Vampire Hunter Season3- Chapter 8 : The One (2)
โพสต์โดย:
anhann
วันที่: 16 มิถุนายน 2015 เวลา 18:42:33
อ่าน: 309
|
Chapter 8 : The One (2)
ฟลอเรนแทบไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่เธอมักจะเห็นในหนังไซไฟจะมาเป็นเรื่องจริงได้หากไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง หลอดแก้วที่มีสายระโยงระยางเชื่อมต่ออยู่มีสิ่งที่คล้ายว่าจะเป็นมนุษย์อยู่ข้างใน มันไม่ได้มีแค่หลอดเดียว แต่มีนับสิบ มีทั้งชายและหญิง แยกกันอยู่คนละหลอด ทุกคนอยู่ในสภาพเปลือย โชคดีที่พวกเขายังมีผ้าปิดบังบางส่วนที่สำคัญของร่างกายอยู่นะ ไม่เช่นนั้นเธอคงจะยืนมองอยู่แบบนี้ไม่ไหว
ผู้หญิงยังพอว่า แต่ผู้ชายนี่ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ เฮ้อ..
"ไม่นึกว่าผีชีวะจะกลายมาเป็นเรื่องจริงได้ล่ะสิ" เสียงแคทเทอรีนพาให้เธอนิ่วหน้าหนักขึ้น นี่เธอกำลังอยู่ที่ไหนกันแน่
โอ้ใช่.. หล่อนลากแขนพาเธอหลบหลีกจากสายตาใครๆ ที่ทำงานอยู่ในห้องแล็ปใต้ดินนี้มาในห้องที่ซ่อนความลับนี่เอาไว้
"ใช่.. แต่อย่างน้อยวิทยาศาสตร์ก็ไม่คงไม่ลึกลับเท่าโลกของพวกเธอ" ฮันเตอร์สาวปรายตาใส่แวมไพร์ที่ส่งยิ้มกวนประสาทไม่เลิก เธอไม่รู้จริงๆ ว่า มากับหล่อนได้อย่างไร แคทเทอรีนเป็นตัวอันตราย หล่อนเป็นแวมไพร์ดั้งเดิมที่มีกำลังมากและไม่มีทางตายด้วยลิ่มไม้หรือแม้กระทั่งจะควักหัวใจออกมา
หากในความน่ากลัวทั้งหลายนั้นก็มีความน่าสนใจอยู่มากมายเช่นกัน..
"ฉันเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ แต่พวกนี้ฝ่าฝืนธรรมชาติ" หล่อนชี้ไปที่บรรดาหลอดแก้วและบรรดาเครื่องมือที่อยู่ในห้องนี้ "มนุษย์มักคิดว่าตัวเองฉลาดที่สุดในโลก แต่จริงๆ พวกมันโง่มาก"
"เฮ้.. ถ้าเธอลืมไป ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นนะ" ฟลอเรนเตือน หากเหมือนผู้หญิงกินเลือดเป็นอาหารจะไม่เห็นด้วย
"เธอยังกล้าพูดได้เต็มปากอีกหรือว่าตัวเองเป็นมนุษย์.?"
"แล้วถ้าไม่ใช่ ฉันเป็นตัวอะไรล่ะ ฮันเตอร์ก็แค่มนุษย์คนหนึ่ง.." หล่อนไม่ตอบอะไรแค่ยิ้มไม่น่าไว้ใจเหมือนเดิม เธออยากจะจี้ถามหล่อนต่อ หากที่นี่คงไม่เหมาะเท่าไหร่
"ถ้าเจ้าตัวพวกนี้หลุดออกไปได้ โลกของเธอจะต้องวุ่นวายแน่ๆ"
"แล้วจะให้ฉันฆ่าพวกเขาทิ้งอย่างนั้นเหรอ.?" ฟลอเรนถามหน้าตื่น ถึงจะคุ้นชินกับการคร่าชีวิต แต่กับสิ่งที่ดูอย่างไรก็ยังมีรูปลักษณ์เป็นมนุษย์อยู่ เธอไม่เคยคิดจะให้อาวุธของเธอแตะต้องพวกเขา แต่ทว่า...
