web stats

ข่าว

 


Step by Step กว่าจะรู้ว่ารัก ตอนที่ 12 จุดเดือด

โพสต์โดย: TrueDream วันที่: 30 เมษายน 2015 เวลา 14:03:06 อ่าน: 381

ภายในห้องเลคเชอร์นักศึกษากำลังเก็บของเตรียมตัวจะออกจากห้อง นี่เป็นวิชาสุดท้ายของวันนี้ ม่านฟ้าเองก็เก็บของอย่างรวดเร็ว คิดว่าวันนี้จะกลับบ้านในทันที เธอเตรียมจะกดโทรออกไปหาไอรดาอยู่แล้วหากไม่มีเสียงห้าวทุ้มน่าฟังของอัศวินดังขึ้น

"เลยยังไม่ได้ถามเลยว่าเมื่อวันศุกร์เป็นไงบ้างสนุกไหม"

"ก็ดีนะ" หญิงสาวตอบไปอย่างนั้นไม่ได้สนใจนัก รู้อยู่เต็มอกว่าคนที่วางยารุ่นน้องไม่แคล้วต้องเป็นกลุ่มนี้อย่างแน่นอน

เธอคิดถึงเรื่องการแจ้งความแต่ไอรดาบอกว่าเดี๋ยวจะจัดการเรื่องนี้ให้เองอย่าเพิ่งกระโตกกระตากไป เพราะทางเราไม่มีทั้งพยานและหลักฐาน จะกล่าวหากันลอยๆ ไม่ได้ แต่ตอนนี้ก็มีคนสืบเรื่องนี้อยู่ ทำให้ม่านฟ้าคิดว่าบางทีไอรดาหรือรวีวรรณอาจจะแจ้งความให้แล้วก็ได้ ดังนั้นสิ่งที่เธอควรทำคืออย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นแต่ก็ต้องระวังตัว

"น้องเม 'เป็นไง' บ้าง" เสียงนั้นคล้ายลดความดังลงแต่ก็ยังดังพอให้อีกหลายๆ คนได้ยิน

ม่านฟ้าสังเกตเห็นว่ามีเพื่อนหลายคนสนใจฟังเรื่องนี้อยู่ ยังไม่ได้ลุกไปไหนแต่กลับเดินเข้ามาใกล้กว่าเดิม

"ก็ไม่เป็นไรนะ" ม่านฟ้าบอกช้าชัดทำเป็นไม่เข้าใจคำถาม เริ่มหงุดหงิดกับการตกเป็นเป้าสายตาที่ทุกคนมองมา เธอรู้สึกถึงแววตาแต่ละคนที่ให้ความรู้สึกถึงอาการอยากรู้อยากเห็น ยิ้มเยาะกึ่งจะเหยียดหยามดูแคลนอยู่ไม่น้อย เธอไม่ชอบสายตาแบบนี้

"ฉันหมายถึงว่า...แหม...จะต้องให้พูดทำไม วันนั้นก็เห็นกันอยู่ว่าเธอลากน้องเมไป ขนาดยังไม่ถึงเตียงยังนัวเนียขนาดนั้น" อัศวินหัวเราะขำส่งสายตารู้ทันอย่างล้อเลียน

"มันไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ฉันกับน้องเมไม่ได้นัวเนียกันสักนิด" ม่านฟ้ายืดตัวขึ้นแล้วตอบกลับไป คิ้วเรียวขมวดมุ่น ดวงตาคมวาวโรจน์ขึ้นมา แม้จะตัวเล็กและบางกว่าชายหนุ่มมากทว่าไม่ได้มีความกลัวแม้แต่น้อย

อัศวินถึงกับชะงักไปเล็กน้อยอย่างประหลาดใจ เขาไม่เคยเห็นม่านฟ้าในมุมนี้ แม้ว่าหญิงสาวจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดคุยกับใคร แต่ก็ไม่ใช่คนที่คิดว่าจะทำร้ายใครได้ แต่ตอนนี้เขาชักไม่แน่ใจ ดูท่าผู้หญิงคนนี้จะไม่ใช่คนยอมคน

"แต่พวกฉันเห็นกันทั้ง 6 ตาเลยนะ" ชายหนุ่มหันไปหาเพื่อนของเขาซึ่งทุกคนก็พยักหน้ารับรวมทั้งหัวเราะอย่างชอบใจ

