web stats

ข่าว

 


Gourmet Vol.2 - Chapter 19 : สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า "คิดถึง"

โพสต์โดย: anhann วันที่: 05 มิถุนายน 2014 เวลา 17:17:25 อ่าน: 451


Chapter 19 :   สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า "คิดถึง"

ที่เขาว่า 'เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ' คงจะเป็นเรื่องจริง  ตอนนี้เธออยู่ที่สนามบิน  และจะต้องกลับไปทำงานที่เก่าแล้วล่ะ  แม้ว่าจะไม่ใช่เชฟที่ประจำร้านหนึ่งร้านใดโดยเฉพาะ  แต่เธอก็มักจะได้รับเชิญไปที่สอนที่สถาบันอาหารหรือโรงแรมต่างๆที่นั่นอยู่เสมอ  บางครั้งก็ถูกนัดไปทำรายการ  ต้องไปนั่งปั้นหน้าให้สัมภาษณ์แนะแนวอาชีพให้เด็กรุ่นใหม่  จะว่าไปอยู่ที่นั่นเธอแทบไม่เคยว่างเลย  ชีพจรลงเท้าแทบทุกวันเลยมั้ง

เหนื่อยนะ  แต่ก็มีความสุขดี...

แต่บางทีก็เหงา...

"มะม๊า..  มะม๊าจะมาอีกเมื่อไหร่คะ.?" 

เสียงใสๆเอ่ยถาม  ดึงเธอออกมาจากห้วงภวังค์  ทีน่าย่อตัวลงให้สามารถมองเห็นหน้าลูกสาวได้ชัดๆ จับเจ้าตัวเล็กมากดจูบลงบนกระหม่อมและกอดไว้แบบนั้น  สองแขนเล็กก็กอดเธอแน่น  กลัวจังว่าลูกจะร้องไห้ตาม  แต่เค้าน่าจะชินแล้ว  เพราะเค้าก็มาส่งเธอบ่อยๆ แล้วเราก็ยังวิดีโอคอลคุยกันประจำ  อยู่คนละประเทศก็เหมือนใกล้   แต่ทำไมนะ  เอาเข้าจริงตอนนี้เธอไม่อยากจะจากเค้าไปเลย  กลายเป็นเธอใช่ไหมที่ต้องร้องไห้ตามลูก  ไม่ใช่ลูกร้องตาม..

ใช่ว่าเพิ่งมานึกรักลูกตอนที่ลูกโตจนใช้งานได้หรอกนะ  แต่ใครๆภายนอกก็คงจะคิดแบบนั้น  เธอทิ้งเค้าไปตั้งแต่เค้าสองขวบ  ไม่สนใจมาดูดำดูดี  อันที่จริงเพราะเธอทั้งต้องเรียนต่อจากที่ดร็อปไปตอนท้องตอนคลอดอีกสองปี  ไหนยังจะต้องทำงานไปด้วย  อะไรๆจึงวุ่นวายไปหมด  เธอปลีกตัวมาไม่ได้จริงๆ  จนกระทั่งสองปีให้หลัง  พอลูกได้สี่ขวบเมื่อทุกอย่างลงตัวแล้ว  เธอก็แบกหน้ามาขอลูกคืนจากเค้า  ซึ่งแน่นอนเลยปะป๊าของเค้าไม่ยอมเธอ  เม็ทธานีส์ถึงกับออกปากขอร้องว่าอย่าให้เค้าต้องพึ่งศาลฟ้องไม่ให้เธอมีสิทธิ์ในตัวลูก  และเธอก็ต้องยอมแพ้โดยที่ทำอะไรไม่ได้  ถึงไม่ได้เก่งเรื่องกฎหมายแต่ทนายที่ไปปรึกษาต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวว่า  เธอแพ้แน่นอน  เม็ทธานีส์มีความสามารถในการดูแลลูกได้ดีกว่าเธอ  ทั้งในเรื่องฐานะที่มั่นคงกว่าและถ้าตอนนั้นให้ลูกเลือก  เค้าก็คงจะเลือกปะป๊ามากกว่าเธอ  นั่นมันก็สมควรแล้วล่ะ

ทิ้งเค้าไปตั้งแต่เล็ก  ลูกไม่เกลียดก็ดีเท่าไหร่แล้ว..

"มะม๊าต้องกลับไปดูตารางงานที่นู่นก่อนค่ะ  แล้วค่อยบอกลูกนะ"  พยายามพูดไม่ให้ลูกเสียน้ำใจ  ทั้งที่ความจริงเธอเช็คกับเลขาที่รออยู่ทางนั้นแล้วล่ะว่า  ภายในหกหรือเจ็ดเดือนข้างหน้า  ตารางงานเธอเต็มเหยียด  จะเจียดเวลามาหาลูกได้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  สงสารทั้งลูกทั้งตัวเองเลย   

เฮ้อ.... ความจริง  เราน่าจะได้อยู่ด้วยกันนะ  ถ้าแค่.....

