web stats

ข่าว

 


Love Seeds vol.3- Chapter 18 : The Missing Warm

โพสต์โดย: anhann วันที่: 05 กันยายน 2015 เวลา 21:07:48 อ่าน: 344





Chapter 18 : The Missing Warm



  "เฮ้.. เด็กน้อยไปในเมืองกัน"  อิซซาเบลเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงที่ลงทุนมาหาเธอถึงข้างโรงเลี้ยงวัว  คุณอาคนสวยผู้น่าหลงใหลแต่แต่งงานแล้วนั่นเอง

    "อาจะไปซื้อของสดกับทำธุระนิดหน่อย ไปเป็นเพื่อนอาหน่อยสิคะ"  เธอเกือบจะดีใจที่จะได้ไปทำอะไรให้ลืมเรื่องยุ่งเหยิงในหัวเมื่อได้รับคำชวนนี้  ถ้าไม่ติดว่า  ที่หางตาเห็นใครอีกคนยืนกดโทรศัพท์มือถือยิกๆ อยู่ไม่ห่างจากร่างสูงของคุณอามากนัก

    "ลิทซ์ต้องไปทำธุระกับอาน่ะค่ะ  ไปด้วยกันสามคน  คงไม่อึดอัดมั้ง"

    รถคันใหญ่โตแบบนั้น  ถ้าจะอึดอัดก็อึดอึดใจมากกว่าล่ะ.. สาวน้อยบ่นในใจ  หากเธอกลับพบตัวเองลุกขึ้น  ปัดเศษดินเศษหญ้าออกจากกางเกงและพยักหน้าเบาๆ ให้คุณอาผู้ยกแขนมาโอบไหล่เธอดึงเข้าไปหาตัวด้วยรอยยิ้มชอบใจ  เธอเดินตามการนำของเขาไปอย่างไม่มีทางแย้ง  แม้จะแอบหงุดหงิดเล็กๆ กับท่าทางเมินๆ ของผู้หญิงตาสีเทาที่เดินตามมาข้างหลังอยู่ครึ่งก้าว  หล่อนทำเหมือนเธอไปแย่งพื้นที่ในอ้อมแขนอารุจของหล่อนมาอย่างนั้น

    ยัยบ้าเอ๊ย.. อย่างกับฉันอยากไปด้วยงั้นล่ะ!  อิซซาเบลขมวดคิ้ว  เธอยิ่งโมโหๆ อยู่ด้วย  ถ้าไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่เคารพมาชวน  เธอก็จะนั่งใบ้อยู่แบบนั้นไปจนกว่าจะมีใครมาแซะออกไปจากผืนหญ้านั่น  แต่ตอนนี้คงไม่มีใครอยากจะมายุ่งกับเธอหรอก  หน้าตาเหมือนฆาตรกรซะขนาดนี้ 

    แล้วทำไมอารุจไม่กลัว..  เพราะอาน่ากลัวกว่าน่ะสิ

    "มาอยู่นี่เกือบเดือนแล้ว  ยังไม่เคยเข้าเมืองเลยสินะ"  รุจิกานต์เปิดหัวเรื่องคุยเมื่อเดินมาจนถึงรถขับเคลื่อนสี่ล้อประจำฟาร์ม  มีโลโก้ของบริษัทพาเวลส์ติดอยู่ที่ประตู  ร่างสูงยังยืนคาประตูรถที่เปิดอยู่ไว้ระหว่างหันมามองสองสาวน้อย  "ลิทซ์..  เราจะนั่งไหน"

    "นั่งหลัง  จะนอน"  เจ้าของตาสีเทาบอก  แสดงน้ำเสียงไม่สบอารมณ์อย่างไม่ปิดบัง  หากคนเป็นน้าสาวกลับแค่ยักไหล่และพยักพเยิดหน้าให้เธอเข้าไปนั่งในเบาะข้างคนขับ  ปล่อยให้หลานสาวเอาแต่ใจได้ทำตามอารมณ์

    ตามใจกันแบบนี้หรือเปล่า  ยัยนี่ถึงติดรุจอย่างกับตังเม.. อิซซาเบลแอบมองคนตรงเบาะหลังที่ตอนนี้เหมือนจะหลับไปแล้วเรียบร้อยทั้งที่รถโคลงไปมาจากถนนซึ่งไม่ได้ราบเรียบเหมือนในตัวเมือง

