web stats

ข่าว

 


'Love Seeds' 2 [One night stand, Runaway Bride & Gourmet]- Ch.23 : No Label

โพสต์โดย: anhann วันที่: 10 มิถุนายน 2015 เวลา 18:31:14 อ่าน: 427





นิยายเรื่องนี้เปิดให้จองแล้วตั้งแต่วันนี้ สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  http://www.yuriread.com/index.php?topic=1364.msg2044#msg2044




Ch.23 : No Label       





ฮัลโล.. ส่งรูปพี่เอฟมาทักทาย ถึงวันนี้จะไม่มีบทออก อิอิ






'ไง..  หน้าบูดเชียว..' 

เสียงทักจากลำโพงคอมพิวเตอร์พาให้เธอต้องฝืนยิ้มให้คนทักทาย  อยู่ไกลตั้งขนาดนั้น  เรียนก็ยุ่ง  กิจกรรมก็เยอะยังอุตส่าห์โผล่มาทักทายเธอได้ทุกวัน  หรือแทบจะออนตอบมาตลอดเวลาที่เธอทักไป  ไม่หวั่นเวลาที่ต่างกันระหว่างที่ที่เราอยู่

"เหนื่อยน่ะ  วันนี้คัดตัวลีดใหม่"  ลิทซ์บอก  ทำหน้าอ้อนปากบิดจนอีกคนหัวเราะกลับมา  "หัวเราะเยาะหรือไง.. แล้วเธอเป็นไงบ้าง  เตะใครขาหักไปกี่คน"

'บ้าน่า.. เล่นกีฬาเค้าไม่ได้เตะกันจริงสักหน่อย'  แอนเดรียบอกยิ้มๆ เรียกรอยยิ้มจากคู่สนทนากันได้อีกหน่อย  'เหนื่อยทำไมไม่นอนพักล่ะ  มานั่งทำอะไรอยู่'

"อยากคุยน่ะสิ  จะทำไม..  หรือเธอไม่อยาก"  ตอบเสียงไม่พอใจ  แต่ที่จริงแอบกัดกระพุ้งแก้มตัวเอง  ทำโทษที่ปากไวไปอีกแล้ว  หากอีกคนคงไม่คิดอะไร  ยิ้มแป้นจนรอยลักยิ้มที่แก้มปรากฏชัด  น่ารักชะมัดเลย

"พี่เธอไปไหนซะล่ะ.?" คนที่อยู่อีกฝั่งทำท่าหันมองหาใครบางคนที่คงไม่พ้นคนที่เธอถามถึงอยู่  "เฮ้.. ไม่ต้องตามมานะ  ไม่อยากคุย"

'สายไปแล้วย่ะ' 

ลิทซ์กลอกตาเซ็ง  คราวนี้เห็นแฝดทั้งสองคนเต็มหน้าจอ  แต่คนน้องที่เธออยากคุยด้วยกลับขอตัวไปหาของว่างก่อน  ปล่อยให้เธออยู่กับคนพี่ที่อยากจะปิดกล้องหนีไปเสียเลยถ้าไม่โดนดักคอก่อน

'อย่าแม้แต่จะคิดเลยนะ  ฉันอนุญาตให้คุยกันก็ดีเท่าไหร่แล้ว'

เจ้าของตาสีเทาหรี่ตาไม่พอใจ  ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะทนให้ใครมาพูดแบบนี้กับตัวเองได้  เธอไม่เคยต้องยอม  ไม่เคยต้องทน  แต่ทำไม...

'ขอบใจที่ดูแลแคลร์อย่างดี'

นี่ละมั้ง  คำตอบของคำถามที่เธอเฝ้าถามตัวเองอยู่  คำขอบคุณจากคนที่ร้อยวันพันปีแทบจะไม่อยากมองหน้ากัน  และมันก็น่าตลกเหลือเกินที่เราเหมือนจำเป็นต้องเดินมาชนกันทุกที  โลกมันกลมเกินไปหรือเปล่า.?

