web stats

ข่าว

 


Apple & Cinnamon (Second Dishes)-Lesson 3 : Sweet Rain

โพสต์โดย: anhann วันที่: 03 กันยายน 2015 เวลา 21:12:26 อ่าน: 399




Lesson 3 :  Sweet Rain


แอ๊บบิเกลนั่งเท้าคางมองกลุ่มเมฆสีดำที่กำลังก่อตัวหนาขึ้นบนท้องฟ้าผ่านผนังกระจกร้านกาแฟ  สเปนเซอร์นั่งอยู่ข้างๆ อ่านหนังสือพิมพ์ภาษาฝรั่งเศสที่แวะซื้อมาจากร้านริมถนน  ทำตัวกลมกลืนกับชาวปารีเซียงที่นี่จนเธอนึกว่า หล่อนไม่ได้เพิ่งขึ้นเครื่องมาจากฟิลลี่พร้อมเธอมาเมื่อคืน  และดูแต่งตัวสิ  แฟชั่นนิสต้าตัวจริงใช่ไหม  จะมาถ่ายแบบหรือมาทำอะไรยะ

"เราควรต้องซื้อร่มสักคันหรือสอง  หรือว่ามันรวมอยู่ในแพ็กเกตทัวร์"  เด็กสาวพึมพำ  ดวงตายังจดจ้องอยู่กับเมฆดำๆ ที่พร้อมจะทิ้งเม็ดฝนลงมาเมื่อใดก็ได้  "เมื่อเช้ายังไม่มีวี่แววว่าฝนจะตกสักหน่อย"

"อากาศที่นี่ไว้ใจไม่ได้หรอก  เธอต้องเตรียมพร้อมเสมอ"  สเปนเซอร์ตอบเบาๆ ออกมาเป็นภาษาอังกฤษ  ทำให้เธอโล่งใจได้นิดหน่อยว่า หล่อนยังไม่ได้โดนปารีสกลืนเข้าไป  "เสื้อโค้ตที่ฉันซื้อให้  คงพอกันไม่ให้เธอเปียกก่อนที่เราจะหาร่มได้สักคัน  โอ.. แต่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ นี้  คงพอจะมีขาย"

"งั้นมั้งคะ"  แอ๊บบิเกลพึมพำ  หดหู่ขึ้นมากะทันหันเหมือนท้องฟ้าที่ครึ้มจนเหมือนทั้งเมืองจะเปลี่ยนเป็นสีเทา  ทั้งที่เมื่อเช้าเธอยังเห็นแสงแดดผ่านหน้าต่างเครื่องบินอยู่เลย

"ไม่อยากเปียกข้างนอกสินะ" 

อดีตดาราสาวงง  หากสายตากรุ้มกริ่มของอีกคนก็ทำให้เธอระแวง  และเธอก็คิดไม่ผิดเมื่อหล่อนเข้ามากระซิบที่ข้างหูด้วยเสียงแตกพร่า

"เธอชอบเวลาเราเปียกกันสองคนบนเตียงมากกว่าใช่ไหม"

แอ๊บบิเกลหน้าร้อนผ่าว  ขยับมือไปหยิกต้นขาคนทะลึ่งที่เหมือนจะหนังหนาจนไม่รู้สึกเจ็บอะไรแล้ว  หล่อนคว้ามือข้างนั้นของเธอไป  บีบมันและใช้นิ้วโป้งไล้ไปตามหลังมือ  ให้เธอต้องขึงตากลบเกลื่อนอาการขนอ่อนตามตัวลุกชันเพราะสัมผัสแบบนั้น

"สเปนซ์.. อย่าสิ  ฉันไม่ได้มาที่นี่เพราะแค่อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศเวลามีเซ็กส์นะ  ฉันมาเที่ยว  ฉันอยากเที่ยว  กับคุณ"  เธอย้ำแต่ละคำอย่างชัดเจน  สเปนเซอร์ยิ้มกว้าง  ท่าทางเหมือนเข้าใจ  แต่ไม่ยอมปล่อยมือกันสักที

"สเปนซ์.."

"ฉันอยากจูบเธอ  แต่ฉันจะไม่ทำมันที่นี่"  สเปนเซอร์กระซิบ  ตาสีน้ำตาลมองไปรอบร้านที่ผู้คนหนาตากว่าตอนแรกที่เราเข้ามา  "ไปซื้อร่มกัน"

แอ๊บบิเกลอ้าปากพะงาบๆ ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร  เธอก็พบตัวเองโดนฉุดแขนออกมาจากคาเฟ่  โดนจับใส่เสื้อโค้ทด้วยมือของคนที่ทำอะไรไวไปหมดทุกอย่าง  จากนั้นก็ปล่อยให้หล่อนลากไปหาซื้อร่มตามร้านที่ผ่านมาระหว่างทาง  แล้วเราก็ได้ร่มกันมาคนละคัน  ทันเวลาฝนตกพอดี

"แล้วแบบนี้เราจะไปตามโปรแกรมทัวร์ได้ยังไง" เด็กสาวบ่นสิ้นหวัง  เงยหน้ามองเม็ดฝนหยดลงมาจากขอบร่มสีน้ำเงินเข้มในมือ  อีกมือก็กระชับผ้าพันคอ  หนาวขึ้นมาจนจับใจ  หากคนข้างกายกลับดูใจเย็นกว่าอากาศ

"สเปนซ์?"

