web stats

ข่าว

 


Red Project 2 Fallen Angel (รีไรท์)-Chapter 3 : Bad Feeling

โพสต์โดย: anhann วันที่: 28 กันยายน 2015 เวลา 22:09:08 อ่าน: 436








Chapter 3  :   Bad Feeling




ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ที่ตัวเองเหมือนคนพิการแบบนี้  แต่คิดอีกที  ได้มีคนคอยเอาใจบ้างก็ดีเหมือนกัน  ก็ใครกันที่จะสามารถทำให้คุณผู้การคนเก่งที่มีงานล้นมือตลอดเวลามาคอยเข็นรถเข็นให้แบบนี้

เธออยู่ตรงนี้อีกครั้งในเรือนกระจกอันแสนร่มเย็น  หากคราวนี้ไม่ได้มาตามลำพังกับรถเข็นประจำตัว  ไม่มีนางพยาบาลตามหลังต้อยๆ  แต่กลับเป็นคนที่ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมาทำเรื่องแบบนี้ให้เธอ  หุ่นยนต์แอนดรอยด์ที่เหมือนคนมากๆ ก็มีให้ใช้  หากไม่อยากให้พยาบาลมา  แต่เขาก็ยืนยันจะมาเองนี่...

อา..แต่เธอใช้เขามากไปหรือเปล่า..  ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย  พี่สะใภ้ก็ไม่ใช่แล้ว..  หรือว่า...

"บลู..  วันนี้คุณไม่ยุ่งเหรอคะ.?"  เงยหน้าถามสาวตัวสูงที่อยู่ด้านหลัง  คนในชุดสูทนั่นเหมือนเพิ่งหลุดจากอาการเหม่อมา  ดวงตาสีฟ้าดูประหลาดใจ  เอเวอร์ลีนถอนหายใจเบาๆ

"ฉันถามว่า  คุณไม่มีงานอื่นที่น่าสนใจกว่าการมาเป็นพยาบาลส่วนตัวของฉันเหรอคะคุณผู้การ"  ถามครั้งนี้เหมือนจะต่อว่า  หากรอยยิ้มกับสายตาที่บอกว่าล้อเล่น  ก็ทำให้คนที่เห็นหัวเราะเขิน  ร่างสูงหยุดเดินและเดินวนมาอยู่ตรงหน้า  บลูอายส์ย่อตัวลงนั่งชันเข่า  เงยหน้ามองเธอที่เลิกคิ้วมองกลับ  มองดวงตาสีฟ้ากระจ่างสลับกับมือขาวที่มารวบจับมือตัวเอง

"ไงคะ.?"

เจ้าของดวงตาสีฟ้าถอนหายใจพร้อมค่อยๆบีบนวดมือเล็กกว่าที่กุมอยู่   คนมองหน้ากันยิ่งทำสายตาประหลาดใจไปใหญ่เลยส่ายหน้ายิ้มให้ "ไม่มีอะไรจ้ะ  ไม่มีอะไรด่วนเลย  เลยอยากมาอยู่กับเธอบ้าง"

"เหรอ..  แต่ดูท่าทางมีอะไรมากกว่านั้นนะ"  เอเวอร์ลีนย้อน  มองคนหัวเราะเขินๆแล้วยิ้มใสๆให้  "บลูคะ  ถ้ามีอะไรอึดอัด  อยากระบาย  ฉันฟังได้เสมอนะ  คิดซะว่า  ฉันเป็นพี่สาวของคุณก็ได้.."

"ไม่ได้หรอกจ้ะ"  บลูอายส์ปฏิเสธทันที  สีหน้าของอีกคนเลยสลดจนต้องรีบพูด  กลัวถูกเข้าใจผิด  "ก็เธออ่อนกว่าฉันนี่นา.."

