้ายิ้มปลงๆให้คนอายุมากกว่าที่มองมางงๆ "ฉันอาจจะไม่ได้รู้จักเค้ามานานเท่าคุณ อาจประสบการณ์น้อยกว่า แต่ก็เรียนจิตวิทยามาบ้าง และคงจะไม่ผิดนะ ถ้าฉันจะบอกว่า ฉันรู้เรื่องพวกนั้นดี.."
คิมเบอร์ลี่พยักหน้าช้าๆ พยายามจะเข้าใจเรื่องที่เด็กตรงหน้าอยากจะสื่อสาร แต่ยังไงก็ไม่อยากจะคิดไปเอง "เอลลี่เป็นคนเข้าถึงยาก...."
"ฉันแค่อยากทำให้เค้ายิ้มได้บ้างเท่านั้น.."
ดวงตาสองสีมองสบกันอย่างจงใจ เราจ้องกันอยู่แบบนั้นนานหลายนาทีกระทั่งคนเด็กกว่าพูดขึ้น "ฉันมีเวลาไม่มาก แต่ก็หวังว่ามันคงพอจะทำอะไรบ้าง มากกว่าเดินตามความฝันไปวันๆ"
"พูดแบบนี้แปลว่า เรียนจบแล้วจะกลับบ้านสินะ"
"ค่ะ มันเป็นเหตุผลเดียวที่ฉันอยู่ที่นี่" ตอบเร็วเหมือนไม่ได้คิด คนฟังจึงนิ่งไปนิดก่อนจะยิ้มเหมือนรู้อะไร ส่งผลให้คนพูดอึกอักไม่อยากเห็นยิ้มแบบนี้
อย่ามาทำเหมือนมานั่งอยู่ในใจฉันนะ คนไร้หัวใจ!
"ฉันเพิ่งรู้ว่า ไมชิได ("Meishidai" หรือ Nagoya City University) เป็นทางเลือกที่ดีมากกว่า เยล (Yale)"
รุจิกานต์เม้มปากหงุดหงิด ไม่คิดว่าอีกคนจะสนใจเธอมากถึงขนาดรู้ว่าเธอได้ทุนไปเรียนต่อที่ไหน ก็เรื่องนั้นมันผ่านมาร่วมปีแล้วจนเธอเองยังลืม หรือเธอประมาทเค้ามากเกินไป
"แต่บางที..เธออาจจะอยู่ที่นี่จนชินขัดกับสำเนียงการพูดของตัวเองนะ"
เอาล่ะ บางทีความอดทนของเธออาจจะต่ำ ถึงได้หงุดหงิดกับคำพูดลอยๆอย่างนี้เสียมากมาย แต่บางทีที่อีกฝ่ายตั้งใจจะต้อนเธอให้ตกหน้าผา อาจจะมาจากสำเนียงพูดที่เราต่างกัน ผู้ดีอังกฤษมันน่าเบื่อแบบนี้นี่เอง..
หรือเธอเองกันแน่ที่เริ่มจะงี่เง่า!
"แล้วถ้าฉันจะบอกว่า ที่ฉันอยู่เพราะโรงเรียนนี้เพราะอาหารที่ฉันชอบ"
"โอ้.. อันนั้นคงเป็นคำตอบที่เม็ทคงจะชอบแน่ๆ" ประโยคนี้ดูเผินๆอาจไม่รู้สึกอะไร แต่ไม่มีทางที่เธอจะไม่รู้สึก
วูบหนึ่งจึงมองค้อนคนโตกว่าเสียแล้ว แล้วก็ได้รับมือที่มาโยกหัวที่คลุมด้วยฮู้ดเสื้อที่จนป่านนี้ก็ยังไม่ไปเปลี่ยน เครียดจนลืมไปเลยว่าตนเหม็นเหมือนชีสขึ้นราแค่ไหน แปลกนะบางคนยังทนกลิ่นนี้ได้ มานั่งอยู่ได้ตั้งนาน เค้าคงไม่ได้หายใจมั้ง..
ใช่สิ หน้าตาเหมือนแวมไพร์ซะขนาดนี้เนี่ย!
"เฮ้.. จะว่าไป.. เธอใจแข็งปากแข็งกว่าที่คิดไว้เยอะเลยนะ ครั้งแรกเลยที่ฉันดูคนผิดไปหมด หรือบางทีเธออาจจะเพิ่งโต.."
