web stats

ข่าว

 


'Love Seeds' 2 [One night stand, Runaway Bride & Gourmet]- Ch.21 : Can You See Me?

โพสต์โดย: anhann วันที่: 05 มิถุนายน 2015 เวลา 15:33:02 อ่าน: 379





นิยายเรื่องนี้เปิดให้จองแล้วตั้งแต่วันนี้ สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  http://www.yuriread.com/index.php?topic=1364.msg2044#msg2044





Ch.21 : Can You See Me?     





"เจอร์..  ถ้าเธอไม่รู้นะ  นั่นเฝือกฉัน  ไม่ใช่กระดาษวาดเขียน"  แคลร์บ่นอุบอิบใส่คนที่ถือปากกาเมจิกในมือและเพิ่งจะใช้มันสรรสร้างงานศิลปะลงกับเฝือกที่ขาเธอไป  มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอร์ซี่ทำแบบนี้  จิตรกรรมส่วนใหญ่บนเฝือกนี่เป็นฝีมือเค้าทั้งนั้น

"โธ่แคลร์..  นิดหน่อยเองน่า..  ฉันไม่ได้เขียนทับรอยที่อมีเลียเขียนไว้ให้เธอหรอก"  ยัยเปี๊ยกบอกอย่างอารมณ์ดี  ขยับขาใส่เฝือกที่วางบนตักตัวเองเลื่อนเข้ามาใกล้อีกหน่อย  เจ้าของขาถอนใจปลง  คงทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้คนอยากเล่นได้เล่นต่อไป  ส่วนตัวเองก็อ่านหนังสือให้ลืมๆ มันไปซะ

"เฮ้..สาวน้อย..  เห็นหัวหน้าแก๊งพวกเธอไหม.?"

ตาสีน้ำตาลแดงเหลือบขึ้นมองผู้มาใหม่  ซึ่งไม่ได้มีแค่คนเดียว  วิกกี้เป็นคนทักเธอ  ขณะที่ฮาน่าส่งยิ้มหวาน  ซีนก็หน้าตาเฉยเมยไร้อารมณ์เหมือนเดิม  คนหลังสุดนี้ไม่ค่อยถูกจริตกับเธอเลยจริงๆ ให้ตายสิ  ชอบทำหน้าเหมือนเธอไปเหยียบเท้าหล่อนอยู่เรื่อย

"อ้าว..  อิซซี่ไม่ได้อยู่กับพวกพี่เหรอ.?"  เจอร์ซี่ถามประหลาดใจ  ปกติก็ไม่เคยเห็นอิซซาเบลห่างจากเพื่อนๆ เท่าไหร่นักเวลาอยู่ที่โรงเรียน  ยิ่งช่วงพักเที่ยงด้วยแล้ว  พวกเขาต้องมาโรงอาหารด้วยกันเสมอ

"เห็นบอกว่าจะไปห้องสมุดก่อน  ออกมาจากห้องเรียนก่อนพวกเรา  นึกว่ามาเจอพวกเธอตรงนี้แล้วซะอีก"  ฮาน่าอธิบาย  นั่งยองๆ ลงข้างๆ ขาของเด็กยักษ์  บีบนวดมันอย่างเป็นห่วงเป็นใยไม่ได้สนใจว่าเจ้าของขาจะอายจนหูแดงไปหมดแล้ว

"เมื่อไหร่จะหายคะ  เจ็บมากเลยล่ะสิ   แน่ล่ะยัยอิซซี่ตัวเบ่อเร้อ"

แคลร์พูดไม่ออกขณะที่เจอร์ซี่ยิ้มขำ  ตัดสินใจตอบแทนให้  "เย็นนี้หมอให้ไปเช็กก่อน  ถ้าโอเคแล้วคงถอดได้เลย  แล้วใส่แค่ผ้ายึดไว้"

"โชคดีเนอะ  ฉันนึกว่าจะนานกว่านี้ซะอีก"

