web stats

ข่าว

 


Evil Angel - Chapter 02: Psych out Night

โพสต์โดย: nuffy วันที่: 04 มิถุนายน 2014 เวลา 16:48:30 อ่าน: 349

Chapter 2: Psych out Night

หลังจากที่ได้เห็นเทพวีนัสผู้ยิงธนูญี่ปุ่นแล้วนั้น การมาเรียนของเด็กสาวลูกครึ่งก็มีบรรยากาศที่ดีขึ้นมาก ฮิคารุเข้าเรียนด้วยจิตใจเบิกบานขึ้นกว่าเดิม ความรู้สึกเบื่อหน่ายเริ่มลดลง ถึงแม้ว่าจะไม่รู้จักชื่อหรือไม่เคยที่จะพูดคุยกัน แต่เด็กสาวลูกครึ่งก็รู้สึกดีและเป็นสุขใจเมื่อได้พบกับเธอคนนั้น เธอ... ผู้ร่าเริงแจ่มใสและมีรอยยิ้มสวยๆ ระบายอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา รอยยิ้มของเธอคนนั้นทำให้บรรยากาศรอบข้างดูสดใสขึ้น ในบางครั้งเด็กสาวลูกครึ่งได้พบกับนางฟ้าของเธอที่ระเบียงห้องเรียน เธอจะมองดูท่าทีของเด็กสาวอีกคนด้วยสายตาที่ชื่นชม ฮิคารุแอบมองเด็กสาวอีกคนทุกครั้งเมื่ออยู่ในระยะสายตาและจะคอยมองหาเมื่อเธอคนนั้นตามสถานที่ต่างๆ ที่ตนเองผ่าน ทุกครั้งที่เธอมองดูเด็กสาวร่างบางคนนั้นหัวใจของเธอก็จะเต้นแรง และอดยิ้มกับความร่าเริงของเด็กสาวที่เธอแอบมองอยู่ไกลๆ ไม่ได้

'My angel, you're so lovely and you're enlightening everything all around you (นางฟ้าของเรา เธอน่ารักจังเลย เธอทำให้ทุกๆ สิ่งรอบตัวเธอเปล่งประกาย)'
ฮิคารุคิดในใจเมื่อเดินสวนกับเด็กสาวร่างบางที่เธอคิดว่าเป็นนางฟ้าตรงระเบียงห้องเรียน เด็กสาวคนนั้นส่งยิ้มให้เธอเพื่อทักทายทำเอาผู้ที่ได้รับยิ้มเมื่อครู่นั้นหน้าแดงด้วยความเขินอายแล้วยิ้มมุมปากตอบไป

ในวันเสาร์หลังเลิกเรียน  เด็กสาวลูกครึ่งเปลี่ยนชุดจากเครื่องแบบนักเรียนเป็นเสื้อยืดคอกลมพอดีตัวสีน้ำตาลเข้มกับกางเกง 5 ส่วนสีดำและรองเท้าบาสเก็ตบอลวิ่งออกจากโรงเรียนทันที
"ฮิคารุ! จะรีบไปไหน?" เสียงยูกิดังขึ้นตามหลังเมื่อเห็นร่างสูงๆ ในชุดไปรเวทกำลังวิ่งไปที่หน้าประตูโรงเรียน

Remarks: โรงเรียนเอกชนในประเทศญี่ปุ่นเรียน 6 วัน วันจันทร์ ? วันเสาร์ ในวันเสาร์จะเรียนแค่ครึ่งวันและจะหยุดเรียนวันเสาร์ที่ 2 และ 4 ของเดือน

