web stats

ข่าว

 


Queen's tales Season2 -บทที่ 11 : Hurt Me With The Truth

โพสต์โดย: anhann วันที่: 21 ตุลาคม 2015 เวลา 19:56:23 อ่าน: 363








บทที่ 11 : Hurt Me With The Truth 





แทนที่จะตกใจกลัวเมื่อเห็นฝูงม้านับจำนวนได้เกือบสิบตัวพร้อมทหารและรถม้าอีกสองคัน  หากเด็กๆ กลับกรูกันเข้ามาหาเหล่าผู้มาเยือนทันทีที่ขบวนหยุดอยู่ ณ ใจกลางของหมู่บ้าน  นั่นเพราะทหารไม่ได้สร้างความน่ากลัวให้กับพวกเขาอีกต่อไปแล้ว  โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นคนนำขบวน

"เจ้าหญิงไคล่า"  เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ  เกาะขาคนบนหลังม้าสีดำอย่างไม่กลัวเกรง  เด็กคนอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน  บ่งบอกชัดแจ้งว่า  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของการมาเยี่ยมเยือน

"ใจเย็นๆ เดี๋ยวเราลงไปคุยด้วย"  ไคล่าบอกด้วยรอยยิ้ม  ล้วงมือในกระเป๋าหนังใบย่อมที่สะพายมา  ส่งขนมหวานให้บรรดาเด็กๆ จากนั้นพวกเขาก็พากันเฮละโลไปแกะขนมกินกัน  และคงไม่สนใจเธอไปอีกสักพัก

"ดูสิ  พวกเขาจำท่านได้  แต่จำข้าไม่ได้"  สาวบนหลังม้าอีกตัวบ่นงึมงำ  มองเคืองขุ่นไปยังกลุ่มเด็กๆ ที่ตนเคยจุนเจือมา  ยังหวังว่า จะมีสักคนที่สนใจว่า  ตนอยู่ตรงนี้

"เจ้าแตกต่างจากเดิมไปมาก  ซ้ำไม่ได้มาบ่อยเหมือนข้าด้วย  จะแปลกอะไรกัน" ไคล่าชี้แจง  กระโดดลงจากหลังมาและส่งสัญญาณมือสั่งการให้ทหารแจกจ่ายข้าวของที่บรรทุกมาให้กับชาวบ้านที่มารอรับอย่างรู้งาน  อิสซาเบลล่ามองตามการทำงานอย่างคล่องแคล่วนั้นอย่างอึ้งทึ่ง

"ท่านมาด้วยตัวเองบ่อยหรือ"

"ถ้าว่าง  ข้าก็มาเอง"  เจ้าหญิงรัชทายาทตอบ  "ให้คนบางพวกเกรงใจ"

สาวน้อยสะดุดกับประโยคหลัง  มองหน้าอีกฝ่ายเมื่อลงมายืนบนพื้นดินด้วยกันแล้ว "ท่านก็ระแคะระคายเรื่องนั้นด้วยเหมือนกันหรือ"

"มันเป็นหน้าที่ที่ข้าต้องสนใจ" ไคล่าพูดราวจะปัดเรื่องให้พ้นตัว  แม้จะถูกมองอย่างเพ็งเล็งจากคนที่ต้องจำใจกระเตงมาด้วย  "แทนที่เจ้ามาซักไซ้เรื่องนี้  เจ้าควรไปทำเรื่องตามที่ขอคาร่ามาดีกว่า  ถ้าไม่อยากกลับไปแล้วมีปัญหา"

"ก็ได้  แต่อย่างน้อย  พูดกับข้าให้เหมือนเดิมก่อนไม่ได้หรือ"  เด็กสาวอ้อนวอน  หากยังไม่ทันจะได้รับคำตอบ  ก็พบว่า  ตนตกเป็นเป้าสายตาของใครๆ ไปเสียแล้ว

"ดูเหมือนพวกเขาจะรู้แล้วล่ะว่า  เจ้าเป็นใคร" ไคล่ากระซิบ  อีกคนหันมาทำหน้าแปลกๆ ให้  "กลัวอะไรล่ะ  นี่บ้านของเจ้า  อยากมาไม่ใช่หรือ"

"ก็ใช่  แต่ว่า..."