"กระดูกแข็งแรง  บึกบึนขนาดนี้ไม่ต้องห่วงหรอกฮาน่า"  วิกกี้เสริม  เข้ามาคล้องคอแคลร์จากด้านหลัง  แกล้งทุบบ่ากว้างเบาๆ ทำราวกับเค้าเป็นน้องชาย  เด็กตัวใหญ่ไม่ว่าอะไร  อาจรำคาญนิดหน่อยแต่พวกพี่สาวพวกนี้ก็น่ารักกันดี  ถ้ามีใครในโรงเรียนมาแกล้งหรือพูดจาเสียดสีเธอหรือเจอร์ซี่ระหว่างที่อิซซาเบลไม่อยู่  พวกเขาก็คอยเป็นหูเป็นตาปกป้องแทนให้  ถึงแม้ว่าพวกเธอจะดูแลตัวเองได้อยู่แล้วก็ตาม  ยกเว้นแต่ว่าจะเป็นพวกกลุ่มลิ่วล้อของควีนบีเท่านั้นที่ยั้งพวกเขาไว้ไม่ให้เข้ามาช่วยได้

ใครจะอยากมีเรื่องกับลิทซ์กันล่ะในโรงเรียนนี้..

จริงอยู่ที่ลิทซ์แตกต่างจากเดิมไปมากเวลาที่อยู่กับพวกเธอที่บ้านหรือที่ไหนๆ ที่เราไปด้วยกัน  หากเมื่ออยู่ที่โรงเรียน  หล่อนก็ยังคงเป็นควีนบี  ผู้มีอิทธิพลในโรงเรียนอยู่  กิตติศัพท์ความร้ายกาจของสาวตาสีเทาเจ้าของเลกซัสสีเงิน  กัปตันเชียร์ลีดเดอร์ยังคงสร้างความสยดสยองให้กับใครๆ เสมอ  ใครกันจะรู้ว่า  แท้จริงแล้ว  ตำแหน่งควีนบีก็แค่หัวโขนที่ลิทซ์ใส่แค่ในโรงเรียน

ใครจะรู้ว่าจริงๆ ผู้หญิงอย่างลิทซ์  ทั้งอ่อนโยน  น่ารัก  คุยสนุก  เป็นหนอนหนังสือ  ชอบอยู่บ้าน  และเป็นผู้หญิงขี้เหงาอย่างร้ายกาจเท่านั้นเอง

"เฮ้.. ยัยยักษ์ขาเดี้ยง  เห็นลิทซ์ไหม.?" 

แคลร์ขมวดคิ้วฉับ  นั่งอยู่ดีๆ เรื่องก็มาหาเธอถึงที่อีกจนได้  แน่นอน  เธอจำได้ว่านายนี่เป็นใคร  ไอ้หนุ่มที่ตามติดลิทซ์เป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วง.!

"ฉันต้องตอบคำถามนายด้วยเหรอ.?"  เด็กสาวสวนเข้าให้อย่างไม่ต้องคิด  ได้ยินเสียงกระซิบจากคนรอบข้างเตือนว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนี้  เธอก็อยากจะเชื่ออยู่หรอก  แต่มันเป็นไปไม่ได้  โดยเฉพาะกับนายคนนี้

"เฮ้.. ฉันถามดีๆ นะ"  ชาร์ลก้าวมาข้างหน้าอย่างหาเรื่อง  แต่กลับโดนเพื่อนผู้ชายอีกคนของเขามารั้งบ่าเอาไว้และเข้ามาพูดแทน

"เรากำลังจะคัดตัวคนมาเข้าร่วมชมรมเชียร์  แต่ลิทซ์ไม่อยู่  เราทำโดยไม่มีเค้าไม่ได้  ลิทซ์เป็นกัปตัน  เพราะงั้น.. ถ้าเธอหรือพวกเธอเจอเค้า  บอกให้ติดต่อเราหรือโค้ทด้วย  ขอร้องล่ะ"

"เฮ้.. ไคล์..  นายไปขอร้องเด็กพวกนี้ทำไม.!"

