web stats

ข่าว

 


Love Seeds vol.3- Chapter 2 : Waves of Emotion

โพสต์โดย: anhann วันที่: 01 กรกฎาคม 2015 เวลา 17:03:40 อ่าน: 455






Chapter 2 : Waves  of Emotion




"ฉันว่า  ถ้ามันมีคลื่นมากกว่านี้หน่อยคงเจ๋งแน่"  อมีเลียยืนเท้าเอวมองไปยังทะเลเบื้องหน้า  สมองจินตนาการไปถึงกระดานโต้คลื่นที่เคยหอบหิ้วมันลงไปต่อสู้กับบรรดาคลื่นใหญ่น้อยด้วยกันในผืนทะเลหนึ่งซึ่งเธอก็จำชื่อมันได้ไม่ถนัดนัก  ความจริงเธอไม่ได้สนใจชื่อของมันต่างหาก 

คลื่นทะเลที่ม้วนตัวอยู่ใกล้ตาพาให้สมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ  มันยั่วยวนหลอกล่อเธอเข้าไปหาเหมือนเสียงเพรียกของปีศาจไซเรนที่ซ่อนเร้นอยู่ตามโขดหินในทะเลมรณะ  เฝ้ารอการมาเยือนของผู้เคราะห์ร้ายซึ่งจะไม่มีทางได้กลับขึ้นฝั่งเป็นครั้งที่สอง  โชคดีของเธอที่ไม่ใช่ผู้เคราะห์ร้ายพวกนั้น  เพราะทะเลนั่นไม่มีปีศาจไซเรน  มีแค่แอนเดรียที่คอยขี่เจ็ทสกีหรือขับสปีดโบ๊ทไปเก็บเธอขึ้นมาจากน้ำเท่านั้น

"แต่ถ้าเป็นสกีน้ำ  ก็โอเคอยู่นะ"  แฝดคนพี่ยังคงว่าต่อ  แม้ว่าจะไม่มีเสียงตอบรับจากผู้ที่ยืนอยู่ข้างกาย  ความแปลกประหลาดของบรรยากาศที่เงียบจนเธออาจจะได้ยินเสียงปูทะเลเดินในอีกสองนาทีข้างหน้าพาให้ดวงตาสีช็อกโกแลตละจากท้องทะเลไปในที่สุด  และนั่นก็ทำให้รู้ว่า อีกฝ่ายไม่ได้ฟังที่เธอพูดพร่ำเลยแม้แต่น้อย

"ถอดชุดบัทเลอร์น่าเบื่อนั่นออก แล้วไปลงน้ำกับฉันเถอะ"

ลิทซ์กะพริบตาปริบ  มองคนพูดอย่างข้องใจ  จริงๆ เพราะไม่ได้ยินอะไรที่อมีเลียจ้อเลยสักนิด  สภาพจิตใจของเธอไม่อยู่ในภาวะที่จะรับรู้อะไรได้โดยที่มันไม่พร่าเลือน  และเหมือนฝ่ายนั้นจะรู้ถึงข้อนี้จึงส่งยิ้มเวทนากลับมาให้ 

ถ้าเป็นตอนปกติเธอคงจะเอ่ยปากต่อว่ายัยแฝดตัวแสบคนนี้ไปแล้วไม่ใช่นิ่งเงียบให้ดวงตาสีช็อกโกแลตพิจารณาเธอเหมือนคิวซีที่กำลังตรวจงานอยู่แบบนี้  อา.. ถ้าบอกว่าตรวจงานเจียระไนเพชร  ก็ยังจะดูดีกว่าไหมนะ..

"ฉันไม่ได้อยากสอดเรื่องของเธอหรอกนะ  ถ้าเธอไม่ใช่คนที่น้องฉันกำลังสนใจอยู่น่ะ"  อมีเลียเริ่มด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด  ยังคงคิดไม่ตกว่าทำไมแฝดน้องผู้ชาญฉลาดของตนจึงหลงมาติดบ่วงนางแม่มดร้ายตาสีเทาคนนี้ได้ 

อลิซาเบธ  เชนเลอร์  มีดีอะไรนอกจากความสะสวยที่โดดเด่นกระแทกตาแม้จะอยู่ในระยะไกลและดวงตาสีหม่นอันน่าพิศวง  แต่เธอยังให้เครดิตผู้ที่เกิดมาเกือบจะพร้อมกันอยู่ว่าคงไม่ได้โง่เง่าจนถูกลวงตาง่ายๆ ด้วยเปลือกนอกเหล่านี้  มันต้องอะไรบางอย่างสิที่แอนเดรียหาเจอในตัวผู้หญิงคนนี้ 

อะไรที่คนอย่างเธอไม่เห็นมัน..

