web stats

ข่าว

 


จดหมายจากพระจันทร์ ตอนที่ 5 อารมณ์

โพสต์โดย: พิมพ์ญา วันที่: 04 กรกฎาคม 2015 เวลา 21:03:22 อ่าน: 281

5
อารมณ์

ขอบกีตาร์โปร่งเคาะโป๊กเข้าที่กลางกระหม่อมเพชรลดาอย่างแรงจนเจ้าตัวร้องออกมาเสียงดังก่อนยกมือขึ้นลูบป้อยๆ
"เจ็บนะ! ใครวะ!... อ่ะ... อ้าว... เล่นแรงจังเลยนะพี่"
"เพชร เรามีเรื่องต้องคุยกัน ตามมาหลังร้าน" เจ้าส่งสายตาดุ
เพชรลดาลุกจากเก้าอี้อย่างงุนงงแล้วเดินตามต้อยๆ ไปยังหลังร้าน เวลานี้ร้านหวานใจเพิ่งเปิดจึงยังไม่มีแขกทยอยเข้ามาสักคน เพชรลดาหยุดรอให้ร่างสูงนั้นหันมาก่อน เจ้าวางกีตาร์ลงพื้นอย่างกลายๆ แล้วหันมามอง
"แกไปทำเรื่องอะไรไว้ที่ห้องฉัน"
เพชรลดาเลิกคิ้ว "เรื่องอะไรฮะ"
"เรื่องผู้หญิงชื่อแนน แกทำอะไรเค้า"
ครู่เดียวเท่านั้นเพชรลดาก็คลายสีหน้างุนงงนั้นออก "อ้อ... รู้กันแล้วเหรอฮะ ฮะ! ฮ่า!" จากนั้นก็หัวเราะขบขัน
"อย่าทำเป็นเรื่องตลกนะ น้องเค้าตามฉันไม่เลิก ที่แท้ก็เป็นแกนี่เองที่ก่อเรื่องเอาไว้ แกนี่มันน่านัก แกไปลักหลับน้องเค้าทำไม"
"โอ๊ย! ลักหลับที่ไหนกันฮะ น้องแนนเค้าไม่เห็นปฏิเสธซักคำ แถมยังแบบ อื้อหือ... แบบนี้เลย สุดยอด" เพชรลดายกนิ้วโป้งให้
"วันนั้นน้องเค้าเมา ฉันบอกให้แกพาไปส่งบ้าน ทำไมทำแบบนี้วะ ฉันน่าจะให้ไอ้รันต์ไปส่งแทน"
"แหม... พี่เจ้า ให้ไอ้รันต์ไปส่งก็เสร็จมันสิ เสร็จฉันไม่ดีกว่าเหรอ"
"เอากุญแจห้องฉันคืนมา" เจ้าไม่ร่ำไรต่อ แต่พูดด้วยเสียงเฉียบขาด
"พรุ่งนี้เอามาคืนคร้าบลูกพี่ ลืมไว้ที่บ้านคร้าบ"
"แกก็เป็นซะแบบนี้ ถ้าพรุ่งนี้แกไม่เอามาคืน แกตาย... แล้วถ้าน้องเค้ามาตอแยฉันอีก แกตายเหมือนกัน" เจ้าชี้หน้าก่อนจะเดินหนีไปอย่างอารมณ์หงุดหงิด
"โอยๆ... กลัวแล้วฮะ ได้ฮะพี่ รับรองจะไม่มีเรื่องมากวนใจลูกพี่อีก" คนทำผิดยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว
ร่างสูงของเจ้าก้าวยาวจนพ้นหลังร้าน พอปะเข้ากับสาวิตรีก็บอกกล่าวพรืดเดียวโดยไม่ยอมลดระดับฝีเท้า "ไปร้านไอ้รันต์ก่อนพี่หวาน วันนี้ไม่มีอารมณ์ร้อง"
