web stats

ข่าว

 


Gourmet Vol.2 - Chapter 16 : แผนลับจับลูกเสือเข้ากรง

โพสต์โดย: anhann วันที่: 05 มิถุนายน 2014 เวลา 17:22:29 อ่าน: 417


นิยายเรื่องนี้เปิดให้จับจองเป็นเจ้าของอยู่ค่ะ สนใจดูรายละเอียดตามลิงก์นี้ http://www.yuriread.com/index.php?topic=1174.msg1683#msg1683

Chapter 16 :   แผนลับ  จับลูกเสือเข้ากรง

"ก็ตามรายงานที่ให้คุณไปแล้ว.." 

นี่เป็นคำตอบของคำถามย้ำซ้ำซากของเธอเองที่ต่อให้เปลี่ยนประโยคพูดแค่ไหน  ผลที่ได้มันก็เหมือนกัน  เรื่องทะเลาะวิวาทไร้สาระแต่เหมือนกลายเป็นวาระแห่งชาติเมื่อมันเกิดขึ้นในวันงานครบรอบของโรงเรียน

นั่นสิ  แล้วจะไม่ให้เครียดได้ยังไง.. แต่แน่ใจนะว่า เครียดเรื่องนี้อยู่.?

"แล้วเธอคิดว่า  ควรจะทำยังไงต่อ.?"  เม็ทธานีส์ถามเสียงนิ่ง  เดินวนอยู่ข้างโต๊ะทำงานเป็นรอบที่สี่จนคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ไม่อยากมอง  เวียนหัวจริงๆ

"ทราบมาว่า..  คุณให้ทัณฑ์บนทั้งสองคนแล้ว  มันก็น่าจะจบแล้วไม่ใช่หรือคะ"  รุจิกานต์ย้อน  สะดุ้งไปนิดเมื่อถูกมองเหมือนทำความผิดอะไร 

"หรือว่า..  ยังมีเรื่องอื่นอีก.?"

คำถามนี้คนตัวโตเดินกลับมาทรุดตัวนั่งลงกับเก้าอี้บีบขมับตัวเอง  เด็กรู้งานที่พอจะมองรูปการออกทำตาโตทันที  "นี่อย่าบอกนะคะว่า  มีปัญหากับผู้ปกครองของมิสคาโบว่า"

"ฉันหวังว่า  มันจะไม่มี  เธอเชื่อสิรุจ"

พูดแบบนี้แสดงว่ามีน่ะสิ.. 

สาวตาคมผมดำถอนหายใจ  มองพื้นห้องเหมือนมันน่าสนใจกว่าใคร  เธอกำลังใช้ความคิด  ถึงจะหงุดหงิดที่ต้องมาปัดกวาดเรื่องบ้าๆนี่ก็เถอะ  บางทีวันข้างหน้าเธออาจเจอเรื่องบ้ากว่านี้ก็ได้  ใครจะรู้...

"แล้วคุณทีน่าว่ายังไงคะ  ทราบมาว่าเธอเป็นคนแนะนำมิสคาโบว่ามา"

"โอ้.. ฉันจะบอกอยู่เหมือนกันว่า  ทีน่าอยากคุยกับเธอ"

รุจิกานต์เลิกคิ้วมองสงสัย  ไม่เข้าใจเรื่องนี้จริงๆ ตกลงเธอมีหน้าที่อะไร  ไม่ได้อยู่บริษัทรับทำลายขยะไม่ใช่หรือไง  จำได้นะ

"อยากคุยกับฉัน.?"

ผู้อำนวยการหน้าคมพยักหน้ารับ  ยิ้มแห้งแล้งให้คนที่นั่งกลอกตากอดอก  รู้เลยว่า  หงุดหงิดซะแล้ว...

"ถ้าเธอไม่ไป  ก็ต้องให้เอลลี่ไป  และฉันนึกไม่ออกเลยว่า  เด็กนั่นจะไม่สร้างเรื่องอะไรอีก  ทีน่าจะติดต่อพ่อแม่ของเด็กคาโบว่าให้น่ะ"

ได้ยินแบบนี้ไอ้ที่ข้องใจอยู่ก็คลายลง  แต่มันก็..  "นี่ฉันต้องรับผิดชอบเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอคะ  ทำไมไม่ใช่คุณซิลเวีย" 

"เพราะซิลเวียเป็นพี่สาว  คงไม่มีใครอยากฟังคำแก้ต่างให้เด็กมีปัญหาจากปากของพี่สาวของเค้าหรอกนะ  หรือเธอว่าไง.?"  เม็ทธานีส์ตอบเสียงนิ่ง  ส่ายหัวน้อยๆเพราะอาการไม่พอใจที่ยังแสดงชัดอยู่บนใบหน้าเด็กสาว 

ดื้อเหมือนกันนะเนี่ย..  มิน่าล่ะ!