"มาเถอะที่รัก  ฉันจะดูแลเธอเอง"  สเปนเซอร์พูดด้วยรอยยิ้ม  ยื่นมือมาให้เธอจับ  เธอรับมันมาโดยไม่ต้องคิดนาน  แม้จะสงสัยว่าทำไมหล่อนไม่พาเธอกลับไปโรงแรมที่กรุ๊ปทัวร์จะนัดรวมตัวกันที่นั่น

"จริงๆ แล้ว โค้ตตัวนี้มันมีฮู้ดนะคะ"  หล่อนพูดขึ้นมาระหว่างทาง  หยุดเดินให้เธอหยุดตาม  หล่อนหุบร่มของตัวเอง  ใช้สายตรงด้ามมันคล้องไว้ที่แขน  ขยับเข้ามายืนในร่มของเธอพร้อมๆ กับที่จับคอเสื้อโค้ตหนัง  รูดซิบที่ซ่อนไว้ตรงนั้น  ดึงฮู้ดออกมาคลุมศีรษะให้  จากนั้นก็เริ่มติดกระดุมเสื้อทีละเม็ด  หล่อนใจเย็นกับมันและพยายามไม่สนใจสายตาของใครๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมาในถนนเส้นนี้ด้วยการหันแผ่นหลังให้  หล่อนไม่ได้ตัวใหญ่มาก  หากเสื้อโค้ตตัวหนาที่สวมอยู่ก็ทำให้ร่างของหล่อนแทบจะบังเธอจนมิด  และทำให้เธอคิดอะไรแผลงๆ

"แอ๊บบี้?" สเปนเซอร์ครางหวิวเมื่ออยู่ดีๆ มือเธอก็ถูกดึงให้ไปสัมผัสทรวงอกของเจ้าของร่างที่พยายามติดกระดุมเสื้อโค้ตให้  แอ๊บบิเกลมองกลับมานิ่งๆ สายตาจริงจังทั้งแฝงความนัย  น้องลดร่มลงเพื่อใช้มันบังเราจากสายตาคนอื่น  เธอกลืนน้ำลายหวังบรรเทาอาการลำคอแห้งผาดกะทันหัน  หากหลังจากนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร  เราจูบกันท่ามกลางสายฝนและผู้คนที่เดินขวักไขว่อยู่บนถนน  มันตื่นเต้น  รู้สึกดี  และแตกต่าง

น้องครางในปากเธอเหมือนจะเตือนให้เธอรู้ว่า  บีบหน้าอกเขาแรงเกินไปหน่อย  เธอค่อยๆ ผละออกมา  แต่ก็เข้าไปใหม่คล้ายยังเก็บเกี่ยวความหวานจากริมฝีปากนุ่มนี้ไม่พอ  เราคลอเคลียและอ้อยอิ่งอยู่นานก่อนจะหัวเราะ

"ไปกันดีกว่าค่ะ  ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ  อุ้มเธอกลับโรงแรม"

แอ๊บบิเกลยิ้มกว้าง  มองอีกคนขอร่มเธอไปพับเก็บ  ดึงฮู้ดมาคลุมหัวเหมือนกับเธอ  จับมือเธอเดินไปด้วยกันตามทางที่เธอไม่แน่ใจว่า  หล่อนจะพาเธอไปไหน  แต่ที่แน่ๆ ไม่ได้กลับไปโรงแรม

"คุณซื้อร่มทำไม  ถ้าโค้ตของเรากันฝนได้"  สาวน้อยถามขึ้นระหว่างมองคนข้างตัวหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายทัศนียภาพของบ้านเมืองริมแม่น้ำแซน  หล่อนหันมาฉีกยิ้มในแบบที่ชอบทำแล้วพึมพำออกมาให้เธอหน้าร้อน

"เพราะฉันอยากถูกจูบในร่มของเธอ"

เธอพูดอะไรไม่ออก  แสร้งเสตามองไปทางอื่นเพราะไม่อยากให้คนแถวนี้เห็นเธอยืนเขินเพราะคำพูดของผู้หญิง  ถึงเธอจะไม่ได้แคร์หากใครจะรู้ว่า  เธอมีคู่หมั้นเป็นเพศเดียวกัน  เธอก็ไม่ชอบหากจะถูกมองด้วยสายตาราวเห็นมนุษย์ต่างดาวจากพวกเขา  เธอไม่อยากเป็นจุดสนใจอะไรอีกแล้ว  ภาวนาว่า อย่าให้มีคนจำเธอได้ว่า  ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นดารา 