สาวิตรีเพิ่งจะหอบของพะรุงพะรังเข้ามาในร้าน "อ้าว... เฮ้ย! อะไรของมันวะ" สาวิตรีไม่ทันได้พูดอะไรกับน้องสาวสักคำ เจ้าก็ชิ่งเดินลิ่วๆ ไปยังฮาเล่ย์สีดำแล้วออกตัวอย่างแรง
ล้อใหญ่ของฮาเล่ย์เสียดสีกับพื้นถนนดังเอี๊ยดก่อนหักหลบเกือบล้มลงข้างทาง เจ้ารีบถอดหมวกกันน็อกออกอย่างร้อนใจแล้วก้าวเท้ายาวไปดูอาการของหญิงสาวที่เพิ่งหกล้มเพราะพยายามหลบรถฮาเล่ย์ของตัวเองที่พุ่งมาแรงเมื่อครู่
"ขอโทษค่ะ" เจ้ารีบเข้าไปชิดร่างเล็กที่กำลังพยายามยันมือให้ลุกขึ้นแล้วช่วยประคอง
"โอ๊ย!" ตะวันทำหน้าเหยเกเพราะเจ็บที่เข่าข้างหนึ่งซึ่งเป็นแผลถลอก เธอเงยหน้าขึ้นมองคนที่ช่วยพยุง
ใบหน้าเจ้าร้อนวาบขึ้น "พี่ขอโทษ!"
เจ้ารีบช้อนเอวคอดเล็กนั้นให้ลุกขึ้นแล้วรีบเก็บสมุดหนังสือของตะวันที่เกลื่อนพื้นให้ จากนั้นก็ยงโย่ตัวลงสำรวจบริเวณเข่าของตะวัน เพียงไม่นานร่างสูงก็ลุกขึ้นยืน ตะวันเงยหน้ามองด้วยความสูงเธอไม่เท่า
"พี่ขอโทษนะคะ"
ตะวันยิ้มบางๆ เพราะหน้าที่เคยเฉยชานั้นดูคิ้วตกตาเศร้าอย่างรู้สึกผิด "ไม่เป็นไรค่ะ ตะวันไม่เจ็บอะไรมาก"
เจ้ายื่นหนังสือคืนให้ "พี่จะพาไปทำแผลนะคะ"
"เอ้อ... แผลแค่นี้เองไม่เป็นไรหรอกค่ะ" ตะวันส่ายหน้าปฏิเสธ
"เถอะน่า... แผลแค่นี้ก็ต้องทำ ไปล้างแผลที่ร้านภาพ ใกล้ๆ นี้ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว"
"ออ... ค่ะ ก็ได้ค่ะ"
ตะวันรอให้เจ้าสตาร์ทรถก่อนจึงนั่งลงข้างหลัง มือของตะวันเลื่อนไปแตะที่เอวบางนั้น แต่พอเจ้ากระชากรถแรงตะวันก็รีบคว้าหมับแน่นที่เอวบางนั้นด้วยความตกใจ
"บ้า..." คำนั้นตะโกนไว้แค่ในใจเท่านั้น
ตะวันใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เพราะไม่เคยนั่งรถแบบนี้มาก่อน อีกทั้งมือเธอก็เกาะเอวบางนั้นไว้เสียแน่น กลิ่นแชมพูอ่อนๆ ของคนขับปลิวมาให้หอมชื่นใจ
เมื่อถึงร้านเจเจแกลเลอรี่เจ้าของต้นเหตุก็พยุงตะวันเข้าไปหลังร้าน หลังร้านใช้เก็บของจุกจิกมากมาย ทั้งลังกระดาษหลายใบก็วางซ้อนๆ กันอยู่ เจ้าพยุงตะวันนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่งใกล้ๆ กับโต๊ะเล็กกะทัดรัดซึ่งใช้เป็นมุมรับประทานอาหาร ตะวันกวาดตามองยังไม่ทันทั่วทิศก็ถูกมือเรียวขาวยื้อข้อเท้าให้ไปวางไว้บนหัวเข่าที่เพิ่งคุกลงบนพื้น