"พ่อแม่เธอฝากฉันมานะรุจ..  หวังว่าเธอคงไม่ได้ลืม" 

เจ้าของชื่อเหลือบตาขึ้นมองก่อนเสมองไปทางอื่น  "ลืมไม่ได้หรอกค่ะ  หน้าคุณเหมือนมีใบสั่งงานติดอยู่อย่างนั้นล่ะ  ฉันไม่คิดเลยนะว่าโลกมันกลมขนาดนี้  หนียังไงก็ไม่พ้น"

"โอ้.. แบบนั้นฉันเรียกว่า ?พรหมลิขิต? ล่ะ"  เม็ทธานีส์ยิ้มหวานต่างจากอีกคนที่เบ้หน้าใส่  ชักจะเอาใหญ่แล้วนะพอรู้ว่า  ครอบครัวเรารู้จักกัน

ใช่..  เรารู้จักกัน..

มันไม่นานนักหรอกที่เธอได้รู้ว่า  ลูกแมวหลงทางต่างเชื้อชาติที่เก็บตกมาจากข้างร้านอาหารไทย  ไม่ใช่ใครที่ไหนเลยนอกจากลูกสาวคนเดียวของเพื่อนพ่อ  พวกเขาเรียนด้วยกันที่มหาวิทยาลัย  สนิทกันมากทีเดียวล่ะ

จะว่าไป..  โลกมันก็กลมจนน่าเกลียดจริงๆ..

และวันนี้เธอกำลังจะเปลี่ยนลูกแมวหลงทางตัวนี้ให้กลายเป็นลูกเสือที่พร้อมจะเติบโตเผชิญโลกกว้างๆแต่กลมๆใบนี้ต่อไป  ไม่แน่ใจว่าพวกผู้ใหญ่เห็นเธอเป็นอะไร  แม่เสือหรือเปล่า...

หรือคนเลี้ยงเสือที่เสี่ยงจะโดนตะปบคืนได้ทุกเวลา..

"ทีน่าจะอยู่ถึงแค่วันอาทิตย์นี้  แต่ฉันไม่แน่ใจว่า  เค้าจะว่างคุยกับเธอวันไหน   เพราะฉะนั้น....."  ผู้อำนวยการสาวหยุดพูด  แต่ส่งสายตาที่รู้กันให้แทน  ลูกเสือตัวน้อยกลอกตาอีกรอบก่อนจะพยักหน้าไม่เต็มใจ  เห็นแล้วก็ขำ..

"เอลลี่กับเธอนี่เหมือนกันมากกว่าที่คิดนะ"

รุจิกานต์เหลือบมองหน้าคนพูดที่ยิ้มบางๆให้เธอ  พลันคิดถึงคนที่หน้าเหมือนเค้า  ใครว่าฝาแฝดคู่นี้ไม่เหมือนกัน  จริงๆแล้วพวกเขาผสมผสานกันจนบางมุมก็คิดว่าคนเดียวกันนั่นแหละ  นี่ถ้าเม็ทธานีส์ทำเสียงกับหน้าให้ทะเล้นกว่านี้อีกสักหน่อย  เธอคงคิดว่าคิมเบอร์ลี่มาเอง..

แต่จะใครก็กวนประสาททั้งคู่นั่นล่ะ! 

"นี่คุณได้ค่าจ้างเป็นพี่เลี้ยงฉันมาเท่าไหร่คะ  บอกหน่อยได้ไหม.?"

