web stats

ข่าว

 


Desperate KNIGHT - Chapter 22

โพสต์โดย: nuffy วันที่: 08 พฤษภาคม 2015 เวลา 23:14:16 อ่าน: 376

ณ เทวสภาบนสวรรค์

เหล่าเทพเจ้าที่อยู่ฝ่ายของมหาเทพที่รวมตัวอยู่ภายในห้องโถงต่างมีสีหน้ายิ้มแย้ม พวกเขามีกำลังวังชามากขึ้น และพลังอำนาจที่หายไปนั้นกลับคืนมาถึงแม้ว่าจะไม่ทั้งหมดอย่างที่เคยเป็นก็ตาม กฎใหม่ที่อัลฟอนด์สร้างขึ้นเริ่มเห็นผลแล้ว

มหาเทพที่นั่งนิ่งอยู่บนบัลลังก์เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ขมุกขมัวหลังจากที่เทพีแห่งท้องฟ้าจากไปด้วยน้ำมือของเขา สีของท้องฟ้าที่ไม่สู้ดีนักแต่ก็ไม่ได้มีผลอันใดต่อความรู้สึกภายในใจของเขา เพียงแค่โบกมือเปลี่ยนสีสิ่งที่อยู่เบื้องบนให้กลายเป็นสีคราม

"เอาล่ะ ในเมื่อพลังของพวกเจ้าเริ่มกลับคืนมาแล้ว ก็จงไปทำสิ่งที่พวกเจ้าบอกว่าจะไปทำเสีย" อัลฟอนด์พูดเสียงดัง

เหล่าเทพและเทพีหยุดพูดคุยแล้วนิ่งเงียบ

"รวบรวมมาให้ได้มากที่สุด ใครขัดขืนก็ฆ่าได้เลย" มหาเทพออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

เทพเจ้าทั้งหมดค้อมศีรษะให้กับผู้พูดแล้วเดินออกจากเทวสภาไป

...

เซ็ทโธเรียออกเดินทางไปยังทิศตะวันออก ทิศทางนั้นมีป่าใหญ่ที่เหล่ามนุษย์เรียกกว่าป่าวงกต เนื่องจากป่านี้กินพื้นที่ถึงสามอาณาจักรใหญ่และมีทางเดินที่คดเคี้ยว สลับกับทิวเขา และปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ปกคลุมไปทั่วทำให้แสงอาทิตย์ไม่อาจจะส่องลงมาถึงพื้นได้ แม้แต่นายพรานที่เก่งที่สุดก็มิอาจจะหาทางออกไปยังอีกฝั่งหนึ่งได้

จากคำบอกเล่าของมนุษย์ที่อยู่ในแถบนี้ พวกเขาต่างก็เชื่อกันว่าเป็นป่าอันเป็นที่สิงสถิตของปิศาจและวิญญาณร้าย ช่วงเวลาที่ผ่านมามีผู้คนหายเข้าไปในป่านี้หลายร้อยคน และยังไม่มีมนุษย์คนไหนที่เดินทางเข้าไปในป่าแห่งนี้และกลับออกมาได้ ป่านี้จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าป่าแห่งความตาย และป่าแห่งนี้จะเป็นที่ซ่อนตัวและเป็นรังที่ดีที่สุดสำหรับปิศาจที่หิวโหยเพราะไม่มีใครกล้าเข้ามารบกวนพวกมัน และที่แห่งนี้ถือว่าเป็นพื้นที่ซ่อนตัวของปิศาจที่ยังคงหลงเหลือจากกาลก่อนอีกด้วย

ก่อนที่เทพีจะเดินทางเข้าไปในป่า ผู้เฒ่ามนุษย์คนหนึ่งได้เล่าถึงชื่อเสียงที่ร่ำลือกันเกี่ยวกับจอมปิศาจที่มีนามว่า 'เจอร์ซีย์' ชื่อเสียงของมันขจรขจายไปทั่วจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้รัศมีของป่าแห่งนี้ และยิ่งทำให้ป่าแห่งความตายเป็นที่สิงสู่ของปิศาจมากขึ้นเรื่อยๆ จนกล่าวกันว่าแม้แต่เทพเจ้าที่ดูแลเขตแดนนั้นก็ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้

"ที่นี่เป็นที่หลัก... ถ้าทำลายที่นี่ได้ที่อื่นก็เป็นเรื่องเล็กน้อย" เทพีตาสีนิลคิดในใจก่อนที่จะเข้าไปในป่า

'ผู้บุกรุก'

เสียงแหบแห้งที่แผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบกระทบเข้ามายังโสตประสาทของเทพีผู้สร้างปิศาจตั้งแต่ก้าวแรกที่เธอเหยียบย่างเข้าเขตป่า

'มีผู้บุกรุก' เสียงแหบแห้งดังขึ้นอีกครั้ง 'ท่าทางแข็งแกร่ง ข้ารู้สึกได้... พวกเรารวมพล... ฆ่ามัน'

ริมฝีปากหยักของเทพีเหยียดออกเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย สองเท้าของเธอยังคงก้าวเข้าไปในป่านั้นอย่างไม่กลัวกับเสียงขู่ที่ได้ยิน

บรรยากาศสองข้างทางที่เซ็ทโธเรียก้าวเดินนั้นเป็นทิวสนยืนต้นตระหง่านและรกครึ้ม เสียงหวีดหวิวของลมที่กระทบกับยอดสนทำให้เกิดเสียงประหลาดและน่ากลัว แต่เทพีก็ยังคงเดินต่อไปด้วยความไม่สนใจอะไร เมื่อเดินต่อไปได้อีกไม่กี่ก้าวเธอก็หยุดยืนแล้วมองบนพื้นดินที่ปรากฏรอยเท้าขนาดมหึมา ลักษณะของมันเหมือนรอยเท้าของสัตว์ปีกพร้อมด้วยกรงเล็บขนาดใหญ่