"เธอมีปัญหาอะไรกับอิซซี่  ถึงได้ทำหน้าตาเหมือนโลกจะสลายในอีกไม่กี่นาที  และขอทีเถอะ อย่าบอกว่าไม่มีอะไร  เพราะฉันเห็นเธอเป็นทุกที"

"ถามแบบนี้  นึกเป็นห่วงฉันขึ้นมาหรือไง" ลิทซ์แกล้งหยอก  อีกคนกลอกตาและเตะทรายมาใส่กางเกงสีดำของชุดยูนิฟอร์มเธอเสียอย่างนั้น 

"เฮ้.!"

"ฉันสงสัยมาตลอด  ทำไมแอนเดรียถึงตาถั่วชอบเธอไปได้  งี่เง่า.!"

ว่าหล่อนไปอย่างไม่ยั้งแต่กลับมารู้สึกผิดเสียเองกับท่าทางซึมเซาและดวงตาที่เริ่มปรากฎรอยแดงจางๆ ให้เห็น  โอ้.. อย่าบอกนะว่าจะร้องไห้  เธอต้องตายแน่ๆ ปลอบใครใช่ว่าจะเป็น

"เฮ้.. คนเก่งอย่างเธอคงไม่ขี้แงหรอกใช่ไหม.?"  ถามพลางเอามือแตะหลังหล่อน  ลิทซ์เงยหน้ามาสบตา  ไม่ถึงนาทีก็โผเข้ากอดเธอแน่น  อมีเลียรีบมองหาแอนเดรียทันใด  ให้ตายเถอะ  เธอไม่ชอบสถานการณ์อย่างนี้เลย

ซวยแท้ๆ แอนเดรียอยู่ในบ้านกับอิซซี่  ไล่เธอกับลิทซ์ให้ออกมาอยู่ตรงนี้ด้วยกันสองคน  แสดงว่าเหลือเธอเท่านั้นที่จะโอ๋ให้ยัยนี่เงียบได้ 

ตายแล้ว!

"เอ่อ.. เฮ้.."

"แค่กอดฉัน..  กอดที"

อมีเลียเลิกคิ้ว  ชำเลืองมองใบหน้าที่ซ่อนอยู่กับไหล่ตัวเอง  กลอกตาเล็กน้อยก่อนจะเงอะงะกอดคนที่ร้องขอกันมาอย่างไม่อาย  ร่างกายที่สะเทือนเพราะแรงสะอื้นค่อยๆ ผ่อนคลายลงทีละน้อย  ไม่ค่อยอยากเชื่อหรอกว่า  มันเกิดขึ้นเพราะเธอ

เพราะอ้อมกอดของเธอ..

'ผู้หญิงเวลาร้องไห้  บางทีก็ไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากอ้อมกอดอุ่นๆ จากใครสักคนที่เค้าวางใจ'  เสียงปะป๋าดาเรนดังก้องเข้ามาในหัวทันที  วันนั้นที่เธอนั่งดูซีรีส์กับเค้าครั้งยังอยู่บ้านที่สวิส  มีฉากหนึ่งที่ตัวเอกสาวในเรื่องมีเรื่องทุกข์ใจแต่ไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้  แต่หล่อนก็สงบลงได้เพราะได้กอดแฟน

คำพูดของปะป๋าวันนั้นมันอาจจะเป็นจริงก็ได้  แต่ขอโทษเถอะ  เธอไม่ใช่แฟนยัยผู้หญิงที่กอดเธอแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออกนี่สักหน่อย  และเรื่องที่ว่า 'วางใจ' มันจะเป็นไปได้ยังไง  ในเมื่อเราเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน

"ถึงเธอจะปากเสีย  แต่ก็มีกลิ่นอบอุ่นเหมือนแอนเดรียเลยนะ"

อมีเลียคิ้วกระตุก  ดันตัวผู้หญิงพูดมากออกไปให้ห่าง  อยากจะพูดแรงๆ ใส่หล่อนสักที  แต่รอยยิ้มที่ปรากฏออกมาทั้งคราบน้ำตาและมาสคาร่าเปรอะเปื้อนจนขอบตาคล้ำก็ทำให้น้ำเสียงเธออ่อนลงอย่างช่วยไม่ได้

"ตกลงว่าชมหรือด่าฉัน"

ลิทซ์หัวเราะ ใช้นิ้วค่อยๆ ปาดน้ำตาออกจากใต้ตา  พยักหน้าหงึกหงัก  คนมองได้แต่ถอนหายใจ  ล้วงกระเป๋าเสื้อคลุมดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาส่งให้

"เอาไปซะ  เช็ดดีๆ มาสคาร่าก็เปื้อน  หน้าเหมือนผีเลย"

ผู้จัดการฝึกหัดยิ้ม  รับผ้าเช็ดหน้ามาซับหน้าตัวเอง  "เชื่อแล้วว่าเธอสองคนเป็นฝาแฝดกัน  ถึงหน้าตาไม่เหมือน  แต่พวกเธอก็คล้ายกันมาก"