"โอ.. ฝนหยุดตกแล้ว"  สเปนเซอร์ร้องออกมาอย่างดีใจ  ดึงสายตาให้เธอต้องหันไปมองหล่อนอีกครั้ง  มือสวยๆ จับฮู้ดออกจากศีรษะ  หล่อนสะบัดเรือนผมสีบลอนด์สว่างที่ยิ่งสว่างขึ้นเพราะแสงแดดที่ลอดก้อนเมฆมากระทบ หล่อนยิ้ม  ดวงตาสีน้ำตาลหรี่ลงในช่วงกำลังปรับสายตาให้เข้ากับแสงที่อยู่ๆ ก็เหมือนมาเปลี่ยนเมืองทั้งเมืองอีกครั้ง  ชาวปารีสและนักท่องเที่ยวดูมีชีวิตชีวาขึ้นในทันใด  คล้ายเพิ่งหลุดออกจากคำสาป  บนถนนเริ่มมีนักดนตรีเปิดหมวกมาจับจองพื้นที่เพื่อเปิดการแสดง  เธอเชื่อแล้วว่า  สภาพอากาศมีผลกระทบต่อจิตใจของผู้คน  เธอเองก็สดชื่นขึ้นมากเหมือนกัน  แต่เริ่มจะร้อนแล้วล่ะ

"ว่าจะชวนไปพิพิธภัณฑ์อยู่พอดี  แต่อากาศแบบนี้  เราไปที่อื่นกันก่อนดีกว่า"  หล่อนว่า  พร้อมปลดกระดุมเสื้อโค้ตออกไปด้วย  เธอทำตามอย่างไม่ต้องรอคำสั่ง  แทบอยากจะถอดโค้ตหนังนี้ออกเสียเลยด้วย  ถ้าไม่ติดว่า จะต้องถือมันไปตลอดทาง  ทนร้อนเอาหน่อยก็แล้วกัน

"ว่าแต่.. เธอหิวหรือยัง"

"นิดหน่อยค่ะ  แต่เราจะไม่กลับโรงแรมกันจริงๆ เหรอสเปนซ์"

"เห็นว่าจะไม่จ้ะ  เพราะฉันบอกมิสมาร์ตินแล้วล่ะว่า  ฉันจะพาเธอเที่ยวเอง" 

แอ๊บบิเกลทำตาปริบๆ มองผู้หญิงผมทองที่จูงมือเธอเดินราวกลัวจะหลงทางอย่างเหลือเชื่อ หล่อนช่างขยันทำเรื่องให้เธอทึ่งได้ตลอดเวลา  แรกเริ่มหล่อนทำเหมือนไม่อยากจะมาที่นี่  ปล่อยให้เธอตื่นเต้นศึกษาลู่ทางเที่ยวตามลำพัง  หากดูตอนนี้สิ  หล่อนผันตัวมาเป็นไกด์ส่วนตัวให้เธอเสียแล้ว  แถมยังรู้หนทาง  สถานที่ท่องเที่ยวดีกว่าเธอที่เตรียมตัวมาอย่างดีซะอีก

"คุณเหมือนคุ้นเคยกับที่นี่" เธอถามขึ้นเมื่อพบกับหน้าตาสถานที่ที่คล้ายกับสวนสาธารณะที่เห็นมาจากในเว็บไซต์ท่องเที่ยว

"สวนตุยเลอรีส์ (Jardin des Tuileries) มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่ยุคปฏิวัติฝรั่งเศส"  สเปนเซอร์เล่า  หันมายิ้มให้คู่หมั้นหน้าใสที่สีหน้าประกาศความฉงนฉงายเต็มแก่  "ฉันมาเรียนภาษาที่นี่  ปีกว่าๆ"

"เมื่อไหร่?   โอ.. เพราะงั้นครูใหญ่ถึงให้คุณสอนคลาสนั้นแทนได้"

"ก่อนไปสอนที่ลอคเฮเว่นไฮ  ฉันทำใจมาเป็นปีก่อนจะเจอเธอ"

"คุณไม่เห็นเคยเล่าให้ฟัง" 

"ตอนนี้ก็เล่าแล้วนี่คะ" 

แอ๊บบิเกลสั่นหัว  ไม่รู้จะพูดยังไงดีกับผู้หญิงคนนี้  เธอเหมือนจะเสียพลังงานไปเปล่าๆ หากจะโกรธหล่อนหรือหาเรื่องทะเลาะกัน  อีกอย่าง...

บรรยากาศในสวนนี้ก็ชวนให้อารมณ์ดีมากๆ...

"ถอดเสื้อโค้ตออกก่อนก็ได้ค่ะ เราจะนั่งตรงนี้กันสักพัก  หรือนานกว่านั้นก็ได้  ถ้าเธอไม่หิวซะก่อน"  สาวผมบลอนด์บอกด้วยรอยยิ้ม  ก่อนจะนั่งลงกับม้านั่งที่ว่างอยู่เพียงตัวเดียวตรงนี้ 

"เรานั่งที่นี่กันทำไม"  สเปนเซอร์เลิกคิ้วมองเธอเหมือนเธอถามเรื่องประหลาดเช่นมนุษย์ต่างดาวเป็นผู้สร้างพีระมิดใช่ไหม  "ฉันหมายถึง.. คุณไม่เบื่อหรือไง  นั่งเฉยๆ"  หล่อนคลี่ยิ้ม  ส่ายหน้าเบาๆ แต่ทำให้เธออายได้อีกแล้ว  เพราะคำพูดสะเหล่อๆ บนสีหน้าซื่อๆ

