web stats

ข่าว

 


รักข้างรั้ว yuri ตอนที่ 11

โพสต์โดย: meAyou วันที่: 17 กันยายน 2015 เวลา 15:19:28 อ่าน: 313

   เสียงถอนหายใจดังมาเป็นระยะๆให้คนที่นั่งอยู่ใกล้ๆต้องวางหนังสือในมือลงก่อนจะหันไปจ้องเจ้าของเสียงหนักใจที่ไม่มีท่าทีว่าจะสงบลงได้เลยสักนิด
   "แกเป็นอะไรหรือเปล่าทำท่าอย่างกับแบกโลกตั้งแต่เข้ามาในร้าน"
   ศศิประภาหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทด้วยสายตาสับสนก่อนจะถอนหายใจออกมาเป็นการยืนยันความรู้สึกหนักใจของตัวเองอีกครั้ง
   "เป็นเอามากนะยะหล่อน"
   "ฉันก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นหนักขนาดนี้หรอก"
   "แกเป็นอะไร"
   อังกูรเอ่ยถามคนหน้าเครียดอย่างสงสัยว่าอะไรคือสาเหตุให้คนคิดบวกและมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลาอย่างกับคนบ้าต้องมาทำหน้าหนักใจอยู่อย่างนี้
   "ฉันว่าฉัน?"
   ศศิประภามองคนอยากรู้อย่างเขินๆก่อนจะบิดไปบิดมาด้วยท่าทางอายๆ
   "ฉัน?"
   "อะไร?"
   "คือว่าฉัน?"
   "????.."
   "ฉัน?"
   "??.."
   "ฉะ?"
   "ไม่ต้องพูดล่ะแยกย้ายกันกลับบ้านเถอะขี้เกียจจะฟัง"
   อังกูรเอ่ยแทรกอย่างนึกรำคาญก่อนจะแกล้งทำเป็นไม่อยากรู้แล้วหันไปชมนกชมไม้นอกหน้าต่างแทนทำเอาคนกำลังจะพูดต้องหันมามองอย่างค้อนๆก่อนจะเขย่าตัวเรียกร้องความสนใจจากคนข้างๆ
   "อะไรอีกล่ะยะ"
   "ก็แกไม่สนใจเรื่องที่ฉันจะเล่าอะ"
   "ทำไมฉันจะไม่สนดูนี่สิเนื้อตัวสั่นไปหมดเพราะความอยากรู้แต่เริ่มจะหมดอารมณ์เพราะแกนั่นแหละ"
   "ก็ฉันเขินนี่นา"
   "จะเขินทำไม"
   อังกูรเอ่ยเสียงแข็งก่อนจะเอะใจกับบางอย่างที่กำลังจะได้ยินจนต้องหันมาจ้องหน้าคนพูดด้วยความสงสัยใคร่รู้ที่เริ่มเพิ่มมากขึ้นทุกที
   "อย่าบอกนะว่า?"
   สายตาระยิบระยับที่มองมาทำให้ศศิประภาถึงกับหน้าแดงก่อนจะพยักหน้ารับคำพูดที่ราวกับกระแสจิตที่แม้จะไม่มีประโยคใดๆถูกเอ่ยออกมาแต่คนทั้งคู่กลับมีคำถามและคำตอบที่สื่อให้ได้เข้าใจตรงกันเป็นที่เรียบร้อย
   "ต๊ายยย! ยัยชะนีไวไฟกลับมาไม่เท่าไหร่เป็นเรื่องเลยนะยะว่าแต่ผู้ชายบ้านไหนกันนะที่ดวงตกขนาดนั้น"
   ศศิประภาเอื้อมมือไปปิดปากคนพูดเสียงดังอย่างตกใจแถมแต่ละคำที่เปล่งออกมาก็ดีๆทั้งนั้นจนนึกอยากจะเปลี่ยนจากมือที่ปิดปากเป็นกระแทกถ้วยกาแฟใส่เสียจริงๆ
   "พูดเบาๆหน่อยสิแกจะประกาศให้คนรู้ทั้งร้านเลยหรือยังไง"
   "ก็แหมฉันดีใจนี่นาที่ในที่สุดแกก็ขายออกเสียที"
   ศศิประภามองคนพูดแซวอย่างเคืองๆก่อนจะเขยิบมานั่งที่เดิมจากนั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าหนักใจแบบเดิมอีกครั้ง
   "แปลกคนจริงนะแกบอกว่ามีความรักแต่ทำหน้าเป็นตูดเป็ดอย่าบอกนะว่า?"