"ไม่เห็นจะเหมือนสักหน่อย" อมีเลียพึมพำ  กอดอกสะบัดหน้าไปอีกทาง  เจ้าของตาสีเทาอมยิ้ม  มองผ้าเช็ดหน้าในมืออย่างเป็นปลื้ม  นึกไม่ถึงว่าคนที่จะกัดกันได้ทุกวันจะใจดีแบบนี้ 

"ขอบคุณนะ  ดูเหมือนเจ้าโย่งจะรู้จักเธอดีมากเลย"

ตาสีช็อกโกแลตเหลือบมองเจ้าของเสียงใสที่ไม่รู้ไม่ชี้ว่า  ทำให้คนอื่นเขาแปลกใจกับหล่อนมากแค่ไหน  แต่อมีเลียก็รู้สึกว่าเผลอยิ้มจนงงตัวเอง

อย่าบอกนะว่า เธอกลายเป็นร่างทรงของแอนเดรียไปแล้ว.!

"นี่.. อยากขับสปีดโบ๊ทไหม.. เจ็ทสกีก็ได้  ฉันจัดการให้เธอได้นะ"

แฝดพี่ใช้เวลานานกว่าปกติก่อนจะตอบออกมาได้  "โอเค.. ฉันจะรอดูว่าเธอจะใช้อิทธิพลของแม่ได้ขนาดไหน"  ลิทซ์มองค้อนเธอขวับ  หากก็แค่นั้น  หล่อนจับมือถือขึ้นมา  ใช้ปลายนิ้วสไลด์และจิ้มๆ หน้าจออยู่ไม่กี่ครั้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายักคิ้วกวนประสาท

"อีกไม่เกินสิบนาที  เธอจะได้ไปผจญภัยในทะเลกับฉันแน่..ลิตเติ้ลเมอร์เมด"

อมีเลียกลั้นยิ้ม  พยายามเสตาไปทางอื่นแทนมองดวงตาสีเทาที่คอยจะล่อหลอกให้หลงกลอยู่เรื่อย  เธอไม่เหมือนแอนเดรียหรอกนะ จะบอกให้...

.....................................................

อิซซาเบลมองออกไปนอกบ้านเมื่อถูกเสียงกรี๊ดกร๊าดร่าเริงดึงความสนใจไปจากขนมกรุบกรอบที่นั่งกินอยู่กับแอนเดรีย

"ดูเหมือนนางเงือกจะได้กลับคืนถิ่น"

ได้ยินเสียงแฝดคนน้องพึมพำขำขัน  ร่างโปร่งจึงลุกขึ้นไปมองให้เห็นด้วยตา  เด็กสาวอ้าปากค้าง  สองสาวในชุดบิกินี่กำลังขี่เจ็ทสกีอยู่ในทะเล  ความจริงมันจะไม่น่าตกใจเลย  ถ้าไม่ใช่อมีเลียที่เป็นคนขี่และให้คนที่ควรจะมาดูแลเธอในฐานะผู้จัดการฝึกหัดฝ่ายดูแลลูกค้าเป็นคนซ้อนท้าย  และตอนนี้พวกเขากำลังสนุกกันมากทีเดียว  กระทั่งท่าเสียวๆ อย่างเช่นลิทซ์ยืนขึ้นบนเบาะและเกาะบ่าอมีเลียที่ซิ่งไปในน้ำนั่นก็ยังเรียกเสียงหัวเราะของพวกเขาได้

"เฮ้.. ยัยนั่นเล่นระหว่างทำงานได้ยังไง"

"ลิทซ์ทำงานแค่ครึ่งวัน"  แอนเดรียชี้แจง "แล้วเราจะรออะไรอยู่ล่ะ พวกนั้นกำลังท้าทายเราอยู่นะ"

อิซซาเบลย่นคิ้ว  ไม่คิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีนักที่จะออกไปเล่นน้ำอีกครั้งในเวลานี้  แต่ดูเหมือนเธอจะไม่มีเวลาลังเลมองหาสองแม่ที่หายขึ้นห้องไปด้วยกันนั่นแล้ว  แฝดน้องแมคคอลลี่ลากแขนเธอออกจากบ้าน  และเวลาแห่งการกลายร่างเป็นปลานีโมของเธอก็เริ่มต้นขึ้น

..............................................