"ถนนสุดแค่ตรงนี้เองสินะ" เทพีกล่าวออกมาเบาๆ แล้วมองตรงไปด้านหน้าอันเป็นป่ารกชัฏ เส้นทางเดินเล็กๆ หายไปจากบริเวณนี้

ดวงตาเรืองแสงวับวามสีต่างๆ นับร้อยคู่จ้องมองมายังผู้มาเยือน เทพีตาสีนิลได้ยินเสียงคำรามดังออกมาจากด้านหน้าของเธอ เหรียญทองผุดขึ้นมาบนมือซ้ายของเทพีหลังจากนั้นเธอก็เริ่มหมุนตามนิ้วมือ

"ข้าต้องการสนทนากับหัวหน้าของพวกเจ้า"

เสียงคำรามดังสนั่นดังออกมาจากทิวไม้ และตามมาด้วยเสียงร้องคำรามอีกหลายต่อหลายเสียงผสมกัน

"ผู้บุกรุก" เสียงอันแหบแห้งดังขึ้นมา "เจ้ากล้าดีอย่างไรที่เข้ามาในเขตของข้า?"

"แล้วเจ้ากล้าดีอย่างไรที่ตั้งคำถามเช่นนั้นกับข้า?" เซ็ทโธเรียตอบกลับ

"อย่ามาทำยโสที่นี่นะเจ้าผู้บุกรุก นี่คือเขตของข้า!"

"เช่นนั้นหรือ?" เทพีตอบกลับเสียงเรียบ "ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะกล้าพูดแบบนั้นกับคนที่สร้างพวกเจ้าขึ้นมา"

เสียงร้องดังออกมาด้วยความไม่พอใจ "เฮอะ! ข้าเป็นตัวข้า ข้าไม่ได้เกิดจากการสร้างของผู้ใด!"

"อย่างนั้นหรือ? ถ้าเจ้าคิดว่าไม่มีผู้ใดสร้างเจ้า... แล้วเจ้ามีกำเนิดจากที่ใดกันล่ะ?"

"ข้ากำเนิดจากพื้นดิน กินอยู่บนพื้นน้ำ ล่องลอยบนอากาศ"

"น่าสนใจดีนี่"

"ข้าคือผู้วิเศษ ข้าไร้เทียมทาน"

เทพีผู้สร้างปิศาจพยักหน้า "เช่นนั้นหรือ?"

"ไม่มีผู้ใดทัดเทียมข้าได้"

"เจ้าแน่ใจหรือ?"

คำตอบของเซ็ทโธเรียทำให้ปิศาจที่เธอกำลังพูดคุยด้วยนั้นโมโห มันส่งเสียงร้องคำรามลั่นด้วยความเกรี้ยวกราด หลังจากนั้นทิวไม้ที่อยู่ตรงหน้าก็มีการเคลื่อนไหว เหล่าปิศาจน้อยใหญ่กระโจนเข้ามาล้อมเทพีเอาไว้

เทพีตาสีนิลสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ "พวกเจ้ามีกันเท่านี้เองหรือ?"

ปิศาจที่อยู่ตรงหน้าเธอไม่ตอบ พวกมันได้แต่ส่งสายตามุ่งร้ายมาที่ผู้บุกรุกพลางตั้งท่าเตรียมพร้อมรับคำสั่งจากผู้เป็นหัวหน้า

ฉับพลันนั้นก็มีลมหวนพัดขึ้นมาอย่างรุนแรง กรงเล็บแข็งแรงและแหลมคมจับบริเวณบ่าทั้งสองข้างของเทพี ตัวของเธอลอยขึ้นจากพื้นด้วยความเร็วสูง

เทพีผู้สร้างปิศาจเงยหน้าขึ้นมองปิศาจที่จับตัวของเธอ ตัวของมันสูง มีส่วนหัวคล้ายม้าหรือแพะแต่ลำตัวยาวคล้ายงู มีปีกขนาดใหญ่คล้ายอินทรีย์ มีหาง 2 แฉก มีเขาคู่ยาวแหลมคมงอกขึ้นมาบนหน้าผาก ลำตัวปกคลุมด้วยขนสีดำ

"เจ้านี่เอง เจอร์ซี่ย์... ปิศาจที่พวกมนุษย์ร่ำลือกัน"

ปิศาจไม่ตอบ มันพาผู้บุกรุกบินสูงขึ้นและสูงขึ้น เซ็ทโธเรียมองลงไปด้านล่างก็เห็นปิศาจหลายร้อยตัวอยู่ในบริเวณป่านอกเหนือจากจุดที่เธอถูกพาขึ้นมา

"อยู่ที่นี่กันมากมายเลยสินะ แต่พื้นที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ข้าคิดว่าพวกเจ้าน่าจะอยู่กันแบบไม่ต้องลำบาก"

"ข้าจะฆ่าเจ้า" ปิศาจคำรามออกมา "ทำไมเจ้าถึงไม่กลัวข้า?!"

"ทำไมข้าต้องกลัวเจ้าด้วยล่ะ?"

"ข้าคือจอมปิศาจ ข้าคือผู้ไร้เทียมทาน"

"เจ้าแน่ใจหรือเจอร์ซีย์ว่าเจ้าเป็นจอมปิศาจผู้ไร้เทียมทาน?" เทพีตาสีนิลถามกลับอีกครั้งด้วยคำถามเดิม

เจอร์ซีย์แผดเสียงคำรามอย่างไม่พอใจ มันบินโฉบเฉี่ยวไปมาหมายจะทำให้ศัตรูเวียนหัว "ข้าไม่ชอบท่าทางโอหังของเจ้า การพูดของเจ้าเหมือนกำลังดูถูกข้า"

"ข้าทำเช่นนั้นหรือ?" ผู้บุกรุกตอบกลับด้วยเสียงเรียบเช่นเดิม

"อย่ามาทำเสียงเช่นนั้นกับข้า! ข้าคือจอมปิศาจ ข้าเป็นผู้ปกครองปิศาจน้อยใหญ่ที่อยู่ที่นี่ มีปิศาจมากมายอยู่ภายใต้การปกครองของข้า... ข้าจะทำอะไรก็ได้ จะฆ่าเจ้าก็ยังได้!"