"ไม่เป็นไรหรอกเอฟ  เอาไว้รอให้ปิดเทอมแล้วป๊าพาไปหามะม๊าก็ได้"

เสียงที่คุ้นเคยช่วยปลอบโยนเจ้าตัวเล็กให้อีกแรง  เอเวอร์ลี่ยิ้มดีใจแล้วพร่ำถามว่า 'จริงเหรอๆ' อยู่หลายรอบจนโดนเค้าอุ้มขึ้นไปฟัดแก้มตั้งหลายที  เห็นแล้วก็อดจะมีความสุขไม่ได้  พวกเค้ารักกันจริงๆ

แต่ไม่ใช่ 'เรา'

ไม่มีคำว่า 'เรา' อีกแล้ว  ระหว่างเธอกับเค้า...

เพราะ 'เรา' ไม่ได้รักกันอีกแล้ว..

"เหลือแค่ไม่ถึงสิบนาทีแล้ว  ไปที่เกทเถอะ"  เม็ทธานีส์เตือนเมื่อตัวเลขบนป้ายด้านบนกับที่นาฬิกาข้อมือใกล้จะตรงกัน  หากอดีตภรรยายังอิดออดกอดลูกสาวไม่ยอมปล่อย  ให้เธอต้องส่ายหัว  ไม่รู้ใครจะร้องตามใคร

"ทีน่า..  เดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก  แล้วจะมาบ่นไม่ได้นะ"

เจ้าของชื่อเริ่มออกอาการฮึดฮัดเป็นเด็กแต่ก็ต้องกลับมาเก๊กภายในไม่ถึงสองนาที  เดี๋ยวจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับลูก  ก็มองตาแป๋วเสียขนาดนี้นี่นา..

"งั้นฉันไปนะ   มะม๊าไปก่อนนะคะลูก"  ก้มลงจูบแก้มลูกสาวซ้ายขวาและปล่อยให้เค้าจูบคืนบ้างไม่สนใจว่าเครื่องสำอางจะหลุดลอกอะไร  ก่อนจะโบกมือลาทั้งพ่อทั้งลูกที่โบกกลับมาเหมือนกัน 

ร่างบางหันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไปเพราะได้ยินเสียงประกาศเรียกผู้โดยสารแล้ว  หากแต่หูเธอยังได้ยินเสียงใครบางคนส่งเสียงเรียกชื่อจากข้างหลัง  เสียงนั้นคุ้นหูมากจนเธอหันกลับไปมอง  พอเห็นแล้วก็ขอบตาร้อนขึ้นมากะทันหันอย่างไม่ตั้งใจ   ทำไมกัน... 

ใครคนนั้นยืนหอบเหนื่อยเกาะที่กั้นเขตเกตอยู่  ดูก็รู้ว่ารีบมามากขนาดไหน   โดยไม่รู้ตัว  เธอกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับไปหาหล่อนเสียแล้ว  แต่ก็แค่ยืนมองหน้ากัน  ไม่กล้าสัมผัสตัวเหมือนกลัวอะไร

อะไรล่ะ?

"ขอโทษค่ะที่มาช้า  เพิ่งเลิกประชุม"  หล่อนพูดบ่นหอบน้อยๆ เธอยิ้มบางๆให้พลางพยักหน้ารับรู้

"ขอบคุณนะที่มาส่ง"

เราสองคนพูดกันแค่นั้น  แล้วมองกันเงียบๆ เหมือนจะใช้สายตาสื่อความในใจต่อกัน  ไม่รู้มันนานเท่าไหร่ที่มองอยู่แบบนั้น  แต่เสียงประกาศเรียกเป็นครั้งสุดท้ายก็ทำลายมันเสีย  ทำให้คนที่จะไปต้องรีบบอกลา

"ฉันไปก่อนนะ  แล้วคุยกัน" 

"คือ..ฉันจะไปเรียนต่อเดือนหน้าแล้วค่ะ ที่แคลิฟอร์เนีย  คงไม่ได้คุยกันบ่อยๆแล้วนะคะ" 

อีกครั้งที่ร่างบางหันกลับมา  คราวนี้ทำให้คนเด็กกว่าตกใจที่พุ่งเข้ามากอดเสียแน่น  แต่ก็ผละออกไปเร็วจนน่าเสียดาย  หากคำสุดท้ายที่ทิ้งเอาไว้ก่อนจะจากไปจริงๆก็ทำให้คนมาช้าและรีบแทบเป็นแทบตายหายเหนื่อยไปทันที

"รอให้ที่แคลิฟอร์เนียไม่มีเนต  ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์  แล้วค่อยเศร้าก็ยังทันนะ  รู้ไว้ซะ..เด็กโง่.."

.................................................

"ความจริง  เธอน่าจะไปเรียนที่นั่นด้วยกันนะ"  พูดไปพลางเอาสาหร่ายคมบุที่เช็ดเกลือออกแล้วลงแช่ในหม้อ  ปล่อยมันทิ้งไว้แบบนั้น  แล้วตั้งนาฬิกาจำกัดเวลาไว้ที่สามสิบนาที  ครบแล้วค่อยต้มมันกับปลาโอฝอย  เธอกำลังจะทำน้ำสต็อกปลา  เอาไว้ทำอาหารอื่นซึ่งก็คงจะต้องถามสมาชิกที่จะร่วมหม่ำมื้อนี้ก่อนว่า  อยากจะหม่ำอะไรกัน  แต่เมนูหนึ่งที่ต้องทำแน่ๆก็คือไข่ตุ๋น

ทำให้ลูกสาวของคนสำคัญของเธอ...