"เจ้านั่นเล่าให้ฟังแล้ว.?"  แกล้งถามให้อีกคนพยักหน้ารับ  ทำย่นคิ้วใส่เค้าอย่างได้ที  "งั้นฝากอบรมอีกหน่อยแล้วกัน  ฉันไม่ใช่แม่เค้า  อย่ามาอ้อนให้มากนัก"

'ไม่ใช่แม่เหรอ..  แต่เค้ากินนมเธอแล้วนะ'  อมีเลียแกล้งคืนบ้าง  แต่เค้าดูจะเล่นหนักไปนิดนะ  แล้วยังมีหน้ามาหัวเราะเยาะอีก

"เฮ้.. พูดแบบนี้จะหาเรื่องกันหรือไง.!"

'ใครว่า.. ฉันพูดเรื่องจริงต่างหาก  เธอเป็นอะไรกับเค้ามากกว่าฉันอีก  ดูแลเค้าแทนให้แค่นี้ทำให้ไม่ได้หรือไงคะ  แม่ทูนหัว..'  คนโดนเรียก 'แม่ทูนหัว' กลอกตา  ส่ายหน้าไม่ยอมรับ  'เอาน่า.. ฉันไว้ใจเธอนะลิทซ์'

"ถ้าเธอรู้ว่าฉันอยากจะทำอะไรเค้าทุกวัน  เธอจะไม่พูดอย่างนี้เลย"  ลิทซ์พึมพำใต้ลมหายใจ  หากคนที่อยู่คนละที่กลับสามารถอ่านปากเธอออก

'อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำ  ก็ถือว่าเธอผ่านการทดสอบแล้วล่ะ'

ตาสีเทามองคนพูดอย่างไม่เข้าใจ  หากอมีเลียกลับแค่ยิ้มและลุกไป  ให้แอนเดรียเข้ามานั่งหน้ากล้องแทน  แฝดน้องยิ้มเหมือนรู้ทุกอย่าง  คงยืนฟังอยู่ล่ะสิ

"พี่เธอเพี้ยนอะไรอีกเนี่ย.?"

'อมีเลียไม่เพี้ยนก็ไม่ใช่อมีเลียสิ'  แอนเดรียบอกปนหัวเราะ  'เอาน่า..  อย่าคิดมากเลย  เล่าให้ฉันฟังดีกว่า  วันนี้คัดตัวลีดเป็นไง  สนุกไหม.?'

ลิทซ์ส่ายหัวยิ้มอย่างอดไม่ได้  เธอสบายใจทุกครั้งที่ได้คุยกับคนคนนี้  แอนเดรียไม่เคยทำให้รู้สึกอึดอัด  รอยยิ้มจริงใจจนเห็นลักยิ้มที่แก้ม  ช่วยไล่ความไม่สบายใจทั้งหลายแล่ไปจากใจเธอได้อย่างน่าประหลาด  แม้จะคิดว่าเค้าดีเกินไปสำหรับคนอย่างเธอ  แต่เธอกลับไม่กล้าพอที่จะถอยหนีไป

หมดจากคนนี้แล้ว  เธออาจไม่ได้เจอใครแบบนี้อีก...

"จะให้แต่ฉันเล่าได้ไง.. เธอเล่าบ้างสิ  ฉันอยากฟัง.."  ยกหมอนมาวางบนตัก  เท้าศอกเท้าคางตั้งท่าอย่างดีรอคนไกลเอ่ยปากเล่าเรื่องของเค้าบ้าง 

แอนเดรียแกล้งกลอกตาให้  หากสุดท้ายก็ยอมเล่าเรื่องราวของเค้าที่สวิสให้เธอฟัง  และเธอก็เล่าเรื่องของเธอเป็นการตอบแทน  มันก็คล้ายทุกวันตั้งแต่ที่เค้ากลับไป  เราคุยกันบ่อยทั้งแบบเห็นหน้าและไม่เห็นหน้า  เรายังไม่ได้ให้คำจำกัดความว่าเราเป็นอะไรกัน 

ความสัมพันธ์ของเรายังไม่มีฉลากระบุชัดแจ้ง...