เม็ทธานีส์อมยิ้มกลั้นขำ นิ้วเรียวสองนิ้วหมุนปากกาบนโต๊ะเล่น  อีกมือเท้าคางพลางมองหน้าคนช่างกล่าวหาไปด้วย  "ฉันคงรวยตายล่ะ  ถ้าได้ค่าจ้างจากพวกคุณอา  ดัดนิสัยเด็กดื้อหนีออกจากบ้านน่ะ  มันง่ายเสียเมื่อไหร่"

เด็กดื้อที่ว่าทำเสียงหึในลำคอ  มองเคืองๆให้พี่เลี้ยงมัดมือชก  "ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คุณรู้ว่าฉันเป็นใคร.?"

"ก็ตั้งแต่ที่เอกสารสมัครงานของเธอวางอยู่บนโต๊ะฉันนั่นล่ะ"   

รุจิกานต์ตกใจตาโตแต่ก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าปกติและติดจะเคืองใจด้วยเมื่อมองหน้าอีกฝ่ายเต็มตา  เธอไม่ได้โกรธเค้าหรอกที่เก็บงำเรื่องนี้ไว้ตั้งปีตั้งชาติ  แต่โกรธตัวเองมากกว่าที่ไม่แนบเนียน เพิ่งเข้าใจคำว่า "ชั่วโมงบินมันต่างกัน" ก็ครั้งนี้  ปลอมเอกสารสมัครงานกับคนระดับ ?เม็ทธานีส์ คารอน? คิดได้นะ..

"นอกจากคุณแล้ว  มีใครบ้างที่รู้เรื่องฉัน  คุณคิม  คุณซิลเวีย  และฉันเดาว่า  คุณทีน่าด้วย.?"  สาวหน้าหมวยยิ้มแห้งแล้งที่คำตอบคือการพยักหน้ารับ  อยากจะเอาหัวโขกกำแพงตาย  โดนพวกผู้ใหญ่พวกนี้รุมยำลับหลังแบบเนียนๆมาตั้งนานก็ไม่ยักรู้  เสียเชิง เสียเซลฟ์  บอกไม่ถูกเลย  ให้ตาย..

"เยี่ยม!  แล้วทำไมคุณไม่บอกเอลลี่ด้วยล่ะ"  ประชดเข้าให้ก็แค่อยากสะใจปาก  หากคำตอบเนิบนาบจากคนโตกว่าตรงหน้าก็ทำให้อึ้ง

"ถ้าฉันเป็นเอลลี่..  คงจะรู้สึกดีไม่น้อยที่เธอจะบอกฉันด้วยตัวเอง"

"แต่มันยากนะคะ  คุณก็รู้จักเอลลี่ดี"

"ไม่มีอะไรยากสำหรับมนุษย์หรอกรุจ   โดยเฉพาะมนุษย์ที่มีความรัก"

เสี่ยว..

เป็นคำเดียวที่เธอคิดได้แต่ห้ามพูด  ถ้าไม่อยากให้คนตัวใหญ่กว่าลุกขึ้นมาตบกบาล  แต่จะว่าไปมันก็มีส่วนจริงอยู่  แค่เธอคงจะไม่พูดออกมาแบบนี้

มันตรงไปป่ะ  แล้วใครรักใครกันเล่า!

"ฉันไม่ได้มีความรักค่ะ"  พูดสวนออกไปอย่างหนักแน่นแต่ดูเหมือนคนที่เท้าคางมองจะไม่เชื่อเท่าไหร่  บอกตามตรงเธอคันไม้คันมืออยากจะปัดรอยยิ้มรู้ทันแบบนั้นออกไปจากใบหน้าสวยๆนั่นสักที  เหมือนกันเกินไปแล้วนะ!

"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว  ฉันขอตัวนะคะ" 

"เชิญ.."

ผู้อำนวยการผายมือให้เธอพร้อมรอยยิ้มเดิมๆนั่น  มันน่าหมั่นไส้ชะมัด  เค้าไม่มีทีท่าเหมือนตอนที่เรียกเธอเข้ามาคุยด้วยในนี้เลย  เดาได้เลยว่านั่นมันการแสดงชัดๆ แต่ถึงจะรู้แบบนั้น  จะทำอะไรได้ล่ะ  คำสั่งก็คือคำสั่ง  ซ้ำเธอก็คงจะปล่อยให้ยัยฝรั่งเตี้ยนั่นไปสร้างเรื่องเพิ่มอีกไม่ได้แน่นอน  แค่ตอนนี้ก็เกินพอ

เฮ้อ...