"ไปเถอะน่า  ข้าไปเป็นเพื่อนก็ได้"

อิสซาเบลล่าอยากจะแย้งแต่ก็สายเกินไปแล้ว  เมื่อร่างของเธอโดนลากมาจนถึงตรงหน้ากลุ่มคนซึ่งเป็นสหายเก่าแก่  เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา

"เบลล่า.. นั่นใช่เจ้าหรือเปล่า"

สาวน้อยอึกอัก  ไม่กล้าตอบรับหรือปฏิเสธอะไร  แม้จะดีใจมากแค่ไหนที่ได้กลับมาบ้าน  หากความรู้สึกผิดที่เธอปล่อยให้เพื่อนๆ อยู่กันแบบนี้แล้วหนีไปสุขสบายอยู่คนเดียว  ก็ฉุดรั้งเธอเอาไว้  จนกระทั่งคนที่มาด้วยยกมือขึ้นแตะไหล่

"ไปทักทายเพื่อนเจ้าเสีย  ไม่งั้นข้าจะกลับละนะ"

"ไคล่า"

ไคล่าเลิกคิ้ว  นัยน์ตาสีฟ้าส่อแววขี้เล่นขึ้นมาแทนที่ความเย็นชา  คนที่กำลังจะงอแงจึงหยุดชะงัก  พยักหน้าให้อย่างจำยอม  "อยู่กับเพื่อนเจ้าไปก่อน  ข้าจะไปธุระสักครู่"

"ไปไหน"

"ไม่เอาน่าเบลล่า  เจ้าไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้วนะ  เดี๋ยวข้ามา"

อิสซาเบลล่าหน้าบูด  มองดูร่างสูงสง่าเดินจากไปอย่างใจคอไม่ค่อยดี  หากเมื่อรู้สึกว่า  มีบางคนมากระตุกแขนเสื้อ  และได้สบตากับแววตาไร้เดียงสาของเด็กน้อยหน้าตาคุ้นๆ เธอก็ยิ้มออก  กลุ่มเด็กๆ ต่างเรียกชื่อเธอกันยกใหญ่

"เบลล่า..  เจ้าคือเบลล่า  เบลล่ากลับมาแล้ว"

"ใช่.. ข้ากลับมา  กลับมาแล้ว"  สาวน้อยตอบ  ยิ้มกว้างอย่างดีใจ  และถึงรอยยิ้มจะจางลงไปเล็กน้อยตอนสบตากับเพื่อนที่ครั้งหนึ่งเคยสนิทกันมาก  แต่ความจริงใจไม่ได้น้อยลงไป

"อันวา"

"เจ้ากลับมาจริงๆ เบลล่า"

"แน่นอน"  เธอตอบ  อ้าแขนรับตัวเพื่อนสาวที่โผเข้ามากอดกันด้วยความคิดถึง  แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้รู้สึกมันตามลำพัง  เหล่าเพื่อนผองก็ต่างเข้ามาล้อมวงกันกอดเธอด้วยคน  และเธอก็รู้สึกว่า  ถึงบ้านแล้ว..

...........................................

ไคล่าปลีกตัวมาตามลำพัง  เดินมาด้านหลังของหมู่บ้านอย่างไม่ยากนัก  เพราะคนอื่นๆ ต่างพากันพุ่งความสนใจไปที่ข้าวของซึ่งเธอสั่งการให้บรรดาทหารนำไปแจก  และตัวอิสซาเบลล่าที่ไม่ได้มาที่นี่นานนับปี  แต่ก็ใช่ว่า  จะไม่มีใครรู้ถึงการมาของเธอ 

ไม่เช่นนั้น  คงไม่มีใครเอ่ยต้อนรับตั้งแต่ยังไม่ทันจะได้เคาะประตูบ้าน

"ต้องการความช่วยเหลือใดจากหม่อมฉันหรือเจ้าหญิงรัชทายาท"

ร่างสูงหันหลังขวับอย่างตกใจ  ชายชราเคราขาวยืนอยู่ด้านหลังด้วยท่าทีไม่แปลกใจนักกับการพบเจอเธอ  "ท่านเนฟิน"

