web stats

ข่าว

 


Apple & Cinnamon (Second Dishes)-Lesson 2 : A Cute Devil Of Mine

โพสต์โดย: anhann วันที่: 01 กันยายน 2015 เวลา 19:44:58 อ่าน: 294





Lesson 2 :  A Cute Devil Of Mine




เธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นเพราะความรู้สึกอุ่นนุ่มตรงซอกคอ  แม้จะยังสะลึมสะลืออยู่  เธอก็รู้ว่า  มันเกิดขึ้นมาจากอะไร  มือขยับขึ้นมาสัมผัสศีรษะด้านหลังของเจ้าของริมฝีปากซนๆ ที่ไม่แน่ว่าอาจจะฝากร่องรอยไว้บนลำคอเธอแล้วก็ได้ถ้ายังจะเม้มเนื้อตรงส่วนนั้นของเธอไว้ไม่ยอมปล่อยอย่างนี้

"แอ๊บบี้..  ปลุกฉันแบบนี้  ไม่ใช่วิธีที่ดีนะคะ"

"ทำไมคะ  คุณก็ตื่นแล้วนี่นา"  เด็กสาวว่าตาใส  เธอเปิดเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมา  สบตากัน  มืออีกข้างประคองพวงแก้มนิ่ม

"จงใจแกล้งฉันเหรอ..  ระวังตัวให้ดี"

"ฉันกลัวคุณตายละ" แอ๊บบิเกลยิ้มขำเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำตาโต  หากต่อมาเธอก็กระซิบเบาๆ  "มอร์นิ่งค่ะที่รัก"  ริมฝีปากทาบลงกับคนด้านล่างที่ตอบรับกลับมาอย่างทันกัน  มือที่ทาบอยู่บนศีรษะเธอร่นลงมาลูบแผ่นหลังเปลือยช้าๆ  ราวจะบอกว่า  เธอทำให้หล่อนเพลินจนไม่อยากจะหยุด

"โอ.. รู้สึกว่า  บางคนจะไม่ได้ตื่นอย่างเดียวซะแล้ว"

"ใช่..  แล้วดูเหมือนจะมีบางคนต้องรับผิดชอบด้วยสิ"  สเปนเซอร์ระบายลมหายใจแผ่ว  พลิกตัวขึ้นแทนที่อีกคน  และเริ่มต้นทำกิจกรรมยืดเส้นยืดสายในยามเช้า  โดยความร่วมมือของเด็กสาวที่ตอบรับกันทุกการกระทำคล้ายชื่นชอบวิธีการเรียกเหงื่อแบบนี้ด้วย

"คนสวยขา..  วันนี้เราต้องจัดกระเป๋ากันไม่ใช่เหรอคะ" 

แอ๊บบิเกลพยักหน้ารับหากดูไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก  น้องหอบเบาๆ ขณะหดเกร็งหน้าท้องพร้อมขยับร่างกายส่วนล่างตอบสนองเธอที่เคลื่อนไหวมือหยอกเอินกันอยู่อย่างรู้ใจ

"ส.. สเปนซ์..  เช้าๆ อย่างนี้  อย่าแกล้ง.." 

"ใจเย็นค่ะเบบี๋..  เมื่อคืนนี้ยังไม่อิ่มเหรอคะ"

"ก็ใครที่ทำให้ฉันหิวอีกแล้วล่ะ"  สาวน้อยสะบัดเสียง  ละมือจากบ่าเธอข้างหนึ่งมา  ลูบคลำหน้าอกเธอเป็นการเอาคืน  สเปนเซอร์ครางอืมอย่างชอบใจ  ลดตัวลงหามือข้างนั้นบอกกันเป็นนัยๆ ว่าให้บีบแรงๆ ก็ได้

"มาโซเหรอ?"  แอ๊บบิเกลแกล้งถาม  ได้คำตอบมาเป็นจูบหนักๆ และเรียวนิ้วที่สอดรวดเดียวเข้ามาจนสุดทางในร่างอย่างไม่รอขออนุญาต  มันขยับเข้าออกอย่างไม่ลำบากนักเพราะเธอเปียกชื้นรอมานานจนเกือบทนไม่ไหว  นับวันเธอจะยิ่งคล้ายผู้หญิงหื่นที่ขาดเรื่องทำนองนี้ไม่ได้  เพราะสเปนเซอร์ตัวดีคนเดียวเลย  ชอบสอนเธอเรื่องอะไรก็ไม่รู้  คุณครูส่วนตัวของเธอมันน่าตีนัก

"สเปนซ์..  อีก..."