เทพีผู้สร้างปิศาจถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เธอสะบัดมือให้เหรียญทองหายไปแล้วพูดออกมาว่า

"ตอนแรกข้าคิดว่าข้าจะคุยกับพวกเจ้าดีๆ และหาทางไว้ชีวิตพวกเจ้า แต่ในเมื่อเจ้าตั้งแง่กับข้าเช่นนี้ก็เห็นจะมีหนทางเดียวกับคือต้องกำจัดพวกเจ้า... เจอร์ซีย์... เจ้าทำให้ตัวเองและพวกพ้องของเจ้าต้องตาย"

ปิศาจร้องเสียงดังด้วยความโมโห "บังอาจ! เจ้าเป็นใครกันแน่เจ้ามนุษย์! ไม่ล่ะ ข้าจะไม่ฟังคำตอบจากเจ้าแล้ว ข้าจะฆ่าเจ้าเดียวนี้ล่ะ"

เจอร์ซีย์ปล่อยกรงเล็บของมันออกจากบ่าของผู้มาเยือนหลังจากพูดจบ ร่างของเซ็ทโธเรียร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว เทพีชายตามองที่ร่างของปิศาจที่กำลังพุ่งลงมาหาเธอหมายที่จะใช้เขาแหลมๆ ของมันสังหารเธอเสีย และเมื่อมันเข้ามาใกล้ เทพีก็ชักดาบยาวออกมา ดาบยาวแหวกอากาศแล้วตัดเขาทั้งสองออกจากกันในทันที

เสียงร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดและโมโหของปิศาจดังออกมาอีกครั้ง

"เจ้า!" มันแผดเสียงร้องดังสนั่น

กรงเล็บแหลมคมพุ่งเข้าใส่เธอ แต่เทพีตาสีนิลก็ใช้ดาบปัดป้องแล้วตัดนิ้วของมันขาด

"แก... เจ้ามนุษย์"

"ข้าไม่ใช่มนุษย์" เทพีพูดเสียงเรียบ "ข้าคือเซ็ทโธเรีย เทพีผู้สร้างปิศาจ ข้าเคยสร้างเจ้ามานานแล้วตั้งแต่กาลก่อน แต่เจ้าลืมเลือนข้าไปเสียแล้ว"

"ท... เทพเจ้า" เจอร์ซีย์แค่นเสียงพูด "เทพีผู้สร้างปิศาจ..."

"จงกลับคืนสู่ข้าเจอร์ซีย์ พร้อมกับบริวารของเจ้า"

เทพีผู้สร้างปิศาจตวัดดาบไปทางซ้าย คมดาบเฉือนเข้าคอหอยของปิศาจ มันส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดพลางดิ้นทุรนทุรายแต่ก็ยังไม่สิ้นฤทธิ์ ขากรรไกรอันแข็งแรงของมันกระโจนเข้าใส่เทพีหมายจะกัดและบดกระดูกของอีกฝ่าย แต่เธอก็เบี่ยงตัวหลบ หมุนตัวพลิกไปด้านหลังแล้วแทงไปที่กลางหัวของมัน

ร่างใหญ่โตของเจอร์ซีย์กระแทกพื้นอย่างรุนแรงและส่งเสียงดังสนั่น เซ็ทโธเรียดึงดาบออกมาจากหัวของปิศาจแล้วกระโดดลงมาบนพื้น เธอมองปิศาจแต่ละตัวที่ส่งทั้งสายตาที่หวดกลัว บ้างก็โกรธแค้น

"อย่าได้ตกใจไป... จงกลับคืนสู่ข้า"

เทพีตาสีนิลหยิบลูกแก้วออกมา จิตวิญญาณร้ายของเจอร์ซีย์ลอยเข้ามาในลูกแก้ว ริมฝีปากหยักของเธอเม้มแน่นแล้วเริ่มจัดการปิศาจที่เหลือ

(เจอร์ซีย์ นำมาจากปิศาจเจอร์ซีย์ (Jersey Devil) หรือปิศาจลีดส์ (Leeds Devil) สัตว์ประหลาดในตำนานพื้นถิ่นของชาวรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา เป็นสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายปีศาจตามความเชื่อในคริสต์ศาสนา  เชื่อว่าอาศัยอยู่ในป่าสน ไพน์ บาร์เรนส์ ป่าสนขนาดใหญ่ในพื้นที่ตอนใต้ของรัฐนิวเจอร์ซีย์)

...

สามสัปดาห์ผ่านมา

ทุกก้าวย่างของนิโคลเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เธอกำลังมุ่งหน้าสู่เมืองทัคมัน เมืองที่อยู่ใจกลางของทวีป ก่อนหน้านั้นเธอเดินทางไปเยือนมาแล้วสามเมือง ซึ่งสถานที่ทั้งสามที่เธอไปเยือนนั้นทำให้เธอร่ำไห้ เพราะสภาพของมันไม่ต่างอะไรไปจากสุสานกลางเมืองสักเท่าใดนัก ส่วนมนุษย์หรือสัตว์ที่ยังคงรอดชีวิตก็ถูกจิตวิญญาณร้ายเข้าครอบงำจิตใจแทบจะทั้งหมด สาวผมแดงฝืนใจที่จะต้องสังหารพวกเขาทุกคนเพื่อรวบรวมจิตวิญญาณร้าย เธอรู้สึกว่านับวันพละกำลังของตนเองก็เพิ่มมากขึ้น แต่ทว่าในใจของเธอกลับรู้สึกว่าตนเองเป็นเพชฌฆาตมากกว่าอัศวิน

บ่อยครั้งที่เธออยากจะทิ้งดาบลงเพื่อละทิ้งหน้าที่โดยเฉพาะเวลาที่เห็นเด็กๆ ถูกครอบงำด้วยจิตวิญญาณร้ายและพุ่งเข้ามาทำร้ายเธอ แต่คำพูดของเทพีผู้สร้างปิศาจก็เตือนสติเธอเอาไว้