อาหารชนิดแรกที่หล่อนตั้งใจสอนเธอครั้งนั้น..

ฮื่อ..  ไม่รู้จะประทับใจอะไรกันนักหนาสิ  แค่เมนูง่ายๆที่อันที่จริงก็สอนเพราะอยากให้เอาไว้ดูแลลูกของหล่อนเอง  ไม่รู้สินะ  บางทีมันอาจจะเป็นความประทับใจแรกล่ะมั้ง..  เพราะหล่อนเป็นภรรยาเก่าผู้แสนดีไงล่ะ..

ป่านนี้คงบ่นอาหารบนเครื่องบินอยู่แน่ๆ คนเรื่องมากอย่างนั้น..

เผลอยิ้มออกมาแค่เพียงนึกถึงหน้ามุ่ยๆหงุดหงิดราวเด็กสาวของใครคนนั้น  พลันก็รู้สึกว่ามีใครกำลังจ้องหน้าเธออยู่  หันกลับมาดูก็เจอรุจิกานต์ที่มองหน้าอย่างสงสัย  จึงแกล้งยิ้มกลบเกลื่อน  เปลี่ยนเรื่องพูดเสียเลย

"แต่เธอคงไม่ไปหรอกมั้ง   ไม่งั้นคงไม่ปฏิเสธเยลตั้งแต่แรก"  พูดเรื่องนี้มันได้ผลดีทีเดียว  แทงใจดำอีกฝ่ายพอดิบพอดี  ลูกน้องชั้นดีเบี่ยงตัวหนีไปด้วยการไปง่วนกับเครื่องปรุง 'เมนทสึยุ' หรือซอสของหมี่เย็นแทน 

ซิลเวียส่ายหน้ายิ้ม  กอดอกพิงสะโพกกับเคาท์เตอร์มองดูคนทำเป็นยุ่งทั้งที่มันไม่มีอะไรให้ทำ  ซอสที่ว่านั่นยังไงก็ต้องรอน้ำสต็อกของเธอก่อน  เพราะผงสำเร็จรูปคงทำให้อร่อยได้ไม่เท่ากัน

"ปีหน้าฉันจะชวนเอลลี่ไปอยู่ด้วย  หรือไม่ก็ปลายปีนี้แหละ" 

กระตุ้นเด็กปากแข็งไปอีกที  คราวนี้ได้ผลตามคาด  รุจิกานต์หันมองหน้าเธออย่างช็อค  ซิลเวียไหวไหล่น้อยๆก่อนพูดเหมือนลอยตามลม  "เอลลี่ก็ต้องเรียนต่อเหมือนกันนี่.."

"ละ  แล้วที่นี่ล่ะคะ.?"

คนถูกถามกลั้นยิ้ม  ทำหน้านิ่งตอบไป  "ที่นี่ไม่มีอะไรน่าห่วงนักหรอก  มันอยู่ตัวแล้ว  สาขาที่นั่นต่างหากที่สำคัญ  ฉันรับหน้าที่ดูแลที่นั่นด้วยแต่คงทำไม่ได้เต็มที่นัก  เลยจำเป็นต้องให้เอลลี่ช่วย  คุณพ่อท่านขอไว้น่ะว่าให้ฉันสอนน้องบ้าง"

ดวงตาสีแดงราวก้อนเลือดแข็งแต่หวานหยดปรายตามองดูปฏิกิริยาคนฟังพลางลุ้น  อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำยังไงต่อ  เด็กอ่อนกว่าทำหน้าสลดไป  และเธอก็ไม่ใจร้ายพอที่จะทำร้ายจิตใจใครหรอก  ใช่..เพราะฉันรู้ไงว่ามันเป็นยังไงเวลาที่ไม่อยากจะห่างจากคนที่ตัวเองชอบ.. 

"แต่..  มันคงดีนะ  ถ้าเราจะมีคนมาร่วมทีมอีกสักคน  โรงแรมเปิดใหม่มันยุ่งยากจะตายไป  ใช่ไหมล่ะ.?" 

เราสบตากันชั่วระยะเวลาหนึ่ง  ก่อนที่เธอจะเห็นอีกคนก้มหน้าลงแล้วพึมพำบางอย่างออกมา  "แล้วฉันสามารถโยกย้ายที่ทำงานได้หรือคะ  คุณเม็ทจะ---"

"เรื่องเม็ทไม่ใช่ปัญหาของเธอหรอกนะ"  โพล่งออกไปขัดจังหวะคนคิดมาก  ไหวไหล่อีกทีก่อนขยายความ  "เธอเป็นคนของฉัน  ชัดพอไหม.?"