"ไปหาเพื่อน! แล้วเจอกันวันจันทร์" ฮิคารุตะโกนกลับมาพร้อมหัวเราะร่า "ไปนะฮารุกะ Good bye จิฮิโระซัง" เธอวิ่งบอกลาคนนั้นคนนี้ตลอดทางด้วยความร่าเริงอย่างออกนอกหน้า
"ให้ตายสิ โรงเรียนนี้มันน่าเบื่อขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย เวลาอยู่ในโรงเรียนชอบตีหน้าขรึม ทำหน้าตาย แต่เวลาออกไปข้างนอกนี่ร่าเริงเชียว" เด็กสาวแก้มป่องค่อนขอดอดีตคู่อริของตนให้เพื่อนรักฟัง

"เอาน่าๆ อย่าคิดมากเลย เดี๋ยวฮิคารุก็ชินกับโรงเรียนเองแหละ" เด็กสาวผมสั้นปลอบเพื่อน เธอกับยูกิเรียนที่โรงเรียนนี้มาตั้งแต่ระดับอนุบาลจึงเคยชินกับกฎระเบียบของที่นี่มากกว่าเพื่อนสนิทของพวกเธอที่ตอนนี้วิ่งหายไปจากสายตาแล้ว

แล้วเด็กสาวขี้เล่นก็ชวนเพื่อนของเธอที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดไปเดินเที่ยวต่อในเมือง "เราไปกินไอศกรีมกันเถอะ ไหนๆ ก็ว่างแล้ว"

ฮิคารุขึ้นรถไฟเข้าเมืองและเดินตรงไปที่อู่ซ่อมรถของเชสเตอร์ ด็อกเบิร์ก หรือเรียกสั้นๆ ว่า ด็อก ที่อยู่ในเมืองย่านโรงเรียนนานาชาติ ด็อกเป็นช่างซ่อมรถชาวสก็อตแลนด์ที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นนานหลายปีแล้ว นอกจากจะเป็นช่างซ่อมรถแล้ว เขายังเป็นมือกลองสุดเจ๋งผู้ที่สอนให้เธอตีกลองนอกจากนั้นเขาก็ชื่นชอบกีฬาบาสเก็ตบอลเป็นชีวิตจิตใจ ด้วยเหตุนี้พื้นที่ด้านหน้าอู่ซ่อมรถของด็อกได้ดัดแปลงเป็นสนามบาสเก็ตบอลเอาไว้สำหรับเด็กนักเรียนโรงเรียนนานาชาติที่รู้จักมักคุ้นกันมาซ้อมหรือมาแข่งสตรีทบาสเก็ตบอล

ในสนามบาสเก็ตบอลขนาดครึ่งหนึ่งของขนาดมาตรฐานสนามหน้าอู่ซ่อมรถมีเด็กหนุ่มและเด็กสาวหลากหลายเชื้อชาติยืนจับกลุ่มอยู่ประมาณ 7 - 8 คน ฮิคารุเดินเข้าไปหาพวกเขาแล้วร้องทัก

"Hey, what's up? (เป็นไง พรรคพวก)"

"Hey, Yo. How ya doin'? (ว่าไง! โย เป็นไงบ้าง)"

เด็กสาวผิวเข้มแบบแอฟริกันอเมริกัน รูปร่างสมส่วน ตัวสูงพอๆ กับเธอ เด็กสาวคนนั้นมีผมสั้นสีดำจัดทรงชี้ไปชี้มาแบบยุ่งเหยิงแต่ก็ดูดี แต่งตัวแบบ B ? Girl ทักขึ้น

"Pretty Good, Ruth my big sis. (สบายดี รูธพี่หญิงใหญ่)" ผู้มาเยือนตอบพร้อมเดินเข้าไปหอมแก้มของสาวผิวเข้ม หลังจากนั้นเธอก็ร้องทักเพื่อนที่อยู่รอบๆ

"Where is Dork? I wanna discuss with him 'bout my new cymbal. (ด็อกอยู่ไหน เราอยากจะปรึกษาเรื่องฉาบใบใหม่หน่อย)" ฮิคารุถามดีแลนด์ เด็กหนุ่มผมยาว ร่างสูง เพื่อนผู้ชายของเธอที่สนิทกับด็อกมากที่สุด