'ภารกิจที่เจ้าได้รับนั้นหนักหนา เจ้าอาจต้องต่อสู้กับความรู้สึกที่สับสน ข้าขอให้เจ้าเชื่อในตนเอง'

"ภารกิจที่ท่านให้ข้ามันหนักหนาจริงๆ" อัศวินสาวพูดพึมพำหลังจากที่ลูกแก้วสูบจิตวิญญาณร้ายออกจากครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่งที่อยู่สุดเขตแดนของเมือง หลังจากนั้นน้ำตาร้อนๆ ก็ไหลลงมาอาบแก้ม

ในช่วงระหว่างที่อยู่ในเมืองที่สอง โลหิตของเซ็ทโธเรียที่อยู่ในขวดแก้วก็หมดลงพร้อมกับอาการอ่อนล้าของเธอ นิโคลพยายามอดทนกับสภาพร่างกายที่เหนื่อยล้า ปวดร้าว และบาดเจ็บมากขึ้นเนื่องจากเธอไม่อยากที่จะดื่มเลือดของนายเหนือหัว แต่หลังจากนั้นเพียงแค่สองวันเธอต้องต่อสู้กับปิศาจในคราบของฝูงปศุสัตว์ที่โจมตีเธออย่างกะทันหัน ถึงแม้จะมีชัยแต่เธอก็ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักเช่นเดียวกัน

สาวผมแดงจึงจำเป็นต้องดื่มเลือดอีกครั้ง เมื่อเธอเขย่าขวดแก้วแรงๆ ร่างของเทพีผู้สร้างปิศาจก็ปรากฎตัวขึ้นในทันที ทั้งสองใช้เวลาที่เทพีเติมเลือดของตนเองลงขวดแก้วสนทนาเพียงเล็กน้อย เซ็ทโธเรียดุเธอที่ประมาทกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ก็ไม่มากนัก หลังจากนั้นเธอก็นอนหลับในอ้อมกอดของอีกฝ่ายและเมื่อตื่นขึ้นมาเทพีตาสีนิลก็เตรียมพร้อมที่จะจากไป ก่อนที่เทพีผู้สร้างปิศาจจะเดินทางต่อไปเพื่อปฏิบัติภารกิจของตนเองก็ได้ทิ้งความอบอุ่นของจุมพิตที่ติดอยู่บนริมฝีปากของเธอ

"ข้ารู้ว่าเจ้าลำบากใจ ข้าเองก็ลำบากใจไม่แพ้เจ้าเช่นกัน" เซ็ทโธเรียกล่าว "อดทนอีกหน่อยเถิดอัศวินของข้า อีกไม่นานมันจะจบลง"

การเดินทางของนิโคลก็ยังดำเนินต่อไป ณ ตอนนี้ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นของฤดูหนาวเธอเดินอยู่บนถนนลูกรังที่สองข้างทางเต็มไปด้วยเศษซากปรักหักพัง และหลุมศพของบุคคลที่ตายจาก ยังไม่รวมไปถึงซากของสิ่งมีชีวิตต่างๆ อีกด้วย สาวผมแดงก้าวเท้าด้วยความไม่ประมาท ดวงตาสีเขียวของเธอสอดส่ายหาเบาะแสของหมอกควันสีดำที่อาจจะซ่อนตัวอยู่ที่ใดก็ได้ตามเส้นทางที่ทอดยาว

สองเท้าของเธอก้าวเดินอย่างมั่นคงไปเรื่อยๆ เธอไม่รู้สึกหิวหรือกระหายน้ำ นั่นคงเป็นเพราะพลังอำนาจของเซ็ทโธเรียที่อยู่ในตัวเธอ

อัศวินผมแดงเม้มริมฝีปากเมื่อเห็นตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่งตกอยู่ริมทางเดิน ไม่ไกลจากลำธารสายเล็กๆ ที่แข็งตัวเพราะอากาศหนาวเท่าใดนัก เธอหยุดเดิน ย่อตัวลงแล้วหยิบมันขึ้นมา ดวงตาของเธอมองตุ๊กตาตัวนั้นด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ภาพความสูญเสียครอบครัวของเธอยังติดแน่นอยู่ในใจรวมกับไม่มีวันที่จะลบมันทิ้งไป เธอไม่รู้ว่าอารมณ์และความหวั่นไหวในใจเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเทพีตาสีนิลเมื่อต้องกำจัดปิศาจที่เธอสร้างขึ้นมาด้วยหรือไม่

'ใจเย็นสินิโคล ใจเย็นๆ' เธอบอกกับตัวเองเช่นนั้น แล้วเธอก็ออกเดินต่อไป

ไม่นานนักเธอก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างจ้องมองเธออยู่ รวมทั้งตามเธอมา คิ้วของนิโคลขมวดแน่นแล้วค่อยๆ ยกมือขึ้นจับที่ฝักดาบอย่างไม่ให้เกิดพิรุธ ขาทั้งสองที่ก้าวเดินก็เริ่มช้าลงเรื่อยๆ จนกระทั่งสิ่งนั้นเข้าใกล้เธอ

ดาบจากมือซ้ายเฉี่ยวลำตัวของสิ่งที่ตามเธอมา อัศวินสาวแทงดาบในมือขวาซ้ำไปในทันทีและมันก็ไม่พลาดเป้า

"โอ้ยยย" เสียงร้องดังออกมาจากปากของคนแปลกหน้า ร่างนั้นเซถอยไปข้างหลังพลางเอามือกุมสีข้างของตนเองที่ถูกดาบของอีกฝ่ายแทง

เบื้องหน้าของสาวผมแดงคือชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาวซีด ผมสีทอง แต่งกายด้วยชุดที่ฟ้าอ่อน ท่าทางและการแต่งกายของเขาไม่น่าจะใช่มนุษย์ เธอจึงพูดออกมาเบาๆ ว่า

"ท... เทพเจ้า?"