    "เมื่อคืนเค้าช่วยอาทำงานจนดึก  เมื่อเช้าก็ตื่นมาเตรียมเอกสารประชุมคนงาน  ก็เลยสลบเหมือดอย่างที่เห็น" 

    เสียงบอกเล่าจากคนขับช่วยไขความข้องใจให้คล้ายรู้ว่าเธอกำลังสงสัยอยู่  ซ้ำยังทำให้รู้ว่า  เธอเข้าใจผู้หญิงที่มีรูปลักษณ์เป็นแบดเกิร์ลคนนี้ผิดไปมาก  อันที่จริง  เธออคติกับหล่อน  ชอบคิดว่าหล่อนไม่ดีไปเรื่อย  ทั้งที่รู้ดีว่า  อลิซาเบธ  เชนเลอร์  เป็นคนรับผิดชอบงานขนาดไหน  ตอนอยู่ไฮสกูล  หล่อนก็เป็นกัปตันเชียร์ที่ไม่เคยทำให้ชมรมเสียชื่อ  มักจะคว้ารางวัลมาให้โรงเรียนได้เสมอ  เธอเคยเห็นประกาศนียบัตรและเหรียญต่างๆ ของชมรมในยุคที่หล่อนคุมอยู่  มีรูปหล่อนกับเพื่อนๆ ในแก๊งอยู่ในตู้โชว์แถวห้องครูใหญ่  มิหนำซ้ำยังเคยได้ยินพวกครูกับนักเรียนบางคนพูดเสียดายหล่อนว่า ไม่น่าเรียนจบออกไปก่อนเพื่อนร่วมชั้น 

    ใช่.. หล่อนเรียนเก่งมากพอๆ กับที่สวยและดูดีขนาดนี้  น่าเสียดายนะที่เธอไม่สามารถเก็บสิ่งดีๆ แบบนี้ไว้กับตัวได้  มากกว่านั้น  เธอกำลังจะเสียมันไปอีกอย่างแล้ว

    เอฟไม่ชอบสิ่งที่เธอเป็น  พี่เขาปฏิเสธตัวตนของเธอ  พี่เขาคงไม่ชอบเด็กไร้สาระอย่างเธอ  แน่ล่ะ  พี่เขาคงจะเหมาะกับสิ่งที่ดีกว่า  เธอมันห่วยบรม!

    "อาลืมถามเราไปเลย  มีการบ้านปิดเทอมหรือเปล่าคะ" 

    เสียงอารุจคนสวยช่วยดึงเธอออกจากหลุมดำทางอารมณ์ที่กำลังจะฉุดเธอให้จมดิ่งไปเรื่อยๆ  รอยยิ้มสวยๆ ดูจริงใจและอบอุ่นของคุณอาเหมือนจะช่วยให้โลกอันมืดมนของเธอเริ่มมีแสงสว่าง  ทำให้เธอเริ่มเข้าใจว่า  โลกใบนี้มีอะไรน่าสนใจมากกว่าเซ็กส์หรือความรักอีกเยอะ 

    ไม่มีแฟน  เธอไม่ตาย  ก็แค่เหงานิดหน่อย.. เหงาก็หาอะไรทำ  มีอะไรที่เธอยังไม่ได้ทำอีกเพียบไปหมด  อย่างน้อยก็เรียนหนังสือให้ดี  ให้แม่ยิ้มได้

    โอ.. พระเจ้า.. เธอคิดถึงมัมกับหม่ามี๊จริงๆ เลย..

    "อิซซี่?" 

    อิซซาเบลกะพริบตาเพราะน้ำเสียงเรียกชื่อที่เจือความกังวล  เธอไม่รู้ว่า  ทำไมอารุจจึงดูตกใจอย่างนี้  มารู้ก็ตอนที่อาเขาชะลอรถและเอื้อมมือมาปาดอะไรสักอย่างที่แก้มให้  แล้วก็พบกับสองแขนของใครบางคนที่อ้อมมากอดบ่าจากเบาะด้านหลัง 

    ยัยลิทซ์ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่  แล้วทำไมหล่อนถึงมากอดเธอแบบนี้...

