web stats

ข่าว

 


Step by Step กว่าจะรู้ว่ารัก ตอนที่ 17 เหยื่อล่อ

โพสต์โดย: TrueDream วันที่: 10 พฤษภาคม 2015 เวลา 11:27:55 อ่าน: 347

ร่างเพรียวบางสมส่วนของเมธาวีในชุดนักศึกษาเดินทอดน่องเอื่อยๆ กำลังคิดถึงคนที่อยู่ในใจ นับวันเธอยิ่งอยู่อยู่ใกล้ๆ อยากพูดคุยกับมนันยาให้มากขึ้น ชักจะเริ่มระแวงว่าจะมีคนอื่นเข้ามาจีบฝ่ายนั้น ซึ่งความเป็นไปได้มันก็มีสูง ยิ่งคิดเธอก็อยากจะรีบผูกมัดเป็นเจ้าของมนันยา อยากที่จะกลับคำของตนเองแล้วไปขอฝ่ายนั้นเป็นแฟนเสียเดี๋ยวนี้ แต่เธอก็ต้องข่มใจเอาไว้...อีกไม่นานหรอกน่า...

ตอนนี้ตำรวจสาวกำลังพยายามจัดตัวเองเป็นเหยื่อล่อ เธอตีตัวออกห่างจากเพื่อนแม้ว่าช่วงนี้พวกนักศึกษาในห้องเดียวกันจะไม่ค่อยเข้าใกล้และพูดคุยกับเธอเท่าแต่ก่อน มีแค่บางส่วนที่เรียกว่าออกห่างไปเลยจริงๆ แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังคอยพูดคุยให้ความเป็นมิตรดังปกติ แค่อาจจะมีเส้นบางๆ มากางกั้นจากเมื่อก่อนเท่านั้น ทว่าตอนนี้ตำรวจสาวต้องการที่จะแยกตัวเองออกมาจากเด็กๆ เหล่านี้ และเมื่อเธอตั้งใจจะทำแบบนั้นก็ไม่ได้มีใครห้ามปรามหรือฉุดรั้ง อาจจะมีบางคนที่ดูเป็นห่วงเธอด้วยความจริงใจแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้กับเธอ

"อ้าว น้องเม ทำไมวันนี้เดินคนเดียวครับ" เสียงห้าวทุ้มของอัศวินทักขึ้น พร้อมกับร่างสูงแกร่งนั้นเดินตรงเข้ามาหาพร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน

"อ๋อ...ก็ไม่ทำไมหรอกค่ะ ไม่มีคนเดินด้วยก็เดินคนเดียว..." เมธาวีบอกเสียงแผ่ว เป็นไปตามแผนทีเดียว วันนี้เธอตั้งใจเดินผ่านแถวนี้ที่มักจะเห็นอัศวินอยู่บ่อยๆ ต้องการให้เขาเห็นว่าเธอได้ 'แยกออกจากฝูงแล้ว'

"อา...แย่จังเลยนะครับ เพราะข่าวลือแปลกๆ นั่นใช่ไหม พี่ก็พอจะได้ยินมา" อัศวินทำหน้าเห็นใจ เมธาวีก้มหน้าลงต่ำแล้วทอดถอนใจ เธอไม่ค่อยเก่งด้านการตีหน้าเศร้าเท่าไร ถ้าทำหน้าระรื่นล่ะก็ว่าไปอย่าง

"สงสัยเมจะโดนแบนแล้วนะคะเนี่ย เพื่อนหนีหมดเลย" เมธาวีบอกด้วยรอยยิ้มฝืนๆ ซึ่งเธอคิดว่าทำออกมาเหมือนคนฝืนยิ้มได้ดีทีเดียว อาจจะเพราะตอนนี้เธอก็ไม่ได้อยากยิ้มเท่าไร