สาวตาสีเขียวหัวเราะเสียงใส  ขยับตัวเข้าไป  ยกมือขึ้นแตะแก้มอีกคน  มองตากันอย่างอาทร  "บางครั้งอายุก็ไม่ใช่ปัญหา  คนเป็นผู้ใหญ่กว่าอาจจะพลาดบ้างก็ได้นะคะ  ถ้าเค้าเอาแต่เก็บอะไรไว้ในใจคนเดียว  โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับหัวใจ"  สุดท้ายเธอเอานิ้วจิ้มที่อกข้างซ้ายของคนในชุดสูท  บลูอายส์ก้มดูนิ้วเธอก่อนเงยหน้าขึ้นทำตาปริบๆ  เอเวอร์ลีนยิ้มอ่อนโยน

"อาการคุณเหมือนคนอกหักค่ะ  ใครเห็นก็ต้องคิดแบบฉัน"

"เอ่อ..  เอ่อ..  อย่างนั้นเหรอ.?"  คุณผู้การถามแก้มแดง  ไม่คิดว่าอาการตัวเองจะโจ่งแจ้งขนาดนี้  ปิดไม่มิดเหรอเนี่ย..

"ไม่เชื่อเหรอ..  มิเชลบ่นกับฉันทุกคืนเลยนะ" 

"บ่น.?  บ่นอะไรคะ.?"  บลูอายส์แสร้งทำเสียงใสบ้าง  กลบเกลื่อนอาการเศร้าอย่างเปิดเผยของตัวเอง  แต่คงสำเร็จได้ยาก  หากเป็นกับผู้หญิงคนนี้ที่รู้จักกันมานาน

"บ่นว่า...  คุณชอบเหม่อ  พูดอะไรก็ไม่ค่อยฟัง  ใจลอยบ่อยมาก  เค้าต้องคอยเตือนคุณตลอดเลย"  สาวบนรถเข็นแกล้งจิ้มๆ อกคนตรงหน้าเล่นเหมือนผู้ใหญ่ดุเด็กผู้ชายคนหนึ่ง  และเด็กผู้ชายคนนั้นก็ยิ้มแห้งๆ  เกาหัวตัวเองแกรกๆ ราวกับไม่รู้จะทำอะไรดี

"ทำไมล่ะ  ไม่จริงหรือไง.?"

"ไม่ยักรู้ว่า  มิเชลเป็นด็อกเตอร์พูดมากแบบนั้น"  บลูอายส์เฉไฉ  อีกคนหัวเราะอารมณ์ดีเหมือนรู้ทันเกม  และเธอเองแม้จะอายที่มีคนจับไต๋ได้ง่ายๆ ก็ยังรู้สึกดีที่เห็นผู้หญิงคนนี้สดใสขนาดนี้  เอเวอร์ลีนไม่เหมือนคนป่วยสักนิดเลย  ถ้าไม่ติดที่ยังต้องทำกายภาพบำบัดอยู่ 

"แล้วเค้าแอบว่าอะไรฉันอีกคะ  เล่าให้ฟังให้หมดเลยนะ" 

"อืม..  อันนี้ต้องขอคิดดูก่อนนะ"  สาวหน้าหวานเอานิ้วจากมือข้างที่ว่างแตะคางตัวเองเป็นจังหวะ  ขณะปล่อยให้อีกคนถูกนวดอย่างเชี่ยวชาญ  ก็ไม่รู้หรอกว่า  คนที่นี่เป็นอะไรกันไปหมดถึงได้กลายร่างเป็นหมอนวดให้เธอไปหมดแล้ว  เห็นแบบนี้ชักกลัวใจตัวเองแล้วว่า  ถูกเอาใจมากๆขนาดนี้  ถ้าวันหนึ่งไม่มีใครเอาใจแล้วจะทำยังไง  เหงาตายแน่เลย..

"แหม..  คิดนานขนาดนี้แสดงว่าไม่มีแน่ๆ  ว่าแล้วว่ามิเชลยังไว้ใจได้อยู่"  คุณผู้การแกล้งแซว  อีกคนย่นจมูกใส่อย่างน่ารัก  เห็นแล้วก็น่าเอ็นดู  "คิดไม่ออก  ก็ไม่ต้องคิดหรอกค่ะ  คุยเรื่องอื่นดีกว่าไหม"