ไอ้คำที่ว่า "เพิ่งจะโต" เธอคงจะไม่คิดในแง่ร้ายกับมันเท่าไหร่หากไม่หันไปเจอกับสายตาที่คล้ายจะเปลื้องเสื้อผ้าเน่าๆของเธอออกอย่างนี้
เหอะ คนเจ้าชู้มันก็เจ้าชู้อยู่วันยันค่ำสินะ โชคดีของเธอแล้วเอลลี่ที่หลุดออกจากวังวนนี้ได้ ฉันรู้.. เธอทนไม่ได้แน่ เธอไม่ใช่คุณแพทริเซีย..
"คนเราพออายุมากขึ้น มันก็ต้องมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างล่ะค่ะ อย่างน้อยก็ตรงนี้" รุจิกานต์ชี้ที่หัวตัวเอง เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนอายุมากกว่าออกมาเสียจนกว้างจนเธอแอบกลัวว่าปากเค้าจะฉีกถึงหูไหม แต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับพบตัวเองที่หยุดเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้
มันน่าตลกชะมัดที่เวลามีปัญหาขึ้นมาเมื่อไหร่คนที่เป็นสาเหตุของความหงุดหงิดของเธอเสียส่วนใหญ่คนนี้กลับเป็นคนที่มาช่วยเคลียร์มันให้เสมอ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้วสินะ อันที่จริง เค้าก็เหมือนพี่สาวของเธอคนหนึ่ง..
ใช่.. คิมเบอร์ลี่คนนี้แหละที่พาเธอมาสู่ความวุ่นวายที่นี่ แต่ก็เป็นคนที่ชักพาเรื่องราวดีๆมาให้ด้วยเช่นเดียวกัน เค้าให้โอกาสเธอได้ทำงานที่ชอบ เปิดโลกให้เธอเรียนรู้เรื่องใหม่ๆที่รับรองว่าแค่งานในร้านอาหารนั่นไม่มีทางจะมีให้ได้ มีคนใหม่ๆเข้ามาในชีวิตน่าเบื่อของเธอมากขึ้น รวมถึงยัยฝรั่งตัวแสบนั่นด้วย
เอลลี่ เคิร์กที่เธอต้องสู้รบตบมือด้วยตลอดเวลาที่คบกัน แต่ไม่รู้ทำไม เธอถึงอยากจะอยู่กับหล่อนแบบนี้ ได้เห็นหน้า ได้ทะเลาะกัน ตีกัน ตามง้อ หรือแม้กระทั่งตามปลอบใจ เหมือนเป็นเจเนรัลเบ๊ตัวจริงให้อย่างนั้น..
นี่ฉันต้องบ้าไปแน่ๆ หรือไม่ก็เป็นมาโซ...
"เอลลี่น่ะ อยู่คนเดียวไม่ได้หรอกนะ"
ดวงตาสีน้ำตาลกระพริบกับประโยคที่อยู่ดีๆก็ลอยมาเข้าหู ปรายตามองคนพูด น่าแปลกใจที่เห็นความทุกข์ใจอยู่ในนั้น ความทุกข์ที่คนที่มีครอบครัวสมบูรณ์พร้อมอย่างนี้ไม่ควรจะมี อีกอย่างมันมี....
ความรู้สึกผิดอยู่เต็มเปี่ยม..
ทำไมล่ะ.?
"ฉันพูดตรงๆกับเธอได้ไหมรุจ"
รุจิกานต์อึ้งไปนิดก่อนพยักหน้าช้าๆ ใบหน้าสาวฝรั่งคนสวยค่อยคลายกังวลไปได้หน่อย คิมเบอร์ลี่เงยหน้ามองท้องฟ้าที่แสงสว่างค่อยๆน้อยลงเรื่อยๆ เธอมองตามสายตานั้นไปก่อนที่หูจะถูกสะกิดด้วยเสียงเศร้าสร้อย
"อย่าปล่อยมือจากเด็กคนนั้นนะ ได้ไหม.?"