"โอ๋ๆ เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้นเองครับ" ชายหนุ่มบอกอย่างอ่อนโยนพลางขยับเข้ากุมมือเธอเอาไว้ ทำเอาเมธาวีสะดุ้งเกือบออกหมัดสวนแล้ว ดีที่เธอยังตั้งสติได้และเตรียมใจพอสมควรว่านายอัศวินเป็นพวกชอบถึงเนื้อถึงตัว ตำรวจสาวยังเห็นอีกว่าถึงน้ำเสียงจะอ่อนโยนแต่ในประกายตานั้นมีบางสิ่งอยู่ในนั้น ท่าทาง 'แผนอ่อยเหยื่อ' ของเธอจะได้ผลดีทีเดียว

"ว่าแต่น้องเมรู้จักคุณไอรดาด้วยเหรอครับ" อัศวินถามขึ้น ซึ่งก็เป็นคำถามที่เมธาวีคิดอยู่แล้วว่ามันต้องเกิด แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้

"รู้จักค่ะ" ตำรวจสาวตอบสั้นๆ ง่ายๆ ประวิงเวลาสำหรับการเรียบเรียงความคิดในสมอง

"รู้จักได้ยังไงครับเนี่ย" ชายหนุ่มถามอย่างชวนคุย

"ก็รู้จากเพื่อนอีกทีน่ะค่ะ เพิ่งรู้จักไม่กี่เดือน คุยกันไม่กี่ครั้ง ไม่ได้สนิทอะไรค่ะ"

"แล้วรู้รึเปล่าครับว่าคุณเขาทำงานอะไร" คราวนี้คล้ายเสียงของอัศวินจะต่ำลงเล็กน้อย เมธาวีเลือกที่จะสบตาเขาแล้วตอบด้วยแววตาไร้เดียงสาซึ่งเธอทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ

"ไม่รู้หรอกค่ะ ไม่เคยถามเลย"

คราวนี้ชายหนุ่มยิ้มขึ้นมาในประกายตามีแววสมใจ

"น้องเม" เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นอย่างร้อนใจไม่ไกลนักทำให้นายอัศวินปล่อยมือหญิงสาวแล้วถอยห่างออกมาเล็กน้อย มองดูผู้มาใหม่

"ไปทานข้าวกับพี่ไหม" ม่านฟ้าถามขึ้นเสียงปนหอบเล็กน้อยเนื่องจากเธอรีบวิ่งมาหา เมื่อเห็นรุ่นน้องอยู่กับอัศวินด้วยท่าทางใกล้ชิดขนาดนั้น

"ค่ะ ไปค่ะ" เมธาวียิ้มรับก่อนจะหันไปบอกลาอัศวิน

"เมไปก่อนนะคะ"

ม่านฟ้าถอนใจโล่งที่สามารถแยกรุ่นน้องออกมาได้ นี่เมธาวีไม่รู้เลยหรืออย่างไรว่านายอัศวินเป็นคนอันตรายขนาดไหน นี่ไม่มีใครบอกเมธาวีบ้างเลยหรือว่าคนที่วางยาตนคือคนพวกนี้ แม้จะไม่อาจระบุว่าคนไหนแต่เป็นไปไม่ได้ที่นายอัศวินจะไม่รู้เห็น

"พี่ฟ้าจะกินข้าวที่ไหนคะ ข้างนอกไหม ร้านอร่อยแถวๆ นี้ก็มีนะ" เมธาวียิ้มบอก เธอไม่ค่อยชอบทานข้าวที่โรงอาหารหรือร้านอาหารภายในมหาวิทยาลัยเท่าไร ไม่ใช่เพราะไม่อร่อย มันก็พอทานได้นั่นล่ะ แต่ว่าหากเลือกได้เธอไม่ชอบที่ต้องทานข้าวในบรรยากาศคนเยอะๆ แบบนั้น

"ก็ได้ค่ะ" ม่านฟ้ารับคำ อันที่จริงเธอก็ไม่ชอบที่จะอยู่ในที่ที่มีคนเยอะๆ แต่เพราะไม่มีรถจึงไม่ได้ออกไปทานข้างนอก และถึงจะเป็นเมื่อสมัยที่เธอยังมีมอเตอร์ไซด์อยู่เธอก็ยังคิดว่ามันค่อนข้างสิ้นเปลืองน้ำมันโดยไม่จำเป็น จึงเรียกได้ว่าเธอแทบไม่เคยออกไปรับประทานอาหารในร้านรอบๆ มหาวิทยาลัยเลยก็ว่าได้