"ไม่ใช่นะ แค่คิดว่า  จะเล่าเรื่องไหนก่อนดีต่างหาก"  เอเวอร์ลีนแย้ง  แฝดคนน้องของอดีตภรรยาเธอเลิกคิ้วให้  มีรอยสงสัยในดวงตา  "คุณหมอเล่าว่า  คุณนอนไม่ค่อยหลับ  จริงไหมคะ" 

บลูอายส์ไม่ตอบในทันที  หลบสายตาอีกฝ่ายไปทางอื่น  แต่ที่สุดก็ต้องเอ่ยพูด  ไม่เช่นนั้นคงโดนจ้องจนกะโหลกเป็นรูโบ๋แน่  "มีเรื่องให้คิดหลายอย่างค่ะ แต่ไม่ต้องห่วง  หมอของคุณจัดยาให้ฉันแล้ว"

"แต่การกินยา  ก็ไม่ใช่การแก้ไขที่ถูกต้องนะคะ  ดื่มนมอุ่นๆ ก่อนนอน  ช่วยได้เหมือนกัน  ฉันยังดื่มทุกคืนเลย  แต่บางครั้งก็ดื่มทั้งเย็นๆ"

"มิเชลขี้เกียจอุ่นให้น่ะสิ"

"ฉันไม่อยากรบกวนเค้าต่างหาก" 

คุณผู้การฟังแล้วก็นึกแปลกใจ  รู้สึกเหมือนเอเวอร์ลีนจะออกตัวปกป้องคุณหมอคนสวยเสียเหลือเกิน  แต่ก็เป็นเรื่องดี  ตอนแรกเธอยังห่วงว่า  สองสาวจะเข้ากันลำบากเสียอีก

"ก็ดีแล้วที่เธอกับเค้าเข้ากันได้"

"คุณหมอเธอน่ารักค่ะ  ใจดี"  เอเวอร์ลีนชื่นชม  แต่ต่อมาก็หุบยิ้มเมื่อรู้สึกว่า  ถูกมองแปลกๆ "คุณทำไมมองฉันแบบนั้น"

บลูอายส์สั่นศีรษะ  ไม่อยากให้อีกคนคิดว่า เธอจ้องจับผิด  "มีเพื่อนก็ดีแล้วค่ะ  ฉันจะได้ไม่ต้องห่วงมาก"

"ฉันสบายดี  อีกหน่อยก็เดินปร๋อ  หรือไม่ก็วิ่งแข่งกับคุณ  คุณต้องแพ้ฉันแน่ๆ บลูอายส์"

"ฉันจะรอวันนั้นเลยล่ะ"

สาวหน้าหวานยิ้ม  เห็นอีกคนดูสดใสขึ้นก็ดีใจ  พลิกมือมาเป็นฝ่ายจับมือเขาแทน  มองกันด้วยดวงตาสื่อความหมาย "บลู..  คุณรู้ใช่ไหมว่า  ฉันเป็นห่วง  ยังไงเราก็เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน"

"รู้สิคะ  สำหรับฉัน  เธอเป็นคนสำคัญเสมอ"

"แล้วสำคัญพอที่คุณจะพูดคุยด้วยได้หรือเปล่า"

ผู้การสาวเริ่มได้กลิ่นอันตรายบางอย่าง  เธอไม่น่าลืมว่า  คุยกับใครอยู่  สการ์เลตเจ้าเล่ห์แสนกลมากเท่าไหร่  เอเวอร์ลีนก็ย่อมจะมากกว่า  ร่างกายไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความฉลาดเฉลียวที่มีอยู่ในสมองอันอุดมไปด้วยเซลล์อันล้ำค่า

"พูดมาดีกว่าที่รัก  เธอต้องการอะไร"

"คุณคิดถึงเธอไหมคะ"

บลูอายส์อึ้งไปหลายวินาที  ขมวดคิ้วมองหน้าคนถาม  "หมายถึงใครคะ  ฉันมีคนให้คิดถึงด้วยหรือ  นอกจากเธอ"

"คนที่นอกเขตการปกครองพิเศษ" เอเวอร์ลีนยิงหมัดเด็ด  คนเฉไฉเก่งถึงกับนิ่งไป  ใบหน้าถอดสีจนน่าเป็นห่วง  "บลู..  ทำไมคุณไม่ไปหาเธอ"

