รักข้างรั้ว yuri ตอนที่ 5
โพสต์โดย:
meAyou
วันที่: 16 สิงหาคม 2015 เวลา 18:23:41
อ่าน: 228
|
รักข้างรั้ว ทริปแรกของการปิดเทอมคงจะหนีไม่พ้นทะเลที่สองครอบครัวมีความชื่นชอบตรงกันหากแต่ครั้งนี้บิดาและมารดาของรวิสราไม่สามารถเดินทางมาด้วยได้นั่นจึงทำให้เจ้าตัวต้องไปเพียงลำพังกับกรกมลที่ถูกสาธินีเน้นย้ำให้ดูแลรวิสราให้ดีที่สุด "ดูแลยัยหนึ่งให้ดีๆล่ะ" "ค่ะ" "ไปแล้วก็ท่องไว้ว่าฉันไม่ได้ให้แกไปเที่ยวแต่ให้ไปคอยรับใช้ลูกสาวของฉัน" "ค่ะ" กรกมลเอ่ยรับคำหน้าเศร้าก่อนจะเดินไปยกกระเป๋าของคนที่ต้องดูแลมาถือไว้ "หนึ่งไปก่อนนะคะคุณแม่" "จ่ะ อย่าซนให้มากล่ะเกรงใจคุณลุงคุณป้าบ้าง" "ไม่ต้องห่วงนะคะพวกเราจะดูแลหนูหนึ่งเป็นอย่างดี" "งั้นก็ฝากด้วยนะคะ" สาธินีเอ่ยฝากฝังก่อนจะหันไปหอมแก้มบุตรสาวที่ดูจะตื่นเต้นที่สุดกับการเดินทางในครั้งนี้ "เจอทะเลก็อย่าลืมคุณแม่นะคะ" "ไม่ลืมหรอกคะ" รวิสราอมยิ้มเขินๆเมื่อถูกมารดาจับความคิดได้เจ้าตัวจึงหอมแก้มคืนให้มารดาก่อนจะเดินไปจับมือคนที่จะพาไป "ฝากด้วยนะคะคุณมาศ" "ได้เลยค่ะ" เมื่อเอ่ยร่ำลาเป็นที่เรียบร้อยขบวนการเดินทางก็เริ่มเคลื่อนตัวโดยมีจุดมุ่งหมายเป็นทะเลที่เคยไปมาแล้วหากแต่ทุกคนที่อยู่ในรถก็ต่างพากันคิดถึงและอยากไปอีก เพียงแค่ได้จ้องมองคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งก็ทำให้เกิดรอยยิ้มขึ้นมาได้แล้วน่าแปลกที่ รวิสราชอบทะเลมากกว่าสถานที่ที่เรียกว่าบ้านเสียอีก อาจเป็นเพราะที่นี่ทำให้เธอสัมผัสได้ถึงคำว่าสงบมากกว่าที่ไหนๆแต่แล้วความคิดฟุ้งซ่านก็วนมาหยุดอยู่ที่คนสองคนที่มาเดินเล่นเป็นเพื่อนตัวเอง คนหนึ่งชอบทะเลแต่กลับไม่สามารถลงมาแตะน้ำทะเลได้เพราะต้องอยู่เป็นเพื่อนใครอีกคนที่ไม่ชอบทะเล อยากรู้จริงๆว่าต้องใช้ความชอบมากแค่ไหนถึงจะทำให้คนๆหนึ่งยอมละ ทิ้งสิ่งที่ชอบไปได้ ท่าทางศศิประภาจะสำคัญกับพี่สาวต่างมารดาของเธอมากจริงๆถึงได้ทำ ให้อีกฝ่ายยอมละทิ้งความชอบที่อยู่แค่เอื้อมไปแบบนี้ "นี่จะไม่เล่นน้ำกันจริงๆเหรอคะ" เมื่ออดไม่ได้คนตัวเปียกจึงตะโกนขึ้นไปบนฝั่งหากแต่กลับถูกคนไม่ชอบทะเลเมินหน้าใส่อย่างไร้เยื่อใย "ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนหนึ่งคงคิดว่าพี่เมย์มีอดีตฝังใจกับทะเลแน่ๆ" ศศิประภาแลสายตาไปยังคนพูดที่จงใจกวนประสาทเธออย่างเห็นได้ชัดแต่เสียใจด้วยนะวันนี้เธอไม่มีทางหลงกลเด็ดขาด "ทำหยั่งกะคนอกหักหรือว่าเคยถูกบอกเลิกที่นี่กันคะ" "พี่ว่าหนึ่งเล่นน้ำต่อไปเถอะนะอย่างกวนเมย์เลย" "เข้าข้างคนอื่นอีกล่ะเค้าเป็นน้องตัวนะเห็นคนอื่นสำคัญกว่าคนบ้านเดียวกันได้ยังไง" "ไม่ใช่แบบนั้นพี่แค่อยากให้เราพักผ่อนในแบบที่ตัวเองชอบ" "ตัวเองก็ชอบทะเลนิทำไมไม่ลงมาเล่นน้ำหรือว่ามีอย่างอื่นที่ชอบมากว่าทะเลแล้ว" คำพูดของรวิสราทำให้คนถูกจี้ใจดำถึงกับหน้าเปลี่ยนสีความตื่นตระหนกก่อตัวขึ้นเพราะเกรงว่าใครอีกคนจะล่วงรู้ความหมายหากแต่สายตาของคนข้างๆที่จ้องมองไปทางอื่นก็ทำให้ความกังวลของกรกมลเบาบางลงไปได้บ้างเพราะในเวลานี้เธอพอจะดูออกว่าเป้าหมายหลักของคนข้างๆอยู่ที่ใคร "โอเค๊ เค้าเล่นคนเดียวก็ได้" เมื่อรู้ว่าการเรียกร้องความสนใจไม่เกิดผลรวิสราจึงหันมาสนใจกับน้ำทะเลแทนแต่บางอย่างที่วางอยู่ที่หาดก็ทำให้รอยยิ้มของคนเจ้าเล่ห์ค่อยๆผุดขึ้นมาอีกจนได้
ในที่สุดการรบกวนที่ทำให้รำคาญก็หมดไปเสียทีเมื่อตัวต้นเรื่องว่ายน้ำออกห่างไปแล้วส่วนเรื่องการจมน้ำคงไม่ต้องเป็นห่วงเพราะรวิสราชื่นชอบน้ำเป็นชีวิตจิตใจจึงทำให้เจ้าตัวฝึกว่ายน้ำจนเชี่ยวชาญนั่นจึงทำให้หายห่วงไปได้สำหรับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นและเมื่อความสงบมาเยือนศศิประภาจึงค่อยๆหลับตาลง ถึงเวลาพักผ่อนของเธอบ้างแล้วสินะ "หนึ่งอย่า!!!" เสียงของคนข้างๆปลุกให้คนกำลังเคลิ้มต้องลืมตาแล้วหันไปมองยังต้นเสียงด้วยความตกใจก่อนที่บางอย่างจะกระทบสู่ร่างกายจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว "เย็นสบายดีมั้ยคะ" มือดีที่เป็นคนสาดน้ำใส่คนที่นอนอยู่เอ่ยออกมาอย่างขำๆก่อนจะต้องรีบหันหลังวิ่งลงทะเลเพราะการยันตัวลุกขึ้นของคู่กรณี "หญ้าว่าใจเย็นๆก่อนนะคะคุณเมย์" "คงไม่ได้แล้วล่ะหญ้า" "หญ้าขอ"" ศศิประภายกมือปิดปากคนที่กำลังจะพูดประโยคเดิมๆทันทีก่อนจะหันไปมองเป้าหมายที่กำลังถลาลงทะเลแบบไม่คิดชีวิต "วันนี้ยังไงเมย์ก็ต้องจัดการเด็กแสบ ให้ได้!!!" พูดจบศศิประภาก็ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในมือก่อนจะวิ่งไล่ตามคนที่เอาน้ำทะเลมาสาดใส่ตัวเองจนเปียกไปหมดทั้งตัว ในเวลานี้คงไม่ต้องห่วงและกังวลความเหนียวเหนอะหนะอะไรอีกแล้วเพราะสิ่งที่ต้องทำก็คือจับรวิสรามาจัดการให้ได้! "หยุดเดี๋ยวนี้นะเด็กบ้า" "ไม่มีทาง" รวิสราตะโกนตอบคนที่วิ่งเข้ามาใกล้ตัวเองอย่างขำๆก่อนจะวิ่งไปยังบริเวณที่มีคนเล่นน้ำพร้อมกับเสียงตะโกนที่ทำเอาทุกสายตาต้องหันมามอง "ผีเสื้อสมุทรมาแล้ว หนีกันเร็วทุกคน!!!" "กริ๊ดดด ยัยเด็กบ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ" "หยุดก็โง่อะดิ แบร่ แบร่" สิ้นสุดการเจรจาเมื่อคนสวยที่ถูกขนานนามว่าผีเสื้อสมุทรสลัดคราบความสวยงามที่มีอยู่ออกจนหมดสิ้นครั้งนี้ต่อให้กลายร่างเป็นยักษ์เธอก็ต้องจับยัยเด็กแสบรวิสรามาทำโทษให้ได้ ว่าแต่ทำไมเด็กที่เธอวิ่งผ่านถึงได้ร้องไห้กันทุกคนเลยนะหรือจะเชื่อตามคำบอกของยัยเด็กเลี้ยงแกะนั่น ให้ตายเถอะคนสมัยนี้นี่มีตาแต่ไร้แววจริงๆสวยขนาดนี้ต้องเป็นนางฟ้าสิยะ! จะมาเป็นยักษ์อย่างที่ถูกกล่าวหาได้ยังไง มื้อเย็นของการมาเที่ยวถูกจัดขึ้นที่ริมหาดเพราะอยากเอาใจผู้ร่วมทริปอายุน้อยที่ดูชอบอกชอบใจจนยิ้มไม่หุบ "ชอบก็กินเยอะๆนะหนูหนึ่ง" "ค่ะคุณลุง" "หนูหญ้าด้วยนะนานๆมาทีต้องจัดให้หนักๆ" "ขอบคุณค่ะคุณลุง" กรกมลรับคำก่อนจะลงมือแกะกุ้ง แกะปูส่งไปให้น้องสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามและไม่ลืมที่จะเสิร์ฟให้คนข้างๆเช่นกัน "ขอบคุณนะหนึ่งแต่เมย์พอแล้วล่ะ" "ทำไมกินน้อยล่ะยัยเมย์" เป็นคำถามที่เอ่ยโดยคนเป็นแม่ที่นั่งมองการกินของบุตรสาวที่ดูเหมือนจะตักเข้าปากแค่ไม่กี่คำก็วางช้อนเสียแล้ว "เมย์ไม่ค่อยหิวค่ะ" "แต่เมื่อกลางวันเราก็กินไปนิดเดียวเองนะ" "เมย์ไม่หิวจริงๆค่ะคุณแม่สงสัยจะเหนื่อยมากเสียจนทานอะไรไม่ลง" คนพูดเอ่ยตามจริงก่อนจะจ้องมองไปยังตัวต้นเหตุที่ทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้จนน่าหมั่นไส้หากนั่งอยู่ใกล้ๆเธอคงเอาหนวดกุ้งแทงตาไปแล้ว "กินตุนไว้เยอะๆนะลูกไปอยู่ที่นู้นหากินลำบากเดี๋ยวจะหาว่าพ่อไม่เตือน" คำขู่ของบิดาทำให้ศศิประภาเกิดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าก่อนจะกอดแขนเจ้าของประโยคห่วงใยอย่างอ้อนๆ "เมย์ไม่กลัวอดหรอกคะกลัวว่าจะกินเยอะกว่าเดิมจนอ้วนเป็นหมูน่ะสิไม่ว่า" "นั่นสินะเราชอบกินพวกแป้ง พวกเส้นอยู่แล้วนี่นาพ่อลืมไปเลย" "ไม่ต้องกลัวอ้วนหรอกนะลูกวัยกำลังกินกำลังนอนเผาผลาญง่ายอยู่แล้ว" คราวนี้เป็นมารดาที่เอ่ยเสริมทัพให้คนกลัวอ้วนได้ยิ้มกว้างขึ้นหากแต่บทสนทนาในครั้งนี้กลับสะกิดใจใครบางคนมากเสียจนกินต่อไม่ลง "พี่เมย์จะไปไหนเหรอคะ" ต้องขอบใจน้องสาวตัวน้อยที่เอ่ยถามความสงสัยออกมาแทนไม่อย่างนั้นกรกมลก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะมีความกล้าพอที่จะพูดมันออกมาหรือเปล่า "พี่เค้าก็จะไปเรียนต่อไงคะ" "อ๋อ ไปเรียนต่อเหมือนพี่หญ้านี่เอง" "มันก็เหมือนกันไม่หมดหรอกนะคะหนูหนึ่ง" "ทำไมคะ" รวิสรามองหน้าคนที่จับจ้องที่พี่สาวต่างมารดาของเธอกับลูกสาวของตัวเองอย่างงงๆ มันจะไม่เหมือนกันตรงไหนล่ะในเมื่อทั้งสองคนเรียนมาด้วยกัน จบพร้อมกันมันก็ต้องไปเรียนต่อที่เดียวกันสิถึงจะถูก "ก็เพราะว่าพื้นเพของคนเราไม่เหมือนกันคงจะยากหากจะเดินไปในทางเดียวกันเสียทั้งหมด" "แม่คะ" "ทำไมล่ะแม่แค่อธิบายให้หนูหนึ่งเข้าใจ" ศศิประภาหันไปมองคนถูกว่ากระทบอย่างสงสารหากปล่อยให้มารดาอธิบายไปมากกว่านี้บรรยากาศดีๆบนโต๊ะอาหารคงได้เสียไปจนหมดสิ้นเป็นแน่ "พี่จะไปเรียนต่อต่างประเทศค่ะ" เป็นคำตอบที่ชัดเจนและสามารถกระชากหัวใจของคนฟังอย่างกรกมลได้เป็นอย่างดี ความสุขเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของเธอกำลังจะหายไปในอีกไม่ช้า "ทำไมไม่เรียนที่นี่ล่ะคะแบบนี้หนึ่งก็เหงาอะดิไม่มีเพื่อนเล่น" "กล้าพูดนะพี่ไม่อยู่ให้เราแกล้งไปตลอดหรอกยะไปหาคนอื่นนู้น" "ไม่เอาอะเล่นกับใครก็ไม่สนุกเท่าพี่เมย์" เป็นประโยคเอาใจที่คนฟังนึกอยากจะเอื้อมมือไปเขกหัวคนพูดเสียจริงๆเพราะภาพที่เห็นมันไม่น่าเอ็นดูสำหรับศศิประภาเลยสักนิดแต่กลับกันเจ้าตัวคิดว่ามันน่าหมั่นไส้เสียมากกว่า "อย่ามาพูดดีไปไม่มีพี่เราก็มีคนมาเล่นด้วยเยอะแยะอีกอย่างโตแล้วต้องเป็นผู้ใหญ่ให้มากกว่านี้นะรู้มั้ย