    "ยัยขี้แย  อย่าทำให้คนอื่นเป็นห่วงนักสิ"  คนตาสีเทากระซิบที่ข้างหู  และลูบหัวเธอเหมือนปลอบเด็ก  เธออยากจะมองหล่อนหรือไล่ไปให้ไกล  แต่ที่ทำได้คือก้มหน้างุด  น้ำตาซึมอยู่เงียบๆ

    เธอคิดว่าหล่อนจะพูดซ้ำเติมหรืออะไรอีก  หากลิทซ์ก็แค่เงียบตามเธอ  จูบขมับเธอและวางคางไว้กับบ่า  แขนยังกอดเธออยู่แบบนั้นจนเธอไม่รู้จะดื้อต่อต้านสัมผัสเอื้ออาทรแบบนี้ไปทำไม  หล่อนก็เป็นซะแบบนี้  ชอบแอบอ่านใจเธออยู่เรื่อย  ยัยตัวแสบที่แสนน่ารัก   

    อา.. เธอคงเสียใจจนประสาทกลับไปแล้ว...

    อารุจไม่ได้พูดอะไรอีก  แค่มองเธอเป็นระยะและละมือจากพวงมาลัยมาวางบนหัวเธออย่างเอ็นดู  ฝ่ามือของเขาอบอุ่น  เธอเริ่มรู้แล้วว่า  ยัยลิทซ์บ้าติดใจอะไรในตัวผู้หญิงหน้านิ่งๆ คนนี้นักหนา

    "ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว"  อิซซาเบลเอ่ยขึ้นแทรกเสียงเพลงจากวิทยุที่คุณอาเจ้าของรถเปิดเพื่อสร้างบรรยากาศให้ดีขึ้น  อ้อมแขนจากคนด้านหลังกำลังจะผละออกไป  หากเธอก็วางมือบนแขนนั้นเพื่อหยุดมันไว้ก่อน  "ถ้ายังไม่เมื่อย  ก็อย่าเพิ่งไปสิ"

    "คิดว่าตัวเองเป็นใครยะ  ทำไมฉันต้องตามใจเธอด้วย"

    "เป็นแม่ทูนหัวของฉันมั้ง"

    ลิทซ์ชะงักไปเมื่อโดนเธอพูดแบบนั้นใส่  จากนั้นหล่อนก็ตีหัวเธออย่างไม่แรงนักคล้ายจะให้มันกลบเกลื่อนท่าทางเขินๆ ให้  แล้วก็กลับมากอดเธออีก  หล่อนเป็นคนประหลาดที่ชอบทำท่าเหมือนอยากตายตอนเห็นหน้าเธอ  แต่พอเธอเป็นอะไรผิดปกตินิดหน่อยก็กลับดูจะเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นและเข้ามาช่วยเหลือก่อนใคร  แต่คงไม่ต่างจากเธอ  เธอเองก็ไม่อยากจะอยู่ใกล้หล่อน  ไม่อยากจะเห็นหน้า  เพราะหล่อนมันรู้ดีไปซะหมดอย่างนี้ไง

    "ทำไมไม่ชวนแอนเดรียมาด้วยล่ะ"  เธอถามขึ้น  ดึงให้คนที่เหมือนจะหลับไปอีกแล้วต้องสะลึมสะลือขึ้นมาตอบ

    "อยากฟังความจริง  หรือเรื่องโกหกล่ะ"

    อิซซาเบลเลิกคิ้วเมื่อถูกย้อน  ยิ่งสงสัยเพราะอีกคนหัวเราะเบาๆ ขยี้หัวเธอเล่น  "เฮ้.. มากไปแล้วนะ"

    "เธอมันโชคดีชะมัดอิซซาเบล"

    "ฉันเหรอ?  โชคร้ายน่ะสิไม่ว่า"  สาวน้อยวัยสิบห้ากลอกตา  พยายามสนใจวิวข้างทางมากกว่าหน้าสวยๆ แก้มขาวอมชมพูที่อยู่ใกล้แก้มตัวเอง 