ชายหนุ่มกัดฟันแล้วตอบว่า "ช... ใช่... ข้าคือเทพเจ้า"

นิโคลตกใจแต่เธอก็ยังคงยืนถือดาบพร้อมตั้งท่าพร้อมโจมตีต่อไป

"ท่านอยู่ฝ่ายใด? ตอบมา!"

"เจ้านี่มันโอหังนักนะ เจ้ามนุษย์ เจ้าทำร้ายข้า"

"ข้าป้องกันตัว" อัศวินสาวตอบ "ท่านตามข้ามาด้วยเหตุใด?"

"เจ้าอยู่ในเขตของข้า ข้าจึงออกมาดูว่าใครเข้ามาในเขตของข้า มาดีหรือมาร้าย"

สาวผมแดงไม่เชื่อคำพูดของอีกฝ่าย เพราะเธอถูกเตือนมาว่าในเวลานี้เทพเจ้าทุกองค์ที่ไม่ได้มาประชุม ณ อาณาจักรเซเนกรอสคือศัตรูของเธอ และเธอจะวางใจได้ก็ต่อเมื่อได้รับการยืนยันจากเทพองค์อื่นๆ ที่อยู่ในฝ่ายของเทพีแห่งธรณีว่าเทพเจ้าที่เธอพบนั้นเป็นพันธมิตร

"เจ้าเป็นใคร? แล้วเหตุใดเจ้าถึงเดินทางเข้ามาในเขตของข้า? แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่เกรงกลัวปิศาจ?" เทพหนุ่มถาม

ไม่มีคำตอบใดๆ ออกมาจากปากของนิโคล ดวงตาสีเขียวของเธอจ้องไปที่บุคคลที่อยู่ตรงหน้า เธอไม่พบสิ่งปกติอะไรในร่างกายของเขาแต่เธอก็ยังไม่วางใจ เทพองค์นี้อาจเป็นพวกเดียวกับมหาเทพก็เป็นได้

"เหตุใดเจ้าจึงไม่ตอบข้า? ข้าเป็นเทพเจ้านะ!"

"เทพเจ้าหรือ?" สาวผมแดงถามกลับ "หากท่านเป็นเทพจริง แล้วเหตุใดจึงทำลับๆ ล่อๆ เยี่ยงโจรเช่นนี้เล่า?"

"นี่เจ้าช่าง?!" เทพหนุ่มในชุดสีฟ้าอ่อนแค่นเสียง "มนุษย์อย่างเจ้าต้องยำเกรงข้า ต้องเคารพข้า!"

"ข้าไม่เชื่อในปวงเทพ... และหากข้าต้องเคารพและเชื่อฟังเทพเจ้า จะมีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ข้าจะก้มหัวให้ และเทพเจ้าองค์นั้นย่อมไม่ใช่ท่านแน่!"

"หนอย เจ้านี่พูดจาสามหาวยิ่งนัก จงขอโทษข้าเดี๋ยวนี้"

"มีเหตุผลอันใดที่ข้าต้องขอโทษท่าน?" อัศวินสาวถามกลับ "ขอโทษที่ข้าป้องกันตัวเองจากการโจมตีอันเชื่องช้าของท่านน่ะหรือ"

เทพหนุ่มกัดริมฝีปากด้วยความโกรธจัด ใบหน้าเขาเปลี่ยนเป็นสีเข้มเพราะอารมณ์ที่คุกรุ่น เลือดสีแดงยังคงไหลลงมาจากบาดแผลที่อีกฝ่ายแทงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าแผลจะไม่ลึกเท่าใดนัก แต่มันก็ทำให้เขาเสียเลือดไปมาก เขานึกสงสัยอยู่ภายในใจว่าเหตุใดกันหญิงสาวผู้นี้ถึงเดินทางเพียงคนเดียวในช่วงเวลานี้ อีกทั้งยังมีท่าทางที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใดทั้งๆ ที่มีปิศาจอยู่รายล้อม นั่นยังไม่นับรวมไปถึงท่าทางที่อวดดีกับเทพเจ้าเช่นเขา

"ข้าจะสั่งสอนเจ้า..." เขากล่าวออกมาเบาๆ แล้วยกมือข้างที่กุมแผลขึ้นมา ฉับพลันนั้นก็มีไอความเย็นพวยพุ่งออกมาจากมือ

นิโคลตั้งท่าเตรียมรับการโจมตีทันที เธอรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่แผ่กระจายออกมาจากตัวเทพหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าของเธอ

"เทพแห่งน้ำแข็ง" เธอกระซิบออกมาเบาๆ พลางคิดหาวิธีรับมือกับเทพเจ้าองค์นี้

แต่ก่อนที่การต่อสู้ระหว่างทั้งสองจะเริ่มขึ้นก็มีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นมาจากลำธารที่อยู่ด้านข้าง

"ช้าก่อน!"

เทพเจ้าและมนุษย์หันไปมองทางต้นเสียงทันที แล้วพวกเขาก็พบกับร่างของสตรีนางหนึ่งลอยขึ้นมาจากลำธาร และผู้ที่ขัดการต่อสู้ของทั้งสองคือโอลก้า เทพีแห่งน้ำ

"โอลก้า..." เทพแห่งน้ำแข็งพูดออกมาเบาๆ "เจ้ายังอยู่... แล้วพระมารดาล่ะ?"