"ดูเหมือนจะจริงอย่างที่คุณว่านะ"  แอนนาเบลล์พึมพำระหว่างมองสาวน้อยเล่นน้ำกันอยู่ในทะเลผ่านหน้าต่างห้องนอนชั้นบนของบ้านพัก 

รอยยิ้มสดใสของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนสะดุดตาเธอตั้งแต่แรกที่ตัดสินใจเข้าไปแอบสังเกตการณ์มอง  อิซซาเบลไม่ได้ยิ้มแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว  ตั้งแต่รู้ว่าฝาแฝดแมคคอลลี่ย้ายมาอยู่แอลเอพร้อมกับเด็กผู้หญิงคนนั้น  เธอไม่อยากคิดมาก  แต่เซ้นส์บางอย่างมันบอกว่าลูกมีอะไรสักอย่างกับลิทซ์

ลูกมองเด็กคนนั้นอย่างอาลัยอาวรณ์จากที่ไกลๆ ทุกครั้ง..

ราเชลลุกขึ้นตามมายืนซ้อนอยู่ด้านหลังภรรยาร่างเล็ก  มือแตะไหล่แอนนาเบลล์เบาๆ มองตามสายตาของดวงตาสีน้ำตาลไปบ้าง  หากสิ่งที่คิดยังไม่ได้พูดออกไป  อีกฝ่ายก็พูดขึ้นก่อน

"คุณรู้อะไรสินะที่ได้ชวนมาที่นี่  และยังต้องระบุให้เด็กคนนั้นเป็นคนคอยเทคแคร์เรา"

ดวงตาสีน้ำตาลจ้องเธออย่างคาดคั้น  ถ้าไม่บอกคงมีเรื่อง  ราเชลถอนใจแผ่ว  กอดเอวคนตัวเล็กกว่าเอาไว้หลวมๆ  แอบใช้สัมผัสทางกายปลอบอีกฝ่ายไว้ล่วงหน้า  เกรงว่าจะสิ่งที่ตนจะพูดไปจะไปสร้างความเครียดให้

"พวกเขาเคยเป็นแฟนกัน"  จริงอย่างที่คาด  แอนนาเบลล์หันขวับมาทำตาโต  แต่จากแววตาก็บอกว่าเธอต้องคายความลับออกมาให้หมด  ไม่งั้นโดนเชือดคอ  "เคย..  เอ่อ.. มีอะไรกันแล้ว"

กินเวลาอยู่นานหลายนาทีกว่าที่แอนนาเบลล์จะอุทานออกมาเบาๆ เฝ้ามองว่าภรรยาจะทำอะไรต่อไป  หากดวงตาสีน้ำตาลก็เพียงมองกลับไปยังกลุ่มเด็กๆ ที่เฮฮากันอยู่ในน้ำทะเล  และมันก็ดันเป็นช็อตเด็ดที่..

อิซซี่แกล้งดึงลิทซ์ลงน้ำไปหลังจากที่เด็กตาสีเทาพยายามจะช่วยเค้าขึ้นมาบนเจ็ทสกี  พวกเขาไล่ตีกันในน้ำ  แต่ทำไปทำมาลิทซ์กลับขี่อยู่บนหลังลูกสาวของเธอ  หัวเราะด้วยกันก่อนที่สองแฝดจะมาร่วมแจมและอมีเลียมาจับแยกเอาอิซซาเบลไปว่ายน้ำแข่งกัน

"ฉันไม่เคยเห็นลูกเป็นอย่างนี้เวลาอยู่กับเอฟ  หรือว่าเค้าก็เป็นแต่เราไม่เห็น"  แอนนาเบลล์พึมพำน้ำเสียงประหลาดใจ  ความกังวลเจือปนอยู่เล็กน้อย  แต่ที่แปลกคือไม่มีความตกใจเหลืออยู่แล้ว

"ฉันเองก็ไม่แน่ใจ  แต่เบลล์ไม่แปลกใจเหรอ  เรื่อง...."

"ไม่ค่ะ ฉันอ่านภาษากายออก" คุณแม่ยังสาวตอบ "ลูกดูไม่ตะขิดตะขวงใจเวลาลิทซ์ถูกตัวเค้า  ปกติกับคนไม่สนิท  อิซซี่แทบจะไม่เข้าใกล้ใคร  และที่สำคัญ.. สายตา  ลูกมองลิทซ์ไม่เหมือนที่มองแอนเดรียกับอมีเลีย"

ราเชลฟังคำชี้แจงของภรรยาอย่างสนใจ  พลันนึกสงสัย  "แล้วเอฟ.."

"ไม่เหมือนค่ะ  แต่คล้าย..  กับลิทซ์  มันเหมือนว่าลูกดู...  อืม.. ฉันก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน"

"สับสน  โหยหา  คิดถึง  โกรธ.?"

"ค่ะ แบบนั้นแหละ"  แอนนาเบลล์โพล่งอย่างดีใจที่อีกคนช่วยแก้ไขข้อกังขาของเธอได้  แต่สีหน้าเธอกลับหดหู่ลงเมื่อความคิดเริ่มจะตีกันยุ่ง  ทั้งห่วงลูกและห่วงเอเวอร์ลี่ที่ปักใจเชียร์มานาน  "แล้วลูกบอกไหมคะว่า  ทำไมถึงเลิกกับลิทซ์  แล้วกับเอฟ..."