คนฟังอึ้งไปนิดก่อนจะยิ้มบางๆพลางพยักหน้า  "งั้นก็แล้วแต่คุณค่ะ..เจ้านาย"  เน้นคำสุดท้ายอย่างหนักแน่น  คุณเจ้านายที่ว่าเลิกคิ้วขี้เล่นก่อนผละออกมาจากเคาท์เตอร์  มายืนกอดอกมองคนที่หันไปเตรียมหมี่เย็นแล้ว

"ฉันไว้ใจเธอนะรุจ  อย่าให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองคิดผิด"  พูดยังไม่ทันจบดี  อีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน  สองสาวประชันสายตากันราวจะท้าดวล  คนโตกว่ายกยิ้มมุมปาก  ไม่ได้เห็นการดวลครั้งนี้สำคัญ  มือสวยบีบบ่าคนตรงหน้าแรงๆอย่างจงใจหนึ่งที  และกระซิบเสียงเย็น

"เธอรู้นะว่าฉันไม่ชอบคนขัดคำสั่ง  และฉันรักน้องฉันที่สุด"  พูดจบก็เดินออกไปจากครัวเสียอย่างนั้น  ไม่คิดจะทำมันต่อ  ตั้งใจโยนงานให้อีกฝ่ายเต็มที่  เพราะเธอรู้ว่ายังไงหล่อนก็ต้องทำงานต่อจากเธอได้อยู่แล้ว 

แน่ล่ะ ก็ออกจะแน่วแน่ขนาดนั้นนี่..

ซิลเวียยิ้มให้กับความคิดนั้นก่อนจะก้มลงหามือถือที่สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง  เห็นไอดีคนโทรมาก็อึ้งเล็กน้อยแล้วเผยยิ้มดีใจ  เสียงหวานใสขานรับอารมณ์ดี 

"ค่ะ วันนี้ไข่ตุ๋นรวมผักซอยแบบที่คุณสอนค่ะ  คิดถึงนะคะ"

..................................................

ดวงตาสีเขียวมองเหม่อ  ไม่หรอก  อันที่จริงเธอมีจุดหมายในการมอง  ในสวนหย่อมสวยงาม  สถานที่นั่งเล่นประจำของคนในบ้านและที่เล่นประจำของเจ้าตัวเล็ก  และมันก็ไม่แปลกอะไรเลยนะกับการที่เธอเห็นพี่สาวตัวเองโอ๋เจ้าเด็กนั่นยิ่งกว่าอะไรดี  ถ้ามันไม่ใช่เพราะเธอติดใจเรื่องที่เกี่ยวกับแม่เด็ก

ตกลงที่รักและดูแลเอเวอร์ลี่ดีขนาดนั้น  เพราะรักพ่อหรือแม่ของเค้า.?

หรือเพราะรักเด็กจริงๆ.?

วันนี้ซิลเวียว่าง  เข้าประชุมแค่ช่วงเช้าและชวนเธอมาเที่ยวบ้านคารอนในช่วงบ่าย  แน่นอนว่าต้องหนีบยัยหมวยผู้ช่วยมาด้วยกัน  ไม่แน่ใจเลยว่าที่ชวนรุจิกานต์มาด้วยเพราะเค้าเป็นผู้ช่วยที่ตัวติดกันหรือเพราะรายนั้นจะได้มาช่วยไม่ให้เธอเหงาและมีเพื่อนคุยระหว่างที่พี่ต้องไปดูแลเอาใจเด็กนั่นหรือไม่  แต่เท่าที่เห็นตอนนี้ก็คงจะเป็นอย่างหลัง  และดูคล้ายเธอจะกลายเป็นตัวเกะกะไปทันทีถ้าไปยุ่งกับพี่ตอนที่เค้าอยากจะเป็นแม่อีกคนให้ไอ้ตัวเล็กคารอนนั่น

น่าหมั่นไส้ชะมัด  จะรักอะไรกันนักหนา!

"ฉันรู้นะว่าเธอหวงบิ๊กบอสมาก  แต่นั่นมันเด็กนะเอล.."

เจ้าของชื่อเม้มปาก  มองเคืองๆไปยังคนพูดที่นั่งถือแซนวิชที่กัดไปแล้วประมาณหนึ่งคำอยู่ในมือ  มันกินได้ตลอดเวลาจริงๆ กินเยอะแบบนี้ทำไมไม่อ้วนนะ  ยัยบ้าเอ๊ย!

"กินๆไปเหอะน่า  อย่ามาสนใจฉัน"  สะบัดเสียงใส่คนช่างกิน   ก่อนจะหงุดหงิดมากขึ้นที่แซนวิชในมือนั่นมายื่นใส่ตาเธอ  เออ..ดูมันสิคะ!  จะให้กินน้ำลายมันด้วยใช่ไหมเนี่ย!   

"รุจ!"

"โธ่..รังเกียจกันอยู่ได้  ไอ้เราก็นึกว่าอยากจะ Indirect kissกันอีกสักที"

"Indirect kiss บ้าบออะไรเล่า  ฉันเคยบอกเหรอว่าอยากจูบเธอ!"