สเปนเซอร์เลิกคิ้วเพราะได้ยินไม่ถนัดนัก  หากเธอก็พอจะเดาท่าทางอีกฝ่ายออก  หญิงสาวก้มลงจูบยอดอกสีชมพูแล้วจึงดูดดึงมันพร้อมๆ กับที่ขยับมือเร็วๆ ล้อเล่นกับความสาวของสาวน้อยทั้งภายนอกและภายใน  ไม่นานเกินรอ  มือบางก็จิกต้นคอด้านหลังของเธอจนแสบ  แอ๊บบิเกลขยับสะโพกขึ้นลงถี่ๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนที่นอน  หอบเหนื่อยปานใจจะขาด  กระนั้นคนรู้งานก็ยังไม่ลืมจะตอบแทนกัน  สองนิ้วเข้าถลำเข้าในพื้นที่เปียกลื่นให้เธอต้องกดเอวลงรับมันเข้าไปให้ลึก  สองมือยึดที่นอนเอาไว้และกลายร่างเป็นจ๊อกกี้ที่ต้องการเร่งตัวเองไปให้ถึงเส้นชัยให้เร็วที่สุด 

เส้นชัยที่มีชื่อเรียกเฉพาะว่า.. จุดสุดยอด!

หญิงสาวผ่อนลมหายใจอย่างลำบาก  กว่าจะลากร่างมาทิ้งตัวลงนอนหงายข้างๆ กายอีกคนได้ก็เกือบจะทับกันจนตัวชา  เธอไม่ได้ตัวเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้หนักจนต้องโดนไล่ 

"สงสัยต้องขอนอนต่อแล้วมั้ง" สเปนเซอร์แกล้งบ่น  เห็นคนข้างตัวหน้าบูดก็ยันตัวเองขึ้นมางับแก้มนิ่มเล่นจนโดนทุบไหล่  "อะไร.. ก็ฉันเพลียนี่นา  เธอต้องเข้าใจหน่อย  ฉันแก่กว่าเธอตั้งเจ็ดปี  กระดูกกระเดี้ยวมันก็ต้องแย่กันบ้างสิคะ"

"นี่คุณยังไม่ได้ห้าสิบนะคะสเปนเซอร์  และจากเมื่อกี้รวมถึงเมื่อคืน..  บอกว่า  คุณยังฟิตเปรี๊ยะ"  แอ๊บบิเกลบอก  และตบก้นอีกคนดังเพี๊ยะโทษฐานทำให้หมั่นไส้  ใครไม่รู้เมื่อคืนนี้คุยกันอยู่ดีๆ จับเธอกดเฉยเลย  ยังไม่ทันจะสรุปได้เลยว่า  งอนเธอเรื่องอะไร  หรือไม่หล่อนก็ทำเฉไฉเพราะไม่อยากพูดถึง

"ถ้าจะตีกันขนาดนี้  เอาแส้มาตีเลยดีไหมคะ" 

สาวน้อยกลั้นขำคนบ่นงึมงำพร้อมลูบก้นแดงๆ เป็นรอยมือเธอไปด้วย  หล่อนค้อนเธอขวับ  ลงไปนอนตะแคงหันหลังให้เธอเหมือนงอนจริงๆ เอื้อมมือไปสะกิดไหล่ก็ยังไม่หัน  จริงๆ ก็อยากแกล้งลองไม่ง้อดูบ้าง  แต่อย่าเลย..

"งอนจริงๆ เหรอคะ  เจ็บมากเลยเหรอ"  เธอถาม  แกล้งเอาตัวไปเบียดหลัง  แทรกแขนไปกอดเอว  เอาคางกดลงบ่า  ร่างตรงหน้าเกร็งเล็กน้อยและค่อยๆ ผ่อนคลายลง  สเปนเซอร์ยกมือขึ้นมาลูบหัวเธอ  เธอเกือบจะยิ้มได้  ถ้าหล่อนไม่พูดอะไรให้ใจหายอย่างนี้

"ถ้าวันนึง  ฉันตื่นมาแล้วไม่เจอเธอ  จะเป็นยังไงนะ"

"สเปนซ์!"  แอ๊บบิเกลดุ  เธอไม่ชอบฟังคำพูดอย่างนี้  หล่อนหันมายิ้มอย่างรู้สึกผิด  กดจมูกลงกับแก้มเธออย่างเอาใจ

"ขอโทษค่ะ  จะไม่พูดอีกแล้ว  ไม่โกรธนะ"

เธอพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ  หล่อนจึงลูบไหล่เธอแทนคำปลอบขวัญ  เธอกอดหล่อนแน่นขึ้นและไม่ยอมปล่อยง่ายๆ อย่างไม่สนใจเวลา  ทั้งที่คิดว่าจะแวะไปดูร้านก่อนจะเดินทางไปสนามบิน  กระเป๋าก็ยังไม่ได้จัดเสียด้วยซ้ำ  แต่เพราะไฟลท์เธอมันตอนกลางคืน  เธอถึงยังอ้อยอิ่งอยู่อย่างนี้ได้  ยังไงเธอก็อยากให้ปารีสเป็นความทรงจำดีๆ ของเธอกับหล่อน  เป็นหน้าหนึ่งในไดอารี่ของเธอ  และอาจเป็นส่วนหนึ่งในหนังสือเล่มใหม่ที่แอบเห็นหล่อนจั่วชื่อเรื่องเอาไว้แล้ว

"โอเค.. ลุกขึ้นกันดีกว่าค่ะ  เช้าๆ อย่างนี้  ต้องกระปรี้กระเปร่ากันหน่อยสิ" สเปนเซอร์ตีไหล่สาวน้อยดังแปะ  แต่แอ๊บบิเกลกลับส่ายหน้าไม่สนใจการกระตุ้นของเธอสักนิด 

"แอ๊บบี้ขา..  ฉันหิวแล้ว"

"ก็ฉันยังไม่หิวนี่นา"

"ไม่หิวแล้วเสียงท้องใครกันที่มันร้องดังขนาดนี้"  สาวน้อยหัวเราะคิก  ดิ้นหนีมือที่ลูบไล้พุงเธอ  สเปนเซอร์แกล้งจั๊กจี้เธอเพราะรู้ว่าเธอบ้าจี้  หล่อนลุกขึ้นมางับพุงแบนราบของเธอ  และเธอก็หัวเราะจนหอบ 

"พอแล้ว..  พอแล้ว  ฉันกำลังจะตายสเปนเซอร์!"  เธอตีไหล่หล่อนอย่างแรงจนผิวขาวๆ ขึ้นสีแดง  แต่หล่อนยังหัวเราะชอบใจ  ขยับขึ้นมาฟัดแก้มเธอซ้ายขวา  "โอเคๆ ลุกแล้ว  คนแก่แรงเยอะ"  เธอว่าก่อนจะถูกจูบปิดปากจนเคลิ้ม  เริ่มลูบหัวอีกคนอย่างเพลินใจและชักสีหน้าขัดใจเมื่อหล่อนผละออกไปยิ้มแป้นเหมือนสะใจที่แกล้งเธอสำเร็จ

"แอ๊บบี้.. ถ้าเราอยู่แบบนี้กันทั้งวัน  ฉันว่า เราจะไม่ได้ไปไหนกันนะคะ  หรือจะแคนเซิลทริปกันดีล่ะ  อยู่บ้านแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ"

"ไม่เอา  ฉันอุตส่าห์ได้ห้องที่มองออกมาแล้วเห็นหอไอเฟล"

"เธอจะมองหอไอเฟลไปด้วยตอนมีเซ็กซ์เหรอแอ๊บบี้  ร้ายนะคะ"

"จะบ้าเหรอ" แอ๊บบิเกลแหวหน้าแดงก่ำ  ผลักอีกคนออกจากตัวและรีบวิ่งหนีเข้าห้องน้ำไป  หากเสียงหยอกล้อก็ยังดังมาให้อายต่อ  คนบ้านั่นไม่ยอมเธอเลยจริงๆ

"หยุดพูดเลยนะสเปนซ์  ไม่งั้นฉันจะไม่พูดกับคุณแล้ว"

เสียงหล่อนหายไป  คาดว่าคงไม่อยากให้เธอโกรธจนปรี๊ดแตกจริงๆ  เธอปลดล็อกประตูห้องน้ำออกจากที่ล็อกมันเพราะกลัวว่าหล่อนจะเข้ามาแกล้ง  แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าหล่อนจะตามมา  บางทีอาจจะลงไปเข้าห้องน้ำชั้นล่าง  เกรงว่า  การอาบน้ำด้วยกันจะทำให้ช้าไปกันใหญ่  เธอถอนหายใจเบาๆ และก้าวเข้าไปยืนใต้ฝักบัวเปิดน้ำราดหัวตัวเอง  ความเย็นจากน้ำที่ไม่ได้ปรับเครื่องทำน้ำอุ่นทำให้เธอสะดุ้งเล็กๆ  หากไม่ได้ถึงกับหนาวจนสั่นจนทนมันไม่ได้  ความคิดเธอที่ผุดขึ้นมาตอนนี้ต่างหากที่ทำให้ใจสั่นด้วยความหวาดเกรง

เกรงว่าสักวันหนึ่งจะตื่นขึ้นมาแล้วต้องอยู่คนเดียว..

.......................................................