    แม้จะไม่อยากคิดอะไรทำนองนี้แล้ว  แต่จะปฏิเสธได้ยังไงว่า  กลิ่นของผู้หญิงคนนี้ยังสามารถช่วยให้เธอผ่อนคลายได้เสมอ  ความคุ้นเคยของเราคงทำให้รู้สึกแบบนี้  และถ้าจะบอกว่าหล่อนช่วยให้เธอเศร้าน้อยลงก็คงจะได้

    "ทำไม?  ลองเปิดตาโตๆ ของเธอให้กว้างกว่านี้อีกหน่อยสิ  บางทีเธออาจจะเห็นว่า  ใครๆ น่ะรักเธอมากแค่ไหน  แม้แต่ยัยตัวจ้อยนั่นยังแอบมองเธออย่างเป็นห่วงเป็นใย  อยากจะขึ้นรถมาด้วย  แต่โทษทีที่ฉันไม่ได้ชวน"

    "เจอร์ซี่เหรอ..  แล้วเค้าอยู่ไหน  ทำไมเธอไม่บอกฉัน" อิซซาเบลหันซ้ายหันขวาราวว่าจะสามารถมองเห็นน้องเจ้าของชื่อนั่นได้ข้างทางที่มีแต่ต้นไม้ใบหญ้าเต็มไปหมดอย่างนี้  แล้วเธอก็โดนมือไวไวตีหน้าผากดังแปะ

    "เงียบได้แล้วย่ะ  ฉันบอกแม่น้องรักของเธอแล้วแหละว่า  ฉันจะจัดการเธอเอง  ไม่ใช่สิ  รุจต่างหาก" ลิทซ์ตวาด  ผลักหัวอดีตแฟนอย่างแรง  แต่ก็ไปรั้งคอกลับมากอดไว้เหมือนเดิม  ทำตัวเหมือนแม่ลูกอ่อนที่กลัวลูกจะหายไปอย่างนั้น  จริงๆ เพราะรู้ว่า  นาทีนี้อิซซาเบลต้องการคนกอดต่างหาก

    คนเราเวลาเสียใจ  ต่อให้ปากแข็งแค่ไหนก็ต้องการคนกอดปลอบกันทั้งนั้น  เธอเองก็เป็นบ่อยๆ  และคนที่ส่งต่อความคิดนี้มาให้เธอก็แนะนำเธอให้มาดูแลน้องรักของเขา  แอนเดรียใจกว้างยิ่งกว่ามหาสมุทรแอตแลนติกซะอีก  แบบนี้จะไม่รักลงเหรอ

    "ลิทซ์..  เราจะปลอบหรือจะดุน้องให้ร้องไห้กันแน่"  รุจิกานต์พูดขึ้นหลังจากที่นั่งฟังมานาน  ลิทซ์หันไปย่นจมูกใส่น้าสาวที่หัวเราะเบาๆ มาให้ก่อนจะกลับไปตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อพร้อมเสยผมเท่ๆ ให้คนแถวนี้ใจเต้นแรง

    "อยากได้ม๊ะ"

    อิซซาเบลสบตาสีเทาอย่างไม่เข้าใจ  หล่อนยิ้มแปลกๆ แล้วมองไปด้านข้าง  เธอมองตามไปแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเขิน  คุณอาลูกผสมหลายเชื้อชาติคนนี้ช่างดูดีได้อีก

    "รุจเป็นผู้หญิงคนแรกที่ฉันอยากจับมาทำสามี" ลิทซ์กระซิบเสียงเบาอย่างระวัง  ถึงอย่างนั้นรุจิกานต์ก็ยังเหยียดแขนยาวมาทุบหัวหล่อนได้อยู่ดี

    "อิซซี่.. อย่าไปจำทุกอย่างที่เด็กนี่พูดนะ  ลิทซ์.. เราน่ะเลิกสอนเรื่องน่าเกลียดให้น้องได้แล้ว  เรื่องดีๆ ทำไมไม่สอน  เดี๋ยวน้าจะฟ้องแม่เรานะ"

    "ใช่ซี..เพราะเอลลี่อยู่ใช่ไหม..  รุจถึงเมินฉันอย่างนี้  ฉันมันตัวสำรอง" 

    รุจิกานต์สั่นหัวเบาๆ ราวเอือมระอาพฤติกรรมหลานสาวเต็มที  หากอาเขากลับหันมายิ้มให้เธอและขยิบตาขี้เล่นให้  ทำซะเธอใจเต้นรัว