"He's kinda busy, dude. You'd better talk to him later. (ยุ่งอยู่ว่ะเพื่อน คุยกับเค้าทีหลังก็แล้วกัน)"

ดีแลนด์ตอบพร้อมพยักเพยิดไปทางชายชาวยุโรปผิวขาว ผมสั้นสีบล็อน ใส่ชุดช่าง หน้าตามอมแมมไปด้วยเขม่าดำๆ จากน้ำมันรถที่กำลังง่วนอยู่กับการมุดเข้ามุดออกช่วงล่างของรถคันหนึ่งอยู่

"Okie, thanks dude. Well, let's play some game. I feel fed up today. (โอเค ขอบใจนะ เรามาเล่นบาสกันดีกว่า เราอ่ะโคตรเบื่อเลยตอนนี้)" เธอตอบพร้อมแย่งลูกบาสเก็ตบอลออกมาจากมือของทริเซีย เพื่อนสาวลูกครึ่งอังกฤษ-ญี่ปุ่นที่ยืนอยู่ข้างๆ และแล้วเด็กหนุ่มและเด็กสาวที่อยู่ในบริเวณนั้นก็เล่นบาสเก็ตบอลกันอย่างสนุกสนานจนกระทั่งค่ำ

"Hey, Yo. How you doing at school? (โย ที่โรงเรียนเป็นไงบ้าง?)"

รูธ หรือโรสแมรี่ ครัชเซิล เด็กสาวผิวเข้มผู้ที่เด็กหญิงลูกครึ่งนับถือว่าเป็นพี่สาวถามขึ้น หลังจากที่เพื่อนส่วนหนึ่งแยกย้ายกันกลับ ฮิคารุนั่งดื่มน้ำอยู่บนพื้นซีเมนต์หลังจากที่คุยกับด็อกเรื่องฉาบใบใหม่สำหรับกลองชุดของเธอเสร็จแล้ว รูธเป็นคนที่ดูแลเด็กสาวลูกครึ่งคนนี้ตั้งแต่เข้าเรียนชั้นอนุบาลในโรงเรียนนานาชาติทำให้เธอรักและนับถือมาก

"Well, that place is too strict with many rules and regulations like other Catholic Girl Schools do. (ก็กฎระเบียบเยอะแยะไปหมดเหมือนกับโรงเรียนสตรีคาทอลิกทั่วๆ ไป)" เด็กสาวลูกครึ่งตอบแบบเบื่อๆ

"I don't understand why Oka-san sent me to go that kinda school, I'm so bored and sick almost things. (ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคุณแม่ส่งเราไปเรียนโรงเรียนนั่น เราเบื่อมากๆ เลย)"

"May be she'd like to teach you what proper manner Jap girl has to do is. (บางทีแม่แกคงอยากจะสอนให้ลูกสาวรู้ว่าควรจะทำตัวยังไงให้สมกับเป็นกุลสตรีญี่ปุ่น)" เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นด้านหลังทั้งคู่ เด็กสาวคนต่างชาติคนหนึ่งเดินเข้ามาไหล่ข้างขวาของเธอสะพายกระเป๋ากีต้าร์

"Mel! (เมล)" ฮิคารุร้องขึ้นอย่างดีใจแล้ววิ่งเข้าไปกระโดดกอดเด็กสาวคนนั้น "Where the hell you have gone? (หายหัวไปไหนมา)"

"I'm on a vacation dear. For the places I went. Whose care where I am but now I'm back. (พักร้อนมา อย่าถามเลยว่าที่ไหน ใครเค้าจะสน แต่ตอนนี้ฉันกลับมาแล้ว)"

เมลลูบหัวคนที่เข้ามากอดพลางหัวเราะพร้อมๆ กับร้องห้ามฮิคารุเป็นภาษาญี่ปุ่นไม่ให้กอดเธอแน่นไปมากกว่านี้

"เอ้าๆ! พอได้แล้ว กระดูกฉันจะหักก็เพราะแกนั่นแหละ"

"แกหายหัวไปไหนมา?"