"ฉันชอบทุกนาทีที่เราอยู่ด้วยกัน"

"นี่ไม่ต้องจีบฉันทุกเวลาก็ได้นะ  เราเป็นคู่หมั้นกันแล้ว"

หล่อนหัวเราะ ดวงตาสีน้ำตาลพริบพราวสะท้อนกับแสงแดด  หล่อนทำให้เธอเมินเจ้านกเป็ดน้ำที่กำลังเล่นน้ำโชว์อยู่ในสระตรงหน้าไปทันที 

ทำไมนะ  ทั้งที่เราก็อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน  ทำไมเธอถึงยังเขินกับเรื่องแบบนี้อยู่  ยังรู้สึกใจเต้นแรงกับการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของหล่อน  ยังคงจับผิดตัวเองได้ว่า  จ้องมองหล่อนนานเกินไป  เพราะหล่อนสวยมากใช่หรือเปล่า  หรือเพราะบรรยากาศที่นี่มันเป็นใจ  แดดแรงๆ แบบนี้น่ะเหรอ...

"ต่อให้เราแต่งงานกันแล้ว  ฉันก็จะจีบเธอแบบนี้แหละ" สเปนเซอร์พูดด้วยรอยยิ้มสดใส  หล่อนแทบไม่ต้องแตะต้องเธอด้วยมือ  แค่รอยยิ้มแบบนี้กับสายตาแบบนี้  หัวใจเธอก็เต้นผิดจังหวะ  ลมหายใจก็ขาดห้วงขึ้นมาเฉยๆ

บางทีคนที่ต้องการถูกชิดใกล้  ถูกจูบ  อาจจะเป็นเธอเอง..

"สะเหล่อจัง" แอ๊บบิเกลแกล้งพูดและหัวเราะคิกเมื่อหล่อนทำแก้มตุ่ย  สะบัดหน้างอนๆ ให้  เธอนึกสนุก  เอานิ้วไปจิ้มๆ แก้ม  แล้วก็หน้าแดงก่ำเพราะหล่อนหันมางับนิ้วเธอท่ามกลางผู้คนนับร้อยในสวนสาธารณะ

"สเปนเซอร์!"  เธอร้อง  ผลักหล่อนกระเด็นด้วยมือข้างที่ว่าง  จากนั้นก็วิ่งหนีไปด้วยความอาย  หากไปไม่ได้ไกล  เสียงท้องเธอก็ร้องโครกให้ต้องหยุดวิ่งด้วยความตกใจ  แล้วก็ทำให้คนที่เธอวิ่งหนีมาตามจนทัน

"แอ๊บบี้.. เธอจะหลงทางนะ" สเปนเซอร์ไม่ได้ดุ  หากน้ำเสียงเป็นกังวลจนคนฟังรู้สึกผิด  "เราไปหาอะไรกินกันเถอะ  คราวนี้ฉันไม่แกล้งเธอแล้ว"

แอ๊บบิเกลเดินตามการนำของอีกคน  ลอบมองใบหน้าเรียบเฉยของหล่อนอย่างสงสัย  เกรงว่าหล่อนจะโกรธที่เธอไม่ชอบการชิดใกล้ในที่สาธารณะทั้งที่ตอนอยู่ลอคเฮเว่นกับฟิลลี่  เธอไม่เคยออกอาการห้าม

"มันไม่ใช่บ้านเรา  ฉันเข้าใจ" หล่อนหันมาพูดยิ้มๆ แต่ดูเหมือนฝืนจนน่าอึดอัดแทน  และเธอก็ทนมันไม่ได้จึงสอดมือเข้าไปจับมือหล่อน  หล่อนมองเธอด้วยสายตาแปลกใจ  เธอยิ้มกระชับมือหล่อนไปด้วย

"มือคุณอุ่นดี"  หล่อนยิ้ม  ดวงตาสีน้ำตาลสุกใส  จากนั้นโลกทั้งใบของเธอก็กลับมามีชีวิตอีกครั้งเหมือนปารีส

"สวนนี้สร้างขึ้นสมัยพระเจ้าอองรีที่2 (King Henry II) โดยพระนางแคทเธอรีน เมดิซี (Catherine Medici) มเหสีของพระองค์"  สเปนเซอร์เริ่มงานของไกด์ทันทีที่เริ่มเดินกันต่อไปในสวนที่มีคนมากมายมหาศาล  และตอนนี้เองที่แอ๊บบิเกลได้เรียนรู้ว่า  ผู้คนมากมายที่นี่ไม่ได้สนใจอะไรใครเลย  พวกเขาเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง

"ใกล้กันนี้คือพระราชวังลูฟวร์  และพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์  สนใจจะไปดูไหมล่ะ  แต่ฉันว่า  เราไปหาที่ฝากท้องตอนมื้อเที่ยงกันดีกว่า"  หล่อนว่า  พลางลูบท้องด้วยอาการที่บอกว่า  มันต้องการอะไรไปเติมเต็มแล้วล่ะ

"งั้นคุณไกด์ก็พาฉันไปสิคะ"  แอ๊บบิเกลล้อ  หล่อนหัวเราะในลำคอ  และดึงแขนเธอ  พาเดินไปอย่างรีบด่วนเหมือนกลัวว่าร้านอาหารจะเต็ม

...............................................