"กลับห้องเถอะค่ะ  ฉันเพิ่งนึกได้ว่า  มีงานต้องทำ"  ร่างสูงผุดลุกขึ้น  หากมือยังถูกรั้งไว้อย่างเหนียวแน่น  แถมเธอยังไม่กล้าจะสะบัดมันออกเสียอีก  ถ้าเป็นคนอื่นหรือ  เธอจะไม่ยอมแบบนี้เลย 

"เอเวอร์ลีน..  เธอควรกลับไปพักผ่อน"

"คุณรักเธอ  คุณรักผู้หญิงคนนั้น  ทำไมคุณไม่ยอมรับความจริง"

"ฉันไม่ได้รักใคร  ฉันรักเธอต่างหาก  ฉันรักเธอมานานแค่ไหนแล้ว  เธอทำไมไม่เคยจำ  ทำไมถึงชอบผลักไสฉันไปให้คนอื่น  ทำไมเอเวอร์ลีน" บลูอายส์น้ำตาคลอ  ไม่ได้ตั้งใจจะอ่อนแอต่อหน้าใคร  แต่สิ่งที่ได้ยินมันแทงใจดำ

ปาดน้ำตาลวกๆ ด้วยมืออีกข้าง  ส่ายหน้าให้เจ้าของสีหน้าตกใจ "ฉันจะให้พยาบาลมาช่วยพาเธอกลับ"

"ฉันรักคุณนะบลู  แต่ไม่ใช่แบบนั้น"

คนฟังหัวเราะขม  พยักหน้าเข้าใจ "ไม่ว่าจะโคลนนิ่งของเธอ  หรือตัวเธอ  ก็พูดแบบเดียวกัน  ฉันฟังจนชิน"

เอเวอร์ลีนเม้มปาก  มันไม่ใช่ความผิดของเธอสักหน่อยที่รักเขาไม่ได้อย่างที่เคยรักพี่ฝาแฝดของเขา  และไม่ใช่ความผิดของเธอด้วยที่สการ์เลตก็ดันรักวาเลนไทน์ไปด้วยอีกคน  เธอไม่ได้ควบคุมหัวใจของแม่สาวคนนั้นได้นี่

"เธอไม่ผิดหรอก  ฉันขอโทษ  ฉันคงเหนื่อยมากไปหน่อย"

"งั้นมานี่ค่ะ"

บลูอายส์มองหน้าคนเรียกอย่างชั่งใจ  และรอยยิ้มเชิญชวนอันแสนละมุนละไมก็ดึงเธอให้เข้าไปหาร่างบนรถเข็นอีกครั้ง  แขนเรียวบางอันอ่อนแอและด้อยเรี่ยวแรงพยายามโอบกอดเธอไว้  คล้ายหวังให้สัมผัสด้วยรักบริสุทธิ์ช่วยทำให้หัวใจเธออุ่นขึ้น  มันได้ผล  อย่างน้อยก็ให้เวลาเธอได้หยุดพักบ้าง 

พักจากความเจ็บปวด...

ความเจ็บปวดที่เธอไม่เข้าใจว่า  เกิดจากอะไร...

"ฉันรู้สึกเหมือนได้ยินคนเรียกหาอยู่ตลอดเวลา" ในที่สุดเธอก็พูดมัน..

ดวงตาสีฟ้าปิดลงอย่างกล้ำกลืน  กอดรัดร่างในอ้อมแขนแน่นขึ้น  "ฉันไม่อยากฟังมัน  แต่มันก็ยังเรียกไม่หยุด  เหมือนใครมากระซิบอยู่ข้างหูตลอด  บางทีฉันอาจจะใกล้บ้าแล้ว"

