web stats

ข่าว

 


เพื่อนกัน ฉันรักเธอ ตอนที่ 3 รู้แพ้ รู้ชนะ

โพสต์โดย: serratia วันที่: 20 พฤษภาคม 2015 เวลา 20:21:56 อ่าน: 176

ตอนที่ 3 รู้แพ้รู้ชนะ

และแล้วก็ถึงครากีฬาสีที่รอคอย สต๊าฟเชียร์ต้องออกไปตกแต่งสแตนเชียร์ที่สนามกีฬากลางของจังหวัดก่อนวันกีฬา 1 วัน เป็นวันที่เหน็ดเหนื่อยสำหรับฉันในฐานะประธานเชียร์ จนหน้าขาวๆนวลเนียน เมื่อต้องแสงแดดแผดเผาของพระอาทิตย์ผู้ไร้ความปราณี ในยุคโลกร้อน ต้องดำคล้ำกระดำกระด่างอย่างที่ใช้ครีมกันแดดใดๆก็ต้านไม่ไหว

"ระวังตกลงมานะนุ่น จับราวให้มั่น"นังมดยืนป้องปากตะโกนบอกฉันที่ปีนขึ้นไปติดธงสีบนคัทเอาน์หลังอัฒจันทร์ เพราะไม่มีสต๊าฟคนไหนใจกล้าปีนขึ้นไป

สีของเราทำคัทเอาท์ขนาดใหญ่จนข่มสีอื่นอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ทำให้ยากลำบากในการติดตั้งเป็นอย่างมาก ต้องมั่นคงและไม่ล้มลงมาเวลามีลมพัดแรงๆอีกด้วย

"ว้าย!ตายแล้ว นุ่นขา รีบลงมาเร็วๆ หนูแดงพาคนมาช่วยแล้ว"เสียงหนูแดงร้องด้วยความตกใจ ฉันหันไปมอง ก็เห็นหนูแดงยืนอยู่กับปลัดอานุภาพและพี่ๆ อส อีก 4-5 คน กวักมือเรียกฉันอยู่หยอยๆ

"อ้าว หนูแดงมาทำไม ไหนว่าจะไปลองชุดไง"ฉันตะโกนถาม ขณะปีนลงมาหา

"เป็นห่วงนุ่นสิคะ งานปีนป่ายสูงๆแบบนี้ต้องใช้ผู้ชายถึงจะถูก หนูแดงเลยขอร้องให้ปลัดเอาคนมาช่วย"

"จะติดตั้งป้ายอะไรตรงไหนบอกมาเลยครับ"ปลัดอานุภาพอาสา ฉันจึงหยิบแบบสแตนเชียร์ที่ร่างคร่าวๆบนกระดาษอาร์ตให้ปลัดกับลูกน้องดู

"โอเคครับ สบายมาก เดี๋ยวพวกพี่จะทำให้ตามแบบนี้เลย คิดว่าไม่เกินครึ่งวันคงเสร็จ"ปลัดหนุ่มยิ้มหล่อ งานนี้นังเอมมี่ปลื้มทั้งวันแน่ ฉันแอบเห็นมันมองปลัดอานุภาพด้วยสายตาเปล่งประกาย

"นุ่นจังไปส่งหนูแดงลองชุดหน่อยได้มั้ยคะ ที่นี่ปล่อยให้พวกผู้ชายทำกันไปก่อน"หนูแดงเข้ามาเกาะแขน ขณะที่ฉันพาเข้าไปนั่งหลบแดดใต้ถุนอัฒจันทร์ หล่อนมักจะเรียกฉันว่า นุ่นจัง ในเวลาที่อยู่กันสองต่อสองเสมอ

"หุย! ตัวเราเหม็นเหงื่อมากๆเลย ไม่กล้าไปกับหนูแดงหรอก"ฉันถอดหมวกออก เหงื่อที่ไรผมและต้นคอไหลย้อยลงมา หนูแดงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าของเธอขึ้นมาซับให้