"พระมารดายังสบายดี" เทพีแห่งน้ำตอบ "แต่ดูท่าทางเจ้าไม่ค่อยดีนัก" เธอพูดพลางมองไปที่ท่าทางอิดโรยของเขา รวมไปถึงปลายตาไปที่แผลจากคมดาบของสาวผมแดง

"ก็อย่างที่เจ้ารู้... มันคงเป็นผลจากการที่ข้าปฏิเสธที่จะช่วยเจ้าและเลี่ยงที่จะไม่ไปเทวสภา" เขาตอบ "ตอนนั้นข้าคิดว่าข้าเลือกได้ถูกต้อง... เลือกที่จะอยู่เฉยๆ ไม่อยู่ฝ่ายใด"

โอลก้าเดินเข้าไปใกล้เทพหนุ่ม "ตอนนี้ข้าว่าเจ้าต้องเลือกอีกครั้งว่าจะอยู่ฝ่ายใดนะโซลิด"

โซลิดถอนหายใจแล้วลดมือลงไปกุมที่ท้องเหมือนเดิม พลังความเย็นหายไปแล้วพร้อมกับใบหน้าที่แย่ลงมากกว่าเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด

"เลือก? อย่างไร? ทั้งเจ้าและข้า รวมทั้งเทพเจ้าองค์อื่นๆ ต่างก็หมดพลังอำนาจ หมดสิ้นศรัทธา หมดความยำเกรงจากมนุษย์" เขาแค่นเสียงในตอนทางพลางมองไปที่อัศวินสาว

เทพีแห่งน้ำมองตามเขาไปแล้วหยุดอยู่ที่นิโคล "มนุษย์ผู้นี้... นางเป็นพวกของข้า พระมารดามอบภารกิจสำคัญให้นางทำ"

"เด็กสาวคนนี้เนี่ยนะ? เด็กที่พูดจาอวดดี โอหังกับเทพอย่างข้าคนนี้น่ะหรือคือพันธมิตรของเจ้า?" เทพแห่งน้ำแข็งพูดด้วยเสียงที่ไม่น่าเชื่อ

"ใช่แล้วโซลิด เด็กคนนี้ไม่เชื่อในปวงเทพ อีกทั้งยังสาปแช่งพวกเรา แต่ช่างเถิด... เพราะในตอนนี้พวกเราต้องพึ่งนาง และอำนาจของพวกเราตอนนี้ก็ไม่อาจจะเทียบอะไรกับนางได้" โอลก้าตอบ "ตอนนี้เราไม่มีเวลามากพอที่จะคุยกัน ข้าอยากได้คำตอบจากเจ้าเดี๋ยวนี้ เจ้าต้องเลือกตอนนี้เลย"

ก่อนที่โซลิดจะตอบอะไรออกมา ก็มีเสียงของชายหนุ่มแทรกขึ้น

"ถูกแล้ว เจ้าต้องเลือกตอนนี้"

ทั้งสามหันไปมองทางต้นเสียงซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของถนนลูกรัง ด้านหลังซากปรักหักพังนั้นพวกเขาก็เห็นร่างของชายหนุ่มสองคนเดินตรงเข้ามาหา ทั้งสองเป็นชายหนุ่มรูปงาม คนหนึ่งมีผมยาวสีทองสดใส ส่วนอีกคนหนึ่งมีผมยาวสีเข้มและไม้เท้าในมือ

"ไคล์? เจฟเฟอร์สัน?" เทพีแห่งน้ำพูดออกมาเบาๆ

"ว่าอย่างไรโอลก้า... ข้าไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าที่นี่" หนุ่มผมยาวสีทองพูด เขายิ้มมุมปากแล้วพยักเพยิดไปหาคนที่ยืนอยู่ข้างๆ "ได้พบกับเจ้าทั้งสองคนที่นี่ช่างดีเสียนี่กระไร"

"เหมาะจริง" ชายผมสีเข้มพูดกลับด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน "พวกเราจะได้พรรคพวกเพิ่มขึ้น หรือไม่ก็..."

"ได้กำจัดคนที่เป็นศัตรูของพระบิดา" ชายผมยาวสีทองพูดด้วยเสียงที่เข้มขึ้น แล้วทั้งสองก็หัวเราะเสียงกันดังลั่น

โอลก้าขมวดคิ้ว เธอสบตากับโซลิดที่ใบหน้าซีดลงเรื่อยๆ แล้วปลายตามองที่อัศวินสาวพลางทำหน้าบุ้ยใบ้ว่าให้หลบไปด้านข้างก่อนที่จะพูดว่า "พวกเจ้าต้องการอะไร?"

"พวกเรามาทำตามหน้าที่ที่พระบิดามอบหมาย" ชายผมสีเข้มถือไม้เท้ากล่าว "พวกเราจะนำพวกเจ้ากลับไป"

"กลับไป?" เทพแห่งน้ำแข็งพูดอย่างตกใจ "ไม่! ข้าจะไม่กลับไปอีกแล้ว ข้าต้องการอยู่สงบๆ คนเดียว"

"อย่าขัดขืนดีกว่าน่าโซลิด ถ้าเจ้ายอมไปกับพวกเราโดยดี ข้ากับเจฟเฟอร์สันขอรับรองว่าเจ้าจะไม่ถูกพระบิดาลงโทษ แถมยังได้รับพลังกลับคืนมาอีกด้วย" ชายผมยาวสีทองพูด

ขณะที่เหล่าเทพเจ้ากำลังพูดคุยอยู่นั้น ในหัวของนิโคลมีคำถามผุดขึ้นมาว่า 'พวกนี้เป็นใครกัน? เทพเจ้าหรือ?'

ฉับพลันนั้นสาวผมแดงได้ยินเสียงของเทพีแห่งน้ำดังขึ้นในหัว 'คนผมสีทองคือไคล์ เทพแห่งความรัก อีกคนหนึ่งคือ เจฟเฟอร์สัน เทพแห่งความฝัน'

'ท่านอยู่ในหัวของข้าได้อย่างไร?!' อัศวินสาวตกใจ

'การพูดคุยผ่านจิตเป็นอีกความสามารถหนึ่งที่เจ้าได้รับจากท่านเซ็ทโธเรีย ข้าเรียนรู้การสื่อสารเช่นนี้จากนายเหนือหัวของเจ้า' โอลก้าตอบ 'จงเตรียมตัวให้พร้อมเถิดอัศวินผมแดง ข้าสังหรณ์ใจว่าดาบในมือเจ้ากำลังจะได้ดื่มเลือดอีกครา'