"พี่ฟ้ามีเรียนอีกทีกี่โมงคะ"

"บ่ายโมงครึ่งค่ะ"

ตำรวจสาวพยักหน้ารับ เป็นเวลาเดียวกับเธอและตอนนี้ก็เพิ่งจะเที่ยงมาเล็กน้อย ยังมีเวลามากพอจะออกไปทานข้างนอกอย่างสบาย




ร้านที่เมธาวีพามาเป็นร้านขนาดกลางแต่บรรยากาศดี แม้คนจะเต็มแทบทุกโต๊ะแต่ว่าบรรยากาศไม่อึดอัดและดูมีมุมที่เป็นส่วนตัว คนที่เข้ามาส่วนใหญ่ดูเป็นวัยทำงานเสียมากกว่า อาจจะเพราะร้านนี้ดูเป็นร้านอาหารมากกว่าร้านอาหารตามสั่ง และที่สำคัญมันก็ห่างจากมหาวิทยาลัยกว่าที่คิด แม้จะห่างไม่มากใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 10 นาที แต่เธอไม่คิดว่าเมธาวีจะพามาถึงที่นี่ อีกอย่าง...เธอรู้แล้วว่าเมธาวีขับรถเร็วมาก

"สั่งข้าวคนละจานแล้วสั่งกับข้าวทานด้วยกันไหมคะ หรือว่าจะเอาอาหารจานเดียว" ตำรวจสาวถามพลางรับเมนูมาอย่างคล่องแคล่วทำให้คนมาด้วยคิดว่าอีกฝ่ายคงมาร้านนี้บ่อยพอสมควร

"แบบนั้นก็ได้ค่ะ"

"อย่างนั้นให้พี่ฟ้าสั่งเถอะ ร้านนี้อร่อยทุกอย่าง เมทานมาหมดแล้ว" เมธาวีบอก เธอลองมาทุกเมนูแล้วจริงๆ

"น้องเมสั่งเถอะค่ะ พี่ทานได้หมด" ม่านฟ้าบอก ซึ่งฝ่ายนั้นก็รับมาอย่างง่ายๆ

"จะทานประเภทไหนคะ ผัด ยำ ทอด ต้มจืด ต้มยำ หรือยังไง" เมธาวีถาม

"ผัดก็ได้ค่ะ"

"ผัดฉ่าปลากะพงไหมคะ"

"ก็ได้ค่ะ"

ตำรวจสาวจึงเลือกที่จะสั่งผัดฉ่าปลากะพงซึ่งเป็นเมนูเด็ดของร้านทีเดียว กับต้มยำอีกหนึ่งหม้อ

"พี่ฟ้าเอาอะไรเพิ่มไหมคะ" ตำรวจสาวหันมาถามโดยพนักงานยังยืนรอจดเมนูอยู่

"ไม่ล่ะค่ะ" ม่านฟ้าตอบง่ายๆ ปกติเธอทานกับข้าวอย่างเดียวหรืออาหารตามสั่งธรรมดาอยู่แล้ว มีแค่เวลาซื้อไปทานที่ห้อง ไอรดามักจะทานกับข้าวสองสามอย่าง

"ท่าทางน้องเมมาบ่อยนะคะ" ม่านฟ้าถามอย่างชวนคุย

"ก็บ่อยอยู่ค่ะ"

ทั้งคู่ต่างเงียบไปอึดใจด้วยไม่มีอะไรจะพูดกัน ม่านฟ้าลังเลเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น

"น้องเม...ไม่ควรเข้าใกล้อาร์มนะคะ ไม่รู้เหรอว่าเขา...ไว้ใจไม่ได้" ดวงตาคมกลมโตคู่นั้นมองมาอย่างเป็นห่วงจากใจจริง แต่ก็ลังเลที่จะบอกเพราะความที่ไม่ได้สนิทกันมากนัก