"ไม่เอาอ่ะ หนูแดง ดูสิผ้าเช็ดหน้าสวยๆเลอะหมดแล้ว"ฉันส่ายหน้าหลบ

"อยู่เฉยๆค่ะ คนดี ทำงานมาเหนื่อยๆ หนูแดงเช็ดเหงื่อให้เอง"
หนูแดงขยับเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวเธอ เฮ้อ!นังนุ่น ห้ามเคลิ้มเด็ดขาดนะมรึง ฉันเตือนตัวเอง นึกถึงนังอ้อที่กำลังเตรียมของสำหรับพิธีเปิดอยู่ที่กองอำนวยการ ซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของสนามกีฬา ว่าอย่าเพิ่งมาที่สแตนเชียร์ตอนนี้เลย ถ้ามันมาเห็นฉันคงทำหน้าไม่ถูก ว่าแต่มือหนูแดงเบ๊าเบา ทำเอาฉันเพลินจนไม่อยากให้หยุดเช็ดเลยจริงๆ


"เคยนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์หรือเปล่า จับให้แน่นๆนะ ถ้าไม่อยากเป็นข่าวลูกสาวรองผู้ว่าฯมอเตอไซค์ทำหล่น"
ฉันยืนคร่อมมอเตอร์ไซค์แล้วหันไปมองหนูแดงที่กำลังขึ้นซ้อนด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ ในที่สุดฉันก็แพ้ลูกอ้อนของหนูแดง พาหล่อนไปลองชุดจนได้

"เคยสิคะ ตอนเป็นเด็กพี่เลี้ยงพาไปเที่ยวบ่อยๆ"หล่อนปากแข็งแต่ก็โอบเอวฉันไว้แน่น สงสัยกลัวมอเตอร์ไซค์ทำหล่นตามคำขู่

"สั่งชุดไว้ที่ร้านพรเพ็ญใช่มั้ย"ฉันถามเพื่อความแน่ใจ เพราะได้ยินนังอ้อที่เป็นคนจัดการ เรื่องชุดบอกเมื่อวันก่อน

"ใช่ค่ะ"หนูแดงตอบ ขยับตัวมาเบียดหลังเมื่อฉันสตาร์ทรถและออกตัวอย่างนุ่มนวลที่สุดตั้งแต่เคยขับขี่มอเตอร์ไซค์มา

"หนูแดงอยากขับมอเตอร์ไซค์เป็นบ้างจัง นุ่นช่วยสอนหน่อยสิ"

"อย่าเลย ขับมอเตอร์ไซค์อันตรายออก คุณแม่คงไม่ยอมแน่ๆ หนูแดงขับรถยนต์จะดีกว่านะ"ฉันแนะนำ

"รถยนต์หนูแดงขับเป็นแล้วค่ะ แต่อยู่ต่างจังหวัดใช้มอเตอร์ไซค์น่าจะคล่องตัวกว่า เวลาไปไหนมาไหนใกล้ๆ"

"ไปขออนุญาตคุณแม่ก่อนเถอะ แล้วค่อยว่ากันใหม่"
ฉันแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะรู้ว่าการขับขี่มอเตอร์ไซค์มันอันตรายกว่าขับรถยนต์หลายเท่า แต่มันก็ทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้นโดยเฉพาะต่างจังหวัดที่ไม่มีรถประจำทาง แม้แต่โรงเรียนของฉันยังอนุญาตให้นักเรียนขับขี่มอเตอร์ไซค์มาโรงเรียนได้ ตั้งแต่ชั้น ม.ต้นเลยทีเดียว
ฉันขับอย่างช้าๆแต่ก็ยังรู้สึกว่ามาถึงร้านพรเพ็ญเร็วเกินไป

"มาลองชุดที่จองไว้หรือหนู"ป้าเจ้าของร้านเอ่ยทักทันทีที่เห็นเราสองคน เดินเข้าร้านมา