แต่บอกเลยว่า.. ตอนนี้เธอไม่รู้สึกว่าอยู่คนเดียวในโลกอีกต่อไปแล้ว..

........................................................

"นี่เธอ.. ฟังที่ฉันพูดบ้างรึเปล่า.?" 

ตาสีฟ้ากะพริบตกใจ  ไม่ใช่เพราะแค่เสียงคำถามแต่เป็นเพราะเสียงตบโต๊ะดังปังจากคนด้านหน้าที่ขมวดคิ้วใส่เธออย่างหงุดหงิด 

"ถ้าไม่ฟัง..  ฉันจะได้เลิกสอน  เสียเวลา" 

"เฮ้.. ไม่เอาน่า.. นั่งลงๆ" อิซซาเบลดึงแขนอีกคนไว้  ตาสีเทาตวัดค้อนเธอขวับ  สะบัดแขนออกจากมือเธอเหมือนรังเกียจแต่ก็นั่งลงกับเบาะบนพื้นตามเดิม  ลอบยิ้มถูกใจแต่พอถูกมองอีกก็แกล้งเฉไฉไปมองที่อื่น  จากนั้นเสียงบ่นพึมพำก็ดังมาให้ได้ยิน

"เหมือนกันหมดจริงๆ  ฉันต้องใช้หนี้ให้พวกเธอหรือไง.?"

"บ่นจังนะ  แค่ให้สอนการบ้านแค่นี้  ทีแคลร์ยังสอนได้  ทำไมกับฉันถึงสอนไม่ได้  เลือกปฏิบัติเหรอ.?"

ลิทซ์กลอกตาเบื่อหน่าย  หากกลับลงมือขีดเขียนแก้สมการเลขให้เธอดูเป็นตัวอย่างบนสมุด  น้ำเสียงเอาแต่ใจเอ่ยอธิบายเป็นฉากๆ ทำให้เธอทึ่งได้ไม่หยุดหย่อน  ตอนที่เห็นหล่อนสอนแคลร์ว่าน่ามองแล้ว  ตอนอยู่ใกล้อย่างนี้  ยิ่งน่าชื่นชม  ผู้หญิงสวยขึ้นเมื่อหล่อนแสดงความเก่งกาจอย่างถูกต้องออกมา

"อิซซาเบล.." 

เสียงเรียกชื่อพาดวงตาเธอกะพริบอีกครั้ง  เห็นแววความไม่พอใจชัดขึ้นในดวงตาของผู้สอน  "ถ้าเธอยังไม่สนใจทำ  ฉันจะกลับบ้านแล้วนะ  รอเอฟมาสอนแล้วกัน"

"กลัวที่จะต้องอยู่กับฉันสองคนหรือไง.?" อิซซาเบลลองเชิง  อีกคนมองกลับมาด้วยสายตาหลากอารมณ์  แต่เธอสนใจแค่ความลังเลในนั้น  "เธอเก่งนะ  ทำให้อมีเลียไว้ใจได้ด้วย..  โอ้.. เธอเป็นว่าที่น้องสะใภ้เค้านี่นา.."

"ฉันจะเป็นอะไรกับใคร  เธอเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ  ถึงเธอจะพูดในฐานะเพื่อนก็เถอะ  ไม่คิดว่าก้าวก่ายชีวิตฉันมากไปหรือไง.?"  ลิทซ์โต้อย่างหัวเสีย  รู้สึกว่าคิดผิดอย่างมหันต์ที่ยอมทำตามคำขอของคนคนนี้  ที่จริงตอนนี้เธอควรจะได้กลับบ้านไปเตรียมตัวคุยกับคนที่สวิตเซอร์แลนด์แล้ว  เธอสอนการบ้านให้แคลร์ตามที่อมีเลียวานให้ทำแล้วเรียบร้อย 

แต่มันเพราะเธอใจอ่อน...

อ่อนแอทุกทีที่ถูกดวงตาคู่นี้มอง...

"ลิทซ์..."