    "เห็นไหม.. ฉันบอกแล้ว.. รุจน่ะเท่มาก  กล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นลอนๆ น่ากัดชะมัด  ถ้าเธอเห็นนะ  เธอจะลืมไอ้เด็กแคลร์ไปเลย  นั่นน่ะไม่ได้ครึ่งของรุจหรอก"

    "ลิทซ์..  อยากให้น้าอัดคำพูดพวกนี้ไปให้อลิซฟังหรือเปล่า"

    "ก็เอาสิ  ถ้ารุจไม่กลัวพี่อลิซคนดีของรุจอกแตกตาย  ก็เชิญเลย"  ลิทซ์ท้าแต่เหมือนล้อเล่นมากกว่าจะเอาจริง  และอารุจก็คงรู้  เธอถึงยังเห็นเขาเอาแต่นั่งส่ายหัวและขับรถต่อไปเงียบๆ

    "เฮ้.. เลิกทำหน้าเศร้าได้แล้วน่า  โลกยังไม่แตกวันนี้สักหน่อย"  คนตาสีเทาหวนกลับมาคุยกับเธอต่อ  หล่อนมองเธออย่างเป็นห่วงจนต้องฝืนยิ้มให้  แต่หล่อนคงไม่ชอบใจนัก  ถึงได้บิดหูเธอแต่ก็ปล่อยก่อนที่เธอจะร้องโอดโอย

    "แค่ทะเลาะกับแฟน  ทำเหมือนจะตาย  ทีตอนเลิกกับฉัน  เธอเดินตัวปลิวเลยนะ  มันน่าน้อยใจไหม"

    "ฉันขอโทษ.."  อิซซาเบลตอบอย่างรู้สึกผิด  อีกคนถอนหายใจยาวแล้วกระซิบบอกว่าไม่เป็นไร  "แต่เอฟไม่เหมือนเธอ  เค้า..  เค้าไม่เหมือนเลย  ฉันไม่เข้าใจ  ตอนนี้ฉันทำตัวไม่ถูกแล้ว"

    "ทำไม.. เค้าไม่ให้เธอนอนด้วยเหรอ"

    "ลิทซ์!"  รุจิกานต์ปรามหลานเมื่อเห็นว่า  บทสนทนาชักจะมากเกินไปสักหน่อยสำหรับเด็กอายุเท่านี้  หากลิทซ์ก็ยังยักไหล่อย่างไม่แคร์และพูดต่อ

    "นี่จะบอกอะไรให้นะ  แล้วจำใส่สมองทื่อๆ ของเธอไว้ด้วย" หล่อนเก๊กเสียงเข้มดูจริงจังกระทั่งอารุจยังนิ่งฟัง  "ผู้หญิงบางคนก็พอใจแค่ได้อยู่กับคนที่เค้ารัก  ได้จับมือ  ได้นอนใกล้ๆ  ได้กอด  แค่นั้นเค้าก็มีความสุขแล้ว  ส่วนเรื่องเซ็กส์นั่นก็เป็นแค่ของแถม"

    "ของแถม?" อิซซาเบลถามอย่างไม่แน่ใจ  ลิทซ์พยักหน้ามั่นอกมั่นใจ  เธอจึงอดไม่ได้ที่จะมองไปหาอีกคนที่น่าจะน่าเชื่อถือกว่า  และอารุจคนสวยก็ผงกหัวเบาๆ 

    "แต่มันก็ไม่ใช่กับทุกคนหรอกนะเด็กน้อย  โดยเฉพาะกับคนข้างๆ เธอ"  อารุจพูดเสริมด้วยรอยยิ้ม  ลิทซ์หันไปแยกเขี้ยวใส่อย่างรู้ตัวว่าโดนว่าเหน็บ  เธอเองก็อดจะยิ้มไม่ได้กับความสัมพันธ์อันสนิทสนมรู้ใจกันดีของสองน้าหลาน  หากรอยยิ้มก็หายไปอีกเมื่อผู้มีประสบการณ์ขยายความเพิ่มเติม

    "แต่ถ้าแฟนเรามีความคิดในเรื่องนี้แตกต่างจากเรา  มันก็อาจจะเป็นปัญหาได้เหมือนกันนะ" 