"คาดว่า  พวกท่านคงมีคำถามเดียวกัน  เหตุใดไม่เข้าไปด้านในพร้อมกันเล่า"  เนฟินเอ่ยขึ้นอย่างล่วงรู้  หากคนไม่รู้กลับมองซ้ายมองขวา  ไม่เข้าใจว่า  นอกจากตนแล้ว  มีใครอยู่ที่นี่ด้วย  จนกระทั่งควันสีดำปรากฏขึ้นไม่ห่างจากร่างของชายชรา  และมีร่างของสองหญิงสาวขึ้นมาแทนที่หมอกควันดำ  สองสาวซึ่งไคล่าเห็นแล้วต้องสั่นศีรษะอย่างไม่เชื่อ

"ไอซิส..  ชาร์ล็อต"

คนแรกที่ถูกเอ่ยชื่อ  ยิ้มแหยราวเด็กถูกจับได้ว่า  หนีออกมาเที่ยวนอกบ้านในยามที่โดนโทษกักกัน  ส่วนคนที่สอง  เป็นเจ้าของสีหน้าไม่แยแส  และยังกวนประสาทได้ดีเช่นเดิม

"พวกเจ้ามากันทำไม  แล้วใครอนุญาตให้เจ้าท่องเที่ยวไปทั่วในดินแดนของข้า"  ไคล่าดุ  หากบรรยากาศอันอึมครึมก็ถูกปัดเป่าให้หายไป  เมื่อเจ้าของสถานที่ที่ตนจงใจมาเยือน  เอ่ยเชื้อเชิญอีกครั้ง

"เอาไว้ข้าจะชำระความกับพวกเจ้า"

สองสาวที่โดนคาดโทษมองหน้ากันหลังจากคนแสร้งทำเป็นดุ  ผลุบหายเข้าไปในบ้านอันซอมซ่อ  ดูไม่เหมาะกับการเป็นที่พักของพ่อมดอันเลืองชื่อของป่าชุมทางโจร  ซึ่งตอนนี้ไม่มีโจรอีกต่อไปแล้ว

"เข้าไปเถอะ  คงไม่กลัวพี่เจ้าจนจะขอตัวกลับหรอกนะ"

"อย่างข้าน่ะเหรอ" ไอซิสย้อนด้วยรอยยิ้มเย้าหยอก  จากนั้นก็คว้ามือคนรัก  ดันประตูไม้เก่าคร่ำคร่าเข้าไปด้านใน  คนที่ถูกจับมือก็ยิ้มกริ่ม  คลายความกังวลใจไปได้หนึ่งเรื่อง

...................................................

"เจ้าจะกลับมาอยู่ที่นี่เลยไหม"

อิสซาเบลล่ามองหน้าเพื่อนอย่างลำบากใจกับคำถาม  แต่ก็ดูเหมือนว่า  อันวาจะรู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้ว  "แต่ข้าจะมาเยี่ยมเจ้ากับคนอื่นๆ บ่อยๆ  โอ..หรือเจ้าจะเข้าไปอยู่ในวังกับข้าล่ะ  ข้าจะขอคาร่าให้  คงไม่มีปัญหาหรอก  ข้าว่าจะถามเจ้านานแล้ว  โทษที"

"อย่าเลย..  ข้ามันคนป่า  ไม่เหมาะกับที่แบบนั้นหรอก"

"ข้าก็คนป่าเหมือนเจ้า  ข้ายัง--"

"อย่างน้อยเจ้าก็มีสายเลือดสีน้ำเงินอยู่ในตัว"

เจ้าหญิงน้อยเถียงเพื่อนไม่ออก  แค่อันวายอมมาคุยด้วยตามลำพังอย่างนี้  เพื่อนก็ดูจะอึดอัดมากพอแล้ว  ท่าทางระแวงสายตาพวกทหารองครักษ์ที่ชอบมองมาหาเรา  แต่จะว่าพวกเขาก็ไม่ได้  พวกเขาได้รับคำสั่งมาอีกที  จากบุคคลที่ใครก็ปฏิเสธไม่ได้เสียด้วย  และถ้าไคล่าไม่ช่วยพูดให้  เธอคงไม่ได้มา