"เธอรู้ไหม..  เธอกำลังทำร้ายฉันอยู่"  พูดออกมาในที่สุด  อีกคนหยุดมองเธออย่างตกใจ  ตาสีเทามองสีฟ้าแล้วส่ายหัวให้  อิซซาเบลเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ  "ฉันเคยบอกเธอแล้วอิซซี่..  อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำอีกได้ไหม.?"

คนฟังอ้าปากจะเอ่ยถาม  หากคำพูดทุกคำก็กลับหายเข้าไปในลำคอจนหมด  ตกใจกับความนุ่มนิ่มของริมฝีปากที่เข้ามาสัมผัสกันอย่างตั้งใจ  และนึกเสียดายที่มันถอนออกไปเร็วเกินกว่าที่เธอจะได้ตอบสนอง

ตาสองสีมองกันนิ่งๆ อยู่ไม่เกินสองนาที  อาคันตุกะตาสีเทาที่ควบตำแหน่งติวเตอร์ด้วยวันนี้ก็รีบรวบเก็บสัมภาระและเดินจากไปจากเรือนริมสระแห่งนี้ทันที  รีบร้อนและไม่มองกลับมาหลังมา

อิซซาเบลนั่งนิ่ง  พยายามคิดแปลความหมายคำพูดของคนที่จากไปแล้ว  มือยกขึ้นตบหน้าผากตัวเองดังแปะก่อนจะกระแทกมันลงกับโต๊ะญี่ปุ่นตรงหน้าอีกสองสามที  เผื่อสมองเธอจะจำได้สักทีว่าควรหรือไม่ควรทำอะไร

เมื่อไหร่จะเลิกเอาแต่ใจตัวเองนะ..

...........................................

"อิซซี่.. วันนี้ติดรถมัมไปนะคะ" 

สาวน้อยเงยหน้ามองเจ้าของเสียงที่เปลี่ยนไปจิบกาแฟสบายใจราวไม่ใส่ใจว่าเธอกำลังงง  เหลือบตาไปมองอีกคนบนโต๊ะอาหาร  หม่ามี๊ของเธอก็เอาแต่ยิ้มใจดีก่อนจะหันไปเอาใจหั่นขนมปังในจานให้หุ้นส่วนชีวิตของเค้า

เฮอะ.. เอาใจกันอย่างกับยังสาวๆ กันอยู่แน่ะ  น่าหมั่นไส้.!

"โอ้.. แคลร์ด้วยนะ  พี่สาวเราบอกแล้วใช่ไหม.?"

"ค่ะ บอกตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว"  แคลร์ตอบผู้ใหญ่ผมทองอย่างสุภาพ  ผิดกับเวลาที่มากระซิบกระซาบใส่หูคนอายุไล่เลี่ยกัน  "เอฟรีบไปทำงานแทนรุจไง.. ฉันได้ยินเค้าบอกเธอแล้วนะ  ทำมึนไปได้"

"เออ.. ก็ลืมบ้างสิ  สมองฉันไม่ได้จำเรื่องเดียวนะ"

"หึ.. อย่างเธอมีอะไรให้จำ..  จำได้หรือเปล่าเถอะว่า  ลิทซ์ไปแล้ว.."

อิซซาเบลมองหน้าคนพูดอย่างตกใจ  หากแคลร์กลับยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้  ไม่คิดว่าควรตอบคำถามให้เธอ  "ไปไหน..  ยัยนั่นไปไหนได้ไง  ยังเรียนไม่จบ"

"ใครบอก.. เค้าสอบพาสชั้นได้  วันนี้ไปดูมหา'ลัยที่แคลิฟอร์เนียกับรุจ  รุจพาไป  อ้อ.. รู้สึกว่าอลิซจะมาด้วยล่ะ  น่ากลัวชะมัดเลย"  แคลร์เล่าไปเรื่อยพลางทำท่าขนลุกเมื่อนึกถึงหน้าคุณป้าญาติห่างๆ คนนั้น 

"แม่เลี้ยงลิทซ์  คนที่ชื่อเหมือนกันน่ะเหรอ.?"