   คนมีประสบการณ์ทางด้านนี้อย่างโชกโชนมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าอาการที่เกิดขึ้นกับคนข้างๆจะเป็นอะไรไปได้นอกจาก?
   "ฉันชอบน้องเค้าข้างเดียวอะแก"
   คนพูดแบะปากทำท่าจะร้องไห้ก่อนจะโผล่เข้าไปซบอกเพื่อนสาวในร่างชายที่แม้จะทำท่าทางขยะแขยงการปลอบประโลมแบบนี้แต่ก็จำใจต้องกอดปลอบเพราะไม่มีทางเลือก
   "แกก็สวยอยู่นะถึงจะสู้ฉันไม่ได้ก็เถอะแต่ก็อย่างว่าแหละนะผู้ชายสมัยนี้ตาถั่วจะตาย"
   อังกูรเอ่ยปลอบเพื่อนสาวอย่างเห็นใจศศิประภาเป็นผู้หญิงที่จัดได้ว่าสวย เก่ง ฉลาดแต่ไหงมาพลาดกับเรื่องพื้นฐานของชีวิตได้ก็ไม่รู้
   "ไม่ใช่ผู้ชายอะแก"
   "อะไรนะ!?"
   คำเฉลยของเพื่อนสาวทำเอาคนฟังถึงกับอึ้งก่อนจะดันตัวคนที่ยังซบหน้าอยู่ที่ไหล่ออกห่างเพื่อจะได้คุยกันได้ถนัดขึ้น
   "ฉันชอบผู้หญิงด้วยกันอะแกตอนแรกก็คิดว่ามันอาจเป็นแค่ความรู้สึกชั่ววูบแต่ผ่านมาหลายวูบแล้วฉันยังชอบเค้าอยู่เลย"
   "นังชะนี! เอ่อ?ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครแล้วแกไปรักไปชอบตอนไหนทำไมฉันไม่รู้เรื่อง"
   อังกูรเอ่ยถามออกมาอย่างสงสัยเพราะเท่าที่อยู่ด้วยกันมาเพื่อนคนนี้ยังไม่มีท่าทีว่าจะชอบใครเลยสักคนไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง
   แต่เอะ! เดี๋ยวก่อนนะ
   "ฉันว่าฉันพอจะรู้แล้วนะว่าชะนีที่ทำแกเขวได้เป็นใคร"
   "จะรู้ได้ยังไงฉันยังไม่ได้บอกเลย"
   "แหมก็เห็นคุยกันเกือบทุกวันตัวอยู่ไกลแต่ใจอยู่ใกล้แบบนั้นใครก็ดูออก"
   "บ้า! ไม่ใช่คนนั้น นั่นน่ะเพื่อนจริงๆ"
   "จะไม่ใช่ได้ยังไงก่อนมาฉันยังเห็นหล่อนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แถมยังไม่ยอมหลับยอมนอนรั้งให้เค้าคุยด้วยอยู่เลย"
   ชายหนุ่มเอ่ยเถียงคอเป็นเอ็นเพราะหลังจากได้คิดทบทวนคนที่มีสิทธิ์ทำให้เพื่อนสาวของตัวเองหวั่นไหวก็น่าจะเป็นผู้หญิงที่เฝ้าโทรมาตลอดเวลาที่ศศิประภาเรียนอยู่ที่เมืองนอกเพราะนอกจากคนนี้แล้วเขาก็มองไม่เห็นใครอีกเลย
   "มันก็จริงแต่แกไม่ได้สังเกตเหรอว่าคนที่อยู่ในจอเป็นใครอีกคนไม่ใช่คนที่ฉันคุยด้วยประจำ"
   คนพูดอมยิ้มน้อยๆอย่างอายๆหากแต่รอยยิ้มนั้นกลับค่อยๆจางหายไปเพราะการก้าวเท้าเข้ามาขอใครอีกคนที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกันที่ร้านกาแฟแห่งนี้
   "เดี๋ยวฉันมานะ"
   พูดจบศศิประภาก็ลุกเดินไปทันทีโดยมีสายตาคู่สงสัยมองตามตลอดเวลาแต่เมื่อได้เห็นว่าเพื่อนสาวเดินไปหาใครสมองก็ผุดการประมวลผลมากมายก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าควรจะลากตัวใครอีกคนให้กลับมานั่งที่เดิมให้เร็วที่สุด