"แต่ข้ายังเป็นข้าคนเดิมนะ"

"ข้ารู้" อันวาตอบ  "ไม่อย่างนั้น  ข้าจะมานั่งกับเจ้าทำไม"

อิสซาเบลล่ายิ้มดีใจ  โอบไหล่เพื่อนรักและโยกตัวอันวาไปมา  หากยิ้มของทั้งคู่ก็จางไป  เมื่ออันวาพูดขึ้นอีกครั้ง  "เจ้าไม่ได้มาแค่เยี่ยมข้ากับคนอื่นๆ  หรือเอาข้าวของมาให้พวกเราหรอกใช่ไหม"

คำถามดักคอ  พาคนฟังเงียบไปอย่างตั้งตัวไม่ติด  สาวน้อยเม้มปากอย่างลำบากใจ  หากแต่แววตาซื่อสัตย์ของอีกฝ่ายก็มีอิทธิพลกับเธอ 

"ข้ามาตามหาความจริง"

"ความจริง?"

เจ้าหญิงน้อยผงกหัว  "ต้นกำเนิดที่แท้จริงของข้าน่ะสิ  ข้าไม่แน่ใจว่า  เรื่องที่รู้มา  มันจริงเท็จแค่ไหน"

"แล้วมันสำคัญตรงไหนล่ะ"

"สำคัญ..  สำคัญสิ"  อิสซาเบลล่าพึมพำอย่างคนเลื่อนลอย  ใจลอยคิดไปไกลถึงคนที่อยู่ในวัง  คนที่ยอมอนุญาตให้เธอมาที่นี่ 

แม้จะมีหลักฐานและพยานบุคคลยืนยันว่า  เธอเป็นใคร  แต่อย่างไร  เธอก็ยังรู้สึกประหลาด  คล้ายสัญชาตญาณมันบอกว่า  เธอไม่ใช่คนคาดีทส์ที่แท้จริง  และยังไม่รู้สึกถึงสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกกับพระราชาครอสอีกด้วย  กับโรบินฮูด  พ่อบุญธรรมของเธอ  เธอยังรู้สึกว่า  เขาเป็นพ่อมากกว่าบุรุษผู้นั้น

"เจ้าคิดว่า  พ่อลูกกันมันต้องมีความรู้สึกบางอย่างต่อกันไหม?"

"เจ้าหมายถึงอะไร?"

"ความผูกพัน  สายใยระหว่างพ่อลูกน่ะ  แบบว่า.. รู้สึกพิเศษกับเขา  อะไรแบบนี้"  อิสซาเบลล่าพยายามอธิบาย

"มันก็พูดยากนะเบลล่า  เพราะกับพ่อของข้า  ข้าอยู่กับเขามาตั้งแต่เกิด  ข้ารู้อยู่แล้วว่า  เขาเป็นพ่อ  มันจึงไม่แปลกอะไร  หากข้าจะผูกพันรักใคร่เขา  แบบนั้น"  อันวาร่ายยาว  "นี่อย่าบอกนะว่า  เจ้าไม่เชื่อเรื่องที่พระราชาครอสเป็นพ่อของเจ้า"

เจ้าหญิงน้อยไม่ได้ตอบเพื่อนด้วยวาจา  หากแววตาก็ทำให้อันวาสั่นหัวอย่างไม่เห็นด้วย  "เจ้าไม่ควรสงสัยเรื่องแบบนี้เลยนะเบลล่า  ที่แล้วก็ให้มันแล้วไปสิ"

"ไม่ได้  ข้าทำแบบนั้นไม่ได้"  อิสซาเบลล่าแย้งอย่างรวดเร็ว  โชคดีที่ยังระงับปากเอาไว้ได้ทันก่อนจะพลั้งพูดอะไรที่ไม่ควรออกไป  เธอจะพูดได้ยังไงว่า  เธอไม่ต้องการเป็นลูกของเขา 

เพราะเธอไม่อยากเป็นพี่น้องกับคาร่า!