"เมื่อกี้คุณนายโทรมาบอกว่าให้เตรียมชุดไทยที่สวยที่สุดในร้านเอาไว้ให้ลูกสาว คงจะเป็นคุณหนูกระมัง"ป้ามองไปทางหนูแดง แหง๋ล่ะ สภาพมอมแมมของฉันที่ป้าเห็นต้องไม่ใช่ลูกสาวรองผู้ว่าฯอย่างแน่นอน

"อ้าว แล้วที่ทางโรงเรียนจองไว้ให้ล่ะคะ"ฉันถาม

"ชุดนั้นก็สวยค่ะ ลองทั้ง2 ชุดก็แล้วกัน ว่าคุณหนูใส่ชุดไหนขึ้นกว่ากัน"
ป้าเดินไปหยิบชุดไทยที่เตรียมไว้ แล้วพาหนูแดงเข้าไปในห้องลองเสื้อ

"จะเข้าไปด้วยกันมั้ย"ป้าหันมาถามฉัน

"เข้ามาสินุ่น"หนูแดงเรียก
เข้าก็เข้าวะ หล่อนให้ไฟเขียวแล้วนี่ ฉันจึงช่วยป้าถือชุดเดินตามเข้าไป


แผ่นหลังขาวผ่องของหนูแดงที่เห็นอยู่เบื้องหน้าทำเอาใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะเลยทีเดียว มือที่กำลังกลัดเข็มกลัดยึดสไบก็สั่นจนอยากตีมือตัวเองนัก ดีนะที่ป้ากำลังง่วนอยู่กับการจับจีบผ้านุ่งอยู่เลยไม่สังเกตเห็น ก็ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นใครผิวพรรณดีขนาดนี้เลย ให้ตายสิ ฉันอยากอุทานออกมาดังๆ

"หนูแดงสวยมั้ยคะนุ่นจัง"หนูแดงถาม หลังจากแต่งชุดแรกเสร็จ พลางยิ้มให้กับตัวเองในกระจกเงา ชุดไทยสีน้ำเงินช่วยขับผิวขาวของเธอให้กระจ่างใส ดูดีมีออร่าเหลือเกิน

"สวยมากเลยหนูแดง นี่ถ้าได้แต่งหน้าทำผม คงเริ่ดกว่านี้หลายเท่า เราแทบไม่อยากนึกว่าจะงามหยดย้อยปานใด"ฉันมโนล่วงหน้า

"ไม่ต้องนึกค่ะ พรุ่งนี้นุ่นจังก็จะได้เห็นแล้ว เดี๋ยวจะลองอีกชุดนึง นุ่นจังชอบชุดไหน หนูแดงก็จะเลือกชุดนั้น นะคะ"ทำเป็นประจบเอาใจ สงสัยชีคงอยากให้เราช่วยสอนขี่มอเตอร์ไซค์ให้ล่ะสิท่า ฉันคิด


และแล้ววันพรุ่งนี้ก็มาถึง ฉันต้องไปเตรียมความพร้อมอยู่ที่สนามกีฬาตั้งแต่เช้า ส่วนหนูแดงก็ไปที่ตั้งขบวนพาเหรด ในโรงเรียน ก่อนจะเดินพาเหรดผ่านตลาด มาอีกเกือบ 2 กิโลเมตร
กว่าจะได้เห็นเทพีผู้อันเชิญตราสัญญลักษณ์ของโรงเรียน ก็ตอนที่ขบวนพาเหรดเดินเข้าสู่สนามนั่นแหละ ช่างเป็นการรอคอยที่นานแสนนาน ก็ฉันอุตส่าห์ขอยืมกล้องถ่ายรูปตัวใหญ่สุดหวงของพ่อมาเพื่อถ่ายรูปหนูแดงโดยเฉพาะนี่นา