   รวิสรามองคนที่อยู่ๆก็เดินมายืนขวางอย่างงงๆก่อนจะเปิดยิ้มน้อยๆออกมาเมื่อคนที่เข้ามาส่งยิ้มมาให้
   "สวัสดีค่ะน้องหนึ่งบังเอิญจังเลยนะคะ"
   น้ำเสียงหวานถูกเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรหากแต่สายตากลมโตกลับเหลือบไปมองยังใครอีกคนที่มากับบุคคลที่ตัวเองเอ่ยทักด้วยท่าทางสนิทสนมเห็นได้จากการจับมือถือแขนตอนเดินเข้ามาในร้าน
   "ค่ะบังเอิญจัง"
   รวิสราเอ่ยตอบสั้นๆก่อนจะหันไปมองรอบๆร้านก็ไม่พบที่ว่างเลยสักที่น่าแปลกร้อยวันพันหนเดินผ่านไม่เห็นจะเคยเต็มแต่พอจะเข้ามากินบ้างกลับเต็มจนแน่นมากขนาดนี้
   "ไม่มีโต๊ะว่างเลยเปลี่ยนร้านกันเถอะ"
   คนมาใหม่เอ่ยเสียงเรียบก่อนจะหมุนตัวเพื่อจะเดินออกไปจากร้านหากแต่กลับถูกคนที่มาก่อนดึงแขนเพื่อรั้งเอาไว้
   "ไปนั่งด้วยกันสิคะ"
   "จะดีเหรอคะ"
   "ดีสิครับการได้นั่งร่วมโต๊ะกับสาวสวยหลายๆคนเป็นความฝันของผมเลยก็ว่าได้"
   ชายหนุ่มหน้าตาดีเอ่ยแทรกกลางเข้ามาด้วยรอยยิ้มหวานจากนั้นก็เดิมมาหยุดอยู่ข้างๆเพื่อนสาวคนสนิทตามมาด้วยมือที่ยกขึ้นโอบไหล่ศศิประภาอย่างเคยชิน
   ภาพที่เห็นทำให้หัวใจของรวิสราก่อเกิดความขุ่นเคืองขึ้นมาได้ไม่น้อยและยิ่งได้เห็นรอยยิ้มแบบเขินอายของพี่สาวข้างบ้านที่แสดงออกมาก็ยิ่งทำให้เจ้าตัวรู้สึกหงุดหงิดมากเสียจนลืมสร้างรอยยิ้มส่งกลับคืนไปให้ชายหนุ่มที่เอ่ยชวน
   "ก็ดีเหมือนกันนะหนึ่งขืนย้ายร้านคงไม่เหลือเวลากินแน่"
   "ก็ได้"
   แม้จะรู้สึกไม่ชอบใจเลยสักนิดหากแต่เวลาที่จำกัดของเพื่อนสาวก็ทำให้    รวิสราจำใจตอบรับคำชวนอย่างเช็งๆยิ่งได้เห็นการถึงเนื้อถึงตัวของคนทั้งคู่ก็ยิ่งทำให้เจ้าตัวนึกหงุดหงิดจนต้องพยายามมองเลี่ยงสายตาไปทางอื่น
   การพูดคุยเป็นไปในแบบคู่ใครคู่มันหากแต่อาการหูผึ่งของศศิประภาก็ทำให้คนข้างๆต้องคอยสะกิดเตือนอยู่ตลอดเวลาเพราะหากไม่เตือนกันบ้างความอยากรู้คงต้องถูกจับได้เป็นแน่
   หากแต่มือหนาๆของชายหนุ่มแปลกหน้าที่เอื้อมมาแตะที่ตัวของศศิประภากลับทำให้คนที่กำลังพูดเป็นต่อยหอยอย่างรวิสราที่มองผ่านหางตาถึงกับเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะหันไปจ้องคนทั้งคู่ด้วยสีหน้าไม่พอใจที่แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
   "แน่ใจนะคะว่าพี่สองคนเป็นแค่เพื่อนกัน"
   คำถามแบบตรงประเด็นบวกกับน้ำเสียงห้วนๆทำให้คนถูกถามต้องหันมามองหน้ากันอย่างสงสัยก่อนจะเริ่มเข้าใจในสิ่งที่คนถามเอ่ยเมื่อมองเห็นมือของตัวเองที่จับกันอยู่จนแน่น
   "ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ"
   ศศิประภารีบผละมือออกจากคนข้างๆอย่างเร็วก่อนจะหันมาเอ่ยแก้ตัวเพราะเกรงว่าจะมีคนเข้าใจผิด
   "ผู้ชายกับผู้หญิงจับมือกันมันมีประเด็นอื่นให้ต้องคิดอีกงั้นเหรอคะ"
   "เอ่อ?"
   พูดไม่ออก?นี่คือสิ่งที่ศศิประภาเป็นอยู่
   เธอไม่รู้จะพูดอะไรในเวลานี้หรือควรจะบอกไปดีนะว่าที่เห็นจับมือกันแน่นๆน่ะมันเป็นแค่ภาพลวงตาแต่อันที่จริงเธอจะดึงมืออังกรูออกต่างหากแต่เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยแถมยังมาแอบกระซิบใกล้ๆว่าให้เธอเลิกทำหูตั้งแอบฟังได้แล้วยิ่งทำให้นึกโมโหจนต้องยื้อแย้งมือกันอยู่แบบนี้
   นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อนรักคงได้มีการตบแลกกันไปแล้ว
   "แล้วถ้าผมกับเมย์รักกันมันจะแปลกตรงไหนล่ะครับ"