"ไม่อ่ะ  เดาเอาเอง.."  สาวหมวยตอบหน้าตาเฉย  กัดแซนวิชไปหนึ่งคำในขณะที่อีกคนนั่งกอดอกฮึดฮัดและกำลังควานหาคำมาต่อว่าเธอต่อ  แต่หล่อนก็ช้าไปกว่าเธอที่เคี้ยวกลืนขนมปังไส้ทูน่านั่นไปแล้ว  ทำให้โดนแย่งพูด

"บิ๊กบอสอาจจะดูโลเลไปบ้าง  เรื่องที่เธอห่วงเค้าอยู่  แต่เรื่องหนึ่งที่เค้าชัดเจนเสมอ  คือรักเธอที่สุด"

คำสุดท้ายที่ได้ยินเหมือนจะหยุดทุกคำพูดที่เธอพยายามสรรหาขึ้นมาและดันมันให้ไหลกลับไปในทันที  เอลลี่เปลี่ยนสีหน้าหันไปมองพี่สาวที่ตอนนี้ทั้งอุ้มเด็กหกขวบนั่นมานั่งตักและหันมายิ้มหวานให้เธอด้วย  รอยยิ้มนั้นช่วยเธอได้เยอะทีเดียว  เธอยิ้มกลับไปได้ทันก่อนที่พี่จะหันไปทางอื่น

แต่สิ่งที่เหนือการคาดหมาย  นั่นคือเธอหลุดปากพูดอะไรออกไปนี่ล่ะ..

"แล้วเธอล่ะ  ชัดเจนเรื่องอะไรบ้าง.?"

โดนสวนเข้าไปเต็มๆ คนเคยปากเก่งก็กลับอ้าปากค้างไป  ยังไม่ทันจะคิดอะไรออก  เสียงอีกฝ่ายก็พูดต่อหน้าตาเฉย

"ซิลค์น่ะ  ถึงจะดูซับซ้อน  แถมมีความลับที่ซ่อนไว้เยอะแยะ  แต่กับฉัน  พี่ไม่เคยโกหก  เค้าชัดเจนกับฉันเหมือนที่เธอว่า  แล้วเธอล่ะ  มีอะไรที่ยังไม่ได้บอกฉันมากเท่าไหร่  อะไรที่เธอชัดเจน.?"  ดวงตาสีเขียวเพ่งมองสีน้ำตาลเข้มของอีกฝ่ายเนิ่นนาน  ไม่อยากจะคาดคั้นแต่มันอดไม่ได้  ไม่ทันไรรุจิกานต์ก็หันสายตาหนีเธอไปก่อน  ทำหน้าลำบากใจจนเธอต้องถอนหายใจ

"เอาแซนวิชมา.."

น้ำเสียงไม่ใช่คำขอและไม่เชิงเป็นคำสั่งพาให้คนฟังจำเป็นต้องหันมามองคนพูดด้วยสายตาสงสัยอย่างปิดไม่มิด  สาวหมวยหยิบแซนวิชชิ้นใหม่ในตะกร้าให้อีกฝ่ายที่มองจ้องอยู่ไม่เลิกอย่างจำยอม  มองดูหล่อนกัดขนมปังมีไส้ที่เธอตั้งใจทำไปหนึ่งคำ  ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงที่อยากได้ยิน

"ข้อแลกเปลี่ยนสำหรับเรื่องนั้นที่เธอขอ  ฉันขอแค่เธอเลิกซ่อนตัวเองจากฉันสักที  แค่นั้นแหละรุจ"  พูดจบแล้ว  ร่างเล็กบางก็ลุกขึ้นเดินไปหาพี่สาวกับเจ้าตัวเล็กที่กอดรัดฟัดกันอยู่บนผ้าปูนั่งอีกผืน  ทิ้งให้อีกคนนั่งอึ้งมองตามหลังไปอย่างตกใจ 

เอลลี่หันหลับมาสบตาคนที่ยังนั่งปั้นหน้าไม่ถูกอยู่ที่เดิม  แล้วมองเมินไปเล่นกับเด็กแทน  เธอไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ใครลำบากใจหรอก  แต่ก็ไม่ยอมที่จะโง่อยู่ฝ่ายเดียวเหมือนกัน 

ฉันให้เวลาเธอซ่อนตัวมานานเกินไปแล้ว..รุจิกานต์  พาเวลส์..

..........................................

เด็กสาวนั่งเหม่อลอย  เธอหนีออกมาจากบรรยากาศอันแสนชื่นมื่นในห้องนั้น  ความจริงถ้าไม่กลัวเสียมารยาทก็ไม่อยากมาด้วยซ้ำไป   ซ้ำร้ายจะโดนหาว่าไม่เป็นผู้ใหญ่สักทีอีก  ไม่อยากจะโดนบ่นอีกแล้ว  โดยเฉพาะคุณพ่อ..

ยิ่งใกล้วันที่ซิลเวียจะไปเรียนต่อ  เธอก็พบตัวเองถูกเคี่ยวเข็ญยิ่งกว่าเข้าค่ายนักกีฬาทีมชาติ  ทั้งงานเอกสารที่บริษัท   ไหนจะฝึกงานที่โรงเรียนที่ตอนนี้เหลือแค่ทำรายงานเป็นกระตักส่ง  ทำโครงงาน  ภาคปฏิบัติหมดแล้วสำหรับเทอมนี้  และงานที่ว่าไปเมื่อกี้นั่นล่ะที่เปิดเทอมมาจะต้องมีส่ง  ถ้าไม่ต้องการไปสู้รบกับอาจารย์ประจำชั้น  อาจารย์ที่หากเป็นไปได้ก็ไม่อยากเจอหน้าสักเท่าไหร่นักหรอก  แต่วันนี้จะเลี่ยงได้ไง..