"อุ๊ย! ไม่เป็นไรค่ะ ตะวันทำเองดีกว่า" ตะวันรีบชักเท้ากลับคืน
แต่มือนั้นว่องไวกว่า ดึงเท้าตะวันกลับไปวางไว้ที่เดิม แล้วจัดการเปิดกล่องปฐมพยาบาลขนาดเล็กซึ่งวางอยู่ข้างๆ ทำแผลให้อย่างคล่องแคล่ว
"อยู่เฉยๆ ค่ะ" เสียงเจ้าราบเรียบจนดูเหมือนว่าออกคำสั่ง
ตะวันมองดูใบหน้าเรียวคมนั้นก้มงุดๆ จิ้มไปจิ้มมาที่แผลเธอ ยิ่งมองใกล้ๆ ดวงหน้านั้นยิ่งเนียนใส ปากบางเฉียบปิดเงียบสนิท โครงหน้า ตา ปาก จมูกช่างรับกันพอดีอย่างสวยงาม
ตะวันชักอยากจะมองให้นานๆ กว่านี้ แต่ชั่วครู่นั้นใจก็พลันกระตุกด้วยความแปลกนิดๆ ว่าตัวเองเป็นอะไรไป เพราะคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นผู้หญิงด้วยกันแท้ๆ ตะวันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เลย
กระแสจิตตะวันคงจะแรงกระมัง ตาดุของผู้ที่ถูกสำรวจนั้นจึงผลุบขึ้นจ้องตอบ ตะวันรีบตวัดสายตาไปมองทางอื่นอย่างรวดเร็ว จึงไม่เห็นว่าปากบางนั้นยิ้มที่มุมอย่างขันๆ
"เสร็จแล้ว" เจ้าพูดห้วนๆ
"ค่ะ ขอบคุณค่ะ" ตะวันเลื่อนเท้าลงจากเข่านั้น
ร่างสูงลุกขึ้นแล้วเดินไปจัดเก็บกล่องปฐมพยาบาลไว้ที่ชั้นลอย "นั่งพักก่อนนะ เดี๋ยวพี่มา" พูดจบเจ้าก็เดินออกไปหน้าร้าน
ประมาณห้านาทีกลับเข้ามาพร้อมกับแผงยาและน้ำขวดหนึ่ง เจ้าไปยกเก้าอี้อีกตัวเข้ามานั่งใกล้ๆ ตะวัน ขายาวนั้นยกขึ้นไขว้กับเข่าอีกด้านอย่างสบายเฉิบ เป็นตะวันเสียอีกที่ต้องนั่งเกร็งอยู่อย่างหวิวๆ มือเรียวขาวนั้นแกะเม็ดยาออกจากแผงอย่างรวดเร็วแล้วยื่นให้ตะวัน
"อะไรคะ" ตะวันเลิกคิ้ว
"ไม่ใช่ขนมหวานค่ะ ยา..." อีกฝ่ายพูดติดตลก
"ไม่เอาค่ะ อี๋... แหวะ" ตะวันถอยกรูดออกอย่างรวดเร็วเพราะยาขมคือสิ่งที่ตะวันเกลียดที่สุด
"ไม่ชอบยาเหรอ ยังกับเด็กเลยนะ" เจ้าทำตาดุราวกับผู้ปกครองกำลังบังคับให้เด็กกินยายังไงยังงั้น "รับไปสิคะ ยาแก้อักเสบ"
"เอ่อ... ไม่กินค่ะ" ตะวันตอบเอาดื้อๆ
"ต้องกิน" คนพูดยื่นยาเข้าไปจ่อที่ปาก ไม่ฟังคำร้องขอ
"ไม่เอาค่ะ... นะคะ ไม่กินได้ไหม"
"อ้าปากเร็ว"
"ไม่" ตะวันเบี่ยงหน้าหนีจากการบังคับนั้น
"จะให้พี่ป้อนเหรอ พี่ไม่ได้ป้อนด้วยมือนะ"
"หา!" ตะวันหันขวับมองหน้าคมอย่างรวดเร็ว เห็นแววตานั้นดูอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง สายตาตะวันสบมองที่ริมฝีปากเรียวบางของเจ้าอย่างอัตโนมัติเพราะคำพูดเมื่อครู่ พลันนั้นใจของหญิงสาวก็สั่นระรัว
เจ้ายิ้มที่มุมปาก "หือ... จะเอาแบบนั้นเหรอ" แล้วมือเรียวนั้นก็จับเม็ดยานั้นจ่อไว้ที่ปากตัวเอง
"เอ่อ... กินก็ได้ค่ะ" ตะวันรีบโพล่งออกมา
เจ้ายิ้มนิดๆ ก่อนเคลื่อนเม็ดยาไปจ่อที่ปากตะวันแทน "อือ... ผู้ใหญ่ให้ทำอะไรก็ทำ อย่าดื้อ"
"ผู้ใหญ่เหรอ อายุจะต่างกันซักกี่ปีกันเชียว หน้าเกลี้ยงเกลานั้นไม่ได้มีร่อยรอยบ่งบอกว่าสูงอายุเลย"
"อ้าปากสิ"
สุดท้ายคนป้อนยาก็ป้อนด้วยมือ ไม่ได้ป้อนด้วยปากอย่างที่ตะวันเข้าใจเสียหน่อย ตะวันพลางคิดในใจพลางอ้าปากรับยานั้นอย่างรวดเร็ว แล้วกลอกน้ำตามเยอะๆ เพราะยานั้นแสนจะขม ความขมเป็นสิ่งที่ตะวันไม่ชอบเอาเสียเลย
"อร่อยไหมคะ" คนป้อนยังมีแก่ใจหยอกล้อ
"ไม่" ตะวันทำปากยื่น
หลังจากที่ทำแผลพร้อมทั้งขู่เข็ญให้กินยาเรียบร้อยแล้วเจ้าก็พาตะวันไปส่งบ้าน เวลานั้นอภิชัยเปิดรั้วออกมาดูพอดี
"อ้าว... กลับมาแล้วเหรอลูก" อภิชัยอุทานเบาๆ เมื่อเปิดประตูรั้วออกมาเจอลูกสาวและผู้ที่ขับรถมาส่งนั้นไม่คุ้นตา
ตะวันรีบหย่อนเท้าลงจากรถเมื่อเห็นบิดาเดินเข้ามาใกล้ "พ่อไม่ได้อยู่ร้านหรอกเหรอคะ"
"พ่อกลับมาเอาของนิดหน่อยน่ะลูก"
"พ่อคะนี่พี่เจ้าค่ะ พี่เจ้าคะนี่พ่อตะวันเอง"
เจ้าเพ่งมองอยู่ครู่ก่อนยกมือไหว้ อภิชัยรับไหว้ไว้ด้วยสีหน้ากระเดียดไปทางสงสัย แต่อภิชัยก็เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจแล้วก้มลงเห็นเข่าลูกสาวที่ทำแผลแล้วเรียบร้อย
"ตะวันไปโดนอะไรมาน่ะลูก!" อภิชัยมีท่าทีตกใจและฉุกคิดนิดๆ ว่าใช่ผู้ที่ขับรถมาส่งลูกสาวตัวเองคนนี้หรือไม่ที่ทำให้มีแผลแบบนี้
"ไม่เป็นอะไรมากค่ะพ่อ... ตะวัน... แค่หกล้ม แผลถลอกนิดเดียว พี่เจ้าทำแผลให้ค่ะ" ตะวันตัดบทและไม่อยากสาธยายให้ฟังว่าเพราะความหุนหันพลันแล่นของเจ้าทำให้เธอได้แผลนี้ ตะวันไม่อยากให้บิดารู้สึกไม่ดีกับผู้หญิงคนนี้