"อืม...ยังไงคะ" ตำรวจสาวถามกลับด้วยรอยยิ้มในดวงตา อยากรู้ว่าคนถามรู้อะไรบ้างและคิดอะไรอยู่ ที่แน่ๆ คือเป็นห่วงเธออย่างหนึ่งล่ะ นึกเอ็นดูเด็กคนนี้ ถ้าไอรดากล้าทำไม่ดีกับม่านฟ้าล่ะน่าดู

"วันที่น้องเมถูกวางยา...พี่เห็นอาร์มกับกลุ่มเขาเดินออกมาดูตอนเราขึ้นรถไปแล้ว" ม่านฟ้าขมวดคิ้วบอก

"พี่ว่าคนที่วางยาน้องเมต้องเป็นพวกนี้ล่ะค่ะ"

"เขาอาจจะเป็นห่วงที่เราหายออกมาเลยเดินมาดูเฉยๆ ก็ได้นะคะ พี่ฟ้าคิดมากไปรึเปล่า" เมธาวียิ้มบอก เห็นท่าทางม่านฟ้าดูชะงักอย่างลำบากใจ

มันอาจจะจริงอย่างที่รุ่นน้องบอก แต่ว่าเธอกลับไม่คิดแบบนั้น จะว่ามองเพื่อนร่วมห้องในแง่ร้ายก็ใช่ เธอไม่สบายใจเอาเสียเลยที่เมธาวีทำท่าราวกับไม่เชื่อเธอและยังชอบเอาตัวไปพัวพันกับชายหนุ่มคนนั้น

"แต่...ท่าทางเขาตอนนั้นไม่น่าไว้ใจเลยนะคะ แล้วมันก็ยังมีอีกหลายๆ เรื่อง...เอาเป็นว่าระวังตัวไว้ไม่เสียหายนี่คะ" ม่านฟ้าพยายามอธิบาย แต่เธอก็ไม่ถนัดในด้านการโน้มน้าวคนหรืออธิบายอะไรแบบนี้เสียด้วย

"แค่สิ่งที่เราเห็นไม่สามารถใช้ปรับปรำใครได้ค่ะ และไม่ใช่ว่าคนอื่นจะมองเห็นอย่างเรา ถึงจะเห็นในสิ่งเดียวกันก็ใช่ว่าจะคิดเหมือนกัน" เมธาวีบอกยิ้มๆ ก่อนจะถามต่อ

"แล้วที่ว่าอีกหลายๆ เรื่องนี่มีเรื่องอะไรบ้างล่ะคะ" ตำรวจสาวเริ่มหาข้อมูลเชิงลึก จะอย่างไรม่านฟ้าที่เรียนมาด้วยกันกับอัศวินถึง 3 - 4 ปีก็อาจจะรู้ระแคะระคายอะไรบ้าง แม้ว่าฝ่ายนั้นจะไม่ใช่แฟนคลับของชายหนุ่มและดูท่าทางจะไม่ค่อยสนใจเรื่องคนอื่นเท่าไร

"ช่างมันเถอะค่ะ บอกไปน้องเมก็ไม่เชื่อ ไม่สนใจอยู่ดี" ม่านฟ้าตัดบท ทั้งน้อยใจทั้งเป็นห่วง

"นี่น้อยใจเมเหรอคะ โอ๋ๆๆ" เมธาวีลูบหลังมือของม่านฟ้าเบาๆ อยากจะขำแต่ก็กลั้นเอาไว้ พอกันทั้งม่านฟ้าทั้งไอรดาจริงๆ ทำไมคู่นี้พากันมาน้อยใจเธอได้นะช่วงนี้

"เมไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อสักหน่อย รู้ค่ะว่าเป็นห่วง" เมธาวีบอก ตำรวจสาวกลอกตาเร็วๆ รอบหนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ

"แต่มันก็ควรจะมีเหตุผลรองรับกว่านี้นี่คะ และตอนนี้เมก็กำลังจะรับฟังเหตุผลอื่นๆ ประกอบ ที่ไม่ควรไว้ใจพี่อาร์ม" สาวหน้าเด็กอธิบาย ต้อนให้ม่านฟ้าเล่าพฤติกรรมอันไม่น่าไว้ใจของนายอัศวิน
"นี่น้องเมดูไม่ออกเหรอคะว่าอาร์มเป็นเสือผู้หญิงน่ะ แค่เรื่องนี้น้องเมก็ไม่ควรเข้าใกล้เขาแล้วนะคะ" ม่านฟ้าเอ่ยดุๆ

"อีกอย่าง เขามีแฟนแล้ว ถ้าน้องเมจะหวังอะไรมากมายล่ะก็นะ" รุ่นพี่เอ่ยเตือนอย่างจริงจัง แต่ม่านฟ้าเองก็คิดว่าเมธาวีน่าจะแค่อยู่ในระดับแฟนคลับ ไม่ได้คิดอะไรไปไกลมากนัก แต่ก็ไม่ควรให้เข้าใกล้อยู่ดี

"เมไม่คิดไปไกลขนาดนั้นค่ะ" เมธาวีบอกด้วยรอยยิ้มเอ็นดู

"ถ้าแค่นี้ไม่ถือว่าต้องเป็นกังวลนะคะ" ตำรวจสาวยั่ว อยากฟังเรื่องร้ายแรงกว่านี้

"น้องเม..." ม่านฟ้าครางออกมาเธอไม่รู้จะพูดอย่างไร ทำไมเด็กคนนี้ถึงไม่ยอมรู้ตัวว่ากำลังเล่นกับไฟ ทำเอาม่านฟ้าเหนื่อยใจขึ้นมาจริงๆ

"พี่ไอซ์บอกให้พี่ดูแลน้องเมนะคะ เพราะฉะนั้นน้องเมต้องฟังพี่บ้าง" ม่านฟ้างัดไม้ตายสุดท้ายออกมา

"ฮะ!" เมธาวีร้องอย่างตกใจ

อะไรนะ! ไอรดาให้ม่านฟ้าดูแลเธอ...มันจะใช่เหรอ ก็วันนั้นยังบอกให้เธอช่วยดูแลม่านฟ้าอยู่เลย สงสัยคนตรงหน้าจะเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ

"เอ่อ...ไอซ์บอกมายังไงนะ" ตำรวจสาวอดไม่ได้ที่จะถาม

"พี่ไอซ์บอกให้อยู่ใกล้ๆ น้องเมไว้ค่ะ" ม่านฟ้าบอกช้าชัด

เมื่อเมธาวีมองเข้าไปในนัยน์ตาสีนิลนิ่งสนิทบอกให้รู้ว่าคนคนนี้พร้อมที่จะดูแลเธออย่างดีที่สุด นี่เธอควรจะขำดีหรือไม่ แต่ความรู้สึกขอบคุณในน้ำใจนั้นมีมากกว่าอารมณ์อื่น

"ขอบคุณนะคะ" ตำรวจสาวยิ้มอย่างอ่อนโยน สัญญากับตัวเองว่าจะดูแลม่านฟ้าให้ดีที่สุดเช่นกัน ม่านฟ้าจะต้องปลอดภัย

"ถ้ายังไง เมทานข้าวกับพี่ฟ้าทุกวันนะคะ" เมธาวีเอ่ย

"ก็ได้ค่ะ" ม่านฟ้ารับคำ คิดว่าคนที่มักมีเพื่อนรายล้อมอย่างเมธาวีอยู่ดีๆ มาโดนเพื่อนตีตัวออกห่างแบบนี้คงรู้สึกแย่ไม่น้อย ที่ยังดูยิ้มได้นี่นับว่าดีแล้ว