จริงยังว่า  ถ้าพวกเธอออกมาจากสวนสวยนั่นช้าไปอีกนิด  เธอคงไม่มีสิทธิ์ได้นั่งในร้านอาหารฝรั่งเศสที่มีผู้คนหนาตาขนาดนี้ได้แน่  แต่อันที่จริง  ไกด์ของเธอทำงานได้เลิศกว่านั้น  หล่อนจัดแจงจองที่นั่งของร้านนี้เอาไว้แล้ว  ซ้ำยังสั่งอาหารไว้โดยไม่รอถามเธอก่อนด้วย  แต่คราวนี้ขอยกประโยชน์ให้จำเลยไปก่อน  เนื่องจากเธอหิวจนแทบจะคิดอะไรไม่ออก  มีหล่อนคิดแทนให้ก็ดี  เพราะถ้าให้เธอสั่งเอง  ภาษาฝรั่งเศสเหมือนเด็กห้าขวบหัดพูดของเธอคงทำให้เธอได้กินแต่สปาเกตตี้ซีฟู้ดที่คงจะดูธรรมดาเกินไปสำหรับการถ่อมากินอาหารในร้านอย่างนี้  แต่ไม่สิ  อย่างน้อยบริกรที่นี่ก็ควรพูดภาษาอังกฤษได้  นักท่องเที่ยวมากมายขนาดนี้  พูดไม่ได้ก็เกินไป  ถึงอย่างนั้นก็สู้การมาหย่อนก้นนั่งแล้วมีอาหารมาเสิร์ฟให้เลยไม่ได้หรอก   

"อันนี้คือ ฟัวกราส์ (Foie Gras) ค่ะ" สเปนเซอร์ชี้แจงเมื่ออาหารเริ่มมาเสิร์ฟ  สาวน้อยข้างๆ พยักหน้ารับรู้ด้วยท่าทีที่ไม่ดูสงสัยอะไรนัก  "ตับห่านบดแบบนี้ต้องกินคู่ขนมปังบาแกตต์ปิ้งและซอสราสพ์เบอร์รี่  ถึงจะไม่เลี่ยนเกินไป"

"ดูเชี่ยวชาญจริงๆ ด้วยนะคะ"  แอ๊บบิเกลวิจารณ์  คนที่กำลังบรรจงทาตับห่านบดบนขนมปังอยู่อมยิ้มและขยิบตาให้  "จริงๆ ฉันเคยรู้สึกนะว่า  การกินตับห่านมันดูโหดร้ายไปหน่อย"  สเปนเซอร์เหลือบตามามองเธอและเลิกคิ้วเป็นสัญญาณว่าอยากฟังต่อ  "ก็เขาคงไม่ได้ห่านทั่วๆ ไปมาควักตับ  แล้วมาทำแบบนี้ให้เรากินได้หรอกมั้งคะ  เพราะมันคงไม่อร่อย  และอัพราคาได้ขนาดนี้"

"คิดลึกซึ้งเหมือนกันนะคะ"  สาวผมบลอนด์ยิ้มขำ  และเผื่อแผ่รอยยิ้มไปให้บริกรที่เอาอาหารเมนคอร์สมาเสิร์ฟอีกสองจาน  หนุ่มปารีเซียงนั่นยิ้มรับ  หากใบหน้าคมๆ ของเขากลับซีดจางลงกะทันหันเมื่อหันมาเจอสายตาเชือดเฉือนของอีกสาว  เขารีบวางจานอาหารลงแล้วรีบเดินหายไปทันที

"แอ๊บบี้คะ  ฉันไม่สนใจผู้ชายหรอก"  สเปนเซอร์บอกอย่างรู้ทัน  แต่ก็ไม่ได้ทำให้สาวน้อยหายตาเขียวไปได้ "โอเคๆ  ผู้หญิงก็ไม่สน  พอใจหรือยังคะ"

"ให้มันจริงเถอะ" แอ๊บบิเกลสะบัดเสียง  พร้อมเสียงส้อมที่จิ้มพลาดหอยแมลงภู่ตัวโตลงไปในจานกระเบื้อง  นัยน์ตาสีฟ้าอมเขียวเคืองๆ ยังคงมองหาเรื่องไปยังผู้ร่วมโต๊ะ  และอาจรวมถึงผู้คนที่บังอาจมองมาทางนี้

"แอ๊บบี้คะ  ไม่เอาน่า  ใจเย็นๆ นะ" คนอายุมากกว่าเริ่มกลัว  อารมณ์ของเด็กสาวเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าสภาพอากาศในปารีสเสียอีก

"ทานเถอะนะ  นี่หอยทากอบจานนี้ก็อร่อยนะคะ" สเปนเซอร์ตักอาหารใส่จานแบ่งให้คู่หมั้นอย่างเอาใจ  โชคดีที่แอ๊บบิเกลชอบอาหารและอาหารที่นี่ก็อร่อยใช้ได้  น้องจึงค่อยอารมณ์ดีขึ้นมา

"เราจะไปไหนกันต่อ"

"ไปเดินย่อยกันหน่อยไหมคะ"