ม่านฟ้ากำหมัดเม้มริมฝีปากแน่นอย่างอดทน ใบหน้าขาวแดงถึงใบหูด้วยแรงโทสะ เธอไม่สามารถจะโต้เถียงอะไรได้ในเมื่อมีตัวคนเดียวและไม่มีหลักฐานอะไรที่จะยืนยันสิ่งที่เธอพูดจริงๆ ทั้งความบริสุทธิ์ใจของเธอและเมธาวี และเท่าที่เห็นทุกคนที่ยังอยู่ตรงนี้ก็เทใจที่จะเชื่อพวกนายอัศวินไปแล้วเสียด้วย

"เอ...แต่ก็เห็นมีรถ 'เสี่ย' มารับเหมือนปกตินี่นาหรือว่ามันจะเป็นเรื่อง '3 คนบนเตียง' กันนะ" เสียงของเพื่อนผู้ชายในกลุ่มของอัศวินดังขึ้น พร้อมกับเสียงหัวเราะกระหึ่ม

ความอดทนของม่านฟ้าแทบถึงขีดสุดเมื่อมีคนเอ่ยถึงไอรดาเข้ามาด้วย

"มันไม่ใช่แบบนั้น" เสียงของม่านฟ้าต่ำลงจนแทบไม่มีเสียงเล็ดลอดออกจากริมฝีปากสั่นระริกด้วยแรงอารมณ์ที่ใกล้ปะทุ

"แค่ที่พ่อเธอขายเธอใช้หนี้ และที่เป็นเด็กเสี่ยอยู่นี่ก็น่าขยะแขยงพอแล้วนะ ไหนเสี่ยยังจะเป็นผู้หญิงอีก ไหนยังจะมามั่วกับน้องในคณะอีก เธอนี่มันโสโครกสิ้นดี" เสียงของเพื่อนผู้หญิงพูดขึ้น ทำให้ม่านฟ้าหันไปทางนั้นอย่างเอาเรื่อง

พวกอัศวินเลือกที่จะเงียบลง เขาต้องการดูเรื่องสนุกๆ อันที่จริงเขาก็แค่มาหย่อนระเบิดเท่านั้น เขาเพียงอยากรู้ว่าหลังจากพวกเมธาวีกลับไปแล้วเกิดอะไรขึ้น มีคนแจ้งความหรือไม่ ส่วนที่กำลังเกิดตอนนี้อยู่นอกเหนือความตั้งใจแต่ก็น่าสนใจดี ที่สำคัญเขาก็ต้องการรักษาภาพพจน์สักเล็กน้อย จะอย่างไรพวกตนก็เป็นผู้ชายจะไปต่อล้อต่อเถียงหรือทำร้ายผู้หญิงต่อหน้าคนอื่นมันก็ไม่ดี...แต่ถ้าลับตาคนล่ะก็ไม่เกี่ยง...

"แต่พวกเธอก็เหมาะกันดีนะ ทั้งเธอและผู้หญิงคนที่ 'เลี้ยง' เธอน่ะ ก็มีแต่พวกวิปริตโสโครกทั้งนั้น เสียดายน้องเม..."

เสียงเล็กแหลมพูดได้เพียงเท่านั้นก็ต้องร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อกำปั้นหนักๆ ของม่านฟ้ากระทบเข้ากับริมฝีปากที่กำลังเจี้ยวแจ้วนั่นจนคนพูดร่วงลงไปกองกับพื้น

ในชั่วเวลานั้นทุกอย่างพลันเงียบสนิทราวกับห้องนี้ไร้ซึ่งผู้คน

หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายยกมือกุมริมฝีปากที่เต็มไปด้วยเลือดของตนเองแล้วหันมองหน้าคนทำอย่างตกใจ ม่านฟ้าเองก็ตกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าตนจะทำร้ายเพื่อนถึงกับปากแตก เกิดมาเธอยังไม่เคยทำร้ายใครขนาดนี้มาก่อน

"เฮ้ย" เสียงหนึ่งดังขึ้น และก่อนที่ม่านฟ้าจะตั้งสติได้เธอก็รู้สึกถึงฝ่ามือหนักๆ กระทบเข้าที่ใบหน้าจนรู้สึกว่าตัวเอียงวูบ

ใครบางคนจับตัวเธอเอาไว้ แน่นอนมันไม่ใช่การช่วยเธอ แต่มันทำให้เธอไม่สามารถหลบหนีหรือตอบโต้ได้ แล้วการตลุมบอลขนาดย่อมก็เกิดขึ้นในหมู่นักศึกษาหญิง 4 - 5 คน

ม่านฟ้ารู้สึกว่าตัวเองล้มลงและไม่รู้อะไรบ้างที่กระทบร่างเธอจะสับสนไปหมด เธอไม่ได้มีความคิดที่จะตอบโต้เพียงแค่พยายามเอามือกันตามร่างกายตัวเองเท่านั้น