"ขบวนพาเหรดเข้ามาแล้ว นังมดแกช่วยดูแลความเรียบร้อยตรงนี้ที ชั้นจะไปถ่ายรูปสักหน่อย"ฉันสั่งนังมดก่อนจะวิ่งแบกกล้องไปยังจุดที่เล็งไว้แล้วว่าเป็นมุมถ่ายรูปที่ดีที่สุดของสนาม

ขบวนพาเหรดนำโดยวงดุริยางค์ ตามมาด้วยธงชาติ ธงประจำโรงเรียน และธงสี หนูแดงในชุดไทยนั่งพับเพียบอยู่บนเสลี่ยง ประคองตราสัญญลักษณ์ของโรงเรียนที่ประดิษฐานอยู่ บนฐานทรงดอกบัว เมื่อแต่งองค์ทรงเครื่องครบชุดหนูแดงดูเป็นสาวเต็มตัว สวยสง่ายิ่งนัก และยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเห็นฉันดักรอถ่ายรูปอยู่ ฉันกดชัทเตอร์รัวโดยไม่นับ เพราะขบวนกำลังเคลื่อนผ่านหน้าไปอย่างช้าๆ ต้องมีชัดๆสวยๆสักรูปแหละน่า พอถ่ายรูปหนูแดงเสร็จฉันก็ไม่สนใจต่อสิ่งใดแล้ว ต้องรีบวิ่งไปประจำการที่สแตนเชียร์ทันที เพราะจะต้องแปรอักษรในระหว่างพิธีเปิดเพื่อเรียกคะแนนจากกรรมการ หลังจากนั้นฉันก็วุ่นอยู่กับกองเชียร์ จนกระทั่งพักเที่ยง พักเชียร์ เรียกน้องๆที่นั่งสแตนลงมากินข้าว ถึงได้มีเวลานั่งหลบแดดดมยาลมฟึดๆ

"พี่นุ่นคงเหนื่อยแย่ ตะโกนตั้งแต่เช้ายันเที่ยง"น้องส้ม ม 4 ที่เป็นสต๊าฟเชียร์ด้วยกัน เดินมานั่งใกล้ๆ ยื่นขวดน้ำเย็นกับข้าวกล่องมาให้ฉัน

"เอาผ้าเย็นมั้ยคะ แช่ไว้ในถังน้ำแข็ง เดี๋ยวส้มไปเอาให้"

"ได้ก็ดี จะเอามาโปะต้นคอสักหน่อย ร้อนจนแสบไปหมด ขอบใจนะส้ม"ฉันตอบแล้วก้มหน้าก้มตาตักข้าวผัดกิน ด้วยความหิว

"ตอนนี้ค่อยยังชั่วหรือยังคะ"ฉันรู้สึกถึงความเย็นประคบตรงต้นคอพร้อมกับเสียงที่คุ้นหู

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เป็นหนูแดงซึ่งเปลี่ยนชุดมาใส่เสื้อสีเรียบร้อยแล้ว เอาผ้าเย็นประคบต้นคอฉันอยู่ ฉันรู้สึกแปลกๆวูบวาบอยู่ในใจอย่างบอกไม่ถูก ถ้าหากเป็นน้องส้มฉันจะรู้สึกเช่นนี้มั้ยนะ ชักสงสัยตัวเองเหมือนกัน

"หนูแดงใส่เสื้อสีมาตามคำท้าแล้วนี่ไงคะ จะให้ช่วยอะไรบ้างบอกมาได้เลยค่ะ"แม้จะเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดกางเกงยีนธรรมดาแต่ใบหน้าของหนูแดงก็ยังงดงามด้วยเครื่องสำอางที่แต่งแต้มในตอนเช้า จนฉันไม่อยากละสายตาจากเธอเลย

"เป็นสวัสดิการก็แล้วกัน คอยส่งของส่งน้ำให้น้องๆกองเชียร์"ฉันบอก

"ได้เลยค่ะ ประธานเชียร์"หนูแดงตะเบ๊ะ ล้อฉัน ทำให้น้องๆที่นั่งอยู่แถวนั้นพากันหัวเราะคิกคัก