ทั้งสาวนั่งคุยกันเรื่องเวลาเรียนเพื่อนัดแนะสถานที่และเวลาในการพบกับเพื่อไปทานข้าว เมธาวีขอถ่ายรูปตารางสอนของม่านฟ้าเอาไว้เผื่อเธอจำไม่ได้ ซึ่งเจ้าตัวก็อนุญาต

นี่หากว่าไม่ได้มอบจี้ติดตามตัวให้ธารารัตน์ไปเธอคงเอามาให้ม่านฟ้าแล้ว หากจะทำขึ้นใหม่ก็คงต้องใช้เวลาพอสมควร ไหนยังจะต้องติดตั้งระบบและเธอคิดว่ามันก็ไม่จำเป็นขนาดนั้น ในเมื่อม่านฟ้าน่าจะค่อนข้างปลอดภัยภายใต้การคุ้มครองของไอรดา เอ...หรือจะกลับไปยืมธารารัตน์มาก่อนดี

เพียงไม่นานจานข้าวและอาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟ ม่านฟ้ายอมรับว่ารสชาติที่นี่นับว่าอร่อยเลยทีเดียว ซึ่งก็สมควรแก่ราคาที่แม้ไม่แพงมากแต่ออกจะเกินระดับนักศึกษาฐานะปานกลางไปบ้าง ต้องเรียกว่าราคามาตรฐานห้องอาหารนั่นล่ะ




"คราวหน้าเราไปร้านธรรมดาๆ หน่อยก็ดีนะ" ม่านฟ้าบอกหลังจากทานอิ่ม

"นี่ก็ธรรมดานะคะ" เมธาวีแย้งอย่างไม่จริงจังนักตั้งใจหยอกอีกฝ่ายมากกว่า เธอเข้าใจที่ม่านฟ้าต้องการสื่อ แต่ครั้งนี้เห็นว่ามากับม่านฟ้าครั้งแรกก็อยากพาไปทานร้านที่อร่อยสำหรับเธอและอยู่ไม่ไกลจนเกินไป

ตำรวจสาวหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นม่านฟ้าทำหน้างอใส่เล็กน้อย

"ค่ะ คราวหน้าจะซอฟต์กว่านี้" เมธาวีรับปากด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะเรียกเก็บเงินแล้วเดินทางกลับมหาวิทยาลัย

เมื่อเรียนเสร็จม่านฟ้าก็กดโทรศัพท์หาไอรดาในทันที แต่ขณะที่หญิงสาวเดินลงมาถึงบริเวณลานหน้าคณะเธอก็ได้ยินเสียงเรียกจึงหันไปมอง พบว่าเป็นอัศวินนั่นเอง เมื่อเธอหยุดเดินชายหนุ่มก็มาถึงตัว

"เดี๋ยวนี้ดูสนิทกับน้องเมจังเลยนะ" ชายหนุ่มถามด้วยรอยยิ้มกริ่ม

"แล้วจะทำไม" ม่านฟ้าตอบแบบขอไปที

"ถ้าไม่มีธุระอะไรสำคัญฉันขอตัว" หญิงสาวตัดบท และทำท่าจะเดินหนีไป ทว่าชายหนุ่มคว้าข้อมือเล็กบางนั้นเอาไว้ได้ หญิงสาวพยายามสะบัดแต่เขาไม่ยอมปล่อย

"ปล่อยฉัน" ม่านฟ้าขู่ลอดไรฟัน

"ไม่ปล่อย" ชายหนุ่มบอกอย่างท้าทาย

"ถ้าไม่ปล่อยฉันจะร้อง คิดเหรอว่าจะไม่มีใครสนใจ" ม่านฟ้าบอกอย่างผู้ที่เหนือกว่า

อัศวินมองรอบกายอย่างชั่งใจ บริเวณนี้มีนักศึกษาจำนวนมากหลากชั้นปี และมีคนต่างคณะบ้างเล็กน้อย ตอนนี้ยังไม่มีใครสนใจพวกเขาแต่หากหญิงสาวทำอย่างที่ขู่ต้องมีคนสนใจอย่างแน่นอน และต่อให้ม่านฟ้าจะไม่มีเพื่อนเลยสักคนและถูกแบนภายในห้อง แต่นักศึกษาอื่นๆ คงไม่ดูดาย และต่อให้ไม่มีใครเข้ามาช่วยจริงๆ ชื่อเสียงของขาก็เสียหายอย่างแน่นอน ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะปล่อยมือ แต่ยังจ้องมองมาอย่างแค้นเคือง