   ชายหนุ่มเพียงคนเดียวในโต๊ะเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะฉวยมือของคนข้างๆมาจับไว้หลวมๆหากแต่การแกล้งในครั้งนี้ก็เกือบจะเผยพิรุธออกมาเมื่อเขาหันไปเห็นสีหน้าที่ดูตกใจจนหน้าซีดของเพื่อนสาว
   ช่างเป็นชะนีที่ไม่เก็บอาการเอาเสียเลยแบบนี้ไม่ต้องพูดเขาก็รู้กันทั้งโลกแล้วกระมังว่าเจ้าหล่อนคิดยังไงกับเด็กน้อยข้างบ้าน
   "แกพูดบ้าอะไรห๊า!"
   ศศิประภาหันไปตวาดคนแกล้งทันทีก่อนจะรีบดึงมือออกมาแล้วถลึงตาใส่คนพูดจาไม่เข้าหูจนคนถูกมองถึงกับเหงื่อตก
   "พี่กับกูรเป็นเพื่อนกันจริงๆนะหมอนี่ไม่ค่อยเต็มเลยพูดไปเรื่อย"
   "พูดไปเรื่อยอะไรกันครับเมย์ อยู่อเมริกาเราสองคนยังจับๆคล่ำๆกันมากกว่านี้อีก"
   "นี่! ฉันบอกให้เงียบไง"
   "ก็มันเรื่องจริงทั้งนั้นนิ เมย์จะอายทำไมครับขนาดนอนเตียงเดียวกันยังเค?"
   ประโยคสุดท้ายที่กำลังจะหลุดออกมาถูกศศิประภาจัดการหยุดมันด้วยการถีบคนพูดมากให้ล้มกลิ้งลงไปนอนที่พื้นพร้อมกับเสียงกรี๊ดที่เจ้าตัวเผลอหลุดออกมาแต่เพียงไม่นานอังกูรก็สามารถปรับโทนเสียงและท่าทางให้กลับมาละลายใจสาวๆได้อีกครั้ง
   "ไม่ต้องตกใจนะครับเมย์เค้าเวลาเขินจะเป็นแบบนี้แหละผมชินละ"
   ชายหนุ่มเอ่ยกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มก่อนจะขยับเก้าอี้ให้ห่างจากรัศมีฝ่ามือและฝ่าเท้าของเพื่อนรักนี่ถ้าไม่ติดคนจะรู้ว่าเป็นตุ๊ดเขาคงจัดการจิกแม่เพื่อนตัวดีมาตบสั่งสอนไปแล้วมีอย่างที่ไหนอยู่ๆมาถีบให้ตกเก้าอี้ดีนะที่หน้าไม่เสียโฉมไม่งั้นงานนี้กูรไม่ย๊อม!!!
   "นี่แกยังไม่เลิกอีกเหรอจะเอาอีกใช่มั้ย"
   "แหมเมย์ก็?"
   "ไม่ตลก"
   "อย่าโกรธน๊า โอ๋เอ๋ๆ"
   อังกูรเอ่ยง้อพร้อมกับเอื้อมมือไปหมายจะจับแก้มคนขี้โมโหหากแต่ก็ต้องรีบดึงมือกลับเมื่อคนถูกง้อมองมาตาขวางพร้อมกับทำท่าจะกัดมือของเขาที่ยื่นเข้าไปใกล้ทำให้ต้องล่าถอยออกมาในที่สุด
   "หยอกกันเล่นครับไม่มีอะไร"
   ชายหนุ่มเอ่ยยิ้มๆก่อนจะขยับเก้าอี้ถอยห่างออกมามากกว่าเดิมเพราะจากอาการที่เห็นอารมณ์โมโหของศศิประภาคงอยู่ในระยะสุดท้ายแล้วและครั้งต่อไปอาจจะไม่แค่ตกเก้าอี้แต่คงต้องเปลี่ยนเป็นได้ตายคาเก้าอี้แทน
   รวิสรามองสองคนเบื้องหน้าอย่างหงุดหงิดหากแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้แม้ศศิประภาจะบอกและย้ำว่าเป็นแค่เพื่อนกันแต่ท่าทางที่ดูสนิทสนมเกินเหตุของคนทั้งคู่ก็ทำให้เธอนึกสงสัย
   การแตะเนื้อต้องตัวและการหยอกเย้าที่ดูมากจนเกินกว่าความพอดีระหว่างชายหญิงทำให้เธอไม่อยากจะเชื่อคำพูดของพี่สาวข้างบ้านมากนัก
   หรือเพราะการไปอยู่เมืองนอกทำให้ศศิประภาเห็นว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติ
   หรือเพราะเขาสองคนสนิทกันมากจนไม่ถือสาหาความกับการใกล้ชิดที่ดูไม่ปกติเท่าไหร่ในสายตาของคนนอก
   หรือ! ศศิประภากำลังหลอกเธอเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าตัวกับผู้ชายคนนี้แต่จะปิดบังกันไปทำไมนะ
   ตอนนี้รวิสราคิดเหตุผลในการกระทำของพี่สาวข้างบ้านไม่ออกเลยจริงๆเพราะในช่วงเวลาที่ห่างกันเธอก็ใช่ว่าจะสนใจศศิประภาเพราะต้องการเปิดโอกาสให้พี่สาวต่างมารดาหากแต่พอได้มาเจอกับเหตุการณ์ในวันนี้ก็ทำให้ประจักษ์ได้ว่ากรกมลคงไม่สามารถเดินหน้าในความสัมพันธ์ได้มากเท่าที่ควรศศิประภาถึงได้มาควงคนอื่นอยู่แบบนี้
   ท่าทางงานนี้เธอคงต้องกลับมาลงมือลงแรงอีกครั้งเหมือนที่เคยทำในวัยเด็กนั่นก็คือ?การกันทุกคนที่เข้าใกล้ศศิประภาโดยใช้ตัวเองเป็นโล่กำบัง!   