คิ้วเรียวสีเข้มขมวดมุ่น บอกไม่ถูกว่าควรรู้สึกอะไร และเธอเลือกที่จะแค่นหัวเราะออกมากลบเกลื่อน เรื่องอะไรจะต้องบอกใครไปเสียหมดด้วยล่ะ บางอย่างเธอก็ยังอยากแค่เก็บมันไว้คนเดียวก่อน มันยังไม่พร้อม..
"ถึงจะน่ารำคาญไปบ้าง นั่นก็เพื่อนฉันนะคะ ไม่เป็นไรหรอก อย่าห่วงเลยค่ะ.."
คิมเบอร์ลี่ยิ้ม ถึงจะรู้ว่าคำพูดกับแววตาของอีกฝ่ายมันมีความหมายต่างกัน แต่เธอก็เลือกจะนิ่งเสีย บางทีการกดดันมากไปอาจไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ
"ถ้างั้น.. เธอจะว่าอะไรไหม.. ถ้าฉันจะบอกว่า เธอเหม็นยิ่งกว่านมบูดพันปีน่ะรุจ" พูดคราวนี้อีกฝ่ายหน้าเหวอไปหลายนาทีก่อนจะค้อนขวับให้ต้องจับหัวมาโขกกัน คนหน้าหมวยเกือบจะแหวใส่คนที่ทำมาตีสนิทกันขนาดนี้ทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน หากก็ต้องหยุดมันไว้เพราะความจริงใจในแววตา บางทีเค้าอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เธอคิดก็ได้นะ นั่นสิ..
"คุณน่ะหอมตายล่ะ ทำขนมมาใช่ไหม.. กลิ่นเนยแพะเต็มไปหมด"
"ก็ดีกว่าครีมบูดเน่าอย่างเธอนั่นแหละ"
"เอ๊ะ คุณคิมนี่!"
"เอาน่าๆ ยังไงก็เหม็นเหมือนกัน เจ๊ากันแล้ว"
คนอายุน้อยกว่าส่ายหน้าแต่ต่อมาก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้ กลายเป็นเราทั้งคู่หัวเราะด้วยกัน ลืมเรื่องเครียดๆไปชั่วคราว พวกเธอคุยกันอีกนิดหน่อยก่อนที่คนที่เริ่มทนความเหม็นของตัวเองไม่ได้จะขอตัวจากไปก่อน ปล่อยให้เจ้าของที่ประจำตรงนี้ได้ใช้มันคนเดียวต่อไป
เสียงถอนหายใจยาวเหยียดดังออกมาจากริมฝีปากสีแดงสวยที่คลี่ยิ้มบางเบาออกมาในที่สุด วันนี้เธออาจรู้อะไรไม่มากนัก ซ้ำไม่อยากจะคาดเดาไปก่อนอีกด้วย ถึงอย่างนั้นก็ยังค่อนข้างจะมั่นใจ เธอไม่ได้มองผิดไปหรอก ก็แค่ต้องให้เวลาหล่อนเท่านั้นเอง..
ทั้งสองคนนั่นแหละ..
..........................................................
โอเค.. แป๊บเดียวก็มาถึงตอนที่ 14 แล้วเนอะ ไวจัง เหลืออีก 6 ตอนแล้วสิ ที่จะลงให้อ่านกันเล่นๆ แต่บางทีก็อาจจะมีตอนพิเศษอีกนะ รอดูกันต่อไป
ว่าแต่ งงกับชื่อตอนไหมคะ ฮ่าๆๆ จะบอกว่า ชื่อตอนเป็นอะไรที่ยากที่สุดในการเขียนนิยายสำหรับเราเลยล่ะ เพราะตั้งที่หลังจากเขียนเสร็จแต่ละตอนแล้ว แปลกหรือเปล่าไม่รู้ ไม่รู้คนอื่นเป็นไหม อาจจะเป็นเรื่องปกติก็ได้เนอะ แต่แถวบ้าน เรียกว่า "ตกม้าตายตอนจบ" ค่ะ ฮ่าๆๆ
เอาล่ะๆ เวิ่นเว้อมาพอสมควรแล้ว ไปก่อนแล้วค่ะ แล้วอย่าลืมนะ ถ้าสนใจนิยาย สั่งได้นะ ทั้งสองภาคเลย สองเล่มจบค่ะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามานะคะ
|
Rating: This article has not been rated yet.
|
|
ความคิดเห็น
|