"แต่บางทีก็อาจจะมีคนกำลังเรียกคุณอยู่จริงๆ" เอเวอร์ลีนกระซิบ  ลูบแผ่นหลังร่างที่ใหญ่กว่า  พยายามปลอบประโลม  อาการตัวแข็งเกร็งของเขาจึงค่อยๆ ลดลง  "ฉันไม่เคยเชื่อเรื่องลี้ลับมาก่อน  ฉันเป็นนักวิทยาศาสตร์  แต่ฉันจะไม่ลบลู่ความเชื่อของใคร  อาจมีสิ่งที่เราไม่รู้อยู่ในโลกนี้เต็มไปหมด  รวมถึงเรื่องความมหัศจรรย์ต่างๆ  เรื่องของผู้หญิงจากเมืองลับแล"

บลูอายส์ขยับออกมาจ้องหน้าอดีตนักวิจัยทางชีววิทยาตัวยง  ผู้ที่เธอไม่เคยรู้ว่า มีเวลาศึกษาข้อมูลของเรื่องลี้ลับในโลก  นอกจากเอาแต่นั่งส่องอะไรไม่รู้ในกล้องจุลทรรศน์  หรือว่า  จะเพิ่งมาสนใจเอาตอนที่....

"เธอคนนั้นมาจากที่นั่น  ตามที่ฉันรู้มา"

นัยน์ตาสีฟ้าจ้องสีเขียวอย่างตกใจ  เอเวอร์ลีนสืบประวัติของหล่อนจริงๆ  ทำไมกันนะ  "เอเวอร์ลีน..."

"คุณรู้ไหมว่า  คุณสามารถมีลูกกับเค้าได้"

ผู้การสาวชะงัก  อ้าปากค้าง  คำพูดหล่นหายไปด้วยความตกใจ  และอะไรบางอย่างก็ดูจะเป็นเหตุเป็นผลขึ้นมา  อาการร้อนรนของเธอ  ความรู้สึกหลายๆ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน  ความห่วงหาอาวรณ์  กระวนกระวายใจ

"ถ้าฉันมีโอกาสได้เจอเค้าสักครั้ง  ฉันอยากจะขอตัวเค้ามาลองเช็กดู  อยากรู้จริงๆ ว่า  อะไรที่ทำให้เค้าแตกต่างจากผู้หญิงทั่วไป  ยิ่งถ้าคุณมีลูกจริงๆ ละก็  คงต้องวิจัยกันยาวแน่ๆ"

"ฉันจะจับหล่อนขังลืมเลยล่ะคราวนี้"

เอเวอร์ลีนชะงักกับน้ำเสียงดุดันที่ประกาศออกมา  หากความตกใจกลับแปรเปลี่ยนเป็นความยินดี  อย่างน้อยตอนนี้  เธอก็ได้เห็นประกายตาแห่งชีวิตชีวาปรากฏขึ้นมาในดวงตาสีฟ้าเจิดจ้าน่ารักของเขาแล้ว

"แน่ใจเหรอคะว่า  จะทำแบบนั้นได้  กลัวแต่ว่า  เห็นหน้าลูกแล้ว  คุณจะเปลี่ยนใจน่ะสิ"

"กลับห้องเลยค่ะ  ฉันจะไม่พูดเรื่องนี้กับเธออีกแล้ว"  บลูอายส์เปลี่ยนเรื่อง  มองเจ้าของสายตาเจ้าเล่ห์อย่างเคืองๆ  ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปด้านหลัง  จัดการดันรถเข็นให้ขยับ 

"นี่..  ฉันน้อยใจนะ  ถ้าคุณไม่คุยกับฉัน"  สาวหน้าหวานแย้งขึ้นมาระหว่างถูกพาออกมาจากเรือนกระจกอย่างไม่เต็มใจ  แต่เธอซ่อนยิ้มพอใจเอาไว้ในท่าทีแสนงอนเมื่ออีกคนเอาฝ่ามือมากดลงบนศีรษะและโยกมันเบาๆ ราวว่านั่นเป็นการง้อกันในแบบของเขา

"คุณว่า  วาเลนจะเจอเค้าไหมคะ" รถเข็นของเธอชะลอความเร็วไปเล็กน้อย  เพราะคำถามที่หลุดจากปากเธอไป  เงยหน้ามองคนเข็น  เห็นหน้าซีดๆ ของเขาแล้วก็อดจะเป็นห่วงไม่ได้

ยกมือขึ้นแตะมือเขา  ดวงตาสีฟ้าเหม่อลอยจึงกลับมาโฟกัสที่เธออีกครั้ง  "อย่าห่วงเลยค่ะบลู  วาเลนจะไม่กลับมามือเปล่าแน่ๆ"

บลูอายส์ผงกศีรษะให้สาวช่างเป็นห่วง  แม้ว่าตัวเธอจะไม่มั่นใจในความคิดนั้นเลย  ลางสังหรณ์บางอย่างมันบอกเธอว่า  มันไม่ง่ายอย่างนั้นแน่ๆ

....................................................