ไม่ได้.. ตอนนี้เธอยังพูดเรื่องนี้ไม่ได้  ถึงจะเป็นกับเพื่อนรัก..

"เจ้าก็รู้ว่า  ข้าต้องรู้ในสิ่งที่ข้าอยากจะรู้"

อันวาถอนหายใจยาว  "เจ้ายังไม่เปลี่ยนไปจริงๆ"

สองสาวยิ้มให้กัน  และพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนไม่ได้เจอกันมานาน  แต่ไม่ทันไร  เสียงจ้อกแจ้กจอแจที่หายวับไปกะทันหันก็ทำให้พวกเธอหยุดชะงักบ้าง  จากนั้นอิสซาเบลล่าได้ยินเสียงร้องตกใจของบรรดาเด็กๆ

"ไอซิส!"  เธอร้องขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวที่เห็นเพียงเส้นผมก็จำได้ทันใด  เรือนผมสีทองแดงโดดเด่นสะดุดสายตา  และยังดวงตาสีเลือดที่กำลังทอประกายรับกับแสงของพระอาทิตย์  ร่างสูงระหง  ใบหน้าหรือก็งดงามกว่าหญิงใด  ไม่ว่าจะในโลกนี้หรืออีกสองโลก

หากทว่า  นางไม่ได้มาเพียงลำพัง...

"ใครอีกคนหนึ่งน่ะ  ข้าไม่เคยเห็น  สวยมากแต่น่ากลัว  ดูสิ  ข้าขนลุกไปหมดแล้ว"  เสียงอันวาแทรกความคิดเธอมา  ดวงตาสีเขียวจึงกะพริบปริบ

"ชาร์ล็อต  เจ้าหญิงชาร์ล็อต  ผู้ปกครองดินแดนแห่งความมืด  คู่หมั้นของเจ้าหญิงไอซิส"

"หา!?  คนนี้น่ะเหรอ  ที่ใครๆ ก็ต่างกลัวเกรง  แม้กระทั่งตัวเจ้าหญิงเองก็ยังต้องหนีการแต่งงานไปครั้งนั้น"

อิสซาเบลล่าพยักหน้า  "ตัวจริง  ไม่ได้น่ากลัวอย่างเสียงร่ำลือหรอก  สวยและใจดีมากต่างหาก"

อันวามองหน้าเพื่อนอย่างสงสัย  "เจ้ารู้จัก  สนิทสนมกับพระองค์ถึงเพียงนั้นเลยหรือ"

"เรื่องมันยาว  เอาไว้  ข้าจะเล่าวันหลัง  ข้าต้องมาอีกแน่ๆ ไม่ต้องกลัว  เจ้ารู้แค่เพียงว่า  ผู้ปกครองดินแดนที่ห่างไกลนั่น  ไม่ได้ใจร้ายก็พอแล้ว"

"เอาเถอะ  ถึงจะใจดีหรือร้าย  ก็ไม่เกี่ยวกับข้าอยู่แล้วล่ะ"

อิสซาเบลล่ายิ้มให้เพื่อน  "ข้าไปก่อนนะ  แล้วบางทีจะฝากเรนเน่  ส่งจดหมายมาให้เจ้า"

"เรนเน่?"

เพื่อนรักทำหน้างงกลับมา  เธอจึงนึกขึ้นได้ว่า  ไม่มีใครเห็นภูติจิ๋วที่ท่านพ่อมดเฒ่าให้เธอเอาไว้  นอกจากคนพี่น้องคาดีทส์และชาร์ล็อต  แต่คนที่มีพลังเวทมนตร์ในตัวคนอื่น  อาจจะมองเห็นเพื่อนตัวเล็กของเธอ

"เอาไว้เจอแล้วก็รู้เองแหละ"  อิสซาเบลล่าตอบ  ตบบ่าเพื่อนรักเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้น  "ข้าไปก่อน  แล้วเจอกัน  รักษาตัวนะ"

"เจ้าก็เหมือนกันเบลล่า" อันวาขานรับด้วยรอยยิ้ม  ยืนขึ้นส่งเพื่อนรักที่เดินจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์  อิสซาเบลล่าหันมายิ้มและโบกมือให้เธออีกที  เธอโบกกลับไป  แต่สายตาดันมองเลยเพื่อนไปจนถึงใครอีกคน 

เจ้าหญิงแห่งแดนมืด.. 