รูธถามเมลลานี่ ลาลูเบลล์ เด็กสาวอารมณ์ศิลปินที่อยู่ชั้นเดียวกับเธอ เมลเป็นสาวซ่าสไตล์พั๊งค์ร็อคชาวเบลเยี่ยมเจ้าของเรือนผมเดธร็อคที่ดำ ตัวของเธอสูงกว่าฮิคารุนิดหน่อย รูปร่างดีเหมือนนางแบบดีที่บรรดาแมวมองหลายต่อหลายคนมาติดต่อ ดวงตาสีเขียว แต่งตัวด้วยกางเกงยีนส์ เสื้อกล้ามสีขาวและเสื้อแจ็กเก็ตหนังสีดำ เมลเป็นต้นแบบให้เด็กสาวลูกครึ่งหลงใหลในเพลงร็อคเพราะฝีมือในการเล่นกีต้าร์ การแสดงสตรีทไลฟ์ ที่ดึงดูดคน และฝีมือในการแต่งเพลง

"ไปมันเรื่อยๆ นั่นแหละ ชีวิตฉันจะมีอะไรมากไปกว่าได้เล่นกีต้าร์ เล่นดนตรีตามถนน อ้อ! อีกอย่างนึงฉันหามือเบสได้แล้ว" สาวร็อคนั่งลงข้างๆ รูธแล้วจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ

"เฮ้ๆ! สูบต่อหน้าโยอย่างนั้นมันไม่ดีนะ อีกอย่างโยเองก็แพ้ควันบุหรี่ด้วย แล้วมือเบสนี่ใคร"

รูธพูดพลางปัดควันบุหรี่ไม่ให้มาถึงน้องสาวไม่แท้ โย คือชื่อเล่นของเด็กสาวลูกครึ่งที่คนที่บ้านและเพื่อนๆ ที่โรงเรียนนานาชาติเรียกเธอ

"อ้อ! ลืมไป โทษที" เมลดับบุหรี่ที่อยู่ในมือ

"มือเบสชื่อ โฮโนมูระ จิกะ ฉันไปเจอเธอที่ชิซึโอกะ บ้านเธอมีกิจการโรงอาบน้ำ"

"สาวโรงอาบน้ำที่เป็นมือเบส?" สาว B ? girl ทำท่าสงสัย "แล้วไปเจอกันได้ยังไง?"

"Too much travel and I was broke? (เที่ยวมากไปจนเงินหมด...) ฉันเล่นกีต้าร์ข้างถนน หาเงินค่ารถกลับบ้าน จิกะเดินกลับมาจากโรงเรียนมาเจอฉันเข้า เธอชวนฉันไปที่บ้านแล้วเล่นเบสให้ฉันฟัง เธอเก่งมากเลยล่ะ ฉันเลยชวนเธอเข้าวงเรา" เด็กสาวผมเดธร็อคเล่าถึงสมาชิกคนใหม่ของวงร็อคของพวกเธอที่มีหนุ่มยุโรปเข้าของอู่ซ่อมรถเป็นสปอนเซอร์ใหญ่

วงของพวกเธอมักจะเล่นหน้าอู่ซ่อมรถบริเวณสนามบาสเก็ตบอล สมาชิกส่วนใหญ่ก็คือพวกที่เข้ามาขลุกอยู่ที่อู่ของด็อก อันที่จริงแล้วจะเรียกว่าวงร็อคคงจะไม่ได้ เพราะบางครั้งก็มีสมาชิกบางคนที่นำเครื่องเป่าและเครื่องสายต่างๆ รวมถึงแท่นควบคุมเสียงของดีเจที่เล่นอยู่ในผับเข้ามาเล่นร่วมกัน รูธและฮิคารุก็เป็นสมาชิกในวงด้วย ส่วนมือเบสนั้นเมื่อก่อนสตีฟ เพื่อนของพวกเขาเล่นในตำแหน่งนี้แต่ในตอนนี้เขาย้ายโรงเรียนไปแล้วทำให้วงร็อควงนี้ขาดมือเบสไปโดยปริยาย