"เงียบน่าชาร์ล"  ไคล์ดันไหล่เพื่อนของเขาออกไป  และสั่งให้คนอื่นช่วยดูชาร์ลไว้  "ฉันรู้ว่าเธอจะตามลิทซ์ให้พวกเราได้  ฝากด้วยนะ"  เขายิ้มอย่างเป็นมิตรจนเธออดจะพยักหน้ารับไม่ได้  อย่างน้อยเขาก็เป็นผู้ชายที่ดูสุภาพดีคนหนึ่ง

"เขาดูดีนะ  ถ้าคบกันจริงๆ กับลิทซ์อย่างที่คนอื่นเม้าท์กันก็คงดี"

"นั่นสิ  อย่างน้อยก็ดีกว่านายชาร์ลขี้พาลนั่นล่ะ"

"เฮ้.. เมื่อก่อนนายชาร์ลก็ดีกว่านี้นะ  มาอกหักนี่แหละถึงเปลี่ยนไป"

เสียงวิกกี้กับฮาน่าคุยกันทำให้เธอหูผึ่ง  เจอร์ซี่ก็มองหน้าเธอเหมือนรู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไร  ดังนั้นยัยเปี๊ยกจึงเป็นฝ่ายถามให้เสร็จสรรพ  ท่าทางคงอยากรู้เหมือนกันแหละ

"มีข่าวลือมาแบบนั้นด้วยเหรอ  มันเป็นยังไง  เล่าให้ฉันฟังบ้างสิ"

"ก็ไม่มีอะไรมากหรอกเจอร์ซี่..  แค่ฉันบังเอิญไปได้ยินพวกชมรมเชียร์คุยกันว่า  ลิทซ์หันมาสนิทกับนายไคล์มากกว่านายชาร์ลที่เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก  แว่วว่านายชาร์ลมาสารภาพรักและลิทซ์ปฏิเสธ  ทำนองว่าเป็นเพื่อนกันน่ะดีแล้ว"

"อ๋อ.. โดนผลักไปอยู่เฟรนด์โซนสินะ"

"ทำนองนั้นล่ะ  แต่ฉันก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีว่าลิทซ์จะชอบนายไคล์"  วิกกี้ให้ความเห็น  เล่นผมสีทองของน้องตัวยักษ์ที่ยังกอดอยู่ไม่ปล่อย

"ทำไมล่ะ"  แคลร์ถามบ้าง  อยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันใด  และยังอยากเบี่ยงเบนความสนใจของวิกกี้ออกจากใบหูเธอที่หล่อนพยายามจะงับมันเล่นอยู่ด้วย  ตั้งแต่ขาเจ็บรู้สึกจะโดนลวนลามมากขึ้นยังไงไม่รู้  จะก็หนีลำบาก  อิซซาเบลไม่อยู่ห้ามแบบนี้  อมีเลียก็อยู่คนละประเทศ  เจอร์ซี่หรือก็ไม่สนใจ  ไร้เดียงสาตลอด

"ก็มีวงในเม้าท์กันว่า  ลิทซ์ชอบผู้หญิงไปแล้วน่ะสิ  แบบว่าเทิร์นเกย์เต็มตัวเหมือน...."  วิกกี้ไม่กล้าพูดต่อเหมือนกลัวจะไปแทงใจใคร  แถมยังมาหอมหัวเธอราวจะปลอบใจเด็กอีกต่างหาก  น่าอายชะมัดเลย

"เฮ้..  ฉันไม่ได้ว่าเธอนะแคลร์  รู้ใช่ไหม.?  ที่สำคัญ.. ถ้าเป็นเธอละก็  ต่อให้ต้องเป็นเกย์อย่างกู่ไม่กลับ  ฉันก็ยอม"

เด็กยักษ์หัวเราะกลบเกลื่อน  ชวนพวกพี่สาวเปลี่ยนเรื่องพูดไม่ให้มาเข้าตัวตัวเอง  "แล้วไงต่อ  ทำไมพวกนั้นถึงพูดอย่างนั้น  ลิทซ์ไปคบผู้หญิงที่ไหน  งั้นเหรอ.?"

"เรื่องนั้นฉันก็อยากรู้เหมือนกันล่ะ" ฮาน่ากับวิกกี้แทบจะพูดพร้อมกัน  ต่างจากซีนที่อยู่ๆ ก็โพล่งขึ้นมา

"จริงๆ พวกเธอไม่ควรถามพวกฉันเรื่องนี้นะ  เค้าไปกับพวกเธอมาไม่ใช่เหรอ  ช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว  ทริปเที่ยวป่านั่น  แล้วไหนจะที่บรอดเวย์"