มือสวยขยับแว่นบนใบหน้าอย่างหงุดหงิด  ถึงคำนวนและเตรียมตัวไว้แล้วว่าอากาศที่นี่น่าจะแย่กว่าอาณาจักรที่จากมา  ก็ไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายมากขนาดนี้เมื่อต้องมาเผชิญกับมันจริงๆ

"นี่ถ้าชุดฉันไม่กันความร้อน  คงโดนเผาตายไปแล้วนะเนี่ย"  สการ์เลตบ่นอุบ  ลองเอามือแตะชุดสีแดงของตนด้วยมือที่ถอดถุงมือออก  เธอแทบจะสะบัดมือหนีไม่ทัน  มันร้อนเหมือนกองไฟ  "ฉันทึ่งเลยนะว่า  ที่นี่ยังมีมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้  แบบตัวเป็นๆ"

วาเลนไทน์ส่ายหัวอย่างนึกขัน  มองดูผู้หญิงที่ยืนสะบัดมือไปมาอยู่ท่ามกลางไอร้อนของแดด  แต่ก็ปล่อยหล่อนให้ทำไปอย่างนั้น  แล้วก็แสร้งเสตาไปมองเนินดิน  เนินทะเลทราย  ผืนทรายแทน  มองหล่อนมากๆ เดี๋ยวจะพาลอยากทำอยากอื่นแทน

"ร้อนแบบนี้  คนปกติจะอยู่ได้ยังไง" 

"ต้องหาวิธีให้อยู่ได้นั่นแหละ  บางทีก็อาจจะชิน"

ได้ยินความเห็นนั้นจึงหันไปสบตากันผ่านเลนส์แว่นสีเข้ม  แว่นพวกเธอไม่ได้มีไว้ใส่แค่เท่ๆ  นอกจากจะกันแสงอัลตร้าไวโอเล็ตทำลายดวงตาแล้ว  มันยังเป็นจอภาพได้อีกด้วย  โดยเฉพาะของสการ์เลต  มันเชื่อมโยงกับดาวเทียม  ทำหน้าที่เป็นเรดาห์หาพิกัดสถานที่  ของ  และคนได้  ยกเว้นเวลาที่สัญญาณถูกรบกวน  และเป็นไปได้ว่า ตอนนี้กำลังมีบางคนรบกวนมันอยู่

"อย่าบอกนะว่า  เธอหาพวกนั้นไม่เจอ"

"โทษทีที่ทำให้เธอผิดหวัง  แต่พวกนั้นถนัดมุดดินหนีอยู่แล้ว  เธอน่าจะรู้"

"แต่เราไม่มีเวลาสำหรับงมทะเลทรายนะ  มีวิธีอื่นอีกไหม"

"ฉันคงคิดออก  ถ้าเธอไม่เอาแต่จี้ถามรบกวนสมาธิอยู่แบบนี้" สการ์เลตหันไปว่า  คนในชุดขาวขมวดคิ้วใส่ก่อนหันหน้าไปทางอื่น  แต่เงียบไปได้หน่อย  เธอก็ได้ยินเสียงบ่นพึมพำ

"เธอเชื่อไหมว่า..  ผู้หญิงจากเมืองนั้น  จะมีลูกได้จริงโดยไม่จำเป็นต้องง้อสเปิร์ม"