"เค้าบอกว่าลิทซ์เจ้าชู้  เอาแต่ใจมากจนน่าเบื่อ  บางทีอาจจะหมดความสนใจแล้วก็ได้  แต่กับเอฟ  ลูกบอกว่ารักเอฟนะ"

"บอกว่ารักเพราะยังไม่ได้หรือเปล่า.?" 

ราเชลมองภรรยาสาวอย่างตกใจ  "เธอพูดเหมือนลูกเราเป็นผู้ชาย"

"จะผู้ชายหรือผู้หญิงก็เหมือนกันแหละ  แรกๆ ตอนคบกันก็ดูตื่นเต้นดี  แต่พอคบกันไปถึงขั้นไปมีอะไรๆ กันแล้ว  ความตื่นเต้นก็ลดน้อยลง  และอะไรๆ ที่เคยทนได้  ก็กลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ  พูดอะไรก็เริ่มขัดหูขัดตา  ต่อไปก็ทะเลาะ  ทะเลาะกันบ่อยๆ เข้าก็เลิกกัน  ตามสเต๊ป"

"โอ้.. เบลล์..  เธอมองลูกเราในแง่ร้ายไปหน่อยไหม.. นั่นอิซซี่นะ"

แอนนาเบลล์ชะงักกับน้ำเสียงเตือนสติ  หันสายตามองหาลูกสาวอีกครั้ง  อิซซาเบลนั่งเหม่ออยู่ริมหาดตามลำพังขณะที่สามสาวยังเล่นกันอยู่ในน้ำ  เธอไม่รู้ว่าลูกคิดอะไรอยู่  บางทีเค้าอาจจะเล่นจนเหนื่อยแล้วถึงได้เข้าไปนั่งพัก  หรืออาจกำลังคิดถึงใครที่ไม่ได้อยู่ที่นี่และมาเล่นด้วยกัน  แต่ภาพที่แอนเดรียกับลิทซ์จูบกันอยู่ในน้ำ  ก็เป็นอะไรที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ว่าเป็นสาเหตุให้ลูกดูซึมไปกะทันหัน

"บางที..  มันอาจเป็นแค่ความรู้สึกผิดหวังที่สูญเสียความเป็นที่หนึ่ง"  ราเชลสันนิษฐานตามประสบการณ์ของตัวเอง  บ่อยครั้งที่เธอแอบนึกเสียดายแฟนเก่าเวลาเห็นเขาควงกับคนอื่นต่อหน้าต่อตา

"ถ้าแค่นั้นมันก็ดีค่ะ"  แอนนาเบลล์พึมพำเหม่อลอย  ลูบมืออีกคนที่วางอยู่ตรงเอวตัวเองไปเพลินๆ

"เธอหมายความว่ายังไง.?"

"ฉันแค่กลัวเค้าจะแยกแยะไม่ได้ระหว่างความรักกับความต้องการ  ความถูกต้องกับการอยากจะเอาชนะ  ลูกยังเด็กนะราเชล"

ราเชลพยักหน้าเบาๆ เห็นด้วยกับภรรยา  ยื่นใบหน้าไปคลอเคลียแก้มเมื่อเริ่มเห็นแววความกังวลชัดขึ้นในสีหน้าและแววตา  "อย่าเครียดไปเลยเบลล์  อิซซี่ไม่ใช่เด็กที่ทำอะไรไม่คิดหรอกนะ"

"ก็คงใช่ค่ะ  ไม่งั้นคงได้มีเรื่องกันไปแล้ว  ไม่ใช่แค่ไปนั่งซึมกระทือเป็นคนอกหักอยู่แบบนั้น"

"เฮ้.. ฉันรู้สึกเหมือนเธอเคืองๆ ลูกนะเบลล์"  แอนนาเบลล์ย่นจมูกแต่ไม่ยอมพูดอะไร  แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเธอเดาไม่ผิดจริงๆ  ห่วงว่าที่ลูกสะใภ้อยู่ล่ะสิ

......................................................