อภิชัยพยักพเยิดให้เจ้า "ขอบใจนะหนู" คำขอบอกขอบใจของผู้ใหญ่ไม่ได้ทำให้เจ้าเปิดปากพูดอะไร เพียงแค่ยิ้มตอบนิดๆ "มา... พ่อถือให้" อภิชัยเอื้อมมือไปช่วยถือหนังสือที่ตะวันหอบไว้แนบอก
"ขอบคุณนะคะพี่เจ้า" ตะวันกล่าวเสียงอ่อนโยนก่อนจะเดินตามบิดาผ่านรั้วไม้ไปติดๆ
พอก้าวเข้าไปในอาณาเขตบ้านอภิชัยก็กล่าวขึ้น "รู้จักกันได้ยังไงน่ะตะวัน"
"พี่เค้าเป็นเจ้าของร้านภาพวาดค่ะ หนูเคยพานุชไปเอาภาพก็เลยรู้จักพี่เค้า แต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรมากมายหรอกค่ะพ่อ"
"พ่อว่าท่าทางเค้า เอ่อ... แบบว่าห้าวๆ ไปนะ"
"พี่เค้าก็... คล่องแคล่ว ทะมัดทะแมงดีนี่คะ แต่บางครั้งก็อ่อนหวานอย่างผู้หญิงทั่วไป"
"พูดแบบนี้แสดงว่ารู้จักพี่เค้ามานานแล้วสิ"
"ก็ไม่นานเท่าไหร่ค่ะ" ตะวันยิ้มอย่างเหนียมอาย ตั้งแต่นุชนาถพาไปร้านภาพวาดวันนั้นตะวันก็แอบคอยื่นคอยาวมองลอดผ่านกระจกใสทุกครั้งเมื่อมีโอกาสผ่านไปทางนั้น
"ตะวันอย่าทำแบบนั้นนะลูก" เสียงอภิชัยฉุดความคิดของตะวันเอาไว้
ตะวันเงยหน้าขึ้นมองบิดาพลางเลิกคิ้วอย่างงุนงง "ทำอะไรคะพ่อ"
"เกิดเป็นผู้หญิงก็ต้องทำตัวอย่างผู้หญิง พ่ออยากให้ตะวันเรียบร้อย วันข้างหน้าก็ต้องแต่งงานกับผู้ชายดีๆ สักคน คนที่จะดูแลตะวันของพ่อได้ แล้วก็มีลูกมีหลานให้พ่อได้ชื่นชม แค่นี้พ่อก็ดีใจแล้วลูก"
ตะวันยิ้มบางๆ ก่อนยื่นมือรับเอาหนังสือคืน "ตะวันขึ้นไปอาบน้ำนะคะพ่อ ตะวันมีงานทำค้างไว้ค่ะ"
"ระวังลูก... บันไดยิ่งชันอยู่"
"ตะวันไม่เจ็บแล้วค่ะ สบายมาก ลูกของพ่อเข้มแข็งจะตาย"
อภิชัยยีผมลูกสาว "จ้า... ลูกรักของพ่อ"

นิ้วที่เกลี่ยเบาๆ ที่ข้างขาลากไล้วนสูงจนถึงบั้นท้าย อีกมือซุกไซ้ที่หน้าท้องอันเรียบเนียนเล้าไล้ยาวจนถึงอกที่มียอดชมพูชูชันนั้น มันช่างเต่งตึงเสียจนอดบีบนวดคลึงไม่ได้ เจ้าของอกงามแอ่นรับพลางเผลอครางออกมาด้วยขนลุกซู่ไปทั้งตัว
ผู้บุกรุกยังคงไล้ต่ออย่างอ่อนโยนเสียวซ่านจนถึงลำคอ ปากตะวันสั่นระริกก่อนเสียงครางอันดังกว่าเดิมนั้นเล็ดลอดออกมาทางปากอิ่มเอิบ
"อืม... อา..."