    "รุจ.. อย่าพูดให้เด็กนี่กลัวอย่างนั้นสิ"  ลิทซ์รีบห้าม  หากก็ดูจะสายไปแล้ว  เพราะแฟนเก่าตนทำท่าอยากจะรู้ขนาดนี้

    "ลิทซ์..  อารู้ว่า  มันอาจจะเร็วไปหน่อยที่อาจะพูดเรื่องนี้กับพวกเรา  แต่พวกเราก็พอจะโตๆ กันแล้ว  คงไม่เป็นไร  ถูกไหมคะอิซซี่"

    อิซซาเบลพยักหน้ารับแม้จะไม่เต็มใจนัก  แล้วเธอคงทำหน้าซึมไป  อีกคนถึงได้มาลูบหัวปลอบกัน 

    "ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า  รู้ไหม.. ฉันกับแอนเดรียยังแค่จับมือกันเฉยๆ เลยนะ" 

    "ไม่จริงน่ะ" สาวน้อยรีบสวนอย่างลืมตัว  ลิทซ์ถึงกับกลอกตาไม่พอใจ  ขณะที่อารุจระเบิดหัวเราะเสียจนหลุดมาด  "อย่างเธอเนี่ยนะเหรอ  จะปล่อยแอนเดรียไปได้  หรือแอนเดรียไม่ได้ชอบเธอแบบนั้น"

    "นี่หุบปากไปเลยย่ะ ฉันไม่พูดกับเธอแล้ว  ทำคุณบูชาโทษชัดๆ"  ลิทซ์พูดงอนๆ สะบัดหน้าพรืดให้และผละลงไปนอนเอาผ้าคลุมห่มตัวที่เบาะหลัง  ไม่สนใจเธออีกแล้ว  เธอหนาวขึ้นมาทันทีที่ไม่มีอ้อมกอดของหล่อน

    นางมารผู้น่ารัก..

    "เด็กคนนั้นเป็นห่วงเรามากเลยนะ"  อิซซาเบลยิ้มรับคำกล่าวของคุณอาสาว  หากรอยยิ้มเธอก็เลือนไปเมื่อได้ยินประโยคนี้  "แต่อาก็เชื่อนะคะอิซซี่  พี่เอฟของเราน่ะไม่ได้ใจร้ายหรอก  ถ้าเราจะฟังคำของคนที่อยู่กับเค้ามาตั้งแต่ห้าขวบบ้าง  คงไม่เสียหายใช่ไหม"

    เด็กสาวนั่งนิ่ง  ไม่สามารถจะหาคำพูดมาตอบโต้ผู้ใหญ่ตรงหน้าที่เหมือนจะอ่านตนได้จนทะลุปรุโปร่งได้  สุดท้ายเธอก็ทำได้แค่พยักหน้ารับ  ก้มหน้างุด  เหงื่อซึมตามไรผม  สองมือที่หน้าขากำเข้าหากันแน่นโดยไม่รู้ตัว  และไม่รู้ด้วยว่า บางคนที่แสร้งทำเป็นหลับอยู่ที่เบาะหลัง  เปิดตาขึ้นมามองเธออย่างห่วงใย

    ......................................

    "เอฟขอโทษนะซิลค์..  แต่เอฟจำเป็น"

    "ไม่เป็นไรค่ะที่รัก  ฉันจัดการทางนี้ได้  เอฟจะไปเมื่อไหร่คะ"

    "พรุ่งนี้ซิลค์..  เอฟให้ป๊าซื้อตั๋วให้แล้ว  ป๊าจะมารับเองด้วย  ซิลค์บอกมะม๊าด้วยได้ไหมคะว่า  ไม่ต้องเป็นห่วง  เอฟไปอาทิตย์เดียวเท่านั้น"

    "เอฟบอกมะม๊าเองไม่ดีกว่าเหรอคะ  มะม๊าจะเสียใจนะ"

    "เอฟก็อยากบอกเอง  แต่ซิลค์ก็รู้จักมะม๊าดีไม่ใช่เหรอ"

    "โอเคๆ ค่ะเบบี้..  ฉันจะเคลียร์ทางให้  แต่อย่าลืมรางวัลด้วยนะคะ"

    "ค่ะ  ขอบคุณนะคะ"

    "เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นจุ๊บหนึ่งทีได้ไหมเอ่ย?"