"คุณพูดฝรั่งเศสได้ไหม"  แอ๊บบิเกลกระซิบเบาๆ ระหว่างเข้าแถวรอไกด์ประจำกรุ๊ปทัวร์ตรวจเช็กเอกสาร  สเปนเซอร์เหลือบตามามองเธอแล้วผงกหัวเบาๆ  "คุณพูดเป็นแล้วทำไมไม่เห็นเคยบอกฉันเลยล่ะ"

"แอ๊บบี้.. นี่เธอลืมแล้วเหรอว่า  ฉันเคยสอนแทนคลาสฝรั่งเศสคลาสเดียวกับที่เธอเรียนพร้อมพ่อหนุ่มน้อยคนนั้น"  หล่อนบอกด้วยสีหน้าไม่แสดงอารมณ์  หากเธออ่านน้ำเสียงหล่อนออก  หล่อนยังหงุดหงิดนิดๆ เวลานึกถึงเรื่องนี้  "เขาชื่ออะไรนะ  ดีน  โทมัส  ใช่หรือเปล่า"

"งั้นมั้งคะ  จำไม่ได้" 

สเปนเซอร์เลิกคิ้ว  กลั้นยิ้มให้ใบหน้าหงิกงอของคนอายุน้อยกว่าที่เมินหน้าหนีกันไปแล้ว  "แซวแค่นี้ก็ไม่ได้เหรอคะ"  แอ๊บบิเกลหันมาค้อนวงโต  แล้วแอบหยิกเอวเธอจนเจ็บจี๊ดก่อนจะเดินไปชิดคนด้านหน้าที่ก้าวตามแถวที่หดสั้นลง  เธอเดินตามไปจนชิดน้องและก้มลงส่งยิ้มเอาใจ  "โถคนดี.. ไปเที่ยวทั้งที  ทำหน้าแบบนี้เหรอ"

"คุณนั่นแหละ  แกล้งฉันตั้งแต่เช้าแล้วนะ  ที่ร้านก่อนจะมานี่ก็ด้วย"

"ช่วยไม่ได้  ก็เธอน่ารักดีนี่นา" 

"ไม่เชื่อหรอก  คุณแกล้งฉันมาตั้งแต่ฉันยังเป็นยัยแว่นเหยินอยู่เลย"

"เฮ้..  เธอเคยเป็นแบบนั้นด้วยเหรอ  ฉันจำไม่เห็นจะได้"

แอ๊บบิเกลเม้มปาก  เหยียบเท้าอีกสาวที่ลอยหน้าลอยตาพูดอยู่อย่างหมั่นไส้  สเปนเซอร์อ้าปากจะร้อง  เธอชี้หน้าหล่อนและเหลือกตามองไปรอบๆ บอกให้รู้ว่า  ตรงนี้มีคนอื่นอยู่เพียบเลยนะ

"เด็กแสบ"  สเปนเซอร์คำรามเบาๆ ใช้แขนที่ว่างจากการถือเอกสารตวัดมาคล้องเอวคนเด็กกว่าด้านหน้า  แอ๊บบิเกลหันขวับมามองหน้าเธอ  จ้องตากัน  เราขู่ฟ่อๆ ใส่กันอยู่เงียบๆ  จากนั้นก็เสียงใครบางคนดังขึ้นมาขัด

"ไปฮันนีมูนกันเหรอ  น่ารักจังนะ"

พวกเธอหันไปทางต้นเสียงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย  และแม่สาวผมแดงที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ตรงหน้าก็ทำให้พวกเธออ้าปากพร้อมกัน

"คริสตี้/มิสโอลิเวอร์!"

"อุ๊ยจำกันได้ด้วย" หล่อนแสร้งทำเป็นตกใจ  ตาสีเขียวมองพวกเธอหัวจรดเท้า  มองขึ้นมาใหม่และหยุดลงตรงที่มือของสเปนเซอร์วางทาบอยู่บนท้องของเธอ  หล่อนจ้องมันอยู่แบบนั้นจนเธอต้องตีมือคู่หมั้นเป็นสัญญาณเตือน  แต่สเปนเซอร์ผู้อวดดีก็ยังคงตีมึน  ไม่หือไม่อืออะไร  ซ้ำจ้องผู้มาใหม่กลับจนฝ่ายนั้นส่งเสียงหัวเราะแก้เก้อ

"คุณดูดีเหมือนเดิมเลยค่ะมิสแคมเบลล์  ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี"

"เธอก็เหมือนกัน  ฉันเกือบจำเธอไม่ได้  ถ้าไม่ได้เห็นตาสีเขียวสวยของเธอเสียก่อน"  สเปนเซอร์บอกยิ้มกรุ่มกริ่ม  ร้องซี้ดเบาๆ เพราะมือโดนหยิก  มองหน้าคนหยิกอย่างปรามๆ  หากแอ๊บบิเกลกลับแยกเขี้ยวใส่เธอเหมือนจะกัดคอเสียให้ได้  เด็กอะไรขี้หึงขนาดนี้นะ "ฉันแค่ทักทายตามปกติ" เธอกระซิบ

"ปกติเหรอ?  คุณไม่เห็นเคยชมฉันตาสวยเลยนะ"

"ทำไมต้องชมด้วยล่ะ  เธอรู้อยู่แล้วว่า  เธอสวยสำหรับฉันเสมอ"

"เหอะ  ฉันไม่เชื่อหรอก  คุณล้อฉันขี้เหร่มาตั้งแต่เด็กแล้วนะ"

"นั่นก็เพราะว่า..."