เอเวอร์ลี่นึกเคืองใจอีกฝ่ายเล็กน้อยที่อยู่ๆ ก็พาตนมาในที่ที่น้องต้องใช้บัตรประชาชนปลอมถึงจะเข้ามาด้วยได้  เพราะแคลร์ไม่ยอมให้เธอมาตามลำพังกับปะป๊าคนงามที่ชักชวนเธอมาในผับอย่างนี้  ถึงมันจะเป็นผับที่เปิดรับเฉพาะลูกค้าผู้หญิง  น้องก็ดูจะไม่ไว้ใจถึงต้องร้องตามมาด้วย  และเม็ทธานีส์ก็ดันบ้าจี้ตามแคลร์  จัดแจงขอซิลค์กับแม่เธอให้เสร็จสรรพรวมถึงจัดการเรื่องบัตรปลอมนั่นให้ด้วย 

แต่แน่นอน  ปะป๊าสุดเซ็กซี่ของเธอไม่มีทางจะบอกหรอกว่า  ที่ที่พาเธอกับแคลร์มา  จริงๆ มันคือที่ไหน  ไม่ใช่งานคาราวานแถวมิดทาวน์หรอกนะ

"โนๆ เวอร์จิ้นโมจิโต้สองสำหรับสองสาวน้อย  และบลูโมจิโต้ของฉัน"  เม็ทธานีส์สั่งเครื่องดื่มตัดหน้าแคลร์ที่กำลังยืนดูเมนูอย่างตื่นตาตื่นใจอยู่  ลูกของอดีตคู่หมั้นทำหน้ายุ่งอย่างขัดใจแต่ก็หันไปมองทางอื่นแทนที่จะต่อกรกัน

"ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยสิคนเก่ง  เดี๋ยวคนอื่นก็จับได้หรอกว่าอายุเท่าไหร่"  แกล้งเข้าไปกระซิบข้างหูเด็กตัวสูง  ยิ้มมุมปากกับสองแก้มที่เริ่มแดงระเรื่อด้วยความอาย  แคลร์ขยับตัวไปเกาะเอวเอเวอร์ลี่เหมือนจะให้พี่สาวช่วยเป็นเกราะคุ้มกันภัยจากเธอให้ 

ขี้อายเหมือนซิลเวียช่วงแรกๆ ที่รู้จักกันเลยแฮะ..  เม็ทธานีส์คิดยิ้มๆ ระหว่างจิบเครื่องดื่มของตัวเองที่บาร์เทนดี้เพิ่งวางมาให้  พยักพเยิดหน้าอนุญาตให้สองสาวน้อยเข้ามารับแก้วของพวกเขาไป  แต่ก็แค่เอเวอร์ลี่คนเดียวนั่นแหละที่กล้ามาหยิบมัน  ซ้ำต้องหยิบเผื่อไปให้น้องอีก

"ป๊าพาเรามาที่นี่ทำไม.. มันไม่เหมาะกับเด็กนะ" เอเวอร์ลี่กระซิบถาม  พยายามไม่ให้ใครได้ยินบทสนทนานี้  กลัวแคลร์จะโดนจับโยนออกไปนอกผับ  ถ้าใครจับได้ว่า  เห็นตัวโตเป็นยักษ์แบบนี้  จริงๆ เขาอายุแค่สิบสาม  รูปร่างกับอายุนี่ตามกันไม่ทันเลยนะ

"ก็พาเอฟมาเปิดหูเปิดตาบ้างน่ะสิ  ส่วนเจ้าตัวแสบ.. ท่าทางชอบออก  เห็นไหมล่ะ"  เม็ทธานีส์ว่า  อมยิ้มกับท่าทางรื่นเริงของเจ้าเด็กยักษ์ที่ตอนนี้ดูจะเพลินกับแสงสีในผับไปเสียแล้ว  แต่ลูกสาวเธอคงไม่เห็นด้วย  เพราะดันมามีสาวสวยที่ไหนไม่รู้เข้ามาชวนน้องสาวครึ่งสายเลือดของเขาคุย

"มีแรงดึงดูดเหมือนแม่"

เอเวอร์ลี่มองค้อนปะป๊าจอมแสบ  ไม่ใช่หงุดหงิดที่เค้าแอบชมซิลเวีย ผ่านทางแคลร์ที่เป็นผู้สืบทอดดีเอ็นเอ  แต่เพราะเขาไม่มีท่าทีที่จะเข้าไปห้ามปรามน้องให้  ทั้งที่ก็เห็นว่าสาวนิรนามนั่นทำท่าเหมือนอยากจะกินแคลร์เต็มที

"เอฟ.. น้องเราเค้าไม่ได้โง่หรอกน่า.. และป๊าอยากให้เรามาผ่อนคลาย  ไม่ได้ให้มาเครียดแบบนี้"

"แล้วถ้าแคลร์---"  เอเวอร์ลี่ชะงักทั้งที่ยังพูดไม่จบเมื่อหันไปพบว่า สาวนิรนามคนเดิมนั่นปีนขึ้นมานั่งตักน้องตัวเอง  หล่อนคล้องคอแคลร์และใบหน้าของทั้งคู่ก็ใกล้กันจนแทบจะจูบกันอยู่แล้ว  เธออยากจะไปแยกพวกเขาออก  ตบยัยหัวแดงที่มาอ่อยน้องและลากน้องกลับมา  แต่ก็ทำได้แต่ยืนนิ่งเพราะผู้หญิงอีกคนที่เข้ามาขวางทาง

"คุณคะ ขอทางหน่อย"  พยายามจะพูดอย่างสุภาพที่สุดทั้งที่อยากจะชนหล่อนให้กระเด็นออกจากทาง  หากสาวแปลกหน้าผมน้ำตาลกลับยังยืนนิ่งเป็นเสาหิน  และมองเธอด้วยสายตาน่าขยะแขยง  "คุณ.. ถอยไป.!"