แล้วเหตุการณ์ก็สงบลงในเวลาไม่นานนัก น่าจะไม่ถึง 3 นาที เมื่อเสียงกังวานใสของนักศึกษาหญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นห้ามปราม

"พอเถอะๆ เดี๋ยวก็เป็นเรื่องใหญ่หรอก" กมลฉัตรเอ่ยบอกพร้อมทั้งเข้ามาดึงแขนคู่กรณีเบาๆ ให้ห่างออกจากม่านฟ้าที่ยังนั่งซุกอยู่กับขาโต๊ะ

"เลิกแล้วต่อกันเถอะนะ" เสียงใสๆ นั้นยังคงบอกต่ออย่างกังวล

"นั่นสิสาวๆ เดี๋ยวเรื่องถึงอาจารย์ขึ้นมาไม่ดีแน่ๆ ถือว่าหายกันเถอะนะ" นายอัศวินเอ่ยช่วย

ม่านฟ้ามองดูคนที่รุมทำร้ายเธอทำท่าฟึดฟัดแต่ก็ยอมล่าถอย พร้อมกับคนอื่นๆ ที่เริ่มทยอยเดินออกจากห้องไป โดยมีกมลฉัตรที่ยังดูลังเล

"ขอบใจนะ" ม่านฟ้าเอ่ยขึ้นเบาๆ

"อืม..." หญิงสาวตอบรับ ทำท่าคล้ายจะพูดอะไรแต่แล้วก็เปลี่ยนใจเดินออกไป

"รีบไปเถอะ รู้สึกจะมีคนใช้ห้องต่อนะ" เมื่อไปจนเกือบถึงหน้าประตูกมลฉัตรก็เอ่ยเตือนขึ้นมา

กมลฉัตรรู้สึกว่าพวกนั้นก็ทำกับม่านฟ้าเกินไปจริงๆ แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยม่านฟ้าอย่างเต็มตัวเช่นกัน...เธอไม่ได้รังเกียจอย่างที่คนอื่นรู้สึกต่อม่านฟ้า แต่เธอกลัวที่จะถูกรังเกียจไปด้วย และเธอก็คิดว่าเพื่อนหลายๆ คนก็คงรู้สึกอย่างเดียวกับเธอ...ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว...ม่านฟ้าจึงกลายเป็นคนที่ถูกลอยแพ





ม่านฟ้าเดินเข้ามาในห้องปฏิบัติการที่ไร้ผู้คนก่อนจะทรุดตัวลงนั่งเงียบๆ วันนี้เธอไม่ได้เข้ามาเพื่อทำงาน แต่เธอต้องการพื้นที่เงียบๆ สำหรับอยู่กับตัวเอง ตอนแรกเธอคิดว่าวันนี้เรียนเสร็จแล้วจะกลับเลย ทว่า...เมื่อดูสภาพตัวเองตอนนี้แล้ว เธอยังไม่รู้จะตอบคำถามไอรดาได้อย่างไร ฝ่ายนั้นจะรู้สึกโมโหและรู้สึกแย่แค่ไหนที่เห็นว่าเธอประพฤติตัวเป็นอันธพาลทำร้ายคนอื่น แม้จะรู้ว่ายังไงก็ต้องตอบ แต่เธอต้องการเวลา

ในวันนี้เธอรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน เพื่อนที่พอจะไปไหนมาไหนด้วยหรือช่วยเหลือเรื่องการเรียนคนที่พอจะพูดคุยได้สำหรับเธอก็มาตีตัวออกห่าง แม้ไม่ได้สนิทกันแต่ก็ทำให้เธอใจหาย หากแค่ไม่มีเพื่อนมันก็คงไม่แย่นักสำหรับเธอออกจะเป็นความเคยชินด้วยซ้ำ แต่ช่วงนี้เรื่องราวกลับเลวร้ายลงเมื่อเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหลายทำเหมือนเธอเป็นสิ่งน่ารังเกียจ เธอไม่รู้ว่าเพื่อนพวกนี้ไปรู้มาจากไหนว่าพ่อของเธอติดหนี้การพนันจนขายเธอ ใครๆ ก็ว่าเธอเป็นผู้หญิงขายตัวไปแล้ว และตอนนี้ในสายตาคนอื่นๆ เธอก็เป็นเด็กเสี่ยแถมเสี่ยคนนั้นยังเป็นผู้หญิงซึ่งเพิ่มระดับความรังเกียจเข้าไปใหญ่ และนั่นทำให้เธอโมโห เธอไม่ชอบที่จะให้ใครมาดูถูกไอรดาแบบนั้น ก็ในเมื่อคุณไอซ์ของเธอคือคนที่ช่วยเธอไม่ใช่คนที่เลี้ยงเธอแบบเสี่ยอย่างนั้น สำหรับเธอแล้วไอรดาเป็นคนดีกว่านั้นมาก

เธอเสียใจที่สุดคือไม่สามารถรักษาชื่อเสียงของไอรดาได้ เธอทำให้ผู้มีพระคุณต้องพลอยเสื่อมเสีย...