แคลร์และเจอร์ซี่มองหน้ากันทันใด  หากยังไม่ทันจะได้ถาม  ซีนก็ตอบมันให้อย่างไม่ลีลา  "อิซซี่บอกฉันเองเรื่องทริปตอนที่เค้าโทรมาถามการบ้าน  แต่ที่บรอดเวย์..  เธอคงไม่เห็นฉันสินะแคลร์"

เจ้าของชื่อหน้าเหวอไปหน่อย  จากนั้นก็ค่อยๆ พยักหน้ารับ "ฉันนั่งอยู่แถวหลังพวกเธอสามคนน่ะ"  ซีนพูดต่อ  "ที่ไม่ไปทักเพราะไม่อยากกวนเวลาส่วนตัวใคร"

"ขอบ.. ขอบใจนะ"  เด็กยักษ์เอ่ยอย่างไม่เต็มเสียง  แต่เป็นเจ้าเปี๊ยกที่เกิดกล้าพูดขึ้นมา

"คิดว่าเพราะมีข่าวว่าคบพวกเรา  เค้าก็คงจะเป็นอย่างพวกเรางั้นสิ  เป็นเกย์ไม่ได้เป็นโรคติดต่อสักหน่อย  คิดกันได้ยังไง"

"ก็มีคนคิดก็แล้วกันน่าเจอร์  แต่ไม่ใช่พวกฉันหรอกนะ"  ฮาน่าแก้ตัว 

"ใช่.. ฉันยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรเลยล่ะ"  วิกกี้หัวเราะ  ยังคงกอดคอเด็กแคลร์อยู่  ไม่สนใจว่าเค้าจะรำคาญหรือไม่  "แต่พวกเธอแน่ใจแล้วเหรอว่า  ไม่สนใจพวกผู้ชายจริงๆ"

"ไม่รู้สิ  ฉันยังไม่คิดเรื่องนั้น"  เจอร์ซี่ตอบ  ไหวไหล่เบาๆ อย่างไม่ใส่ใจ  ส่วนแคลร์แทบไม่จำเป็นต้องตอบ  มีคนจากแดนไกลส่งข้อความมายืนยันให้ที่มือถือเหมือนรู้เวลา

"แฟนล่ะสิ  ยิ้มแบบนั้น  อย่าฟ้องล่ะว่าฉันทำอะไรเธอ"  วิกกี้รีบดักคอ  แคลร์หัวเราะส่ายหน้าให้  "นี่แล้วตกลง  เราต้องไปตามลิทซ์ให้พวกนั้นไหม.?"

แคลร์ที่กำลังพิมพ์ข้อความส่งคุยกับอมีเลียอยู่เงยหน้าขึ้นมองคนอื่นๆ  ชำเลืองมองเจอร์ซี่จะถามความเห็น  ยัยเปี๊ยกพยักหน้าให้เบาๆ "เดี๋ยวฉันลองให้อมีเลียหาตัวพวกเขาดูก็ได้  หวังว่าพวกเขาคงไม่ได้ปิดมือถือนะ"

พวกสาวๆ รุ่นพี่มองเธออย่างแปลกใจ  สาวน้อยตัวโตยิ้มบางๆ "คือ..เค้าเก่งเรื่องแกะรอยคนน่ะ  เป็นเซียนคอมพิวเตอร์"

"โอ้.. พระเจ้า.!  ทั้งสวยทั้งฉลาด..  หาให้ฉันบ้างสิแคลร์.!"  ฮาน่าพูดขึ้นอย่างโอเวอร์  ซีนส่ายหัวเซ็ง  แต่วิกกี้กลับรีบเฉดตัวเองออกมาจนห่างร่างของน้องตัวโต  "เป็นอะไรยัยวิก  กลัวอมีเลียจะเห็นว่าเธอทำอะไรแฟนเค้าอยู่  งั้นเหรอ.?"

"เออสิ  ไว้ใจได้เหรอพวกแฮกเกอร์"  วิกกี้พึมพำระหว่างที่ย้ายตัวเองไปนั่งใกล้ซีนแทน  "แล้วตกลงจะให้แฟนเธอช่วย.?"