"ที่ไหน  อย่าบอกนะว่า  จะช้อปปิ้งเลย"  แอ๊บบิเกลถาม  สั่นหัวเบาๆ เมื่ออีกสาวหัวเราะ  "ฉันไม่อยากคิดเลยว่า  สิบวันนี้  คุณจะหมดเงินไปเท่าไหร่  แล้วเราจะเสียค่าโหลดของขึ้นใต้เครื่องกันเท่าไหร่ตอนกลับ"

"นิดหน่อยค่ะที่รัก  นานๆ ที" สเปนเซอร์ยิ้มหวาน  พันเส้นสปาเกตตี้ด้วยส้อมไปพลางๆ "เธอชวนฉันมาเองนะ"

แอ๊บบิเกลกลอกตา  พยายามเมินไม่มองริมฝีปากที่กำลังค่อยๆ งับอาหารเข้าปาก  ทุกอย่างที่หล่อนทำเหมือนต้องการจะยั่วอารมณ์เธอให้กระเจิดกระเจิง  หรือเธอคิดมากไปเอง  ตั้งแต่ตอนที่ฝนตกแล้ว 

ตั้งแต่ที่เราจูบกันในร่ม..

"หรือพรุ่งนี้ดีล่ะ  เธอเจ็ตแลกหรือเปล่า"

"ไม่..  เอ่อไม่ค่ะ"  สาวน้อยส่ายหน้า  พยายามไล่ความคิดไม่เหมาะแก่เวลาไปจากหัว  "แต่เราควรจะไปจัดของในห้องกันก่อนนะคะ  เมื่อเช้ายังไม่ได้จัดเลย"

"โอเคค่ะ  งั้นกลับห้องกันนะ"  หล่อนตอบอย่างว่าง่าย  และหวนไปจัดการอาหารตรงหน้าด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย  ซ้ำยังตักมาวางให้เธอด้วยรอยยิ้มที่ยากจะปฏิเสธได้ว่า  ไม่อยากกิน  ถึงหอยทากอบจะหนุบหนับจนเธอเคี้ยวแทบไม่ออกก็ตาม 

"เที่ยงนี้อาหารฝรั่งเศสแล้ว   ตอนเย็นเอาอะไรดี"

"นี่คุณไม่ได้เปลืองแค่ช้อปปิ้งนะสเปนซ์  เรื่องกินอีกเหรอ"

"ชีวิตมันสั้นค่ะที่รัก  ทำอะไรได้  เราต้องรีบทำนะ"  สเปนเซอร์ขยิบตาอีกที  จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตากินต่อ  ชักชวนให้อีกคนทำตาม  และไม่นานทั้งเมนคอร์สทั้งของหวานก็อันตรธานหายไปจากโต๊ะเหมือนถูกเสกให้หายไป

..........................................

"แอ๊บบี้.. ฉันบอกเธอแล้วไง  ไม่มีอะไรต้องห่วง"  เมลิสซ่าแทรกเสียงมาที่ปลายสายระหว่างที่ไคลีย์ผู้เงียบเชียบกำลังรายงานเหตุการณ์ในร้านวันนี้ให้ฟัง  เสียงไคลีย์หันไปดุหล่อน  ยัยผมทองฮึดฮัดสะบัดเสียงพูดอะไรสักอย่างที่เธอได้ยินไม่ถนัด  จากนั้นก็ตีกลับมาเป็นเสียงไคลีย์ที่เธอสบายใจจะฟังมากกว่า

"ไม่มีอะไรพิเศษหรอกแอ๊บบี้  จะมีแค่ยัยตัวป่วนที่อยากทำคาปูชิโนอวดคุณหมอเท่านั้น"

"แล้วสำเร็จไหมล่ะ"

"ไม่น่าถามเลย"

แอ๊บบิเกลหัวเราะกับคำตอบของเพื่อนรัก "แล้วนี่เพิ่งเปิดร้านกันหรือ"

"ฉันมาถึง  ลุฟท์กับเป๊กกี้ก็เปิดเรียบร้อยแล้วล่ะ ส่วนยัยนั่นเพิ่งจะมา"

"ฉันมานานแล้วย่ะ แค่อยู่ฝั่งตรงข้าม" เมลิสซ่าแหวเข้ามาในโทรศัพท์  เธอต้องยกมือถือหนีเพราะเสียงหล่อนช่างเป็นตัวทำลายหูเธอได้อย่างดีจริงๆ

"โอเค.. สรุปคือเธอแวะไปคลินิกคุณหมอเจเน็ตก่อนจะมาร้าน?"