    "ได้ค่ะ  หลายๆ ทีก็ได้"  เอเวอร์ลี่อมยิ้ม  บอกลาแม่เลี้ยงขี้เล่นด้วยเสียงจุ๊บเบาๆ  หากเมื่อเขาวางสายไปแล้ว  รอยยิ้มของเธอก็หายไปด้วย  พร้อมเสียงระบายลมหายใจเหยียดยาวที่ดังตามไป

    "เอฟ..  ทำไมต้องไปด้วย"

    ร่างบางสะดุ้งโหยงเพราะเสียงที่ดังโพล่งขึ้นมาจากหน้าประตูห้อง  หันไปมองก็เห็นน้องสาวร่างสูงยืนกอดอกพิงกรอบประตูอยู่  สีหน้าดูหงุดหงิดและผิดหวังมากมาย

    "คิดถึงป๊า"  เธอตอบ  แคลร์เบะปากใส่คำตอบของเธอเหมือนมันเป็นเรื่องไร้สาระมากๆ "ทำไม..  พี่จะคิดถึงคนที่ทำให้พี่เกิดมาไม่ได้หรือไง  พี่ผิดตรงไหนล่ะ"

    "ไม่ผิด  ถ้าเอฟไม่ได้ไปเพราะเอฟกำลังอยากจะหนีอะไรอย่างนี้"

    "พี่ไม่ได้หนี"

    "แล้วทำไมต้องรีบ  ไม่มีงานทำ  ไม่มีเรียนแล้วหรือไง  อย่าบอกนะว่าจะดรอป  แล้วไปอยู่ที่นั่นเลย  ฉันไม่ยอมนะ"

    "แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งพี่ล่ะ"  เอเวอร์ลี่หลุดปากตวาดน้อง  แต่เธอก็ไม่มีแก่ใจจะเปลี่ยนอารมณ์ตอนนี้  ถึงน้องจะหน้าเจื่อนไปเลยก็ตาม  "เด็กอย่างเธอน่ะ  ยุ่งแค่เรื่องตัวเองก็พอ  เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ"

    "ใช่..  ฉันมันเป็นเด็กไม่เอาไหน.. ไร้สาระไปวันๆ  ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังซื่อสัตย์กับตัวเอง  ไม่เหมือนเอฟหรอก  จะหลอกตัวเองไปถึงไหนกัน  ทำร้ายตัวเองยังไม่พอ  ยังทำร้ายคนอื่นอีก  เอฟน่ะเป็นปีศาจชัดๆ"

    "เงียบนะ!"

    แคลร์อ้าปากค้าง  มองพี่สาวที่ตวาดเธอสองครั้งติดกันอย่างตกใจ  ในความทรงจำของเธอ  เอเวอร์ลี่ไม่ใช่คนแบบนี้  พี่ไม่เคยแม้จะเสียงดังใส่เธอ  อย่าว่าจะตวาด  "ฉันไม่เข้าใจเลย  ทำไมเอฟถึงเป็นแบบนี้ไปได้  พี่สาวคนเดิมของฉันอยู่ที่ไหน  เอาพี่สาวของฉันคนนั้นกลับคืนมา"  มือยาวๆ เขย่าตัวพี่สาวร่างบางอย่างแรง  เอเวอร์ลี่ขืนแรงเธอและมองกลับมาด้วยสายตาดุดัน  ทำให้เธอต้องปล่อยเขาทั้งที่ไม่อยาก

    "เพราะฉันทำตัวไม่ดีหรือไง  เอฟถึงอยากจะไป  อยากจะหนีฉันไป"

    น้ำเสียงเศร้าสร้อยของน้องค่อยๆ ดึงสติของเธอกลับคืนมา  ร่างบางเดินย้อนกลับไปหาเขาที่ยืนรออยู่กลางห้องทั้งที่ตัดสินใจแล้วว่าจะเดินออกจากประตูไป  เธอสวมกอดเขาทันทีที่เดินมาถึง  และรู้สึกคิดถึงอ้อมกอดของเจ้ายักษ์น้อยของเธอขึ้นมาทันที  มันอบอุ่นเหมือนบางคนที่เธอโหยหามาตลอด