เปิดจอง "รักข้างรั้ว" วันนี้ - 20 ก.ย 58 ^^
 
ราคาเล่มละ 350 บาท
จัดส่ง 2 แบบ
1. ลงทะเบียน 30 บาท
2. EMS 50 บาท
- รวมหนังสือแบบส่งลงทะเบียนธรรมดา 380 บาท
- รวมหนังสือแบบส่งEMS 400 บาท
 
สำหรับการสั่งซื้อแบบ pdf ราคา 250 บาท
 
โอนเงินมาได้ที่
ธนาคารกสิกรไทย
สาขาเซ็นทรัลแอร์พอร์ตเชียงใหม่
457-211-232-8
ชื่อบัญชี สมทรัพย์
 
โอนเสร็จแจ้งวันเวลาการโอนมาได้ที่
Mail mydestiny_k@hotmail.com
Tel 087-0591110
Line samakae
facebook https://www.facebook.com/mea.you.927
ถ้าสั่งแบบpdf ให้แจ้งเมล์ที่จะให้จัดส่งไฟล์ด้วยนะคะ
 
หมายเหตุ**
เรื่องนี้ได้จัดทำเป็น pdf และ e-book แล้วนะคะ
ส่วนหนังสือต้องรอสรุปยอดจองถึงจะพิมพ์ได้ อาจจะช้าหน่อยแต่ถ้าได้ยอดที่แน่ชัดจะส่งพิมพ์ทันทีไม่ต้องห่วงน๊า :)
 
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ ^^

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น