"ใช่..  แต่ก็แค่แวะไปเก็บค่าเช่าตึก" 

แอ๊บบิเกลยิ้มขำ  เพื่อนเธอยังคงปากไม่ตรงกับใจเหมือนเดิม  "เก็บค่าเช่าตอนกลางเดือนเนี่ยเหรอ  เดี๋ยวนี้เธอเก็บค่าเช่าเดือนละสองรอบหรือไง  หรือว่าทุกวัน"

"นี่หล่อน  ไม่ตลกนะยะ"  ยัยหัวทองอาละวาด  แต่ไม่ยอมคืนมือถือให้ไคลีย์ไปสักที  "ที่เธอบอกว่า  เจอยัยคริสตี้  โอลิเวอร์  เป็นยังไงบ้างล่ะ  หล่อนแผลงฤทธิ์อะไรไหม"

"ตอนนี้ยัง..  แต่คงไม่มีอะไรหรอก  เราแค่พักโรงแรมเดียวกันเฉยๆ"

"อ้าว.. แล้วเธอไม่ไปกับทัวร์หรือไง"  เมลิสซ่าถามสงสัย  หากจู่ๆ หล่อนก็กรี๊ดออกมา  "ฉันว่าแล้ว!  ฉันว่าแล้วว่า  สเปนซ์ของเธอจะต้องไม่ยอมให้เธอไปกับกรุ๊ปทัวร์แน่ๆ"

แอ๊บบิเกลขมวดคิ้ว  ทั้งปวดหูทั้งไม่เข้าใจว่า  ทำไมเพื่อนจึงคิดแบบนั้น  "เธอหมายความว่ายังไงเมลิสซ่า"

"ก็หมายความว่า  หล่อนจะเก็บเธอไว้กับตัวคนเดียวน่ะสิยะยัยบื้อ"

ยัยบื้อที่ว่า  ทำตาปริบๆ  พอดีกับคนที่ถูกพูดถึงเดินออกมาจากห้องน้ำ  เลิกคิ้วมองเธอเหมือนรู้ว่า  กำลังถูกนินทา  "นี่เมลิสซ่า  ฉันต้องวางแล้ว  แล้วคุยกันใหม่นะ  ฝากบอกไคลีย์ด้วยว่า  ฉันจะโทรไปใหม่"

"อะไรกันยะ  พูดถึงหล่อนแค่นี้ไม่ได้เลยเหรอ!"

แอ๊บบิเกลสั่นหัว  รีบจิ้มวางสายทันทีก่อนที่หูเธอจะใช้การไม่ได้  ยังไม่ทันจะเก็บโทรศัพท์  บางคนก็มาดึงเอวเธอเข้าไปหา  ชะโงกหน้ามาหอมแก้ม  และปล่อยให้จมูกโด่งๆ คลอเคลียแก้มเธออยู่สักพักก่อนจะลากลงไปยังลำคอ

"สเปนซ์..  อย่าเพิ่งเล่นสิ"

"ทำไมคะ  อาบน้ำแล้วไม่ใช่เหรอ"  สเปนเซอร์อ้อน  แล้วก็ได้รางวัลเป็นการตีแปะลงมาบนมือที่กำลังบีบสะโพกอีกฝ่ายผ่านเสื้อคลุมซึ่งคลุมทับชุดนอนอีกที  "โอเค..  ไม่เล่นก็ได้  งั้นฉันลงไปหาอะไรดื่มข้างล่างก่อนนะ"

"ไหนคุณบอกว่า อยากพัก"  เธอท้วงระหว่างที่หล่อนผละออกไปหาเสื้อผ้าในตู้มาใส่  หล่อนดูจริงจังเหมือนจะไปจริงๆ  "สเปนเซอร์"

"ฉันจะไปหาข้อมูลไว้เขียนนิยายหน่อยค่ะ  เธอง่วงก็นอนก่อนได้เลย"

"ได้ไง..  คุณจะทิ้งฉันไว้คนเดียวงั้นเหรอ"

"แล้วถ้าชวน  จะไปด้วยกันหรือเปล่าคะ"  สเปนเซอร์ย้อน  สอดแขนเข้าไปในเสื้อสเวตเตอร์  เธอรอคำตอบจนกระทั่งสวมเสื้อเสร็จ  แอ๊บบิเกลก็ยังยืนขมวดคิ้ว  ตาสีฟ้าอมเขียวดูทั้งโกรธทั้งน้อยใจ  สุดท้ายเธอก็ต้องถอดเสื้อที่เพิ่งใส่ไปออกเก็บใส่ตู้ตามเดิม  และเดินมาสอดตัวลงไปนอนบนเตียง  หลับตาและแสร้งทำเป็นว่าจะหลับแล้ว  แต่การยุบตัวของที่นอนข้างๆ ก็ดึงเปลือกตาให้เปิดขึ้นมาใหม่  ใบหน้าของคนที่เธอเปิดตามาเจอพาให้เธอถอนหายใจ

"เดี๋ยวสั่งรูมเซอร์วิสขึ้นมาทานนะคะ"

"ฉันไม่ได้หิว"

"แล้วทำไมหงุดหงิดจังเลย"  คนผมทองใช้ข้อศอกหยัดตัวขึ้นมานั่ง  ลูบเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเบาๆ  หัวคิ้วที่ขมวดอยู่ก็ค่อยๆ คลายลง  "ฉันทำให้เธอรำคาญหรือเปล่า  พรุ่งนี้เรากลับไปเข้ากรุ๊ปทัวร์กับคนอื่นๆ ก็ได้นะ"

"เปล่าค่ะ  คุณไม่ได้ทำให้ฉันรำคาญ  ฉันแค่คิดถึงบ้านของเรา"