"พวกคุณน่ารักกันดีนะคะ"  คริสตี้เอ่ยย้ำ  มองคู่รักเถียงกันอย่างขบขัน  "แล้วเจอกันที่ปารีสนะ"

สาวผมแดงโบกมือให้และเดินเข้าไปหาไกด์หนุ่มในอีกแถวตรวจเอกสาร  แอ๊บบิเกลมองหล่อนตาค้างก่อนจะมาสบตากับคนที่ยังล็อกเอวตัวเองอยู่  "สเปนซ์?"

"ยินดีด้วยค่ะแอ๊บบี้  เธอมีเพื่อนไปทัวร์เพิ่มอีกคนแล้ว" สเปนเซอร์พูดขบขัน  แต่คนไม่ขำกลอกตาและกระทืบส้นสูงใส่เธอจนเผลอร้องจ๊าก  ปิดปากไม่ทัน 

แอ๊บบิเกลแลบลิ้นใส่เธอแล้วเดินไปส่งเอกสารให้ไกด์สาวผมทองอย่างไม่สนใจว่าทิ้งให้เธอโดนประณามจากดวงตาหลายคู่จากบรรดาลูกกรุ๊ปทัวร์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคู่รักวัยดึก  เธอส่งยิ้มแห้งๆ เป็นการขอโทษพวกเขา  แล้วรีบจ้ำตามสาวน้อยคู่หมั้นไป  แอ๊บบิเกลเหลียวมาส่งยิ้มขำๆ ใส่เธอ  และเธอก็ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน  ปล่อยให้ยัยตัวแสบประจำบ้านลอยนวลไปก่อน

....................................................

แอ๊บบิเกลเก็บความสงสัยมานานแล้วนับตั้งแต่ตอนนัดรวมตัวลูกทัวร์  คุณพ่อเธอซื้อทัวร์อะไรมาให้  ทำไมจึงมีแต่คู่รักอายุรุ่นพ่อแม่เธอทั้งนั้น  หากไม่นับคริสตี้  โอลิเวอร์ที่มาพร้อมผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับสเปนเซอร์  หรือเธอจะโดนพ่อหลอก  พ่อเอาแพ็กเก็ตทัวร์ที่เขาตั้งใจจะไปฮันนีมูนรอบสามของเขากับแม่มาให้หรือเปล่า  หรือว่าเขาจงใจซื้อทัวร์แบบนี้ให้เธอ  เพราะมันดูน่าจะปลอดภัยกว่า  ทัวร์ที่มีแต่พวกวัยรุ่นฮอร์โมนพุ่งพล่าน

"นี่คุณ..  ถ้าเราจะไม่ไปกับพวกเขา  จะเป็นอะไรไหม"  คนช่างสงสัยหันไปสะกิดถามคนนั่งข้างๆ ที่เอาแต่อ่านหนังสืออย่างไม่สนใจใครตั้งแต่หย่อนก้นลงบนเบาะเครื่องบิน  หล่อนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย  เลิกคิ้วมองหน้าเธอด้วยแววตาต้องการคำอธิบาย  "ฉันก็แค่รู้สึกแปลกๆ  บอกไม่ถูก.."

"พวกคุณลุงคุณป้าพวกนี้คงไม่ยุ่งกับเราหรอกค่ะ  ฉันว่าคุณพ่อเธอซื้อทัวร์ได้เหมาะแล้วนะ  หรือเธอรู้สึกว่ามันไม่คึกคักพอ"

"คุณคิดอย่างนั้นเหรอ" แอ๊บบิเกลขมวดคิ้ว  อีกคนพยักหน้าหงึกหงัก  เธอหันมองไปรอบตัวอีกที  เจาะจงมองเฉพาะคนที่มีริบบิ้นสีชมพูสดอันเล็กๆ ติดอยู่ที่เสื้อบ่งบอกว่าเป็นลูกทัวร์เดียวกันกับตน  แต่ละคนที่เห็น  ไม่ได้ทำให้เธอสบายใจขึ้นเลยสักนิด  หรือเธอจะคิดมากเกินไป  หรือเพราะมีทัวร์อีกกรุ๊ปในเครื่องบินลำนี้เป็นข้อเปรียบเทียบ  "แต่สเปนซ์..  ฉันรู้สึกว่า  เราเป็นพวกแปลกแยกยังไงไม่รู้สิ"