และลางสังหรณ์ของเทพีแห่งน้ำก็เป็นความจริงเมื่อเทพหนุ่มทั้งสองมองเห็นนิโคลที่หลบอยู่ด้านหลังของเทพี มือทั้งสองยังคงถือดาบอยู่พร้อมทั้งทำท่าสงสัยใคร่รู้ ในตอนแรกพวกเขาไม่ได้สนใจอะไรกับมนุษย์อย่างเธอมากนัก แต่เมื่อเทพแห่งน้ำแข็งปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมกับใช้พลังที่เหลืออยู่ขู่เทพหนุ่มทั้งสอง การกระทำเช่นนั้นทำให้พวกเขาเริ่มโกรธและเริ่มจะหาที่ระบายอารมณ์

"นี่ข้ามาคุยกับเจ้าดีๆ นะโซลิด เหตุใดเจ้าถึงปฏิเสธข้อเสนอของพระบิดา!" เจฟเฟอร์สันพูดเสียงดัง "พระบิดาเมตตากับเจ้ามากนะ ท่านถึงกับเขียนกฎใหม่เพื่อคืนพลังให้พวกเรา"

"พูดมากไปแล้วเจฟเฟอร์สัน" ไคล์ขัดแล้วมองไปที่โอลก้า

"ข้าไม่สน" เทพผมสีเข้มถือไม้เท้ากล่าวด้วยความหงุดหงิด "พลังของข้ากลับคืนเกือบจะเท่าเดิมแล้ว พวกเจ้าสู้ข้าไม่ได้หรอก"

"พลังกลับคืน? กฎใหม่? นี่พวกเจ้าหมายถึงอะไรกัน?" เทพีแห่งน้ำถาม

"ไม่จำเป็นต้องตอบเจ้า... เอาล่ะโซลิด ในเมื่อเจ้าไม่ยอมไปกับพวกเราดีๆ พวกเราจึงจำเป็นต้องกำจัดเจ้า ส่วนเจ้า... โอลก้า... เจ้าเลือกผิดที่ไปอยู่ข้างพระมารดา เจ้าต้องถูกกำจัด โทษฐานที่ทรยศต่อพระบิดา"

เมื่อคำพูดจบลง เทพทั้งสองก็พุ่งเข้าโจมตีโอลก้าและโซลิดทันที แต่แล้วการโจมตีของพวกเขาก็ถูกหยุดด้วยดาบคู่ของอัศวินผมแดง

"บ... บ้าน่า" ไคล์เอ่ยออกมาเบาๆ เมื่อหมัดของเขาถูกปัดออก เมื่อมองไปที่เจฟเฟอร์สันเขาก็เห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายตกตะลึงเช่นเดียวกัน ไม้เท้าของเทพแห่งความฝันถูกดาบฟันจนหักเป็นสองท่อน

"หลบไป!" นิโคลตะโกนบอกเทพและเทพีที่อยู่หลังของเธอ ต่อจากนั้นก็พุ่งคมดาบเข้าหาศัตรูทั้งสองของเธอที่เป็นเทพเจ้า

เทพหนุ่มทั้งสองหลบการโจมตีของสาวผมแดงอย่างทุลักทุเลเพราะพวกเข้ากำลังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น มนุษย์ผู้หญิงที่อาจหาญเข้าโจมตีพวกเขา... ดาบกลาดิอุสของอัศวินสาวเรียกบาดแผลได้จากเหล่าเทพได้หลายครั้ง

'ข้ากำลังสู้กับเทพเจ้า!' นิโคลตะโกนร้องอยู่ในใจ 'ท่านเซ็ทโธเรีย! ข้ากำลังสู้กับเทพเจ้า!'

เสียงของเทพีที่เธอเรียกหาดังขึ้นในหัวของเธอทันที 'เจ้าสู้ได้แน่นิโคล เจ้าเอาชนะได้แน่'

เสียงนั้นทำให้สาวผมแดงฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น เธอเร่งโจมตีเข้าใส่เทพทั้งสองอย่างรวดเร็ว การโจมตีของเธอเทียบเท่ากับเทพเจ้าทั้งสองแต่ก็เสียเปรียบในด้านของจำนวนคน เธออดทนกับอาการบาดเจ็บจากแส้และดาบที่อีกฝ่ายฟาดฟันลงมาหลายต่อหลายครั้งจนมีบาดแผลเต็มตัว และแล้วความอดทนของเธอก็เห็นผล เมื่อดาบที่มือซ้ายของเธอก็ได้ชิมเลือดของเทพเจ้าอีกครั้งเมื่อมันแทงเข้าที่ต้นขาขวาของเทพแห่งความรักและทำให้เขาต้องทรุดตัวลงนั่งกับพื้น

"ไคล์!" เจฟเฟอร์สันร้องแล้วพุ่งเข้าหาอัศวินสาว แต่เขาก็ถูกเธอเตะจนคว่ำลงบนพื้น

ไคล์พยายามจะสู้กลับด้วยการฟาดแส้มาที่นิโคลอีกครั้ง แต่เธอก็หลบทันแล้วฟันฉับไปที่แขนซ้ายของเขาจนเกือบขาด เทพแห่งความรักร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เขาพยายามจะกระเสือกกระสนให้หนีจากการโจมตีของอีกฝ่ายขณะที่สาวผมแดงรับการโจมตีของเทพแห่งความฝันที่วิ่งเข้ามาหาอีกครั้ง

ในขณะที่อัศวินสาวกำลังติดพันอยู่กับการตั้งรับการโจมตีของเจฟเฟอร์สัน ไคล์ที่กัดฟันให้ลุกขึ้นยืนได้ก็เสกหอกขึ้นมาแล้วขว้างตรงไปที่เธออย่างเต็มแรง นิโคลมองเห็นมันด้วยหางตาแต่เธอคิดว่าเธอไม่อาจจะหลบมันได้ทัน ในช่วงเวลานั้นหอกก็ถูกหยุดลงด้วยพลังของโซลิดและโอลก้าที่อยู่ไม่ไกลนัก ทั้งสองพยายามใช้พลังที่เหลืออยู่น้อยนิดช่วยเหลือเธอ