สเปนเซอร์อ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ  แต่อีกคนคงหมั่นไส้เธอถึงได้เอามือมาตีไหล่เปลือยๆ เสียแรง  "โอ.. แอ๊บบี้คะ  ฉันยังไม่ได้ล้อเลียนเธอว่า  เป็นเด็กติดบ้านเลยนะ"

"ปากคุณยังไม่ได้พูด  แต่สายตาคุณมันพูดแทนแล้วสเปนเซอร์"

"โธ่ที่รัก.."  รีบรวบตัวอีกคนมากอดไว้ก่อนจะโดนทำร้ายมากกว่านี้  แอ๊บบิเกลขืนตัวอยู่ในอ้อมแขนเธอ  แต่ก็ไม่ถึงสองนาทีน้องก็ผ่อนคลายลง  เอนร่างลงในอ้อมอกเธอเหมือนที่ผ่านมา  ให้เธอไล้เส้นผมนุ่มๆ ของเขาเล่น

"ถ้าไม่สนุกแล้ว  จะกลับเลยก็ได้นะคะ"

"ไม่เอา  กว่าจะมาได้  ฉันต้องอ้อนคุณตั้งนาน"  แอ๊บบิเกลงึมงำอยู่กับซอกคอขาวของเจ้าของเนื้อตัวอุ่นๆ ที่ไม่รู้จักอายใครว่าตัวเองโป๊  ชอบโชว์หรือชอบยั่วเธอก็ไม่รู้  แต่ที่รู้คือหื่นแน่นอน

"งั้นลองดูพรุ่งนี้ก่อนนะคะ  ถ้ายังไม่สนุกหรือคิดถึงบ้านอยู่  เราจะกลับบ้านกัน"

"จริงๆ ฉันอึดอัดที่กอดคุณข้างนอกไม่ได้" เด็กสาวสารภาพ  พยายามไม่เขินระหว่างมองตากับดวงตาสีน้ำตาลพริบพราว  "ทั้งที่รู้ว่า  ไม่มีใครสนใจเราหรอก  แต่ฉันก็รู้สึกไม่ปลอดภัยเท่าไหร่"

"ฉันรู้.."  สเปนเซอร์จูบขมับปลอบคนรักที่สอดแขนมากอดเอวกันจนแน่น  "แต่วันนี้  เราได้จูบกันใต้ร่ม  ท่ามกลางในปารีสนะคะ  มันยังไม่เจ๋งพออีกหรือไง"

แอ๊บบิเกลชะงักไปนิด  แล้วบ่นพึมพำ  ซุกหน้าเข้าหาซอกคออีกคนมากขึ้นเหมือนอยากจะหายตัวไปตรงนั้นให้ได้  "นั่นมันคือความผิดพลาดร้ายแรงของฉันเลย"   

"แต่ฉันว่า  มันเซ็กซี่และโรแมนติกสุดๆ เลยนะคะ"

"บ้า  ทะลึ่ง"  เด็กสาวหยิกเนื้อตรงเอวเจ้าของอ้อมกอด  แต่ไม่แรงพอจะทำให้หล่อนร้องโอยแทนเสียงหัวเราะชอบใจนี้ได้  "ถือเป็นเรื่องดีของวันนี้สำหรับคุณเลยหรือไง"

"ก็ประมาณนั้นค่ะ" สเปนเซอร์ขยิบตาให้เจ้าของสายตาที่ยอมออกมามองกันจนได้  "แต่จริงๆ  แค่มีเธออยู่ด้วยกัน  ทุกๆ วันของฉันก็เป็นวันดีๆ อยู่แล้วนะแอ๊บบี้"

"สะเหล่ออีกแล้ว"

"แต่บางคนก็ชอบที่ฉันสะเหล่อแบบนี้นะคะ" 

แอ๊บบิเกลกลั้นยิ้ม  หากที่สุดก็ปล่อยมันออกมาเมื่อถูกอีกริมฝีปากคลอเคลียที่พวงแก้ม  สเปนเซอร์ดูท่าจะไม่ยอมปล่อยเธอให้รอดไปได้ง่ายๆ แล้วคราวนี้  แต่เธอก็ยินดีที่จะฉลองคืนแรกในปารีสกับหล่อนแบบนี้เช่นกัน

แต่เธอต้องมองหาหอไอเฟลไปด้วยไหม..  ฝนตกอีกแล้วด้วยสิ..


....................................




ฟัวกราส์ ค่ะ




ขนมปังบาแกตต์ หรือขนมปังฝรั่งเศสค่ะ



แล้วคราวหน้าจะพาไปเที่ยวกันต่อนะคะ 

อ่า.. ตกลงนี่นิยายหรือหนังสือพาเที่ยวฝรั่งเศสคะ ฮ่าๆๆๆ

แล้วเจอกันค่ะ ขอบคุณนะคะ

ป.ล.1 ขอขอบคุณ Paris is always a good idea สำหรับสถานที่ที่แนะนำให้ในเล่มด้วยค่ะ

ป.ล.2 บอสแบบหนังสือเล่มมาแล้วนะคะ  ตอนนี้ขอห่อแพ็คก่อนค่ะ แล้วจะรีบส่งให้ทันทีเลยจ้า

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น