เธอไม่ได้ใส่ใจว่าคนเหล่านั้นจะหันหลังให้เธอหรือมองเธออย่างไร จะเห็นเธอน่ารังเกียจเพียงไหน แต่คนพวกนั้นไม่ควรพูดจาไม่ดีถึงไอรดา แม้คนเหล่านั้นจะทำต่อหน้าเธอ แต่เธอก็ไม่มีปัญญาปกป้องหรือแก้ตัวให้ไอรดาได้ ไหนนายอัศวินและพรรคพวกจะยังพูดจาเป็นนัยๆ ใส่ร้ายเธอว่าทำเรื่องเสื่อมเสียกับเมธาวีอีก

ม่านฟ้าถอนใจอีกครั้งไม่เคยเลยสักครั้งที่เธอจะทะเลาะกับเพื่อนโดยเฉพาะการทะเลาะที่รุนแรงถึงขั้นลงไม้ลงมือแบบนี้

ต่อให้ไม่ได้ใส่ใจว่าจะมีเพื่อนหรือไม่แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจเมื่อเห็นว่าทุกคนรังเกียจเธอ...ทั้งที่เธอไม่ได้ทำผิดอะไร

อาจจะเพราะสภาพจิตใจของเธอตอนนี้ไม่ดีนัก เธอ...กำลังคิดถึงแม่ของเธอ...แม้ว่าจะไม่มีใคร ชีวิตจะโดดเดี่ยว เหน็ดเหนื่อยหรือถูกอะไรทำร้ายเพียงใด เธอก็มีแม่คอยอยู่เคียงข้างให้กำลังใจให้อ้อมกอดอุ่นๆ แก่เธอเสมอ...แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว...

ม่านฟ้าพลันยกมือขึ้นกอดตัวเองแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงมา...นานแล้วที่เธอไม่ได้ร้องไห้...เธอพยายามเข้มแข็ง...แต่ก็ทำได้เพียงเท่านี้...

"ทำไมมาร้องไห้เงียบๆ แบบนี้ล่ะ" เสียงกังวานนุ่มถามขึ้นไม่ไกล ทำให้คนกำลังร้องสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมอง เธอไม่คิดว่าในห้องมีคนอยู่

"น้องเม..." ม่านฟ้าอุทานพลางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของตัวเองอย่างรวดเร็ว ไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น

"แล้วนี่...ใครทำอะไร" เมธาวีถามเสียงเครียดขึ้นเมื่อเห็นรอยช้ำบนใบหน้างาม แม้จะไม่นับว่าสนิทกันแต่เธอก็เอ็นดูม่านฟ้าไม่น้อย

ตำรวจสาวคิดอย่างรวดเร็ว มันเป็นรอยฝ่ามือ...ไม่น่าจะใช่นายอัศวิน หรือจะเป็นไอรดา

"ไอซ์เหรอ" เมธาวีถามเสียงเย็น ถ้าใช่...เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่ ยิ่งไอรดามีความผิดติดตัวอยู่แล้วด้วย แค่เรื่องของธารารัตน์ก็ใช่ว่าเธอจะยกโทษให้เต็มร้อยเสียเมื่อไร ควรจะเรียกว่าอยู่ในช่วงคุมความประพฤติ
"ไม่เกี่ยวกับคุณไอซ์นะ" ม่านฟ้าร้องอย่างเอาเรื่องเช่นกัน เมธาวีชะงักไปเล็กน้อย ท่าทางคู่นี้จะมีอะไรบางอย่าง...ดูม่านฟ้าปกป้องไอรดาเสียจริง ฝ่ายนั้นเองก็ดูถนอมเด็กคนนี้เป็นพิเศษ ตอนแรกเธอคิดว่าไอรดาดีกับม่านฟ้าเพราะรวีวรรณฝากดูแลเสียอีก แต่ตอนนี้เธอคิดว่าคงไม่ใช่แค่นั้นเสียแล้ว