"คนญี่ปุ่น?" ฮิคารุถามขึ้นบ้าง

"100% Japanese, not half like you. (คนญี่ปุ่น 100% ไม่ใช่ลูกครึ่งเหมือนแก)" เมลตอบพลางเอามือขยี้ผมของเพื่อนสนิทด้วยความเอ็นดู

"เรียน ม. ปลายปี 1 โรงเรียนมัธยมอะไรสักอย่างนึงนี่แหละ"

"จะชวนมาที่นี่ได้เหรอ?" สาว B- Girl ตั้งคำถาม "เรียนด้วย ช่วยงานที่บ้านด้วย"

"Donno, but she's absolutely rock? (ไม่รู้สิ รู้แต่ว่าเธอน่ะเจ๋งมากๆ เลย...) ว่าแต่โรงเรียนใหม่เป็นไงบ้างล่ะ ไอ้ตัวแสบ" เมลยักไล่แล้วหันมาตั้งคำถามกับเพื่อนซี้บ้าง

"เบื่อๆ ไม่มีอะไรนักหรอก วันๆ ก็เรียนๆ จะทำอะไรก็ไม่ได้ ต้องทำตามกฎ แต่งตัวต้องเรียบร้อย เฮ้อ.... ไม่อยากจะบ่นแล้ว" เด็กสาวลูกครึ่งตอบพลางเล่นลูกบาสเก็ตบอลในมือ เมื่อคิดถึงเรื่องที่โรงเรียนในใจก็พาลที่จะอดนึกถึงนางฟ้าของเธอไม่ได้ ทำให้เธออมยิ้มออกมา

"แล้วรูธกับเมลล่ะ ที่โรงเรียนเป็นยังไงกันบ้าง?"

"High school life is feeling like shit. (ชีวิตนักเรียน ม. ปลาย รู้สึกเหมือนอยู่บนกองขี้เลยว่ะ)" สาวร็อคพูดขึ้น ทำเอาผู้ฟังอีก 2 คน หัวเราะก๊าก รูธกับเมลอยู่เกรด 10 ระดับ ม. ปลายที่โรงเรียนนานาชาติ

"You're right, mate. But well, whatever we must attend this shit for 3 years. (ถูกต้องเพื่อน แต่ยังไงซะ เราก็ต้องอยู่บนกองขี้นี้ตั้ง 3 ปี)"

รูธตอบแบบติดตลกแล้วมองดูนาฬิกาข้อมือที่ขณะนี้เข็มสั้นชี้ไปที่เลข 9 ส่วนเข็มยาวกำลังจะถึงเลข 11 นั่นคืออีก 5 นาทีจะถึงเวลา 21 นาฬิกา ซึ่งเป็นเวลาที่เด็กหญิงอายุ 14 ปีคนนี้ไม่ควรจะออกมาเตร็ดเตร่นอกบ้าน

"โย กลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวแม่เป็นห่วง" สาวร็อคพูดพลางส่งกระเป๋าให้

"ไว้ว่างๆ ฉันจะโทรไป แล้วเรามาซ้อมเพลงกัน ไปเที่ยวมาคราวนี้ฉันเขียนเพลงใหม่มาเยอะ? Hey! Nice uniform. You must be look damn good in it. I wanna see you in this form. (เฮ้! เครื่องแบบสวยนี่ แกใส่แล้วคงจะดูดี วันไหนใส่มาให้ดูบ้างสิ)" เมลมองดูเครื่องแบบนักเรียนที่อยู่ในกระเป๋าของฮิคารุแล้วชม