"อื้มม.. กำลังดูให้อยู่   ว่างพอดี"  แคลร์ว่า  ตามองมือถืออย่างจดจ่อ  หากพอสักพักก็เงยหน้ามองเจอร์ซี่ที่กำลังมองมาพอดี  ส่งซิกทางสายตาให้เค้า  โชคดีที่ยัยเปี๊ยกสามารถแปลมันออก  จึงแก้ไขสถานการณ์ให้อย่างเร่งด่วน

"เอาเป็นว่า  เราแยกกันตามหาพวกเขาดีกว่าไหม..  ฉันกับแคลร์จะหาตัวลิทซ์เอง  ส่วนพวกพี่ๆ ก็ตามหาอิซซี่แล้วกัน"

"เอาอย่างนั้นก็ได้เจอร์  พวกฉันก็ไม่ได้อยากเจอแม่ควีนบีคนนั้นสักเท่าไหร่หรอก" วิกกี้รวบรัด  ชักชวนอีกสองสาวให้ออกไปจากโรงอาหารด้วยกัน  แคลร์เกือบจะโล่งใจได้แล้ว  หากไม่รู้สึกว่ามีสายตามองมาอย่างไม่ไว้ใจ

แม่นางซีนนี่กะจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับเธอให้ได้เลยใช่ไหมเนี่ย.!

"เฮ้..  ตกลงพวกนั้นอยู่ที่ไหน.?" เสียงเจอร์ซี่ดึงความสนใจเธอกลับมา  ดวงตาสีน้ำตาลแดงหลุบลงมองหน้าจอมือถือตัวเองอีกครั้ง  แน่นอนว่าอมีเลียที่อยู่อีกฟากของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือได้ส่งข้อมูลที่เธอต้องการมาให้แล้วเรียบร้อย  เพราะแบบนั้น  เธอจึงต้องรีบไล่รุ่นพี่สาวๆ พวกนั้นไปไงล่ะ

"อยู่ด้วยกัน" 

เจอร์ซี่ไม่ได้แสดงอาการตกใจเลยแม้แต่น้อยกับคำตอบนี้  คล้ายเค้าเดามันได้อยู่แล้ว  "งั้นเอาไงต่อ.?"

"จะไปหาพวกเขาเอง  หรือแค่ส่งข้อความไปบอก  ให้เลือก"

"ส่งข้อความไปเหอะ  ฉันไม่อยากเป็นตากุ้งยิง"

แคลร์หรี่ตา  "พูดอะไรแบบนั้น  สองคนนั่นไม่ได้---"

"น้อยไปสิ  เธอไม่รู้อะไรหรอกแคลร์"  ยัยตัวเล็กกระซิบกระซาบ  "เธอน่ะ  น้องๆ อิซซี่ไปเลยแหละ"  เจอร์ซี่พยักหน้ายืนยันให้กับสายตาที่มองมาอย่างตกใจ  "แต่เฮ้.. ห้ามไปฟ้องพี่เธอนะ  อิซซี่ยังไม่ได้เม้าท์เรื่องเธอให้เอฟฟังเลย  ให้เครดิตเค้าบ้าง"

คนฟังย่นคิ้ว  นึกหมั่นไส้อิซซาเบลขึ้นมาตงิดๆ มีแต่คนเข้าข้างตลอด  "โอเคๆ แล้วจะเอาไง  จะส่งข้อความไปเองหรือให้ฉันส่ง"

"เธอส่งแหละ แต่อย่าไปจิกเค้ามากนักล่ะ"

"เจอร์.. นี่ถ้าฉันไม่รู้จักเธอดี  ฉันจะคิดว่าเธอเป็นทาสรักอิซซี่อีกคนแล้วนะ" 

เจอร์ซี่ไม่ตอบอะไร  แค่ไหวไหล่เบาๆ รบเร้าให้เธอส่งข้อความให้เสร็จๆ สักที  ส่วนเธอก็ได้แต่ส่ายหัว  ไม่รู้ว่าจะพิมพ์ไปว่าอะไรดี  ความจริง  อยากจะไปดูให้เห็นด้วยตาตัวเองด้วยซ้ำไป

ทำอะไรแบบนั้นกันจริงเหรอ.?

..............................................