สเปนเซอร์อมยิ้ม  มองคู่หมั้นอายุน้อยกว่าอย่างเอ็นดู "เดี๋ยวก็ชินค่ะ  อาจไม่เจริญหูเจริญตาเท่าทัวร์กรุ๊ปนั้น  แต่ฉันว่า  มันปลอดภัยดีนะ" เธอว่า  พลางพยักพเยิดหน้าไปยังกลุ่มชายหญิงวัยรุ่นที่ติดริบบิ้นสีแสด  บางคนในกลุ่มนั้นก็มองพวกเธอมาเหมือนกัน "หรือเธออยากจะย้ายกลุ่ม  รู้สึกเหมือนจะคนอยากรู้จักเธออยู่นะ  หรือบางทีเขาอาจจะจำเธอได้มิสเกรย์สัน"

"นี่คุณแขวะฉันอีกแล้วนะ" แอ๊บบิเกลแหว  แต่อีกคนก็ยังทำเหมือนเธอพูดเรื่องตลกให้ฟัง  "คุณนี่จริงๆ เลย  ฉันเห็นนะจะบอกให้  ผ้าพันคอกับเสื้อโค้ทตัวใหม่ในกระเป๋า"

"แล้วสวยไหมคะ"  สเปนเซอร์ถามยิ้มแฉ่ง  ไม่ได้แสดงอาการรู้สึกผิดที่แอบซื้อมันมาเลยสักนิด  เพราะรู้ว่า  สาวน้อยดีใจแค่ไหนที่ได้เห็นมัน  ถึงจะทำฟึดฟัดอยู่อย่างนี้ 

"ก็สวย.." เด็กสาวอ้อมแอ้ม "แต่มันเปลือง  มันแพง  แล้วเราในโปรแกรมทัวร์เราก็ต้องผ่านแหล่งช้อปปิ้งอยู่แล้ว  แล้วคุณคิดว่า  คุณจะไม่ได้อะไรติดมือไปอีกหรือไง"

"ก็จริงค่ะ  ฉันน่ะมันขาช้อปอยู่แล้ว  แต่เธอรู้ไหม  ปารีสไม่ให้เวลาเธอวิ่งไปซื้อเสื้อโค้ทมาก่อนที่ฝนจะตกหรือโบกลมหนาวยะเยือกมาใส่เธอหรอกนะ  ยังไงเราก็ต้องเตรียมมาก่อนบ้าง"

"ก็ฉันบอกว่า  ฉันมีตัวเก่าอยู่แล้วไง  แต่ดูสิ  คุณเอาของฉันออก  แล้วก็เอาของใหม่ใส่มา  แบบนี้หมายความว่าไง"

"ก็หมายความว่า  ฉันอยากให้เธอใส่ของที่ฉันซื้อให้ไงคะ" สเปนเซอร์สรุปง่ายๆ และหันไปอ่านหนังสือ Picture of Dorian Gray นวนิยายเรื่องแรกและเรื่องเดียวในชีวิตของนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่  ออสการ์ ไวลด์  ต่อ  โดยไม่สนใจอาการกลอกตาไม่พอใจของคนนั่งใกล้กัน 

ใครว่า  เธอไม่สนใจ...

"ฉันก็แค่อยากจะให้สิ่งที่ดีกับเธอ  เพราะเธอเป็นผู้หญิงของฉัน"

แอ๊บบิเกลนิ่งอึ้ง  และถึงเธอจะทำฟอร์มไม่ยอมหันมามองคนพูด  ใครๆ ก็ย่อมเห็นว่า  เธอกำลังยิ้มอยู่อย่างพอใจ  ซ้ำยังมีบางคนแอบมองเธอด้วยสายตาอิจฉาเสียด้วยสิ

..................................................