จะเอาแต่เล่นไม่ได้" "เค้ารู้แล้ว" รวิสราเอ่ยรับน้ำตาคลอก่อนจะลุกจากเก้าอี้อ้อมไปกอดพี่สาวข้างบ้านอย่างอาลัยอาวรณ์การได้รู้เรื่องอะไรแบบนี้มันก็ทำให้เจ้าตัวเศร้าอยู่เหมือนกัน การจากลาไม่ใช่สิ่งที่ใครอยากพบเจอแม้กระทั่งเด็กอย่างเธอก็ตามที "ห้ามทิ้งเค้านะ" "พูดบ้าอะไรอีกเนี้ย" จากที่กำลังจะคล้อยตามความรู้สึกซาบซึ้งที่รวิสราแสดงออกมาหากแต่ก็ต้องถูกขัดอารมณ์ด้วยถ้อยคำแปลกๆที่ฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจในความหมายแต่ก็พอจะรู้ว่ามันคงจะมีความหมายในแง่ลบมากกว่าแง่บวก "เค้าบอกว่าห้ามทิ้งเค้านะ" "จะบ้าหรือไงพูดอะไรของเธอ" ศศิประภาเอ่ยอย่างตกใจเมื่อเริ่มจะรู้ความหมายในสิ่งที่ถูกเอ่ยออกมาแล้วหญิงสาวพยายามแกะมือที่กอดเอวออกหากแต่มันกลับยิ่งรัดแน่นขึ้นจนเธอแทบจะหายใจหายคอไม่ออก "คุณป้าขา" "อะไรจ๊ะหนูหนึ่ง" "อย่าให้พี่เมย์ทิ้งหนึ่งนะคะ" "ป้าก็อยากให้พี่เค้าอยู่แต่เรื่องเรียนก็สำคัญหนึ่งรู้ใช่มั้ยลูก" รวิสราพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเศร้าๆก่อนจะปล่อยคนในอ้อมกอดให้เป็นอิสระจากนั้นจึงเดินกลับไปที่นั่งของตัวเองหากแต่พอนึกอะไรขึ้นได้คนตัวเล็กก็ย้อนกลับมาทำบางอย่างที่ทำให้คนทั้งโต๊ะแทบจะหยุดหายใจ ริมฝีปากสีชมพูเคลื่อนออกจากริมฝีปากของใครอีกคนอย่างช้าๆก่อนที่เจ้าของมันจะรีบเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเองด้วยอาการหน้าแดงไม่แพ้คนที่ถูกขโมยจูบ "ทะทะทำบ้าอะไรของเธอห๊า!!!" คนถูกขโมยจูบเริ่มโวยวายทันทีเมื่อได้สติกลับคืนมายัยเด็กบ้านี่ชักจะทำเกินไปแล้วจริงๆนี่ขนาดอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ของเธอยังจะกล้าทำถึงขนาดนี้ แล้วที่สำคัญ"นี่มันจูบแรกของเธอนะ ยัยบ้าเอ้ย! "เค้าแค่ทำตราประทับการจองเฉยๆ" "อะไรนะ!"" "เค้าตีตราจองพี่สาวไว้แล้วยังไงล่ะ" คนพูดเอ่ยอธิบายในสิ่งที่ตัวเองทำก่อนจะหันไปมองหน้าผู้ใหญ่สองคนที่ดูจะยังไม่หายอึ้งกับสิ่งที่เห็น "คุณลุงคุณป้าขาหนึ่งขอจองพี่เมย์ไว้เลยนะคะ" "จะดีเหรอหนูหนึ่งลุงว่ามัน"" ปกรณ์ไม่รู้จะพูดอะไรต่อจึงหันไปสะกิดคนข้างๆให้พูดแทนเพราะเรื่องบางอย่างผู้หญิงด้วยกันน่าจะพูดกันเข้าใจง่ายกว่า "เอ่อ เรื่องแบบนี้ป้าว่ามัน"" "มันทำไมค่ะ" "มันไม่ค่อยเหมาะน่ะลูก