สาวผมแดงใช้ดาบทั้งสองรับคมดาบของเทพแห่งความฝันแล้วใช้ขาข้างหนึ่งถีบเข้าที่กลางอกเขาอย่างรวดเร็ว เธอม้วนตัวไปเก็บหอกที่ถูกขว้างมาแล้วขว้างกลับไปหาเจ้าของที่กำลังวิ่งตรงเข้ามาหาเธอ

"ม่ายยยยยยยยย"

เสียงกรีดร้องดังขึ้นเมื่อปลายแหลมของหอกพุ่งเข้าใส่กลางอกของเทพแห่งความรักราวกับจับวาง ไคล์ทรุดตัวลงบนพื้น มือข้างที่ยังใช้การได้พยายามจะดึงหอกออกจากร่างของตนเอง แต่ยิ่งขยับหอกก็ยิ่งทำให้เลือดไหลมากขึ้นและเร็วยิ่งขึ้น

เจฟเฟอร์สันกัดฟันให้ลุกขึ้นแล้วเงื้อดาบในมือฟาดเข้าใส่อัศวินสาวอีกครั้ง เธอใช้ดาบในมือขวารับแล้วแทงดาบในมือซ้ายเข้าใส่ท้องแต่เทพหนุ่มก็หลบทัน ทั้งสองประดาบด้วยกันอีกคราขณะที่เทพแห่งความรักกำลังจะหมดลมหายใจ

ด้วยความกังวลว่าไคล์จะตายทำให้เทพแห่งความฝันไม่มีสมาธิในการต่อสู้ เขาถูกคมดาบของนิโคลหลายต่อหลายครั้ง บาดแผลและอาการบาดเจ็บมีมากขึ้นเรื่อยๆ เขาร้องออกมาเสียงดังลั่นเมื่อเห็นร่างของเทพแห่งความรักล้มลงนอนแน่นิ่งบนพื้น

"ไคล์!" เทพเจ้าที่เขาร้องเรียกชื่อสิ้นใจแล้วด้วยน้ำมือของอัศวินหญิงผมแดง

ใบหน้าของเจฟเฟอร์สันสั่นเทาด้วยความโกรธและความโศกเศร้า เขาพุ่งตัวเข้าใส่สาวผมแดงด้วยแรงโทสะ แต่ด้วยความมืดบอดของจิตใจที่เห็นเทพหนุ่มอีกองค์ที่จากไปทำให้เขาไม่รู้สึกตัวเลยว่าเทพีแห่งน้ำและเทพแห่งน้ำแข็งใช้พลังที่ยังคงพอมีเหลือค่อยๆ โจมทีเขาทีละเล็กทีละน้อย กว่าเขาจะรู้สึกตัวก็พบว่าตนเองล้มลงกองบนพื้น ร่างกายเต็มไปด้วยรูพรุนจากการแอบซุ่มโจมตีของเทพเจ้าด้วยกันเอง

"พวกเจ้า!" เขากัดฟันกรอดด้วยความแค้นเคืองแล้วพยายามจะลุกขึ้นยืน

"นิโคล จัดการเขาเสีย!" โอลก้าตะโกนบอก

อัศวินสาวพุ่งดาบเข้าใส่ทันทีแต่แล้ว...

ฝุ่นควันที่ไม่รู้ที่มาปกคลุมไปทั่วบริเวณทำให้พวกเขามองไม่เห็นสิ่งใดๆ ที่อยู่ตรงหน้าได้ ทั้งหมดทำได้แค่เพียงใช้มือป้องกันบริเวณใบหน้าเท่านั้น เมื่อฝุ่นควันจางลงร่างของเทพแห่งความฝันก็หายไป ทิ้งเหลือไว้เพียงแต่ร่างไร้วิญญาณของเทพแห่งความรัก

"เกิดอะไรขึ้น?" โซลิดถาม

"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน" เทพีแห่งน้ำตอบ

นิโคลทรุดตัวนั่งลงบนพื้น ทิ้งดาบลงข้างลำตัว การต่อสู้กับเทพเจ้าทั้งสององค์ทำให้เธอหมดแรงและแทบจะยันตัวเอาไว้ไม่อยู่ เธอมองดูมือทั้งสองที่สั่นเทาและเปื้อนเลือดแล้วหันไปมองดูร่างของไคล์ที่ตายด้วยน้ำมือเธอ

"ข้าฆ่าเทพเจ้า..." เธอพึมพำออกมาเบาๆ

โอลก้าเดินเข้ามาแตะตัวสาวผมแดงที่มีอาการบาดเจ็บและเหนื่อยอ่อน "จ... เจ้าทำได้ดีมาก" เธอกล่าว น้ำเสียงของเธอสั่นเทา

อัศวินสาวเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย เธอเห็นแววตาสีน้ำทะเลของเทพีแห่งน้ำเต็มไปด้วยความตื่นกลัว ริมฝีปากของเทพีสั่น ฝ่ามือที่แตะนั้นเย็นเฉียบ เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังกลัวเธอ!

"พ... พักเสียก่อนเถิดแล้วจึงค่อยเดินทางต่อ" โอลก้าพูดต่อไป

นิโคลพยักหน้าช้าๆ แล้วซบใบหน้าลงบนหน้าอกของอีกฝ่าย เธอได้ยินเสียงหัวใจของเทพีแห่งน้ำเต้นแรงและสั่นระรัวราวกับกลองศึก

...

ตอนใหม่ร้อนฉ่า พร้อมกับงานลนก้น!

นิโคลเก่งขึ้นแล้ว! สู้ต่อไป

ไม่ใช่แฟน DC Comic แต่จะรอดู Batman VS Superman เพราะคนนี้ (กรีดร้องงง)



มาดสาวอเมซอนมาเต็ม เอ้ะ หรือว่าเป็นเทพีดีหว่า? ไปเปิด Fast 6 ดูอีกรอบดีกว่า คิดถึงนาง  :29:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น