"อือ..." ผู้กระทำหายใจเข้าออกแรงด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน
ปากนุ่มนั้นเริ่มจุมพิตที่หน้าท้องแบนราบ ไล่ยาวจนมาหยุดอยู่ตรงหน้าตะวัน สายตานั้นแม้จะดุไปบ้างแต่ก็ไม่ได้เก็บซ่อนอารมณ์ปรารถนานั้นไว้เลยแม้แต่นิดเดียว หญิงนั้นยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
"ชอบไหม"
"ค่ะ... พี่เจ้า"
ตะวันพริ้มตาลงเคลิ้มชั่วขณะ สักพักก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เห็นเพดานห้องสีครีมอ่อนเหมือนทุกๆ เช้าที่ตื่นนอน อารมณ์ค้างอยู่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นก็รีบลุกพรวดขึ้นนั่ง
ลมหายใจนั้นยังหอบกระเส่า ผมเผ้ายังกระเซอะกระเซิง พอเลื่อนมือคลำดูที่อกซ้าย มันก็ยังเต้นตึกตักๆ แรงกว่าปกติ ตะวันพ่นลมหายใจออกยาว ใบหน้านั้นร้อนผ่าวอย่างกับเตาที่กำลังจุดไฟสุมอยู่ในอก

จากที่ฝันก็เลยต้องเก็บมาคิดจนต้องเคาะนิ้วก๊อกๆ บนโต๊ะเรียนอย่างเหม่อลอย เป็นฝันพิเลนที่สุดในรอบปีเลยเชียว
"ฝันลามก บ้าไปแล้วเรา" เสียงนั้นลอดออกมาตามไรฟันเพียงแผ่วเบา
"ใครฝันลามก"
ตะวันสะดุ้งจนสุดตัวเพราะไม่คิดว่าจะมีใครหูดีขนาดนี้ "ตกใจหมดเลยนุช!"
นุชนาถวางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะข้างๆ "แหม... ขวัญอ่อนจริงเพื่อนฉัน" แล้วเลื่อนเก้าอี้ออก นั่งลงพร้อมกับหอบแฮ่กๆ
"ทำไมวันนี้มาช้าจัง ฉันมารอตั้งนานแล้ว"
"วันนี้ตื่นสาย ว่าแต่... ใครฝันลามกน่ะ"
"ไม่มีอะไรหรอก พูดไปงั้นล่ะ" ตะวันก้มหน้าลงต่ำ
"เอ๊ะๆ! ทำไมหน้าแดงผิดปกติ แกแน่เลยใช่ไหมที่ฝันลามก"
ตะวันก้มหน้างุดใหญ่เมื่อเพื่อนจับไต๋ได้
"เฮ้ย... จริงเหรอตะวัน" พิจิตราลากเก้าอี้ครูดเข้ามาใกล้เพื่อสมทบการสนทนา
"จุ๊ๆ อย่าเสียงดังสิน้ำตาล... คนอื่นมองกันหมดแล้ว" ตะวันหันรีหันขวางเพราะนักศึกษาคนอื่นๆ ทยอยกันมาเกือบเต็มห้องเรียนแล้ว
"เค้าว่ากันว่า ความฝันมาจากจิตใต้สำนึก มิน่า... ฉันเห็นแกทำหน้าตาแบบว่ามีอารมณ์ตลอดเลย เฮ้ย... แกเป็นคนหมกมุ่นเหรอตะวัน"
"จะบ้าเหรอน้ำตาล! ไปๆ... กลับที่เธอได้แล้ว ฉันไม่ใช่คนโรคจิตขนาดนั้นซักหน่อย" ตะวันหันไปเปิดหนังสือเรียนพั่บๆ ไปมาแก้เขิน ปล่อยให้สองสาวหัวเราะคิกคักกันสองคน
"ดีล่ะ ฉันจะเขียนเรื่องของแกแน่นอนล่ะ แต่ว่ากะใครน้า... ตะวัน บอกฉันทีสิ" พิจิตราชะเง้อคอเข้ามาใกล้
"ไอ้บ้า! ไม่พูดกะแกแล้ว"
"โหย... มีงอนๆ ไม่เป็นไร ฉันสืบเองก็ได้"

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น