การแข่งขันกีฬาสีในวันนั้นจบลงด้วยการประกาศผลการแข่งขันกองเชียร์เป็นลำดับสุดท้าย ฉันผิดหวังเป็นอย่างมากที่สีของเราได้แค่รองชนะเลิศ ทั้งๆที่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจอย่างเต็มที่ จึงขึ้นไปรับรางวัลอย่างเซ็งๆ

"อย่าเสียใจไปเลยค่ะนุ่น ในการแข่งขันมีทั้งผู้แพ้ผู้ชนะ คะแนนที่ได้ขึ้นอยู่กับว่ากรรมการท่านให้น้ำหนักด้านไหน และสีเราอ่อนตรงจุดนั้นพอดี"หนูแดงโอบไหล่ปลอบใจฉัน

"ชั้นว่าเราแพ้สีม่วงตรงเชียร์ลีดเดอร์ว่ะ ไม่น่าให้หนูแดงไปอัญเชิญตราโรงเรียนเลย น่าจะเอามาเป็นเชียร์ลีดเดอร์มากกว่า"นังมดออกความเห็น

"จริงด้วย ถ้าพี่หนูแดงมานำลีด สีเราต้องชนะแน่"น้องส้มผสมโรง

"เป็นที่นังอ้อคนเดียวเลย ที่เสนอให้หนูแดงเป็นคนอันเชิญตราโรงเรียน แทนที่จะเป็นเชียร์ลีดเดอร์ "ฉันอดที่จะโทษมันไม่ได้

"อ้าว ไหงมาลงที่ชั้นล่ะ แกทำเชียร์ไม่เข้าตากรรมการเองต่างหาก ชั้นเป็นทีมจัดงานกีฬาไม่มีลำเอียง ได้ที่2 ก็ดีแล้ว เดี๋ยวจะโดนว่าว่าใช้เส้นเพื่อนซี้ เลยชนะเลิศ"

"ตกลงที่แกไม่อยากให้สีเราชนะ เพื่อรักษาภาพประธานจัดงานอย่างนั้นรึ นังอ้อ มันไม่เกี่ยวกันเลยนะ เรากำลังคุยถึงเรื่องที่ว่าทำไมเราไม่ชนะเลิศ"ฉันเดือดปุดๆ

"ก็แกหาว่าชั้นเป็นต้นเหตุนี่นา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหนูแดงด้วย ถ้าแกอยากรู้คะแนน ชั้นเอามาให้ดูก็ได้ จะได้หายสงสัยกันเสียที"นังอ้อตะโกนใส่หน้าฉัน

"พอแล้วค่ะ ทั้ง2 คน ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร เราต้องเคารพการตัดสินของกรรมการนะคะ ไม่ต้องโทษใครทั้งสิ้นค่ะ คิดซะว่าเราทำดีแล้วแต่ยังไม่ดีที่สุด ถึงหนูแดงจะมาเป็นเชียร์ลีดเดอร์ก็ไม่แน่ว่าสีเราจะชนะ มันผ่านไปแล้วอย่าคิดมากเลย ดีกันนะทั้ง 2คน"หนูแดงห้ามทัพ

"ดีก็ได้ เพราะเห็นแก่หนูแดงหรอกนะ"นังอ้อ ทำปากมุบมิบๆ แต่ตายังขวางอยู่

"ดีกันนะนุ่น อย่าให้หนูแดงลำบากใจ"หนูแดงหันมาขอร้อง เมื่อเห็นฉันนิ่งอยู่

"ดีก็ได้"ฉันตอบเสียงอ่อนลง

"งั้นจับมือกันค่ะ"หนูแดงคว้ามือของฉันกับนังอ้อมาจับกันไว้

"น่ารักทั้งคู่เลย"เธอยิ้มหวาน เมื่อเห็นเราจับมือกัน แม้จะไม่มองหน้ากันก็เถอะ ก็มันยังไม่หายเคืองนี่นา



Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น