"เชอะ  ให้ตายยังไงเธอก็หึงหวงเค้าออกหน้าทุกที"  รุจิกานต์บ่นอุบขณะเดินไม่รีบไม่ร้อนออกมาจากห้องผู้อำนวยการ  เรื่องที่รู้มามันทำให้หงุดหงิดตะหงิดใจยังไงไม่รู้ 

เด็กสาวฝรั่งสองคนนั้นเขม่นกันเรื่องคิมเบอร์ลี่จริงๆ ถึงได้ทำเรื่องเล็กแค่น้ำผึ้งหยดเดียวให้เป็นเรื่องใหญ่  ดูถูกกันไปดูถูกกันมากับแค่เรื่องที่เซนเซย์สุดฮ็อตเอาใจใครมากกว่าเท่านั้น  เธอล่ะเบื่อนิสัยเด็กๆพวกนี้จริงๆ ไม่คิดกันบ้างเลยหรือว่า  คิมเบอร์ลี่แต่งงานแล้วแถมยังมีลูกแล้วด้วย  น่าจะยุให้สาวสวยผู้ดีอังกฤษคนนั้นมาแสดงตัวบ้างซะจริง  เอลลี่ก็เหมือนกัน  รู้ทั้งรู้ก็ยังบ้าจี้ไปได้

หรือลึกๆแล้ว  หล่อนยังหวังอยู่ว่า.. คิมเบอร์ลี่จะกลับมา..

คงจะกลับมาหรอกนะ  วันนั้นยังเห็นนั่งประคบประหงมคุณภรรยายิ่งกว่าอะไร  ทำให้นึกถึงช่วงมหกรรมข่าวลือนั่น  ก็ช่วงที่แฝดผู้น้องของท่านผู้อำนวยการหายตัวเข้ากลีบเมฆไปตอนนั้น  คนเขาพูดกันให้ขรมทั้งโรงเรียนว่าเค้าถูกผู้หญิงคนหนึ่งจับ  โดนบังคับให้แต่งงานอย่างไม่เต็มใจ  จำได้ว่า ครั้งนั้นเธออยากจะหัวเราะใส่หน้าพวกคนที่ลือกันไม่ลืมหูลืมตานั่นซะจริงๆ  จะว่าไปก็น่าสงสาร  เด็กพวกนี้จะไปรู้อะไรได้ยังไง  คิดว่าเซนเซย์ของพวกเขาอ่อนต่อโลกขนาดจะให้สาวที่ไหนมาจับงั้นหรือ  มองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว..

เรียวปากสวยยิ้มหยันๆ ก่อนหันไปทำท่าตกใจกับคนที่มายืนกอดอยู่ที่ขั้นบันได  ท่าทางเหมือนอยากจะเอาเรื่องใครสักคนนั่นทำให้เธอเลิกคิ้ว

"มาทำอะไรตรงนี้เอลลี่   ไม่มีเรียนหรือไง.?"

"โดด"

คำตอบง่ายๆสั้นๆแต่ได้ใจความมากๆ พาให้คนฟังส่ายหัว  "ฉันไม่คิดเลยว่า  สมองเธอจะอายุน้อยกว่าเอฟ"  โดนสวนเข้าซะเจ็บก็เตรียมจะแหวใส่  แต่ชะงักเพราะคำพูดต่อ

"เธอเป็นเจ้าของโรงแรมเหมือนกับพี่สาวเธอนะเอล  เมื่อไหร่กันที่เธอจะคิดว่ามันมีความหมายยังไง..  หรือต้องรอให้บิ๊กบอสไม่สบายไปก่อน"

"ซิลเวียไม่เห็นจะเคยบ่น"  ตอบกลับไปข้างๆคูๆ เพื่อนตัวสูงกดหัวคิ้วไม่พอใจมากขึ้น  เด็กดื้อเบอร์หนึ่งกัดกระพุ้งแก้มตัวเองให้เจ็บ  เธอไม่ได้ตั้งใจจะมากวนประสาทใครสักหน่อย  แค่ปากมันไว  แถมยังหมั่นไส้ท่าทางเจ้ากี้เจ้าการเหมือนอายุกว่ามากๆแบบนี้ด้วย  ห่างกันแค่ปีกว่าเท่านั้นเอง  ไม่เรียกพี่หรอกนะ

"เฮ้..เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้วน่า..  แค่วันนี้ที่ห้องปล่อยเร็ว  เลยคิดว่าจะไปช่วยซิลค์ที่โรงแรมแค่นั้น"   พูดความจริงแต่ดูเหมือนจะไม่มีคนเชื่อ  คนตรงหน้าเลิกคิ้วมองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า  สายตาแบบนี้ถ้าไม่สนิทกันจะคิดเลยนะว่า  หล่อนกำลังดูถูกกันชัดๆ

"นี่หยุดเลยนะ!  หน้าตาฉันไม่เหมือนเด็กเลี้ยงแกะขนาดนั้นสักหน่อย!"