"Okie, but someday in front of your tomb. (ได้ๆ แต่คงจะใส่ตอนไปงานศพแกนะ)" เด็กสาวลูกครึ่งตอบแบบกวนๆ

"เล่นลิ้นนักนะ รีบๆ กลับบ้านไปเลย" สาว B ? girl หัวเราะ แล้ววิ่งไล่เตะก้นน้องสาวต่างเชื้อชาติของตนเองไปหน้าอู่ ฮิคารุหัวเราะแล้ววิ่งหนีตรงดิ่งไปที่สถานีรถไฟเพื่อกลับบ้าน

-------------------------------------------

เมื่อออกจากพื้นที่แหล่งรวมของชาวต่างในเขตตัวเมืองที่คนทั่วไปเรียกกันติดปากว่า 'F Zone' ที่ย่อมาจาก 'Foreign Zone' นั่นเอง ฮิคารุเดินลัดเข้าถนนสายเล็กๆ อันเป็นทางลัดไปยังสถานีรถไฟเนื่องจากไม่อยากจะเดินเข้าไปในถนนสายหลักที่คาดว่าจะเต็มไปด้วยนักเรียนมัธยมที่ออกมาจากโรงเรียนกวดวิชาหรือร้านคาราโอเกะ รวมถึงคุณลุงวัยทำงานที่ออกมาหาความสำราญก่อนที่จะกลับเข้าบ้านมากนัก

ถนนสายที่เด็กสาวลูกครึ่งเดินลัดเข้าไปนั้นเป็นถนนเส้นเล็กๆ มืดๆ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน ยิ่งเดินเข้าไปก็ยิ่งเงียบ บรรยากาศน่ากลัวซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับเธอเป็นอย่างมากเพราะทุกครั้งที่เธอเดินผ่านถนนเส้นนี้ในเวลาเดียวกันจะมีคนเดินผ่านมาให้เห็นอยู่บ้างแต่วันนี้กลับไม่มี เธอเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นจนมองเห็นสถานีรถไฟที่อยู่ไม่ไกล

"อ๊อก.... แค่กๆ" 

ฮิคารุหยุดฝีเท้าของตัวเองลงเพื่อฟังเสียงที่ไม่รู้ที่มา

"แฮ่กๆๆ แค่กๆๆ" เสียงนั้นดังขึ้นอีก

เด็กสาวกวาดสายตามองไปรอบๆ ตัวแต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ มีเพียงแต่เธอที่ยืนอยู่กลางถนนสายเล็กๆ ทางด้านขวาเป็นลานกว้างที่เต็มไปด้วยหญ้า ส่วนด้านซ้ายเป็นตึกแถวมืดๆ ไร้ซึ่งผู้คน

"ตุ๊บ" เสียงเหมือนมีสิ่งของตกลงบนพื้นทางด้านซ้ายของเธอ

"หือ" เสียงแปลกๆ ดังขึ้นด้านหลังทำให้ต้องหันไปมอง

"เฮ้ย!" เด็กสาวร้องอย่างตกใจ เมื่อเห็นชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนคนหนึ่งในชุดสูทเหมือนพวกพนักงานบริษัททั่วไปล้มลงนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น เธอวิ่งเข้าไปหาผู้ชายคนนั้นทันที

"คุณๆๆ คุณคะ... เป็นอะไรรึเปล่า" เธอรีบวิ่งไปพลิกตัวของผู้ชายคนนั้นให้นอนหงายทันทีเพื่อดูอาการ

"เหวออออออออออ!" เมื่อพลิกหน้าขึ้นมาเด็กสาวก็ร้องเสียงหลง

ผู้ชายคนนั้นมีดวงตาเบิกโพลงเหมือนเขาพบเจอสิ่งประหลาดที่น่ากลัวที่สุด ใบหน้าอูมๆ ของเขาเขียวคล้ำ น้ำลายฟูมปากเหมือนคนโดนพิษ นิ้วมือทั้ง 2 ข้างมีอาการเกร็งและหงิกงอ มีอาการกระตุกเป็นระยะๆ  ชายอ้วนคนนั้นดิ้นไปดิ้นมาอยู่พักหนึ่งแล้วนิ่งไป

"อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"

ฮิคารุปล่อยมือจากชายคนนั้นลงไปนั่งกองอยู่ข้างๆ ด้วยความตกใจ เธอหอบ หายใจแรง หัวใจเต้นระรัวเหมือนคนกำลังวิ่ง เด็กสาวนั่งตัวสั่นอยู่บนพื้นถนนเย็นๆ ข้างๆ ตัวของชายอ้วนอยู่พักหนึ่ง เมื่อบังคับลมหายใจให้สงบได้แล้วเธอก็เอามือยื่นไปที่ใต้จมูกของชายคนนั้น

"ม... ไม่น่า... ไม่จริง"

"ต... ตายแล้ว"

ผู้ชายอ้วนคนนี้ไม่มีลมหายใจเสียแล้ว ฮิคารุอ้าปากค้าง ลมหายใจของเธอหยุดไปนิดหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็เกิดอาการมวลในช่องท้อง รู้สึกผะอืดผะอม เธอวิ่งไปอาเจียนข้างทางทันที เมื่ออาเจียนจนหมดท้อง ก็ทรุดตัวลงกับพื้นถนนข้างๆ ชายผู้โชคร้ายคนนั้นอีกครั้ง น้ำตาแห่งความตกใจก็ไหลออกเป็นทาง

"ร... เรา... เราจะทำยังไงดี" เด็กสาวพึมพำออกมา

"ค... คิด... คิดสิโว้ยยย??. คิด..."

"อ๊ะ! แจ้งตำรวจ"

เมื่อคิดได้ดังนั้น ฮิคารุวิ่งไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะที่อยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุมากนัก เมื่อถึงตู้โทรศัพท์ เธอลนลาน จนบัตรโทรศัพท์และกระเป๋าที่อยู่ในมือหล่นลงบนพื้น

"โธ่เว้ย!"

มืออันสั่นเทาของเธอกดไปที่สายด่วนของตำรวจ รอสายอยู่ 2 ? 3 นาที

"รับซี... รับ... มัวไปทำอะไรกันอยู่ว้า..."

"สวัสดีค่ะ ตำรวจสายตรวจค่ะ" เสียงโอเปอร์เรเตอร์ตำรวจสายตรวจดังขึ้นมาตามสาย

"เอ่อ... แจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายค่ะ มี... มีผู้ชายล้มลงที่..."

เด็กสาวกรอกเสียงลงไปที่หูโทรศัพท์อย่างรวดเร็วแต่แล้วก็หยุดชะงักลงเมื่อเธอหันไปที่ชายเคราะห์ร้ายคนนั้นแล้วพบว่า ศพของเขาหายไป

"ฮัลโหลๆๆ คุณค่ะ คุณ ยังอยู่รึเปล่าคะ" เสียงโอเปอร์เรเตอร์ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อไม่ได้ยินเสียงฮิคารุพูดประโยคต่อไป

เด็กสาวทิ้งหูโทรศัพท์แล้ววิ่งกลับมายังจุดที่ๆ ชายคนนั้นนอนอยู่เมื่อครู่

"ห... หายไป หายไปไหน"

ในช่วงเวลาที่เธอละสายตาเพียงครู่เดียว ศพของชายอ้วนก็หายไป 'ใครกันที่ทำแบบนี้'

ฮิคารุยืนตะลึงอยู่ตรงนั้นอยู่นาน เมื่อตั้งสติได้ก็วิ่งออกสถานที่นั้นอย่างรวดเร็วตรงไปที่จุดหมายเดียวของเธอที่ๆ เธอคิดว่าปลอดภัยที่สุดแล้ว นั่นก็คือบ้าน

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น