"แล้วมันเกิดอะไรขึ้น" เมธาวีทอดเสียงลง มองอีกฝ่ายด้วยแววตาที่อ่อนลงอย่างปลอบโยน ให้รู้ว่าเธอไม่ใช่คนที่จะทำร้ายอีกฝ่าย เธออยากรู้เพราะอยากจะช่วย

ม่านฟ้ามองรุ่นน้องอย่างลังเลอยู่ครู่ก่อนจะบอกออกมา

"ตีกับเพื่อน..." แล้วม่านฟ้าก็ค่อยๆ เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เมธาวีฟัง ไม่รู้ทำไมเธอจึงได้ไว้ใจรุ่นน้องคนนี้ขนาดที่จะเล่าให้ฟัง อาจจะเพราะว่าไหนๆ เมธาวีก็เห็นขนาดนี้แล้ว หรืออาจจะเพราะฝ่ายนั้นดูสนิทกับรวีวรรณและไอรดา หรืออาจจะเพราะอะไรบางอย่างในตัวเมธาวีที่บอกเธอว่าคนตรงหน้าไม่คิดทำร้ายและหวังดีกับเธอจริงๆ

เมธาวีนิ่งฟังไม่ตอบอะไรจนกระทั่งอีกฝ่ายเล่าจบ ม่านฟ้าเองก็รู้สึกสบายใจขึ้นที่อย่างน้อยก็มีคนรับฟัง แม้จะไม่มีคำใดหลุดออกมา

เมธาวีถอนใจ เรื่องนี้จะว่าร้ายแรงมันก็ร้ายแรง การรังแกกันในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษายังมีอยู่ และมันอาจจะรุนแรงกว่าระดับโรงเรียนเสียอีก แม้ว่าความยั้งคิดอาจจะมีมากกว่าแต่ความซับซ้อนก็มากตามไปด้วย ถ้าเรื่องมันจบลงแค่นี้ก็ยังดี แต่ที่แน่ๆ ม่านฟ้าคงจะไม่มีเพื่อนอีกแล้ว การทำงานก็คงลำบาก ทางที่ดีการฝึกงานควรเลือกไปในที่ที่ไม่มีคนอื่นไป ยังวางใจได้อย่างหนึ่งคือดูท่าม่านฟ้าจะไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครรังแกได้ง่ายๆ เรื่องครั้งนี้จึงอาจจะเป็นเพียงการทะเลาะวิวาท แต่ไม่ใช่การกลั่นแกล้งอย่างต่อเนื่อง

หากเรื่องจบแม้จะไม่ต้องเจ็บตัวกันอีกแต่มีหรือที่จะไม่มีความเจ็บปวดในใจเกิดขึ้น มันอาจไม่ถึงขั้นนั้น เมธาวีไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้เธออาจจะไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมด แต่เธอรู้ว่าม่านฟ้าเสียใจ หากเทียบไปแล้ว...มันคงเป็นความรู้สึกหน่วงๆ ในใจ ความเจ็บปวดลึกๆ คล้ายบางทีเวลาเธออยู่ที่บ้านที่เธอจากมานั้นก็ได้ มันต่างกันเพียงแค่พอมาโรงเรียนหรือกับอยู่กับเพื่อน ความรู้สึกของเธอจะจางลง เพราะเธอมีเพื่อนที่ดี เธอไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวไม่ว่าเวลาใด

แต่ม่านฟ้านั้นโดดเดี่ยวทั้งกายใจ...

มันคงต้องใช้ความเข้มแข็งอย่างมากจึงจะก้าวต่อไปได้ แต่ม่านฟ้าทำได้ดีมาตลอด หญิงสาวอยากยื่นมือเข้าไปช่วย แต่เธอไม่รู้จะทำอะไรอย่างไร บางทีคนที่ช่วยได้จริงๆ อาจจะเป็น...ไอรดา...แต่รายนั้นจะยอมช่วยหรือเปล่านี่สิ หรือจะทำให้มันยิ่งหนักไปกว่าเดิม

"กลับไปเอาน้ำเย็นประคบหน่อยนะคะ แผลที่อื่นๆ ก็ด้วย ถ้าไม่ดีขึ้นก็บอกให้ไอซ์พาไปให้ไม้ดู" เมธาวีบอกอย่างอ่อนโยน ม่านฟ้าพยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยถาม

"น้องเม...ดูตาแดงๆ นะคะ ร้องไห้มาเหรอ" คนเพิ่งหยุดร้องไห้ถามอย่างเป็นห่วง บางทีฝ่ายนั้นอาจจะมาหลบร้องไห้เหมือนเธอนั่นล่ะ ไม่รู้ว่าหลังจากเหตุการณ์วันนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับเมธาวีบ้าง อาจจะอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเธอก็เป็นได้

"อ่อ..." เมธาวีเพียงยิ้มแหยๆ แล้วหัวเราะให้แกนๆ เพียงเท่านั้นม่านฟ้าก็รู้แล้วว่ารุ่นน้องคงไม่อยากตอบคำถาม และเธอไม่ใช่พวกเซ้าซี้ จึงลองถามใหม่

"แล้วเป็นไงบ้างคะ หลังจากแยกกันแล้ววันนั้น"

"ก็ไม่มีอะไรค่ะ แค่อาจจะมึนๆ เพลียๆ แต่ก็ดีขึ้นแล้ว ไม่เกินมะรืนคงฟิตเต็มร้อย" เมธาวีบอกยิ้มๆ ม่านฟ้าพยักหน้า รู้สึกว่าหมดเรื่องจะพูด

"รีบกลับบ้านเถอะค่ะ จะได้พักผ่อน" เมธาวีแนะนำจากใจจริง แต่ท่าทางม่านฟ้าลังเลใจ

"ทำไมคะ ไม่อยากกลับเหรอ" ตำรวจสาวถามขึ้น หรือว่ามีปัญหาอะไรกับไอรดา

"เอ่อ...พี่ไม่รู้จะตอบคุณไอซ์ว่ายังไงนี่คะ..." ม่านฟ้าตอบเสียงแผ่ว ท่าทางลำบากใจ ตอนนี้เธอยังไม่พร้อมจริงๆ

"แต่ยังไงก็ต้องกลับบ้าน" เมธาวีบอกพลางวางมือบนไหล่บาง เธอไม่รู้จะบอกอะไรดีกว่านี้ เพราะไม่ได้สนิทกับไอรดามากพอที่จะคาดเดาความคิดและการแสดงออกของทางนั้นได้ ม่านฟ้าอาจจะกังวลเกินไปหรืออาจจะคิดถูกแล้วก็เป็นได้ทั้งนั้น

"อืม..." ม่านฟ้ารับคำแผ่วๆ เธอก็ไม่ได้คิดจะหนีไปไหน ยังไงก็ไม่มีที่ไหนให้ไปอยู่แล้ว

"หรือถ้าไม่สบายใจจริงๆ เมพาไปหาไม้ได้นะคะ" ตำรวจสาวอาสา ถ้ากลัวไอรดาล่ะก็...ที่นั่นน่าจะปลอดภัยที่สุดอย่างแน่นอน

"ไม่ค่ะ ไม่" ม่านฟ้ารีบบอก เธอไม่ได้อยากไปจากคุณไอซ์ของเธอ ยอมอยู่ให้ฝ่ายนั้นดุเอายังดีกว่าต้องไปอยู่กับคนอื่น แม้ว่าคนอื่นคนนั้นจะเป็นคุณหมอใจดีก็ตาม

ในตอนนั้นเองเสียงเครื่องมือสื่อสารของม่านฟ้าก็ดังขึ้น เมื่อเจ้าตัวหยิบขึ้นมาจึงเห็นว่าเป็นเบอร์ของคนที่กำลังพูดถึง อันที่จริงแทบไม่ต้องดูก็รู้ เพราะคนที่จะโทรหาหรือ Line กับเธอในช่วงนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะกดรับ มันคงหมดเวลาอิดออดอีกแล้ว

"เมื่อไรจะกลับคะ" เสียงหวานจากปลายสายถามขึ้นในทันที ไม่ได้มีวี่แววของความหงุดหงิด มีเพียงความเป็นห่วงในน้ำเสียง นั่นทำให้ม่านฟ้ารู้สึกว่าน้ำตากำลังจะไหลอีกครั้ง และทำให้เธอตัดสินใจได้ในทันที

"ค่ะ กำลังจะกลับแล้วค่ะ"

"งั้นไอซ์ไปเลยนะ"

"ค่ะ" ม่านฟ้าตอบรับ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เมื่อกล้าทำก็ต้องกล้ารับ

"เป็นอะไรรึเปล่าคะ ดูเสียงไม่ค่อยดีเลย" ไอรดาถามอย่างเป็นห่วง

"ไม่เป็นอะไร...มากค่ะ" ม่านฟ้าตอบแผ่วๆ ไม่มีประโยชน์ที่จะหลบเลี่ยง จะอย่างไรไอรดาก็ต้องเห็นอยู่ดี เธอได้ยินเสียงปลายสายถอนใจก่อนจะวางสายไป