"เฮ้.. ฉันหาไม่เจอ"  อิซซาเบลบ่นหงุดหงิดระหว่างช่วยค้นกระเป๋าถือของอีกฝ่ายที่ดันทำกุญแจล็อกเกอร์ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าหาย  และเธอดวงซวยเดินมาชนกับหล่อนเข้าเลยโดนลากเข้ามาให้ช่วย  ไม่ได้อยากจะช่วยเลยจริงๆ

อลิซาเบธไม่ได้สวมชุดลีดเดอร์มาตั้งแต่ที่บ้านอย่างที่ทำมาปกติ  เธอไม่รู้เหตุผลของหล่อน  รู้แค่ว่าตอนนี้หล่อนต้องการเปลี่ยนชุดเพื่อไปเข้าร่วมคัดเลือกสมาชิกใหม่ของชมรม  และดันเปิดล็อกเกอร์ไม่ได้ซะอีก  รีบก็รีบ

"ลิทซ์.. ฉันเห็นแต่ยาคุมกับคอนด้อม"  สาวน้อยวัยสิบสี่ทำหน้ายี้กับสิ่งที่หยิบขึ้นมาดู  เพียงครู่เดียวเท่านั้น  เจ้าของมันก็มากระชากไปจากมือทั้งหน้าแดงก่ำ  ทีตอนทำละไม่รู้จักอายนะ  ยัยบ้า.!

"ไหนว่าเลิกมั่วแล้วไง  ทำไมยังมีของพวกนี้อยู่อีก"  ถามเสียงไม่พอใจ  อีกฝ่ายหันมามองคิ้วขมวด "ฉันรู้ว่ามันเรื่องของเธอ  ตัวเธอ  เธอจะทำอะไรกับมันก็ได้ แต่ขอร้องได้ไหมในฐานะที่เราเป็นเพื่อนกัน  เลิกเถอะ รักตัวเองหน่อย"

รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าคนฟังแทบจะทันใด  อิซซาเบลทำหน้างง "ยิ้มอะไร  ฉันกำลังด่าเธออยู่นะ"

"ฉันคงชอบถูกเธอด่ามั้ง"  ลิทซ์ตอบหน้าตาเฉย  โยนของที่อีกคนทำท่ารังเกียจมันทิ้งลงในถังขยะและหันกลับมาฉีกยิ้มหวาน "ฉันแค่ลืมทิ้งน่ะ  มีเซ็กส์กับผู้หญิง  ไม่ต้องใช้ของพวกนี้หรอก  จริงไหม.?"

คนฟังแทบสำลักลมหายใจตัวเอง  รีบทำท่าไม่รู้ไม่ชี้เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว  "มีลวดหรือคลิปหนีบกระดาษอะไรบ้างไหม.?"

"ทำไม  จะลองวิธีหัวขโมยเหรอ.?"

"ใช่  จะเอาป่ะล่ะ ของน่ะ  ถ้าไม่เอาก็จะได้ไปสักที เสียเวลาฉัน"

"แหมๆ ทำเป็นดุไปได้"  ลิทซ์แกล้งกระแทกไหล่ใส่คนหน้าหงิก  โดนผลักหัวออกมาก็ยังหัวเราะได้อยู่  จนกระทั่งไปจับถูกสร้อยที่ห้อยคอเค้านั่น  ต่างคนถึงต่างเงียบไป  "คลิปหนีบกระดาษของเอฟ  เธอยังเก็บไว้เหรอ"

อิซซาเบลพยักหน้า  ค่อยๆ ขอของของตัวเองกลับมาจากมืออีกฝ่ายอย่างไม่ให้น่าเกลียดเกินไป  สร้อยของเธอมีทั้งล็อกเก็ตที่เอเวอร์ลี่ให้เป็นของขวัญวันคริสมาสต์และคลิปหนีบกระดาษเลขแปดที่คล้องไว้ใกล้กัน  แสดงถึงความสำคัญของมันโดยที่ไม่ต้องพูดบอกใคร

"ถ้าจะบอกให้เธอเอามันมาใช้ไขล็อกเกอร์ให้ฉัน  คงไม่ได้สินะ"  อดีตแฟนแกล้งถาม  พอเห็นสีหน้าไม่สบายใจของอีกฝ่ายก็หัวเราะกลบเกลื่อน  ยกมือขึ้นหยิบกิ๊บที่หนีบผมด้านหน้าของตัวเองไว้ออกมาส่งให้  "ใช้นี่แล้วกัน"