"และฉันจะไม่ยอมให้นายแตะต้องน้องเมด้วย" หญิงสาวขู่ทิ้งท้าย นัยน์ตาสีนิลสนิทคู่นั้นเจิดจ้าและท้าทาย ก่อนที่เธอจะเดินห่างออกไป

เขาไม่ชอบการถูกหักหน้าแบบนี้ ทีแรกเขาว่าจะปล่อยผู้หญิงนี้ไปแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องทำให้ม่านฟ้าเป็น 'สินค้า' ให้ได้






เพียงไม่ถึงนาทีจากที่ปะทะคารมกับอัศวินรถยุโรปคันงามสีดำสนิทก็จอดเทียบกับฟุตบาทเช่นทุกวัน ม่านฟ้ายิ้มแล้ววิ่งไปเปิดประตูเข้าไปนั่งอย่างรวดเร็วจนเจ้าของรถหันมาหัวเราะ

"อะไรจะรีบขนาดนั้นคะ" ไอรดาถาม ทำเอาคนเพิ่งขึ้นรถชะงักไปเล็กน้อย ยิ้มออกมาอย่างเก้อๆ แต่ยังพยายามจะตอบ

"ก็...ก็ฟ้าดีใจนี่คะ"

"ดีใจอะไรคะ พี่ก็มารับทุกวัน" ไอรดายิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะหันไปมองทางแล้วออกรถ ไม่อยากจอดเป็นเป้าสายตานาน

"ก็...ดีใจที่ได้เจอพี่ไอซ์...เมื่อไรก็ดีใจค่ะ..." ม่านฟ้าอ้อมแอ้มตอบ มันคือความจริงที่สุด ความจริงที่เธออยากจะเก็บไว้แต่มันก็ล้นออกมา

เมื่อพูดออกไปแล้วหญิงสาวก็ได้แต่เฝ้ารอปฏิกิริยาของอีกฝ่ายชนิดหายใจไม่ทั่วท้อง หากการตอบรับเป็นไปในทางลบเธอจะได้ควบคุมตัวเองด้านการแสดงออกมากกว่านี้ และจะได้มั่นใจไปเสียทีว่าเรื่องที่ไอรดาบอกคืนนั้นเป็นเพราะฝ่ายนั้นเมา...ไม่ได้มีความหมายอะไรให้ต้องขบคิด...

รอยยิ้มบางๆ ค่อยๆ คลี่กระจายจากริมฝีปากลามไปทั่วใบหน้าและดวงตาที่พราวระยับนั่น เธอแทบอยากจะจอดรถแล้วให้รางวัลเลยทีเดียวแต่ก็หักใจเอาไว้ มันก็คงเหมือนกับเธอที่รู้สึกอยากยิ้มออกมาทุกครั้งที่พบหน้าม่านฟ้า แม้ว่าจะเจอกันทุกวันอยู่แล้ว

"แต่ถ้า...พี่ไอซ์ไม่ชอบให้ฟ้าพูดแบบนี้ ต่อไปฟ้าจะไม่พูดค่ะ..." ม่านฟ้าบอกเสียงอ่อย ไม่ค่อยแน่ใจกับรอยยิ้มนั้น เพราะเมื่อมองเพียงด้านข้างเธอไม่อาจเห็นแววตาคู่นั้น และคนพูดก็ไม่กล้าที่จะมองตรงๆ นานๆ ทำได้เพียงชำเลียงมองเท่านั้น

เพียงจบประโยคไอรดาก็ตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทางเมื่อมองดูดีแล้วว่าไม่มีรถตามหลังในระยะประชิดเธอก็จอดเทียบที่ฟุตบาท

ม่านฟ้าใจหายวาบ นี่เธอพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือ...