"อ๋อเหรอ..  แล้วเหมือนพินอคคิโอ้ไหมล่ะ.?"  นิ้วเรียวดีดปลายจมูกโด่งอีกคนเล่น  จากนั้นก็หมุนตัวหลบวูบวาบที่จะโดนมือเล็กหวดตีให้เจ็บ   

รุจิกานต์อาศัยความเพรียวและไวของร่างกายหลีกหนีอีกฝ่ายลงบันไดไปก่อนอย่างง่ายดาย  แต่มีหรือที่คนตัวเล็กจะยอมแพ้  หล่อนวิ่งตามหลังทั้งส่งเสียงดังอย่างกับเด็กเล่นวิ่งไล่จับกัน  ทั้งคู่เหมือนลืมไปเลยว่า  คนอื่นที่อยู่ชั้นอื่นยังเรียนกันอยู่  และท่านผู้อำนวยการหรือครูฝ่ายปกครองคงไม่ชอบใจนักถ้ารู้ว่าพวกเธอเปลี่ยนที่นี่ให้เป็นสนามเด็กเล่นไปแล้ว 

แต่มันก็ไม่เชิงหรอก..

ตรงหน้าประตูห้องทำงานของท่านผู้อำนวยการ  มีสองคนหน้าเหมือนกันเป๊ะยืนมองหน้ากันขำๆก่อนจะพากันโอบบ่ากลับเข้าห้องไปทำงานต่อ

จะว่าไปเป็นคนเลี้ยงลูกเสือตัวแสบก็ไม่เลวเหมือนกันนะ

..........................................

ซิลเวียรีบเดินจากห้องทำงานมายังห้องครัวของโรงแรมทันทีที่ได้ข่าวจากเลขาว่าน้องสาวตัวดีมาป้วนเปี้ยนอยู่  เอลลี่ไม่ได้บอกเธอก่อนว่าจะมา  เธอจึงไม่ได้เรียกไปหาตั้งแต่แรก  แต่จากคำรายงานของเลขาที่บอกว่าน้องไม่ได้มาคนเดียวนั้นก็พอจะทำให้คลายกังวลไปได้มาก  อย่างน้อยรุจิกานต์คงไม่ยอมให้น้องป่วนอะไรคนอื่นจนกว่าเธอจะเซ็นงานแฟ้มสุดท้ายเสร็จ

จริงอยู่ที่เอลลี่เคยมาช่วยงานเธอบ้างตอนที่อกหักจนต้องยัดอะไรให้ทำ  ให้ลืมๆความทุกข์พวกนั้นไปเสีย  แต่นี่มันก็หลายเดือนแล้วที่น้องกลับไปเรียนจริงจังจนไม่ได้มาที่นี่สักเท่าไหร่  แล้วนี่นึกยังไงนะ  ถึงได้มา..

อย่าบอกนะว่า จะมาทำอะไรแผลงๆ

จะบ้าตาย  นี่เธอกลัวความป่วนของน้องมากถึงขนาดนี้เลยหรือ..

"รุจ.. มาทำอะไรกันที่นี่" ปากทักและถามคนตรงหน้าแต่สายตามองหายัยตัวแสบที่ยังไม่เห็นตัว  และความกลัวในแววตาเธอคงทำให้อีกคนรู้สึกถึงได้รีบพูดขึ้น

"เอลลี่ไปช่วยคุณทากามิด้านในค่ะ" 

ซิลเวียตาโต  ไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิดกับสิ่งที่ได้รู้  ใจนึกเป็นห่วงซูร์เชฟคนนั้นขึ้นมาตะหงิดๆ และอีกครั้งที่ท่าทางหลุดฟอร์มของเธอเป็นที่สังเกตให้คนตาไวไหวพริบดี