เธอเคยเห็นนางมาก่อนหรือเปล่านะ

........................................................

"ไอซิส" อิสซาเบลล่าเอ่ยเรียกคนที่เห็นหน้าครั้งใดก็ตื่นเต้นแทบทุกครั้ง  ไอซิสไม่หันมา  ทำเพียงปรายตามามองอย่างไม่เต็มใจ  ความดีใจจึงถูกพัดหายไปทันที

"ทักแต่ไอซิสคนเดียวหรือ"  ชาร์ล็อตยื่นมือมาช่วยแก้ไขสถานการณ์  สาวน้อยจึงค่อยยิ้มออก  "เราบังเอิญผ่านมา  เจอไคล่าเข้า  จึงเข้ามาทักทาย" 

"เที่ยวไกลเหมือนกันนะคะ"  สาวน้อยหยอกเย้าอย่างใจกล้า  ลืมมองอีกสองคนไปว่า  ทำหน้าคนละอารมณ์กันกับตน  เธอพยายามสนใจแต่ชาร์ล็อตเข้าไว้  เพื่อจะได้ไม่แสดงทีท่าหวาดกลัวใครในบ้านของตัวเอง

"มาทำธุระนิดหน่อยจ้ะ  จะกลับแล้วล่ะ"

"กลับด้วยกันสิคะ"

"ชาร์ล็อต..  ข้าจะกลับแล้ว"  ไอซิสแทรกอย่างเอาแต่ใจ  เพราะขืนให้ชาร์ล็อตเล่นบทพี่สาวที่แสนดีอยู่แบบนี้  พวกเธอคงจะปลีกตัวออกไปจากใครๆ ได้ลำบาก  เธอมีเรื่องต้องคุยกับชาร์ล็อตตามลำพัง  ถึงความจริงจะอยากคุยกับไคล่าด้วยก็ตาม  แต่พี่สาวเธอต้องกลับพร้อมเด็กน่ารำคาญคนนี้  เธอจึงต้องเลือกชาร์ล็อตก่อน  แล้วไคล่าค่อยตามไปคุยด้วยทีหลัง

"เอ่อ.." ชาร์ล็อตลำบากใจที่จะลากลับ  ส่วนหนึ่งเพราะเธอต้องการพูดคุยกับอิสซาเบลล่าให้มากกว่านี้  แต่คู่หมั้นของเธอก็ส่งสายตาคาดโทษมาเสียแล้ว 

"เอาไว้ค่อยคุยกันตอนถึงวังก็ได้เบลล่า  ข้าไม่อยากแย่งม้าใครด้วย"

"แต่ว่า..."

"เบลล่า  อย่ากวนใจพวกเขาสิ"  ไคล่าเอ่ยเตือน  ช่วยเหลือน้องกับเพื่อนอย่างรู้เวลา  อิสซาเบลล่าทำหน้าเสียดาย  หากก็ยอมพยักหน้าแต่โดยดี

"มานี่   บอกลาเพื่อนๆ เจ้าแล้วใช่ไหม"

สาวน้อยผงกหัวอย่างไม่เต็มใจนัก  เดินตามหลังร่างสูงกับเรือนผมสีเทาไปแล้วก็ยังจะเหลียวหลังมามองสองคนที่ส่งยิ้มให้คนหนึ่ง  หน้าบึ้งใส่อีกคนหนึ่ง

"รีบกลับเถอะ  หากมืดค่ำจะมองอะไรลำบาก"  เสียงจากคนด้านหน้าเรียกความสนใจเธอไปพร้อมมือที่เข้ามาจับจูง  และเมื่อหันมาด้านหลังอีกครั้ง  สองคนนั่นก็หายไปแล้ว 

.......................................................