ม่านฟ้าไม่รู้เลยว่าทางนั้นกำลังคิดอะไร ใจเธอนั้นกลัวแสนกลัวว่าไอรดาจะโมโหและผิดหวังในตัวเธอ หญิงสาวพยายามปลุกปลอบใจตัวเองให้ลุกขึ้น

"ไปกันเถอะค่ะ ว่าแต่น้องเมมาอยู่คนเดียวอีกแล้วนะคะ" ม่านฟ้าชวน ยังไม่วายหันมาดุรุ่นน้อง เมธาวีเองก็ลุกขึ้นไปเก็บของตนเองอย่างง่ายๆ ตั้งใจเดินไปส่งม่านฟ้าอยู่แล้ว อย่างน้อยก็คิดว่าไอรดาไม่กล้าทำอะไรม่านฟ้าต่อหน้าเธออย่างแน่นอน ถึงจะยังไม่รู้สถานการณ์แต่ก็ป้องกันไว้ก่อน





เมื่อทั้งสองเดินลงมาที่ลานคณะต่างก็เผชิญกับสายตาของนักศึกษาหลากหลายชั้นปีที่มองมาด้วยสายตาแปลกๆ อย่างที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ มันคือสายที่มองมาด้วยความรู้สึกไม่ดีนัก ค่อนข้างไปทางรังเกียจ อาจจะมีทั้งบางคนที่ได้ฟังข่าวลือของเมธาวีและม่านฟ้ามา หรือบางคนอาจจะแค่เห็นรอยแดงบนใบหน้าของม่านฟ้า ซึ่งมันก็มากพอที่จะทำให้ตกใจได้เหมือนกัน

ยังดีที่แทบไม่ต้องยืนรอรถยุโรปสีดำคันงามก็จอดเทียบที่ฟุตบาทพัดเอาฝุ่นตลบเล็กน้อย นี่หากไม่ใช่ในเขตมหาวิทยาลัยคิดว่าคนขับคงเหยียบมาเร็วกว่านี้มาก และทันทีที่จอดสนิทเจ้าของรถก็กระชากประตูออกมาเดินตรงมายังร่างของสองสาว คิ้วงามของไอรดาขมวดลงดวงตาคมคู่งามหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อจ้องมองมายังใบหน้าของม่านฟ้าก่อนที่จะลุกวาวขึ้นอย่างโกรธเคือง ผิวขาวราวกับน้ำนมนั้นพลันขึ้นสีเข้มในทันที

ตั้งแต่ที่โทรไปถามแล้วม่านฟ้าตอบเธอว่า 'ไม่เป็นอะไรมาก' มันก็ทำให้เธอรู้แล้วว่าคงเกิดเรื่องไม่ดีกับเด็กน้อยของเธอ จึงได้วางสายแล้วรีบมาในทันที เมื่อได้มาเห็นด้วยตาตัวเองแบบนี้มันยิ่งทำให้เธอโมโหจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้จะยังไม่รู้ว่าจะไปโมโหเอากับใครก็ตาม แต่คนที่ทำร้ายม่านฟ้าของเธอแบบนี้มันต้องรับผิดชอบอย่างสาสม

"ใคร" เสียงเรียบเย็นของไอรดาดังขึ้น มือเรียวกำแน่นและเริ่มสั่นน้อยๆ เธอมองไปทั่วบริเวณหาผู้ต้องสงสัย

"ฉัน ถาม ว่า ใคร ทำ" ไอรดาจ้องมายังม่านฟ้าที่ก้มหน้าหลบ เธอจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาทางอีกคนแทน

"เม เกิดอะไรขึ้นกับน้อง ทำไมไม่ดูน้อง" ไอรดาเอ่ยถามเสียงเย็น

"ใจเย็นน่า ไปคุยกันที่อื่นเถอะ เธอนี่จะสร้างความเดือดร้อนไปถึงไหน มาทำตัวแบบนี้ตรงนี้คนที่ได้รับผลเสียคือม่านฟ้านะ" เมธาวีบอก

ไอรดาถอนใจแล้วหลับตาลงพยายามผ่อนอารมณ์ลง ก็จริงอย่างที่เมธาวีบอก ถ้าเธอทำอะไรมากกว่านี้มันจะทำให้ม่านฟ้าถูกมอง