"เธอมาจากไหน..  มาที่นี่ครั้งแรกใช่ไหม  ฉันไม่เคยเห็นเลย  โอ้.. แล้วมีใครเคยบอกไหมว่า  สำเนียงเธอโคตรน่ารัก"

เอเวอร์ลี่ย่นคิ้ว  ไม่รู้สึกดีใจกับคำชมที่ได้ยินสักนิด  ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนบอกว่าสำเนียงเธอไม่เหมือนคนอื่นที่นี่  อเมริกา  แต่เธอก็ไม่ได้บอกใครว่า  เธอเกิดที่อังกฤษ  หัดพูดที่อิตาลี  เริ่มเรียนหนังสือที่ญี่ปุ่น  เติบโตที่อเมริกา  มีปะป๊าคนสวยเชื้อสายอังกฤษแถบลอนดอน  มีแม่เป็นสาวอิตาเลี่ยนจากมิลาน  แต่บางทีสำเนียงเธออาจจะมาจากคนที่เลี้ยงดูแลจนโตมาจนป่านนี้ซึ่งเป็นลูกครึ่งรัสเซียที่มีสำเนียงบริติชจ๋าราวต้นฉบับ 

ซิลเวียเกิดที่อังกฤษหรือเปล่านั่น  เธอก็ไม่ได้ถามเสียด้วยสิ..

"โทษที..  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันได้ยินแบบนี้"  สาวแปลกหน้าชะงักราวไม่คิดว่าจะโดนตอกกลับอย่างไม่เป็นมิตร  แต่มันก็เป็นโอกาสที่เธอจะเดินผ่านหล่อนไปหาแคลร์ได้สักที 

พอดีเลยกับเวลาที่เจ้าตัวดีกำลังจะล้วงๆ ควักๆ ผู้หญิงที่ไม่รู้จักบนตัก  เด็กบ้านั่นกะจะปล้ำผู้หญิงกลางผับเลยหรือไง  ไม่เคยควบคุมฮอร์โมนตัวเองซะบ้างเลย  ไอ้น้องทุเรศ.!  ฟ้องอมีเลียให้ตบสักทีดีไหม.?

"เฮ้..  ฉันไม่อยู่แป๊บเดียวถึงกับจะเอายัยนมเบี้ยวนั่นขึ้นเตียงแทนเลยหรือไง  ออกไปจากตักแฟนฉันเดี๋ยวนี้นะ.!" 

แคลร์ตากระตุก  หยุดมือที่กำลังนวดคลึงหน้าอกผู้หญิงแปลกหน้าที่มาเสนอตัวให้ถึงตักทันใดเพราะเสียงคุ้นหู  หันไปมองดูจะให้แน่ใจว่าเป็นใคร  ก็ไม่ทันจะห้ามพี่สาวที่ผลักสาวผมแดงแสนแซ่บกระเด็นตกจากตักเธอไปแล้ว

แต่อะไรก็ไม่เท่ากับที่เอเวอร์ลี่จับหน้าเธอไปซุกอกเค้าระหว่างออกปากไล่ผู้หญิงคนนั้นไปหรอก  ก็รู้อยู่นะว่าพี่ทำแบบนี้เพราะต้องการจะปกป้องเธอจากอันตรายจากคนที่ไม่น่าไว้ใจ  เธอเองก็เคยแกล้งทำตัวเป็นแฟนเค้าเหมือนกันในสถานการณ์ที่คล้ายกันนี้  แต่นี่มันเป็นครั้งแรกเลยที่เห็นพี่ดุสุดๆ ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่หยุดและยอมล่าถอยไป  เธออาจได้เห็นพี่สาวตบตีกับใครเป็นครั้งแรก 

แต่แหม.. อกนิ่มชะมัดเลยนะเนี่ย..