"โอ้.. จำได้เหมือนกันนี่.. นึกว่าจะจำได้แค่บราเอฟไซส์อะไร"

"เฮ้.!"

"โอ้.. เด็กๆ คะ  รีบทานกันหน่อยนะ  หรืออยากให้คนรถไปส่งแทน"  ราเชลแทรกขึ้นมาอย่างทันการณ์  เพราะนั่งมองสองสาวน้อยคุยกันไปเถียงกันไปมาสักพักแล้ว  พอไม่มีเอเวอร์ลี่เป็นกรรมการให้  บนโต๊ะอาหารก็แทบจะกลายเป็นสมรภูมิรบทุกที 

"มัมคะ  เมื่อไหร่จะให้หนูขับรถไปเองสักทีล่ะ  เพื่อนๆ เค้าขับกันไปแล้วนะคะ"  อิซซาเบลเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว  ที่หางตาเห็นเจ้าโย่งเบะปากให้อย่างหมั่นไส้  ถ้าไม่เกรงใจแม่ๆ จะเอาส้อมจิ้มหน้ามันแล้วเชียว  จะกระทืบเท้าไป  ก็กลัวจะไปโดนข้างที่ยังไม่หายดีของมัน  กลายเป็นทำผิดซ้ำสองไปอีก

"เมื่อหนูอายุสิบห้า  สอบใบขับขี่  และทำเกรดที่มัมกับหม่ามี๊พอใจได้ก่อนค่ะ"  แอนนาเบลล์เป็นฝ่ายตอบให้แทนอีกคนที่ผายมือปัดหน้าที่มาให้  เป็นไปตามคาด  ลูกสาวตัวแสบส่ายหัวเซ็งทันใด 

"งั้นหนูให้เอฟหัดให้ได้ไหมคะ  ยังไม่ต้องซื้อรถก็ได้"

"เรื่องนั้น  ยังไม่จำเป็นต้องรีบใช่ไหมคะลูกขา.."  ราเชลล้อเลียนลูกอย่างนึกสนุก  จึงถูกคนข้างๆ หยิกไหล่เข้าให้  ให้ท้ายกันตลอดแม่ลูกคู่นี้

"อิซซี่.. หนูทำให้มัมโดนหม่ามี๊หยิกทุกวันเลยนะ  เห็นไหม.?"

"หนูไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย  มัมนั่นแหละ ชอบหาเรื่องเอง"  อิซซาเบลหัวเราะคิกอย่างสะใจ  รีบหยิบขนมปังมาคาบและพยักหน้าชักชวนอีกคนให้ลุกออกไปด้วยกัน  แคลร์ที่มัวแต่สนใจกินอยู่ลุกขึ้นตามทั้งงงๆ คว้าเป้ขึ้นบ่า  ผงกหัวขอตัวกับผู้ใหญ่ทั้งคู่  กระโผลกกระเผลกตามคนชวนไป  แต่ยังตามไปแย่งขนมปังที่อีกฝ่ายคาบอยู่เอามากินจนได้ถึงโดนทุบแถมมาด้วยก็ยังเอา

คุณแม่ยังสาวทั้งสองมองตามหลังเด็กๆ ไปด้วยรอยยิ้มขบขัน  และอยู่ๆ คนที่ไม่เคยพูดวิจารณ์เรื่องนี้ให้ได้ยินเลยก็เอ่ยขึ้นมา

"เหมือนเราตอนอยู่ด้วยกันใหม่ๆ เลยค่ะ"

ราเชลอมยิ้ม  ไม่ได้พูดอะไรแต่แววตาบอกว่าเห็นด้วยเป็นอย่างมาก  พอถูกมองหน้าอย่างขอความเห็น  เธอกลับทำไม่รู้ไม่ชี้  ยกนิ้วขึ้นปาดคราบหนวดนมเหนือริมฝีปากคุณภรรยาที่รักที่มองกลับมาอย่างเขิน  ยิ่งตอนที่เธอเอานิ้วนั้นมาอมเช็ดนมออก  แอนนาเบลล์ยิ่งหน้าแดงแปร๊ด  ตบแก้มเธอเบาๆ