เที่ยวบินมาปารีสของเราไม่ได้เลท  เจ้านกยักษ์พาเธอกับสเปนเซอร์และลูกทัวร์วัยดึกมาถึงสนามบิน ชาลส์ เดอ โกลล์ (Charles de Gaulle) ตามเวลาที่บริษัททัวร์ลงไว้ในโบรชัวร์เป๊ะ ไม่รู้ว่า  มันเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์หรือเปล่า  แต่หลายเสียงของลูกทัวร์ที่สลึมสะลือตอนอยู่บนเครื่องกลับวิจารณ์กันเสียงใสจากบันไดเครื่องบินมาจนถึงเทอร์มินอล  จนเธออดคิดไม่ได้ว่า  มันเป็นเรื่องพิสดารมากกับการที่เครื่องจะแลนดิ้งได้ตรงเวลากับที่ทัวร์คาดไว้  แต่จะตรงหรือไม่ตรงเวลาอะไรนั่น  สำหรับเธอหรือสเปนเซอร์ที่ยังมีกำลังเหลือเฟือและตาสว่างทันทีที่เห็นฟาร์มไร่องุ่นยามเช้าผ่านหน้าต่างของเครื่องบินกลับก็แค่มองหน้ากันยิ้มๆ ไม่ได้ยินดียินร้ายหรือตื่นเต้นอะไรมากที่จะได้มีเวลาพักผ่อนกันมากขึ้นก่อนที่ไกด์จะพาเราไปทัวร์ตามแผนกำหนดการ  อย่างมากก็แค่ดีใจที่จะได้แอบไปเดินเล่นนอกแผนใกล้ๆ โรงแรมที่พักกันนิดหน่อย

หรือแค่เธอคนเดียวที่ดีใจ...

"สเปนซ์..  มาเถอะ  ก่อนที่มิสมาร์ตินจะมาเรียก"  แอ๊บบิเกลลากแขนคนที่นอนแผ่อยู่บนเตียงอย่างบังคับ  หากหล่อนกลับส่ายหน้าและขืนแรงไว้  "ไหนคุณบอกไม่ง่วงไงสเปนเซอร์"

"ก็ไม่ได้บอกว่าจะหลับนี่คะ"  คนหลังยาวบนเตียงบอก  ยิ้มเจ้าเล่ห์จนเด็กสาวรีบปล่อยมืออย่างระแวง  "แอ๊บบี้.. ฉันไม่ได้หมายถึง  เราจะมีเซ็กซ์กันตอนนี้สักหน่อย  ฉันแค่อยากนอนสบายๆ และหมายถึงเธอด้วยนะ  บนเครื่องมันยืดหลังอย่างนี้ไม่ได้"

"แค่นั้น?" แอ๊บบิเกลย้อนอย่างไม่เชื่อ  เมื่อเห็นอีกคนหัวเราะ  เธอยิ่งไม่เชื่อใจหล่อนมากขึ้น "สเปนซ์อย่า..  คุณไม่ได้แก่ขนาดนั้น  ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้"

"โอ.. แอ๊บบี้.. ฉันชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า  ฉันมีภรรยาหรือมีแม่เพิ่มมาอีกคน" สเปนเซอร์บ่น  หากก็ยอมหยัดตัวขึ้นมานั่งดูสาวน้อยผู้กระตือรือร้นหยิบเสื้อโค้ทและผ้าพันคอมาใส่เตรียมตัวออกไปผจญภัยในปารีส  เธอยิ้มเมื่อเห็นน้องใช้เสื้อตัวใหม่และผ้าพันคอผืนใหม่ที่เธอซื้อให้

"ไม่ต้องมายิ้ม  ฉันแค่จะใช้มันให้คุ้มค่าที่มันเบียดตัวมาอยู่ในกระเป๋าเท่านั้นแหละ  แล้วก็ลุกขึ้นมาได้แล้ว  ฉันเห็นคาเฟ่ใกล้ๆ นี้  บรรยากาศดีใช้ได้  เราจะไปที่นั่นกัน"

"หิวอีกแล้วเหรอคะที่รัก  กินเยอะระวังอ้วนนะ"

"ฉันมีระบบเผาผลาญพลังงานดี  แถมยังมีตัวช่วยที่วิเศษชอบชวนเล่นกีฬาในร่มประจำ  เรื่องอะไรจะต้องกลัว"

"ถ้างั้นเรามาเผาผลาญพลังงานกันก่อนจะออกไปดีกว่าไหมคะ  เผื่อจะได้กินได้เยอะๆ" สเปนเซอร์เสนอด้วยรอยยิ้มขี้เล่น  แอ๊บบิเกลสั่นหัวเร็วๆ ถอยออกไปให้ห่างจากระยะที่แขนเธอจะคว้าตัวเขามาได้  "อะไรกันแอ๊บบี้  เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่า  เธอจะดูหอไอเฟลไปด้วยระหว่างที่เราอึ๊บกัน  มามะ  เรามาทำให้ความหวังของเธอเป็นจริงกันเถอะ"

"บ้า!  ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย  โรคจิต!"  แอ๊บบิเกลตีมือที่ยื่นจะมาจับตัวเธอ  รีบคว้ากระเป๋าถือ  เสื้อโค้ทแจ้นออกไปจากห้องโดยไม่รอคนบ้าที่ส่งเสียงหัวเราะสะใจตามหลังเธอไป  ทั้งที่ยังไงเธอก็ต้องไปยืนแกร่วรอหล่อนอยู่ที่ล็อบบี้อยู่ดี  ก็ยังไงข้างนอกก็ปลอดภัยสำหรับเธอมากกว่าในห้องที่มีคนจ้องจะจับเธอกินแทนอาหารเช้าที่เขาไม่ได้กินบนเครื่องบินล่ะ