หนูหนึ่งยังเด็กเกินไปสำหรับเรื่องพวกนี้ป้าว่าเราเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่านะ" เมื่อเอ่ยเปลี่ยนเรื่องคนทั้งโต๊ะก็รีบหันมาคุยเรื่องสัพเพเหระทันทีหากแต่คนที่เหมือนจะคิดได้กลับเอ่ยบางอย่างที่ทำเอาคนทั้งโต๊ะต้องพบกับอาการอึ้งอีกครั้ง "งั้นแสดงว่าถ้าหนึ่งโตกว่านี้ก็พูดได้ใช่มั้ยคะ" """".." คำถามที่ไร้คนตอบหากแต่แจ็คพอตก็มาตกอยู่ที่คนเปลี่ยนประเด็นให้ต้องคิดหนักเพราะไม่อยากพูดอะไรให้เจ้าของสายตาละห้อยต้องผิดหวัง "ว่าไงคะคุณป้าถ้าหนึ่งโตกว่านี้ก็จะพูดได้ใช่มั้ยคะ" "เอ่อ จ่ะๆพูดได้ก็พูดได้เอาเป็นว่าถ้าหนูหนึ่งโตแล้วเราค่อยมาคุยกันอีกทีนะคะดีมั้ย" เมื่อไม่อาจหักหาญหัวใจของเด็กน้อยที่ตัวเองเอ็นดูอย่างรวิสราได้การพูดหลีกเลี่ยงคงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เชื่อว่าอีกไม่นานเด็กคนนี้ก็จะหลงลืมและเผลอไผลไปกับสิ่งต่างๆบนโลกใบนี้จนลืมเลือนเรื่องนี้ไปในที่สุด "ก็ได้ค่ะไว้ถ้าหนึ่งโตจะมาทวงสัญญานะคะ" "สัญญาเลยเหรอลูก" "ค่ะ" รวิสราพยักหน้ารับก่อนจะไล่เกี่ยวก้อยเพื่อทำสัญญากับคนทั้งโต๊ะจากนั้นก็เดินกลับมานั่งที่เดิมด้วยใบระรื่นที่ทำเอาคนถูกมัดมือชกรู้สึกโมโหจนควันออกหูหากแต่ก็ไม่สามารถจัดการอะไรได้เพราะความเอ็นดูของมารดาที่มอบให้รวิสรามันมีมากเหลือเกินจนไม่มีใครกล้าเอ่ยแย้ง "สบายใจแล้วหนึ่งขอกินต่อก่อนนะคะอาหารฝีมือของคุณป้าอร่อยที่สุดในโลกเลย" ยิ่งได้ฟังคำชมแบบนี้มารดาของเธอก็ยิ่งออกอาการเอ็นดูคนพูดมากขึ้นไปอีก คงต้องยอมรับว่ารวิสราสามารถเปิดหัวใจมารดาของเธอได้อย่างเต็มร้อยหากแต่มันก็เท่านั้นเมื่อเธอยังรู้สึกว่าเด็กคนนี้ร้ายกาจและไม่น่ารักเอาเสียเลยยิ่งมาเจอการกระทำที่ดูจะแก่แดดเกินกว่าวัยแบบนี้ด้วยแล้วเธอยิ่งไม่ชอบใจและหวังว่าการห่างกันเป็นเวลานานจะทำให้ความรู้สึกไม่ชอบใจในหลายๆอย่างเบาบางลงไปได้บ้างเพราะหากเปลี่ยนจากเด็กเป็นผู้ใหญ่คำว่าโกรธไม่พอใจอาจจะเปลี่ยนเป็นคำว่าเกลียดได้ในที่สุด เธอไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นเลยจริงๆ"
|
Rating: This article has not been rated yet.
|
|
ความคิดเห็น
|