"ทะลึ่ง  ห้ามทำแบบนี้ต่อหน้าลูกนะ"  ขู่เธอไปอย่างนั้น  พอขยับใบหน้าเข้าใกล้กันก็แทบจะงับปากเธอด้วยริมฝีปากน่ารักนั่น 

"อื้มม.. พอแล้วค่ะ  เดี๋ยวลูกรอ.."  คนตัวเล็กกว่าพยายามผละออกมา  หากกลับยอมถูกจูบเล็กๆ ไล่เบียดริมฝีปากต่ออีกสักพักก่อนจะผลักคนขี้เล่นให้ห่างออกไป  แกล้งหรี่ตาขู่หล่อน  "แล้วเจอกันค่ะที่รัก  ขับรถดีๆ นะ"

"เช่นกันค่ะ  รักเธอนะ"  ราเชลลุกขึ้นจากเก้าอี้  เก็บสัมภาระ สะพายกระเป๋าขึ้นไหล่  ก้มลงจูบหน้าผากคนตัวเล็กกว่าอีกครั้งสั่งลาและออกจากบ้านไปด้วยรอยยิ้ม  แอนนาเบลล์โบกมือตามหลังยิ้มกว้างกว่า  ก่อนจะหันมากลอกตาให้กับบรรดาจานชาม  ถ้วยแก้วที่เกลื่อนบนโต๊ะอาหารนอนรอให้เธอจัดการมัน

.............................................

"ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยสิ"  รุจิกานต์สะกิดหลานสาววัยรุ่นที่หน้ามุ่ยมาตลอดทางระหว่างที่นั่งรถจากสนามบินมาจนถึงบ้าน  เธอรู้ว่าหลานยังเกร็งที่จะเจอกับแม่เลี้ยงที่ก็คือญาติผู้พี่ของเธอเอง 

แม่แท้ๆ ของลิทซ์ติดธุระอยู่ที่ประเทศจีนในบริษัทสาขาที่นั่นจึงมอบหมายเรื่องการจัดการการเรียนของลูกให้พี่สาวของเธอทำแทนให้   แต่มีหรือว่าเรื่องนี้จะพ้นเธอไปได้  สองอลิซาเบธไม่ใช่ประเภทที่จะกระโดดกอดกันอย่างดีใจทันทีที่เจอหน้า  ทั้งคู่แทบจะฟาดฟันกันทางสายตาด้วยซ้ำไป  ถ้าเธอไม่มาปรากฏตัวเป็นคนกลางให้  ไม่มีทางเลยที่หลานจะยอมมาที่นี่

"ทำไมฉันจะต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ  ฉันไม่ได้ดีใจที่ต้องมาที่นี่เหมือนรุจนี่นา"  ลิทซ์ปั้นปึ่ง  ปัดมือที่พยายามลูบหัวปลอบใจออก  เจ้าของมือถอนใจเหนื่อยหน่ายขณะที่เธอกลอกตา  "ฉันเรียนโคลัมเบียเหมือนเอฟไม่ได้หรือไง  เกรดฉันถึงนะ  และฉันก็มีเวลาสอบอยู่ด้วย"

"โอ้..สาบานเลยค่ะคุณหลาน  น้ารู้เรื่องนั้นดี  แต่คุณแม่อลิซของเราไม่ยอม  และนั่นคือประเด็นสำคัญ"  คนเป็นน้าชี้แจงจริงจังหากก็ไม่สามารถจะเมินเฉยต่อใบหน้าหดหู่ของหลานสาวที่เลี้ยงมาเหมือนลูกคนนี้ได้

"ลิทซ์.. แม่เราเค้าก็แค่อยากจะดูแลเราเองบ้าง.."