"เค้าสัญญาว่าจะไม่ทำครัวพัง  จะเชื่อฟังคุณทากามิทุกอย่าง  ฉันเลยไม่เห็นว่า  มันจะเป็นอะไรถ้าจะปล่อยให้เค้าเข้าไป  และอีกอย่าง  ฉันเชื่อว่าเค้าจะไม่ผิดสัญญา"

คนฟังหรี่ตากอดอกมองคนพูดนิ่งๆ รอยยิ้มมั่นอกมั่นใจแบบนี้มาจากไหนกันนะ  หรือพวกเขาตกลงเป็นอะไรกันมากกว่าเพื่อนกันแล้ว  จริงเหรอ!

"อะไรทำให้เธอเชื่อแบบนั้น  คนดื้อหัวชนฝาอย่างเอลลี่มีหรือจะยอมให้เธอข่มได้  ตกลงอะไรกันไว้"

"ไม่มีอะไรมากกว่า  บัตรเครื่องเล่นทุกชนิดในดิสนีย์หรอกค่ะเจ้านาย" 

คำตอบสบายๆกับหน้าตาใสๆซื่อๆ ดึงความน่าเชื่อถือของลูกน้องมือดีกลับมา  แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ "แล้วถ้าเกิดว่า  มันไม่เป็นอย่างที่เธอคิดล่ะ"

"ถ้าแบบนั้น..  ฉันจะให้บัตรดูเบสบอลนัดสำคัญคุณกับผอ.คนละใบ เอาเอฟไปด้วยนะคะ  ได้ข่าวว่าเค้าชอบดู"

"เยี่ยม!  ถ้างั้นฉันตกลง"  ซิลเวียเผลอตบปากรับคำอย่างไม่ทันคิด  พอพูดถึงเบสบอลขึ้นมาก็พาให้ลืมทุกอย่าง  เกือบจะโทรไปสั่งเลขาให้เคลียร์งานทั้งหมดให้แล้ว   อยากไปดูมาก  ถ้าหากไม่นึกได้เสียก่อนนะว่าพลาดอะไรไป

"เดี๋ยวนะ!  บอกมาก่อนว่า เธอไปเอาบัตรแบบนั้นมาจากไหน  รู้ไหมว่า  ขนาดฉันให้คนไปจองตั้งแต่รู้ข่าวว่าพวกเขาจะมาที่นี่กัน  ยังไม่ได้เลย.."

"ความลับค่ะ  รู้แค่ว่า.. ฉันไม่โกหกคุณก็พอ  และยินดีจะให้มันกับคุณตอนนี้เลยด้วย  แค่คุณจะอนุญาตให้ฉันพาน้องสาวคุณไปเที่ยวได้"

"ก็ไม่เห็นเคยจะขอสักครั้งนี่นา  ทำไมตอนนี้ถึง----"

"เพราะที่นั่นมันค่อนข้างจะไกลสักหน่อยน่ะค่ะ" 

ดวงตาสีแดงจ้องตาสีน้ำตาลเข้มหวังจะเห็นความนัยที่ซ่อนอยู่  เธอเลี่ยงจะไม่พูดถาม  อยากให้หล่อนเป็นฝ่ายบอกมันเอง  สาวหน้าหมวยดูเกร็งๆไปทันทีเหมือนเรื่องที่จะพูดมันทำให้ลำบาก  หรือเธอต้องบอกอนุญาตก่อน

"ฉันจะขอคุณพ่อให้ ถ้าเธอมีเหตุผลดีๆที่จะให้น้องฉันไปไกลขนาดนั้น"

"ฉันจะบอกความจริงกับเอลลี่ว่าฉันเป็นใคร  ไม่อยากโกหกอีกแล้ว"

ซิลเวียกระพริบตาหนึ่งที  เห็นความจริงจังบนใบหน้าและแววตาของคนอายุน้อยกว่าก็พยักหน้าให้อย่างทำอะไรไม่ได้  รุจิกานต์กล้ากว่าที่เธอคิดไว้

"แล้วตกลงจะไปที่ไหนกัน  ไกลแค่ไหน.?"