แต่ก่อนที่นักศึกษาสาวจะทันคิดหรือถามอะไรออกไป ไอรดาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยของตนเองออกแล้วโน้มตัวไปหาคนที่นั่งอีกฝั่ง ก่อนจะแตะริมฝีปากลงบนเรียวปากบางนั้นเบาๆ จนเมื่อม่านฟ้าเผยอกลีบปากของตนขึ้นโดยไม่ตั้งใจ คนรุกจึงได้สอดความอุ่นนุ่มเข้าไปควานหาความหวานที่ภายใน ตอนแรกคนโดนโจมตีไม่ทันตั้งตัวคล้ายจะตกใจและไม่ตอบรับ แต่เพียงครู่เธอก็โอนอ่อนในเมื่อใจเธอไม่เคยต่อต้านสัมผัสของผู้หญิงคนนี้เลยสักครั้ง ไอรดาจึงได้มอบจูบแสนหวานให้เป็นการบอกเล่าอธิบายความรู้สึกต่างๆ ซึ่งม่านฟ้าเองก็คล้ายจะเข้าใจมันได้ด้วยร่างกายนี้ สาวน้อยพยายามตอบสนองไปบ้าง แต่ก็เป็นไปโดยเงอะงะจนคนมากประสบการณ์นึกเอ็นดู

กว่าอึดใจใหญ่คนเริ่มจึงเป็นฝ่ายรามือออกมา แต่ริมฝีปากอิ่มระเรื่อนั้นไม่ได้ไปไหนไกลเพียงมาระไล้อยู่กับใบหูของคนที่กำลังหอบหายใจเบาๆ เธอใช้ปลายจมูกไล้ไปตามใบหู จนผู้ถูกกระทำเผลอส่งเสียงหวานครางออกมา ไอรดายิ้มอย่างพอใจ อยากจะแกล้งมากกว่านี้แต่ก็กลัวจะเป็นตัวเองที่เตลิด คนอายุมากกว่าจึงเพียงกระซิบเบาๆ ด้วยเสียงหวานนุ่ม ที่ทำเอาม่านฟ้าอุ่นซ่านเข้าไปในใจ

"ชอบสิคะ พี่ชอบให้ฟ้าพูดแบบนี้ ชอบให้ฟ้าปากหวานใส่พี่ หรือถ้าฟ้าคิดอะไรก็พูดออกมาเถอะค่ะ พี่อยากฟังทั้งหมดนั่นล่ะ"

เมื่อพูดจบเธอก็อดไม่ได้ที่จะแตะจมูกลงบนแก้มเนียนนุ่มนั่นแล้วหอมฟอดใหญ่ๆ ก่อนจะกลับเข้ามานั่งที่ตัวเอง รัดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้เช่นเดิมแล้วออกรถไป ปล่อยให้ม่านฟ้านั่งหน้าแดงอยู่เงียบๆ รู้ว่าเด็กน้อยของเธอกำลังอายมาก เธอจะยอมปล่อยให้นั่งปรับอารมณ์สักพักก็แล้วกันเดี๋ยวพี่ไม้จะหาว่าเธอแกล้งน้องเสียแล้ว

"เดี๋ยวเย็นนี้ทานข้าวบ้านพี่ไม้กันนะ" ไอรดาบอกออกมาอย่างอารมณ์ดี ซึ่งม่านฟ้าก็พยักหน้ารับ

เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ไปรับประทานอาหารที่บ้านหลังน้อยของรวีวรรณเช่นกัน แถมยังรู้ว่าเป็นฝีมือพี่ไม้ของเธอทำเองยิ่งทำให้ตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ ที่สำคัญยังได้พาม่านฟ้าไปในฐานะคนรักของเธอด้วยมันช่างเป็นเรื่องที่ทำให้ยิ้มได้ไม่หุบจริงๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มีความสุขในการอ่านนะคะ ^_^

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น