"มันสายไปแล้วมั้งคะ"  ลิทซ์เงยหน้าสบตากับคุณน้าที่รักและเกรงใจที่สุดในชีวิต  รุจิกานต์ดึงเธอเข้าไปกอด  ลูบหลังและศีรษะปลอบใจ  จูบลงบนหัวเธอแผ่วเบา  พาให้เธอต้องกอดตอบเค้าแน่น 

"ฉันอยากอยู่กับรุจมากกว่า"

"เดี๋ยวน้าก็กลับมา  แค่รอหน่อยเท่านั้นเอง" 

เด็กสาวยังซุกหน้าอยู่กับบ่าคนอายุมากกว่าจนกระทั่งได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ "ที่เรางอแงแบบนี้  เพราะไม่รู้หรือเปล่าว่าฝาแฝดจะมาอยู่ที่นี่ด้วย  และอาจได้เรียนยูเดียวกับเรา"

ลิทซ์งัดหัวขึ้นมามองหน้าน้าสาวทันใด  ใช้สายตาถามว่านั่นเรื่องจริงหรือ  พอคุณน้ายิ้มขยิบตาให้  ใบหน้าที่ไร้ความสุขกลับเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนจนคนมองเห็นต้องเอ่ยแซว "โอ้..เด็กสมัยนี้.. เปิดเผยกันเกินไปหน่อยไหมคะ.?"

"ไม่ต้องพูดมากเลยรุจ"  สาวน้อยย่นจมูกใส่คุณน้าที่รัก  จากนั้นก็ชี้หน้าเค้าเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้  "นี่ใครพูดอะไรให้รุจฟังเนี่ย  เอฟอีกแล้วสิ.!"

รุจิกานต์แค่ยิ้มไม่ตอบอะไร  ผละออกไปขอตัวโทรเช็กเรื่องอื่นๆ ปล่อยให้หลานสาวอย่างเธอนั่งหน้าตึงต่อไปลำพัง  แต่ไม่นานนักหรอก  เสียงข้อความมือถือของเธอก็เรียกความสนใจไป  ตาสีเทามองไอดีที่ปรากฏที่หน้าจออย่างสงสัย  ที่สุดก็กลอกตาเซ็ง  ไอ้เด็กอิซซาเบลส่งข้อความมาด่าเธอเฉยเลย  เธอจะทำอะไรอยู่ที่ไหน  ต้องรายงานมันด้วยหรือไง.?

...........................................

เจอร์ซี่ลอบมองคนตรงหน้ามาได้ระยะหนึ่งแล้ว  อิซซาเบลนัดเธอกับแคลร์มาอ่านหนังสือทำการบ้านรอพี่เอเวอร์ลี่ของพวกเราที่ล็อบบี้ของโรงแรมซึ่งบ้านของพวกเราเป็นหุ้นส่วนอยู่และพี่เค้าทำงานอยู่  แต่คงจะมีแค่เธอกับเจ้ายักษ์ที่สนใจหนังสือกับการบ้าน  คนชวนพวกเธอมากลับเอาแต่สนใจมือถือในมือ  ไม่ปล่อยให้มันห่างแม้สักวินาที  ไม่รู้อะไรกับมันนักหนา

"Love Sick"

สาวน้อยร่างเล็กกะพริบตา  เหลือบมองเจ้าของเสียงที่เบ้ปากใส่เธออย่างทุกครั้งที่เค้ารำคาญใจอะไรสักอย่าง  "เธอพูดอะไรแคลร์.?"  เจอร์ซี่ขยับเข้าไปกระซิบถาม  คนตัวโตกว่าย่นจมูกก่อนบุ้ยปากไปทางอีกคนที่ยังยุ่งอยู่กับมือถือเหมือนเดิม  "จะ Sick กับใครอีกล่ะ  ก็เอฟทำงานอยู่.." 