"ข้านึกว่า  เขาจะพูดคนละอย่างกับนางไม้ซะอีก"  ไอซิสพูดขึ้นระหว่างเดินจูงมือกับคู่หมั้นบนทางที่จะไปยังปราสาทของตน  ชาร์ล็อตไม่ได้พาเราทั้งคู่หายตัวเข้าไปในปราสาททันที  แต่เลือกที่จะปรากฏกายอยู่ด้านนอกก่อน  อยากให้เธอได้เดินบ้าง  หรือมีจุดประสงค์อื่นก็ไม่รู้

"แต่เจ้าเชื่อเขาหรือเปล่าล่ะ"

ชาร์ล็อตมองคนถามด้วยท่าทางครุ่นคิด "เขาเป็นพ่อมด  ไอซิส  ข้าว่า.."

"อะไรกัน  ตอนนางไม้พูด  เจ้าก็ไม่เชื่อ  คราวนี้เป็นคนในหมู่บ้านนั้นเอง  เจ้าก็ยังไม่เชื่ออีก  แล้วเจ้าต้องการพยานหลักฐานแบบไหนกันแน่"  สาวตาสีแดงถามเสียงขุ่นเคือง  แทบจะสะบัดมือที่จับไว้แล้ว  หากอีกฝ่ายไม่ใช้อีกมือมาจับแขนกันเอาไว้ก่อน  นัยน์ตาสีม่วงมองเธออย่างขอร้อง  จนจำใจต้องระบายลมหายใจออกมา  ควบคุมสติอารมณ์ใหม่

"เจ้าจะไปถามพ่อข้าเองเลยไหม..  หรือไปไล่ถามจากพวกอาๆ ของเจ้า"

"ข้ากำลังคิดอยู่ไอซิส"

ไอซิสอยากจะบ่นต่อ  แต่เธอกลับทำได้แค่สั่นศีรษะเบื่อหน่ายและโอบเอวอีกฝ่ายเข้าไปในปราสาทของตน  "ช่างเถอะๆ  ข้าคิดว่า  ยังไงไคล่าคงไม่อยู่เฉยแน่ๆ  ลองเค้ารู้ขนาดนี้แล้ว"

ชาร์ล็อตพยักหน้าเห็นด้วย  แต่ก่อนจะปล่อยให้ตัวเองถูกพาเข้าไปในปราสาทอันเงียบเหงาที่เจ้าของมันดูจะเคยชินกับมันแล้ว  เธอยังปรายตามองไปด้านข้าง  มีใครบางคนซุ่มมองพวกเธออยู่จริงๆ  ตามที่เธอสงสัย  และเธอจะต้องรู้ให้ได้ว่า  มันเป็นใคร

....................................................

มือขาวจัดโบกไปในอากาศหนึ่งครั้ง  เกิดแสงเรืองวาบมาชั่ววูบปกคลุมเตียงนอนสี่เสาที่เธอเพิ่งจะลุกขึ้นมา  นัยน์ตาสีม่วงมองใบหน้าที่หลับใหลอยู่  แล้วยิ้มเรื่อ  อย่างน้อยเธอก็มีความสุขกับเรื่องหนึ่งละนะ

"ทอดอาลัยอยู่นั่นล่ะ  ออกมาซะที" 

ชาร์ล็อตกลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย  สะบัดมืออีกครั้ง  ปรากฏม่านสีเลือดหมูปกคลุมเตียงตรงหน้าจากหลังคาลงมา  ชี้ชัดว่า  ไม่ต้องการให้ใครเห็นคนด้านใน  โดยเฉพาะคนที่โผล่มากวนใจกันถึงเรือนนอน

"ทำหวง..  มีอะไรบ้างที่ข้าไม่เคยเห็น"  คาร่าหยอกก่อนจะโดนดันอกให้ออกไปจากห้อง  "อะไรกัน  ข้าพูดไม่จริงหรือไง"

"ถ้าจะมากวนอารมณ์ข้า  ข้าแนะนำให้เจ้ากลับไปซะ"

"โธ่..ชาร์ล็อต  หยอกนิดหยอกหน่อยไม่ได้หรือไง  ไหนๆ เจ้าก็อุตส่าห์ร่ายมนต์ไม่ให้ไอซิสได้ยินแล้ว"

"ข้าแค่ไม่อยากกวนเวลาพักผ่อนน้อง"