    "ไม่เกี่ยวกับเธอหรอก  ขอโทษนะ"  เอเวอร์ลี่กระซิบอยู่กับอกของน้องตัวโตที่สามารถโอบกอดเธอได้ทั้งตัว  อ้อมแขนแข็งแรงสามารถบอกเธอได้ว่า  เขาพร้อมจะปกป้องเธอเสมอ  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  มันทั้งรู้สึกดีและรู้สึกผิดที่เธอชอบจะถูกปกป้องทั้งที่เขาเป็นน้อง  เธอเป็นพี่  หน้าที่นั้นควรเป็นของเธอ

    แต่มันก็เป็นความจริง  บางครั้งเธอรู้สึกอ่อนแอและอยากให้มีคนกอด

    แค่กอดและบอกเธอว่า... ไม่เป็นไรนะ  ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง..

    "โอเค.. ถ้าไปแล้วเอฟจะรู้สึกดีขึ้น  ก็ไปเถอะ  ฉันไม่ว่า  แต่เอฟต้องสัญญาก่อนว่า  จะกลับมา  และอย่าไปนาน"

    "สั่งมากไปแล้วนะ  ตกลงใครเป็นพี่  ใครเป็นน้อง" แกล้งว่าเขา  เจ้าเด็กตัวโตหัวเราะเบาๆ  ยิ้มเก้อๆ  น่ารักจนเธอต้องหอมแก้มอย่างอดไม่ได้  แคลร์หอมเธอคืนและกอดเธอเงียบๆ  เหมือนอยากจะตุนสัมผัสอบอุ่นระหว่างกันเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ 

    "อยู่กับรุจ  อย่าดื้อให้เค้าปวดหัวล่ะ  แล้วก็อย่าให้ใครมาตีหน้าเธอได้อีกนะ  แม้แต่อมีเลีย  ถ้าเค้าจะตีให้ตีที่อื่น  เดี๋ยวเสียโฉมหมด"

    "โธ่.. นึกว่าจะห่วงกัน  ที่ไหนได้  มาห่วงอะไรไม่รู้  เอฟนี่.."

    เอเวอร์ลี่หัวเราะคิก  แม้น้องจะกลอกตาเซ็งๆ ให้  "บอกอมีเลียให้ไปส่งพี่หน่อยสิ"  แคลร์มองเธอเหมือนช็อก  เธอต้องค่อยๆ ลูบแก้มปลอบเขา "พี่ต้องไปซื้อของใช้นิดหน่อย  ไม่อยากไปเอาที่บ้าน  เดี๋ยวมะม๊าบ่น"

    "แต่มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอเอฟ  อิซซี่ยังไม่กลับมาเลย"

    "ยังไม่มาน่ะดีแล้ว"

    "ดียังไง  นี่มันโหดร้ายชัดๆ  ถึงฉันจะไม่ชอบเค้าเวลาอยู่กับเอฟเท่าไหร่  แต่คราวนี้ฉันเห็นใจเค้านะ"

    "เธอรักเค้ามากกว่าพี่งั้นเหรอ"  เอเวอร์ลี่ใช้ไม้เด็ด  เด็กตัวโตถึงกับชะงัก  จำใจพยักหน้าให้ตามคำขอ

    "งั้นเอฟจะรอที่นี่หรือจะไปหาเอ็มกับฉัน"

    "ไปด้วยกันเลยดีกว่า  จะได้ไม่เสียเวลา"

    "รีบขนาดนั้นเลย?"  แคลร์ถาม  หากพี่สาวคงคิดว่า  เธอประชดถึงได้ทำหน้าหงิก  ปล่อยมือออกจากกัน  เธอต้องตามไปโอบไหล่เอาตัวกลับมา  บทจะเอาแต่ใจก็น่าดูเหมือนกัน  พี่สาวเธอ

    แต่ถึงจะตามใจพี่ยังไง  เธอก็ยังอดนึกถึงอีกคนไม่ได้อยู่ดี  อิซซาเบลจะต้องเสียใจแน่ๆ  ถ้ารู้เรื่องนี้ทีหลังคนอื่น  แต่เธอจะทำยังไงได้ล่ะ   


.....................................................


ย้ายมาลงให้เป็นกิจจะลักษณะค่ะ

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น