ใช่.. ก็เพิ่งเจอไปเมื่อกี้แหละ 

ในห้องพิเศษห้องนั้น...

"เฮ้..  ไปเดินเล่นกันไหม.?"

เสียงคุ้นๆดึงให้หูของเธอหันมาสนใจเสียงอะไรบ้าง  สายตาละออกจากนิตยสารที่เปิดดูแต่ไม่ได้มองไปหาคนที่มองลงมา  คนที่มาทุกทีที่เธอรู้สึกแย่  ไม่รู้ไปแอบอยู่ตรงส่วนไหนของโลกถึงได้มาตรงเวลาไม่เคยพลาด 

"ไปไหนล่ะ  โรงพยาบาลไม่เห็นมีอะไรน่าดู  เหม็นยา"  ตอบพลางพลิกหน้าหนังสือและดูมันผ่านๆ อาการเซ็งยังคงอยู่  ยังปั้นหน้าทำเป็นดีใจไม่ได้กับเด็กที่เพิ่งเกิดใหม่วันนี้  ไม่เหมือนเอเวอร์ลี่ที่ดีใจจนเว่อร์ที่ตัวเองมีน้อง  คนบ้านคารอนทุกคนก็ดีใจกันทั้งนั้น  แม้กระทั่งพี่สาวเธอที่เห่อเด็กคนนั้นยังกับลูกตัวเอง  บอกด้วยว่าโชคดีที่ได้เจอหน้าหลานก่อนเดินทางไกล 

หมั่นไส้  รักเด็กนักก็ทำเอาสักคนสิ!

โอ้..  นี่เธอกำลังอิจฉาเด็ก  ทำตัวเป็นเด็กอีกแล้ว...

"งั้นกลับบ้านก็ได้  หรือไปที่ไหนที่เธออยากไป.." 

เหลือบตาขึ้นมองคนพูดอีกครั้ง  ท่าทางมุ่งมั่นที่จะชวนเธอไปด้วยกันให้ได้มันน่าแปลกใจ  เธอไม่เข้าใจว่า  เพื่อนกัน  เค้าจะต้องห่วง  ต้องคอยมาตามจิกกันแบบนี้ด้วยหรือไง  ถ้าเป็นเธอเจอคนนิสัยอย่างที่เธอเป็น  ก็คงจะเผ่นไปตั้งแต่วันแรกแล้ว  หรือเพราะงาน.?

"ซิลค์จ้างเธอเท่าไหร่.?" ถามโพล่งไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย  แน่นอนอีกคนทำหน้างงกลับมา  เธอปิดหนังสือถอนหายใจยาว  "ที่มาตามฉันต้อยๆยังกับสโตรกเกอร์นี่ไงล่ะ  ตกลงเธอทำงานตำแหน่งอะไรกันแน่   เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้ฉันหรือไง.?"  ถามเสียงรำคาญ  หากมันก็ไม่สามารถจะทำอะไรอีกคนได้เลย 

ร่างสูงเพรียวนั่งลงข้างๆบนโซฟายาวตัวเดียวกัน  ดวงตาคมที่มองมาพาให้ใจเต้นแปลกๆ อย่าจ้องนานได้ไหม  มันเขินนะ!

"ฉันเป็นภูติประจำตัวเธอต่างหาก"

คนฟังนิ่งไปนิดก่อนจะหรี่ตาส่ายหัวให้คนพูด  "ไร้สาระ  ไปหลอกเด็กอนุบาลเถอะ"

"อ้าวเหรอ..  นี่เธอไม่เชื่อหรือไง  อายุสมองเธอไม่ต่างจากเอฟเลยนะ  เผลอๆเอฟจะโตกว่าด้วยซ้ำ"

เอลลี่ถลึงตาใส่คนที่ส่งเสียงล้อเลียนกันไม่เลิก  เธอเกือบจะฟาดหล่อนได้แล้ว  ถ้าซิลเวียไม่เดินออกมาก่อน  พี่เลิกคิ้วมองเธออย่างแปลกใจ  และเธอก็เปลี่ยนไปจากหลังมือเป็นหน้ามือ

"ซิลค์จะกลับแล้วเหรอ..  ดีเลย  หิวแล้ว.."  พุ่งไปเกาะแขนออเซาะพี่  ไม่สนใจคนที่นั่งกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม  แถมยังต้องกลั้นหัวเราะที่เธอโดนปฏิเสธ

"ยังหรอกเอล..  พี่แค่จะกลับไปประชุมที่บริษัทน่ะ  เธอจะกลับก็กลับไปกับรุจก็ได้"

"อะไรกัน  ทำงานอะไรนักหนาเนี่ย!"  โวยวายเป็นเด็กเอาแต่ใจ  พี่สาวถึงจะไม่ชอบใจนักแต่ยังคว้าเอวเธอเข้ามากอด  ก้มลงมาหอมแก้มอ้อนยังกับแฟนกัน  แบบนี้นี่เล่า  ใครจะไม่หลงเค้าก็ใจแข็งเป็นหินแล้ว  แล้วใจคนมันจะเป็นหินได้ยังไงกัน  แค่ก้อนเนื้อก้อนหนึ่งจะอ่อนยวบไปบ้างจะแปลกอะไร