"ถ้าเธอไม่ทำเสียตอนนี้ ต่อไปก็ต้องทำอยู่ดีนั่นแหละ หรือจะรอให้คนบริสุทธิ์ถูกฉีกเนื้อเป็นชิ้นๆ ก่อนล่ะ"
ฮันเตอร์สาวเม้มปากแน่น เธอรู้ดีว่าที่แวมไพร์พูดนั่นคือความจริง แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ต้องมีวิธีอื่นที่ทำได้นอกจากการฆ่า "เดี๋ยว.!" เสียงเธอชะงักมือที่กำลังจะดึงสายต่างๆ ออกจากหลอดแก้ว แคทเทอรีนหันมาเลิกคิ้วมองอย่างข้องใจ "ถ้ามันมียาที่ทำให้พวกเขาเปลี่ยนสภาพ มันก็ต้องมียาแก้สิ"
แวมไพร์สาวเท้าสะเอว มองเธอเหมือนเห็นเป็นเด็กงี่เง่า "โอเค.. แล้วถ้ามันไม่มีล่ะ เธอคิดว่าจะรับผิดชอบสิ่งที่จะตามมาไหวไหมฮันเตอร์.?"
ฟลอเรนพูดไม่ออก นั่นสิ เธอจะรับผิดชอบยังไงถ้ามันไม่มียาแก้ที่ว่า หากก่อนที่เธอจะทันได้รู้สึกผิดกว่านี้ เสียงหวีดร้องของสัญญาณเตือนภัยก็ดังสนั่น เธอตกใจแต่คู่หูแวมไพร์กลับยกมือเกาหัวหงุดหงิด
"ฉันคิดว่า เธอควรสั่งสอนเจ้าเด็กพวกนั้นหน่อยนะ" หล่อนว่า พาให้เธอยืนงง "มัวแต่สงสัยอยู่ได้ ออกไปจากที่นี่ก่อนที่พวกยามจะแห่กันมาสิ หรือเธออยากให้ฉันเชือดพวกเขาทิ้งให้หมด"
"เจ้าเด็กพวกนั้น.. เธอหมายถึง.?" แคทเทอรีนไม่จำเป็นต้องตอบ แค่มองสายตาหล่อน เธอก็รู้แล้วว่าหล่อนพูดถึงใคร ฟลอเรนสบถในใจและพุ่งออกไปจากห้องโดยมีอีกคนตามหลังมาติดๆ และนั่นก็ทำให้เธอทั้งคู่พลาด
ไม่ได้เห็นว่า ในหลอดแก้วหนึ่งมีดวงตาคู่หนึ่งเปิดขึ้นมา...
...........................................................
"จับเด็กนั่นไว้.!"
เจ็นนี่รีบลากแขนคาริน่าออกวิ่งอย่างไม่สนใจว่าข้างหน้าจะเจออะไร ขอเพียงให้พวกเธอได้พ้นจากพวกที่กำลังกรูเข้ามาจับตัวพวกเธอก็พอ แต่ดูท่าว่าจะยากเสียแล้วเมื่อมองไปทางไหนก็เห็นแต่คนในชุดดำกันหมด
"เจ็น.. เอาไง.?" คาริน่าถาม ไม่แน่ใจว่าคนอายุมากกว่าจะอนุญาตให้เธอทำอย่างที่คิดจะทำ ดูได้จากมือที่บีบข้อมือเธอแน่นและเค้าส่ายหน้าให้
"แต่ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง เราจะต้องถูกจับนะ"
"แต่ฉันไม่อยากให้เธอทำร้ายใคร"
สองเด็กสาวมองสบตากัน คนเป็นน้องพยักหน้าอย่างเข้าใจเมื่อเห็นแววตาเป็นกังวลที่มองทอดมา "งั้นฉันจะเชื่อเจ็นก็แล้วกัน"
เจ็นนี่ยิ้มดีใจ แต่ไม่ทันไรเธอก็รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่ขอร้องน้องแบบนั้น เพราะหลังจากนั้นคาริน่าก็ยืนนิ่งรอให้คนพวกนั้นมาจับแขนไปคนละข้าง เธอก็โดนไปกับเค้าด้วยเหมือนกัน
"เฮ้.. ปล่อยฉันนะ.!"
แทนที่จะปล่อย เจ้าพวกนั้นกลับบีบแขนเธอแรงขึ้น มองไปทางเด็กไฮบริด คาริน่ากลับสงบนิ่งเกินกว่าที่เธอคาดไว้ หรือเพราะเค้าเชื่อฟังเธอ
บ้าสิ จะมาเชื่อฟังอะไรกันตอนนี้นะ.!
"คาริน่า.!" เจ็นนี่ร้องเรียกน้อง เค้าหันมามองอย่างแปลกใจ "ทำอะไรสักอย่างสิ จะยอมถูกจับง่ายๆ หรือไงกัน"
"ก็เจ็นบอกว่า---"
"ฉันเปลี่ยนใจแล้วโว้ย.!"