"เธอตอบฉันสิ  เธอเคยอยู่กับหล่อนมาก่อน  อย่าบอกนะว่า  ไม่เคยมีอะไรกัน"  ย้อนถามอย่างหมั่นไส้หน่อยๆ  อีกคนเลิกคิ้วไหวไหล่น้อย  และค่อยทำหน้าคิดอย่างจริงจัง  "อะไรกัน  แค่คำถามง่ายๆ ตอบไม่ได้เหรอว่า  เคยหรือไม่เคย  แต่อย่างเธอ  ฉันว่าไม่รอด"

"ฉันเคยเห็นเอเวอร์กินยา  ยาอะไรสักอย่าง"

สการ์เลตกะพริบตา  สีหน้าตกใจ  ความรู้ใหม่นี้ทำให้เปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้ของเรื่องที่เธอกังวลอยู่เพิ่มมากขึ้น  แต่เธอยังไม่ปักใจเชื่อ  นอกจากจะได้เห็นมันด้วยตาตัวเอง  "ยาอะไร  แค่ไม่สบายหรือเปล่า"

"ไม่รู้สิ  ไม่เคยถาม" วาเลนไทน์ตอบหน้าซื่อ  คนที่ยืนอยู่ห่างกัน  เดินมาตีไหล่อย่างหงุดหงิด  "เฮ้..  เรื่องอะไร"

"ถามจริง  เคยใส่ใจอะไรใครบ้างไหมเนี่ย  เรื่องของเมีย  ทำไมถึงไม่รู้"

"ก็เค้าไม่บอก  จะไปรู้ได้ยังไงล่ะ  ฉันไม่ได้ช่างซักเหมือนเธอนี่"  เถียงพร้อมคิ้วขมวด  ถึงจะรู้ตัวว่า  ตัวเองใส่ใจใครน้อยเกินไป  แต่ก็ไม่ชอบให้ใครมาจี้จุดบอดอันนี้  "และอีกอย่างนะ  ฉันกับเอเวอร์เลิกกันแล้ว"

"เลิกกันแล้ว  แต่ยังเป็นห่วงเป็นใยเนอะ" สาวชุดแดงประชดอย่างอดไม่ได้  เมินสีหน้าหงุดหงิดของอีกคนไปตั้งใจจับพิกัดสิ่งที่กำลังตามหาต่อ 

"เหมือนจะมีคนแถวนี้หึงนะ"

ตาสีเขียวเข้มเหลือบไปหาตัวชอบกวนสมาธิ  วาเลนไทน์ตีหน้ามึน  ไม่รู้ไม่ชี้  เดินดูนู่นนี่ไปเรื่อยๆ ทั้งที่ตรงนี้มันไม่มีอะไรเลยนอกจากทราย  กับรถจี๊บที่เรานั่งมา  แต่บางทีอาจไม่ใช่แค่นั้น

เสียงเครื่องยนต์คำรามแหวกสายลมทะเลทรายมาพาให้ต้องหันไปมองอย่างไม่มีทางเลือก  สการ์เลตพยายามจ้องมองไปในควันฝุ่นและผงทราย  แต่เธอก็เห็นเพียงเงาดำๆ ของร่างที่คงจะเป็นมนุษย์กับยานพาหนะ

หรือว่าจะเป็น... 

"วาเลน!"

วาเลนไทน์ขยับตัวทันที  ปรี่เข้ามายืนเคียงข้างคู่หูคู่ใจ  พยายามใจเย็นมองดูผู้มาเยือน  สังเกตสังกาว่า  มาร้ายหรือมาดี  และใบหน้าที่ปรากฏแก่สายตาภายหลังจากที่หมวกทรงประหลาดเหมือนหน้ากากกันก๊าซพิษหลุดออกไป  ก็พาให้ทั้งดีใจและประหลาดใจพร้อมกัน  เธอคิดว่า  เธอรู้จักหล่อนนะ  แต่จำชื่อไม่ได้

"นาเดีย.?" 