"แอลเอค่ะ"

อีกครั้งที่เธอจ้องหน้าอีกฝ่ายเคร่งขรึมแต่ที่สุดก็ผ่อนลมหายใจยาวพลางพยักหน้าให้  ในใจก็คิดไปว่าคงไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะขัดขวาง 

และบางที..  มันคงจะถึงเวลาแล้ว..

"ถ้างั้น..  เธอรับปากฉันได้ไหม..  แค่เรื่องเดียวเท่านั้น  ฉันจะไม่ขออะไรมาก"

"ได้ค่ะ  หวังว่า.. คงไม่ยากเกินกำลังของฉัน"

"แล้วยากหรือเปล่าล่ะ  แค่ไม่ทำให้น้องสาวฉันเสียใจ  ถ้ายาก  เราจะยกเลิกเรื่องพวกนี้และลืมมันไปก็ได้นะ"

"ไม่ยากค่ะ  ฉันรับปากคุณ"

รอยยิ้มถูกใจเกิดขึ้นบนเรียวปากสีแดงสด  ก่อนกระซิบ "ถ้าเธอผิดคำเมื่อไหร่  คงไม่คิดว่าฉันใจร้ายหรอกนะ"  ดวงตาสีแดงเป็นประกายวาววับเมื่อพูดจบ  แอบเห็นอีกคนตกใจแต่เธอยักไหล่ให้อย่างไม่แคร์แล้วหมุนตัวเดินจากไปทันที 

แน่ล่ะ เธอต้องรีบสิ  ไม่งั้นคงจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหวแน่ๆ  แต่นอกจากจะหัวเราะจนพอใจแล้ว  เธอยังต้องโทรไปรายงานใครบางคนอีกว่า..

มิชชั่นเคลียร์แล้วค่ะทุกคน  คืนนี้ฉลองกันเถอะ  ฉันเลี้ยงเอง!

.........................................................

มาถึงตอนที่ 16 แล้ว..  เหลืออีก 4 ตอนเนอะ ตามที่สัญญากันไว้ว่าจะลงให้อ่านกัน

มาวันนี้  ก็อยากจะขอบคุณคนอ่านที่แวะเข้ามาเยี่ยมมาอ่านกันเรื่อยๆนะคะ  ถึงจะมีน้อยก็ยังพอมี ไม่น้อยจนใจแป้ว..

แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ  เรายังมีเรื่องที่อยากจะฝากบอกเอาไว้ด้วยว่า..

แม้ว่า  นิยายเรื่องนี้จะเปิดจอง เพื่อเตรียมจัดพิมพ์แล้ว  แต่หากว่า  ยอดจองน้อยเกินกว่าที่จะเรียกได้ว่า  "คุ้มทุน"  แล้วล่ะก็  เราก็อาจจะไม่พิมพ์เป็นรูปเล่มนะคะ  จะทำแค่อีบุ๊คเท่านั้น  ซึ่งจะตัดสินใจอีกที เมื่อถึงวันปิดจองว่า จะพิมพ์หรือไม่พิมพ์

และในที่นี้ก็ขอชี้แจงกับคนที่สั่งจองมาแล้วด้วยนะคะว่า  หากเรื่องนี้ไม่ได้ตีพิมพ์จริงๆ  เราจะคืนเงินจองให้ค่ะ  ไม่ต้องกังวล  และจะแจ้งกับคุณแน่นอนถึงการตัดสินใจนั้น 

ที่ต้องทำแบบนี้  ก็ขอให้เข้าใจด้วยค่ะว่า  เราไม่ใช่สำนักพิมพ์ที่จะมีเงินทุนสำรองเอาไว้เพื่อพิมพ์เป็นสต๊อกมากๆ และไม่ได้มีเครดิตอะไรกับทางโรงพิมพ์ด้วย  เพราะฉะนั้น  หากยอดไม่ถึงตามที่จะเข้าพิมพ์ได้  เราคงไม่พร้อมที่จะเสี่ยงค่ะ 

ขอบคุณ  และขอโทษ  หากเรื่องที่เราชี้แจงไป รบกวนใจท่าน

แต่!!!

ถ้าหากใคร  อยากได้จริงๆ แต่ยังไม่พร้อมจะโอนเงินจองวันนี้หรือเร็วๆนี้  จะแวะมาบอก หลังไมค์ก็ได้นะคะ  เรารอคุณอยู่นะ อย่าลืม..

ขอบคุณมากค่ะ  :44:




Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น