"โอ.. ข้าชักเริ่มอิจฉาไอซิสขึ้นมานิดๆ แล้วสิ  จะมีใครรักข้าได้เหมือนที่เจ้ารักน้องข้าบ้างไหมนะ"

"ก็ทำตัวดีๆ หน่อยสิ  เลิกเจ้าชู้ได้แล้ว"

"ใครบอกว่า  ข้าเจ้าชู้  ข้าแค่ทำให้ผู้หญิงพวกนั้นมีความสุขต่างหาก"  คาร่าลอยหน้าลอยตาพูดอย่างไม่รู้สึกผิด  อีกคนส่ายหัวปลง  แต่เธอหรือจะสนใจ

"มาว่ากันเรื่องนั้นดีกว่า  ข้าไม่ได้มาให้เจ้าบ่น  ข้ามีคนบ่นเยอะแล้ว"

"งั้นก็ว่ามา  มนต์ที่ข้าร่ายไว้  ไม่ได้นานเป็นชั่วโมงหรอกนะ"

"ตกลงเจ้าเชื่อใช่ไหม" 

ชาร์ล็อตตกใจกับท่าทางจริงจังของคนถาม  แม้จะไม่แปลกใจนักว่า  เขารู้เรื่องนี้มาจากไหน  ไคล่ารู้อะไร  แฝดของเขาก็ย่อมจะต้องรู้  เพราะหน้าที่ของแฝดน้องคือเป็นพิราบคาบข่าวมาให้แฝดพี่อยู่แล้ว

"ไม่..  ไม่รู้สิ"  คาร่าเลิกคิ้ว  ดูงงกับคำที่เธอตอบ  "แล้วเจ้าอยากจะให้เบลล่าเป็นญาติของข้า  แทนน้องของเจ้าจริงๆ หรือ"

"ใช่.."  ผู้มาเยือนตอบอย่างไม่หยุดคิด  "ถึงนางจะยังเป็นญาติของข้า  เพราะเกิดจากน้าสาวข้า  แต่ยังไงก็ดีกว่า  เป็นน้องในไส้  ข้าไม่....."

"นี่เจ้าแค่รู้สึกผิด  หรือไม่ต้องการให้คนครหาเบลล่า  หรือเจ้าอยากจะเอานางออกหน้าออกตาเป็นภรรยาอย่างเป็นทางการ"  ชาร์ล็อตสงสัย  ด้วยรู้ดีว่า  สหายคนสนิท  ไม่เคยยี่หระกับภูมิหลังของผู้หญิงที่หลับนอนด้วยมาก่อน

"ทุกๆ อย่างชาร์ล็อต  ทุกๆ อย่าง"  คาร่ายอมคายความจริง  อึดอัดใจจนไม่สามารถจะเก็บงำไว้เพียงลำพัง  หากท่าทางตกใจเกินพอดีของเพื่อนสนิทก็ทำให้เคลือบแคลง  "เจ้าทำหน้าเหมือนโลกจะแตกวันนี้พรุ่งนี้อย่างนั้น"

"ข้ายังกังวลบางเรื่อง"  ชาร์ล็อตสารภาพ "หากเบลล่าเป็นลูกของอาข้า  คนใดคนหนึ่ง  ข้าเกรงว่า..."

"ข้าจะจับตาดูนางเอง" 

น้ำเสียงมั่นอกมั่นใจของอีกฝ่ายทำให้เธอตะลึงไม่น้อย  หากชาร์ล็อตก็สามารถคลี่ยิ้มออกมาได้อย่างสบายใจขึ้น  ยกมือขึ้นแตะบ่าเพื่อนรัก  "งั้นก็ฝากเจ้าไว้เลยแล้วกัน"  คาร่ายิ้มรับคำฝากฝัง  แต่ไม่ใช่แค่ต้องการจะรับผิดชอบใคร


.......................................................


ลัดคิวเรื่องอื่นเขามา 

ช่วงนี้บ้าซีรีย์แฟนตาซีค่ะ  อิอิ

ส่วนเรื่องอื่นๆ ไม่ต้องกลัว  เดี๋ยวตามกันไปค่ะ  ต้องแบ่งๆ กัน  คนละวันนะคะ

ขอบคุณค่ะ  :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น