คาริน่าเลิกคิ้ว ดูประหลาดใจไม่เบา หากต่อมาก็พยักหน้าเหมือนจะบอกว่า 'เข้าใจแล้วค่ะ' แต่ก่อนที่เด็กน้อยไฮบริดจะได้เคลื่อนไหวทำอะไร เธอทั้งคู่ก็ถูกมือล่องหนที่ไหนไม่รู้มาลากแขนกระชากให้ลอยตามไปอย่างบังคับ
แต่สักพักเธอกลับรู้สึกว่าตัวเองลอยหวือขึ้นจากพื้น ถูกแบกขึ้นบ่าใครบางคนที่แข็งแรงเหลือเกิน บางคนที่เธอคุ้นชินกับกลิ่นกาย หล่อนไม่ใช่เจ้าบ้าแวมไพร์ที่เคยจับเธอแบกอยู่บ่อยๆ แต่เป็น...
"ฟลอเรน.!?" เจ็นนี่ร้องเรียกพี่สาว พยายามเหลียวมามองว่าใช่หล่อนหรือไม่ และดวงตาสีม่วงครามที่ขยิบให้พร้อมรอยยิ้มขี้เล่นก็คลายความสงสัยให้อย่างหมดจด ไหนจะคนที่วิ่งอยู่ข้างๆ
แคทเทอรีนอุ้มคาริน่านำหน้าพวกเธอไปแล้ว.!
"พี่มาที่นี่ได้ยังไง" ถามขึ้นเมื่อพวกเราออกห่างจากสิ่งปลูกสร้างคล้ายกระท่อมมาไกลมากแล้ว เธอไม่รู้หรอกว่าฟลอเรนพาเธอออกมาได้ยังไงไวนัก ยกเครดิตให้ความเป็นฮันเตอร์ของพี่สาวแล้วกัน
รวมถึงที่กระโดดขึ้นจากหลุมกลางกระท่อมนั่นขึ้นมาได้ราวกับหายตัวด้วยน่ะเหรอ พระเจ้า.!
"เอาไว้คุยกันที่บ้านเจ็น เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะทีเดียว"
คำของพี่สาวฟังแล้วเสียวสันหลังแปลกๆ แต่คาริน่าที่โดนทิ้งลงให้ยืนกับพื้นดินเองก็เรียกความสนใจเธอให้ไปมอง "เฮ้.. เป็นไงบ้าง"
"สบายดี.. แคทเทอรีนอ่อนโยนกว่าที่เจ็นคิดนะ" คาริน่าหยอก อีกคนกลอกตากลางอากาศ เด็กน้อยหัวเราะในลำคอ "เจ็นว่าพวกเขาจะทำอะไรกันต่อ จะเผาที่นี่ไหม.?"
"เผาเหรอ.?" เจ็นนี่ย้อนตาโต ชักหวั่นใจอะไรขึ้นมาตงิดๆ "เฮ้.. งั้นเดี๋ยวมา" อยากรู้เธอต้องถาม สักพักก็มาสะกิดหลังพี่สาวที่กำลังยืนเล็งอะไรอยู่ ซึ่งก็คงไม่พ้นพวกคนชุดดำถือปืนที่กำลังเข้ามาใกล้พวกเรา
"ฟลอเรน.. จะเอาไงต่อ" ฟลอเรนไม่ตอบ กลับมองไปที่แวมไพร์สาวข้างๆ "พี่ไว้ใจหล่อนได้ไง.?"
"เฮ้.. ถ้าเธอไม่รู้นะสาวน้อย ฉันเป็นคนช่วยเธอ" แคทเทอรีนชี้ และพูดต่อก่อนที่เจ็นนี่จะได้เถียง เพียงแต่หันไปพูดกับฟลอเรนแทน "เธอควรทำลายที่นี่ซะ ถ้าอยากจะตัดไฟแต่ต้นลม"
"แล้วคนในนั้นล่ะ พนักงานที่ไม่รู้อิโหน่เหน่" ฟลอเรนแย้ง แวมไพร์สาวสั่นหัวราวเบื่อหน่ายความเมตตาของเธอเต็มที "เฮ้.. ฉันแค่ไม่อยากมีปัญหากับทางการ พวกเขาอาจเป็นโปรเจ็คลับอะไรสักอย่างของรัฐบาลก็ได้"
"เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว ใครจะมีทุนมหาศาลมาสร้างแล็ปใต้ดินอย่างนี้ นอกจากพวกมนุษย์งี่เง่าบ้าอำนาจ" แคทเทอรีนกลอกตาระหว่างที่คนฟังสั่นหัวเซ็ง "โอ้..หรือจะมีมหาเศรษฐีเพี้ยนเป็นเบื้องหลัง"
"เธอหมายถึงเป็นสปอนเซอร์ให้งานวิจัย.?"