"เอลลี่อย่าหงุดหงิดนักสิ  มันไม่น่ารักนะรู้ไหม.."เสียงหวานบาดใจ  ใครได้ฟังเป็นต้องสั่นคลอนไปทั้งตัวและหัวใจ  มันใช้ได้ดีเสมอไม่ว่าจะเป็นกับเธอที่เป็นน้องแท้ๆ 

เอลลี่อึกอักหากก็เผลอเอนตัวใส่คนด้านหลังปล่อยให้พี่เค้ากอดตัวเต็มไปเสียได้  ให้ตายเถอะ  หน้าตายิ่งไม่เหมือนกันอยู่  ใครเห็นจะต้องจิ้นเตลิดแน่ๆ  นั่นไง  ยัยบ้ารุจทำท่าประหลาดด้วย  เชื่อเลย  มันต้องเก็บเอาไปล้อ!

ไม่ต้องมายิ้มกรุ่มกริ่มแบบนี้นะ!

"พะ พอเลยซิลค์!  อยากไปไหนก็ไป ไม่ต้องมาอ้อนน้อง ไม่ใช่แฟนตัว!"  กระชากตัวเองออกมาจากอกพี่ที่คิดถึงทันทีที่ต้องออกห่าง  กลั้นใจทำใจแข็งยันบ่ากว้างนั่นไว้ไม่ให้คนตัวสูงนั่นเข้ามาใกล้อีก  แต่แทนที่จะโกรธ  พี่กลับยิ้มขำๆ พยักหน้ารับใจเย็น  ยกสองมือระดับบ่ายอมแพ้ให้เสียอีก

โอ้ย! ถ้านี่ไม่ใช่พี่สาวตัวเองนะ  จะจับมาฟัดให้หายมันเขี้ยว  คนบ้าอะไรนะ  โคตรน่ารักเลย  จะแปลกอะไรกัน  ถ้าสาวแก่แม่หม้ายที่ไหนจะไม่หลง!

ฮึ๋ย.!  หมั่นไส้จริง!

"งั้นพี่ไปก่อนนะ  แล้วถ้าจะกลับ  แวะเข้าไปบอกคิม  กับลาหลานหน่อยก็ดีนะเอล.."  ซิลเวียบอกจริงจัง  ลดมือสองข้างลง  เปลี่ยนไปใช้ข้างหนึ่งหยิกแก้มป่องๆเบาๆ "ไม่เอาน่า  ถ้าดื้อแบบนี้  พี่ไม่ให้ไปส่งที่นู่นด้วยนะ"

"ก็ได้ๆ ชอบสั่งจริง!"  เอลลี่ฮึดฮัดแต่พอโดนจมูกโด่งๆฟัดแก้มไปหนึ่งฟอดก็แทบจะร้องกรี๊ด  โชคดีที่คนรู้ทันปิดปากเอาไว้ได้ก่อน  มองเคืองๆไปยังเจ้าของมือที่หันไปคุยกับอีกคนแล้ว 

"รุจ..  ฝากด้วยนะ  มีอะไรรายงานด้วย"   บิ๊กบอสคนสวยสั่ง  ดึงน้องมากอดแน่นๆอีกทีก่อนจะปล่อยและเดินตัวปลิวจากไป  ทิ้งให้สองคนมองตามด้วยอารมณ์ที่ต่างกัน 

"คนอะไรไม่รู้..  ทำอะไรก็ดูดีไปหมด.."  รุจิกานต์พึมพำเหมือนคนเพ้อ  แล้วเธอก็แทบจะร้องจ๊าก  โดนเหยียบเท้าเข้าเต็มๆ ว่าจะแก้แค้นคืนสักหน่อย  คนทำนั่นกลับเดินเข้าห้องพิเศษนั่นไปแล้ว  เอาตัวรอดเก่งเหมือนกันนี่..

บ่นไปอย่างนั้น  ไม่นานก็ส่ายหัวหัวเราะออกมาแล้วเดินตามเข้าไปด้วย  เชื่อว่ารายนั้นคงต้องการให้ช่วยอยู่เวลาต้องอยู่กับใครคนนั้นที่ให้ตายก็ลืมไม่ได้สักที  เรื่องนี้ทำให้หงุดหงิดไม่เลิกเหมือนกัน  แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองก็ทำให้อีกฝ่ายงุ่นง่านไม่ต่างกันนักหรอก  หล่อนไม่รื้อฟื้นขุดเรื่องที่เธอซ่อนไว้ขึ้นมาพูดอีกก็ดีเท่าไหร่แล้ว

ทำไงได้  ก็มันยังไม่ถึงเวลา..  หาเหตุผลให้ตัวเองในใจ  และปัดมันทิ้งไปก่อน  ตอนนี้เธอต้องทำอย่างอื่น 

ดวงตาเรียวมองอย่างระวังไปยังคนตัวเล็กที่เก้งก้างเข้าไปทักทายกับสมาชิกใหม่ที่เพิ่งเกิดวันนี้  เรียวปากสวยเผยยิ้มพึงใจที่เอลลี่ทำได้ไม่แย่นัก  ถึงตอนที่ออกมาจะบ่นอุบจนอยากจะหาอะไรมาอุดปากให้เงียบก็เถอะ  แต่เธอก็ทำไม่ลงหรอกนะ  หน้าตาน่ารักขนาดนี้