แคลร์สั่นหัวให้พี่สาวร่างเล็ก  ไม่อยากจะพูดแต่มันคันปากยิบๆ แถมหมั่นไส้อีกต่างหากตั้งแต่เช้าแล้ว  "ฉันไม่อยากพูดเลยเจอร์.. เธอก็น่าจะรู้นะว่าใคร  มีไม่กี่คนหรอก"

สาวน้อยตาสีมะกอกทำตาโต  มองเด็กตัวโตข้างๆ สลับกับอีกคนข้างหน้า  แล้วกลับมาจ้องคนข้างๆ เป็นที่สุดท้าย  "ดราม่า.. ดราม่าแน่ๆ"

"ไม่หรอกเจอร์.. ฉันมีวิธี"  เจอร์ซี่ไม่แน่ใจว่าเธอได้ยินถูกไหม  แต่มันก็ทำให้เธอเครียดน้อยลงได้บ้าง  เธอเป็นหน่วยกองกำลังสันติภาพที่ไม่อยากเห็นคนผิดใจกัน  คงอย่างที่เจสซี่ว่าไว้  จะว่าไปก็คิดถึงยัยนั่น...

"ว่าแต่เธอเถอะ  ได้คุยกับเจสซี่บ้างรึเปล่า.?"  แคลร์ถามเหมือนเข้ามานั่งในใจ  คนถูกถามสั่นหัวหน้าสลดลง  "คงยุ่งกับโรงเรียนมั้ง.. ฝาแฝดก็กำลังเครียดเลยล่ะ"

"อืมม.. ฉันก็ว่างั้น..."

"โอ้ย.. ฉันจะย้ายไปอยู่แอลเอ.!"  อิซซาเบลโพล่งขึ้นมากะทันหัน  สองคนที่กำลังคุยกันอยู่สะดุ้งตกใจ  "อะไร.. ฉันไม่ได้พูดกับพวกเธอ"  พูดต่ออย่างไม่ใส่ใจ  หากพอรู้สึกตัวว่าถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ ก็ลดมือถือลงจากสายตา  มองหน้าพวกเขาแทน

"ทำไม.. ฉันทำอะไรผิดอีกล่ะ"

"นี่เธอยังไม่รู้ตัว.?"  เจอร์ซี่อดจะแขวะไม่ได้  มองแคลร์อย่างขัดใจที่เค้าเขม่นตาห้าม  "ฉันทนไม่ได้แคลร์.."  เธอบอกและสั่นหัวปลงเมื่ออีกคนยังคงส่งสายตาขอร้องมา  "โอเค.. ฉันไปเดินเล่นก่อนดีกว่า  แล้วจะกลับมา"

ตาสีฟ้ามองอย่างไม่เข้าใจตามหลังร่างเล็กที่เดินไปในโรงแรมอย่างไม่สนใจทิศทาง  เหลือบตามองคนที่เหลือ  เชื่อว่าเค้าต้องรู้เรื่องแน่นอน  "ฉันคงไม่ต้องถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น.?"

แคลร์กลอกตากลางอากาศ  ไม่ชอบสถานการณ์อย่างนี้เลย  "เจอร์ก็แค่ไม่ชอบคนเจ้าชู้  แบบจับปลาสองมือ  อะไรแบบนั้นแหละ  แต่เธอคงไม่ต้องห่วงหรอก  เธอไม่ได้เป็นนี่  ถ้าฉันก็ว่าไปอย่าง.." 

หย่อนระเบิดลูกเล็กๆ ลงไปอย่างชาญฉลาด  คนฟังถึงกับนั่งอึ้งหน้าซีดเผือด  อิซซาเบลวางมือถือลงจนได้และหันไปสนใจหนังสือแทน  แคลร์มองเค้าและสั่นหัวเบาๆ ไม่แน่ใจว่าควรสงสารใครดี

แต่พี่สาวเธอต้องมาที่หนึ่งสิ.!


.......................................................................



พี่เอฟอีกสักรูป  ส่งท้ายจ้า..  :02:


วันนี้ปิดจองแล้วนะเออ  แล้วเจอกันภาคสามนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ  :44:

ป.ลิง  จองได้ถึงเที่ยงคืนวันนี้ค่ะ  ถ้ายังไม่พร้อมโอนหรืออย่างไร  ส่งข้อความมาคุยกันหลังไมค์ได้นะคะ  :21:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

15 มิถุนายน 2015 เวลา 19:28:53
ebook ออกเมื่อไหร่ค, ให้รอนานไปใจจะขาดเอานะ
แสดงความคิดเห็น