เสียงจากคนข้างกายช่วยไขความสงสัยให้  เจ้าของชื่อมองพวกเธอด้วยสายตาที่ไม่อาจบอกได้ว่า  ร้ายหรือดี  รู้เพียงว่า  มันไม่น่าจะเป็นมิตรเท่าใดนัก

"ไม่เจอกันนานนะสการ์เลต" 

สการ์เลตอึ้งไปหน่อย  เงยหน้ามองคนตัวสูงกว่าข้างกาย  วาเลนไทน์พยักหน้าให้ราวจะบอกว่า  จะคอยระวังภัยให้อย่างเคย  หันกลับไปมองผู้หญิงร่างเล็กตรงหน้า  ดวงตาหล่อนไม่ได้บอกเลยว่า  ยินดีที่ได้เจอกัน

"อย่าบอกนะว่า  มารับพวกฉัน"

นาเดียยิ้มหยันที่มุมปาก  เบนสายตาไปหาผู้ร่วมทีมด้านหลัง  ชายหญิงที่ขะมุกขะมอมไปด้วยฝุ่นทรายตั้งแต่หัวยันเท้า  หัวเราะออกมาพร้อมกัน  เหมือนเธอพูดอะไรบ้าๆ ออกไป

"เฮ้!"

"รถคันนั้นจอดไว้นี่แหละ  รับรองไม่หาย"  ร่างเล็กบอกแค่นั้นและหันกลับ  อย่างไม่คิดจะขยายความเพิ่ม  เธอกับวาเลนไทน์มองหน้ากัน

"หมายความว่ายังไง"

"ก็หมายความว่า  ถ้าอยากไปกับเราก็มา  ถ้าไม่อยากไปก็อยู่ตรงนั้นต่อไป  เธอไม่มีทางหาเราเจอ  ถ้าเราไม่ให้เจอ"

"เธอคิดว่าฉันเป็นใคร!"  สการ์เลตฉุนกึก  หากมือที่มาแตะบ่าก็ช่วยปรามให้ใจเย็นลง  วาเลนไทน์ส่งสายตาขอร้องมา  แม้ไม่อยากทำตามคำสั่งใครที่ไม่ใช่เจ้านายที่แท้จริง  แต่ดูเหมือนตอนนี้เธอจะไม่มีทางเลือกมากนัก

อีกอย่าง.. เธอก็สังหรณ์ใจแปลกๆ..

"ไว้ใจหล่อนหรือไง"  ถามขึ้นระหว่างทางที่จะเดินไปยังเจ้ารถล้อโตของนาเดียที่ติดเครื่องรออยู่  ผู้หญิงตัวสูงข้างๆ หันมาส่ายหน้าให้  สการ์เลตกลอกตา  ถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้

"เอาเถอะ  เราคงไม่ตายกลางทะเลทรายนี้หรอก" พูดปลอบใจเขา  แต่อันที่จริง  เธอกำลังปลอบใจตัวเองมากกว่า 

ก็อย่างว่าล่ะ  มีคดีกับยัยเตี้ยนี่เอาไว้เยอะเชียว...


.............................................


วันนี้มีเวลาน้อยค่ะ  ไปทำภารกิจมา  เลยมาช้าไปหน่อย  อยากจะเอาเรื่องนี้มาให้กับคนที่รออยู่  (คงมีบ้างเนอะ)

แก้เยอะพอสมควรค่ะ  เรียกได้ว่า แทบจะรื้อใหม่กันเลย  ทั้งสำนวนทั้งเนื้อหาบางส่วน  แต่คิดว่า  มันดีกว่าเวอร์ชั่นที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม  ขอบคุณที่รอกันนะคะ  มันนานมากเลยแหละ  ดองไว้นาน  5555  :57:

แล้วเจอกันค่ะ ฝันดีนะคะ  :45:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น
anhann
นักเขียน
ขาประจำ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 174



ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
29 กันยายน 2015 เวลา 10:24:37
กำลังจะมาแว้ว.. จะรีบไปไหน ปะป๊าเค้ายังงอนมะม๊าอยู่เลย อยู่ดีๆ ก็หนีปาย  5555   :27:

29 กันยายน 2015 เวลา 10:16:38
 :57: ค่าตัวเด็กน้อยแสนแพง..นอกจากพยายามจะโผล่ในอินโทร..แล้วไซร้..ก็ยังไม่ยอมเผยตัวสักกะที  ชิชะ
แสดงความคิดเห็น