"ฉันว่าเค้าเปลี่ยนไปมากเลยล่ะ"

หันมองคนที่อยู่ๆก็เปลี่ยนเรื่องเฉยด้วยสายตาแปลกใจ  และก็เดาเอาเองว่าคงพูดถึงคนในห้องพิเศษนั้น  แต่ไม่ใช่คนที่เพิ่งคลอดแน่   อีกคนต่างหาก

"เปลี่ยนตรงไหน  เค้าก็ยังชอบกวนใจเหมือนเดิมนั่นล่ะ"

"เค้าดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น  แล้วก็....  ดูรักกัน"

นั่นประไรเล่า!  ทำไมซื้อหวยไม่ถูกนะ! 

เออ..ก็ไม่เคยซื้อไงเล่า ถูกก็บ้าแล้ว! 

นี่แหละ  สาเหตุสำคัญที่เธอปล่อยหล่อนไว้คนเดียวตรงนี้ไม่ได้  ไม่ว่าคุณเจ้านายจะสั่งหรือไม่  ยังอ่อนไหวง่ายดายเหมือนเดิม  หมกมุ่นเศร้าแต่กับเรื่องเดิมๆตลอด  น่าเบื่อที่สุด!

"เธอไม่ต้องทำหน้าเบื่อฉันขนาดนั้นก็ได้นะ!  ฉันก็แค่วิจารณ์เฉยๆ"  บอกอย่างรู้ทัน  ไม่ใช่อะไรก็ความคิดมันแปะอยู่บนหน้ายัยหมวยเสียขนาดนั้นนี่  เอลลี่ฟึดฟัดที่ยังเห็นสายตาไม่เชื่อถือ  หมั่นไส้จึงเตะเข้าที่หน้าแข้งให้อีกฝ่ายร้องโอดโอยตาม 

"ไม่ต้องมาสำออย  มาเร็วๆหน่อย  ฉันจะไปหาซิลค์ที่โรงแรม" 

คนเจ็บหน้าแข้งยังกระโดดเหยงๆอยู่ตอนที่เธอหันไปสั่งการ   แต่พอหันมาเดินนำเท่านั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจ้ำตามหลังมาใกล้ขึ้นทุกที  เรียวปากสวยคลี่ยิ้มพอใจราวดีใจที่แกล้งคนสำเร็จ  แต่มันไม่เชิงหรอก  แค่เธอชอบที่มีคนตามใจเท่านั้นเอง

เท่านั้นเองจริงๆนะ!

.............................................................

ตอนที่ 19 ของจริง (เมื่อวานลงผิดไปนิด แต่ลบไปแล้วล่ะ ชื่อตอนนะ ฮ่าๆๆ)

มีถามกันมาว่า  ทำไมซิลเวียถึงไม่มั่นคง  ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ  แต่งไปตามนิสัยของตัวละครอ่ะ  คือคุณเธอเป็นคนมีเสน่ห์มากๆ ใครเห็นก็รัก ใครเห็นก็หลง  ประกอบกับเจ้าตัวก็ขี้เล่นมากๆ อาจทำให้ใครๆใจสั่นได้ไม่รู้ตัว  แต่ก็หวังว่า  คุณเธอจะรู้ใจตัวเองนะว่า  ต้องการอะไรแน่ๆ ลุ้นกันต่อไปค่ะ

ส่วนคู่เคิร์กคนเล็ก  อีกคนก็ซึน  อีกคนก็กวนประสาท  จะหวานกันยังไงยังไม่รู้เลยค่ะ  ฮ่าๆๆ  อาจจะอีกนาน  แต่คุณๆเห็นไหม  เอลลี่ไม่ได้มีอาการอกหักรักคุดแล้วนะ  เพราะอะไรเอ่ย  อิอิ

สุดท้ายก็ฝากบอกซ้ำๆนะคะ กันลืม..

สรุปแล้ว เราจะพิมพ์นิยายเรื่องนี้เป็นเล่มนะคะ พิมพ์เท่ายอดจองจริง ถ้าใครไม่จองและไม่บอกล่วงหน้า มาสั่งทีหลังจากปิดจอง ก็คงต้องเป็นพรีออร์ดอร์ล่ะค่ะ เราจะทำเฉพาะกิจให้กับคนที่อยากได้จริงๆ สงสารคนที่ชอบแบบเล่มมากกว่าอีบุ๊คค่ะ

เข้าใจตรงกันเนอะ

* เปิดให้จองถึงกลางเดือนพฤษภาคมนี้นะคะ จองได้ทั้งสองภาค ถ้าใครยังไม่มีภาคแรก

ถ้าใครสนใจเป็นเจ้าของนิยายเรื่องนี้ ดูรายละเอียดได้ตามลิงค์นี้ค่ะ http://www.yuriread.com/index.php?topic=1174.msg1683#msg1683

แล้วเจอกันค่ะ ขอบคุณมากที่เข้ามาอ่านกัน

อยากให้กำลังใจกันมากขึ้น อย่าลืมอุดหนุนผลงานกันด้วยนะคะ เม้นท์สักนิดก็ยังดีนะ

ขอบคุณมากค่ะ   :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น