"ใช่.. แบบนั้นแหละ"
"แล้วยังไง เธอยังคิดจะเผาที่นี่ให้วอดอีกไหม.?" ฮันเตอร์สาวถาม แต่ก่อนที่คู่หูแวมไพร์จะได้ตอบ หล่อนกลับถูกบางอย่างดึงความสนใจไปจังหวะเดียวกันกับที่เจ็นนี่พูดขึ้น
"มีคนมา เพียบเลย.!" เด็กสาวชี้มือไปที่รถ ATV และรถจี๊บหลายคันที่มาจอดใกล้กระท่อม และนั่นก็เพียงพอให้ฟลอเรนตัดสินใจ
"เรากลับกันก่อนดีกว่า แล้วค่อยหาทางกลับมาเคลียร์ที่นี่"
"ไม่จำเป็น" แคทเทอรีนโพล่งขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม เรียกความสนใจทุกสายตาให้หันไปมอง แวมไพร์สาวโชว์สิ่งที่คล้ายรีโมทคอนโทรลในมือขึ้นมาและกดปุ่มแดง จากนั้นกระท่อมทั้งหลังก็ระเบิดตูม หากแรงระเบิดก็ไม่ถึงกับทำลายบรรดายานพาหนะที่จอดอยู่ใกล้เคียงหรือคร่าชีวิตพวกที่เพิ่งมาถึง แต่ก็ทำให้พวกเขาตกใจจนต้องหาที่หลบภัย ไหนจะพวกที่อยู่ใต้ดิน...
"แคท.!" ฟลอเรนเรียกชื่อหล่อนอย่างตกใจ "เธอฆ่าคนบริสุทธิ์ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่า---"
"โอ้.. ก่อนจะด่าฉันเต็มปากขนาดนั้น ช่วยดูอะไรนั่นก่อน"
มองตามดวงตาสีเทาแสนเจ้าเล่ห์ของแวมไพร์สาวเจ้าของคลังอาวุธไป ฮันเตอร์สาวหรี่ตาขมวดคิ้วอย่างไม่เชื่อเมื่อเห็นว่า ผู้คนในชุดคุ้นตากำลังค่อยๆ เดินตามกันออกไปตรงป่าด้านหลังกระท่อมที่กำลังวอดวาย
"ท่าทางจะสั่งอพยพคนตั้งแต่สัญญาณเตือนภัยผู้บุกรุกดัง"
"งั้นเราก็กลับกันได้แล้วสิ" เจ็นนี่โพล่ง ตกใจที่ทุกคนมองเธอด้วยสายตาประหลาดแม้กระทั่งคาริน่า "อะไรล่ะ เราจะอยู่รอเก็บซากกระท่อมเหรอ"
"โอเคๆ กลับก็กลับ เธอยังติดค้างพี่อยู่หลายอย่างเจ็น" ฟลอเรนเข้ามาคล้องแขนน้องสาว รั้งให้เดินไปด้วยกัน
เจ็นนี่กำลังจะแย้งว่าอยากเดินไปกับอีกคนมากกว่า แต่คาริน่าก็เดินเคียงมากับเธอแล้ว ไม่มีข้ออ้างอะไรอีก ส่วนแคทเทอรีนไม่ต้องพูดถึง หล่อนเดินทอดน่องสบายใจอยู่ข้างหน้า หากภายใต้ท่าทางไม่อนาทรร้อนใจอะไรนั่น หล่อนยังหันมาสบตาฟลอเรนเป็นระยะ และฮันเตอร์สาวก็รู้ความหมายของมัน
พวกเราคงไม่ได้เดินอยู่กันแถวนี้แค่สี่คน...
............................................
ครึ่งตอนที่เหลือจากวันก่อนค่ะ
ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ที่ไม่มาต่อเมื่อวานนี้ คนเขียนติดดูเมะอยู่ค่ะ ฮ่าๆๆๆ
เอาน่าๆ ไหนๆ วันนี้ก็มาแล้ว อ่านต่อกันเลยแล้วกัน แต่ท่อนนี้ไม่มีฉากแบบท่อนที่แล้วนะคะ อิอิ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ
|
Rating: This article has not been rated yet.
|
|
ความคิดเห็น
|