"โอ.. แอ๊บบี้จะหนีไปเดินเล่นเหมือนกันเหรอ" 

เจ้าของชื่อหันขวับ  เห็นเจ้าของเสียงทักแล้วก็รู้สึกเสียใจที่ลงมาจากห้องเร็วเกินไป  เธอไม่ได้เป็นเพื่อนหล่อน  และไม่ได้คิดอยากจะเป็น  เริ่มคิดถึงไคลีย์กับเมลิสซ่าเสียแล้วสิ

"คริสตี้?"  สาวผมแดงยิ้มเหมือนดีใจที่เธอจำชื่อหล่อนได้  เธอแค่นยิ้มและสอดสายตามองหาคนที่มากับหล่อนด้วย  "เธอมาคนเดียวเหรอ"

"อ๋อ.. ฉันรอแฟนอยู่น่ะ  รายนั้นแต่งตัวนาน"  คริสตี้ตอบ  ท่าทางดูเป็นมิตรดี  ถ้าไม่ติดที่ว่าคำตอบของหล่อนมันแปลกๆ

"แฟน?  เธอหมายถึงผู้หญิงผมดำ  หน้าคมๆ?"

"ใช่..  ทำไมล่ะ  นึกว่าในโลกนี้มีแค่เธอที่ชอบผู้หญิงหรือไง"

แอ๊บบิเกลกะพริบตาปริบๆ  กว่าจะตั้งสติได้ก็หลายวินาทีอยู่  "เปล่า..  ไม่ใช่..  โทษทีนะ  ก็สมัยไฮสกูลเธอไม่ได้..."

"ฉันไม่ได้อะไร..  ถ้าเธอหมายถึงฉันดูเหมือนไม่ได้ชอบใครน่ะ  เธอคิดผิดแล้ว  ฉันชอบมิสแคมเบลล์"  สาวผมแดงพูดมั่นอกมั่นใจ  และทำท่าจุ๊ปากเมื่อเห็นเธอตาค้าง  "อย่าบอกใครล่ะ  รู้กันแค่สองคนนะ"

หล่อนยิ้มชอบอกชอบใจและหมุนตัวไปเกาะแขนแฟนสาวของหล่อนที่เดินมาถึงพอดี  คริสตี้ไม่แม้จะแนะนำให้เธอรู้จักแม่สาวผมดำนั่น  หล่อนรีบลากแขนแม่คนสวยซึ่งแอบส่งสายตาสนใจมาให้เธอไปเหมือนกลัวว่าเธอจะไปตะปบเอามาเข้าฮาเร็ม  แล้วเธอมีฮาเร็มที่ไหนกันล่ะ

"ประสาท"  แอ๊บบิเกลพึมพำหงุดหงิดก่อนที่เธอจะกรี๊ดลั่นเพราะถูกหอมแก้มกะทันหัน  และเปลี่ยนไปวิ่งไล่ตีโจรขโมยหอมผมบลอนด์หน้าตาคุ้นๆ ที่หัวเราะเยาะเธอได้แทบจะทุกสถานการณ์




..........................................


สวัสดีจ้า..

มา โก ทู ปารีส  พร้อมสาวๆ ของเราดีกว่าค่ะ

วันนี้แค่เริ่มต้นนะคะ  เรายังไม่ได้ตะลอนๆ กันในปารีสเลย  คราวหน้าเราจะให้สาวๆ พาพวกคุณไปเที่ยวกันค่ะ  ไม่รู้ว่าจะสนุกหรืออะไรกันนะคะ  ลองติดตามกันเอง

แต่สำหรับใครที่อยากให้แอ๊บบี้มีน้องนั้น  รอให้นางแต่งงานก่อนดีกว่าค่ะ  ตอนนี้นางคงอยากจะเที่ยวชิลๆ ไปกับคู่หมั้นจอมหื่นก่อน   :28:

แล้วมาหื่น  เอ้ย.. มาตามกันไปเที่ยวได้นะคะ  ขอบคุณมากค่ะ

ป.ล. ใครที่จองบอสเอาไว้ แบบเล่ม  โรงพิมพ์ยังไม่มาส่งเลยค่ะ  แต่ถ้าส่งแล้ว  จะรีบจัดแพ็คส่งไปให้ท่านๆ นะคะ  ส่วนภาคสามนั้น  เราจะลงให้หลังจากที่หนังสือเล่มได้เริ่มส่งแล้วค่ะ  รับทราบโดยทั่วกันด้วยนะคะ  :60:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น