ตาสีฟ้ามองของในมือสลับกับใบหน้าของคนให้  รอยยิ้มอาจจะดูจริงใจดีอยู่  แต่ดวงตาสีเทาทำไมมันถึงเศร้านักก็ไม่รู้  อยากทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่สนใจมัน  แต่คนอย่างเธอหรือจะทำได้

"เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน  ถึงมันจะสั้น  แต่ฉันก็ไม่ได้คิดว่ามันแย่อะไร"  อิซซาเบลกระซิบยิ้มบางๆ และหันไปจับกิ๊บในมือดัดมันให้ตรงและสอดเข้าไปในรูกุญแจ  พยายามใช้เทคนิคพิเศษที่มีมาครั้งยังเด็กให้เป็นประโยชน์  แค่ตอนนี้เปลี่ยนจากการไขกุญแจห้องบางห้องในบ้านที่แม่ไม่ให้เข้าไปเล่นมาเป็นไขล็อกเกอร์เท่านั้น

"แป๊บนะ  ฉันคิดว่ามันน่าจะโอเคแล้ว  แต่มันก็ยัง..."

ลิทซ์กะพริบตา  เปลี่ยนมาโฟกัสกับการพยายามไขกุญแจของอีกคนแทนใบหน้าแดงระเรื่อเหงื่อพราวน้อยๆ แสนเซ็กซี่ของเค้า  "มา..  ฉันช่วย"

เอื้อมมือไปช่วยจับ  ช่วยกันขยับไข  พอได้ยินเสียงกริ๊กเป็นสัญญาณความสำเร็จ  ทั้งคู่ก็โผเข้ากอดกันอย่างดีใจ  หากเธอคงดีใจเวอร์เกินไปหน่อย  ถึงได้ประคองหน้าอีกคนมาจูบปากเสียเต็มรัก  เล่นเอาเค้ามองเธออย่างช็อค

"โอ้.. โทษที.. มันเป็นวิธีขอบคุณของฉันน่ะ"

อิซซาเบลพยักหน้ารับรู้  หากเผลอเลียปากตัวเองระหว่างที่อีกฝ่ายหันหลังเปิดล็อกเกอร์หาของอยู่  ถึงจะรู้ว่าไม่ควรเอาสาระอะไรกับผู้หญิงคนนี้และเธอเองก็มีคนรักคนใหม่แล้ว  แต่ความรู้สึกบางอย่างมันก็ห้ามไม่ได้  อย่างน้อยก็บังคับสายตาให้ย้ายไปจากแผ่นหลังน่าซุกซบกับบั้นท้ายน่าขยำนี้ไม่ได้ล่ะ

"อิซซี่..  ฉันรู้ว่าฉันดูฮอตจากด้านหลังนะ  แต่เธอควรเก็บสายตานั่นไปมองเอฟดีกว่าหรือเปล่า.?" 

คนฟังสะดุ้ง  รีบหมุนตัวหันหลังให้คนพูดทันใด  อิซซาเบลทั้งอายทั้งรู้สึกผิด  เธอไม่สมควรจะคิดอะไรทำนองนี้กับแฟนเก่าอีกแล้ว  แต่คงเหมือนที่มัมราเชลเตือนไว้  ถ้าไม่อยากเผลออะไรก็อย่าอยู่ใกล้กันให้มากนัก  ความเป็นเด็กทำให้ความยับยั้งชั่งใจของเธอน้อยกว่าคนอายุมากกว่า  อารมณ์กับฮอร์โมนมันเป็นตัวแปรที่ใหญ่เสมอ

"หันหลังไว้แบบนั้นแหละ  ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้า  ดูประตูให้ด้วยเผื่อใครไขเข้ามา"  ลิทซ์บอกอย่างอึดอัดไม่แพ้กัน  เธอเองก็ต้องพยายามซ่อนความรู้สึกที่มีต่ออีกคนเอาไว้เช่นเดียวกัน  ไม่อยากทำผิดกับใครอีกต่อไปแล้ว

แต่คงดีถ้าอีกคนจะนึกเห็นใจเธอบ้าง  อย่ามาทำให้หวั่นไหวบ่อยๆ..

"เอ่อ..  เธอกับแอนเดรีย..  อะไร...  กันหรือยัง.?"