"แล้วจะมาบ่นอะไรฉันล่ะ ฉันไม่ได้อยู่ด้วยนะตอนนั้นน่ะ ฉันช่วยดูให้ได้แต่ไม่ใช่ตลอดเวลา ถามม่านฟ้าเอาเองเถอะ" เมธาวีเดินเข้าไปใกล้แล้วพูดให้ได้ยินกันเพียงสองคนก่อนจะเดินผ่านออกไปยังรถของตน
"กลับกันเถอะ" ไอรดาบอกเสียงเบาลง ก่อนจะเดินนำไปที่รถ ม่านฟ้าเดินตามมานั่งอย่างเงียบๆ




"เอาล่ะ...เกิดอะไรขึ้น" ไอรดาถามขึ้นเมื่อปิดประตูห้องลง เธอหันมาเผชิญหน้ากับม่านฟ้า

"ขอโทษค่ะ...ฟ้าขอโทษ..." ม่านฟ้าตอบเสียงแผ่ว รู้สึกผิดที่ทำตัวเป็นอันธพาล เป็นเด็กไม่ดีตีกับคนอื่นจนเป็นเรื่องเป็นราว มันคงทำให้ไอรดาผิดหวังในตัวเธอแม้ว่าจะไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นหวังอะไรกับเธอหรือไม่ แต่คงไม่มีใครชอบใจที่เด็กในปกครองของตนไปก่อเรื่องตีกับคนอื่น

ม่านฟ้ารู้สึกว่าหากพูดออกไปตัวเองจะดูเป็นเด็กก้าวร้าวในสายตาของไอรดา ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะทำให้ไอรดาเดือดร้อนอะไรหรือไม่ แม้ว่าจะเจ็บทั้งสองฝ่ายแต่ก็ยังคงเป็นความจริงที่เธอลงมือก่อน

"ตอบให้ตรงคำถามสิ" เสียงเย็นๆ ถามขึ้นมา

"ฟ้าตีกับเพื่อนค่ะ..." ม่านฟ้าตอบได้เพียงเท่านั้นก็รู้สึกราวกับขากรรไกรค้าง ไม่สามารถเอ่ยคำใดออกมาได้อีก

"กับใคร เล่ามาสิ"

"ฟ้าขอโทษ...ฟ้าเป็นคนเริ่มก่อน..." ม่านฟ้าค่อยๆ พูดหลังจากอยู่ในสภาวะสมองตาย

"แล้วมันยังไงล่ะ" ไอรดาถาม มองเข้าไปในดวงตาที่กำลังสั่นไหวหวาดกลัวของม่านฟ้า เธอไม่ได้อยากรู้ว่าใครเริ่มก่อน เธอแค่อยากรู้ว่าใครทำร้ายม่านฟ้าของเธอ และทำอะไรบ้าง

ม่านฟ้ายังคงนิ่งเงียบไม่อาจพูดอะไรออกมา รู้สึกได้ชัดเจนว่าไอรดาโมโหมากขึ้นเรื่อยๆ

"จะไม่พูดใช่ไหม" ไอรดาถามขึ้นเสียงดุ

ม่านฟ้าอยากจะตอบอะไรสักอย่าง แต่คล้ายเธอจะอ้าปากไม่ออก ยิ่งเห็นแววตาที่ทั้งโกรธเกรี้ยวทั้งผิดหวังของไอรดาเธอยิ่งรู้สึกพูดอะไรไม่ออก

หลังจากจ้องตากันกว่าอึดใจไอรดาก็ร้องเฮอะแล้วเดินเข้าห้องนอนไป ปล่อยให้ม่านฟ้าได้แต่ยืนเคว้งอยู่ที่เดิม

เมื่ออีกคนลับตาไปแล้วน้ำตาของม่านฟ้าก็ไหลออกมาอีกครั้ง เธอเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟานั่งขดกอดตัวเองอยู่บนนั้นสะอื้นจนตัวโยน

เธอโดนโกรธแล้วจริงๆ สินะ จะโทษใครได้ ในเมื่อเธอทำตัวไม่ดีเอง...

แม้จะรู้ตัวว่าจะต้องพบกับอะไร แต่พออีกฝ่ายโมโหใส่ขึ้นมาจริงๆ มันกลับทำให้เธอเสียใจและเจ็บปวดกว่าที่คิด เจ็บราวกับหัวใจกำลังถูกบีบ เธอคิดไม่ออกและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้อีกคนหายโกรธเธอ แล้วถ้าไอรดาไม่หายโกรธล่ะ...เธอจะทำอย่างไร...แค่คิดเธอก็ทนไม่ได้แล้ว...

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มีความสุขในการอ่านนะคะ ^_^
สุขสันต์วันหยุดยาวค่ะ

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น