"นี่อย่ามาทะลึ่งกับฉันนะ  ไม่งั้นฉันจะหักข้อมือเธอซะ"

แคลร์รีบชักมือกลับมาจากหน้าอกพี่สาวขณะที่เพิ่งจะเริ่มแตะมันนิดเดียว  เสียวสันหลังกับตาวาวๆ สีม่วงที่ถอดแบบเดียวกันมาจากแม่ที่บ้าน  หากถึงจะกลัวก็ยังจะพยายามหัวเราะกลบเกลื่อน

"ดุจริง..  กับฉันน่ะดุได้ดุดี  กับอิซซี่น่ะไม่เคยเลย  ดีแต่โอ๋"

"เค้าไม่ได้นิสัยเสียเหมือนเธอนี่.. ฉันจะฟ้องอมีเลีย"  เอเวอร์ลี่ขู่  นิ้วชี้ดันหน้าผากน้องให้ใบหน้าออกห่างจากหน้าอกตัวเอง  ไม่ไว้ใจความหื่นที่ยังอยู่ในแววตา  แต่ที่ยังเกาะน้องเอาไว้แบบนี้ก็เพราะกลัวใครจะมายุ่งกับเค้าอีก  ผู้หญิงในที่แบบนี้ไว้ใจได้ที่ไหนกัน

"ยัยนั่นน่ะเหรอ  นิสัยดี  เอฟอย่าหลอกตัวเองเลยน่า  จริงๆ ก็กลัวเหมือนกันใช่ไหมล่ะ  อิซซี่น่ะเคย..." แคลร์หยุดตัวเองไว้  ไม่อยากทำร้ายพี่สาวด้วยความจริงที่บางทีเค้าเองก็น่าจะรู้มันอยู่แล้ว 

"ช่างเถอะ  ไปเต้นกันดีกว่า  ไหนๆ วันนี้เอฟก็เป็นแฟนฉันแล้ว"

เอเวอร์ลี่อยากจะห้ามน้อง  แต่พอมองหาคนที่พาเธอมาก็พบว่า  ปะป๊าตัวแสบแอบไปคุยกระหนุงกระหนิงกับผู้หญิงคนอื่นเสียแล้ว  เม็ทธานีส์หันมาขยิบตาให้เธอเหมือนจะบอกเป็นนัยๆ ว่า  เขาอาจจะหิ้วผู้หญิงคนนั้นไปโรงแรมด้วยกันตามประสาคนโสดที่ชอบตกเหยื่อแต่ไม่ชอบพันธะ  แต่บางทีก็จะแค่อะไรกันในห้องน้ำ  เพราะติดที่ต้องพาพวกเธอสองคนกลับบ้านอย่างปลอดภัยตามสัญญาที่ให้ไว้กับมะม๊าและซิลเวีย

ถอนหายใจเพลียจิตได้แค่เพียงเสี้ยววินาที  เธอก็แทบจะต้องกรี๊ดเพราะถูกอุ้มเข้าเอวน้องตัวยักษ์ที่ลากเธอไปเต้นกลางฟลอร์  ไม่ถึงนาทีความตกใจก็กลายเป็นความสนุกสนาน  สุดท้ายพวกเธอสองคนก็กลับบ้านไปพร้อมแผ่นกระดาษที่มีเบอร์โทรของบรรดาสาวๆ หลายแผ่นซึ่งยัดใส่มือมาให้  และเสียงแซวของผู้ใหญ่จอมทะเล้นที่ดูจะชอบใจกับผลงานของเขาเสียเหลือเกิน     



...........................




เวอร์จิ้นโมจิโต้




บลูโมจิโต้



อืม.. ไม่ต้องสงสัยนะคะว่า  ทำไมเรื่องนี้ถึงมาบ่อยกว่าเรื่องอื่นๆ  ก็มันเป็นเรื่องที่คิดออกตอนนี้ไงคะ ฮ่าๆๆ :27:

หวังว่าถึงวันนี้แล้ว  ทุกคนที่จองหนังสือเอาไว้ คงได้รับมันหมดแล้วนะคะ  แล้วคงอ่านไปจนรู้แล้วว่า  ทำไมภาคนี้สาวๆ ถึงมาอยู่แถบแคลิฟอร์เนียกันหมด  แต่เดี๋ยวก็จะจับอิซซี่กลับนิวยอร์กแล้วค่ะ  อยู่นานไม่ดี อิอิ   :42:

มาถึงตอนนี้แล้ว  อาจจะพอเห็นบ้างแล้วนะคะว่า  ถ้าพี่เอฟจะร้าย  จะร้ายแบบไหน  แต่ยังไงก็สงสารอิซซี่หน่อยนะคะ  น้องยังเด็ก

ว่าแต่.. มัมราเชลเข้าข้างลูกสาวมากไปหรือเปล่านะ ฮา   :02:

วันนี้มาลงเร็วหน่อยค่ะ  ฉลองเดือนใหม่  (เกี่ยวกันไหม.?)

แล้วเจอกันค่ะ  ขอบคุณนะคะ  :44:

อ้อ.. ถ้ามีอะไรอยากติเตียนอิซซี่  หรือหมั่นไส้ลิทซ์  บอกมาได้เลยนะ  ไม่ต้องคิดว่าคนเขียนลำเอียง  (เพราะลำเอียงจริงๆ ฮา  :28:)

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น