เสื้อที่กำลังจะถูกจับใส่ทางศีรษะค้างอยู่กลางอากาศกับคำถามที่ฟังดูใจกล้ามากของคนถาม  ลิทซ์สั่นหัวถอนหายใจยาว  ที่ผ่านมาเธอยังไม่ดีขึ้นในสายตาอีกคนเลย  "ทำไมไม่ถามแอนเดรียเองล่ะ  สนิทกันมากไม่ใช่เหรอ.?"

"ฉันอยากรู้จากเธอมากกว่า"

ตาสองสีมองจ้องกันเมื่อคนที่หันหลังอยู่หันกลับมา  เจ้าของตาสีเทารีบดึงเสื้อลงปิดเรือนร่างตัวเองให้เรียบร้อยทันที  ไม่ใช่กลัวแค่คนที่มองอยู่  เธอกลัวใจตัวเอง  "เธอคิดยังไง  มันก็คงจะเป็นอย่างนั้นละมั้ง"  พูดออกไปด้วยอาการน้อยใจอย่างไม่ปิดบัง 

หันหลังให้อีกฝ่ายเพื่อส่องกระจกในล็อกเกอร์ระหว่างเปลี่ยนทรงให้เส้นผมสีบลอนด์ของตัวเองเป็นทรงหางม้าอย่างทุกครั้งที่สวมชุดเชียร์  ได้ยินเสียงพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดดังแว่ว  ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่เหมือนตั้งใจจะกระแทกลงพื้นให้เกิดเสียงดัง  เสียงเปิดและปิดประตูแรงๆ พาให้ต้องหลับตาลงข่มความรู้สึกไม่ให้อยากจะวิ่งตามไปอธิบายความจริงให้เค้าฟัง

นางมารร้ายอย่างเธอจะเป็นอะไรได้มากกว่านี้กันล่ะ..

ขอบตากำลังร้อนๆ น้ำตาปริ่มจะไหล  เสียงข้อความเข้าจากมือถือกลับดังขึ้นเหมือนรู้เวลา  ปลายนิ้วปาดน้ำที่เอ่อขึ้นมาตรงหางตาออกและหยิบเจ้าจอแบนขึ้นมาเช็ก  เห็นแค่ไอดีก็ต้องหรี่ตาชั่งใจที่จะอ่านมันแล้ว 

'เฮ้..เซ็กซี่.. หวังว่าคงไม่ได้ขัดจังหวะอะไรเธอนะ  แต่ฉันต้องการเธอตอนนี้ที่โรงอาหาร  รู้ใช่ไหมว่าทำไมฉันเดินไปหาเธอเองไม่ได้  รีบๆ มาล่ะ'

   รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ  เธอรีบเก็บข้าวของใส่แยกใส่กระเป๋าและล็อกเกอร์อย่างรู้ว่าอะไรควรอยู่ที่ไหน  แล้วเดินออกจากห้องอย่างไม่ได้สนใจว่ามีบางคนยืนกดโทรศัพท์มือถือยิกๆ อยู่ใกล้ๆ หน้าห้องนั่นแหละ





.............................................



มาแล้วค่ะ  วันที่ 5 ตามสัญญา  แล้วก็เหลืออีกวัน วันที่ 9 หรือ 10 นี้นะคะ  อีกหนึ่งตอน (ยังไม่จบนะ)

อาจจะสงสัยกันว่า  ทำไมถึงมีพี่เอฟน้อยเหลือเกิน  มันมีเหตุผลค่ะ  ซึ่งคนอ่านน่าจะเดาได้ว่าเพราะอะไรนะ   :21:

อิซซาเบลยังเด็ก  อิซซาเบลยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ  กว่าจะนิ่งได้อย่างมัมหรือหม่ามี๊คงอีกสักพักล่ะ  ตอนนี้ปล่อยเด็กมันไปก่อนเถอะเนอะ   :42:

แล้วเจอกันอีกตอนค่ะ  อ้อ แล้วก็เหลือเวลาจองอีกห้าวันหลังจากนี้นะคะ  ส่วนอีบุ๊คก็มาหลังปิดจองจ้า  รออีกหน่อยน้า   :58:

ขอบคุณมากค่ะ   :44:

ปล.ช่วงนี้อากาศแย่มากค่ะ  ระวังรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ  อย่าให้สามวันดีสี่วันไข้เหมือนคนเขียนเลย  :45:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น